( ต่อ )
“ เห้ย เธอ!! O_o ”
“ ว่าไงคะ? คุณปูน ^^ ”
“ บอสอยู่ไหน? "
“ ทานโจ๊กมั้ยคะ? คุณไม่ได้ทานอะไรมาตั้ง 3 วันคงจะหิวน่าดู มาฉันป้อน ”
“ ผมถามว่า บอส อยู่ ที่ ไหน ! ”
ประโยคที่ควรจะเป็นแค่ประโยคคำถามธรรมดา แต่พอมันถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังบวกกับใบหน้าที่แสนหงุดหงิดและดวงตาไม่ล้อเล่น มันเลยกลายเป็นประโยคคำสั่ง(ให้ตอบ)ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ ผมอยู่นี่ ”
พูดพลางเดินมายืนข้างเตียงฝั่งตรงข้ามน้องสาวที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนหลังโดนพิษคุณชายปูนเล่นงานไป ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ ก็ใครจะไปคิดล่ะ ว่าคนที่นอนเป็นผักต้มเปื่อยมา 3 วัน จะมาฟื้นตอนผมไปเข้าห้องน้ำน่ะ
ถึงจะรู้สึกดีที่เขาเลิกสับสนระหว่างผมกับบรีสจนแทบจะเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ แต่ก็ขอปั้นหน้างอนต่ออีกหน่อยเหอะ
" บอส โอ้ย "
คนนอนป่วยลืมตัวลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงทันทีที่เห็นหน้าผม แต่ด้วยบาดแผลที่ยังไม่หายดี ทำเอาคนตัวใหญ่นอนล้มตึงลงไปอีกครั้ง ปากก็ร้องโอดครวญพลางมองผมหวังจะเรียกคะแนนสงสาร
" ทำเป็นอวดเก่ง เกือบได้ตายรอบ 2 แล้วมั้ยละ " พูดไปส่ายหน้าไปอย่างเอือมระอา
" ห่วงกูหรอ? "
สายตาดุของผมไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสลดเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหล่อนั้นซะมากกว่า
" กูไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก จนกว่าจะได้ยินคำว่ารักจากปากมึง "
เฮือก !
ผมมองคนป่วยอย่างเอาเรื่อง มาพูดอะไรตอนนี้ น้องสาวผมยืนหัวโด่อยู่เห็นบ้างมั้ย
" ถ้าขืนยังพูดมากอีก ระวังจะโดนผมกระทืบซ้ำเอาให้พูดไม่ออกเลย คอยดู "
" ใจร้ายชะมัด นี่ถ้ารู้ว่าได้แล้วจะโหดขนาดนี้ คืนนั้นน่าจะ.. "
" คุณปูน!!! "
ผมตะโกนลั่นพร้อมกับเอามืออุดปากไอ้คนไม่มียางบนหน้าทันที ได้ยินเสียงคิกๆ หลุดรอดมา ทำเอาใบหน้าผมร้อนผ่าวไปด้วยความเขินปนโมโห ไม่กล้าเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่ยืนฝั่งตรงข้ามเลยจริงๆ
น้องผมยังไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์นะเห้ยยยย !
