พิมพ์หน้านี้ - ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: leGGyDan ที่ 07-12-2014 10:23:01

หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 07-12-2014 10:23:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 07-12-2014 10:26:51
Intro

มันคือ ‘รักแรกพบ’...
แววตามุ่งมั่นและหยาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าในวันที่ฝนตกหนักวันนั้น...
มันทำให้เด็กที่กำลังหลงทางในชีวิตอย่างผมนึกอยากเป็นหมอขึ้นมาจับใจ...
แม้ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘การช่วยชีวิตผู้คน’ มันมีความหมายเช่นไร...
แต่เป็นเพราะ ‘เขา’ ที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึง ‘คุณค่า’ และ ‘ความหมาย’ ของคำว่า...
...‘การมีชีวิต’...

บทที่ 1 Notice (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.0)

บทที่ 2 รู้จัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.30) 

บทที่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.60)

บทที่ 4 ความไว้ใจ(ครึ่งแรก) (http://ww.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.90)

บทที่ 4 ความไว้ใจ(ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.120)

บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.120)

บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.150)

บทที่ 6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.180)

บทที่ 6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.180)

บทที่ 7 ความทรงจำในสายฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.210)

บทที 8 เผลอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.240)

บทที่ 9 พ่อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.240)

บทที่ 10 นาที่(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.270)

บทที่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.300)

บทที่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.300)

 บทที่ 12 'เสียง' จากหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.330)

บทที่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.360)

บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.390)

บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.420)

บทที่ 15 ไม่ได้บอกรัก ขอแค่มาบอกลา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.420)

บทที่ 16 สัญญา(จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.450)

❤Special Moment Part 0 : One night in winter❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.540)

 ❤Special Moment:You are my Valentine❤  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.570)

❤Special Moment : 10 Out of 10 points คะแนนรักเต็ม10คิดเท่าไหร่?❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.600)

❤Special Moment : สงกรานต์❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44684.630)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 07-12-2014 10:35:02
 :katai2-1: มาลงชื่อรอติดตามคร่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 07-12-2014 10:39:15
บทที่ 1 Notice

ตอนเป็นเด็กมีคนถามว่า “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?”
คำตอบแรกของผมคืออุลตราแมน โตมาหน่อยก็เป็นมหาเศรษฐี... ทหาร... นักบิน... ทนายความ... คำตอบผันแปรไปเรื่อยๆ ตามวัยและความนึกคิด แต่มีอาชีพหนึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาในหัวใจสักครั้งเลย นั่นคือ ‘หมอ’ 
ผมเกลียดโรงพยาบาล เกลียดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แถมยังกลัวเลือดเป็นที่สุด... มันจึงเป็นอาชีพในฝันอย่างสุดท้ายที่ผมจะขอนึกถึง
แต่แล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมที่เคยมีความคิดแน่วแน่เช่นนั้น ในอีกหลายปีต่อมา

เส้นสีขาวนวลบนหน้าจอมอนิเตอร์วิ่งขึ้นลงกลายเป็นกราฟการเต้นของหัวใจในอัตราสม่ำเสมอ แสดงถึงสัญญาณชีวิตของร่างหนึ่งซึ่งนอนหายใจรวยรินผ่านท่อช่วยหายใจอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉิน ใบหน้าบวมฟกช้ำเต็มไปด้วยเลือดเกรอะกรังน่าสยดสยอง
แต่ตราบใดที่กราฟเส้นบางๆ นั้นยังคงวิ่งไปตามรูปทรงที่มันควรจะเป็น สำหรับบุคลากรในชุดขาวที่ยืนสังเกตอาการอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

จนกระทั่งกราฟนั้นเกิดอาการสะดุด รอยลากขึ้นลงแปรสภาพเป็นเส้นตรงในชั่วพริบตาพร้อมกับเสียงเตือนลากยาว
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

“คนไข้หัวใจหยุดเต้นค่ะคุณหมอ” พยาบาลตะโกนรายงานอาการคนไข้ที่ทรุดลงถึงขีดสุด

“ฉีดอะดรีนาลีนหนึ่งแอมป์หลังจากนั้นทุกสามนาที”

สิ้นเสียงสั่งการรักษาของคุณหมอหนุ่ม พยาบาลรีบรุดไปยังรถบรรจุอุปกรณ์ช่วยชีวิตเพื่อหายากระตุ้นหัวใจขวดที่ต้องการ
อึดใจต่อมา ห้องฉุกเฉินที่วุ่นวายอยู่แล้วก็เกิดความโกลหลขึ้นเมื่อบุคลากรในชุดขาวทั้งแพทย์ประจำบ้าน (Resident) ซึ่งเป็นแพทย์ที่เข้ามาเรียนต่อเฉพาะทาง ผู้ช่วยพยาบาล รวมไปถึงผู้ช่วยจำเป็นอย่างบรรดานักศึกษาแพทย์ปี6 (Extern) หน้ามึนๆ ดูงงๆ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกต่างกุลีกุจอพากันคว้าโน่นนี่นั่นคนละไม้คนละมือ และกรูกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
ทว่าคนที่พุ่งไปถึงเตียงคนไข้ก่อนใครๆ กลับกลายเป็นเจ้าของเสียงทุ้มที่ตะโกนสั่งการรักษา ทั้งที่จริงเขาคือคนที่อยู่ไกลมากที่สุด

เตียงคนไข้นั้นถูกออกแบบมาให้สูงระดับเอวเพื่อให้สะดวกต่อการตรวจ แต่มันกลับเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งยวดเมื่อต้องทำการช่วยชีวิตด้วยวิธีนวดหัวใจ นักเรียนแพทย์คนหนึ่งพุ่งไปหยิบบันไดอย่างรู้งาน แต่มันช้าเกินไปสำหรับคุณหมอหนุ่ม ในเวลาชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ทุกวินาทีมีค่าและจะปล่อยให้สูญเปล่าไปไม่ได้เด็ดขาด

เขาใช้มือข้างหนึ่งยันขอบเตียงและกระโดดขึ้นนั่งคุกเข่าด้านข้างคนไข้ ถ้าเป็นซีรีส์เกาหลีนี่คงเป็นฉากที่ดูเท่ชะมัดแต่ในชีวิตจริงมันสุดจะทุลักทุเล ทั้งที่ห้องฉุกเฉินเปิดแอร์จนเย็นเฉียบแต่เหงื่อกาฬเม็ดใหญ่ๆ ซึ่งเกิดจากการออกแรงกดหน้าอกบวกกับการใช้สมองประมวลผลอย่างหนัก ผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผากและไรผมของคุณหมอหนุ่ม

“พี่ปืนจะเอายังไงต่อดีครับ” แพทย์ประจำบ้านคนหนึ่งร้องถามอย่างร้อนรน จนคนที่กำลังออกแรงปั๊มอยู่อดไม่ไหวต้องตะโกนออกมา

“ทำตามที่พวกคุณเรียนมาสิ”

มันไม่ใช่การดุหรือพูดไปส่งๆ แต่เขาต้องการเตือนแพทย์ทั้งหลายให้ตั้งสติเพื่อเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้า

เสียงความวุ่นวายและรีบเร่งยังคงดังต่อเนื่องออกมาจากหลังประตูห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองกรุง ในขณะเดียวกันที่เคาน์เตอร์ด้านนอกหน้าประตูตรงจุดซักประวัติและคัดกรองผู้ป่วย ความวุ่นวายก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพยาบาลสาวจบใหม่หน้าตาน่ารักด้วยแล้ว
เธอเป็นคนเดียวที่ต้องรับมือกับคนไข้ ญาติ รวมไปถึงอะไรอื่นๆ ที่ไม่ใคร่อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่

“ผมพาคนไข้มาส่งครับ” ‘ภาวัฒน์’ เด็กหนุ่มคาดวัยไม่เกินยี่สิบปีในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มสดเท้าแขนลงบนโต๊ะบอกเสียงใส
หัวคิ้วของพยาบาลสาวขมวดมาชนกัน ...นี่ไงล่ะ! หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เธอไม่อยากต้อนรับมากที่สุด... 

“ใช่คนที่เขากำลังวุ่นวายช่วยชีวิตอยู่นั่นไหมคะ”

“ถูกต้องนะคร้าบ” เด็กหนุ่มลากเสียงล้อเลียนพิธีกรของรายการวาไรตี้ชื่อดังหวังจะให้เธอยิ้ม แต่หน้าหวานๆ นั่นก็ยังหงิกเหมือนเดิมจนเขาต้องเปลี่ยนแผน “ไม่ทราบว่าเลิกงานแล้วพี่สาวคนสวยพอจะมีเวลาว่างไปทานข้าวกับผมไหมครับ”

เปลือกตากรีดอายไลเนอร์สีดำคมคริบของชโลธรหรือมิลค์ตวัดมองคนปากกล้า จะว่าไปเด็กหนุ่มตรงหน้าก็หน้าตาดีเข้าขั้นใช้ได้ แต่ด้วยหนวดเคราหรอมแหรมบวกกับผิวสีแทนเพราะกรำแดด แถมกลิ่นบุหรี่จางๆ ที่อวลอยู่รอบตัวทำให้ดูเหมือนพวกจิ๊กโก๋ขี้เมาตกงานมากกว่า

....นี่ถ้าไม่ติดว่าใส่เครื่องแบบหน่วยกู้ชีพอยู่ล่ะก็เธอคงไล่ตะเพิดเจ้าเด็กขี้หลีคนนี้กลับบ้านไปแล้วล่ะ!...

“อย่าเลยค่ะ กว่าพี่จะเลิกงานก็สายแล้ว” คำปฏิเสธนี้เป็นจริงครึ่งหนึ่งเพราะเธอขึ้นเวรบ่ายดึกที่จะไปจบลงอีกทีแปดโมงเช้าพรุ่งนี้

นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องไปยังสมุดบันทึกการรับคนไข้เล่มหนาหนักซึ่งผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนราวกับบัญชีหนังหมาทั้งที่อายุการใช้งานจริงไม่ถึงหนึ่งปีเสียด้วยซ้ำ นิ้วเรียวไล่ไปตามบรรทัดที่เต็มไปด้วยลายมือขยุกขยุยก่อนจะหยุดลงตรงช่องว่างสุดท้ายที่ตัวเลขบอกลำดับเฉพาะในเดือนนี้ปาเข้าไปแล้ว 1024 คน
ชโลธรจัดแจงลอกสติกเกอร์ชื่อผู้ป่วยปิดทับลงในช่องว่างนั้นและกรอกรายละเอียดต่างๆ ก่อนจะเลื่อนสมุดส่งให้เด็กหนุ่ม “ช่วยเซ็นชื่อด้วยค่ะ”

มือหยาบยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ที่ปรกหน้าผากอยู่ออกจากนัยน์ตาสีดำขลับ พลางใช้ปากคาบปลอกปากกาแล้วเซ็นชื่อรวดเร็วโดยไม่อ่านรายละเอียดด้วยซ้ำ ก็จะอ่านไปทำไมให้เสียเวลาในเมื่อเขาเอาคนไข้มาส่งที่นี่ไม่ต่ำกว่าวันละสามรอบมาร่วมสามเดือนแล้ว “ถ้างั้น...”

“คุณพยาบาลช่วยตามญาติคนไข้ให้ผมหน่อยครับ”
ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์ยับย่นซึ่งโวยวายสั่งการรักษาเมื่อครู่เปิดประตูผางออกมาช่วยขัดบทสนทนาได้ชะงัด ใบหน้าหลังแว่นตากรอบเหลี่ยมที่ยุ่งกับงานอยู่แล้วแทบจะขมวดเป็นปมเมื่อเห็นว่าใครเป็นต้นเหตุ หนำซ้ำใครคนนั้นกำลังพยายามจีบพยาบาลสาวคนสวยขวัญใจห้องฉุกเฉินซะด้วย

ชโลธรเห็นช่องจึงรีบชิ่งหนีไปทำธุระให้คุณหมอหนุ่มทันที แต่ก็ไม่วายแอบสอดส่ายสายตาไปยังชายหนุ่มสองคนซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันและคงจะเริ่มเปิดศึกในอีกไม่ช้า แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจเจ้าหนุ่มกู้ชีพขี้หลีนั่นเลยสักนิดแต่เป็นคุณหมอหนุ่มคนนั้นต่างหาก

‘นายแพทย์ปาวัสม์’ หรือ ‘หมอปืน’ เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉิน เรื่องมันสมองอันปราดเปรื่องและฝีมือคงไม่ต้องพูดถึง แต่เรื่องหน้าตานี่สิ เข้าขั้นดีอย่างที่ชโลธรคาดไม่ถึงว่าคนในสายอาชีพใกล้กันจะดูดีได้ขนาดนี้ ถึงล่าสุดเขาจะเปลี่ยนมาไว้ผมรองทรงสั้นสีดำสนิทเพื่อช่วยขับให้ใบหน้าคมคายยิ่งดูน่ากริ่งเกรงจนน้องๆ และลูกศิษย์ลูกหาไม่กล้าเล่นหัวด้วย
นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนสาวคอยหวงเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอยู่แล้วล่ะก็ เธอคงจะตามจีบเขาไปแล้ว 

“นายอีกแล้วเหรอเจ้าตัวแสบ!” คุณหมอหนุ่มถามพลางใช้ปลายนิ้วชี้ดันกรอบแว่นที่เอียงไปข้างหนึ่งจากการออกแรงนวดหัวใจให้เข้าที่

“ผมชื่อภาวัฒน์ครับหมอปืน... โหย เจอหน้ากันมาตั้งนานแล้วทำไมจำไม่ได้สักทีล่ะครับ” คนผมสีน้ำตาลแกล้งทำเสียงตัดพ้อเล็กๆ

“นายภาวัฒน์” ปาวัสม์ทวนคำเพื่อจดจำชื่อนั้นไว้ในสมอง “ถามหน่อยเถอะนี่นายแอบไปแบล็คเมล์อะไรคนจัดเวรหรือเปล่า เวรมันถึงได้ตรงกับฉันทั้งเดือนแบบนี้เนี่ย”

เด็กหนุ่มยิ้มแก้มแทบปริดีใจที่ถูกเรียกชื่อจริงเป็นครั้งแรก “ทำได้ก็ดีน่ะสิครับ... เจอคุณหมอทีไรยุ่งตลอดเป็นไปได้ผมนะอยากจะแลกเวรหนี... แต่กลัวคนบางคนจะเหงาอ่ะดิที่ขึ้นเวรมาแล้วไม่เจอหน้าผม” ไม่พูดเปล่ายังทำหน้าเป็นแถมยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปใกล้ แต่แล้วก็ต้องหดหัวกลับแทบไม่ทันพร้อมกับยกมือขึ้นคลำหน้าผากป้อยด้วยความเจ็บที่ถูกแฟ้มคนไข้ฟาดเข้าที่กลางแสกหน้า “คุณหมอมันเจ็บนะครับ! ...ผมหัวแตกไปทำไงอ่ะ”

ปาวัสม์ยิ้มเย็น พลางตบมือเบาๆ ลงบนอาวุธที่ตนใช้สั่งสอนคนหน้าเป็น “ไม่ต้องห่วงฉันเย็บแผลเก่ง แล้วจะแถมเย็บปากไปด้วยเลยถ้านายยังไม่เลิกพูดมากอีกล่ะก็”

ภาวัฒน์ทำท่ารูดซิปปาก แต่ก็ไม่วายส่งสายตาล้อเลียนคนที่ยืนคิ้วขมวดเป็นโบว์อยู่ตรงหน้า

“ยังจะมาทำทะเล้น...” ปาวัสม์เปิดแฟ้มในมือ สายตากวาดเร็วๆ ไปตามหน้ากระดาษที่ถูกพลิกผ่าน ในขณะที่ปากก็บ่นไปด้วย “ถามจริงเถอะทำไมนายถึงชอบเอาเคสหนักๆ มาส่งให้ฉันอยู่เรื่อย... คนไข้ไม่ใช่สิทธิ์ที่นี่สักหน่อย ฉันรู้หรอกว่าใช้สิทธิ์ฉุกเฉินได้แต่ถ้าขับรถอ้อมไปอีกนิดก็จะถึงโรงพยาบาลตามสิทธิ์แล้วแท้ๆ แถมไม่ต้องเสียเวลาส่งต่อคนไข้ให้ยุ่งยากอีก” ไม่พูดเปล่ายังยื่นบัตรประจำตัวของคนไข้มาให้ดูถึงใต้จมูก “วันหลังเช็คสิทธิ์ให้ดีแล้วค่อยนำส่งเข้าใจไหม”

“รับทราบครับ!” ภาวัฒน์ตบเท้าตะเบ๊ะขึงขังทั้งที่ยังหัวเราะคิกคัก ถึงตอนทำงานปาวัสม์จะหน้าบูดเป็นตูดลิงจนใครๆ ไม่กล้าแหยม แต่เขารู้ว่าจริงๆ แล้วคุณหมอหนุ่มเป็นคนใจดีจะตาย ก็ดูสิ... ยุ่งขนาดนี้แถมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ยังมีกะใจสอนงานให้อีก ถึงจะดุปนด่าก็เถอะ

“รู้แล้วก็หัดทำให้มันถูกต้องสิ”

“ก็ผมเห็นคนไข้อาการไม่ค่อยดี” จู่ๆ ภาวัฒน์ก็ทำเสียงเครียดพร้อมทั้งยกมือขึ้นจับคางที่เต็มไปด้วยไรหนวด “ถ้ามัวแต่ขับรถอ้อมไปก็เสียเวลา และมันคงจะดีกว่าถ้าได้หมอปืนที่ได้รับสมญา ‘เทพแห่งER’ มาช่วยรักษาให้”

ปาวัสม์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับคำเรียกขานแปลกๆ ที่คนแถวนี้แอบตั้งให้เขาอย่างไม่เต็มใจ ถึงจะรู้ว่าเป็นคำชมแต่เขาเองก็เป็นแค่หมอธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รักษาคนไข้ได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่พยาธิสภาพของโรคและอาการเมื่อมาถึงมือหมอ ไม่ได้วิเศษวิโสราวกับหมอเทวดาสมฉายานั่นซะเมื่อไหร่ “หมอโรงพยาบาลอื่นก็เก่ง”

“เก่งแต่ไม่หล่อเหมือนคุณหมอนี่นา” ภาวัฒน์ขยิบตาให้ทีนึง

ปาวัสม์เงื้อแฟ้มในมือขึ้นอีกครั้ง “เอาอีกทีไหม...”

“คุณหมอปาวัสม์คะ ญาติคนไข้มาแล้วค่ะ” ชโลธรซึ่งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผู้สูงวัยสองคนที่เป็นพ่อกับแม่ของคนไข้ ช่วยคนหน้าเป็นไว้ได้แบบเฉียดเส้นยาแดง

ปาวัสม์ลดอาวุธลงพร้อมปรับสีหน้าให้ยิ้มการทูตได้ในพริบตาเมื่อหันไปหาญาติคนไข้ “เมื่อสักครู่คนไข้หัวใจหยุดเต้นไปราวห้านาทีแต่ตอนนี้เราได้ทำการช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้งแล้วนะครับ ผมจะขอดูอาการที่ห้องฉุกเฉินอีกสักพัก ถ้าเห็นว่าคงที่แล้วผมจะย้ายโรงพยาบาลไปรักษาตามสิทธิ์นะครับ”

“ให้รักษาอยู่ที่นี่เลยไม่ได้เหรอครับ” พ่อคนไข้ถาม “ผมประสานกับทางโรงพยาบาลนั้นแล้วเดี๋ยวจะออกหนังสือส่งตัวมาให้”
ปาวัสม์เลิกคิ้วก่อนจะเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่ยังยืนยักคิ้วหลิ่วตามาให้ พร้อมทำปากขมุบขมิบว่า ‘รับ-แอด-มิท-ไป-เถอะ-ครับ’ เขาแยกเขี้ยวใส่และหันกลับมาฉีกยิ้มกว้างพูดต่อ “ถ้าทางนั้นตกลงเราก็ไม่มีปัญหาครับ... งั้นผมขอตัวไปดูคนไข้ก่อน ถ้าญาติมีข้อสงสัยอะไรก็ถามคุณพยาบาลที่เคาน์เตอร์ได้ตลอดเลยนะครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ช่วยชีวิตลูกของพวกเรา” แม่คนไข้บอกพร้อมทั้งกระพุ่มมือทั้งสองข้างขึ้น ทำเอาปาวัสม์ย่อตัวลงรับไหว้แทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไรครับคุณลุงคุณป้า มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้ว” เครื่องหน้าที่ยับยุ่งมาหลายชั่วโมงคลายออกในเสี้ยววินาทีกลายเป็นรอยยิ้มกว้างไปจนถึงนัยน์ตา ไม่จำเป็นต้องมีคำป้อยอเลิศหรู เพียงแค่คำขอบคุณจากใจคำเดียวก็ทำให้หัวใจเหี่ยวๆ ของเขาพองโตจนแทบจะลอยไปติดเพดานได้อยู่แล้ว

และรอยยิ้มนั้นก็หวานเสียจนคนที่แอบมองอยู่อดที่จะอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“งั้นผมก็ไปบ้างดีกว่า” ร่างโปร่งในชุดหมีพูดลอยลมพลางเดินเฉียดมากระซิบข้างหูคนที่กำลังยิ้มกว้าง “แล้วอีกสักพักจะมาหาใหม่นะครับคุณหมอ ห่างกันแป๊บเดียวไม่ต้องรีบคิดถึงผมนะ”

“ต่อให้ห่างกันเป็นปีก็ไม่คิดถึงหรอก... จะไหนก็ไป ไป๊!”
พูดจบก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ปาวัสม์จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความวูบไหวในนัยน์ตาสีดำขลับที่กำลังมองตามหลังมานั้นเลย

ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ โคลงเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินกลับออกไป

ทันทีที่ประตูปิดลง ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณหมอหนุ่มที่คุยกับญาติคนไข้จนถึงเมื่อครู่หุบฉับ แม้แต่เซลล์สมองสีเทาอันปราดเปรื่องนับล้านยังประมวลผลไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในนาทีเตียงแน่นวิกฤตเช่นนี้จะหาวอร์ดให้แอดมิทผู้ป่วยได้ที่ไหน ทันใดนั้นภาพหญิงสาวคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในความคิด ถึงจะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนด่ากลางดึกแต่เขาก็ไม่เหลือทางอื่นให้เลือกอีกแล้ว คิดได้ดังนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มากดต่อสายในทันที

กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ภายในที่แผดดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายเป็นปกติของหอผู้ป่วยแผนกอายุรกรรม 6 ทำให้เครื่องหน้ายับยุ่งของพยาบาลสาวซึ่งกำลังง่วนอยู่กับแฟ้มผู้ป่วยพันกันหนักขึ้นไปอีก
‘นุชนันท์’ เป็นสาวร่างสูงใหญ่ออกท้วมไว้ผมตัดสั้นทำไฮไลท์สีประกายทองแดงดูโฉบเฉี่ยว เธอวางปากกาลงและเอื้อมมืออวบๆ ไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีค่ะหอผู้ป่วยอายุรกรรมหก นุชนันท์พยาบาลรับสายค่ะ”

น้ำเสียงหวานปนดุอันเป็นเอกลักษณ์ของพยาบาลสาวคนนี้ถ้าเป็นหมอคนอื่นได้ยินคงปาดเหงื่อกันเป็นทิวแถวเพราะเธอขึ้นชื่อเรื่องความดุและเคร่งครัดในกฏระเบียบ

แต่สำหรับปาวัสม์แล้วเขาแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ เพราะนุชนันท์เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่เขามีอยู่แค่สองคน กินนอนเที่ยวเล่น ผ่านวันเวลาที่มีทั้งเสียงหัวเราะและร้องไห้มาด้วยกันเกือบยี่สิบปีทำให้ทั้งรักและผูกพันประหนึ่งว่าเธอเป็นคนในครอบครัว
“อุ้ม นี่ฉันเอง”

“อ้าวปืน! มีอะไรโทรมาดึกๆ ดื่นๆ” เสียงหวานปนดุร่าเริงขึ้นมาทันทีเช่นกัน ก่อนจะเข้มขึ้นทันทีเมื่อคิดได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ปาวัสม์โทรสายในมายามวิกาลเช่นนี้ “อย่าบอกนะว่าจะขอแอดมิทคนไข้น่ะ”

“ใช่เลย”

“แล้วมันใช่เวลาไหมเนี่ย!” นุชนันท์แหวกลับเสียงดังเสียจนคนปลายสายต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างด้วยเกรงว่ากระดูกค้อน ทั่ง โกลนในหูชั้นกลางจะลั่นเปรี๊ยจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วนะคะคุณเพื่อน ที่นี่เป็นวอร์ดสามัญนะไม่ใช่ห้องไอซียูที่นึกจะแอดมิทคนไข้เวลาไหนก็ได้น่ะค่ะ”

“ก็คนไข้อาการไม่ค่อยดีนี่นา” ปาวัสม์เริ่มใช้ลูกอ้อน “เปิดเตียงเสริมให้หน่อยนะอุ้มนะ แล้วจะให้จิวพาไปเลี้ยงข้าวนะ... น้า...”

ปกติชื่อบุคคลที่สามนี้มักจะได้ผลเสมอเวลาเขาจะขอให้ใครทำอะไรสักอย่าง เพราะ ‘วิทยา’ หรือจิวเพื่อนรักของเขาอีกคนที่เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินเหมือนกันนั้นเป็นหนุ่มหน้าใส ขาวตี๋เพราะมีเชื้อจีนแต่กำเนิด ถึงจะดูเงียบขรึมค่อนไปทางไม่ค่อยพูดแต่ก็เข้ากับคนง่าย จึงทำให้เป็นที่รักและหมายปองมากมายไม่ว่าจะเป็นสาวน้อย สาวใหญ่หรือแม้แต่สาวเทียม
แต่น่าเสียดาย มุกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับคนที่รู้ไส้รู้พุงกันดีอย่างนุชนันท์

“เปลี่ยนจากข้าวเป็นเหล้าได้ไหม” เธอยื่นเงื่อนไขใหม่ “ไม่ต้องเอาชื่อจิวมาอ้างเลย ที่รับนี่เพราะเห็นแก่คนไข้หรอกนะ... ตกลงจะแอดมิทเคสอะไรจ๊ะ”

“มอเตอร์ไซค์ชนเสาไฟฟ้าแล้วเสียหลักตกคลองอีกทีน่ะ” ปาวัสม์พูดรัวเร็วกะอาศัยลูกมั่วก่อนที่นุชนันท์จะทันได้ตั้งสติ ด้วยรู้ดีอยู่เต็มอกว่าเป็นคนไข้ตรงสายงานของหอผู้ป่วยซะที่ไหนแถมยังไม่ใช่สิทธิ์ที่โรงพยาบาลนี้อีก “สิทธิ์สามสิบบาทต่างโรงพยาบาล ญาติประสานให้แล้ว ขอบคุณนะอุ้ม”

“อย่าเพิ่งวางนะปืน” เสียงหวานปนดุร้องห้ามแม้จะไม่ดังแต่ก็ทำเอาคนกำลังจะชิ่งวางสายหนาวไปถึงไขสันหลัง

“อะไรจ๊ะอุ้มคนสวย” ปาวัสม์พยายามทำใจดีสู้เสือ “เรื่องสิทธิ์ไม่มีปัญหานี่แล้ว... แล้ว... อ้อ! เรื่องอุบัติเหตุน่ะไม่ซีเรียสพอดีว่าคนไข้เป็นโรคหัวใจแล้วอาการดันกำเริบตอนขับรถน่ะ”

“ตกลงว่าแอดมิทด้วยโรคหัวใจแน่นะ” น้ำเสียงเฉียบชนิดที่ถ้าลองมั่วอีกรอบ คอคนพูดได้ขาดกระเด็นแน่

“ครับที่รัก” เขาหยอดตบท้ายไปอีกคำและกำลังจะวางสายได้อยู่แล้วเมื่อเสียงหวานที่ติดจะดุมากกว่าเรียกไว้อีกครั้ง

“ปืน! บอกอุ้มหน่อยสิว่าคุณเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่เอาคนไข้มาส่งเนี่ยไม่ใช่ ‘นายภาวัฒน์’” นุชนันท์ถามเพราะได้ยินกิตติศัพท์จากรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ห้องฉุกเฉินบ่อยๆ ในแง่ของคนดวงชงที่ ‘บังเอิญ’ ขึ้นเวรตรงกับปาวัสม์ทุกวัน และยุ่งบ้าเป็นหลังทุกเวร แถมยังตามก้อล้อก้อติกเพื่อนเธอจนน่าหมั่นไส้เสียด้วย

...ลำพังแค่ ‘ยัยลูกคุณหนู’ ก็ปวดหัวจะบ้าแล้ว นี่มี ‘เจ้าเด็กแสบ’ ที่ไหนโผล่มาอีก!...

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน คิดไม่ถึงว่าภาวัฒน์จะมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปถึงคนต่างตึกได้ “บังเอิญว่าใช่ครับที่รัก”

“ว่าแล้วเชียว เวรชนกันอีกแล้ว... ถ้าเด็กนั่นพาใครมาส่งอีกฝากบอกด้วยนะว่า ‘ไปตายซะ!’”

