Special Moment part 0 : One night in winterย่างเข้าเดือนธันวาคมความเหน็บหนาวอย่างร้ายกาจก็เริ่มคืบคลานเข้ามา อุณหภูมิซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ใบไม้ที่กลายเป็นสีน้ำตาลแก่ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงปลิดขั้วแห้งกรอบปลิวลงสู่พื้นดินแห้งผากและเย็นเยียบ ทิ้งลำต้นสูงใหญ่เหลือแต่กิ่งร้างยืนเดียวดายสู้ลมหนาวเพียงลำพัง
ภายในห้องหนึ่งของหอพักประจำมหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองน้ำหอม เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านตำราเล่มหนาหนัก ทุกบรรทัดเต็มไปด้วยรอยขีดเน้นและโน้ตอธิบายยึกยือที่ลากออกมาจากตรงนั้นตรงนี้ นั่นยังไม่รวมถึงกระดาษโพสอิทที่คั่นไว้ตามหน้าต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจ
ทั้งที่อากาศภายนอกหนาวจนแทบติดลบ แต่มือของคนผมน้ำตาลในสเวตเตอร์สีกรมท่ากลับชื้นเหงื่อด้วยความเครียดสะสมจนปากกาลื่นหลุดจากมือกลิ้งลงไปอยู่ใต้โต๊ะ เขาสบถออกมาเบาๆ อย่างหัวเสียและก้มลงเก็บ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาไล่สายตาไปตามตัวอักษรเพื่อหาจุดที่อ่านค้างไว้และค้นพบว่าแท้จริงแล้วตัวเองแทบจะไม่เข้าใจในสิ่งเปิดผ่านมาตั้งแต่ต้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ภาวัฒน์เม้มริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่นพร้อมกับปิดหนังสือเล่มหนาที่พยายามอ่านมาตั้งแต่ช่วงเย็น ในที่สุดเขาก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้ให้กับการทำความเข้าใจตัวอักษรที่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของตัวเอง หัวคิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันตรงกลาง เด็กหนุ่มซบศีรษะลงบนหน้าปกและสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองที่กำลังจะระเบิดออกมา
เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้กับการเรียนหนังสือ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกท้อแท้แต่มันคือความสิ้นหวัง รูปประโยคแสนยากนั้นซับซ้อนพอๆ กับกายวิภาคของมนุษย์ที่เคยทำให้เขาต้องรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อตอนเรียนแพทยศาสตร์ชั้นปีที่สอง
เสียงเตือนข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือ ภาวัฒน์ผงกศีรษะขึ้นช้าๆ พลางขยี้นัยน์ตาอ่อนล้าให้ลืมขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดู แต่ทันทีที่สายตาแปลข้อความสองบรรทัดแรกสู่สมอง ทำนบน้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นไว้สุดชีวิตก็ปริและแทบจะพังครืนลงง่ายๆ ด้วยว่ามันคือถ้อยคำแสดงความห่วงใยของบุพการีที่อยูคนละซีกโลก เมื่อรู้ว่าตอนนี้ภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวและหิมะคงจะตกในไม่ช้า แต่ที่สิ่งทำให้ใจเจ็บคือคำถามไถ่ถึงการเรียนและผลการสอบเก็บคะแนนครั้งแรกของปีการศึกษา
ภาวัฒน์กดปิดอีเมล เขาอ่านจนจบได้แต่ไม่อาจตอบได้ เรื่องอากาศเปลี่ยนทำร้ายเขาก็จริงแต่ไม่เลวร้ายเท่าการเรียนและการสอบวัดผลที่คะแนนต่ำอย่างไม่น่าเชื่อจนถูกศาสตราจารย์ประจำวิชาเรียกไปพบช่วงเช้าวันนี้พร้อมกับข่าวร้ายที่ว่าเขาต้องอยู่โยงในช่วงปีใหม่เพื่ออ่านหนังสือสอบซ่อมแต่เพียงผู้เดียว แล้วแบบนี้จะให้เขามีหน้าตอบไปได้อย่างไร เขาไม่อาจทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวเขาได้
“นี่เรามาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย” เด็กหนุ่มรำพึงกับตัวเองอย่างปวดร้าว “ไอ้คนไม่ได้เรื่องเอ๊ย!”
เสียงเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง ภาวัฒน์หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน อีเมลฉบับที่สองนี้มาจากคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในซีกโลกที่ใกล้กว่าแต่ก็ไกลกันคนละทวีปเขียนมาสอบถามเรื่องเดียวกัน แต่ครั้งนี้เขากลับไม่กดปิด นิ้วรัวพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อระบายสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในอก หวังให้อีกฝ่ายได้รับรู้และบรรเทาความทุกข์นี้ลงบ้าง
“ผมสอบตก อาจารย์ให้สอบซ่อมอาทิตย์หน้า”
เขากดส่งและเฝ้ารอ ถึงจะไม่ยุ่งแต่คนไม่เก่งเทคโนโลยีอย่างปาวัสม์อาจต้องใช้เวลาหลายนาทีในการพิมพ์ข้อความสั้นๆ
“เรื่องเล็กน้อยน่า ออกไปเที่ยวรอบเมืองแก้เครียดสักรอบสองรอบแล้วค่อยกลับมาอ่าน เครียดไปก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องหรอก เวลาแบบนี้ต้องรีแลกซ์ ทำหัวให้โล่งก่อน ถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามเพื่อนหรือให้อาจารย์อธิบายให้ฟัง นายทำได้อยู่แล้วน่าคนเก่ง”
ภาวัฒน์เม้มริมฝีปาก และพิมพ์ตอบคนหัวดีที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูจะง่ายดายไปเสียหมด
“เวลาแบบนี้ผมจะออกไปเที่ยวได้ยังไง นี่ผมสอบตกอยู่นะ แล้วถ้ามันง่ายขนาดนั้นผมคงไม่สอบตกหรอกครับ ที่นี่มีแต่คนเก่งๆ อาจารย์ก็อธิบายเร็ว ผมตามไม่ทันเลยสักนิด ทั้งคลาสมีผมเป็นคนไทยอยู่คนเดียว ถึงจะมีเพื่อนชาติอื่นแต่เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษกันเก่งๆ ทั้งนั้น ผมพยายามจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ”
“ไม่เอาไม่ท้อน่า ฉันรู้ว่านายทำได้ สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้นายนะ”
“ผมไม่ได้เก่งเหมือนหมอปืนนะ”
ภาวัฒน์กดส่งพร้อมกับปิดโทรศัพท์มือถือ รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดเองแล้วพาลไปลงกับปาวัสม์ แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงแผ่หราบนที่นอน สองมือยกขึ้นก่ายกุมหน้าผาก
ปาวัสม์จะรู้ไหมว่าวันนั้นที่สนามบินเขาต้องฝืนเก็บความรู้สึกมากมายไม่ให้ระเบิดออกมามากแค่ไหน สำหรับคุณหมอหนุ่มการรักใครสักคนอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่สำหรับเขามันคือเวลาทั้งชีวิต จริงอยู่ว่ามันคือ ‘รักแรกพบ’ ทว่า ‘การตัดสินใจ’ ที่จะมาพบมันไม่ได้ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีหรือวันสองวัน และเขาใช้เวลาคิดมาแล้วถึงหกปีในการไตร่ตรองและทบทวนหัวใจตัวเอง
...เพราะคิดมาดีแล้วถึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าคุณ...
...เพราะทำใจมาแล้วแม้จะได้เป็นเพียงแค่เส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ...
...เพราะ ‘รัก’ ...
...นั่นไม่ใช่เหตุผล แต่มันคือคำตอบ...