แอ๊ด~~~ ( ซาวน์ประตูเปิด )
" พี่บอสทำอะไรน่ะ อ้าว พี่ปูนนน นน น น "
เสียงใสของผู้หญิงในชุดนักเรียนดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้ง รีบปล่อยมือแล้วหันไปมองคนมาใหม่ที่กำลังจะเข้ามา เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ปัณณ์ณิชจะวิ่งถึงตัวพี่ชาย ผมก็โดนไอ้คนขี้โกงฉวยโอกาสขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่เข้าให้ จนต้องหันกลับไปมองตาเขียวปั๊ด
" คุณปูน!!!!! "
คนถูกเรียกชื่อไม่สนใจผมเพียงแค่หัวเราะอย่างผู้มีชัย พลางกอดคนตัวเล็กที่ตอนนี้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงคนป่วย
" ปันดีใจจังเลยที่พี่ปูนฟื้น ว่าแต่ฟื้นนานแล้วหรอ? "
เด็กสาวละกอดจากพี่ชายแล้วถามอย่างตื่นเต้น เห็นสองพี่น้องมองตากันด้วยความห่วงใย ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะเดินไปยืนข้างน้องสาวตัวเองพลางโอบเอวบางนั้นไว้
“ ก่อนปันมาแปปเดียว แล้วมาได้ไง อย่าบอกนะว่าโดดเรียน ”
“ ใครว่า ปันแวะมารับบรีสเหอะ ”
คนตัวใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองหน้าน้องสาวแทนคำถาม
" พี่บอสไม่อยากให้บรีสเรียนช้ากว่าคนอื่น ปันเลยเสนอให้บรีสมาเรียนห้องเดียวกับปัน คุณพิทรู้เข้าเลยช่วยจัดการคุยกับทางโรงเรียนให้ ”
คุณปูนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะออกปากไล่น้องสาวที่เริ่มเลื้อยลงไปนอนหนุนตักตัวเองแล้ว
“ พี่ว่าไปเรียนกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็สายหรอก ”
“ ทำมาเป็นไล่ อยากจะอยู่สวีทกับพี่บอสสองต่อสองก็บอกมาเหอะ ใช่ซี่ เดี๋ยวนี้น้องนุ่งมันไม่สำคัญแล้วนี่ ”
ปัณณ์ณิชลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองหน้าผมสลับกับพี่ชายพลางทำปากยื่นปากยาวอย่างคนน้อยใจ เห้ย เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะ
“ รู้แล้วยังจะอยู่อีก ฮ่าๆ ”
อ้าวเห้ย! ไอ้คุณปูนพูดงี้หมายความว่าไง ใครอยากจะสวีทด้วยไม่ทราบ
“ โอเคๆ ไปก็ได้ ไว้ตอนเย็นจะมาหาใหม่ บรีสงั้นเราไปกันเถอะ ”
“ เห้อ เกิดเป็นผู้หญิงหาที่ยืนลำบากจริงๆ ”
ห๊ะ? เมื่อกี้น้องผมว่าไงนะ
“ คุณปูนฝากดูแลพี่บอสด้วยนะคะ ทำอะไรก็เบาเสียงหน่อย ที่นี่โรงพยาบาล ”
ไม่เคยคิดเคยฝันว่าคำพูดร้ายกาจพวกนั้นจะออกมาจากปากตัวเล็ก เป็นเพราะผมไม่เจอน้องนานเกินไป หรือเพราะน้องมาสนิทกับปันกันแน่
" บ..บรีสรู้ ? " น้องสาวผมพยักหน้ายิ้มๆ " ใครบอก ปัน? หรือโทนี่? "
" โธ่พี่บอส! เรื่องของพี่กับคุณปูน เด็ก 3 ขวบยังดูรู้เลย จริงมั้ยปัน "
“ ใช่ๆ ใครไม่รู้ก็โง่แล้ว ” ปัณณ์ณิชหนุนเต็มที่ มีแค่ผมที่อยากคัดค้าน
“ แต่.. ”
“ ยังจะแต่อีก อย่านึกว่าบรีสไม่เห็นนะที่พี่แอบลักหลับคุณปูนเมื่อวานน่ะ ”
“ บรีส/บอส ”
ผมเรียกชื่อน้องสาวให้หยุดพูดจาทำให้ผมอับอายสักที ถึงมันจะเป็นความจริงทุกคำก็เถอะ แต่ก็รับตัวเองไม่ได้ ในขณะเดียวกันเสียงอดีตเจ้าหนี้ก็เรียกชื่อผมพร้อมกับรอยยิ้มกวนเบื้องล่างอีกแล้ว สายตาที่ส่งมาหวานหยดย้อย คงคิดอะไรอกุศลอยู่แน่ๆ
“ บอสทำจริงๆ หรอ? ”
นั่นไง!