ปาวัสม์วางสายพร้อมกับถอนหายใจยืดยาวอย่างโล่งอกที่สามารถแก้ปัญหาไปได้อีกเปลาะ

“คุณหมอคะ” ชโลธรเปิดประตูห้องฉุกเฉินและชะโงกหน้าเข้ามา “ตกลงเคสนี้ได้เตียงแอดมิทไหมคะ”

“ได้แล้วครับ”

“แต่แปลกจังนะคะ” พยาบาลสาวตั้งข้อสังเกตพลางพลิกดูเอกสารในมือ “ญาติเขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมเหมือนรู้ล่วงหน้าเลยนะคะ”

“ผมว่าผมรู้เหตุผลนะ” ปาวัสม์กำลังจะช่วยไขข้อข้องใจแต่คุณป้าที่เป็นแม่ของคนเจ็บซึ่งยืนจดๆ จ้องๆ ฟังอยู่ชิงเล่าออกมาเสียก่อน

“น้องกู้ชีพผู้ชายคนที่พาลูกชายป้ามาส่งเป็นคนโทรบอกน่ะจ๊ะ ป้าหลับอยู่ไม่ได้รับโทรศัพท์ น้องเขาอุตส่าห์มานะโทรหาเป็นสิบรอบแน่ะ ทีแรกป้าก็ตกใจโวยวาย น้องเค้าก็ช่วยปลอบจนตั้งสติได้... เป็นคนดีจริงๆ เลยนะ” นัยน์ตาที่ล้อมกรอบด้วยริ้วรอยแห่งวัยเป็นประกายวิบวับด้วยความชื่นชม

ปาวัสม์อมยิ้มมุมปาก นึกชื่นชมกับความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของ ‘น้องกู้ชีพผู้ชาย’ คนนั้นทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่สักนิด ถึงจะกวนประสาท พูดมาก น่ารำคาญแต่เขาก็ยอมรับล่ะว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อภาวัฒน์อะไรนั่นนอกจากมีความตั้งใจและจิตใจในการดูแลช่วยเหลือคนเจ็บเป็นอย่างดีแล้ว ความเป็นห่วงเป็นใยที่มียังนับรวมไปถึงครอบครัวด้วย

อันที่จริงขึ้นเวรตรงกันทุกวันมันก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ เขาก็แค่รู้สึกหมั่นไส้กับ ‘ความบังเอิญ’ ที่มากเกินไปจนเกือบจะเป็น ‘โชคชะตา’ นี่ต่างหาก

“วุ่นวายอะไรกันแต่หัวค่ำวะปืน” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับวงแขนของคนตัวเล็กกว่าคล้องลงรอบคอ

“มันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือไงครับคุณวิทยา” ปาวัสม์บอกเซ็งๆ พลางกวาดสายตาไปรอบห้องฉุกเฉินที่เตียงนอนล้นไปจนถึงหน้าประตูกับผู้ซึ่งยังนั่งรอคิวตรวจอยู่อีกนับสิบ “วันไหนที่ฉันอยู่เวรแล้วไม่ยุ่งเป็นอีเพิ้งเซิ้งยันเช้าสิถึงจะถือว่าไม่ปกติ”

“สวัสดีค่ะหมอจิว” ใบหน้าขาวใสของชโลธรเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นทันทีที่ได้เห็นต้นเสียงซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าขาวตี๋ในชุดเสื้อกาวน์ยาวสีขาว “วันนี้คุณหมอมาเข้าเวรดึกจังมีอะไรหรือเปล่าคะ”

ถามจบริมฝีปากบางก็เม้มกลั้นอาการที่อยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ เมื่อได้เห็นผมทรงใหม่ของคุณหมอหนุ่มเชื้อสายจีนที่เป็นรองทรงยาวสไลด์ระต้นคอสีน้ำตาลอ่อนประกายทอง นึกอยากรู้ขึ้นมาจับใจว่าผีบ้าตนไหนมันไปกระซิบให้ชายหนุ่มตัดผมทรงนี้เพราะว่ามันทรมานใจเธอสุดๆ คนอะไรปกติก็หน้าตาดีอยู่แล้ว ยังดันไปทำให้มันดูหล่อน่ารักขึ้นไปอีกแล้วแบบนี้เธอจะมีกะจิตกะใจทำงานไหมเนี่ย

...โอ๊ย! บุญของมิลค์จริงๆ ที่จะได้ผ่านค่ำคืนอันแสนวุ่นวายนี้กับคู่หูสุดหล่อแห่ง ER...

“พอดีรถเสียน่ะครับน้องมิลค์” วิทยาโบกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง เสร็จแล้วหันมาเห็นคิ้วที่ผูกเป็นปมของร่างสูงจึงเสลากคอไปอีกทาง “ใครทำอะไรแก... อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าเด็กนั่นอีกแล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ!” ปาวัสม์ว่า “ปกติดวงฉันก็ยุ่งรากเลือดอยู่แล้วยิ่งมาเจอเจ้าเด็กแสบนั่นยิ่งยุ่งยกกำลังแปด เท้าเหยียบประตูก็ได้ใส่ท่อช่วยหายใจแล้วปั๊มหัวใจกันเลย แถมนายก็ดันมาสายอีกนี่ฉันปวดหัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย!”

“โอ๋ๆ ขอโทษนะที่มาช้า แต่มันช่วยไม่ได้นี่นาก็รถฉันดันเสียติดแหงกอยู่กลางทาง” วิทยายิ้มหวานพลางใช้นิ้วโป้งนวดหัวคิ้วที่ผูกเป็นปมของร่างสูงให้คลายออก “เอาไว้วันศุกร์นี้ออกเวรฉันจะพาไปเลี้ยงไถ่โทษละกันนะ”
ใบหน้าเครียดเขม็ง ยิ้มออกทันที “พอดีเลย... ฉันเพิ่งจะติดเลี้ยงเหล้าอุ้มไว้ ยังไงนายก็จ่ายใช่ไหม”

“โหย ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” ปากบ่นแต่ในใจของวิทยานั้นแอบดีใจลึกๆ เพราะพวกเขาสามคนแทบไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วตั้งแต่ปาวัสม์คบกับ ‘รชญา’ แฟนสาวคนล่าสุดซึ่งเป็นหมอรุ่นน้องแผนกอายุรกรรมที่มีดีกรีเป็นถึงลูกสาวท่านผู้อำนวยโรงพยาบาลและขึ้นชื่อเรื่องหึงหวงอย่างที่สุด

“ทำไมวะ แค่เลี้ยงเหล้าผู้หญิงตัวเล็กๆ มันไม่ทำให้ขนหน้าแข้งคุณชายอย่างนายร่วงหรอกน่า”

ปาวัสม์แกล้งแซว ดูเผินๆ แล้ววิทยาจะเป็นคนติดดินกินข้าวข้างทาง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นถึงทายาทคนรองของบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อดังของประเทศไทย J & J medical company ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนในห้องฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลแห่งนี้ก็จะได้เห็นตราสัญลักษณ์ชื่อบริษัทติดอยู่ตามเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ อย่างหูฟังที่คล้องอยู่รอบคอเขานี่ ไปจนถึงเตียงคนไข้ เสาน้ำเกลือหรือเครื่องช่วยหายใจ

หน้าตาดี ดีกรีเยี่ยมแถมครอบครัวเลิศขนาดนี้เขาล่ะแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมป่านนี้แล้วเพื่อนรักของเขายังรอดพ้นมือสาวอยู่เป็นโสดมาได้จนถึงทุกวันนี้

“นายคงไม่ แต่อุ้มน่ะทำแน่” วิทยาพูดขำๆ “ตกลงวันศุกร์นี้เจอกันร้านเดิมละกันนะฉันจะโทรไปจองโต๊ะ นายโทรคอนเฟิร์มอุ้มด้วย”

“นายช่วยโทรให้หน่อยสิ ฉันจะได้มีข้ออ้างนายก็รู้นี่นาว่าน้องนิวกับอุ้มไม่ถูกกัน” ปาวัสม์โน้มคอหนุ่มหน้าตี๋เข้ามาพูดที่ข้างหูราวกับกลัวว่าจะมีผีพรายตนใดได้ยินแล้วแอบไปกระซิบบอกหญิงสาวสองคนที่กำลังนินทาอยู่

วิทยาขมวดคิ้ว ปกตินุชนันท์ก็ไม่เคยชอบใจแฟนปาวัสม์คนไหนอยู่แล้ว แต่มีรชญานี่แหละที่ดูจะตั้งท่าเกลียดเธอได้อย่างเท่าเทียมหรือบางทีอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่แรกพบ “ถามจริงเหอะ ในบรรดาผู้หญิงที่นายคบมาเนี่ย คนนี้คือ ‘คนที่ใช่’ แล้วใช่ไหม”

ถ้าปาวัสม์คิดว่าวิทยาแปลกที่ไม่ยอมมีแฟน วิทยาเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กันว่าทำไมข้างกายเพื่อนรักของเขาถึงไม่เคยขาดผู้หญิงสักที เกือบยี่สิบปีที่รู้จักกันมาปาวัสม์เปลี่ยนแฟนบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก... เพราะเป็นคนเจ้าชู้เหรอ? ฟังดูเหมือนจะใช่แต่ไม่ได้มักง่ายขนาดนั้น จริงๆ แล้วเขาก็เป็นแค่ผู้ชายแสนดีขี้เหงาที่ตกหลุมรักใครง่ายเกินไป จึงตอบตกลงเป็นแฟนกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาสารภาพรัก และแน่นอนว่าความสัมพันธ์เหล่านั้นมันไม่เคยยั่งยืน สถิติเร็วสุดก็สามวันนานสุดคือสามเดือน แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ปาวัสม์คบกับรชญามาเกือบจะครบปีในอีกสองเดือนนี้แล้ว

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่มันคงจะดีไม่ใช่เหรอถ้าจะมีใครอีกสักคนที่รักกัน”

วิทยาเม้มปากเป็นเส้นบางและตบบ่าเพื่อนรัก “ถ้านายต้องการแค่นั้น นายก็มีฉันกับอุ้มแล้วไง”

ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเศร้า เสียงของคนขี้เหงาแหบเบาเมื่อเปล่งออกมาอีกครั้ง “เพื่อนกับแฟน มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

ถึงจะอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่รายล้อมหรือหน้าที่การงานอันยุ่งเหยิง แต่ลึกลงไปในหัวใจกลับเคว้งคว้างราวกับแก้วเปล่า เขาเฝ้ารอคอยให้ใครสักคนมาเติมเต็ม และดูเหมือนจะโชคร้ายที่ยังหาใครคนนั้นไม่เจอสักที
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 07-12-2014 10:42:55
บทที่ 1[ต่อ]

“คุณหมอคะ มีเหตุฉุกเฉินค่ะ” เสียงใสๆ ของชโลธรตะโกนมาขัดจังหวะ ทั้งคู่หยุดการสนทนาและหันไปทางประตูห้องฉุกเฉินทันทีราวกับนัดกันมา

“เกิดอะไรขึ้น” ปาวัสม์ร้องถามออกไป

“มีอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถกระบะ” ชโลธรรีบรายงานสถานการณ์ “มีคนเจ็บสิบคน คุณภาวัฒน์วอมาบอกว่าจะขอนำส่งที่โรงพยาบาลเราห้าคนค่ะ”

“รับทราบครับ”

“ปืน” วิทยาสะกิด “ฉันเพิ่งมาถึงยังไม่รู้เคสที่นอนอยู่นี่เลย เอาเป็นว่านายกับน้องๆ ช่วยกันเคลียร์เคสตั้งแต่หัวค่ำก่อนละกัน ฉันจะรับเคสใหม่เอง... เสร็จแล้วรีบมาช่วยด้วยนะเว้ย”

“ไม่มีปัญหา” ปาวัสม์รีบหันไปสั่งการแพทย์ประจำบ้าน ในขณะที่วิทยาวิ่งออกไปรอหน้าห้องฉุกเฉินโดยมีนักศึกษาแพทย์ช่วยเข็นรถอุปกรณ์ช่วยชีวิตตามไปติดๆ

อึดใจต่อมาเสียงหวอที่คุ้นเคยก็กรีดร้องขึ้นหน้าประตูแต่ความดังของเสียงนั้นแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับเสียงของคุณหมอหนุ่มที่กำลังร้องสั่งการรักษาอย่างเอาเป็นเอาตายแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด

ดูท่าสถานการณ์ด้านนอกนั้นจะหนักหนาเกินกว่าหมอคนเดียวจะรับไหว แต่คนไข้ด้านในก็ไม่ใช่อะไรที่จะทิ้งกันไปได้ ปาวัสม์กัดฟันตรวจคนไข้จนถึงคนสุดท้ายและจัดการส่งกลับบ้านเรียบร้อยจึงรีบวิ่งออกไปเพื่อช่วยกันอีกแรง

“เป็นไงมั่งจิว”

“นายมาก็ดีแล้ว” วิทยาออกอาการโล่งอกสุดๆ “มีแต่เคสหนักๆ ทั้งนั้น มีเลือดออกในสมองกับกระดูกหน้าหักมาเคสนึง ฉันใส่ท่อช่วยใจส่งเข้าห้องผ่าตัดไปเรียบร้อยแล้ว อีกเคสเสียเลือดมากยังความดันต่ำๆ ตอนนี้โหลดน้ำเกลือกับเลือดอยู่ คิดว่าน้องน่าจะดูไหวเลยปล่อยให้จัดการกันไปก่อน ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากมีกระดูกหัก แผลถลอก... แต่ที่จะมาอีกนี่สิเห็นวอมาบอกว่ากำลังแย่”

“ไหนว่านำส่งเราห้าคนไง นี่ยังมาไม่ครบอีกเหรอ”

“เมื่อกี้มีอุบัติเหตุแถวแยกลาดพร้าวอีกน่ะ” วิทยาบอกเสียงเครียด “รถทัวร์ชนกับรถบรรทุก คนเจ็บเป็นสิบเห็นว่าจะนำส่งเราเคสนึงล่ะ”

“โอเค งั้นที่จะมานี่ฉันรับเอง”

“คงงั้น” หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มมีเลศนัยน์พลางยกมือขึ้นตบไหล่ “เด็กอายุสิบสองหัวใจหยุดเต้นมาสิบนาทีแล้ว เห็นทีจะรอดยากยังไงคงต้องพึ่งนายแล้วล่ะ”

บรรดาแพทย์ประจำบ้านและนักศึกษาแพทย์รีบพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือ เพราะลำพังการนวดหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพผู้ที่ผ่านการอบรมการช่วยชีวิตเบื้องต้น (Basic life support) ทุกคนสามารถทำได้ แต่สิ่งที่ทำให้ปาวัสม์แตกต่างเป็นอะไรที่แทบจะเรียกได้ว่า ‘ปาฏิหาริย์’ และทำให้เขาได้รับสมญา ‘God hand’ หรือ ‘เทพแห่งER’ มาแบบไม่เต็มใจนั้น คือนับตั้งแต่วันที่เขาได้ทำการนวดหัวใจเป็นครั้งแรกในชีวิตจนถึงตอนนี้ ทุกเคสที่ผ่านมือล้วนแล้วแต่รอดชีวิตทั้งสิ้น

ยังไม่ทันขาดคำ เสียงหวอก็กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

ปาวัสม์เตรียมวิ่งออกไปรับแต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้ากลับทำให้ตัวชาจนสองขาก้าวไม่ออก ทั้งที่มันควรจะเป็นภาพที่เขาเห็นจนชินตา แต่ทำไมครั้งนี้มันช่างบีบคั้นหัวใจเขาเสียเหลือเกิน

มันไม่ใช่แค่ร่างโชกเลือดและไม่ไหวติงของเด็กหญิงตัวน้อย แต่มันคือภาพของคนๆ หนึ่งที่กำลังอุทิศทั้งชีวิตเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น
แววตามุ่งมั่น สองมือแข็งแรงที่ประสานกันไว้ตรงหน้าอกเล็กๆ นั่นราวกับเขากำลังถ่ายโอนชีวิตสู่ชีวิต ยื้อลมหายใจสุดท้ายของคนกำลังจะตาย และช่วงชิงดวงวิญญาณซึ่งกำลังจะหลุดลอยคืนมาจากเงื้อมือพญามัจจุราช

ถึงเหงื่อจะโทรมกายและสองแขนที่ออกแรงปั๊มมาเกือบยี่สิบนาทีนั้นจะล้าสุดทน แต่เด็กหนุ่มในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มก็ยังไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ ทั้งที่เป็นคนอื่นคงถอดใจพับกลับบ้านไปตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว

และมันคือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นจากเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ควรจะใช้เวลาในชีวิตช่วงนี้หมดไปกับการเที่ยวเล่นกับเพื่อนหรือคบผู้หญิงมากกว่าจะมาอุทิศตัวทำเพื่อสังคมแลกค่าแรงน้อยนิดไม่สมวิชาชีพแบบนี้
จนปาวัสม์อดหวนคิดไม่ได้ว่า ตอนที่ตนอายุเท่าเด็กหนุ่มนั้นกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

ฉับพลันภาพความทรงจำในคืนหนึ่งเมื่อหกปีก่อนทับซ้อนเข้ามาในความคิด

...พายุฝนโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา รถเก๋งพังยับอัดคาอยู่กับเสาไฟฟ้า และเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด...

“หมอปืนครับ!”

เสียงเรียกของภาวัฒน์ที่นั่งคร่อมอยู่บนร่างเด็กหญิงปลุกเขาตื่นจากภวังค์

“คือ... เตรียมใส่ท่อช่วยใจ” ปาวัสม์สะดุ้งเฮือกบอกตะกุกตะกัก แทบทำอะไรไม่ถูก สมองไม่อาจสั่งการอะไรต่อได้เพราะตอนนี้ทุกเซลล์ในร่างกายกำลังจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น

“ฉีดอะดรีนาลีนหนึ่งแอมป์หลังจากนั้นทุกสามนาที” วิทยารีบช่วยแก้สถานการณ์ “แล้วก็ขอมอนิเตอร์คลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยนะครับน้องมิลค์”

“พี่ปืนจะใช้ท่อช่วยหายใจเบอร์อะไรครับ” แพทย์ประจำบ้านร้องถาม

ปาวัสม์เริ่มได้สติจึงถามกลับไปเสียงเข้ม “คุณเป็นหมอหรือเปล่า” หมอใหม่พยักหน้ารับหงึกหงัก “งั้นคุณจะถามผมทำไม... คนไข้กำลังรออยู่ ประเมินอาการแล้วก็ลงมือเลยสิ”

“เป็นอะไร” วิทยากระซิบถาม เพราะนัยน์ตาคมยังดูเลื่อนลอยเหมือนจมอยู่กับอะไรสักอย่าง “อยู่ๆ ก็เหม่อไม่สบายหรือเปล่า”
ปาวัสม์สะบัดศีรษะแรงๆ ครั้งหนึ่งเพื่อไล่ความทรงจำนั้นออกไปจากสมอง “ไม่มีอะไร... นายรีบไปรับช่วงต่อเถอะ น้องเขาจะได้รีบไปรับคนเจ็บต่อ” บอกพลางพยักเพยิดไปยังเด็กหนุ่มในชุดหมีที่ไม่ยอมหยุด CPR และไม่เปลี่ยนให้ใครทั้งที่มีแพทย์อีกหลายคนรอรับอยู่แล้ว

“ได้” วิทยารับคำและรีบวิ่งไป เขาถึงตัวคนไข้แล้วแท้ๆ เมื่อภาวัฒน์ร้องขึ้น

“หมอปืนช่วยผมทีครับ”

ทุกคนในที่นั้นโดยเฉพาะวิทยาหันมามองเจ้าของนามเป็นตาเดียว

“ได้โปรด... ช่วยเด็กคนนี้ที” ภาวัฒน์เงยหน้าขึ้นและหันมามองคุณหมอหนุ่ม

เสี้ยวนาทีที่สายตาสองคู่ประสานกัน ภาพร่างโชกเลือดของเด็กคนนั้นกลับมาในหัวอีกครั้ง เสียงร้องเรียกหาความช่วยเหลือจนแหบแห้งแทบโดนเสียงฝนกลบจนมิด

‘ช่วยผมด้วยครับ’

ราวกับโดนมนตร์สะกด ขาทั้งสองของปาวัสม์พุ่งออกไปทันทีโดยไม่รั้งรอ

ภาวัฒน์เหลือบตามองผู้ที่ยืนอยู่ข้างเตียง รอยยิ้มพรายผุดขึ้นบนเรียวปาก เขาหันกลับมาตั้งสมาธิกับฝ่ามือทั้งสองที่ประสานกันอยู่บนหน้าอกเด็กหญิง ครู่หนึ่งจึงร้องบอกสัญญาณ “เตรียมเปลี่ยน”

ปาวัสม์พยักหน้าเตรียมพร้อม

“ชีพจรยังไม่กลับมาค่ะ” ชโลธรรายงานหลังจากติดมอนิเตอร์ต่างๆ เสร็จสิ้น
ร่างสูงไม่รอช้า กระโดดขึ้นนวดหัวใจต่อทันที

ภาวัฒน์ที่ถอยฉากลงมาอยู่ข้างเตียงกุมมือข้างหนึ่งของเด็กหญิงตัวน้อยไว้แน่น “อย่ายอมแพ้นะ! หนูต้องทำได้ สู้สิ เราจะสู้ไปด้วยกันนะ”

“ยีบแปด... ยีบเก้า... สามสิบ” ปาวัสม์ยืดตัวขึ้นสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดเป็นครั้งแรกหลังทำการนวดหัวใจครบวงรอบ รู้สึกได้ถึงความยาวนานราวชั่วกัปชั่วกันต์ทั้งที่ใช้เวลาแค่สองนาที เขานับถอยหลังห้าวินาทีที่ใช้เช็คชีพจรพร้อมกับภาวนาจนสุดใจ

...สาม... สอง... หนึ่ง...

“มีชีพจรแล้วค่ะ”

เสียงใสๆ ของพยาบาลสาวที่ตะโกนบอกทำเอาทีมช่วยชีวิตกู่ร้องด้วยความดีใจไปตามๆ กัน

ตามปกติแล้วโอกาสรอดชีวิตหลังหัวใจหยุดเต้นมีแค่สิบนาที หลังจากนั้นความน่าจะเป็นจะลดลงในอัตราก้าวกระโดดจนเป็นศูนย์ แต่นี่เวลาล่วงไปกว่าสามสิบนาที... เขาทำได้! เป็นอีกครั้งที่เขาช่วยชีวิตคนไว้ได้สำเร็จ!!
ปาวัสม์กระโดดลงจากเตียงรู้สึกตัวเบาโหวง ไม่รู้ว่าเพราะโล่งใจหนักหนาหรือเพราะสองขาหมดแรงหลังจากผ่านนาทีชีวิตมาหมาดๆ กันแน่ เขาเซไปเล็กน้อยเมื่อร่างหนึ่งโถมเข้าใส่และโอบรัดรอบตัวเขาไว้แน่น ไออุ่นที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัวจากคนที่คาดไม่ถึงทำเอาร่างสูงยืนนิ่งขึงไปด้วยความตกใจ

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

เสียงของภาวัฒน์ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ข้างหูราวกับมันก้องมาจากความฝัน จนร่างสูงรู้สึกเคลิ้มตามหากยังไม่ทันจะได้กอดตอบหรือว่าอะไรวงแขนนั้นก็คลายออก ฝ่ามือหยาบกร้านคว้าเข้าที่หัวไหล่เขาและเหยียดออกไปจนสุดแขน

“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มกระซิบขึ้นเบาๆ พร้อมทั้งเบือนหน้าหนี

ปาวัสม์รู้สึกเหมือนเห็นแวบๆ ว่าดวงหน้าสีแทนนั้นออกแดงเรื่อๆ เขาพยายามหยีตามองให้ชัดแต่เม็ดเหงื่อเจ้ากรรมที่ย้อยลงมาจากหน้าผากดันไหลเข้าตาจนเขาต้องใช้หลังมือเช็ดออก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคนในชุดหมีก็เดินก้มหน้างุดๆ หนีไปเสียแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็ถูกวิทยากระชากลากถูไปช่วยงานอีกทางทันทีเช่นกัน
OOOOOO

ถึงจะทุลักทุเลแต่เหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่มีใครเสียชีวิต แสงอาทิตย์แรกของเช้าวันใหม่สาดส่องดั่งแสงแห่งชีวิตในห้องฉุกเฉินที่กำลังเคลื่อนขับต่อไปอย่างมีความหวัง

“กลับบ้านดีๆ นะครับคุณป้า” ปาวัสม์ยืนส่งคนไข้ที่มาตรวจในเวรเป็นคนสุดท้าย พลันสายตาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มนั่งหมดเรี่ยวหมดแรงกอดอกพิงพนักเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินหลับอยู่อย่างไม่แคร์สายตาใคร
ร่างสูงเอียงคอมองอย่างขบขันก่อนจะตัดสินใจเดินข้ามถนนไปซื้อน้ำเต้าหู้จากรถเข็นหน้าโรงพยาบาลมาสองถุงโดยเน้นว่าถุงนึงขอเพิ่มน้ำตาลเท่าตัว

“เอาน้ำตาลสองช้อนแน่นะครับอาคุงหมอ ปกติคุงหมอไม่ทานหวานนี่นา” อาแปะขายน้ำเต้าหู้ถามย้ำให้แน่ใจ

“วันนี้พิเศษครับ ขอเครื่องเยอะๆ ด้วยนะครับ” ปาวัสม์รับถุงน้ำเต้าหู้มาพร้อมกับส่งเงินให้
ขายาวๆ รีบจ้ำกลับมายังห้องฉุกเฉินด้วยเกรงว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตื่นแล้วหนีไปเสียก่อน ...เขาไม่ได้เสียดายเงินค่าน้ำเต้าหู้แต่ให้กินคนเดียวสองถุงไม่ไหวหรอกนะ

คนขี้เซายังคงสัปหงกอยู่ที่เดิม ปาวัสม์หัวเราะลงคอและนั่งลงข้างกัน เขายกถุงน้ำเต้าหู้ขึ้นแกว่งเบาๆ ให้มันไปสีกับแก้มที่มีไรหนวดขึ้นเขียวครึ้มนั่น “ตื่นได้แล้ว”

“เฮ้ย!!” ภาวัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อมีอะไรร้อนจี๋มาสัมผัสโดน เขาหันควับไปหาต้นตอที่นั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งด้วยความสะใจ “เล่นพิเรนทร์อะไรเนี่ยหมอปืน ขืนลวกหน้าผมพัง หมดหล่อไปทำไงล่ะครับ” ปากบ่นอุบมือก็ถูแก้มคลายร้อนไปด้วย... คนอะไรฟะเห็นหน้าดุๆ แต่ขี้แกล้งชะมัด

“หึย! กล้าพูดนะว่าหน้าหล่อ” ปาวัสม์ลากเสียงล้อเลียนและหยิบน้ำเต้าหู้ส่งให้ถุงนึง “ขอบใจนะที่อุตส่าห์อยู่ช่วยกันยันเช้า เหนื่อยแย่เลยสิ”

ดวงตาสีดำขลับที่ง่วงปรือจนแทบปิดเบิกโตจนเท่าไข่ห่านเมื่อเอื้อมมือไปรับถุงน้ำเต้าหู้มาดูดแบบงงๆ “หวานจัง” 
ปาวัสม์ยกถุงของตัวเองขึ้นดูดบ้าง “ก็ต้องหวานสิ ฉันให้อาแปะเพิ่มน้ำตาลให้นายเป็นพิเศษเลยนะ เหนื่อยๆ แบบนี้ต้องกินของหวานๆ จะได้สดชื่น”

“ผมหมายถึงคุณหมอต่างหาก ที่ว่าหวานน่ะ”

“นายว่าไงนะ” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพร้อมกับหันควับไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังใช้หลอดตักเม็ดสาคูเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

“หมอปืนปั๊มคนไข้จนสมองเบลอไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้มาใจดีกับผมแบบนี้”

“พูดเข้าไปนั่น แล้วฉันไปใจร้ายกับนายตอนไหนกัน”

“ถามได้! ก็ตอนที่เอาแฟ้มคนไข้ฟาดหัวผมผัวะๆ นั่นไงครับ” เด็กหนุ่มโอดครวญพร้อมทำท่าเลียนแบบได้เหมือนจนน่าหมั่นไส้

“แล้วใครใช้ให้นายมากวนประสาทฉันก่อนล่ะ” ไม่พูดเปล่าปาวัสม์ประเคนฝ่ามือฟาดไหล่เด็กหนุ่มดังเพี๊ยะทีนึงเป็นการเอาคืน
ภาวัฒน์เหลือบมองฝ่ามือที่ยังวางค้างอยู่บนไหล่ตน แทนที่จะโกรธเขากลับยิ้มกว้าง “อันที่จริงควรเป็นผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ... โชคดีที่แพทย์ที่อยู่เวรวันนี้เป็นคุณ เด็กคนนั้นถึงรอดมาได้”

“นายก็พูดเวอร์ไป ไม่ว่าใครถ้าสามารถ CPR ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์โอกาสรอดก็มีเท่าๆ กันแหละ แล้วก็เป็นนายเองไม่ใช่เหรอที่ช่วยเธอมาตั้งแต่ต้น ฉันเพิ่งมารับช่วงได้แป๊บเดียวเอง ตัวแค่นี้แต่เก่งไม่เบาเลยนะเนี่ยเห็นทีฉันต้องมองนายใหม่ซะแล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นหมายจะคว้าศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ มาขยี้เล่นด้วยความมันเขี้ยวแต่หัวกลมๆ ก็เบี่ยงหลบได้ทัน

“หมอปืนเล่นอะไรเนี่ย ผมอายุยี่สิบแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ” กระแสเสียงไม่ได้โกรธแต่ออกจะน้อยใจเสียมากกว่า

“เทียบกับฉันนายก็ ‘เด็ก’ อยู่ดีล่ะ ทำไมจะเล่นไม่ได้” ปาวัสม์ยู่ปากอย่างขัดใจแต่ก็ยอมวางมือลง

ภาวัฒน์เม้มปากสนิทเขาไม่ได้น้อยใจที่โดนแกล้ง แต่คำว่า ‘เด็ก’ นั่นต่างหากที่เป็นเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจ มันไม่ใช่แค่เส้นบางๆ แต่มันคือรั้วลวดหนามซึ่งกั้นกลางขวางระหว่างเขากับปาวัสม์ไว้

และสักวัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแต่เขาจะต้อง ‘ข้ามเส้น’ นั้นไปให้จงได้

เด็กหนุ่มกระพริบตาครั้งหนึ่งเพื่อแอบซ่อนความอ่อนไหวข้างในที่เกือบแสดงออกมาให้เห็นและกลับไปพูดเรื่องเดิมต่อ “ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณหมอจริงๆ นะครับที่ให้ชีวิตใหม่กับ ‘เด็กคนนั้น’ อีกครั้ง”   

ปาวัสม์สบนัยน์ตาสีดำขลับที่มองตรงมาแล้วก็ต้องรีบหันหนีด้วยความเขิน มันไม่ใช่แค่ประกายวิบวับของความชื่นชม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร รู้แต่มันสามารถทำให้หัวใจเขาเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ

ตึก... ตัก...