และเพราะเหตุนี้ทุกๆ อย่างทุกการกระทำจึงมีแต่เรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นที่ตั้ง จริงอยู่ที่เขาไม่ได้เอาตัวเองไปผูกไว้กับคนๆ หนึ่งจนเสียความเป็นตัวเองเพียงแต่ถ้าเขาจะมองอนาคตร่วมกัน มันไม่ใช่แค่ข้ามผ่าน ‘ความเป็นเด็ก’ ไม่ใช่แค่ต้องวิ่งตามคนที่นำหน้าอยู่สิบปีให้ทัน แต่เขาต้องดีมากพอที่จะไปยืนเคียงข้างให้ปาวัสม์ไม่ต้องรู้สึกอายใคร และกุมมือเดินเคียงกันไปบนหนทางที่ย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แต่ตอนนี้สิ่งนั้นมันยังดูห่างไกลเหลือเกิน เขาคิดอย่างท้อแท้และผล็อยหลับไปในที่สุดด้วยความเหนื่อยล้า
ถ้าเพียงแค่ได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจแม้ตัวจะอยู่ไกลสุดสายตา เขาจะสามารถยิ้มออกและมีแรงสู้ต่อไหมนะ
OOOOOO
“เรื่องเมื่อวันก่อนขอโทษนะ อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง อ่านหนังสือถึงไหนแล้ว ไม่ล่ะ... วันนี้ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องหนังสือ แต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องนาย พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนายช่วยไปที่หอไอเฟลหน่อยได้ไหม ไม่ต้องถามนะว่าทำไม เดี๋ยวจะบอกให้ฟังทีหลัง แค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้”
ภาวัฒน์อ่านทวนข้อความซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างชั่งใจ พรุ่งนี้ที่ปาวัสม์พูดถึงมันคือวันคริสต์มาสอีฟ การเข้าไปเบียดเสียดในเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศหวานๆ ของคู่รักไม่ส่งผลดีต่อหัวใจเหี่ยวๆ เลย อีกทั้งเขาควรจะต้องกลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบซ่อมที่จะมีขึ้นทันทีหลังปีใหม่ แต่อีกใจเขาก็อยากรู้เหลือเกินว่าปาวัสม์มีอะไรจะบอกหรือให้เขาทำ
และในที่สุด ‘ความคิดถึง’ ก็เป็นฝ่ายชนะ
“ได้ครับ”
OOOOOO
“ตอนนี้อยู่ที่หอไอเฟลแล้ว หมอปืนบอกผมมาได้แล้วว่ามีอะไร”
“ไม่เชื่อหรอก ถ่ายรูปตัวเองกับหอไอเฟลมายืนยันให้ดูก่อน ถ่ายเองนะห้ามให้คนอื่นถ่าย”
ภาวัฒน์ถอนหายใจกับคำสั่งเจ้ากี้เจ้าการแปลกๆ การถ่ายภาพตัวเองคู่กับหอไอเฟลในยามเย็นซึ่งตกแต่งด้วยหลอดไฟหลากสีสันจนมันดูคล้ายต้นคริสมาสต์เรืองแสงขนาดยักษ์ที่บรรดานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากมายถึงเพียงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาเดินขยับอยู่หลายมุมจนกระทั่งได้ภาพคู่กับหอไอเฟลที่แลเห็นฐานเหล็กสีเงินอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่ความหม่นเศร้าที่ฉายชัดบนใบหน้าในรูปจนไม่มีแอปพลิเคชั่นใดลบได้ทำให้เขาต้องเดินวนเวียนเพียรกดถ่ายใหม่อีกหลายรอบและเลือกรูปที่คิดว่าดีที่สุดส่งไปให้
แต่ผ่านไปหลายนาทีเสียงเตือนข้อความเข้าก็ยังไม่ดัง ภาวัฒน์กดรีเฟรซแล้วรีเฟรซอีกเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นความผิดพลาดของระบบการสื่อสาร
“อะไรของหมอปืนเนี่ย ให้รอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”
ภาวัฒน์บ่นพลางซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อโอเวอร์โคตสีน้ำตาลเข้ม ลมหนาวพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ตีเรือนผมสีน้ำตาลที่ปกติก็ไม่ค่อยจะเรียบอยู่แล้วให้ยุ่งขึ้นไปอีก พวงแก้มที่เริ่มกลับมาขาวเนียนตามพิมพ์นิยมหนุ่มเมืองเหนือเพราะไม่ต้องออกไปทำงานกรำแดดแดงเป็นริ้วเพราะถูกความเย็นกัด มือทั้งสองข้างเริ่มชา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เพียงเพื่อพบกับความบอบช้ำที่ยิ่งตอกย้ำให้หัวใจเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้รอบตัวรายล้อมไปด้วยคู่รักที่ออกมาเที่ยวชมความงามและทัศนียภาพของหอเหล็กแห่งนี้ เสียงเพลงท่วงทำนองทุ้มหวานดังมาจากร้านรวงโดยรอบยิ่งพาลให้ใจว้าเหว่
...หนาวกายไม่เท่าหนาวใจ...