ดวงตาคมลุกวาวรอลุ้นประโยคเด็ดจากผม แต่ผมไม่ตอบพลางเบือนหน้าหนี คนอยากรู้อยากเห็นเลยหันไปขอความช่วยเหลือ
จากน้องสาวผมแทน ซึ่งหล่อนก็ไม่ปฏิเสธคำขอนั้น
“ จริงค่ะ บรีสเห็นพี่บอส.. ”
“ พอเลยๆ หยุดไร้สาระแล้วไปเรียนกันได้แล้ว ลุงเพิ่มรอนานแล้วนะคะ ”
“ โห พี่บอสอ่ะ! ” ยวิษฐากระทืบเท้านิดๆ เมื่อถูกขัดใจ ก่อนที่ทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้องกันไป แต่ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง เสียงใสๆ สองเสียงก็ดังลอดเข้ามา
“ พี่บอสอย่าใช้งานคุณปูนหนักนะเขายังไม่หายดี ”
“ แต่ปันว่าจัดหนักไปเลยก็ได้ ปันอยากอุ้มหลาน ”
“ เห้ย!!! ”
ปัง
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดแย้งใดๆ คู่หูดูโอ้ก็พากันวิ่งออกนอกห้องไปแล้ว จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ เด็กพวกนี้ ให้ตายเหอะ พูดจา
แต่ละคำแก่แดดเกินอายุจริงๆ
“ คิกๆๆๆ ”
“ ขำอะไรไม่ทราบ ” ผมพาลใส่คนป่วยที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่เพราะไม่รู้จะเอาความอายไปลงที่ใคร
“ มานี่สิ ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบกระดิกหางวิ่งไปหาแล้ว แต่ตอนนี้ความเขินชนะทุกอย่าง แข้งขาทั้งสองข้างนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเหมือนคน
เป็นอัมพาตกระทันหัน
“ จะมาเองดีๆ หรือจะให้ไปอุ้ม ” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่ทรงพลัง ทำให้ผมยอมเดินตรงไปหาอย่างหงุดหงิด
“ ยังจะปากดีอีก พยุงตัวเองให้รอดก่อนมั้ยแล้วค่อยคิดมาอุ้มคนอื่น ”
ผมกระแทกเสียงพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเตียงคนป่วยที่ดูแกล้งป่วยซะมากกว่า ก็ดูซิสภาพภายนอกคล้ายมัมมี่ขนาดนั้น แต่การกระทำทุกอย่างช่างสวนทาง คนเจ็บที่ไหนจะปรับเตียงเองแถมลุกมานั่งเองได้ล่ะ
“ ไหนขอดูหน้าชัดๆ สิ ไม่เจอหน้าตั้งนาน คิดถึงจะแย่ ”
“ ถอยไปเลยคุณปูน อย่ามาเว่อร์ ” พูดพร้อมกับผลักอกคนสำออยที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชิดกันอยู่รอมร่อ คน
ถูกผลักหัวเราะชอบใจแต่ก็ยอมกลับไปนั่งตามปกติแต่โดยดี
“ เว่อร์ที่ไหน ผัวไม่เห็นหน้าเมียมาตั้งเกือบ 2 อาทิตย์ก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา หรือมึงไม่คิดถึงกู หื้ม? ”
“ พูดมาก ผมไปบอกหมอดีกว่าว่าคุณฟื้นแล้ว ”
“ บอส ”
สองมือแกร่งดึงตัวผมไปไว้ในอ้อมกอดแล้วใช้คางเกยไหล่ผมพลางกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูด้วยเสียงสั่นเครือ
“ อย่าทิ้งกูไปอีกได้มั้ย ”
“ … ”
“ สัญญาสิ ”
ผมผละตัวออกจากอกกว้างเบาๆ จ้องนัยน์ตาคู่นั้นที่เริ่มแดงและมีน้ำใสๆ เอ่อล้น พลางจับใบหน้าขาวให้มองเข้ามาที่ดวงตาของ
ผม ก่อนจะพูดความในใจทั้งหมดออกมา
“ ผมยอมรับนะว่าตอนแรกอยากจะหนีจากคุณไปจริงๆ เพราะทั้งโกรธและทั้งกลัว ถึงคุณจะบอกว่ารักผมมากแค่ไหน แต่ความเจ็บ
ปวดในอดีตมันก็ยังคอยหลอกหลอน จนไม่กล้าที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาได้อีก ”
มือใหญ่จับมือผมลงมากอบกุมไว้ที่หน้าตัก ส่งแรงบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ผมสูดลมให้เข้าเต็มปอดแล้วพูดต่อ