“น... นายก็พูดเกินไป” กระแสเสียงชะงักเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นและน้ำหนักของอะไรบางอย่างที่พิงลงมาบนไหล่ ปาวัสม์เหลียวมองและพบว่ากู้ชีพคนเก่งชัตดาวน์ตัวเองไปอีกครั้งเสียแล้ว “เด็กหนอเด็ก หลับง่ายจริงเชียว” ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ายามหลับของคนตรงหน้าช่างแตกต่างกับยามตื่น ทั้งที่เป็นจอมกวนประสาท พูดมาก ขี้หลีแต่เมื่ออยู่นิ่งๆ และหลับปุ๋ยอยู่บนไหล่ของเขาแบบนี้ก็เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่ดูไร้พิษสง

ปอยผมสีน้ำตาลล่วงลงระใบหน้า ฝ่ามือใหญ่เอื้อมออกไปโดยอัตโนมัติหมายจะปัดออกให้

“กลับกันเถอะปืน” วิทยาที่เพิ่งเคลียร์งานของตนเสร็จและเดินออกมาสมทบมองหน้าปาวัสม์ก่อนจะตวัดมองคนในชุดหมีที่กำลังหลับซวนซบอยู่บนไหล่ “แล้วนั่นมันอะไรล่ะน่ะ” น้ำเสียงขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นความเอ็นดูฉาบอยู่บนรอยยิ้มของร่างสูง
แต่ปาวัสม์ไม่ทันได้ใส่ใจและลดมือที่ปลายนิ้วเกือบจะสัมผัสเรือนผมสีน้ำตาลนั้นลง “คงเพลียหลับไปน่ะ”

“ก็ปลุกซะสิ” วิทยาบอกเรียบๆ นัยน์ตายังจ้องเขม็งอยู่ที่เด็กหนุ่ม “จะได้ให้รีบกลับไปนอนดีๆ ที่บ้าน”

“เห็นหลับสบายแบบนี้แล้วไม่อยากปลุกเลย ให้หลับอีกสักพักเถอะ”

“แล้วนายไม่เมื่อยหรือไง! อย่ามัวแต่ลีลาน่า รีบๆ ปลุกเร็วๆ เข้า”

“แต่...”

มือของวิทยาเอื้อมมาเกือบจะแตะโดนตัวเด็กหนุ่มอยู่แล้ว พลันนัยน์ตาสีดำเบิกโพลงขึ้น พร้อมกับที่ร่างโปร่งในชุดหมีโดดผลุงลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

“ขอโทษนะครับที่ผมเผลอหลับไป หมอปืนคงเมื่อยแย่เลยแล้วก็...” ภาวัฒน์โบกมือโชว์ถุงน้ำเต้าหู้ “ขอบคุณครับ อร่อยมากเลย” ยิ้มจนตาหยีแล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปตามทาง

ปาวัสม์มองตามจนแผ่นหลังนั้นลับสายตา เขาเผลอยกมือขึ้นจับไหล่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว แม้คนที่เคยสัมผัสจะจากไปแล้วแต่ทำไมกันนะ ความร้อนนั้นมันถึงยังไม่จางหายไปเลย 
************************************
 บทที่ 1 จบแล้ววววว
นี่เป็นครั้งแรกกับการลงนิยายในเล้า ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดขอความกรุณาด้วยนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-12-2014 11:25:47
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-12-2014 11:54:18
สนุก น่าสนใจและน่าติดตามค่ะ

หมอวิทย์นี่คิดอะไรกับหมอปืนหรือเปล่าเอ่ย? ดูหวงแบบแปลกๆนะ

เอาใจช่วยคนแต่งนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 07-12-2014 12:29:40
สนุกมากกกกก ชอบตอนบรรยายเหตุการณ์ที่ ER มากเลย อินตาม ลุ้นตามไปด้วยเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้าา :3123:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-12-2014 15:02:31
สนุกค่ะ ลุ้นๆกับเหตุการณ์ดี
หมอจิวคิดไรกับหมอปืนแน่ๆ

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: qxchanim ที่ 07-12-2014 17:44:41
นานๆทีจะเจอคนเขียนฉาก CPR ได้ดีขนาดนี้ ชอบมากๆเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเเต่งนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2014 18:25:17
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 07-12-2014 18:53:42
หมอปืนเท่มาก
เป็นเหมือนคนสร้างปาฏิหารย์เลย   o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 07-12-2014 19:05:27
 o13 ลุ้นตามตลอดเลย หมอจิวมีอาการหวงแปลกๆกับหมอปืนหรือเปล่าเนี่ย
ว่าแต่หมอปืนกะน้องกู้ภัยคนนั้นมีอตีดกันมาก่อนหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: naneku ที่ 07-12-2014 19:38:58
เห็นภาพเเบบชัดเจนเป็นฉากๆ ขนเขียนเรียนสายนี้หรือเปล่า ฮ่าาาาาาา ^0^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: โคมรัตติกาล ที่ 07-12-2014 20:27:33
ว้าวววววววววววว
น่าติดตามมากค่ะ
บรรยาซะเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงเลย
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 07-12-2014 21:06:06
สนุกมากกกกค่ะ ลุ้นมากตอนหมอปืนช่วยชีวิตคนไข้ มาต่อเร็วๆนะ เค้าชอบเรื่องราวของคุณหมอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-12-2014 21:47:56
เป็นกำลังใจให้เรื่งใหม่ ชอบแนวนี้อยู่แล้ว

หมอปีนเคยช่วยหนุ่มกู้ภัยไว้รึป่าว แต่คุณหมอน่าจะจำไม่ได้
เพราะตอนนั้นหนุ่มกู้ภัยน่าจะเด็กๆอยู่

หมอจิวที่ยังโสด เพราะแอบชอบหมอปีนอยู่รึป่าว


รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 07-12-2014 22:30:44
สนุกมากก ติดตามๆ :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 07-12-2014 23:07:04
ให้ตาย หัวใจแทบจะหยุดเต้นตาม ตอนเปลี่ยนมือทำCPR :เฮ้อ:
 o13 o13 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 08-12-2014 19:31:20
อุ่ยๆๆๆ คุณหมอ กับหน่วยกู้ภัย
ฉากช่วยชีวิตตื่นเต้นมาก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: จี้ซัง ที่ 08-12-2014 21:04:16
ชอบค่าาา เหมือนได้ดูซีรี่ย์เลย เลิศสุดๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 08-12-2014 23:57:21
อยากย้ายรพ.ไปอยู่กับหมอปืนเลยแฮะ ถ้าคนเขียนไม่ได้ทำงานสายนี้ก็ต้องหารายละเอียดมาอย่างดีแน่ๆ รายละเอียดเป๊ะทีเดียว เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 11-12-2014 11:58:46

คนเขียนเขียนเหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินได้ดีมากเลยค่ะ
เราอ่านแล้วลุ้นตามไปด้วยเลย นี่อินมาก เหมือนไปยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ 5555


 o13


หมอปืนน่ารักเนอะ >_<
เหมือนจะดุ แต่ดูอบอุ่น ใจดี แถมยังขี้อาย
พ่อหนุ่มน้อยภาวัฒน์นั้นจะเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของคุณหมอรึเปล้าน้อ?
ถือเป็นเรื่องราวดีๆ นะเนี้ย เวรตรงกันทุกวัน หมอปืนจะได้ไม่เหงา (แต่เซิ้งยันเช้าแทน 5555)

แต่หมอจิวนี่สิ หวงเพื่อนหรืออะไรกัน?

รอติดตามตอนหน้านะคะ !!


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-12-2014 14:25:51
รอตอนต่อไปอยู่นะ
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-12-2014 14:49:52
ยังไม่มาต่ออีกเหรอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 11-12-2014 14:54:50
เมื่อไหร่จะมา คิดถึงงงเจ้าเด็กแสบ  :sad11:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 11-12-2014 22:30:53
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ เรื่องสนุก น่าติดตามมากเลย
ชอบอาชีพของพระนายด้วย คุณหมอกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพิ่งเคยเจอ ชอบ ๆ
คนเขียนเขียนดีมากเลยค่ะ ทำให้เราอ่านแล้วอินตามสถานการณ์ ลุ้นไปด้วยเลย
ชอบนิสัยตัวละคร ทั้งหมอปืนและหนุ่มน้อยภาวัฒน์เลย โดยเฉพาะภาวัฒน์ กวน ๆ น่ารักดี
ทั้งคู่ เคยมีอดีตที่ฝังใจกันมาสินะ ภาวัฒน์ คือเด็กในความทรงจำของหมอปืน เมื่อหกปีก่อนแน่เลย
อยากรู้จัง ว่าหมอปืนจะจำขึ้นมาได้ตอนไหนน้า แต่ท่าทางหมอปืนจะเริ่มหวั่นไหวกับภาวัฒน์แล้วสินะเนี่ย  :o8:
รอติดตามตอนต่อไปจ้า  :mew1:
ปล. ถ้ามาต่อตอนใหม่ วันไหน ใส่แจ้งไว้ที่ชื่อเรื่องก็ดีนะคะ คนอ่านจะได้ทราบว่ามาอัพแล้วนะ ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 13-12-2014 01:25:36
สนุกค่ะ ข้อมูลมาแน่นปึ้กเลยด้วย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 13-12-2014 02:48:00
อ่านแล้วฟิน
คิดถึงหมอที่traumaเลยอ่ะะ กิ้สๆ

ขอบคุณนะค่ะ กำลังเข้าเวรดึกนี้แบ่บ ตาสว่างอะ
กรี้ดกร๊าดเบาๆ

มาต่อไวไวนะ รออยู่จ้าาาา

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 13-12-2014 06:45:58
ว้าว สนุกมากเลยค้ะ จำได้ว่าเรื่องนี้ได้รางวัลประกวดของนาบู หัวข้อกินเด็ก !!!!!!! ดีใจที่ได้อ่านนะคะ จะติดตามต่อไป สนุกน่าติดตามจริงๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 13-12-2014 11:59:42
มาจากห้องแนะนำนิยาย ไม่ผิดหวังเลยจริงๆๆ
เขียนดีมากเลยค่ะ เหมือนได้ไปอยู่เหตุการณ์นั้นๆๆ เลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 13-12-2014 13:07:41
สนุกดี มาต่ออีกเร็วๆน้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-12-2014 16:48:39
บทที่ 2 รู้จัก

‘พี่ปืนจะไปไหนกับใครนะคะ’ เสียงหวานๆ ของรชญาร้องถามมาตามสายโทรศัพท์ในเย็นวันศุกร์หลังจากแฟนหนุ่มโทรมารายงานว่ากำลังจะออกไปไหน
ปาวัสม์หนีบโทรศัพท์เข้ากับหูข้างหนึ่งพลางถอดเสื้อกาวน์โยนใส่ล็อคเกอร์ในห้องพักแพทย์ซึ่งอยู่ติดกับห้องฉุกเฉิน “ไปกินข้าวกับจิวไงครับ” เขาใช้สะโพกกระแทกประตูโลหะที่เริ่มขึ้นสนิมปิดและก้าวยาวๆ ออกจากห้อง ยังอารมณ์ดีเกินกว่าจะเอะใจกับโทนเสียงที่เริ่มสูงขึ้น

‘แต่วันนี้พี่ปืนนัดกับนิวว่าจะไปดูหนังด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ’
มือที่กำลังไขประตูห้องพักปิดชะงักกึก พวงกุญแจในมือร่วงกระทบพื้นเสียงดังแกร๊ง! “หนัง?”

‘อย่าบอกนะคะว่าพี่ปืนลืมน่ะ’

“คือ... เปล่า... ใครมันจะไปกล้าลืมนัดกับนิวล่ะครับ... อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ บาย”
คุณหมอหนุ่มยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะยกสองมือขึ้นกุมขมับและขยี้แรงๆ คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดีกับปัญหาโลกแตก เมื่อมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับพวงกุญแจคล้องตุ๊กตาโดราเอมอนยิ้มกว้างหน้าตาแป้นแล้น

“ไอ้นี่ของหมอปืนหรือเปล่า” เด็กหนุ่มที่หน้าเป็นไม่แพ้ตัวการ์ตูนในมือซึ่งเดินผ่านมาพอดีถาม

“ขอบใจ” ปาวัสม์รับพวงกุญแจมาใส่กระเป๋า เขาถอนหายใจดังเฮือกพลางหมุนตัวเดินกลับไปตามทางที่วุ่นวายของห้องฉุกเฉิน นัยน์ตาคมตวัดดูเวลาบนนาฬิกาติดผนังตรงหน้าโถงทางเดินซึ่งบอกเวลาหกโมงกว่าแล้ว ...ป่านนี้วิทยากับนุชนันท์คงรออยู่ที่ร้านประจำพร้อมอาหารเต็มโต๊ะ ถึงจะไม่อยากเบี้ยวนัดที่เขาเป็นคนนัดเองแต่มันก็ช่วยไม่ได้... เขาถอนหายใจอีกครั้งและหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก

‘ว่าไงปืนถึงไหนแล้ว ฉันกับอุ้มจะรอนายไม่ไหวแล้วนะ’
เสียงของวิทยาดังมาตามสาย ทั้งที่ดีใจที่ได้ยินเสียงแต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกผิดอย่างที่สุด

“โทษทีพอดีฉันท้องเสีย เห็นทีคงไปไม่ไหวแล้วว่ะฝากขอโทษอุ้มด้วยนะ”

เสียงทุ้มของอีกฝ่ายคล้ายจะตอบอะไรบางอย่างแต่อึดใจต่อมามันกลับแทนที่ด้วยเสียงหวานปนดุ

‘จะพาน้องนิวไปไหนหรือคะคุณปาวัสม์’

ขนอ่อนหลังคอปาวัสม์พร้อมใจกันลุกเกรียวขึ้นทันที “ไปไหนอะไรอุ้ม แล้วเกี่ยวอะไรกับนิว ฉันท้องเสียจริงๆ นะ”
เขาเดาได้ไม่ยากถึงริมฝีปากบางของสาวร่างอวบที่กำลังเม้มสนิท ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านุชนันท์เกลียดการโกหกมากขนาดไหน แต่บางครั้งการโกหกก็อาจจะดีกว่าการพูดความจริงที่จะทำให้อีกฝ่ายเสียใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผิดนัดกับเพื่อนรักทั้งสองด้วยสาเหตุนี้และนุชนันท์ก็ประกาศจะไม่อภัยให้เขาถ้ายังมีครั้งต่อไป
ทว่ากระแสเสียงที่ตอบกลับมาทำให้ปาวัสม์รู้ในทันทีว่าเขาคิดผิด!

‘นายจะเบี้ยวนัด ฉันก็โกรธพอตัวอยู่แล้ว แต่ทำไมนายต้องมาโกหกให้ฉันเกลียดด้วย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายจะไปไหน ไม่รู้ล่ะ! นายสัญญากับฉันแล้ว ถ้าคืนนี้ฉันไม่เห็นหน้านาย นายก็อย่าหวังว่าจะได้ความเป็นเพื่อนจากฉันอีก... เพื่อนอย่างฉันกับผู้หญิงคนนั้นนายจะเลือกใครก็คิดเอาเองละกัน!!’

ปาวัสม์แทบจะได้ยินเสียงนิ้วอวบๆ นั้นกระแทกปุ่มกดตัดสายพร้อมกับภาพสาวร่างอวบโยนโทรศัพท์คืนวิทยาและฟาดงวงฟาดงาด้วยความโมโหลอยขึ้นมาในหัว เขายัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและภาวนาจนสุดใจขอให้โลกแตกไปจริงๆ เสียยังจะดีกว่า

เด็กหนุ่มในชุดหมีมองคุณหมอหนุ่มเดินคอตกออกไปจากห้องฉุกเฉิน นึกสงสัยขึ้นมาจับใจว่าทำไมคนที่ลงทุนโกหกเพื่อนเพื่อจะไปกินข้าวกับแฟนถึงมีสีหน้าอมทุกข์ขนาดนั้น ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ โคลงเบาๆ ก่อนนัยน์ตาสีดำขลับจะหรี่ลงเล็กน้อย

...ของบางอย่างไม่ตามไปดูให้เห็นกับตา ก็ไม่มีทางเข้าใจสินะ...
OOOOOO

“นิวจะดูเรื่องนี้เหรอ แต่นิวก็รู้นี่นาว่าพี่ไม่ชอบดูหนังแบบนี้” ปาวัสม์นิ่วหน้ากับบิลบอร์ดอันใหญ่ของหนังรักโรแมนติกที่แฟนสาวหมายมั่นว่าจะดูให้ได้ ลำพังแค่ชื่อเรื่องก็ชวนยี้แล้วโดยไม่ต้องอ่านคำโปรยและเดาได้ทันทีว่าในอนาคตอันใกล้นี้เขาต้องหลับสนิทชนิดฝันได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว

“แต่นิวจะดู แล้วพี่ปืนก็ต้องดูกับนิว ห้ามหลับห้ามง่วงห้ามทำหน้าน่าเบื่อด้วยนะคะ” เครื่องหน้าหวานของรชญาเชิดขึ้น เธอใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าอกเขาจึกๆ กอดจะสะบัดกลับไปกอดหน้าอกไว้แน่น

นอกจากมารดาแล้วในจักรวาลนี้ปาวัสม์รู้จักผู้หญิงดีแค่สองคน คนแรกคือนุชนันท์และคนที่สองคือรชญาซึ่งบอกได้คำเดียวว่าทั้งสองสาวช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เริ่มจากหุ่นของเธอที่บอบบางราวกับนางแบบ ผมดำยาวสลวยถึงกลางหลังดัดเป็นลอนอ่อนๆ ดูเป็นสาวน้อยน่ารัก และจมูกเชิดรั้นบ่งบอกนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนเอาแต่ใจเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านได้เป็นอย่างดี

สำหรับปาวัสม์แล้วความเอาแต่ใจนี่ไม่นับเป็นความไม่น่ารักหรอกนะ มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงอยู่แล้วแค่จะมีมากหรือน้อยเท่านั้นแหละ และเขาก็ผ่านบทเรียนที่แทบจะเรียกได้ว่าหนักหนาที่สุดมาทั้งชีวิตกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแม่กับเพื่อนรักแล้ว แค่นี้สำหรับเขามันไม่น่าลำบากใจสักนิด... แต่บอกตรงๆ นะว่าไอ้หนังเรื่องนั้นน่ะมันไม่ไหวจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นหนังบู๊ Sci-Fi หรืออะไรเทือกนี้ก็ว่าไปอย่าง

“แต่ว่า...” ร่างสูงกลืนน้ำลายเอื๊อก ลำพังแค่ไม่ทำหน้าน่าเบื่อยังพอเฟคได้แต่ห้ามง่วงนี่ใครมันจะไปทนไหวล่ะ โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งออกเวรมาเหนื่อยๆ ยิ่งได้นั่งนิ่งๆ เจอแอร์ๆ เย็นเป่าเข้าหน่อย... ขอพนันร้อยเอาบาทเดียวเลย! เต็มที่เขาก็ฝืนสังขารนั่งตัวตรงได้แค่สิบนาทีก่อนที่ศีรษะจะแพ้แรงโน้มถ่วงของโลกซุกมุมใดมุมหนึ่งของเก้าอี้นวมนั่นน่ะแหละ

“ไม่มีแต่ค่ะพี่ปืน พี่ปืนต้องชดใช้ความผิดที่ลืมนัดกับนิว”

“แต่พี่ก็อุตส่าห์ยกเลิกนัดกับเพื่อนแล้วมากับนิวแล้วไง”

“พี่ปืนใช้คำว่าอุตส่าห์ได้ยังไงในเมื่อพี่ลืมเอง” รชญาสวนทันควันชนิดที่ถ้าเป็นปืน ลูกกระสุนก็พุ่งเข้ากลางแสกหน้าไปแล้ว “หรือว่าพี่ห่วงผู้หญิงคนนั้น ถ้ากลัวว่าเขาจะโกรธพี่ปืนกลับไปหาเขาก็ได้นะคะ นิวดูคนเดียวได้” หน้าหวานหม่นลงจนเห็นได้ชัด กอปรกับนัยน์ตากลมโตที่เคลือบสีสันสดใสนั้นเริ่มรื้นน้ำตานิดๆ ทำให้ใจของปาวัสม์อ่อนยวบ

“ไม่เอาไม่งอนน่า แล้วผู้หญิงคนไหนอีกล่ะครับนิว ไอ้จิวมันไม่ใช่กะเทยสักหน่อย”

“อยากให้นิวบอกจริงๆ น่ะเหรอคะว่าเป็นใคร”  รชญาพูดลอดไรฟันพร้อมกับสะบัดหน้าหนี

“ไม่เอาน่านิวพี่ขอโทษนะ” ปาวัสม์เดินอ้อมตัวเธอไปและคว้าไหล่มนไว้ดึงให้หันมาสบตา ในที่สุดเขายอมแพ้อย่างราบคาบ “มาเถอะยังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าหนังจะฉายนิวอยากทานอะไรพี่จะพาไปเลี้ยงหรือว่านิวอยากได้อยากทำอะไรพี่จะตามใจทุกอย่างเลยยกโทษให้พี่แล้วยิ้มนะจ๊ะนะ”

รชญาเหลือบมองมือใหญ่ที่อยู่บนหัวไหล่ทั้งสอง ริมฝีปากบางสีกุหลาบกรีดยิ้มหวานเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันกลับมาสบตาช้าๆ “พี่ปืนเตรียมหมดตัวได้เลยค่ะ”
OOOOOO

“รถมันจะติดอะไรกันหนักกันหนาวะ” ปาวัสม์บ่นอย่างหัวเสียกับการจราจรในเมืองใหญ่ เมื่อรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำสนิทของเขาจอดติดแหงกอยู่แยกไฟแดงเดิมมาร่วมชั่วโมงเศษแล้ว

การเดทกับรชญาดูจะจบเร็วเกินกว่าที่คิดไว้ เพราะผลมันออกมาตามโผอย่างที่คาดไว้แล้วว่าต้องหลับและสิ่งที่ตามมาติดๆ คือเขาถูกแฟนสาวลากออกจากโรงหนังตั้งแต่กลางเรื่องและทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพียงแค่หลุดปากไปว่า ‘ทีมาดูกับอุ้มแล้วเผลอหลับ อุ้มยังไม่บ่นเลย’

นิ้วเรียวเคาะไปบนพวงมาลัย ปาวัสม์เอื้อมมือไปเร่งแอร์และเปิดเสียงเพลงในรถให้ดังขึ้นอีกแต่การทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ใจที่ร้อนรุ่มเย็นลงเลย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ไม่ว่าดูสักกี่ทีหน้าจอก็ยังดำมืดไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นมาดูอีกครั้งก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋า และหันกลับมาเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยต่อ
...จะโทรง้อแฟนก็ไม่ได้ จะโทรหาเพื่อนก็ไม่ได้แบบนี้เซ็งชะมัด...

รถคันหน้าเริ่มขยับอีกครั้ง ปาวัสม์ใส่เกียร์และขับตามไปช้าๆ
พลันสายตาเหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่ในชุดหมีสีเขียวขี้ม้าถือแท่งไฟสะท้อนแสงโบกไหวๆ ให้ทางอยู่หลังรถมูลนิธิร่วมกตัญญูที่จอดเปิดไซเรนอยู่กลางถนน ถัดไปเล็กน้อยมีรถเก๋งคันหนึ่งชนอัดเสาไฟฟ้าจนหน้ายุบเข้ามาครึ่งคัน และนั่นเองคือสาเหตุให้การจราจรเป็นอัมพาตอยู่ในขณะนี้
นัยน์ตาคมเบิกโพลง ...โดยไม่มีอาการลังเล ปาวัสม์กระพริบไฟผ่าหมาก ชิดรถเข้าข้างทางและเปิดประตูลงไปทันที
มีไทยมุงให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย คุณหมอหนุ่มเบียดตัวแทรกเข้าไปจนถึงด้านใน... เข้าไปจนใกล้มากพอจะเห็นเลือดกองใหญ่กับรองเท้าผ้าใบขาดๆ ข้างหนึ่งบนพื้นถนนลาดยาง

ร่างสูงแทบหยุดหายใจ การทำงานหลายปีในห้องฉุกเฉินสอนให้รู้ว่าปริมาณเลือดกองเท่านั้นไม่ว่ามันจะไหลออกมาส่วนใดของร่างกายก็ตาม คนๆ นั้นมักจะไม่รอด
สายตามองไล่ไปตามพื้นถนนเพื่อหาคนเจ็บ ภาวนาจนสุดใจขอให้มีโอกาสสักหนึ่งในล้านที่ประสบการณ์ของเขาจะบิดเบี้ยวไป ในที่สุดการค้นหาก็จบลงตรงปลายเท้าเปลือยเปล่าซึ่งโผล่พ้นกลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดสีเขียวขี้ม้าสามคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรสักอย่าง

ร่างสูงโผเข้าไปทันที

“คุณครับเข้าไม่ได้นะครับ!” เจ้าหน้าที่คนที่โบกไฟให้ทางอยู่พุ่งมาจับตัวเขาไว้

“ผมเป็นหมอ!” ปาวัสม์ตะโกนก้องดึงดันจะเข้าไปให้ได้ “ผมเป็นหมอครับ... ขอผมดูคนเจ็บหน่อย” ปากร้องบอกไปสายตาก็ชะเง้อข้ามไหล่คนในชุดหมีสีเขียวขี้ม้าตรงหน้า
เจ้าหน้าที่คนเดิมส่ายหน้า “คุณหมอมาช้าไปแล้วครับ” แต่ก็ยินยอมปล่อยตัวคุณหมอหนุ่มและเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้เขาเห็นเหตุการณ์ชัดขึ้น

“ไม่จริงน่า!” ปาวัสม์บอกอย่างดื้อแพ่ง และจ้ำพรวดไปหาร่างที่เห็นนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น แต่มันก็เหมือนกับละครตอนจบ ต่างกันตรงที่ไม่ได้มีม่านสีสวยรูดปิด มีแค่ถุงผ้าดิบสีขาวมอซอที่ห่อร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งไว้และกำลังถูกยกไปขึ้นท้ายรถมูลนิธิ

“ไม่จริง!!” เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ปาวัสม์เงยหน้าขึ้นมอง เธอเป็นหญิงวัยกลางคนเนื้อตัวมอมแมมและมีคราบเลือดสดๆ เปื้อนเปรอะตามร่างกาย เธอเองก็คงเป็นหนึ่งในผู้ประสบเหตุแต่โชคดีรอดชีวิตมาได้ ขาของเธอกระเผลกไปข้างหนึ่งแต่กลับวิ่งได้รวดเร็วน่าเหลือเชื่อเมื่อโผเข้าไปกอดร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าดิบนั้นไว้ และยื้อยุดกับเจ้าหน้าที่ไม่ให้เอาร่างนั้นขึ้นท้ายรถ ใบหน้าบิดเบี้ยวอาบด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสูญเสีย “เขายังไม่ตาย! ไม่จริง!”

ริมฝีปากเม้มสนิท มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่น เขากลับหลังหันเพื่อหนีจากภาพตรงหน้า สองขาลากช้าๆ พาร่างกายที่บรรทุกหัวใจห่อเหี่ยวไว้กลับไปยังรถของตน นัยน์ตาสีดำสนิทเลื่อนลอยครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งได้เห็น

...ถ้าเพียงแต่เขาผ่านมาเร็วกว่านี้จะช่วยผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นได้ไหมนะ...

มันเป็นคำถามที่เขาตอบตัวเองไม่ได้ ปาวัสม์รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหมึก

ทันใดนั้นกลุ่มเมฆเหนือหัวเคลื่อนวนเร็วขึ้นและจับกลุ่มหนาตัวลอยต่ำลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นเมฆฝนตกลงมาห่าใหญ่ ฟ้าผ่าเสียงดังครืนครางน่ากลัวแต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความสยดสยองของของเหลวสีแดงที่ซึมผ่านเสื้อนักเรียนสีขาวตัวนั้นขึ้นมาเป็นวงกว้างและกระจายออกไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว
สองขาหยุดนิ่ง มือใหญ่เลื่อนขึ้นกุมหน้าอกโดยอัตโนมัติ หัวใจเต้นแรงเสียจนเขารู้สึกเจ็บ

พลันแสงไฟสูงจากหน้ารถสาดมากระทบหน้าจนตาพร่ามัว พร้อมกับเสียงบีบแตรยาว ปาวัสม์สะดุ้งเฮือกและเหลียวไป

“หมอปืนระวัง!!!”