“นี่เรามัวทำอะไรอยู่เนี่ย รีบกลับไปอ่านหนังสือดีกว่ามั้ง”
ภาวัฒน์รำพึงกับตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอีกครั้งและหมุนตัวกลับ ขายาวๆ กำลังจะก้าวจากไปอยู่แล้วเมื่อเสียงข้อความเข้าที่รอคอยดังขึ้น
มือหยาบรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู รูปภาพรูปหนึ่งที่ถูกแนบมาพร้อมกับอีเมลทำหัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก นัยน์ตาสีดำขลับเหลียวมองซ้ายขวาก่อนจะออกวิ่งสุดแรงกลับไปยังจุดที่เขาถ่ายภาพตัวเองเมื่อสักครู่
ภาวัฒน์เปิดภาพขึ้นดูอีกครั้ง มันคือภาพปาวัสม์ที่ถ่ายคู่กับฐานเหล็กสีเงินของหอไอเฟลที่เหมือนกันกับของเขาไม่มีผิด เด็กหนุ่มเหลียวมองรอบกายรวดเร็ว หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุดทั้งสับสนและเต็มไปด้วยความหวังแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เห็นแม้เงาของคนที่อยากพบ เขาก้มหน้าลงมองภาพนั้นอีกครั้งและเริ่มอ่านข้อความยาวเหยียดที่คุณหมอหนุ่มส่งมา
“ขอโทษที่ให้รอนานนะพลุ นายก็รู้ว่าฉันถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง ตอนนี้นายคงกำลังมองหาฉันสินะ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ผิดหวังเพราะว่าฉันยังอยู่ที่อเมริกา ที่โรงแรมปารีสบนถนนสตริปของลาสเวกัส
ฉันแค่อยากให้นายมองภาพนี้ ภาพที่คล้ายกันนี้และรับรู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่การคิดไปเองหรือหลอกตัวเองแต่ฉันอยู่ข้างนาย อาจไม่ใช่ร่างกายแต่ฉันส่งใจไปอยู่กับนายเสมอนะ ลองเงยหน้ามองฟ้าสิ เพราะฉันกำลังมองอยู่ นายเห็นดาวไหม คืนนี้ดาวสวยนะเหมือนคืนนั้นที่เราอยู่ด้วยกันที่ระเบียงบ้านเทมส์ที่เชียงใหม่ จำได้ไหมว่าตอนนั้นที่ฉันจับมือนายไว้แล้วบอกนายว่าอะไร
‘สู้ๆ นะพลุ ตราบใดที่นายยังสู้ฉันจะสู้เป็นเพื่อนนาย’
ไม่เห็นหน้านายสี่เดือนฉันรู้สึกเหมือนสี่ปี แล้วนี่ฉันยังต้องทนไปอีก 46 เดือนเลยนะ ไม่ได้มีแค่นายหรอกที่เหงา ฉันเองก็คิดถึงนายเหมือนกัน พยายามเข้านะ แต่ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็บอกมาฉันจะบินไปหา ไปปลอบนายเพราะจริงๆ แล้วฉันเองก็อยากจะไปใจแทบขาดแล้ว แต่เพราะนายน่ะแหละที่ห้ามไม่ให้ฉันไป นายเป็นแฟนคนแรกเลยนะที่ฉันยอมให้ทำตามใจและทำให้ฉันคิดถึงได้มากมายถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรีบๆ เรียนให้จบแล้วกลับมาให้ฉันกอดเร็วๆ เลยนะ
คิดถึงมากถึงมากที่สุด
ปืน”