“ แต่พอเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมก็รับรู้ได้ว่าผมคิดผิด ในเมื่อเราไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แล้วเราจะเอาอดีตมาตัดสินอนาคต
อีกทำไม สู้เราทำปัจจุบันให้มันดีที่สุดไม่ดีกว่าหรอ ”
“ บอส ”
“ คุณปูน ผมไม่รู้ว่าเราจะมีกันและกันไปนานแค่ไหน ผมรู้แค่วันนี้ผมจะไม่จากคุณไปไหน ตราบเท่าที่คุณยังไม่ปล่อยมือผม ผมร.. ”
แอ๊ดดดดด
“ อ้าว คุณปุณณัตต์ฟื้นแล้วหรอครับ ”
เจ้าของชื่อมองคนมาใหม่ไม่ละสายตา ผมลุกขึ้นมายืนข้างเตียงโดยที่มือข้างหนึ่งยังถูกคนตัวใหญ่จับไว้ โดยไม่ได้สนใจพยาบาลสาวแสนสวยที่กำลังวัดความดันแม้แต่น้อย
“ ฟื้นได้สักพักแล้วครับพี่หมอ ” ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นตอบ นายแพทย์หนุ่มก้มมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว
ทำให้ตอนนี้ดวงตาของเราสบกันพอดิบพอดี
“ แล้วทำไมบอสไม่ไปตามพี่ล่ะ หื้ม? ” คนตัวสูงเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ พลางส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู สายตาคู่นั้นที่มองมายังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ คือว่า.. ”
“ อะแฮ่มๆ ”
คนถูกลืมส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ จนหมอหนุ่มรูปงามต้องหันไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“ ผมชื่อปรีดิ์นะครับ เป็นหมอเจ้าของไข้ของคุณ อวัยวะภายในไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจนน่าห่วงนะครับ มีแต่รอยช้ำภายนอกที่ต้องใช้เวลาในการรักษา แต่ไม่นานครับ ผมรับรองว่าคุณปุณณัตต์จะกลับมาหล่อเหมือนเดิม ”
พี่หมอส่งยิ้มหวานให้คุณปูนตามสไตล์ แต่ไอ้คนบนเตียงทำหน้าบูดเหมือนได้กลิ่นหนูตายยังไงยังงั้น
“ ผมอยากกลับบ้าน ”
“ แต่หมอว่าอยู่ดูอาการอีกหน่อยดีกว่านะครับ ”
“ นั่นสิ คุณหลับไปตั้งหลายวัน น่าจะเช็คให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลับ เรื่องที่บ้านน้าอุ่นคนเดียวจัดการได้สบาย ส่วนเรื่องงานคุณพิทก็ทำแทนคุณได้หายห่วง ”
อดีตเจ้าหนี้ที่เตรียมจะแย้งต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงลำคอทันทีที่โดนผมสวนประโยคขึ้นแบบไร้ข้อโต้แย้ง
“ อุณหภูมิและความดันของคนไข้ปกติค่ะ คุณหมอ ” พยาบาลสาวเดินมายืนข้างพี่หมอพร้อมรายงานผล พี่หมอเพียงแค่มอง
ชาร์จที่เจ้าหล่อนยื่นให้แล้วพยักหน้าเป็นการรับรู้
“ คุณปุณณัตต์ยังปวดแผลอยู่รึเปล่าครับ ” คนป่วยส่ายหน้า พี่หมอจึงส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะพูดต่อ “ โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อน มีอะไรแจ้งพยาบาลได้ทันทีนะครับ บอสพี่ไปก่อนนะ ไว้พี่เลิกงานแล้วจะมาหา ”
ผมไม่ตอบโต้เพียงแค่ส่งยิ้มแห้งๆ ให้แทน
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ผมรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิโดยรอบลดต่ำจนเกือบติดลบ เหตุผลน่ะหรอ ก็คนที่บีบมือผมจนกระดูกจะหักพร้อมส่งสายตาจะกินเลือดกินเนื้ออยู่นี่ยังไง