ทุกอย่างหายไปและกลายเป็นสีดำมืดในพริบตา

ปาวัสม์กระพริบตาถี่ๆ เมฆฝนหายไปแล้วและท้องฟ้าก็กลับมาเป็นสีหมึกปราศจากดวงดาวอีกครั้ง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนพื้น แต่น่าแปลกที่พื้นถนนลาดยางนั้นกลับไม่แข็งเลยสักนิด

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”

เสียงทุ้มเดิมดังขึ้นข้างหู ปาวัสม์กระพริบตาอีกครั้งและรับรู้เป็นครั้งแรกถึงความอบอุ่นของวงแขนแข็งแรงจากใครคนหนึ่งที่โอบรอบเอวเขาไว้แน่น

“เกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าสีแทนครึ้มหนวดของภาวัฒน์บิดเบี้ยวและอยู่ห่างจากแก้มเขาไม่ถึงคืบ คิ้วหนาขมวดมุ่น ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มต้องหงุดหงิดซ้ำยังตะโกนใส่หน้าเขาจนน้ำลายแตกฟองขนาดนั้น

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม! หมอปืนเดินเหม่อออกไปริมถนนเกือบโดนรถชนแล้วรู้ตัวไหม”

ปาวัสม์สะดุ้งเฮือก ได้สติเต็มที่ สายตาคมช้อนขึ้นมองท้องถนนที่รถราวิ่งขวักไขว่เบื้องหน้าแล้วขนลุกซู่... นี่เขาเหม่อจนเกือบเดินไปหาที่ตายเองแล้วไหมล่ะ!... เขาก้มลงมองอ้อมแขนที่ยังไม่ยอมคลายออก สัมผัสได้ถึงความชื้นจากฝ่ามือที่สั่นน้อยๆ “ขอบใจที่ช่วยนะ”

ถึงจะยังขัดใจไม่หายกับผู้ใหญ่จอมซุ่มซ่าม นี่ถ้าอายุสามขวบไม่ใช่สามสิบเขาคงได้เอาไม้เรียวฟาดหรือไม่ก็จับแก้ผ้าตีก้นไปแล้ว แต่เพราะความจริงมันตรงข้าม คนอายุน้อยกว่าจึงได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกรงว่าถ้าขืนโวยวายไปมากกว่านี้ต้องโดนว่าเป็นเด็กขี้วีนแน่ๆ ไหนๆ ก็ได้กอดแถมคำขอโทษมาแล้ววันนี้จะยอมปล่อยไปก่อนละกัน

“ไม่ต้องมาพูดเลย! แล้วก็ลุกได้แล้ว... ลุกกกก ขาผมเป็นตะคริวแล้วเนี่ย เห็นตัวแค่นี้แต่หนักเป็นบ้าเลย”

ปาวัสม์ตวัดสายตาลงต่ำอีกนิดและได้คำตอบในที่สุดว่าทำไมพื้นถนนถึงไม่แข็งซ้ำยังนั่งสบายสุดๆ ก็เพราะเขาหย่อนก้นลงบนตักเจ้าเด็กหนุ่มนี่น่ะสิ ร่างสูงรีบโดดผลุงลุกขึ้นยืน
เมื่อขาทั้งสองข้างเป็นอิสระภาวัฒน์ก็ยันตัวลุกขึ้นบ้าง นัยน์ตาคมเหลือบมองเด็กหนุ่มปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า เขาดูแปลกตาไปมากทีเดียวเมื่อถอดชุดหมีมาสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์... จะเรียกว่าดูเด็กสมวัยก็คงจะได้ล่ะมั้ง? แต่หนวดเครารุงรังที่ล้อมกรอบใบหน้าเล็กๆ นั้นอยู่ทำให้ดูแก่แดดแก่ลม ไม่น่ารักเอาเสียเลย

คุณหมอหนุ่มหันมองไปรอบๆ ซึ่งเป็นคอนโดสูงเสียดฟ้าย่านคนรวย สนนราคาห้องหนึ่งไม่ต่ำกว่าหลักหลายล้าน แล้วก็ให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง ที่นี่มันไม่ใช่ที่ๆ เด็กหนุ่มน่าจะอาศัยอยู่ อีกทั้งแถวนี้ก็ไม่มีห้างร้านหรือถนนคนเดินใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเช่นนั้นเจ้าเด็กแสบนี่มาทะลึ่งโผล่ตรงนี้และช่วยเขาไว้ได้ยังไง เหตุการณ์มันจะประจวบเหมาะเกินไปหรือเปล่า

“นายมาทำอะไรที่นี่”

ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกกลัวถูกจับได้ว่าแอบตามมา แต่ถึงโดนจับได้จริงใครจะบ้ารับสารภาพ สมัยนี้ไม่มีแล้วเรื่องที่จะลดโทษลงกึ่งหนึ่งอะไรนั่นน่ะ โดยเฉพาะกับคนหน้าดุคนนี้ด้วยแล้วล่ะก็ “ก็แล้วหมอปืนมาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ”

ปาวัสม์ย่นคิ้ว ...ตกลงนี่ใครถามใครกันแน่วะ? “ฉันขับรถผ่านมา”

“ผมก็บังเอิญขับรถผ่านมาเหมือนกัน” ภาวัฒน์ตอบพลางพยักเพยิดไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ถัดออกไปจากรถเขาไม่ไกล “เห็นมีอุบัติเหตุก็เลยแวะช่วยเหมือนคุณหมอน่ะแหละ”

ถึงจะพบช่องโหว่มากมายในคำตอบที่แถจนแทบตกคลองแต่เขาก็ไม่สนใจถามต่อ “งั้นฉันไปก่อนนะ”

“จะรีบไปไหนล่ะครับ” ภาวัฒน์ฉวยข้อมือคุณหมอหนุ่มไว้ “นี่หมอปืนไม่คิดจะตอบแทนที่ผมช่วยไว้หน่อยเหรอ”

สัมผัสหยาบกร้านที่กอบกำรอบข้อมือโดยไม่ตั้งตัวทำให้ร่างสูงสะดุ้ง เขาเกือบจะสะบัดมือนั้นทิ้งอยู่แล้วเมื่อสายตาคมบังเอิญหันไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิท
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นในหัวอีกครั้ง มันดังมากเสียจนร่างสูงโงนเงนไปเล็กน้อย ฝ่ามือเล็กๆ ของร่างโชกเลือดที่เอื้อมมาไขว่คว้านั้นทั้งซีดและเย็นจนน่าใจหาย แต่แววตาที่จ้องมากลับเป็นประกายกล้าราวกับดวงดาวที่ไม่มีวันอับแสง

ปาวัสม์สะบัดศีรษะเบาๆ ไล่ความทรงจำเก่าๆ ออกไปจากสมองและมองตอบสายตาที่ยังคงมองตรงมา เป็นครั้งที่สองในรอบไม่กี่วันที่เขารู้สึกราวกับโดนสะกดด้วยมนต์ในนัยน์ตาคู่นั้น

“นายกินข้าวหรือยัง”

...พูดไปแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม วินาทีนี้รู้เพียงว่าอยากทำ เขาอยากรู้จักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นแค่นิดเดียวก็ยังดี อยากรู้จับใจว่าอะไรคือสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนัยน์ตานั่น... เพราะมันช่างเหมือนกันเหลือเกินกับนัยน์ตาคู่นั้น นัยน์ตาคู่ที่เขาไม่เคยลืมหรือลบมันทิ้งไปจากใจได้เลยแม้สักวินาทีเดียว...
OOOOOO
ตอนที่ 2 ยังไม่จบนะคะ...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-12-2014 16:49:36
บทที่ 2 รู้จัก(ต่อ)

ขับรถเลี้ยวออกมาจากย่านนั้นเพียงเล็กน้อยก็เจอ ‘Midnight’ ร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศน่านั่ง คิดดูอีกทีการที่มาเจอภาวัฒน์ในเวลาเช่นนี้ก็นับเป็นเรื่องดีไปอีกแบบ ข้อหนึ่งคือถึงเขาจะอยากไปหาเพื่อนๆ ใจแทบขาดแต่ตอนนี้ร่างกายก็เปิดใช้โหมดอัลตร้าเพาเวอร์เซฟวิ่งแบบเต็มสตรีมเสียจนพลังชีวิตแทบจะหมดตามแบตโทรศัพท์ไปอยู่รอมร่อ ...อย่างน้อยในวันศุกร์แห่งชาติที่โดนทิ้งนี้เขาก็ไม่ต้องนั่งหง่าวกินข้าวเย็นเหงาๆ คนเดียว อย่างที่สอง ก็ถือว่าตอบแทนเด็กหนุ่มเรื่องช่วยเขาไว้อย่างที่บอกไปนั่นแหละ
บริกรหนุ่มส่งเมนูให้ เขายังไม่ทันจะเริ่มต้นแนะนำอาหารด้วยซ้ำเมื่อคนหิวจัดรัวคำสั่งใส่ไม่ยั้ง

“ต้มยำกุ้งไม่เผ็ด ไข่เจียวหอยนางรม ปลาทับทิมนึ่งมะนาว เนื้อปูผัดผงกระหรี่ ข้าวสวยหนึ่งโถ อ้อ... ขอไก่ทอดด้วย” ปาวัสม์เม้มปากอันที่จริงเขาอยากจะสั่งอีกแต่เห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่ได้สั่งจึงพอเท่านี้ก่อน “นายจะกินอะไร”

คนหน้าเป็นส่ายศีรษะและยิ้มระรื่นจนน่าหมั่นไส้... แค่ได้มากินข้าวสองต่อสองกับคุณหมอหนุ่มเขาก็ดีใจจนอิ่มทิพย์ไปถึงชาติหน้าแล้ว “ที่หมอปืนสั่งก็พอกินกันทั้งหมู่บ้านแล้วมั้งครับ ถามจริง นี่กินคนเดียวหมดเหรอครับ”

ปาวัสม์ไม่สนใจ เขาหันไปสั่งอีกสองเมนูในใจที่เหลือ “กุ้งทอดกระเทียมกับยำวุ้นเส้นด้วย... ไม่เผ็ดนะ”

“ท่าทางจะหิวจัด” คนที่แค่ฟังก็อิ่มแล้วนึกจดจำรายละเอียดต่างๆ ไว้ในใจ

...กินได้ทุกอย่างยกเว้นผักกับของเผ็ดสินะ...

“มันก็เรื่องของฉัน” ปาวัสม์ตอบ สายตายังจับจ้องอยู่บนหน้าเครื่องดื่มกับของหวานในรายการอาหาร เขาเพิ่งเห็นว่ามีเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จำพวกค๊อกเทล เบียร์ ไปจนถึงเหล้าดีกรีแรงด้วย

“หมอปืนนน...” ภาวัฒน์ลากเสียงเรียกร้องความสนใจคนที่เอาแต่ดูเมนู “ค่าอาหารเราหารกันคนละครึ่ง แล้วผมขอเปลี่ยนของตอบแทนเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ”

นัยน์ตาคมตวัดขึ้นมองคนที่นั่งกอดอกเท้าแขนลงบนโต๊ะจ้องมองเขาอยู่ ปาวัสม์ปิดเมนูฉับแล้วโยนสไลด์ไปบนโต๊ะ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และยกมือขึ้นกอดอกบ้าง “ได้คืบจะเอาศอกนะเรา แล้วตกลงจะเอาอะไร”

“ผมอยากฟังเรื่องของหมอปืน” นัยน์ตาสีดำพราวระยับเสียจนน่าหมั่นไส้

คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง “ทำไมฉันต้องยอม”

“ถือว่าตอบแทนผมไง” คนถือไพ่เหนือกว่าอมยิ้มกรุ้มกริ่ม “เอางี้! ถ้าหมอปืนคิดว่าผมเอาเปรียบ งั้นเรามาเล่นเกมผลัดกันถามคนละคำถามก็ได้นะครับ”

คิ้วหนาย่นเข้าหากันอยู่อึดใจ ไม่ว่าทางไหนเขาก็เสียเปรียบเห็นๆ พลันมุมปากกระตุกขึ้นอมยิ้มกับแผนแกล้งเด็กที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ ปาวัสม์จึงยอมหลวมตัวเล่นเกมกับเด็กหนุ่มอย่างเต็มใจ

“เอางั้นก็ได้”

เขากวักมือเรียกบริกรที่ยังยืนรอรับเมนูเครื่องดื่มอยู่ให้ก้มหน้าลงมาและป้องปากกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บริกรจะพยักหน้าและเดินหายไปหลังเคาน์เตอร์
คุณหมอหนุ่มหันกลับมาสบตาคนหน้าเป็นที่ยังทำหน้าระรื่นไม่ล่วงรู้ถึงแผนการของเขา... ยิ้มไปเถอะ! เดี๋ยวนายจะไม่มีโอกาสทำหน้าทะเล้นแบบนั้นใส่ฉันอีกแล้ว... 

“แต่ถามไปถามมาทั้งฉันและนายก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากตอบ เพื่อไม่ให้เกมหมดสนุก ดังนั้นเราจะใช้ ‘เจ้านี่’ เป็น ‘สิทธิ์ผ่าน’”

บริกรคนเดิมเดินกลับมาอีกครั้งและวางขวดแก้วทรงกลมขนาดใหญ่บรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันกับแก้วทรงสี่เหลี่ยมหนึ่งใบลงบนโต๊ะ

“หนึ่งช๊อตต่อหนึ่งคำถาม”

คนผมสีน้ำตาลเหลือบตาดูเครื่องดื่มมึนเมาดีกรีสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโต๊ะไม่เชิงหวาดกลัวแต่ออกจะกังวลเสียมากกว่าเพราะนอกจากจะไม่รู้อะไรแล้วเขาอาจต้องแบกคนเมากลับบ้านฟรีอีก “ลองเล่นอาวุธหนักแบบนี้ คืนนี้ทั้งคืนเราก็อาจไม่ได้คำตอบกันเลยน่ะสิครับ”

ปาวัสม์ไหวไหล่ “กติกายังไม่จบสักหน่อย... ถ้าใครเลือกที่จะตอบ คนถามต้องเป็นฝ่ายกินแทน ตกลงไหม”

เขากอดอกมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม... สมัยเป็นเด็กแม่ของเขาทำงานบาร์  เขาจึงโตมากับร้านเหล้า สมัยเป็นวัยรุ่นเรียนชั้นมัธยมก็เป็นเด็กเที่ยวพอตัว สมัยเรียนมหาวิทยาลัยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่เหล้าเถื่อนต้มเองยันเหล้านอกขวดเป็นหมื่นก็ผ่านลิ้นมาหมดแล้ว ครั้นจะให้อวยตัวเองว่าเป็นคนคอแข็งก็ไม่ใคร่แน่ใจเท่าใดนักเพราะก็เคยตื่นมาเจอผู้หญิงแปลกหน้านอนร่วมเตียงหมอนไม่เรียงกันอยู่บ่อยๆ ...แต่ที่จำได้แม่นยำแน่ๆ คือตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยดวลเหล้าแพ้ใครและเขาก็ไม่คิดจะเอาสถิตินั้นมาโยนทิ้งเสียวันนี้ซะด้วยสิ

...เล่นกับใครไม่เล่น เดี๋ยวจะเอาให้เดินสี่ขา เมาเป็นหมากลับบ้านไม่ถูกเลย...

เด็กหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับคาง ...ตั้งกฏนี้ขึ้นมาแสดงว่าไม่คิดจะเมาคนเดียวสินะ แบบนี้ค่อยน่าลุ้น... เขาลดมือลงและเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคมเต็มตา ริมฝีปากกรีดยิ้มกว้างยียวน “ตกลงครับ”

ครู่เดียวอาหารที่สั่งไว้ก็ทยอยยกมาเสิร์ฟ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่างทำให้เมาเร็วกว่าปกติ พวกเขาจึงตกลงจะเริ่มเกมหลังกินอิ่ม ความจริงปาวัสม์ก็ไม่ได้แคร์เรื่องนั้นสักเท่าไรหรอกนะแต่ตอนนี้เขาหน้ามืดจนแทบจะกินช้างได้ทั้งโขลงแล้วต่างหาก ดังนั้นเกมเกิมอะไรนั่นต้องมาทีหลัง

เพียงพริบตาของทุกอย่างก็ถูกกวาดลงท้อง ทุกจานสะอาดเกลี้ยงเกลาจนแทบพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้มันเคยใส่อะไรมา
ปาวัสม์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับตะเข็บเสื้อนึกอยากปลดกระดุมออกสักเม็ดสองเม็ดใจแทบขาด แต่เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าดันจ้องเขาไม่วางตา ต่อมละอายบนหนังหน้าเลยบงการให้เขาต้องแกล้งทำเป็นลูบท้องถี่ๆ แทนเผื่อว่ามันจะไปช่วยกระตุ้นอัตราการย่อยได้บ้างแม้สักนิดก็ยังดี

มือใหญ่เอื้อมหาแก้วน้ำเมื่อภาวัฒน์ฉวยแย่งเอาไปเติมน้ำแข็งและน้ำจนเต็มก่อนจะยื่นมาตรงหน้าจนขอบแก้วเกือบจะแตะริมฝีปากอย่างเอาอกเอาใจ “นี่ครับ”
ปาวัสม์หรี่ตามองคนหน้าเป็นตรงหน้า

“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ ลงไปแน่นอน”

“ขอบใจ” เขาบอกและรับแก้วน้ำมาดื่ม “ภาวัฒน์... นายชื่อเล่นชื่ออะไรนะ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “นั่นถือเป็นคำถามหรือเปล่าครับ” เขาแกล้งยวนทั้งที่จริงอยากตอบใจแทบขาด

มุมปากกระตุกขึ้นยิ้มเล็กน้อย ปาวัสม์วางแก้วน้ำเปล่าลงแล้วหยิบแก้วทรงสี่เหลี่ยมที่เอาไปหลบไว้จนถึงเมื่อครู่ออกมา จัดแจงคีบน้ำแข็งใส่ลงไปหนึ่งก้อนและริน ‘สิทธิ์ผ่าน’ ใส่จนเต็ม “จะตอบหรือจะกิน”

ภาวัฒน์จุ๊ปาก “เล่นอ่อยกันแบบนี้ระวังจะเสียใจทีหลังนะครับ”

ปาวัสม์หยิบแก้วเหล้ายื่นไปตรงหน้า “ถ้าไม่ตอบก็กิน”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้างไปจนถึงนัยน์ตา “พลุครับ”

คุณหมอหนุ่มชักมือกลับและกรอกของเหลวสีอำพันลงคอรวดเดียวหมด “พุ... น้ำพุน่ะเหรอ”

“นั่นก็ถือเป็นคำถามนะครับ” ภาวัฒน์รีบคว้าขวดเหล้ามารินใส่แก้วจนเต็มอีกครั้งทันที “พลุ... ดอกไม้ไฟน่ะครับ”

“พลุ” ปาวัสม์ทวนคำหลังจากดื่มแก้วที่สองหมด “เออ... จำง่ายดี มิน่าสิถึงได้ผิวสีนี้ที่แท้ก็โดนไฟไหม้จนดำนี่เอง”

“โหย หมอปืนอ่ะ พูดแบบนี้มีเคืองนะครับ ผมนี่คนเมืองเชียงใหม่แท้ๆ เลยนะ ที่ดำนี่เพราะตากแดดหรอกจริงๆ แล้วผิวผมออกจะขาวจั๊ว”

“จริงเหรอ”

“อยากพิสูจน์ไหมล่ะครับ”

“ก็อยากจะลองล่ะนะ” ปาวัสม์กรีดยิ้มยั่ว “แต่บังเอิญนายมันไม่ใช่สเปคน่ะสิ”

ภาวัฒน์ทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอรำคาญผู้ชายนิสัยเสียที่ชอบหยอกให้คิดแล้วทำให้ผิดหวัง “ตาผมแล้ว ผมได้สองคำถามนะ”

“ว่ามา”

“ทำไมหมอปืนถึงมาเป็นหมอล่ะครับ”

“ฉันไม่เคยคิดอยากเป็นหมอสักนิด” ปาวัสม์ตอบจากใจจริง “ตอนเด็กๆ ฉันเกลียดโรงพยาบาลจะตาย กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อมันทำฉันแสบจมูก แถมยังมีแต่เลือดน่ากลัว แค่นั้นไม่พอฉันยังชอบหนีโรงเรียน เป็นเด็กเสเพลเต็มขั้น การบ้านก็ไม่เคยทำ สอบก็เอาแค่พอผ่าน ตอนที่บอกว่าจะมาเป็นหมอมีแต่คนคิดว่าฉันบ้า ขนาดแม่บังเกิดเกล้าแท้ๆ ยังหาว่าฉันเมาแล้วจะจับส่งเข้าสถานบำบัดเลย”

ภาวัฒน์ขำก๊าก “หมอปืนล้อผมเล่นใช่ไหม คนที่จบคณะแพทยศาสตร์อันดับหนึ่งของไทย แถมยังขึ้นว่าเป็นเทพแห่งER เนี่ยนะ... อย่ามาโกหกซะให้ยาก อมพระประธานวัดพระแก้วมาพูดผมยังไม่เชื่อเลย”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่มันคือเรื่องจริง” ปาวัสม์ไหวไหล่พลางชงเหล้าแก้วใหม่ “ตั้งแต่ม.หนึ่งยันม.หก รายงาน การบ้านเคยทำเองซะที่ไหน ฝีมืออุ้ม... เพื่อนน่ะ ตอนนี้เป็นพยาบาลอยู่แผนกอายุรกรรมโรงพยาบาลเรานี่แหละ... ช่วยทำทั้งหมดเลย ไปเปิดสมุดดูสิไอ้ลายมือแปลกๆ ที่โผล่มาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยนั่นน่ะถึงเป็นของฉัน ถ้าไม่มีอุ้มฉันก็เรียนไม่จบหรอก ผู้หญิงอะไรสุดยอด ฝ่าพวกการ์ดหน้าบ่อนเข้าไปลากฉันที่กำลังเล่นไพ่ออกมาสอบปลายภาคได้ ฉันล่ะซึ้งน้ำใจเพื่อนคนนี้เลย”

“แล้วหมอจิวไปไหนล่ะครับ ก็เห็นว่าอยู่แก๊งเดียวกันนี่”

“จะไปไหนล่ะมันก็นั่งเล่นอยู่กับฉันน่ะแหละ” ปาวัสม์ว่า “คิดแล้วยังเซ็งไม่หาย เสียมาทั้งคืนกำลังจะป๊อกได้คืนอยู่พอดีเลย ไอ้อุ้มดันโผล่มาซะก่อน ทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งจะผละออกไปอาบน้ำเตรียมไปสอบเมื่อตอนตีสามนี่เอง”

คำตอบของคุณหมอหนุ่มทำเอาภาวัฒน์ขำแทบตกเก้าอี้ “แล้วคุณหมอมากลับตัวได้ตอนไหนครับ”

“ตอนขึ้นม.หก”

“นั่นก็สายไปแล้ว”

“ช่วยไม่ได้ก็คนมันหัวดี” ปาวัสม์เลื่อนแก้วเหล้าให้เด็กหนุ่ม “ได้เวลาทำโทษแล้ว”

ภาวัฒน์รับมาดื่มอย่างไม่ลังเลและเติมเหล้าลงไปใหม่ทันที “เล่าต่อสิครับ ผมอยากฟังอีก ทำไมจู่ๆ คุณหมอถึงคิดจะกลับตัวล่ะครับ”

“ก็ไม่มีอะไรมาก” ปาวัสม์พูดเนิบช้า นัยน์ตาว่างเปล่าราวกับหลุดลอยกลับไปสู่ความทรงจำในวัยเยาว์ซึ่งให้พูดกันตามตรงแล้วไม่เคยมีฝันหรือเป้าหมายอะไรชัดเจนสักอย่าง ทุกๆ วันผ่านไปอย่างไร้ค่าและไม่มีแก่นสาร “เมื่อชีวิตมันมาถึงทางเลือกก็เลยต้องเลือก... แค่นั้นแหละ”

“ผมไม่เข้าใจอ่ะ... แล้วทำไมต้องเลือกอะไรที่มันยากๆ ด้วยล่ะ... ทำไมไม่เรียนนิเทศ บริหารหรือวิศวะไรงี้ล่ะครับ... อาชีพมีเป็นร้อย ทำไมถึงต้องเป็นหมอ”

ถ้าไม่ติดว่าเสียดายสารน้ำที่เหลือ ปาวัสม์คงเอาขวดเหล้าฟาดหัวที่ปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั้นแล้วโทษฐานถามจี้ใจดำ “ก็เพราะเพื่อนสนิททั้งสองคนของฉัน คนหนึ่งดันอยากเป็นหมอส่วนอีกคนจะไปเป็นพยาบาล แล้วแบบนี้นายคิดว่าฉันจะมีทางเลือกอะไรได้ล่ะ!”

เด็กหนุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก คิดไม่ถึงว่าคนเก่งๆ มีอุดมการณ์สูงส่งครั้งหนึ่งในชีวิตก็เคยเป็นเด็กเที่ยวธรรมดาๆ และได้เป็นหมอเพียงเพราะมาสอบตามเพื่อนเท่านั้น
จนปาวัสม์ต้องเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปฟาดแรงๆ สักทีถึงจะหุบปากได้แต่ก็ยังไม่วายอมยิ้มกลั้นขำจนหน้าขึ้นริ้ว “หยุดหัวเราะแล้วกินได้แล้ว”

ภาวัฒน์ยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากเมื่อคุณหมอหนุ่มถามแทรกขึ้นเบาๆ คล้ายกับพูดกับตัวเองเสียมากกว่า

“ผิดหวังหรือเปล่า”

“หมอปืนว่าอะไรนะครับ”

“สาเหตุที่ฉันมาเป็นหมอน่ะ” ปาวัสม์ถอนหายใจยืดยาว “มันน่าผิดหวังสินะ... ใครๆ ก็คิดแบบนั้น แย่งที่คนอยากเรียนมาเรียนชัดๆ เชื่อไหม สมัยเรียนฉันเคยได้รับฉายา ‘ไอ้หมอไม่ได้เรื่อง’ ‘ไอ้ห่วย’ อะไรแบบนี้ด้วยนะ”

เด็กหนุ่มมองผ่านก้นแก้วที่กำลังยกขึ้นสูง เห็นความวูบไหวเล็กๆ ในนัยน์ตาคนตรงหน้า เขากลั้นใจรีบซดรวดเดียวหมดและวางแก้วเปล่าลงเพื่อมองคุณหมอหนุ่มให้ชัดขึ้น

“ไม่เลยครับ... จุดเริ่มต้นอาจไม่สวยหรู แต่ตอนนี้หมอปืนก็ไม่ใช่แบบนั้นแล้วนี่นา” ภาวัฒน์เอื้อมมือข้ามโต๊ะไปคว้ามือคุณหมอหนุ่มและบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง “มีคนมากมายหายดีและรอดชีวิตเพราะมือคู่นี้ของคุณหมอ คุณหมอน่าจะภูมิใจนะครับ”

นัยน์ตาสีดำขลับที่มองตรงมาจริงจังและลึกซึ้งราวกับมันไม่ได้สบแค่ที่เลนส์ตาแต่มันแทงทะลุลงไปถึงอวัยวะในช่องอกที่เรียกว่าหัวใจ ปาวัสม์รู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว ทำไมกันนะ... ทั้งที่เป็นแค่คำพูดธรรมดา แต่เมื่อผ่านออกมาจากปากเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจเหลือเกิน “ขอบใจ” เขาดึงมือกลับเพื่อยกแก้วเหล้าขึ้นซดเมื่อภาวัฒน์ห้ามไว้

“ไม่เป็นไร... เมื่อกี้ผมไม่นับครับ หมอปืนยังมีสิทธิ์ถามอยู่”

“แกล้งอ่อยกันแบบนี้ระวังจะเสียใจทีหลังนะ”

“เสียใจน่ะไม่เท่าไหร่ ขอเป็นเสียอย่างอื่นแทนได้ป่ะ” ภาวัฒน์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม “แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับว่าคนเสียคงไม่ใช่ผม”

ปาวัสม์พ่นลมออกจมูกกับคำตอบสองแง่สามง่าม “งั้นทำไมนายถึงมาเป็นหน่วยกู้ชีพล่ะพลุ ยังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไม่เรียนหนังสือหรือไปทำงานอื่นที่มีความก้าวหน้ามากกว่านี้”

“ปีนี้ผมอายุยี่สิบ ก็ไม่ถือว่า ‘เด็ก’ แล้วนะครับ” ภาวัฒน์เสียงเข้มขึ้นมาทันที ในขณะที่ปาวัสม์ได้แต่อมยิ้มและเถียงเบาๆ ในใจว่า... ไอ้นิสัยแบบนี้แหละโคตรเด็กเลย... “ใช่ว่าผมไม่อยากเรียน ผมเรียนไม่ได้ต่างหาก ผมเคยเรียนหมอแต่ลาออกมาตอนอยู่ปีสอง”

“ขอโทษทีฉันไม่น่าถามเลย”

“ผมตาบอดสีน่ะครับ”

คำอธิบายต่อมายิ่งยังความแปลกใจอย่างถึงที่สุด “อย่ามามั่ว! ต่อให้นายอมวิหารวัดพระแก้วมาพูดฉันยังไม่เชื่อเลย”

“แค่สอบสัมภาษณ์ก็ไม่น่าผ่านแล้วใช่ไหมล่ะ” ภาวัฒน์ขำให้กับวีรกรรมของตัวเอง “ปลอมเอกสารตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล โกงตอนสอบสัมภาษณ์ ผมทำหมดแหละครับขอแค่ให้เข้าไปได้ หมอปืนรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วมันไม่ยากอย่างที่คิดเลย... ผมตาบอดสีแดง” เขาชี้ไปที่แจกันใส่ดอกไม้บนโต๊ะ “กุหลาบดอกนั้นผมเห็นเป็นสีเขียวแต่จริงๆ แล้วมันคือสีแดงใช่ไหมครับ”

ปาวัสม์พยักหน้า

“ก็แค่นั้น... โลกของผมเป็นโทนสีฟ้าเขียว แต่ผมรู้ว่า ‘โลกจริง’ มีสีอะไรบ้างด้วยหลักการถามและจำ โดยแกล้งทำเป็นลืมไปซะว่าสิ่งที่ตาเห็นจริงๆ แล้วคือสีอะไร”

“สุดยอดเลย” ปาวัสม์จุ๊ปากอย่างนึกทึ่ง

“ทีแรกมันก็เหมือนว่าจะไปได้สวย แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ไหว” ภาวัฒน์พูดต่อ “เส้นเลือดคนเรามันเยอะเกินไป คุณหมอก็รู้นี่ครับว่าการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ด้วยเทคนิคการย้อมสีกับของจริงมันไม่เหมือนกัน... ผมหมดทริคและจนปัญญาที่จะจำ พอขึ้นปีสองเกรดก็ตกเอาๆ ตอนนั้นผมท้อแท้มากแต่คิดอีกทีถ้าผมจบไปได้มันจะดีเหรอ ถ้าชีวิตของคนๆ หนึ่งจะฝากไว้กับหมอเดาอย่างผม ผมจึงตัดสินใจลาออกก่อนที่ตัวเองจะเสียใจเกินไป แต่สุดท้ายผมก็ตัดใจจากทางสายนี้ไม่ขาด เลยหันมามุ่งมั่นกับการเป็นหน่วยช่วยชีวิตนี่ยังไงล่ะครับ” เขาสรุปอย่างภาคภูมิใจ

“ตัวแค่นี้แต่คิดได้ตั้งขนาดนี้นี่ยอดเยี่ยมไปเลย!” ปาวัสม์ชมจากใจจริง “ว่าแต่ทำไมนายถึงต้องยึดมั่นกับมันขนาดนั้นล่ะ” เขาถามต่อยิ่งรู้สึกสนใจและอยากค้นหามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมองดูเด็กหนุ่มตรงหน้า ยิ่งเหมือนมองกระจกเงาที่สะท้อนตัวเขาเมื่อในอดีต แต่เพราะเป็นเงา ภาพที่เห็นจึงกลับกันคนละด้าน

เด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดฝันอยากทำอะไรเพื่อสังคมกลับจับพลัดจับพลูได้มาเป็นหมอ กับเด็กอีกคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นแน่แน่ว แต่กลับเดินตามฝันนั้นได้เพียงแค่ครึ่งทาง
และ ‘อะไร’ หรือ ‘ใคร’ คือตัวผลักดันให้เด็กหนุ่มพยายามถึงขนาดนี้

“ถ้านายอยากเป็นหมอเพราะอยากช่วยคน มันก็มีอาชีพอื่นอีกเยอะนี่อย่างตำรวจ ทนายความ... อะไรที่ไม่ต้องใช้สีน่ะ”

“หมอปืนก็ชมเกินไป ความจริงผมก็ไม่ใช่เด็กดีนักหรอกครับ เผลอๆ จะแสบยิ่งกว่าคุณหมออีกมั้ง และผมก็ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอด้วย” แอลกอฮอล์ซึ่งเริ่มออกฤทธิ์ทำให้คนปากแข็งเล่าสิ่งที่เก็บอยู่ในใจออกมา นัยน์ตาสีดำขลับสบสายตาคมและส่งยิ้มให้ “แต่เป็นเพราะ ‘เขา’... ผมแค่อยากจะช่วยเป็นกำลังและอยู่เคียงข้าง ‘เขา’ ก็เท่านั้นเองครับ”

ไม่รู้ว่าปาวัสม์คิดไปเองหรือเปล่าที่จู่ๆ ประกายในนัยน์ตานั่นเจิดจ้ากว่าทุกที จนใบหน้ารู้สึกร้อนฉ่าขึ้นเรื่อยๆ เขาเสชงเหล้าแก้วใหม่เพื่อหลบสายตา “‘เขา’ ที่ว่านี่คือพ่อของนายเหรอ”

ภาวัฒน์ส่ายหน้า “‘เขา’ เป็นผู้มีพระคุณของผม”

“ผู้มีพระคุณ” ปาวัสม์ทวนคำอย่างสงสัย “แล้วตกลง ‘เขา’ นี่เป็นใครกันล่ะ”

เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นใจหนึ่งอยากระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจนี้ให้หมดเปลือก แต่พูดไปแล้วจะได้อะไรเมื่อคนตรงหน้าไม่มีวันเข้าใจและตราบใดที่เขายังไม่อาจ ‘ข้ามเส้น’ นั้นไปได้

ภาวัฒน์ตัดสินใจหยิบแก้วเหล้ามากระดกลงคอรวดเดียวหมดแทนคำตอบ

เกมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนครึ่งค่อนคืน แม้คำถามข้อหลังๆ จะนอกแนวไร้สาระเสียส่วนใหญ่อย่างผู้หญิงในสเปค ชื่อหมาที่บ้านหรือกระทั่งยี่ห้อกางเกงในตัวโปรด แต่ก็ไม่มีใครยอมใครจนถึงที่สุด

ฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความอ่อนล้าสะสมทำให้ปาวัสม์เริ่มออกอาการมึนนิดๆ เขาเพิ่งแพ้ด้วยคำถามง่ายๆ ที่ว่าวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไร... ก็แหม... เข้าเวรติดกันมาสามสิบหกชั่วโมงรวด เจ้าตัวนี้นี่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแถมรีบๆ คว้ามาทั้งที่ยังเมาขี้ตาอยู่ต่างหาก ใครมันจะไปจำได้ล่ะ ไอ้ครั้นจะให้เปิดดูตรงนี้ก็กระไร เขาเลยต้องจำใจยอมแพ้ไปแบบแมนๆ

เขากระดกแก้วกลืนของเหลวอึกสุดท้ายลงคอและกระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ รู้ตัวดีว่าถ้าแพ้อีกรอบคงไม่รอดแน่จึงตัดสินใจเผด็จศึกเด็กหนุ่มที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตาเป็นสระอิฉ่ำเยิ้มไม่แพ้กัน

...เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวจะทำให้ยิ้มไม่ออกเลย…

ปาวัสม์รินเหล้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง บางทีอาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้การตัดสินใจของเขาผิดเพี้ยนไป ในยามปกติเขาไม่มีวันกล้าถามแบบนั้นแน่ๆ แค่คิดเล่นๆ ยังขยาด แต่ตอนนี้ประโยคคำถามนั้นกลับหลุดออกจากปากง่ายดายและสิ้นคิดราวกับมันออกมาจากประสาทไขสันหลังโดยไม่ได้ผ่านการคัดกรองจากสมอง

“นาย... ไหม”

ก่อนจะถาม มีแวบหนึ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นคำถามเด็ด ต่อให้คนทะเล้นตรงหน้าใจกล้าหน้าด้านแค่ไหนก็ไม่มีวันตอบได้เด็ดขาด แต่แล้วเขาก็ได้รับรู้ในเวลาเพียงแค่เสี้ยวนาทีว่าเขาคิดผิด!