“คุณหมอบ้า” ภาวัฒน์รำพึงกับโทรศัพท์ “เล่นอะไรแบบนี้เนี่ย แล้วยังข้อความนี้อีก โคตรน้ำเน่าเลย” ปากพูดไปแบบนั้นแต่กลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหมึกที่ประดับด้วยดวงดาราสีทองส่องประกายวับแวมสู้แสงไฟนีออนของเมืองใหญ่ มุมปากกระตุกขึ้นอมยิ้มน้อยๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เมื่อนึกถึงภาพร่างสูงในชุดโอเวอร์โคตตัวยาวสีดำเหมือนในภาพวิ่งวุ่นหามุมถ่ายรูปให้เหมือนกับเขาอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนคนขี้หนาวจะไปยืนหลบมุมกดพิมพ์ข้อความด้วยหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นแต่ก็คงไม่ได้ลดความคมเข้มของเครื่องหน้าหล่อเหลาที่เขาจำได้ติดตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกได้เลย
“ดาวสวยจังเลยครับ”
มันไม่ใช่แค่ข้อความให้กำลังใจที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอิ่มเอม แต่มันเติมเต็มด้วยความนัยของคำว่า ‘รัก’ ที่เขาเป็นคนสร้างข้อตกลงนี้ขึ้นมาในวันที่จากกันว่าห้ามพูดจนกว่าจะได้เจอกันอีกครั้งผ่านตัวอักษรที่เรียกว่า ‘แฟน’ ถ้อยคำที่เขาไม่เคยใช้กับใครมาก่อนในชีวิต และในที่สุดวันนี้มันก็ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้โดยคนที่เขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต
ภาวัฒน์หลับตา มือกำโทรศัพท์แน่นและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เนิ่นนานหลายนาทีกว่าเขาจะลืมตาขึ้นอีกครั้งและพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ขอบคุณมากครับ อีก 46 เดือนเจอกันนะครับ คิดถึงคุณหมอมากกว่าที่คุณหมอคิดถึงผม
พลุ”
ใช่แล้วพลุ... นายจะมาท้อแท้ทำไมกับเรื่องแค่นี้ ในเมื่อครั้งหนึ่งนายได้ตัดสินใจแล้วว่าจะสู้ ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด มันคงไม่มีอะไรน่ากลัวและยากลำบากไปกว่าความตายที่เคยผ่านมาได้แล้วครั้งหนึ่งหรอก และอีกสี่ปีนับจากนี้นายจะได้กลับไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา และเดินเคียงข้างไปพร้อมๆ กับเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ร่างสูงในโอเวอร์โคตตัวยาวสีดำสนิทอมยิ้มกับข้อความที่ส่งมา เขาขยับนิ้วพิมพ์กลับไปอย่างเชื่องช้าก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบปาก ปาวัสม์กดส่งเป็นครั้งสุดท้ายและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหมึกเมื่อรับรู้ถึงปุยสีขาวนวลที่ลอยละล่องอยู่รอบตัว หิมะแรกของปีในลาสเวกัสกำลังโปรยปรายลงมาราวกับของขวัญจากสรวงสวรรค์
น่าแปลกที่เหตุการณ์นี้ก็กำลังเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับอีกเมืองที่อยู่ไกลออกไป
เสียงเตือนที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนผมน้ำตาลที่กำลังอมยิ้มกับตัวเองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน มันก็แค่ประโยคสั้นๆ ที่เขียนว่า “มีอะไรจะบอก” แต่เพราะข้อความเสียงที่แนบมาทำให้รอยริ้วสีแดงจัดราวกับถูกหิมะสาดใส่พาดเต็มแก้มขาวหากอุณหภูมิใบหน้ากลับพุ่งสูงจนแทบไหม้