“ มันเป็นใคร ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมต้องมาหาด้วย! ”
“ ครับ? มันไหนหรอครับ ” ผมแกล้งตีมึนยั่วอารมณ์คนป่วยซะหน่อย แล้วก็ได้ผล ดวงตาคมนั่นวาวโรจน์ด้วยบรรดาลโทสะ ถ้าเป็นแรกๆ ที่เจอกันเขาต้องลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมเป็นแน่
“ ก็ไอ้หมอหน้าจืดเมื่อกี้ไง ”
“ อ่อ พี่หมอปรีดิ์นี่เอง แต่ผมว่าหน้าเขาไม่จืดนะ ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ ”
“ บอส! ” คนตัวใหญ่กระชากร่างผมให้ลงไปนอนที่เตียงแทนพร้อมกับพลิกขึ้นมาคร่อมผมไว้
เอ่อ ผมว่าสถานการณ์ตอนนี้ผมชักจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ
“ ถ้าไม่ให้กูกลับบ้านก็ให้กูย้ายไปโรงพยาบาลอื่น กูเกลียดหน้ามัน เข้าใจมั้ย ”
น้ำเสียงและท่าทางจริงจังทำให้ผมไม่คิดจะแกล้งเขาอีก เลยบอกเหตุผลแทน
“ เข้าใจครับ แต่พี่หมอปรีดิ์เป็นหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาล ผมรับประกันได้ว่าร่างกายคุณปูนจะไม่มีรอยแผลเป็นซักแผล ”
“ ถ้ากูต้องเห็นหน้ามันอีก กูยอมเป็นแผลเป็นซะดีกว่า ”
“ ต..แต่ ”
“ ทำไม รึมึงอยากอยู่เจอหน้ามัน ”
“ ไม่ใช่แบบนั้นนะคุณปูน ผมแค่...เป็นห่วงคุณ ผมอยากให้คุณออกจากโรงพยาบาลตอนที่แข็งแรงแล้วจริงๆ เพราะถ้าคุณเป็นอะไรไป ทั้งน้องปัน ทั้งผม เราจะอยู่กันยังไงครับ ”
“ อยากให้กูแข็งแรงจริงๆ หรอ? ”
“ ครับ ”
“ งั้นก็.. ”
ความโมโหเมื่อกี้ถูกแทนที่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ นี่ผมกับเขาคิดเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย แต่ผมว่าเริ่มไม่ใช่แล้วนะ ในเมื่อริมฝีปากสีเชอร์รี่เริ่มดูดดึงที่ซอกคอผมแล้ว
“ ค..คุณปูน จะทำอะไรครับ ที่นี่โรงพยาบาลนะ ”
“ แต่ตอนนี้เราอยู่บนเตียง ”
เออใช่ เห้ย ไม่ใช่ ! นี่มันเตียงในห้องพักคนป่วยไม่ใช่ห้องนอน เกือบทำผมเคลิ้มตามแล้วมั้ยล่ะ
“ คุณยังไม่หายดีนะ ผมว่า.. ”
คนตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นฟัง พร้อมส่งสายออดอ้อนเต็มที่
“ แต่กูไม่ไหวแล้ว คิดถึงมึง ”
“ … ”
ผมชั่งใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะโน้มคออดีตเจ้าหนี้ลงแล้วกระซิบเบาๆ
“ งั้นขอไปล็อคประตูก่อนนะครับ ”
คุณปูนฟื้นตัวเร็วมาก ในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ด้วยอำนาจ(เงิน)ของปุณณัตต์ทำให้พี่หมอปรีดิ์ถูกสั่งย้ายกะทันหัน เหตุผลไม่ใช่เพียงแค่อดีตเจ้าหนี้ไม่ถูกชะตา แต่เพราะเขามารู้จากปากผมว่าพี่หมอคือแฟนเก่าที่ผมเคยพูดถึง ครั้งเมื่อตอนไปทวงเงินที่บ้านคุณกิตติ ตอนแรกที่รู้ก็เล่นงอนผมทั้งวัน จนต้องหาสารพัดวิธีมาง้อกว่าใจอ่อนเล่นเอาผมเกือบหมดแรง
รู้นะว่าคิดอะไรอยู่
เรื่องจริงมันก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ >//<
ห้องนอนของผมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกน้องสาวยึดโดยปริยาย ก็ผมไม่อยากจะรบกวนโทนี่แล้วนี่หน่าแค่ที่ผ่านมาดูแลให้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว จะว่าไปผมยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการเลยนะ หลังจากวันที่เขาพาคุณปูนมาส่งที่โรงพยาบาล ผมก็ยังไม่ได้เจอเขาอีกเลย เรื่องความเป็นมาของทั้งสองคนผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ เพราะคำตอบเดียวที่น้องสาวบอกผมก็คือ