ใบหน้าครึ้มหนวดกระตุกเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากจะแย้มออกเป็นรอยยิ้มกว้างพร้อมกับที่แก้วสี่เหลี่ยมใบเดิมถูกยื่นมาตรงหน้า และทันทีที่ของเหลวสีอำพันหยดสุดท้ายไหลผ่านลงคอปาวัสม์ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-12-2014 17:25:17
เลกกี้ขอเมาท์นิดนึงค่า....
(ขอ)ตอบ(ก่อน)
pim-lovemj ขอบคุณที่ติดตามนะคะ หวังว่าจะอยู่กันไปจนจบน้า^^ ส่วนเรื่องอดูด เอ๊ย อดีต อ่านบทที่ 2 คงพอจะเดาได้บ้างแล้วล่ะค่ะ
sirin_chadada ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
Kano Jou คิดไม่คิดก็ต้องติดตามต่อไปนะคะ
Ta_ii ดีใจมากเลยค่ะที่ชอบ
snowboxs คิด...ไม่คิด... คิด...ไม่คิด?
qxchanim ขอบคุณมากค่า ไม่เสียแรงที่หาข้อมูลเยอะมากกกกกกก
B52 ขอบคุณค่ะ
Minibusez เป็นพระเอกค่ะเลยต้องเท่นิดนึง555...เกี่ยวไหม?
Naneku อืม..........เรียนดีไหมเอ่ย? ไม่บอกดีกว่า แต่ดีใจมากๆ เลยค่ะที่ชอบ^^
โคมรัตติกาล ติดตามกันไปเรื่อยๆ น้า
Nemesis ขอบคุณค่ะ
Maemix อ่านบทที 2 จะช่วยไขข้อข้องใจได้บางส่วนล่ะ อิอิ
Praewp ขอบคุณค่ะ
Tokio hotel คนเขียนก็ลุ้นแทบตายเหมือนกันค่ะว่าคนอ่านจะชอบไหม
Millet ขอบคุณค่ะ
จี้จัง ขอบคุณค่า
kail ย้ายมาค่ะย้ายมา ไม่ใกล้ไม่ไกลย่านใจกลางเมืองหลวงค่ะ 555
aiLime13 อุต๊ะ! อ่านตอนเดียววิเคราะห์คาแรคเตอร์หมอปืนได้ทะลุขนาดนี้จะมาแย่งหมอปืนจากน้องพลุป่าวเนี่ย คริคริ
Pure love ขอบคุณมากค่า... สำหรับคำชมและรีวิวในห้องแนะนำนิยาย(เค้าแอบแคปเก็บไว้ด้วย^^) แอบทำเอาเรากดดันกับตอนต่อๆ ไปมากเลยว่าจะถูกใจกันหรือเปล่า
Celestia ขอบคุณค่ะ^^
LiqueuR คนเขียนก็ฟินค่ะ ที่คนอ่านชอบ
UsslaJlwaj ขอบคุณค่ะที่จำกันได้ ตอนนั้นได้ที่ 2 ค่ะ
Sweetbasil ช่วยติดตามต่อไปด้วยนะคะ
double9JH ขอบคุณค่ะ

มาต่อแล้วนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ เลย อย่างที่บอกนี่เป็นิยายเรื่องแรกที่ลงในเล้าถ้าผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะด้วยนะคะ(ปกติแต่งแต่ฟิคสิงอยู่บ้านชินไทย)...แล้วก็ขออนุญาตถามหน่อยค่ะ อ่านมาสองบทแล้วพอจะเดากันออกไหมคะว่าใคร Me ใคร Ke เดาเล่นๆ นะคะไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีรางวัลด้วยแต่จะมีเฉลยในตอนพิเศษค่ะ
ปล.ถ้าพิมพ์ชื่อใครผิดขออภัยด้วยนะคะ
ปล.ด้วยภาระการงานอันหนักหน่วงเราจะเข้ามาอัพอาทิตย์ละครั้งนะคะ ช่วง ศ ส อา. วันใดวันหนึ่งบอกไม่ได้แต่จะมาแน่ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-12-2014 17:25:39
นาย...........ไหม
มันคืออะไร หมอปืนถามอะไรพลุ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-12-2014 19:13:56
เฮ้ย ถามว่าอะไรน่อวววว
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-12-2014 19:29:29
แว้บมาให้กำลังใจค่าา
เพิ่งอ่านไปตอนเดียว แต่สนุกมากกก ภาษาสวย บรรยายได้ดีมาก มาเม้นให้ก่อน เดี๋ยวเคลียร์ภารกิจให้เรียบร้อยแล้วจะมาอ่านส่วนที่ยังตามไม่ทัน ต้องละเมียดอ่านค่ะละเมียดเขียนมาขนาดนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 13-12-2014 19:38:52
สงสารอ่า คนเรามันมีเรื่องทีบางทีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่จริงๆนะ

ถ้าไม่ตาบอดสีก็หมอกินหมอแย้วว แต่งี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เค้าชอบบ

ชอบคนแบบนี้นะ มีความตั้งใจแรงกล้าาา

ปล.หมอจิวนี่ยังไง เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อปะเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 13-12-2014 21:25:10
ตัดฉับ
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
นาย..............ไหม
อยากรู้แล้วค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 13-12-2014 21:28:55
อัพแล้วแก้หีวข้อตรงรีพลายแรกด้วยนะจ๊ะ เขียนตอ เขียนวันอัพ คนอ่านจะได้รู้ว่าอัพแล้วนะคะ  แวะมาบอกก่อนไปอ่าน



เอ๊ๆๆๆๆ หรืองานนี้เด็กกินคนแก่กันน้า
ผูมีพระคุณคือหมอปืนใช่มั้ยๆๆ แล้วเด็กที่ร่างกายโชกเลือดใความทรงจำหมอปืนเนี่ย น้องพลุรึเปล่า
น้องพลุน่าสงสารนะ ตาบอดสี โลกที่ขาสีสันไปค่อนข้างเยอะ  น้องมีความพยายามมากอ่ะ สู้ๆๆๆ จะติดตามต่อไปแน่นอน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MPEGz♥ ที่ 13-12-2014 21:32:40
มาติดตามด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 13-12-2014 21:40:54
โอ้ว...ประวัติคุณหมอช่าง...เอิ่ม  แต่รักสุดๆอ่ะ ไม่สร้างภาพอะไรเล้ย
แต่ก็ดูขัดๆกับ ที่คบกับนิว ที่เอาแต่ใจโคตรๆ งี่เง่าสุดตีนได้อะนะ ไม่คิดว่าแบดบอยอย่างคุณหมอจะทนเธอได้ขนาดนี้ ยอมเกิ๊น
 น้องพลุๆ น้องน่าฟัดมาก ในความคิดของคนๆหนึ่ง อายุเท่านี้คิดได้ขนาดนี้ สุดยอดเลย อย่างพี่หมอว่า o13 o13 o13
ว่าแต่ "คนเขียน....ไหม"  :laugh:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 13-12-2014 21:45:58
หมอปืนถามอะไรอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 13-12-2014 22:33:22
เรา......ไหม?

กรี๊ดดดดดดดเดดเเ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 13-12-2014 22:45:53
หมอปืนเสร็จเด็กแน่นแน่  :o8:
อ่านตอนนี้ด้วยความรู้สึกหลากหลายมากเลยค่ะ
ตอนแรกก็หงุดหงิดแทนหมอปืนนัดอุตส่านัดไปกินข้าวกับเพื่อนอย่างดี
แต่ยัยแฟนนี่สิ เหนื่อยแทนจังเลยค่ะ หมอปืนลาออกจากการเป็นแฟนน้องนิวดีมั้ยคะ?
แล้วมาเซิ้งยันเช้า(?)กับน้องพลุแทน 55555555555555

แล้วก็ตอนที่เจออุบัติเหตุอยู่กลางถนน
ทำเราอยากรู้มากๆ เลยว่าอดีตที่ฝังใจของหมอปืนคืออะไร
เดาว่าที่เล่นเกมส์ตอบคำถามกับน้องพลุไป คำตอบที่่ว่าทำไมถึงมาเป็นหมอคงตอบไปไม่หมดหรอก (มั้ย?)

น้องพลุน่าสงสารมากเลย T_T
เราเองก็มีเพื่อนตาบอดสีเหมือนกันค่ะ เป็นอะไรที่ตัดโอกาสสำคัญไปหลายอย่างเหมือนน้องพลุเลย
อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจ คนอยากเป็นหมอ แต่สุดท้ายก็ต้องลาออก ถึงยังไงก็ได้ทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือคน
อย่างที่ชอบแล้วล่ะเนอะ ได้เจอหมอปืนอีกต่างหาก กำลังสงสัยว่าสองคนนี้มีอดีตอะไรกันรึเปล่าน้า?
อ่านตอนที่แล้วไม่ชัด แต่ตอนนี้รู้สึกมันชัดขึ้น คล้ายๆ ว่าแรงบันดาลใจของน้องพลุจะเกี่ยวข้องกับหมอปืน?
แต่หมอปืนไม่รู้ หรือไม่ก็จำไม่ได้รึเปล่า? ลุ้นๆ รออ่านตอนต่อๆ ไปนะคะ >_<


ส่วนคำถามที่คนเขียนทิ้งท้าย ตอนแรกเราคิดว่าหมอปืนเป็นพระเอก แต่ตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ 555555555555 รอติดตามไปพร้อมๆ กันดีกว่า (แต่ก็อยากให้หมอปืนเป็นพระเอกนะคะ 555) เกรงว่าหมอปืนจะเสร็จเด็กจริงๆ นะนี่ (เสร็จอัลไลลลลลล กร้ากกก) ไปถามอะไรรรรรน้องงงงงง

ปล.เวลาอัพตอนใหม่ อยากให้แก้ไขตรงหัวข้อแล้วใส่วันที่อัพด้วยนะคะ นิยายในเล้าเยอะมาก เรากลัวพลาด หาไม่เจอ บางทีก็เบลอๆ ว่าตอนนี้อ่านไปรึยัง >_<
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 13-12-2014 22:54:15
เขาถามอะไรกันนะ :ruready
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 13-12-2014 22:55:06
แอบไปหาชื่อ กับเรื่องครเขียน แล้วเจอผลงานในเด็กดี บอกตามตรงนะ  ชอบทุกเรื่องเลย ไม่ว่าเขียนเรื่องไหนมันก็สนุกอ่ะ   ชอบมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-12-2014 23:01:50
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-12-2014 23:13:50
สนุกๆๆๆๆ ค่า ชอบจังเรื่องหมอๆ อิอิ
พลุคือเด็กในความทรงจำคนนั้นของหมอปืนล่ะสิ
อยากอ่านต่ออออออออออออออออออ

ปล..เชียร์ให้หมอเป็นพระเอกอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 13-12-2014 23:35:02
ตอนนี้หลงรัก หมอปืน กับ พลุ มากๆๆ
ฟังพลุเล่าเรื่องที่ตัวเองตาบอดสี แล้วสงสารจัง
อยากเห็นตอนพลุโกนหนวด  :z1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-12-2014 00:34:08
หือออ หมอปืนถามว่าอะไรอ่ะ??   :hao6:
รอนะฮะ :')
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2. รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 14-12-2014 00:42:13
บรรยายสนุกมากเลย

น่าค้นหาอีกต่างหาก
 o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 14-12-2014 10:18:21
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้ตามมาเจอเรื่องนี้ ฮือ ; _____ ;
บรรยายสนุกมากเลยค่ะ อ่านแล้วอินตามตั้งแต่ห้อง ER เลย หมอปืนเท่ห์สุดๆ >_________<
แต่ชอบน้องพลุนะคะ น่ารักแล้วก็จริงใจมากๆ ตอนน้อง CPR ให้คนไข้เด็กผู้หญิงนี่แบบ ซึ้งจับใจเลยค่ะ
คุณหมอปืนนี่ก็เก่งจริงๆ ชอบมากเลยค่ะ

อันที่จริงแอบอยากให้ไรเตอร์สอดแทรกวิธีการ CPR ลงในเรื่องด้วยนะคะเนี่ย
เด็กไทยยังมีความรู้เรื่องนี้น้อยมากจริงๆค่ะ จะมีกี่โรงเรียนที่มีหุ่นคนมาให้ลองทำลองสอบล่ะ
ทำให้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ป่วยถึงไม่ได้รับการช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่างถูกวิธี เอาแต่รอรถพยาบาลกับถ่ายคลิปเงี้ย =______=
เซ็งเบาๆค่ะ . _ .

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์และเรื่องนี้นะคะ จะรอติดตามเลยเพราะชอบอาชีพแพทย์อยู่แล้วด้วย ^^
สู้ๆนะคะ <3
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-12-2014 11:08:02
ขนลุกกกกกก แบบส่าฉากยังกับซีรี่ย์เกาหลี ลุ้นสุดๆเลยค่ะ. ะูดถึงใครเคะใครเมะ เราอยากให้หมอเมะอ่าาาา กินเด็กกระชุ่มกระชวยเติมพลังชีวิตให้หมอน้าาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 14-12-2014 14:26:06
 :oo1: ใช่มั้ยนะ แอร๊ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 14-12-2014 14:39:48
นิว สมแล้วที่อุ้มว่าเป็น ยัยลูกคุณหนู สุด ๆ เลยอ่ะ นิสัยแบบนี้ แล้วเป็นหมอ ตอนรักษาคนไข้นี่จะเป็นยังไงนะ
หรือนิสัยนี้เป็นเฉพาะกับแฟนเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่ไม่ถูกกับเพื่อนอุ้มน่ะ

โชคชะตา มักเล่นตลกกับชีวิตคนเราเสมอเลยนะ อยู่ที่ว่าคน ๆ นั้น จะมีวิธีรับมือกับมันยังไง
เสียดายโอกาสที่จะเป็นหมอของน้องพลุมากเลย แต่เด็กอายุขนาดนี้ สามารถคิดได้ขนาดนั้นนี่ ยกนิ้วให้เลย
คุณหมอปืน หวั่นไหวกับดวงตาของน้องพลุอีกแล้ว  :o8:
ทำไมคุณหมอถึงได้ฝังใจกับนัยน์ตาของเด็กชายคนนั้น(ซึ่งก็คิดว่าคือน้องพลุนั่นแหละ) ขนาดนั้น
'เขา' ของน้องพลุ ก็น่าจะเป็นหมอปืนสินะ แต่คุณหมอจำน้องไม่ได้ใช่ไหม แล้ว ' ข้ามเส้น ' ของน้องพลุนี่ คืออะไรนะ

หมอปืน คิดจะแกล้งเด็ก เป็นไงล่ะ 555  คำถามสุดท้าย "นาย...ไหม" อะไรอ่ะ ถามว่าอะไร
แล้วน้องพลุ ตอบไปว่าอะไร อยากรู้ ๆ  :ling1:
 
ใครพระใครนาย ใจจริงอยากให้หมอปืนเป็นพระเอกนะ แต่อ่าน ๆ ไป รู้สึกหมอปืนจะแพ้ทางเด็กแสบอยู่เยอะเลย
มีแววว่าจะถูกเด็กกินมากกว่านะนั่น 555  แต่แบบไหนก็ได้ค่ะ ชอบหมอปืนกับน้องพลุ รอเฉลยตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-12-2014 15:08:54
เจอเรึ่องตาบอดสีนี่จุกค่ะ  ลูกชายก็เป็นเหมือนกันสีแดงด้วย ตอนนี้ยังแค่ 10 กว่าก็ยังไม่เป็นไร แต่ก็เสียใจที่โอกาสหลายๆอย่างจะไม่มีทางเป็นไปได้

ประทับใจกับอุ้มเพึ่อนสาวหมอปึนมากๆ นี่สินะผลของการมีเพึ่อนที่ดี  ส่วนนิวนี่ขาด EQ อย่างแรงเลย นึกภาพนางเหวี่ยงใส่คนไข้ออกเลยนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-12-2014 18:13:19
สงสารพลุจัง
ว่าแต่หมอปืน
ถามอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 14-12-2014 19:34:47
คำถามนั้นคืออะไรรรรรร
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 14-12-2014 20:10:26
ฉันขาดตอน อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Brow_Ney ที่ 14-12-2014 22:17:49
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำ สนุกดี รอติดตามอยู่ค่ะ

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 14-12-2014 22:27:24
ชอบสุดใจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-12-2014 22:06:35
ตามลุ้นอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 19-12-2014 00:44:24
นาย.....ไหม นี่คือเมาแล้วใช่มะ คำถามนี้5555

แล้ว เขา ของ พลุ คือใครน้าาา


ยิ่งอ่านยิ่งสนุก อ่านจบตอนไม่รู้ตัวเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 19-12-2014 00:48:36
ชอบที่เดาไม่ออกว่าใคร เมะ เคะนี่แหละ
ทั้งสองคนนน่าค้นหาหมดเลย
ตอนต่อไปจงมาาาาา

พลุกับปืน  ชื่อเข้ากันดีจัง ฮือ ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 19-12-2014 22:14:19
คิดถึงหมอปืนกับพลุ :z2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 20-12-2014 15:01:12
สนุกมากค่ะะะะ
น่าติดตามมากกกก อยากอ่านต่ออออ
แรกๆนี่รู้สึกว่าหมอปืนเมะนะ
พออ่านตอนล่าสุดละรู้สึกว่า หรือคุณหมอจะเคะดีคะ 55555
พลุน่ารักมาก ตอนอ่านมาเจอว่าตาบอดสีนี่ตกใจเหมือนกัน
พลุพยายามมากอ่าา
ถึงจะเรียนตามความฝันไม่ได้ แต่มีความสุขกับสิ่งที่ทำได้ก็ยังดีละเนอะ
เริ่มรำแฟนหมอปืนละค่ะ คุณหมอรีบเลิกเร้ววว 55555
ส่วนหมอจิวนี่ยังไง ถ้าคิดมากกว่าเพื่อนก็เตรียมใจแพ้น้องพลุเลยจ้าาา55555

รอติดตามต่อค่าาา สู้ๆค่ะ

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-12-2014 22:07:53
ดันจ้าดัน รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 21-12-2014 18:28:51
บทที่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง

ปาวัสม์กลิ้งตัวไปมาบนเตียง ในหัวปวดตุบจนไม่อยากลืมตา ทั้งแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ทอลอดผ้าม่านสีเบจเข้ามากระทบเปลือกตาและเสียงเพลงอะไรก็ตามที่กำลังดังอยู่ข้างหูนี่ยิ่งกระตุ้นให้มันปวดมากขึ้นเท่าทวีราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้

“งืมมม...”

มือใหญ่เอื้อมป่ายเปะปะไปทั่ว ในที่สุดก็คลำเจอหมอนใบหนึ่งเขาดึงมันขึ้นปิดหน้าก่อนจะควานหานาฬิกาปลุกบนหัวเตียงต่อ... แต่มันกลับว่างเปล่า!?

เปลือกตาเปิดพรึบ! เขาดึงหมอนลงและกวาดตามองไปรอบๆ ห้องสีขาวเรียบๆ ไร้การตกแต่งจนมันดูเหมือนเป็นห้องชุดของโรงแรมจิ้งหรีด

...หืม... อะไรกัน? หมอน! ผ้าห่ม! ห้องนอน! มันไม่ใช่ห้องเรานี่ ไม่ใช่ห้องจิว ห้องน้องนิวหรือแม้กระทั่งห้องอุ้ม... ที่นี่มันที่ไหน! แล้วที่สำคัญคือทำไม... ทำไม... ทำไมเราถึงไม่ใส่อะไรเลยล่ะ!!... ไม่สิ! ยังเหลือบ๊อกเซอร์อีกตัวนี่หว่า แต่แค่นั้นมันจะช่วยอะไรได้วะ...

ปาวัสม์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง นอนขดและขบคิดทบทวนเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา

...หลังจากโดนน้องนิวทิ้ง เราก็คิดจะไปตามหาเจ้าพวกนั้น แต่ก็ดันไปเจอพลุเสียก่อนหลังจากนั้นก็เลยไปนั่งกินเหล้าด้วยกันแล้วหลังจากนั้น... หลังจากนั้นล่ะ... โอ๊ย! ปวดหัว คิดไม่ออกเว้ย...

“ตื่นแล้วเหรอ”

...เสียงใครน่ะ!?...

ถึงจะอยากเปิดผ้าดูหน้าคนถามแต่เพราะตอนนี้เขามีอาภรณ์ติดกายอยู่ชิ้นเดียว แถมพอไม่ได้ใส่แว่นทุกอย่างตรงหน้าก็เป็นแค่จุดสีพร่ามัว เขารีบยื่นมือออกจากโปงผ้าเพื่อคลำหาแว่นไปรอบๆ

“ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว คุณหมอจะอาบต่อเลยก็ได้นะ” เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งและมันเป็นเสียงของผู้ชาย

...เมา + ผู้ชายแปลกหน้า + อาบน้ำ = ???... บ้าน่า!!!

“เฮ้! หมอปืนตกลงคุณตื่นหรือยังเนี่ย”

ไม่พูดเปล่าเจ้าของเสียงยังถือวิสาสะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้และดึงผ้าห่มออกไปจากหัวเขา

“หมอปืนครับ!!”

ในที่สุดมือใหญ่ก็หาแว่นเจอ เขารีบสวมมันลงบนสันจมูก และแล้วจุดสีตรงหน้าก็กลายเป็นโครงหน้าชัดเจนของเด็กหนุ่มหน้าเป็น “พลุ!!”

...เอาวะ! ถ้าจะพลาดอย่างน้อยก็ไม่ใช่ผู้ชายแปลกน่าล่ะ...

“หรือหมอปืนอยากให้เป็นใครล่ะ”

“ที่นี่ที่ไหน” นัยน์ตาหลังกรอบแว่นมองสำรวจร่างโปร่งที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เรียวขาเหนือหัวเข่าขาวเนียนผิดกับส่วนน่องที่ออกแทนกว่า... นี่ถ้าไม่มาทำงานกรำแดดแล้วจับไปนั่งเรียนในห้องแอร์ผิวพรรณคงสวยน่าดูชม สมอ้างว่าเป็นลูกคุณหนูก็เชื่อเลยนะเนี่ย

“ที่นี่ห้องผมเองเมื่อคืนคุณหมอเมาเละเทะน่าดูเลย กว่าจะลากขึ้นรถพากลับมาได้แทบแย่แน่ะ” ภาวัฒน์บ่นกระปอดกระแปดและส่งแก้วกาแฟในมือให้ “เอ้า! ดื่มสักหน่อยสิครับจะได้หายแฮงค์”

“ขอบใจ” ปาวัสม์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมถกเอาผ้าห่มมาพันรอบอกแน่น... ไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อคืนจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแต่ตอนนี้ตื่นแล้ว ดังนั้นแม้แต่ขนหน้าแข้งสักเส้นก็อย่าหวังไอ้แอ้มเลย เห็นแบบนี้แต่เขาก็เป็นผู้ชายรักนวลสงวนตัวนะ

มือใหญ่รับแก้วกาแฟมาดมๆ ละไอควันร้อนพวยพุ่งกรุ่นกลิ่นหอมยิ่งนัก เขาใช้ปลายลิ้นแตะๆ พอรับรู้ว่าไม่ร้อนจึงยกขึ้นจิบ ปกติแล้วเขาเป็นคนไม่ดื่มกาแฟเลยบอกไม่ได้ว่าอร่อยไหมรู้แต่ว่ามันค่อนข้างถูกปากเขาทีเดียวล่ะ “วันหลังใส่น้ำตาลน้อยกว่านี้อีกนิดนะ ฉันไม่กินหวานน่ะ ขนาดน้ำเต้าหู้ยังไม่ใส่น้ำตาลเลย”

“ก็ผมเห็นหมอปืนดุ๊ดุอย่างกะ... เลยนึกว่าชอบกินอะไรหวานๆ ซะอีก”

“พูดให้ดีดุอย่างกะอะไรห๊ะ”

“ลูกแมวมั้งครับ... เหมียว” ภาวัฒน์ทำท่าแยกเขี้ยวและยกสองมือทำเป็นกรงเล็บได้น่าหมั่นไส้ที่สุด

ปาวัสม์คว้าหมอนใบใกล้มือที่สุดปาใส่คนตรงหน้าได้อย่างไม่พลาดเป้า “แล้วทำไมฉันถึงไม่ใส่อะไรเลยล่ะ” เขาแกล้งทำเป็นชวนคุยเรื่อยๆ แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้บวกกับคำถามสุดท้ายเมื่อคืนที่ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบนั่น จึงกลายเป็นตัวเองที่คิดลึกจนพูดไม่ออกและนึกอยากฉวยเอาหมอนใบที่เพิ่งโยนไปมาปิดหน้าที่ตอนนี้สีต้องเข้มขึ้นแน่ๆ

ภาวัฒน์ยิ้มมีเลศนัยน์และนั่งลงบนขอบเตียง “นี่หมอปืนจำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไป”

...ก็เพราะจำไม่ได้น่ะสิถึงได้ถาม...

ปาวัสม์นิ่วหน้าและจิบกาแฟต่อ ดูท่าเขาชักจะติดใจรสมือ... เอ๊ย! กาแฟของเด็กหนุ่มขึ้นมาซะแล้ว

“ใจร้ายจัง ลืมกันง่ายๆ แบบนี้ผมเสียใจนะเนี่ย ตัวเองเป็นคนพูดเอง ทำเองแท้ๆ สงสัยต้องช่วยกระตุ้นให้นึกออกแล้วล่ะมั้ง” ไม่พูดเปล่า เด็กหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาใกล้และใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบกาแฟบนมุมปากปาวัสม์ที่ตัวแข็งเป็นก้อนหินไปแล้ว

...เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าเอาจริงน่ะ... คำถามนั้นฉันแค่ถามไปเล่นๆ นะเว้ย!...

‘นายลองมาเป็นแฟนฉันไหม?’

รอยริ้วสีแดงพาดเต็มสองแก้ม นึกคาดโทษตัวเองตอนเมาอย่างหนักที่ปากพล่อยพูดอะไรไม่คิด

เสียงเพลงเดิมดังขึ้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนปาวัสม์จะสูญเสียประสาทการได้ยินไปแล้ว เมื่อประสาทการรับรู้จับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากได้รูปซึ่งขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พุ่งกระทบริมฝีปาก ผ่านผิวแก้ม ก่อนที่มันจะเลยไปและปล่อยให้เขา... เอ่อ... รอเก้อล่ะมั้ง?

ภาวัฒน์ยืดตัวขึ้นนั่งตรงอีกครั้งพร้อมกับโทรศัพท์ในมือที่แผดเสียงเพลงดังกระหึ่ม

...แค่จะหยิบมือถือไม่เห็นจำเป็นต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นเลยไอ้เด็กบ้า! โอย... หัวใจคนแก่แทบจะหยุดเต้นไปแล้วไหมล่ะ...