“สุขสันต์วันเกิดเจ้าเด็กแสบ”
“รู้ได้ยังไงเนี่ยไอ้คนแผนสูงเอ๊ย!” ภาวัฒน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับของขวัญวันเกิดที่คนต่างแดนส่งมาเซอร์ไพรส์โดยไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อกลับไปถึงหอพักเขาจะได้พบกับของขวัญจริงๆ ที่ถูกบรรจงเลือกสรรและส่งมาโดยคำนวนให้ถึงในวันนี้พอดิบพอดี
OOOOOO
เมื่อปีใหม่ผ่านไปหิมะที่เริ่มตกตั้งแต่คริสต์มาสก็ถมตัวหนาจนแม้แต่การเดินบนทางเท้าปูอิฐสีน้ำตาลแดงระหว่างอาคารเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยที่ได้รับการกวาดอยู่ตลอดยังเป็นเรื่องลำบาก แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่คลุมกายด้วยโอเวอร์โคตสีน้ำตาลเข้มกำลังออกวิ่งสุดฝีเท้าโดยไม่กลัวว่าจะลื่นล้ม ร่างโปร่งหยุดวิ่งเมื่อมาถึงห้องพัก เขารีบควานหาโทรศัพท์ที่วางลืมไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าบนโต๊ะหัวเตียง
นิ้วเรียวสไลด์ปุ่มปลดล็อคพลันภาพหน้าจอซึ่งเป็นรูปของเขาและปาวัสม์ที่ถ่ายกับหอไอเฟลถูกตัดต่อมาอยู่ในเฟรมเดียวกันปรากฏขึ้นสู่สายตา รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มริมฝีปากพร้อมกับรัวนิ้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาคนในภาพ
“ผมสอบผ่านแล้วนะ”
ครู่ใหญ่ๆ ก็มีคำตอบกลับมา
“ให้มันได้อย่างนี้สิคนเก่ง ทำให้ได้แบบนี้ไปอีก 45 เดือนเลยนะ อ้อ! เขาบอกปีนี้จะหนาวกว่าทุกปี ดูแลตัวเองดีๆ อย่าปล่อยให้มือเย็นล่ะ”
ภาวัฒน์วางโทรศัพท์และล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโคตหยิบเอาถุงมือหนังสีดำที่ข้างในบุขนแกะอย่างดีขึ้นมาสวมก่อนจะวางทาบแนบอก หลับตาลงพลางนึกถึงลายมือขยุกขยุยสไตล์นายแพทย์ที่พยายามบรรจงคัดใส่การ์ดอวยพรวันเกิดมาให้เขาว่า
คิดถึงแต่บินไปหาไม่ได้ เลยฝากสิ่งนี้มาจับมือนายไว้แทน ยิ้มหวานคลี่เต็มริมฝีปาก มือที่ว่าอุ่นแล้วยังเทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นในหัวใจ... อีกสี่สิบห้าเดือนทำไมมันนานขนาดนี้นะ
The End
*********************************************************************************************
หายไปนานเลย ยังไม่ตายนะคะแต่เกือบๆ ล่ะ555
ซุ่มทำวิทยานิพนธ์ภาคสองอยู่ค่ะ ได้ 40% แล้ว >.<
แต่ก่อนจะลงให้อ่าน ขอทำ 'เลกกี้โพล' สักเล็กน้อยนะคะ ...กรุณาตอบเค้าหน่อยน้า
อยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับอะไร ของใคร หรือคู่ไหนเป็นพิเศษไหมคะ แค่นี้แหละค่ะ
*สปอยตอนพิเศษในเล่ม มี 5 ตอน + ของแถมอีก 1เรื่อง*
ขอบคุณทุกๆ คำตอบนะค้า^^