‘ บังเอิญน่ะพี่บอส ไม่มีอะไรหรอก ’ เวลาพูดถึงโทนี่ แววตาของเธอมักจะเศร้าสลดจนผมไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ เลยปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไป ไว้รอน้องพร้อมเมื่อไหร่น้องคงจะเล่าให้ผมฟังเองโดยที่ผมไม่ต้องถาม
“ บอส ไปเก็บข้าวของแล้วย้ายมาอยู่ห้องนี้ ”
“ แต่.. ”
“ อย่าดื้อ บรีสโตเป็นสาวแล้วนะ จะให้อยู่ห้องเดียวกับพี่ชายได้ยังไง ”
เหมือนจะฟังดูมีเหตุผล แต่สายตาที่ส่งมาไม่เก็บอาการแอบแฝงเลยนะครับคุณชาย
“ อีกอย่างเป็นผัวเป็นเมียกันก็ต้องนอนห้องเดียวกันซิ กูนอนกอดมึงอยู่ทุกคืน ถ้าคืนไหนไม่ได้กอดคงนอนไม่หลับแน่ๆ ”
พูดอย่างเดียวไม่พอมีการกอดผมจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยไหล่ผมอีก อ้อนจริงนะ
“ ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ ”
“ ไม่รับปาก ”
“ ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลย ”
“ ว่ามาซิ ถ้าทำได้จะทำให้ ”
ผมหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอดีตเจ้าหนี้แล้วยิ้มให้เขาเบาๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ใจปรารถนา
“ ผมอยากกลับไปเรียน ”
“ ไม่! ”
“ คุณปูน ผมขอไปเรียนมหาวิทยาลัยเอง ไม่ใช่ไปเรียนเมืองนอกซักหน่อย นะครับนะ ”
ผมโผเข้ากอดพร้อมเอาหน้าถูไถไปมาบนอกกว้างเหมือนลูกแมวไม่ใจอ่อนก็ให้รู้ไปสิ
“ โอเคๆ แต่รู้ใช่มั้ยว่าห้ามไปเรียนต่างจังหวัด ”
“ ทราบครับ คุณปูนน่ารักที่สุดเลย ” ผมยิ้มหวานให้เขาสุดชีวิตก่อนที่จะกระโดดหอมแก้มคนตัวใหญ่
“ งั้นก็ไปอ่านหนังสือซะ อาทิตย์หน้าจะสอบแล้ว กูจะบอกคุณพิทให้ไปจัดการเรื่องที่โรงเรียน ให้มึงได้เข้าสอบกับเด็กเกรด 12
ส่วนเรื่องผลสอบกูไม่รับรู้ด้วยนะ ”
“ ไม่ต้องห่วงครับคุณปูน ผมสอบผ่านแน่นอน ”
“ งั้นคืนนี้กูคงต้องลองวิชามึงหน่อย ว่าจะเก่งอย่างปากว่ารึเปล่า ”
“ ไม่ต้องรอถึงกลางคืนหรอกครับ จะทำให้ดูตอนนี้เลยกูได้ ”
คนฟังยิ้มอย่างพอใจ ยิ่งได้ยินประโยคหลังของผมเข้าไปรอยยิ้มนั้นก็กว้างขึ้นจนเกือบจะฉีกถึงหูเลย
“ แต่ครั้งนี้คุณอยู่เฉยๆ นะ ผมขอทำเอง ”
---------------------------------------------------------------------
TBCกราบสวัสดีและขอประทานอภัยมิตรรักแฟนคลับทุกท่าน
ช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากว่าผู้แต่งมีสภาพจิตใจย่ำแย่จนถึงขั้นเครียดจัดและแต่งนิยายแทบจะไม่ได้เลย ครึ่งหลังเลยออกมาล่าช้าอย่างที่เห็น
แต่ยังไงต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ยังคอยติดตามมาถามไถ่และตามทวงนิยาย ผู้แต่งเลยมีกำลังใจฮึดสู้แต่งต่ออีกครั้ง
เหลืออีกแค่ 3 ตอน (ถ้าเป็นไปตามแพลน) เรื่องนี้ก็จะร่ำลากันแล้ว ไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะ
ผู้แต่งจะอัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องดาร์กๆ อารมณ์หน่วงๆ อะไรอีก

รักคนอ่านมากๆ