เด็กหนุ่มเหลือบตามองดูชื่อคนโทรเข้าเพียงอึดใจก่อนจะส่งให้ “อ่ะ”

“ฉัน?” ปาวัสม์สะดุ้ง ด้วยสายตายังไม่หยุดมองตามริมฝีปากเด็กหนุ่มที่เคลื่อนห่างออกไป

“หมอจิวโทรมา” ภาวัฒน์บอกเสียงขุ่นหน่อยๆ “ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็ร่วมห้าสิบสายแล้ว”

มือใหญ่รับโทรศัพท์มาจ้องดูราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน นึกสงสัยว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออกและไม่ยอมกดรับสาย

“รับซะทีสิครับ”

จู่ๆ ปาวัสม์ก็หน้าตื่น ในที่สุดก็นึกออกว่าตัวเองลืมอะไรที่สำคัญที่สุดไป “นี่กี่โมงแล้วเนี่ย”

“เพิ่งสิบโมงกว่าๆ เองคุณหมอจะนอนต่ออีกหน่อยก็ได้นะครับแล้วค่อยกลับ แต่ช่วยรับสายหมอจิวก่อนเถอะ เขาจะได้เลิกโทรสักทีสงสัยจะเป็นห่วงคุณหมอมาก” ปลายเสียงตัดพ้อเล็กน้อย

“ไม่ห่วงก็บ้าล่ะ!!” คุณหมอหนุ่มตะโกนลั่นพร้อมกับกระโดดลงจากเตียง หน้าตาเลิกลั่กทำเอาเด็กหนุ่มหน้าหมองไปถนัด “วันนี้ฉันเวรเช้า! มันไม่ส่งไอ้อุ้มมาลากคอฉันไปก็บุญแล้ว... โอ๊ย! ไม่สิไม่ เป็นเพราะมันไม่รู้ต่างหากว่าฉันอยู่ที่ไหนไม่งั้นฉันคงตายไปแล้วหรือว่าฉันจะยอมตายจริงๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดี โอ๊ย! ทำไงดีๆ”

“คุณหมอเวรเช้าเหรอ” ภาวัฒน์ถามงงๆ “ผมนึกว่าหมอปืนเวรดึกเหมือนผมซะอีกถึงได้ไม่ปลุกไง”

“ก็เพิ่งแลกมา” ปาวัสม์บอก “ชุดฉันอยู่ไหนเนี่ย!!”

“มันเหม็นเหล้าหึ่งเลยน่ะผมเลยเอาไปซักให้ เพิ่งตากขึ้นราวเมื่อกี้เองตอนนี้คงยังไม่แห้งหรอกครับ”

“ช่างมัน! ใส่ทั้งเปียกๆ นี่แหละ”

“อย่าเลยเดี๋ยวไม่สบาย เอาของผมไปใส่ก่อนดีกว่า” ภาวัฒน์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล๊คส่งให้ “น่าจะใส่ได้นะหมอปืนกับผมตัวก็พอๆ กัน”

ปาวัสม์พยายามมองข้ามสายตาที่โลมเลียตนอยู่และรีบสวมเสื้อผ้าก่อนจะวิ่งไปที่ประตู ในใจคิดหาคำแก้ตัวกับวิธีการไปให้ถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด “รถอยู่ไหนวะ... แท็กซี่จะมีไหมเนี่ย ป่านนี้แล้วรถติดแน่เลย... เอาไงดีๆ” เขาเหลียวมองซ้ายขวาอย่างร้อนรน หอพักของเด็กหนุ่มนั้นทำเลค่อนข้างดีมองออกไปไม่ไกลก็เห็นถนนใหญ่แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะรีบไปยังไงไม่ให้สาย

“รถคุณหมอผมขอฝากไว้ที่ร้านเมื่อคืนก่อนน่ะครับ แต่ถึงจะนั่งแท๊กซี่ไปตอนนี้ยังไงก็สายอยู่ดี”

เสียงทุ้มดังขึ้น ปาวัสม์เหลียวมองเลิกลั่กด้วยไม่เห็นตัว แต่เพียงแค่อึดใจเจ้าของเสียงก็ปรากฏกายขึ้นบนหลังอาชาเหล็กสีดำเงินมันปลาบที่เจ้าตัวเพิ่งขับออกมาจากลานจอดรถ

ภาวัฒน์ที่สวมหมวกกันน็อคเรียบร้อยโยนหมวกอีกใบส่งให้ “ขึ้นมาสิผมครับจะไปส่ง”

“เอ่อ...” ปาวัสม์พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความงามของเจ้าพาหนะสองล้อนั่นหรือเพราะคนคุมบังเหียนเปลี่ยนไปสวมแจ๊ตเก็ตหนังสีดำดูเท่เหลือเกิน

“เร็วสิครับเดี๋ยวก็สายหรอก” เด็กหนุ่มเร่ง ร่างสูงจึงรีบสวมหมวกกันน็อคและกระโดดขึ้นซ้อนท้าย “จับแน่นๆ นะครับ”

“ห๊ะ!?” พูดได้เท่านั้นเมื่อภาวัฒน์บิดคันเร่งและพุ่งทะยานออกไปรวดเร็วจนเขาผวาเกาะบ่ากว้างไว้แน่น
OOOOOO

ปาวัสม์รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้เห็นประตูห้องฉุกเฉินในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขากระโดดลงจากรถและตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เตรียมจะผละไป “ขอบใจนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิครับ” ภาวัฒน์เรียกพลางดึงลำแขนร่างสูงไว้ “คุณหมอลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“เอ่อ... ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน...” ปาวัสม์พูดตะกุกตะกัก เขาควรจะรีบทำอะไรๆ ให้มันถูกต้องและเรียบร้อยไปสินะ “ฉันขอโทษที่พูดพล่อยๆ แบบนั้น... ฉันแค่อยากเอาชนะนาย”

“เรื่องนั้นผมรู้น่า เมื่อกี้ผมก็แค่อยากแกล้งหมอปืนเล่นหรอก ที่พูดถึงน่ะคือนี่ต่างหาก...” ภาวัฒน์หัวเราะพลางล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อและหยิบเอาแผ่นพลาสติกมีสายคล้องคอสีแดงออกมา มันคือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล “คุณหมอทำตกไว้บนที่นอนผมแน่ะ”

มือหยาบยกขึ้นคล้องสายบัตรประจำตัวลงรอบคอให้ และเพราะเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนหลังเบาะมอเตอร์ไซค์เขาจึงต้องก้มศีรษะลงเพื่อให้ตัวเสมอกัน กลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากเรือนผมสีน้ำตาลที่เพิ่งสระใหม่ๆ ลอยมาแตะจมูกให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติดีกว่ากลิ่นน้ำหอมราคาแพงเสียอีก จนเขานึกอยากเอื้อมมือไปขยี้มันสักทีแต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าไม่ชอบ

...ซักเสื้อ ชงกาแฟ เตรียมชุดให้ ขับรถมาส่ง แถมยังช่วยดูความเรียบร้อยเครื่องแต่งกายก่อนเข้าทำงานอีก เจ้าเด็กแสบนี่ช่างเอาใจและขี้ดูแลผิดคาดแฮะ... นี่ถ้ารชญาจะน่ารักได้แบบนี้แค่สักครึ่งหนึ่ง ป่านนี้เขาคงขอเธอแต่งงานไปแล้วล่ะ...

“แล้วเจอกันนะ”

“เรายังจะเจอกันอีกงั้นเหรอ” ภาวัฒน์รำพึงกับตัวเองขณะเฝ้าดูร่างสูงวิ่งหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงและหยิบเอาบัตรประจำตัวอีกใบซึ่งเป็นแผ่นกระดาษอยู่ในซองพลาสติกใสออกมาอย่างทะนุถนอมราวกับมันเป็นของล้ำค่า สีที่เริ่มออกน้ำตาลบ่งบอกถึงวันเวลายาวนานร่วมหกปีที่มันผ่านมาได้เป็นอย่างดี

“ทีแรกผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยุ่งกับคุณแล้วนะ แต่เล่นปล่อยเนื้อปล่อยตัวกันขนาดนี้ผมคงอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะ” ตัวการ์ตูนรูปโดราเอมอนตัวจิ๋วที่ห้อยอยู่บนซองพลาสติกส่งยิ้มกว้างมาให้ ภาวัฒน์ยิ้มตอบ
OOOOOO

“โทษทีเพื่อนโทษที” ปาวัสม์ชิงพูดก่อน เมื่อเห็นหนุ่มหน้าตี๋นั่งหน้าหงิกอยู่หลังโต๊ะตรวจคนไข้ เพียงแค่เหลือบดูด้วยหางตาเขาก็บอกได้ทันทีกว่าคนไข้กว่าครึ่งของเขาในวันนี้ถูกโอนมาช่วยจัดการไปเรียบร้อยแล้ว

“ทำไมถึงมาช้า” วิทยาถามเสียงเครียด

“เมาแฮงค์นิดหน่อยน่ะ”

“เมาแฮงค์” วิทยาเหยียดริมฝีปากกับคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น “คนคอแข็งอย่างนายเนี่ยนะเมาแฮงค์ นี่นายกินไปกี่ขวดกัน แล้วหนีไปกินกับใครมา เพราะน้องนิวบอกฉันว่าทะเลาะกับนายแล้วหนีกลับบ้านตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”

ภาพเด็กหนุ่มใบหน้าแดงเรื่อๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังหัวเราะร่าผุดเข้ามาในห้วงความคิด เขาอมยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวเล่าให้ฟังน่า... ไปทำงานก่อนนะ” พูดจบก็รวบแฟ้มคนไข้บนโต๊ะครึ่งหนึ่งกลับไปห้องตรวจของตนโดยไม่ลืมรวบศีรษะคนหน้าหงิกมากอดขอโทษเร็วๆ ทีนึง “ขอบใจที่ช่วย เดี๋ยวมื้อเที่ยงฉันเลี้ยงข้าวนะ”

“ไอ้นี่” วิทยาใช้ปลายนิ้วลูบปอยผมหน้าที่ยุ่งขึ้นให้เรียบเพราะเพิ่งเอาไปสีกับอกกว้างมา เขาเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มคนไข้เล่มบนสุดและเริ่มเรียกคนต่อไปด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่แปลกไป

ทันทีที่ถึงช่วงพักวิทยาก็รีบลากปาวัสม์ไปลากรับประทานอาหารเช้าควบเที่ยงที่ข้าวแกงร้านโปรดของสวัสดิการโรงพยาบาล ไม่ใช่เพราะหิวหรืออยากทวงคำสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวแต่เขาต้องการจะเคลียร์ข้อสงสัยในใจ

“ไปกับนายภาวัฒน์มา” วิทยาอุทานทันทีที่ฟังปาวัสม์เล่าจบ ให้โกหกว่าไปนั่งกินเหล้าคนเดียวจนเมาเป็นหมาแล้วไปนอนหลับข้างเสาไฟฟ้ามาเขายังจะเชื่อซะกว่า แล้วที่เคยบ่นรำคาญเจ้าเด็กแสบที่ชอบกวนประสาทให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ นั่นคืออะไร “นี่พวกนายสองคนไปสนิทกันจนถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกันได้ตอนไหน”

“ก็บอกแล้วไงว่าบังเอิญไปเจอพลุเข้ากลางทาง เลยชวนไปกินข้าวด้วยกันมันก็แค่นั้นเอง พอดีแบตมือถือหมดฉันเลยไม่ได้โทรบอกนาย... ขอโทษน้า”

คำเรียกชื่อเล่นคนแปลกหน้าอย่างสนิทสนม ทำเอาวิทยานิ่งไปชั่วครู่ ปาวัสม์อาจไม่เคยรู้สึกแต่ตั้งแต่คบกันมาชื่อของเขาจะเป็นเบอร์ที่สองรองจากแม่ที่คนตรงหน้าจะโทรหาไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนจนหลายต่อหลายครั้งที่แฟนๆ ของปาวัสม์มาเหวี่ยงวีนใส่เขาด้วยความเข้าใจผิด มันทำให้เขาเคยคิดว่าตัวเอง ‘สนิท’ และ ‘พิเศษ’ ยิ่งกว่าเพื่อนคนไหน

แต่มาวันนี้เขาอาจจะต้องทบทวนความคิดนั้นใหม่ทั้งหมด

“ถ้ามือถือนายแบตหมด เมื่อเช้าฉันโทรหานายติดได้ไงล่ะ”

มือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักค้าง นี่ยังไงล่ะสิ่งที่รบกวนหัวใจคุณหมอหนุ่มตั้งแต่เช้า โทรศัพท์เขาแบตหมดจริงๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่นาแล้วมันจะเปิดเครื่องเองได้ยังไง หนำซ้ำมันยังมีแบตเต็มใช้ได้อยู่จนถึงตอนนี้

“สงสัยพลุจะชาร์จให้มั้ง... ว่าแต่ทำไมนายต้องซีเรียสด้วยวะ ก็แค่ไปกินข้าวแล้วกินเหล้าต่อเอง”

คำถามราวลูกปืนที่พุ่งเข้ากลางอกทำเอาหนุ่มหน้าตี๋ตอบไม่เต็มเสียง “ก็นายมันพวกไม่ระวังตัว เมาทีไรเป็นเรื่องทุกที ถ้าไม่มีฉันกับอุ้มป่านนี้นายโดนสาวที่ไหนไม่รู้หลอกไปทำผัวหรือไม่ก็โดนรถชนตายไปแล้ว”

“ครับๆ คุณเพื่อนรัก คุณเพื่อนดีเด่นแห่งปี เมาไม่ขับรู้หรอกน่า ฉันถึงได้ไปนอนบ้านพลุมานี่ไง”

ช้อนที่กำลังจะส่งข้าวเข้าปากแทบหลุดจากมือ วิทยารู้สึกตกใจเป็นล้นพ้นกับความพันธ์ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วระหว่างคนทั้งสองเพียงแค่ชั่วข้ามคืน “นี่นายไปนอนค้างบ้านเขามาด้วยเหรอ!”

“หรือนายจะให้ฉันหิ้วสาวที่ไหนไม่รู้เข้าโรงแรมล่ะ”

“นายก็เลยหิ้วผู้ชายแทนเนี่ยนะ!!” ถ้าลุกขึ้นตบโต๊ะได้วิทยาคงทำไปแล้ว ลำพังแค่หิ้วสาวก็เจ็บเกินพอ แต่นี่คือหิ้วผู้ชาย แถมยังอายุน้อยกว่าตั้งเกือบรอบ! นัยน์ตาเล็กตี่หรี่มองเสื้อเชิ้ตลายทางดูสุภาพแต่ทันสมัยที่ร่างสูงสวมใส่ผิดวิสัยคนชอบอะไรเรียบๆ ในที่สุดก็รู้ที่มาของกลิ่นที่ไม่คุ้นชิน

“พลุต่างหากที่หิ้วฉัน ฉันเมาไม่รู้เรื่องเลย”

“ฉันพูดผิดไหมล่ะ” วิทยาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงไม่เล่ารายละเอียดแต่ฟังจากน้ำเสียงเขาก็พออนุมานได้ว่าอย่างน้อยเพื่อนเขายังไม่คิดเปลี่ยนใจลองของใหม่

“เรื่องนั้นช่างเถอะ” ปาวัสม์เปลี่ยนเรื่อง “แล้วอุ้มล่ะเป็นไงบ้าง ยังโกรธอยู่ไหม”

วิทยานิ่งไปพลางยกมือขึ้นจับคางอย่างใช้ความคิด “เอางี้! ถ้าเปรียบเทียบว่าเป็นคนไข้ล่ะก็ นายบอกญาติให้เตรียมจองวัดได้เลย... ยังไงก็ไม่รอดขึ้นอยู่กับว่าจะไปขอพระท่านอาศัยอยู่ด้วยเมื่อไหร่”

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ตัวเองทำเองแล้วยังมีหน้ามาถามอีก”

“ก็คนมันลืมนี่หว่า... เอาไงดีล่ะจิว ตอนนี้อุ้มมีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม ฉันจะได้ซื้อไปง้อถูก”

“ไอ้ของที่อยากได้น่ะก็พอจะมีอยู่หรอก แต่นายแน่ใจแล้วเหรอที่จะง้ออุ้มด้วยวิธีนี้”

“ช่วยไม่ได้นี่หว่าก็ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว”

“แล้วนายมีงบเท่าไหร่ล่ะ”

“เฮ้ย!” ปาวัสม์อุทาน “มันแพงขนาดนั้นเลยเหรอ”

วิทยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ปืน... ฉันมั่นใจว่านายคงจำได้ถึงผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกนอกจากแม่ ครูและอาจารย์ใหญ่ที่ทำให้นายกับฉันมีวันนี้ วันที่นายเป็นคุณหมอมือหนึ่งแห่ง ER มีคนนับหน้าถือตา มีลูกศิษย์ลูกหาและน้องๆ ที่นายกล้าด่าเต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้เรื่อง”

นุชนันท์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุดแต่เธอคือเพื่อนที่หาใครมาแทนไม่ได้

ลองคิดดูสิ! จะมีผู้หญิงคนไหนกล้าบุกเดี่ยวเข้าไปกลางวงไพ่ในบ่อนใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเพื่อลากเขาพวกเขาสองคนออกมาสอบปลายภาค และอดทนนั่งติวหนังสือให้จนสอบผ่านชั้นม.สาม ถึงวิธีหักดิบของเธอจะโหดหินตรงจับพวกเขาล่ามโซ่ติดกับขาโต๊ะไม่ให้แอบหนีไปกินเหล้า แต่ที่น่ากลัวสุดคือเธอลบเบอร์ผู้หญิงทุกคนในโทรศัพท์ของปาวัสม์ทิ้งโดยให้เหตุผลง่ายๆ ว่า...

‘ถ้ามันเหงานักก็ไปอ่านหนังสือ แต่ฉันคิดว่านายคงไม่เหงา! เพราะตอนนี้นายมีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวของนายมันก็มากเกินพอแล้ว... จบนะ!!!’

“ของบางอย่างมันซื้อด้วยเงินไม่ได้... อย่างคำว่า ‘เพื่อน’ แต่ถ้าคิดจะทำมันก็ต้องลงทุนมากหน่อยแต่จำไว้นะว่าจริงๆ แล้วสิ่งนายซื้อได้มันก็แค่ ‘เวลา’ กับ ‘โอกาส’ สุดท้ายก็คือตัวนายน่ะแหละที่ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้คำว่า ‘เพื่อนรัก’ คืนมา”

หนุ่มหน้าตี๋เหยียดริมฝีปากออกยิ้มให้กำลังใจก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ ไม่คิดจะพูดอะไรอีก ในฐานะคนตรงกลางเขาก็อยากจะเป็นกลางจริงๆ เรื่องเมื่อคืนมันแทบจะเรียกได้ว่าทะเลาะกันหนักหนาที่สุด ถ้าเป็นเขาเองที่ต้อง ‘เลือก’ ระหว่างเพื่อนกับแฟนก็คงคิดไม่ตกเหมือนกัน

แต่ข้าวในช้อนยังไม่ทันได้เข้าปากเมื่อกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลใบเก่าดูคุ้นตาถูกโยนลงมาตรงหน้า วิทยาช้อนสายตาขึ้นมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาคมที่มองสบมา... สายตาจริงจังที่เขาเฝ้ามองและรู้มาตลอดว่าใครก็ตามที่ผู้ชายขี้เหงาคนนี้หลงรักด้วยหัวใจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก... ไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อน หรือคนรัก... ซึ่งเขาเองก็อยากจะเป็นหนึ่งในสถานะอะไรก็ตามที่ว่ามานั้นเหลือเกิน

“ว่ามา! และอย่าถามคำถามนั้นกับฉันอีกเป็นครั้งที่สอง” ปาวัสม์บอกไม่เชิงไม่พอใจแต่ออกจะงอนๆ เสียมากกว่า “เพราะฉันจะถือว่านายไม่ใช่เพื่อนรักของฉัน”

วิทยากรีดยิ้มกว้างกับคำว่า ‘เพื่อนรัก’ ที่ได้ยินเต็มสองหู เขากวักมือให้ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู
OOOOOO

นางพยาบาลสาวร่างอวบแห่งวอร์ดอายุรกรรมหก ยกมือขึ้นถูจมูกอย่างหงุดหงิดหลังจากจามเสียงดังติดๆ กันมาสามรอบ โบราณว่าจามหนึ่งทีมีคนบ่นหา สองทีมีคนนินทา ถ้างั้นไอ้สามทีนี่ก็ต้องเป็น... 

เสียงรองเท้าส้นสูงที่ไม่อยากจะคุ้นเคยดังกระทบพื้น นุชนันท์แทบจะกลั้นใจเมื่ออึดใจต่อมามือคู่งามก็วางแฟ้มคนไข้ลงบนเคาน์เตอร์ “รับออเดอร์เพิ่มด้วยนะคะ”

“ค่ะ” นุชนันท์ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองแค่ได้ยินเสียงรองเท้าเธอก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

รชญากำลังจะเดินจากไปอยู่แล้วแต่ความอยากรู้ในใจมันมากเสียจนต้องหันกลับมาอีกครั้งเพราะนับแต่แยกกันที่หน้าโรงหนังจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังติดต่อคนรักของเธอไม่ได้เลย “เมื่อวานเธอกับพี่ปืนไปไหนกันมา”

“ก็นั่นแฟนเธอไม่ใช่เหรอ มาถามฉันทำไม”

คุณหมอสาวหน้าหงิกขึ้นมาทันที “นี่เธอ เวลาพูดช่วยมองหน้าฉันด้วย...” พูดได้เท่านั้นเสียงโทรศัพท์จากคนที่กำลังเป็นประเด็นก็ดังขึ้นขัดบทสนทนา

“อุ๊ย! พี่ปืนโทรมา” เธอสะบัดผมไปด้านหลังด้วยท่าทีเป็นต่อพลางกดรับสาย “ค่ะพี่ปืน นิวกำลังดูคนไข้อยู่มีอะไรหรือเปล่าคะ”

...ขอให้พวกมันเลิกกัน!!!...

นุชนันท์แช่งในใจ ริมฝีปากเม้มสนิทขณะที่แอบฟังโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลยเพราะรชญาตั้งใจจะประกาศให้ได้ยินอยู่แล้ว นี่ถ้าเปิดไมค์เอาออกเครื่องกระจายเสียงของโรงพยาบาลได้ล่ะก็ยัยนี่คงทำไปแล้วล่ะ แต่ก็ไม่แน่หรอกนะสักวันเธออาจจะทำก็ได้ ก็หล่อนน่ะมีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวสุดที่รักของท่านผอ.นี่นา

“ค่ะ ว่างคุยได้ค่ะ... ไม่เป็นไรค่ะพี่ปืน นิวเข้าใจค่ะว่าพี่ปืนง่วง แต่วันหลังไม่เอานะคะ แล้วกลับถึงบ้านก็อย่าลืมชาร์ตแบตมือถือด้วยไม่ปล่อยให้หมดข้ามวันแบบนี้นะคะ นิวเป็นห่วง” คุณหมอสาวกดวางสายและหันมายิ้มอย่างผู้มีชัย “...ไปดีกว่า”

“ชิ!” นุชนันท์จิ๊ปากอย่างหมั่นไส้ ทันทีที่รชญาคล้อยหลังเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาบ้างทันที
นุชนันท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นดู ในใจนึกเตรียมคำต่อว่า (อันที่จริงคือคำด่าเลยล่ะ) ถ้าเป็นใครบางคนโทรมา แต่เคราะห์ดีที่ไม่ใช่เธอรีบกดรับ “มีอะไรจิว”

“ถามยังกับว่าไม่มีแล้วโทรหาไม่ได้แน่ะ” วิทยาแกล้งตัดพ้อ “เย็นนี้เธอว่างไหม”

“ขอโทษทีนะจิว เย็นนี้มีฉันมีนัดแล้ว บังเอิญว่าธุระสำคัญมากเสียด้วยสิ” นุชนันท์พูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย “เอางี้ดีกว่า ฉันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยเดี๋ยวกินเสร็จแล้วแวะไปหานะ”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ธุระไม่รีบ ไม่รีบจริงๆ” วิทยารีบบอก “ไม่ต้องมา”

“ไม่เป็นไรๆ พอดีฉันอยากเจอนายด้วย มีเรื่องจะปรึกษา งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวเจอกัน” ถึงจะสงสัยในน้ำเสียงที่ร้อนรนของอีกฝ่ายแต่ด้วยความอยากหาที่ระบายเธอจึงปัดความคิดบ้าๆ นั้นทิ้งและรีบปั่นงานให้เสร็จ

นุชนันท์ตัดสายทิ้งไปแล้ววิทยาจึงทำได้แค่จ้องโทรศัพท์ในมือตาปริบๆ ก่อนจะเหลียวมองผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ถัดออกไป นึกสงสารขึ้นมาจับใจว่าจะมีสักกี่คนกันที่จะซวยซ้ำซวยซ้อนได้มากขนาดนี้
OOOOOO

(ยังไม่จบนะคะ)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 2 รู้จัก [13/12/57] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 21-12-2014 18:38:12
บทที่ 3(ต่อ)

“ว่าไงจิว” นุชนันท์ตรงเข้าไปทักเพื่อนรักที่อุตส่าห์มายืนดักรออยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินพลันสายตาเหลือบไปเห็นบุคลากรหน่วยงานอื่นที่มายืนผิดที่ผิดทางเหมือนเธอ

“มาแล้วเหรออุ้ม ตรงนี้คนเยอะไปคุยกันตรงโน้นไป” วิทยาคว้ามือดึงไปอีกทางแต่ร่างอวบนั้นยังคงไม่ขยับ

“ตรงนี้ก็ได้จิวเรื่องไม่สำคัญอะไร” กระแสเสียงที่ออกจากปากนุชนันท์เย็นชาและบาดลึกเมื่อภาพตรงหน้ามันช่างบาดตาและเจ็บใจยิ่งนัก

คุณหมอหนุ่มประจำห้องฉุกเฉินกำลังยืนหัวร่อต่อกระซิกกับแฟนสาวที่ตระกองกอดกุหลาบสีแดงสดช่อโต อย่างแสนรัก

...นายแน่มากปาวัสม์ที่อุตส่าห์ตามผู้หญิงคนนั้นให้พ้นมาจากฉันเพื่อจะได้งอนง้อขอคืนดีแบบไม่อายผีสางเทวดา งั้นครั้งนี้คงเป็นความผิดฉันเองสินะที่ดันแส่มาเห็นเอง...

“ไปเถอะอุ้ม” วิทยายังคงยืนยันและคว้าแขนล่ำๆ ของเธอไว้แน่น

“ไม่ไปเว้ย!” นุชนันท์กระซิบลอดไรฟัน และเธอยืนยันเช่นนั้นจริงๆ จนกระทั่งสายตาหันมาสบกับแววตาเจ็บปวดของคนในชุดกาวน์ข้างกาย ปากของเธอเม้มสนิท มืออวบๆ ทั้งสองกำเป็นหมัดแน่นก่อนจะพ่นลมหายใจออกจมูกเสียงดัง “ไปก็ได้”

...ฝากไว้ก่อนนะไอ้เพื่อนขี้โกหก! ถ้างานนี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่จิว แม่ได้กระโดดทับแกกับไอ้กุหลาบช่อนั้นลงไปบี้แบนติดพื้นแน่!...

ทั้งสองกำลังก้าวเท้าพ้นกรอบประตูห้องฉุกเฉินอยู่แล้วเมื่อเสียงใสๆ ราวกับร้องหาความช่วยเหลือดังขึ้น

“คนไข้อยู่นิ่งๆ สิคะ”

ชโลธรนั่นเอง เธอกำลังมีเรื่องลำบากใจด้วยตัวการที่โครงร่างแม้ไม่สูงใหญ่มากแต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามฟิตเสื้อยืดสีขาวขลิบคอสีกากีเช่นเดียวกันกับกางเกงขายาวสมหน้าที่การงานที่ทำอยู่

วิทยาขมวดคิ้ว ใหญ่มาจากไหนไม่รู้หรอกนะ สำหรับเขามันก็แค่คนไข้ขี้หลีหยอกเย้าพยาบาลสาว สายตาเจ้าชู้เปล่งประกายวาววับราวกับเสือจ้องตะครุบเหยื่ออย่างไม่ปิดบัง มือก็ป่ายเปะปะแสร้งดิ้นไปหาเรื่องแต๊ะอั๊ง เห็นแล้วมันขัดตารำคาญใจจริงๆ  เขาคว้าแฟ้มคนไข้เล่มใกล้มือที่สุดและหันไปหานุชนันท์ “เดี๋ยวฉันมานะ”

“เบาๆ หน่อยสิครับคนสวย คุณทำหัวใจผมเจ็บไปหมดแล้วนะ”

“ร้อยตำรวจตรีรติพัทธใช่ไหมครับ “วิทยายิ้มทักด้วยมาดนายแพทย์มืออาชีพ จะว่าอ่อนโยนก็ไม่เชิงเพราะมันแฝงความเคร่งขรึมในแบบที่เป็นแพทย์รุ่นน้องเห็นคงกลัวกันหัวหด “วันนี้ล้มได้แผลถลอกที่แขนมานิดหน่อยสินะครับ” ถามพลางคว้ามือปลาหมึกหมับเข้าให้ แกล้งทำเป็นสนอกสนใจรอยถลอกเล็กน้อยบนลำแขนแข็งแรงพร้อมทั้งเบียดตัวเข้าขวางระหว่างนายตำรวจหนุ่มกับชโลธรเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน “ยังเจ็บอยู่ไหมครับ”

“ระบมไปหมดเลยครับคุณหมอ แต่คงจะดีขึ้นถ้าได้พยาบาลน่ารักๆ มาดูแล”

“เหรอครับ” วิทยากรีดยิ้มกว้างขึ้นอีกและคว้าคีมในเซ็ตทำแผลที่ชโลธรเปิดทิ้งไว้คีบสำลีปลอดเชื้อจุ่มแอลกอฮอล์จนชุ่มจิ้มลงกลางแผลตั้งใจเลือกบริเวณที่คาดว่าน่าจะเจ็บเอ๊ย! อาการหนักมากที่สุด

“โอ๊ย!” นายตำรวจหนุ่มร้องเสียงหลง

วิทยาไม่สนใจ เขาหันไปหาชโลธรและยัดแฟ้มที่หยิบมาด้วยใส่มือเธอ “คุณพยาบาลช่วยไปรับออเดอร์ให้หน่อย ไม่ต้องห่วงทางนี้นะครับเดี๋ยวผมจะดูแลคุณรติพัทธเอง”

“ค่ะคุณหมอ” ชโลธรรีบผละไปทันที เธอเปิดแฟ้มจะตระเตรียมอุปกรณ์เมื่อพบว่าออเดอร์ทุกอย่างทำเสร็จเรียบร้อยแถมคนไข้ยังกลับบ้านไปแล้วอีกต่างหาก คิ้วสวยขมวดมุ่นเมื่อนุชนันท์เอ่ยขึ้น

“เขาก็เป็นคนใจดีแบบนี้แหละ” พยักพเยิดไปทางคุณหมอหนุ่มที่กำลังปะทะคารมกับคนไข้ มืออวบๆ พลิกแฟ้มของร้อยตำรวจตรีรติพัทธซึ่งเธอถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู “แค่ชอบน่ะได้แต่อย่าหลงรักล่ะ” เธอไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ ไม่ใส่เท่าใดนักจนกระทั่งวนกลับมาที่ชื่ออีกครั้งและหยุดลงตรงนามสกุล

“หมอจิวเป็นแฟนพี่อุ้มเหรอคะ”

“เพื่อนน่ะ... เพื่อนที่รักมากจนไม่อยากให้เสียใจ” นุชนันท์วางแฟ้มคนไข้ลง คว้ารถหัตถการและย่างสามขุมเข้าไปหา

...ทีแรกแค่นึกอยากสั่งสอนผู้ชายขี้หลีแต่ตอนนี้ขอแถมข้อหาหมั่นไส้โทษฐานที่ใช้นามสกุลเดียวกับรชญาไปอีกข้อละกัน...

“เจ็บตรงไหนครับ” วิทยาฝืนยิ้มจนเหมื่อยปาก ถ้าเป็นคนอื่นทำแผลเสร็จคงไล่ตะเพิดกลับบ้านไปแล้วแต่กับนายตำรวจหนุ่มจบใหม่คนนี้ที่ใช้นามสกุล ‘ศิลปะเดโชชาญ’ จึงทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด เพราะเขามีศักดิ์เป็นหลานของผอ.โรงพยาบาล ลูกพี่ลูกน้องของรชญา แฟนสาวของปาวัสม์นั่นปะไร

รติพัทธกอดอก ไม่พอใจในการรักษาอย่างที่สุด เริ่มแรกไอ้หมอหน้าตี๋คนนี้ก็มาขวางเขาจากเหยื่อเอ๊ย! จากคุณพยาบาลสาวน้อยน่ารักคนนั้นแต่ที่ทำให้โมโหน่ะคือปากกำลังคุยกับเขาแท้ๆ แต่ดันส่งสายตามองไปทางไหนก็ไม่รู้

ผู้หมวดหนุ่มมองตามด้วยหางตา ภาพของญาติผู้พี่ตนกำลังคุยหัวร่อต่อกระซิกกับแฟนหนุ่มสำหรับเขาออกเป็นเรื่องชินตา เขาตวัดสายตากลับมาอีกครั้งแล้วก็ถึงบางอ้อ!

“เจ็บตรงนี้ครับ” รติพัทธตบมือเบาๆ ลงบนตำแหน่งหัวใจ

...แบบนี้สิน่าสนใจ...

“คุณเคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจไหมครับ” วิทยาขมวดคิ้ว เริ่มซักประวัติต่อนึกเกรงอยู่ในใจหากทำการรักษาผิดพลาดหรือไม่ครอบคลุมอาจมีปัญหาใหญ่ตามมา ไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะเพียงแต่เขาเบื่อเรื่องยุ่งยากก็เท่านั้น

“มีครับ” รติพัทธตอบเสียงใส “โรคหัวใจขาดรักน่ะ”

วิทยากำหมัดแน่น ...ไอ้ตำรวจขี้หลีนี่มันจะมาไม้ไหนวะ!

“เย็นนี้คุณหมอวิทยาว่างไหมครับ” เขาตีเนียนเรียกชื่อจากการอ่านบัตรประจำตัวที่คล้องอยู่รอบคอ

“ไม่ว่างครับ”

“เดี๋ยวพยาบาลขอเปิดเส้นหน่อยนะคะพอดีคุณหมอให้ฉีดยา”

รติพัทธเหลียวมองคนพูดแล้วสะดุ้งเฮือก แวบแรกที่คิดคือ พยาบาลหรือพญามารกันแน่ ผู้หญิงอะไรตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ เขารีบยื่นแขนให้ทันทีตามคำขอเพราะกลัวจะโดนคุณเธอกระโดดทับถ้าคิดอิดออด

“โอ๊ย!” รติพัทธครางหลังโดนสอยไปเป็นรอบที่สอง “ยังไม่ได้อีกเหรอครับ ผมก็ว่าเส้นผมใหญ่นะ”

“คงอย่างนั้นแหละค่ะคับโรงพยาบาลเลย” นุชนันท์แกล้งว่า “ทนเจ็บอีกนิดนะคะ”

วิทยามองเพื่อนสาวแล้วก็ให้ฉงน นุชนันท์แทบจะเป็นลำดับต้นๆ ของโรงพยาบาลที่จะถูกเรียกหาถ้ามีการให้ไปเปิดเส้นหรือเจาะเลือดคนไข้โคตรวีไอพี เพราะไม่ว่าจะเป็นคนไข้เด็กเล็ก คนแก่ที่เส้นจม เส้นเปราะและหาเส้นยากที่สุด ไม่เคยมีใครเกินความสามารถเธอ แต่กับนายตำรวจหนุ่มแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวเส้นเท่าเอ็นควายแบบนั้นกลับต้องใช้ความพยายามถึงสามครั้ง

“เดี๋ยวจะฉีดยาแก้ปวดให้นะคะ” นุชนันท์บอกพลางหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา

วิทยาขมวดคิ้วอีกครั้งแต่ก็ยังไม่คิดจะทัก จนกระทั่งพยาบาลสาวเปิดแฟ้มคนไข้และแสร้งอุทานด้วยเสียงสูง

“อุ๊ย! ฉีดเข้ากล้ามหรอกเหรอ” พูดจบก็คว้าแขนรติพัทธแล้วปักลงไปแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ถึงจะถูกตำแหน่งและถูกวิธีแต่ก็ทำเอาคนกลัวเข็มที่ไม่ทันได้เตรียมใจร้องเสียงหลง

“อ๊ากกกก!”

นุชนันท์เหลือบตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง ทันทีที่สายตาสองคู่ประสานกันวิทยาก็แอบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวจนต้องแกล้งไอถี่ๆ

“คุณหมอไม่ว่างไม่เป็นไร งั้นผมขอเปลี่ยนเป็นมารับไปส่งบ้านแทนละกันนะครับ ผมอยากบริการ” รติพัทธยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

“งั้นคุณก็ไปบำเพ็ญสาธารณประโยชน์สิครับถ้าคิดว่างานประจำที่ทำอยู่ยังว่างมากเกินไป”

“งานน่ะไม่ว่างหรอกครับแต่หัวใจผมน่ะมีพื้นที่ว่างมากมายไว้รอให้ใครบางคนจับจอง”

...ไอ้บ้านี่มันอะไรของมันวะเนี่ย!!...

วิทยาเริ่มจะปรอทแตกขึ้นมาจริงๆ เขาเงยหน้าขึ้นสบตานางพยาบาลสาวร่างอวบ “เมื่อกี้เปิดได้เส้นใหญ่ไหมอุ้ม ท่าทางสมองคุณรติพัทธจะได้รับความกระทบกระเทือน ฉันอยากส่งไปเอ็กซเรย์ดูสักหน่อยน่ะ”

“คงไม่ได้ล่ะนี่เบอร์ยี่สิบเองแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจัดการให้” นุชนันท์พูดพลางหยิบเข็มอีกอันขึ้นมาตัวเลขบ่งชี้ว่าเป็นเบอร์สิบหกและขนาดของมันพอๆ กับเข็มเย็บกระสอบข้าวสารเลยทีเดียว

นายตำรวจหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก! คำโบราณว่าชายชาตินักรบไม่เคยกลัวศัตรู ที่ทำให้ใจแข็งกร้าวต้องไหวหวั่นมีเพียงความอ่อนโยนของสตรีเพศไม่เคยกล่าวเกินจริง

“ไม่เป็นไรมั้งครับคุณหมอ” รติพัทธรีบบอก “หัวผมไม่ได้ไปฟาดโดนอะไรสักหน่อยนะครับ”

...แต่เห็นทีวันนี้คงต้องขอแก้คำโบราณเสียใหม่...

“กันไว้ดีกว่าแก้นะครับ” วิทยาบอกสีหน้าเคร่งเครียดทั้งที่ริมฝีปากกรีดยิ้มเหี้ยมเกรียม

...อีกสิ่งที่ทำให้ใจไหวหวั่น...

“แต่ผมต้องรีบไปทำคดีต่อ”

...มิใช่คมดาบกล้าหรือศาตรา อาวุธใด...

“ไหนว่าว่างไงครับ” วิทยาถามหน้าตาเฉย

...ถึงจะมีขนาดน้อยนิดแต่พิษสงนั้นน่าสะพรึงยิ่งกว่า!!...

“ไม่ครับ ไม่... ไม่... ผมยุ่งจริงๆ” หน้ารติพัทธไร้สีเลือด เขาจะชักแขนหนีเมื่อมืออวบๆ คว้าหมับไว้แน่น

“อยู่นิ่งๆ นะคะจะได้เจ็บครั้งเดียว”

...คมเข็มแหลมถูกเงื้อขึ้นสูงก่อนจะจ้วงลึกลงในมังสา... เลือดสดๆ ของเขาสาดกระจาย!!...

“โอ๊ย!!”

“เรียบร้อยแล้วค่ะแหม ตัวออกโตแต่ร้องเสียงดังกว่าเด็กอนุบาลอีกนะคะ” นุชนันท์ส่งยิ้มหวานปานเพชรฆาตให้

“ขอบคุณนะครับ แต่ผมเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว เห็นคนไข้แข็งแรงดีให้กลับบ้านได้เลยครับ โอ๊ะ! เข็มนั่นไม่ต้องเอาออกหรอกอุ้ม” ตาเล็กๆ ตามสไตล์คนจีนเหลือบมองนายตำรวจหนุ่มที่นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มวันไหว้เจ้า วิทยาแสยะยิ้มสะใจอย่างไม่ปิดบัง “เป็นที่ระลึก”

แต่รติพัทธยังไม่เลิกตอแย “ตกลงเย็นนี้ผมมารับครับ”

วิทยาชะงักกึกชักอยากส่งคนไข้รายนี้ไปรักษาต่อที่ห้องดับจิตขึ้นมาตะหงิดๆ เขาเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็งในอุณหภูมิที่ติดลบ “ผมไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอครับ... ว่าผมไม่ว่าง”

เมื่อเจอความเย็นขนาดตัดขั้วหัวใจได้ รติพัทธจึงยกธงขาวยอมแพ้ เขามีสีหน้าเซ็งอย่างถึงที่สุดที่ต้องกลับไปมือเปล่าแต่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำเช่นนี้การถอยไปตั้งหลักและค่อยกลับมาแก้ตัวใหม่วันหลังแลดูจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รุก รับ ร่น ถอย ที่น่านำมาประยุกต์ใช้มากที่สุด

“ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลยนะ” นุชนันท์ทำปากขมุบขมิบสาปส่ง “คนพี่ก็เอาแต่ใจ หลานชายก็ขี้หลี”

วิทยายกมือขึ้นกอดอก ใคร่ครวญถึงความไม่สมเหตุสมผลของการที่ผู้หมวดหนุ่มจะขับรถวนอ้อมโลกมาทำแผลที่เรียกได้เต็มปากว่าขี้ปะติ๋ว ห้องพยาบาลประจำสถานีก็มีหรือจะไปโรงพยาบาลตำรวจก็ใกล้กว่า เหตุผลมันไม่ใช่แค่เพราะเป็นหลานผอ.หรือน้องรชญาแน่นอนเมื่อเห็นกันอยู่ทนโท่แต่ไม่คิดจะทักทายกันสักคำ... ว่าแต่มันคืออะไรกันล่ะ?

“ฟังนะจิว” เสียงหวานปนดุของนุชนันท์เฉียบขาด “ในฐานะเพื่อนฉันขอสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้นายไปข้องเกี่ยวอะไรกับผู้ชายคนนี้ไม่ว่านายจะเป็นหรือไม่ได้เป็นเกย์ก็ตาม”

“เธอหมายความว่าไง” วิทยาขมวดคิ้ว เพราะมัวแค่คิดเขาจึงไม่ทันได้ฟังคนร่างอวบพูดมากนัก

“ก็หมายความว่าฉันจะฆ่ามันไปพร้อมๆ กับยัยพี่สาวตัวดีทันทีที่มีโอกาสน่ะสิ ว่าแต่ตกลงนายมีธุระอะไรกับฉัน”

นัยน์ตาเล็กตี่เหลือบมองหญิงสาวร่างอวบข้างกายก่อนจะมองร่างสูงที่ยังยืนคุยอยู่กับแฟนสาวและตวัดกลับมาสบตานุชนันท์อีกครั้ง วิทยากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอพร้อมทั้งกรีดยิ้มหวานเดียงสาให้แลดูน่าเห็นใจที่สุด “ปืนฝากฉันมาบอกเธอว่า...”

ถัดออกไปไม่ไกลบริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล ร่างสูงใหญ่เอนหลังพิงเบาะในรถตำรวจ นัยน์ตาภายหลังแว่นดำจ้องผ่านกระจกมองหลังไปยังชายหญิงในชุดขาวสองคนที่กำลังทุ่มเถียงอะไรกันสักอย่างหน้าห้องฉุกเฉิน เขาอมยิ้มมุมปากพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “หน้าตาใช้ได้ถึงจะไม่สเปคเท่าไหร่แต่ก็น่าสนใจดี เป็นอันว่าผมตกลงรับงานนี้ขอเวลาไม่เกินเจ็ดวัน ผมจะทำให้เขาไม่มายุ่งกับคนของพี่อีกเลย” เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไป
OOOOOO

เมื่อสนธยาเริ่มมาเยือนก็ได้เวลาที่คุณหมอหนุ่มจะเลิกงานกะเช้า เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจและเดินออกไปหน้าห้องฉุกเฉินกำลังนึกวางแผนจะให้วิทยาพาไปเอารถที่ร้านอาหารเมื่อคืน พลันเสียงเตือนของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพร้อมกับข้อความเข้าจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย

[ คุณหมอคนเก่งเลิกงานหรือยังคับ ]

ปาวัสม์นิ่วหน้าก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย เดาได้ทันทีว่าเป็นเบอร์ใครจากสำนวนเลี่ยนๆ กวนเส้นประสาทส่วนล่าง เขาเหลือบมองซ้ายขวาก่อนจะปั้นหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจและยัดโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋า พลันเสียงเรียกเข้าจากเบอร์เดิมก็ดังขึ้นทันทีตามที่คาด เขายกขึ้นกดรับ

“มีอะไรเจ้าเด็กแสบ”

‘อ้าว... หมอปืนก็รู้นี่นาว่าเป็นเบอร์ผมแล้วทำไมไม่ตอบล่ะครับ’

เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นเคยดังมาตามสาย

“ก่อนจะว่าคนอื่น สารภาพมาก่อนดีไหมว่าเอาเบอร์ฉันมาจากไหน” ปาวัสม์ถามกลับเสียงเข้ม

‘เอ่อ...’

ได้ผล ปลายสายที่เคยลัลลาออกอาการหมาหงอยขึ้นมาทันที นัยน์ตาเบื้องหลังกรอบแว่นสอดส่ายไปรอบๆ พร้อมกับสืบเท้าเบาๆ เพื่อหาเจ้าตัวดีที่คงจะนั่งแอบอยู่แถวนี้เพื่อดูท่าทีเขาเป็นแน่ ครู่เดียวเขาก็ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มดังแว่วมาจากหลังเสาต้นหนึ่ง

‘เมื่อคืนตอนที่คุณหมอหลับ...’ เด็กหนุ่มยอมรับตามตรง ‘ขอโทษนะครับ คุณหมอโกรธหรือเปล่า’

“โกรธสิ!” ปาวัสม์ทำเสียงดุยิ่งขึ้นไปอีก และค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ เขาชะโงกข้ามเหลี่ยมเสา เห็นคนในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มนั่งยองๆ กุมขมับขยี้เรือนผมสีน้ำตาลที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งขึ้นไปอีกป้องปากคุยโทรศัพท์อยู่จึงแกล้งกดตัดสายทิ้ง

“อ้าว... คุณหมออย่าเพิ่งวางสายสิครับ... คุณ...”

“อยากรู้ทำไมไม่ขอดีๆ” 

ภาวัฒน์หน้าตาเหลอหราและลนลานลุกขึ้นยืน จะกลบเกลื่อนก็สายไปเสียแล้วเมื่อร่างสูงกอดอกพิงเสาจ้องคาดโทษตาเขียวปัด “ข... ขอโทษครับ”

คุณหมอหนุ่มมองลอดแว่น ทั้งที่ในใจนึกขัน อันที่จริงเขาไม่ได้โกรธสักนิด แค่เบอร์โทรก็ไม่รู้จะหวงไปทำไม แต่เขาหมั่นไส้คนหน้าเป็นและอยากจะแกล้งกลับเท่านั้นเอง แหม... ไม่ใช่ว่าใจดีชาร์ตโทรศัพท์ให้ที่แท้แอบขโมยเบอร์โทรเขานี่เอง “ว่างนักใช่ไหมมาล้อฉันเล่นแบบนี้”

“นิดหน่อยอ่ะ ก็คืนนี้คนดวงเซิ้งบางคนไม่เข้าเวร ผมเลยนั่งหง่าวจนขาเป็นตะคริวแล้วเนี่ย” คนหน้าเป็นลอยหน้าลอยตาตอบ

“ก็ดีแล้วนี่ นายจะได้มีเวลาไปจีบคุณพยาบาลสาวๆ”

คนถูกกล่าวหาทำตาโต “ผมไม่เคยทำแบบนั้นสักหน่อย”

“พาไปเอารถหน่อยสิ” ปาวัสม์ว่า การไปเอารถกับวิทยาคงสบายใจกว่าแต่เห็นทีจะไม่สนุกเท่ากับการได้ต่อล้อต่อเถียงกับคนชอบแกล้งเขาคนนี้หรอกและมันเรื่องอะไรที่เขาต้องยอมอยู่ฝ่ายเดียว

“ห๊ะ!?”

“ ก็ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามและเดินนำไป “ดีกว่านั่งหายใจทิ้ง ถือซะว่าไถ่โทษเรื่องเบอร์โทรละกัน... ตกลงจะไปไหม?”

“อย่ามาทำเป็นสั่งนะ” เด็กหนุ่มแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยประชดและเดินทอดน่องตามไปแบบเซ็งๆ ทั้งที่ใจวิ่งนำไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์รอตั้งนานแล้ว เพราะสาเหตุที่ส่งข้อความไปกวนก็เพื่อจะชวนไปเอารถด้วยกันนี่แหละ
OOOOOO

“ขอบใจนะพลุ” ปาวัสม์ขึ้นนั่งสตาร์ทรถพร้อมกับลดกระจกด้านข้างลง

เด็กหนุ่มได้ทีรีบยื่นหน้าเข้ามาเอาคางวางเกยบนขอบหน้าต่างเพื่อคุยกับเขา “เรื่องเล็กน้อยครับคุณหมอ... ขับรถดีๆ เจอกันพรุ่งนี้ที่งานนะครับ”

“นายก็ไปด้วยเหรอ?”

ถามออกไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กหนุ่มจะรู้เมื่อ ‘งาน’ ที่พูดถึงเป็นการประชุมใหญ่ระดับชาติซ้ำยังเกี่ยวพันโดยตรงถึงหน่วยงานอุบัติเหตุและศูนย์กู้ชีพอีก

“หมอปืนของผมอุตส่าห์ได้รับเลือกให้ขึ้นไปบรรยายทั้งทีผมจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ภาวัฒน์ยิ้มหน้าแป้นแล้นและชูนิ้วโป้งให้สองมือ

ปาวัสม์เลิกคิ้วให้คนหน้าเป็นที่ถือดีมาใช้คำว่า ‘ของผม’ อย่างหน้าด้านๆ... เป็นอะไรกันหรือก็เปล่า นี่พอเห็นยอมเข้าหน่อยชักลามปามนะไอ้เด็กแสบ... ถึงจะรู้สึกตงิดๆ แต่น่าแปลกที่เขาไม่หงุดหงิดเลยสักนิด กลับกันออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ คล้ายกำลังถูกลูกสุนัขตัวโตๆ ที่เลี้ยงไว้เกาะแข้งเกาะขาอ้อนขอขนม คิดแล้วคุณหมอหนุ่มก็อดใจไม่ไหวยกมือขึ้นขยี้ผมสีน้ำตาลยุ่งๆ เหมือนขนลูกสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ด้วยความหมั่นไส้

“ไม่เล่นน่า”

แต่ปาวัสม์ไม่เลิก เส้นผมสีน้ำตาลที่เคยคิดว่าจะสากมือกลับอ่อนนุ่มจนไม่อยากปล่อย และเพราะเจ้าตัวแสบพยายามจะสะบัดศีรษะหนี เขาจึงต้องใช้มือทั้งสองข้างคว้าใบหน้าสีแทนนั้นไว้ในอุ้งมือ ดึงเชิดขึ้นให้สบตาก่อนจะนิ่งไปอย่างพิจารณา นิ้วเรียวไล้ไปตามแนวกรามที่เต็มไปด้วยไรหนวดเขียวครึ้ม นึกสงสัยขึ้นมาจับใจว่าถ้าดวงหน้านี้เกลี้ยงเกลาจะดูเป็นเช่นไร

“ทำไมนายถึงไว้หนวดล่ะ”

“ก็เพราะว่ามันเท่ไงครับ” ภาวัฒน์ยืดอกตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “นายคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ แต่ฉันว่ามันรุงรังแถมยังดูแก่ด้วย... ไปโกนออกเหอะ” พูดจบก็ปล่อยมือจากเด็กหนุ่ม “เจอกันพรุ่งนี้นะ”

เขากดกระจกขึ้นและขับรถออกไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้เด็กหนุ่มยืนอ้าปากค้างเป็นปลาทองขาดน้ำอยู่คนเดียว
*******************************************
มาถึงตอนที่ 3 แล้ว กว่าจะมาอัพเกือบหมดสัปดาห์แน่ะ (งือ...ตอนนี้เค้างานยุ่งมากเลยยยย ขอกำลังใจหน่อยยยTT^TT)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ [[ปลื้มปริ่มสุดๆ]] ^^ ถ้าคนอ่านอ่านแล้วยิ้ม เลกกี้อ่านคอมเมนต์แล้วยิ้มกว้างกว่าร้อยเท่าเลยล่ะ
ตอนนี้เปิดตัวละครใหม่หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ รู้สึกว่าบทนี้หมอปืนกะเจ้าพลุไม่ค่อยมีบทเลยยยยยย(ก็ตามชื่อตอนล่ะค่ะ)
ไว้ตอนหน้ามีเซอร์ไพรส์แน่ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 21-12-2014 19:24:41
คิดถึงเรื่องนี้พอดีเลยยยยยย

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-12-2014 19:53:03
ร้ายใช่เล่นเหมือนกันนะหมอนิวและก็อีตาตำรวจด้วย
ต้องให้อุ้มจับตอนให้เข็ด

พลุจะค่อยๆซึมเข้าในชีวิตหมอปีนแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-12-2014 20:18:57
ร้ายทั้งพี่ทั้งน้อง หมอจิวพลอยซวยไปด้วย
ยังดูไม่ออกใครจะเป็นพระเอกระหว่างหมอปืนกับนายพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 21-12-2014 20:47:34
คิดถึง
แต่หมั่นไส้หมอปืนมากกกกกกกกกกก :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:
นึกว่าจะเลิกซะแล้วยังกลับไปง้ออีก
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 21-12-2014 20:57:14
หูยยยยยย น่ารักกกกกกกกกก

หมอปืนตอนตื่นเช้ามาหลังจากเมานี่หมดสภาพเลยค่ะ
หมดกันคุณหมอรูปหล่อ มาดครึม ดุดัน 5555555555555
นี่กลายเป็นคนละคนเลย ถถถถถถถถถถถ

แต่ตอนนี้รู้สึกว่าหมอปืนกับน้องพลุน่ารักมุ้งมิ้งจริงๆ นะนี่
อ่านไปยิ้มไป ขำไปด้วยค่ะ ขำหมอปืนมาก แทบลืมภาพลักษ์คุณหมอมาดดุไปเลย

ว่าแต่ว่าหมอจิวที่ต้องแอบคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทตัวเองแน่ๆ เลยใช่มั้ย?
ยัยน้องนิวนี่ก็น่าหมั่นไส้เหลือเกิน นี่ลากลูกพี่ลูกน้องเข้ามาเอี่ยวด้วยแบบนี้
หมอจิวอย่าไปตกหลุมพรางตำรวจขี้หลีนะคะ *เตรียมเข็มฉีดยาไว้เตรียมพร้อม*

รออ่านตอนหน้าค่ะ >_<
ทำงานสู้ๆ น้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 21-12-2014 21:19:56
อีตาผู้หมวดคงไม่ได้คู่กับหมอจิวนะ
พลุก็ได้ใกล้หมอปืนมาอีกหน่อย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 21-12-2014 21:29:56
มาแล้ว!! สนุกมากเลย ยิ่งอ่านยิ่งรักหมอปืนกับหมาพลุ? 5555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-12-2014 21:34:35
กดบวกกดไลค์ค่าาา ความสัมพันธ์คืบหน้าจุงเลย

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค๊า สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-12-2014 21:34:58
อุ๊ยยยยยยย อีตาตำรวจชีกอวางแผนกับนางงูพิษมากีดกันพี่จิวกับหมอปืนของเราแน่ๆ :m16:
แบบนี้ต้องให้พี่อุ้มออกโรง ฆ่ามันๆๆๆๆ :m31:
อยากเห็นพลุโกนหนวดดดดดดดด
ต้องหล่อแน่ๆเลย ไว้หนวดมันแก่เร็วนะลูกกก ถึงจะไม่อยากเป็นเด็ก
แต่อ่อยๆไปเดี๋ยวหมอปืนก็ยอมเอง :hao7: อร๊ายยยยยยยย
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 21-12-2014 21:45:18
สงสารจิวค่ะ เจอแบบนี้เข้าไป

ป.ล. ไม่ใช่สองสาวทะเลาะกันมาก ๆ แล้วหันมาชอบกันเองนะคะ....
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 21-12-2014 21:56:28
ชอบค่ะชอบ  ลุ้นไปกับหนูพลุ คุณหมอนะคุณหมออะไๆยังไงๆ ซะแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 21-12-2014 22:00:03
‘นายลองมาเป็นแฟนฉันไหม?’  ว้ายยยย นี่หรือคือคำถามนั้น หมอปืนนน   :m3: ถามเล่น ๆ อะไร ไม่เชื่อ ๆ
ตอนเมาเนี่ยแหละ สิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดนะคะ มีการรอจูจุ๊บจากน้องพลุด้วยอ่ะ  :-[
นอกจากตอนรักษาคนไข้ ที่หมอปืนดูจริงจัง แถมดุ๊ดุ อย่างที่น้องพลุว่า แต่เวลาปกติ เป็นคนรั่ว ๆ อย่างนี้เองสินะ
ความคิดแต่ละอย่าง ขำ ๆ ดีอ่ะ ชอบ ๆ

ตกลงหมอจิวนี่ คิดยังไงกับหมอปืนกันแน่นะ แล้วร้อยตำรวจตรีรติพัทธ ขี้หลีเนี่ย อะไร ยังไง รชญาสั่งมาเหรอ
แต่รชญา ให้มาจัดการหมอจิว หรืออุ้มกันแน่ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แต่ยังไงก็ไม่มาดีแน่ ๆ ล่ะ
ภายในเจ็ดวัน จะเกิดอะไรขึ้นกับหมอจิวหรือเปล่าอ่ะ กลัวจังเลย หวังว่าจะไม่มีดราม่าน้า

ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งหลงเสน่ห์น้องพลุมาก ๆ ขึ้น ๆ ไปทุกตอนเลย เข้าใจความรู้สึกหมอปืน หนุ่มน้อยช่างดูแล
ช่างเอาอกเอาใจ ใส่ใจเราขนาดนี้ ใครได้ใกล้ชิดแล้วจะไม่หลงรักบ้าง ไม่มีทาง ยิ่งตอนหน้า
น้องพลุต้องโกนหนวดตามคำสั่ง (?) แล้วมาโชว์หน้าใส ๆ ให้หมอปืนตกหลุมเสน่ห์อีกแน่เลย เย้ๆๆๆ

รอตอนต่อไปจ้า เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ ๆ กับเรื่องงานนะจ้ะ ขอบคุณ ที่ถึงงานจะยุ่ง
ก็ยังมาอัพนิยายให้ตามสัญญา ขอบคุณมากเลยค่ะ ^^

ปล. หมอปืนนี่เป็นแฟนคลับโดราเอมอนใช่ไหมเนี่ย ทั้งพวงกุญแจ ทั้งบัตรประจำตัว(ใบเก่า) น่ารักดีจัง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 21-12-2014 23:22:31
อิตำหนวดกับยัยชะนีมีแผนร้ายนี่เองงงงง

พลุกับหมอปืนมีอดีตต่อกัน โรแมนติคจัง

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 21-12-2014 23:22:47
ชอบบบบบบบบน้องพลุที่สุดเลยค่ะ  :-[ :-[ :-[
คือน้องน่ารักมากกกกกกก รักทุกอย่างที่เป็นน้องเลยอ่ะ ทั้งทัศนคติทั้งความกวนความเฟี้ยว คือน้องมีทุกอย่างที่ทำให้คนๆนึงตกหลุมรักจริงๆค่ะ! หมอจิวอาจจะบอกว่าคนที่หมอปืนรักเป็นคนที่โชคดีที่สุด แต่สำหรับเราคนที่น้องพลุรักต่างหากที่โชคดีสุดๆไปเลย >___<

ส่วนน้องนิว เอ่อะ ผู้หญิงน่ารำคาญแห่งปีป่ะคะ​ ? ขอเถอะ ทำไมหมอปืนต้องไปคบคนแบบนี้ด้วยเนี่ย -*-
ถ้าจะเลือกผู้หญิงซักคนให้อุ้มเรายังดีใจมากกว่ามากเลยนะคะ แต่แบบนี้ก็ดี จะได้หาข้ออ้างเลิกได้ง่ายๆไวๆ

ประเด็นคือสงสารหมอจิวมากเลยค่ะ ; ___ ; .. แอบชอบเพื่อนสนิทไม่สมหวังยังไม่พอ ยัยน้องนิวตัวร้ายยังส่งตำรวจเจ้าชู้มาหลีใส่อีก นิสัยไม่ดีเลยอ่ะคนตระกูลนี้ เห็นเรื่องความรักเป็นอะไรกันคะ ? นี่ถ้าหมอจิวรู้ว่าที่คุณตำรวจมายุ่งด้วยเพราะน้องสาวขอให้มากันออกจากแฟนตัวเองนี่คง .. เฮ้อ =______=
หวังว่าหมอจิวจะไม่ตกหลุมใครง่ายๆนะคะ สู้ๆค่ะ T T
ติดเรื่องนี้มากกกกกเลยค่ะจริงๆ อยากให้มาบ่อยๆจังค่ะ  :hao5:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ รออยู่เสมอเลยค่า <3 .. นี่ตั้งแต่เข้าช่วงวันศุกร์มาก็มารอตลอดเลยแต่ไม่กล้าเม้นตาม แฮ่ะๆ
กะว่าถ้าวันนี้ไม่มาจะมาตามแล้วค่ะ แต่มาพอดี ~~ ดีใจมากเลยค่ะ  :mc4:
รักนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-12-2014 23:25:04
สนุกจัง ชอบเรื่องนี้  พลุน่ารักมาก
ยัยน้องนิว ท่าทางจะร้ายใช่ย่อย หมอปืนตาสว่างทีเถอะ
ตอนหน้าจะเซอร์ไพรส์อะไร หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องร้าย ๆ นะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  สู้ ๆ นะ :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 21-12-2014 23:50:55
อ่ะนะ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อใช้ม้ายยยยย น่ารักจริงๆน้าแต่ละตอนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-12-2014 03:44:02
ขอบคุณมากค่ะที่มาอัพตอนใหม่ให้

ชอบโมเมนท์ของพลุกับปึน ดูแลกันดีมาก

ว่าแล้วเรึ่องหมอวิทย์ขอบหมอปึนจริงๆ จะอยู่ในสถานะไหนก็เถอะ  แต่ถ้าจะโดนคุณตำรวจลูบคมในไม่ช้า

ชอบอุ้มมาก เป็นตัวละครหญิงในนิยาย ช-ช ที่ชอบได้ไม่ยาก  อุ้มเป็นคนดีมากๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-12-2014 09:24:28
หมอจิวไปเหยียบตาปลาใครกันนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: katekate ที่ 22-12-2014 15:16:19
บังเอิญได้อ่านแล้วรู้สึดชอบมาก ทั้งการบรรยายและการใช้ภาษาดีมากค่ะ อ่านแล้วเพลินสุดๆ
ถึงตอนนี้ยังสับสนว่าจะหมอพลุหรือพลุหมอ แต่เชียร์ให้เป็นหมอพลุน้า
เดาว่าต้องมีอีกคู่คือหมอจิวกับญาติหมอนิวแน่ๆเลย

จะติดตามไปเรื่อยๆเลยน้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2014 12:18:32
ชอบคุณพยาบาลตัวอ้วน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 23-12-2014 14:59:36
สนุก ก รอตอนต่อปัย ย สู้ๆ เป็นกำลังใจให้จร่า า  o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 23-12-2014 17:59:43
 :hao7: :hao7: :hao7:

หมอปืน

 :hao7: :hao7: :hao7:

หมอวิท

 :hao7: :hao7: :hao7:

น้องพลุ

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 23-12-2014 19:31:13
ป๊ะกันอีกที..พี่หมอปืนต้องอึ้งทึ่ง..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 23-12-2014 21:44:11
ยังรอน้องพลุอยุ่น่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 23-12-2014 22:28:11
สนุกเหมือนเดิมมมม เค้าเชียร์หมอพลุนะ!!!!!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 25-12-2014 18:20:26
ตอนแรกกะว่าจะเก็บเอาไว้อ่านเมื่อตอนคนเขียนเขียนจบแล้ว..... แต่...... :hao7:
อดใจไม่ไหวเลยต้องจิ่มมาอ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ สนุกๆครับ มีปมชวนให้คิด
รออ่านตอนต่อไปนะครับ ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้นะ :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-12-2014 04:42:44
แฟนที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้นี่จริงๆก็แอบลำบากใจเวลาจะคบนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 26-12-2014 12:51:55
มารอพี่หมอปืนกับน้องพลุค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-12-2014 12:29:35
วันอาทิตย์แล้ว มารอค๊าาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 3 ลูกพี่ลูกน้อง [/1/12/57] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 10:44:00
บทที่ 4 ความไว้ใจ (ครึ่งแรก)

 “น้องมิลค์สัญญากับพี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้องจะต้องดูแลปกป้องคุณหมอปาวัสม์กับคุณหมอวิทยาให้กลับมาครบสามสิบสอง” นุชนันท์กุมมือชโลธรสั่งเสียชุดใหญ่ ให้ช่วยดูแลเพื่อนรักทั้งสองของเธอก่อนไปงานประชุมนานาชาติ

การออกงานครั้งนี้เป็นงานในส่วนความรับผิดชอบของกองอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยกู้ชีพไปให้ความรู้เรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้นกับกรมตำรวจและทหาร เป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าคนกองอายุรกรรมอย่างเธอไม่มีแม้โอกาสได้แหย่เท้าเข้าไปแหยมแต่ที่น่าเจ็บใจคือยัยรชญาได้ไปด้วยในฐานะตัวแทนของผอ.โรงพยาบาลน่ะสิ

“ดูแลให้ดีอย่าให้ไอ้พวกริ้น ไร หมัดเห็บมาเกาะเพื่อนพี่ได้นะโดยเฉพาะไอ้พวกแมลงขี้หลีที่ตัวมันออกสีกากีคอแดงๆ น่ะรู้ไหม” ปากพูดไปก็แอบปรายตามองหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีชมพูที่นั่งหน้ามุ่ยกอดอกอยู่ในรถตู้ของโรงพยาบาลที่จอดรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โดยไม่ลืมเหน็บไปถึงหลานชายของเจ้าหล่อนที่ดอดมาหลีเพื่อนรักเธออีกคนด้วย

“ค่ะพี่อุ้ม” ถึงจะยังงงๆ กับคำสั่งเสียแต่ชโลธรก็รับคำมั่นเหมาะก่อนจะก้าวขึ้นรถตู้

นุชนันท์หันควับไปหาเพื่อนรักทั้งสอง “พวกนายสองคนอย่าลืมที่ฉันสั่งนะ”

“ครับ” ปาวัสม์ตบไหล่เพื่อนสาวทำท่าขึงขัง “ จะตั้งใจทำงาน รีบไปรีบกลับครับ”

ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยของวิทยาและทุนทรัพย์จากเงินยังชีพอันน้อยนิดของหมอโรงพยาบาลรัฐที่คำนวณคร่าวๆ แล้วต้องกินแกลบไปร่วมสามเดือน นุชนันท์ก็ยอมให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองในฐานะเพื่อนอีกครั้ง คบกันมาก็ตั้งหลายปีนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะแอบไปมีสามีอยู่ต่างประเทศ... เปล่า! ไม่ใช่สามีเป็นตัวเป็นตนแบบนั้นแต่เป็นนักร้องเกาหลีที่เธอตามกรี๊ดมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยต่างหาก... เห็นหลังๆ ไม่ค่อยพูดถึง ทั้งที่เมื่อก่อนต้องหาทางไปดูคอนเสิร์ตให้ได้อย่างน้อยปีละสามหน เขาเลยนึกว่าเธอเลิกชอบไปแล้วซะอีก นี่ถ้าวิทยาไม่บอกเขาคงคิดไม่ได้เลยนะเนี่ยว่าต้องจัดโปรแกรมทัวร์เกาหลีแบบไหนให้ถึงจะถูกใจเธอ

“เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก” วิทยาบอก “รีบไปทำงานเถอะนี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว จวนได้เวลารับเวรแล้วนี่”

นุชนันท์พยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังรีรออยู่จนเพื่อนทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยจึงยอมกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตน

“เมื่อคืนพี่ปืนหายไปไหนมา” รชญาเริ่มทันทีที่แฟนหนุ่มขึ้นมานั่งคู่กันบนรถตู้ จริงอยู่ที่เธอหงุดหงิดที่เห็นหน้าผู้หญิงร่างอวบคนนั้นมาจับมือถือแขนปาวัสม์แต่สาเหตุแท้จริงคือการที่จู่ๆ เมื่อคืนเขาก็หายตัวไปโดยติดต่อไม่ได้เสียเฉยๆ อีกครั้ง “ไปกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“เปล่าสักหน่อยพี่ไปธุระมา” ปาวัสม์บอกอย่างเหนื่อยหน่าย เขาแทบจะพูดประโยคนี้เป็นหนที่ร้อยแล้วสำหรับเช้าวันนี้ นั่นยังไม่นับรวมถึงมิสคอลและข้อความที่เขาเฝ้าส่งไปงอนง้อขอคืนดีตั้งแต่เมื่อวานนะ

อันที่จริงเขาก็อยากเล่าให้ชัดเจนไปเลยนะว่าไปไหน ทำอะไรกับภาวัฒน์มาแต่ก็เกรงว่าถ้าขืนพูดออกไปเด็กหนุ่มจะตกเป็นเป้ารายต่อไปให้กับความระแวงไม่เข้าท่าของรชญา จึงคิดว่าการตอบเลี่ยงๆ แต่ไม่โกหกน่าจะเป็นการดีกว่า

“ธุระอะไรล่ะคะ” รชญาว่า “เมื่อคืนผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เข้าเวร พี่จิวก็ไม่รู้ว่าพี่ไปไหน แล้วพี่ปืนก็เล่นหายไปทั้งคืนโดยไม่บอกเหตุผลให้เคลียร์แบบนี้จะให้นิวคิดยังไงล่ะ”

“ก็พี่ไปธุระกับเพื่อนมาจริงๆ นี่ครับ” ปาวัสม์พยายามอธิบายอีกครั้ง “พอดีมือถือแบตหมด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว ชาร์จเสร็จก็โทรหานิวนั่นไง เชื่อพี่สิครับ “เขาตัดบท รู้สึกเหนื่อยเต็มทีแล้ว “แล้วก็เลิกเรียกว่า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ สักที อุ้มเขาก็มีชื่อนะ ยังไงพี่ก็ตัดทั้งสองคนไม่ขาดพวกเธอน่าจะดีๆ กันไว้บ้างอย่างน้อยก็ไม่น่าทะเลาะกันแบบนี้”

“พี่ปืนก็ไปบอกผู้หญิงคนนั้นให้มากราบขอโทษนิวก่อนสิ”

“นิว!” ปาวัสม์ถลึงตา

รชญากรีดยิ้ม จมูกรั้นๆ ของเธอเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วเสมองออกไปนอกรถ ปาวัสม์ถอนหายใจและไม่พูดว่าอะไรอีก

ราวครึ่งชั่วโมงต่อมารถตู้ก็แล่นเข้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมืองหลวง ป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์บอกชื่องานถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงด้วยลายกนกอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของผู้เป็นเจ้าภาพประดับช่อดอกไม้หลากสีดูงดงามยิ่ง

รถตู้จอดเทียบหน้าพรมแดงตรงประตูทางเข้า เบลล์บอยในชุดไทยราชปะแตนสีขาวรีบก้าวลงบันไดมาเปิดประตูต้อนรับ รชญาก้าวลงจากรถราวกับนางพญาหงส์โดยไม่ลืมหนีบเอาแฟนหนุ่มติดมือไปด้วย

พวกเขาเดินฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาตาเข้าไปยังฝ่ายต้อนรับเพื่อลงทะเบียนและรับบัตรประจำตัวผู้เข้าร่วมประชุมมาติดไว้ที่หน้าอกเสื้อ

“ป้ายชื่อนายมันผิดหรือเปล่า” วิทยาทัก

“P-a-w-a-t” ปาวัสม์ไล่สะกดชื่อตน พบว่ามันถูกต้องเรียบร้อยดีจนกระทั่งมาถึงนามสกุลซึ่งแสดงแค่อักษรย่อตัวแรก M. “เออ นามสกุลผิดว่ะ มันต้องตัว S. สิแต่ช่างเหอะ” 

“ปล่อยไปไม่ได้นะคะ งานใหญ่แบบนี้จะมาสะเพร่าได้ยังไง เดี๋ยวนิวจัดการให้ค่ะ” รชญากรีดเสียงแหลมอย่างไม่พอใจ เธอหันไปวีนใส่หญิงสาวที่โต๊ะลงทะเบียนซึ่งกุลีกุจอขอโทษขอโพยแต่ก็ไม่อาจแก้ไขให้ได้ตามที่นางพญาขอเพราะมันเป็นบัตรแข็งที่สั่งทำมาเป็นพิเศษ 

วิทยาอาศัยช่วงชุลมุนนี้ลักลอบพาปาวัสม์หนีคุยไปอีกทาง “เมื่อคืนนายไปไหนมาวะ ฉันโทรหาตั้งหลายรอบแต่นายก็ปิดเครื่องตลอด”

“แบตหมดน่ะ” ปาวัสม์กรอกตาและตอบด้วยรูปประโยคเดิมๆ “ถามจริงนิวจ้างนายมาหรือเปล่า ฉันอธิบายจนเบื่อแล้วนะ”

“ถ้านายเบื่อก็บอกความจริงมาสิ หรือถ้าจะไม่บอกก็บอกมาแล้วฉันจะไม่ตอแยกับนายอีกเลย” หนุ่มหน้าตี๋ถามอย่างรู้ทัน แค่มองตาปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าปาวัสม์มีความลับอื่นซุกซ่อนไว้ไม่ยอมสารภาพออกมา

“ไม่บอก” ปาวัสม์ยืนกรานเสียงแข็ง

“ตามใจ” พูดจบวิทยาก็หมุนตัวเดินหนี ส่งผลให้คนถูกทิ้งยืนหน้าเหรอวิ่งตามไปง้อแทบไม่ทัน จริงอยู่ว่าเขารู้สึกเหนื่อยกับการอธิบายให้แฟนสาวฟัง แต่สำหรับผู้ชายคนนี้แล้วมันอีกเรื่อง

“รอก่อนสิจิว” ปาวัสม์คว้าต้นแขนคนตัวเล็กกว่าดึงให้หันกลับมา “ไม่เอาไม่งอนน่าฉันไปกับพลุมา”

“แล้วไง” หนุ่มหน้าตี๋ไหวไหล่อย่างไม่แยแส ไม่ใช่เพราะยอมรับได้แต่เขากำลังบังคับตัวเองให้เริ่มชินกับการที่จู่ๆ ปาวัสม์จะหายตัวไปกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดยไม่บอกกล่าว

คำตอบของเพื่อนรักทำเอาปาวัสม์ไปไม่เป็นยิ่งกว่าเดิม “อ้าว! แล้วนายจะไม่ซักต่อเหรอไปทำอะไร ที่ไหน ยังไงกลับมากี่โมง”

“ถามทำไมไม่อยากรู้ ฉันก็อยากรู้เท่าที่ถามน่ะแหละ” ...ถ้ารู้แล้วต้องเจ็บ ขอเป็นคนไม่รู้เสียยังจะดีกว่า

“อะไรของแกวะ เฮ้ย!!”

สองหนุ่มมัวแต่ทุ่มเถียงกันจนไม่ได้มองทางจึงไปชนเข้ากับเสาต้นหนึ่งอย่างแรงจนล้มก้มจ้ำเป้า เมื่อตั้งสติได้ทั้งคู่ก็มีอันต้องอุทานเสียงดังอีกรอบก่อนจะทันลุกขึ้นยืนเสียอีก เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นเสาในทีแรกนั้นแท้จริงคือหญิงสาวร่างสูงใหญ่ในชุดเดรสสีแดงสดเข้ากับผมสีไฮไลท์ของเธอ สวมทับด้วยเสื้อสูทแขนยาวสีดำ

“อุ้ม!” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน “เธอมาอยู่นี่ได้ยังไงน่ะ”

“ใช้วิชามารบทไหนล่ะเนี่ยถึงมาได้” รชญาพูดลอดไรฟัน เมื่อเห็นศัตรูคู่อาฆาตส่งมือทั้งสองข้างฉุดชายหนุ่มสองคนให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน

“โดนโทรเรียกตัวด่วนจี๋มาจากข้างเตียงคนไข้เลยล่ะ” นุชนันท์กระซิบหยัน

เพราะผู้สนใจเข้าร่วมประชุมมีมากเกินกว่าที่ลงทะเบียนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาเป็นเพื่อนบ้านในเขตอาเซียนซึ่งใช้ภาษาต่างกันออกไป การมีล่ามภาษาประจำชาติคอยตามประกบผู้นำหรือแขกคนสำคัญจึงถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

“ผู้ติดตามงั้นเหรอ” ปาวัสม์อ่านตำแหน่งบนป้ายชื่อหญิงสาว “สมเป็นเธอจริงๆ ภาษาอังกฤษของเธอเข้าขั้นดีทีเดียวนี่” ไม่ใช่คำยกยอแต่มันคือการการันตีจากอดีตลูกศิษย์ที่เธอช่วยติวจนสอบผ่านมาได้

“ฉันว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรอกมั้ง” วิทยาบอกล้อๆ พลางสบตาเพื่อนสาวที่บิดอย่างขวยเขินเมื่อถูกรู้ทันเพราะตอนนี้เธอกำลังมุ่งมั่นกับการเรียนภาษาที่สามซึ่งเป็นภาษาที่หาคนพูดได้น้อยมากในโรงพยาบาลแถมคนชาตินี้ก็ไม่ใคร่อยากพูดภาษาอังกฤษกันเสียด้วยสิ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอโดนเรียกตัวมาแบบด่วนที่สุด

“แล้วตกลงมันภาษาอะไรล่ะ” ปาวัสม์ถามซื่อๆ “ลาวเหรอ”

“นายก็รอดูเองละกัน” วิทยาขยิบตาพลางตบบ่าร่างสูง

เสียงฮือฮาดังขึ้นด้านหลัง ปาวัสม์เหลียวไปเห็นสาวๆ ป้องปากชี้มือชี้ไม้อย่างตื่นเต้น แวบแรกเขาคิดว่าคงมีคนดังมาร่วมงานด้วยเพราะดูข่าวในทีวีเห็นดาราหลายคนตบเท้าย้ายสำมะโนครัวและเปลี่ยนนามสกุลมาอยู่ร่วมชายคาทั้งในกรมตำรวจและทหาร
เขาหันกลับมาคุยกับเพื่อนๆ ต่ออย่างไม่ใส่ใจจนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยเรียก “หมอปืนครับ”

หนุ่มหล่อซึ่งเป็นศูนย์กลางความสนใจของสาวๆ เดินเข้ามาร่วมวงพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อมไปรอบๆ “สวัสดีครับหมอจิว... ส่วนนี่คงเป็นพี่อุ้มสินะครับ หมอปืนเล่าเรื่องพี่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ”

ปาวัสม์ต้องใช้เวลาอีกหลายอึดใจกว่าจะรู้ว่าคนที่เกือบจะแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร “เอ่อ... นี่... พลุเหรอ”

“ทำไมเหรอครับหน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า แอบเขินเล็กๆ ที่โดนร่างสูงจ้องตั้งแต่หัวจรดเท้า “หรือว่าผมมีเขางอกออกมา” เขาพูดติดตลกพลางยกนิ้วชี้ทั้งสองมือขึ้นแนบข้างศีรษะ

“ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้นาย เอ่อ... วันนี้นายดู...” ปาวัสม์เพ่งมองเด็กหนุ่มตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างถือวิสาสะ

ผมยาวสีน้ำตาลที่ยุ่งตลอดเวลาถูกเซ็ตเรียบร้อย ชุดหมีกลับกลายเป็นเชิ้ตผ้าไหมเปิดอกสีครีมสวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีดำสนิทกับรองเท้าหนังมันปลาบ และยิ่งมาอยู่บนหุ่นสูงโปร่งที่ได้รับการดูแลอย่างดี มองทีแรกเขานึกว่านายแบบหลุดมาจากนิตยสารเล่มไหนซะอีก ผิดกับเขาซึ่งเป็นหมอผู้ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปบรรยายแต่กลับสวมชุดสูทพิธีการสีเทาธรรมดาๆ มา... สงสัยเขาคงจะแก่เกินไปแล้วสินะสำหรับเรื่องแฟชั่น

แต่สิ่งที่ทำให้ต้องมองซ้ำถึงสอง... สาม สี่รอบ คือดวงหน้าที่เคยครึ้มหนวดเหมือนจิ๋กโก๋ตกงานนั้น กลับเกลี้ยงเกลาดูสดใสสมวัย และถึงผิวจะสีออกแทนเพราะกรำแดดแต่ก็ยังดูหวานจนเขาอยากใช้คำว่า ‘น่ารัก’ แทนคำว่า ‘หล่อ’ เสียอีก

“ดูดีน่ะ” นุชนันท์ต่อประโยคให้ เมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนรักกรามค้างจนเธอนึกอยากช่วยตบมันเข้าที่สักทีด้วยความหมั่นไส้

“นึกไงถึงโกนหนวด” ปาวัสม์ถามแก้เก้อ

คนถูกมองจนแทบพรุนเลิกคิ้วสูง “เพราะคนบางคนบอกให้ทำมั้งครับ” พูดไปแล้วก็นึกอายตัวเองจนแทบแทรกแผ่นดินหนีที่ยืนหน้าเครียดทำสงครามเย็นกับใบมีดโกนหน้ากระจกห้องน้ำอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง... ก็แหม อุตส่าห์ไว้มาตั้งนานหวังจะให้ดูเป็นผู้ใหญ่แต่คนที่อยากให้ชมดันไม่ชอบใจเสียนี่ 

ตาคมเบิกกว้าง นึกถึงคำที่ตนบอกกับเด็กหนุ่มเมื่อวาน แอบตกใจระคนดีใจเล็กๆ ที่ตัวเองมีอิทธิพลให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คิดได้ก็กลั้นยิ้มแทบไม่ไหวจนต้องแกล้งไอถี่ๆ และยกมือขึ้นปิดปากเพื่อแอบซ่อนใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ

“จะว่าไปวันนี้พี่อุ้มก็ดูสวยใช้ได้เลยล่ะครับ”

คำป้อยอนั้นไม่เกินจริงเมื่อเทียบกับทรวดทรงที่สูงใหญ่แต่หญิงสาวกลับเลือกชุดอำพรางจุดด้อยและอวดจุดเด่นได้อย่างสวยงาม จนภาวัฒน์นึกแปลกใจว่าทำไมนุชนันท์ไม่ช่วยแต่งตัวให้เพื่อนรักตัวเองบ้าง... ก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ดีหรอกนะแต่ผู้ชายหน้าคมคนนั้นน่ะยังมีดีซ่อนอยู่อีกเยอะชนิดที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลยล่ะว่าทำไมสาวๆ ถึงตามจีบเขาเป็นพรวนขนาดนั้น

“ผมเดาว่าท่านผู้นำจากเกาหลีที่พี่ประกบเนี่ยคงหน้าตาดีเอ๊ย! ต้องโชคดีมากแน่ๆ ที่ได้คู่กับพี่อุ้ม” ภาวัฒน์พูดอย่างเป็นกันเองเพราะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีถึงแม้จะเพิ่งได้เจอกันตรงๆ เป็นครั้งแรกก็เถอะ

และดูท่าเด็กหนุ่มจะประสบความสำเร็จในการเข้าหาเพื่อนของเขาอย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วย

“นายรู้ได้ไง” นุชนันท์ชักเริ่มถูกใจเด็กคนนี้ขึ้นมาตงิดๆ

“ภาษาที่สามบนป้ายชื่อพี่อุ้มมันฟ้องน่ะครับ” ภาวัฒน์ชี้ให้ดูข้อแตกต่างระหว่างของเธอกับของเขาตรงที่มีภาษาเกาหลีกำกับ

“เอ๊ะ!” นุชนันท์อุทานเมื่อเพ่งไปที่ป้ายชื่อของเด็กหนุ่มแล้วพบความแปลกและคุ้นตาบางอย่าง เพราะมันสะกดเหมือนกันกับของใครบางคนไม่มีผิด ‘Pawat’ “ชื่อกับนามสกุลนาย...”

ภาวัฒน์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ดูเหมือนเขาจะพิมพ์นามสกุลผมผิดน่ะครับ อันที่จริงมันต้องเป็นตัว M. แหละแต่นี่เขาทำเป็นตัว S. มา”

วิทยากับนุชนันท์หันควับไปหาปาวัสม์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ที่แท้แจกสลับกันนี่เอง” เขาพยักหน้าหงึกหงักพลางแกะป้ายชื่อบนหน้าอกออกแลกกับเด็กหนุ่ม

“รู้งี้แล้วไม่อยากเปลี่ยนเลยอ่ะ” ภาวัฒน์กระซิบในขณะที่รับป้ายชื่ออันที่ถูกต้องมาติด “อุตส่าห์ได้ใช้นามสกุลร่วมกับคุณหมอทั้งที ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ”

“ถ้าฉันรู้ว่าแม่จะเบ่งได้น้องชายอย่างนาย ฉันคงเอาขี้เถ้ายัดปากไปตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ”

นุชนันท์กอดอกมองคนสองคนที่ทุ่มเถียงกันไป ‘คนละเรื่อง’ เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยไม่รู้จะหมั่นไส้เด็กหนุ่มหรือกระโดดถีบขาคู่ใส่เพื่อนตัวเองก่อนดีที่ไม่เข้าใจมุกอ่อยตื้นๆ พรรค์นั้น

“หมอปืน หมอจิวคะเอกสารค่ะ...” ชโลธรส่งเอกสารประกอบการประชุมให้แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่สามซึ่งเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันที่เพิ่งมาส่งเธอขึ้นรถเมื่อเช้า “สวัสดีค่ะพี่อุ้ม” ก่อนจะจบลงตรงบุคคลที่สี่ ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมกริบเบิกค้างก่อนจะตวัดควับไปหยุดลงที่ป้ายชื่อบนหน้าอก “นี่คุณ... นาย... ใช่น้องภาวัฒน์หรือเปล่าคะ” สรรพนามเปลี่ยนมาเป็น ‘น้อง’ ในบัดดล... เด็กหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้ชโลธรไม่รังเกียจที่จะนับญาติด้วยหรอกนะ

“ฉันพูดผิดไหมล่ะ” ปาวัสม์แกล้งว่า

“ผมเองครับพี่สาวคนสวย” ภาวัฒน์ยิ้มพลางโบกมือให้

“เด็กคนนี้เป็นใครเหรอคะพี่ปืน” รชญาแทรกเข้ามายืนเกาะแขนปาวัสม์อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

ร่างสูงเม้มปาก พยายามบังคับไม่ให้เหงื่อแตกทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ในที่สุดสิ่งกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ “นี่...”
เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะเข้าใจสายตาประเมินที่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้านั่นมากน้อยแค่ไหนแต่ภาวัฒน์ก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ผมชื่อภาวัฒน์ทำงานอยู่หน่วยกู้ชีพครับ” นัยน์ตาสีดำขลับหลุบมองป้ายชื่อบนหน้าอกหญิงสาวเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยขึ้นสบดวงตากลมโตนั้นเต็มที่ “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหมอรชญา”

“เรียกพี่นิวก็ได้ค่ะ” ริมฝีปากสีกุหลาบของรชญากรีดยิ้มหวาน “พี่เป็นแฟนพี่ปืน ยินที่ได้รู้จักนะคะ”

“ครับ” ภาวัฒน์ยิ้มกว้างขึ้นอีกเพื่อซ่อนรอยแผลในใจ เรื่องที่ปาวัสม์มีแฟนอยู่แล้วและเธอเป็นถึงลูกสาวผอ.โรงพยาบาลนั้นเขารู้ดีอยู่เต็มอก มันไม่ต่างอะไรกับมีดแหลมที่ทิ่มแทงอยู่กลางใจแต่การที่เจ้าตัวมาแสดงตัวกันต่อหน้านี่ราวกับเธอเอื้อมมือมาดึงมีดเล่มนั้นออกแล้วกระซวกกลับเข้ามาอีกรอบจนมิดด้าม

นัยน์ตากลมโตของรชญาตวัดมองคาดโทษแฟนหนุ่มที่ทำตัวเป็นควายเผือกไม่รู้ไม่ชี้มองคนเดินไปเดินมา คนตรงไปตรงมาอย่างปาวัสม์มีจุดอ่อนตรงที่จะหลบตาถ้ารู้ตัวว่าทำผิด แม้ตอนนี้เธอจะยังไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘ความผิด’ นั้น แต่เชื่อเถอะว่าไม่นานเกินรอ เธอจะต้องรู้ให้ได้

ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มเข้าหากันเพียงอึดใจก่อนจะกรีดยิ้มและเริ่มต้นกำชับกำหนดการต่างๆ ในวันนี้

“เดี๋ยวน้องมิลค์กับฉันจะเป็นคนอยู่อธิบายตรงซุ้มด้านนอกนะ ส่วนเรื่องพรีเซนต์บนเวทีในหัวข้อ ACLS 2010 ก็เป็นหน้าที่พี่ปืนกับพี่จิว ตามนี้นะคะ” เธอหันไปยิ้มหวานให้ปาวัสม์และกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก “สู้ๆ นะคะ พี่ปืน‘ของนิว’เก่งอยู่แล้ว” ตั้งใจเน้นชัดๆ บอกสถานภาพระหว่างทั้งคู่อีกครั้งเพื่อตอกย้ำคนที่รู้แต่ยังไม่ยอมรับ (แน่นอนว่าเรื่องนั้นเธอไม่แคร์หรอกนะ) และเผื่อ... คนที่ยังไม่อยากรับรู้!

คุณหมอสาวปรายตามองชโลธรก่อนจะนัยน์ตากลมโตนั้นจะไปหยุดลงที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล

“ผมไม่ได้บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรอกเหรอว่าผมไม่ทำ” วิทยาย่นคิ้วและตัดบทด้วยเสียงดังฟังชัด

“ทำไมล่ะคะก็...”

“ไม่เป็นไรหรอกนิว ยังไงพี่ก็เป็นตัวหลักอยู่แล้วแค่หาผู้ช่วยที่พอมีความรู้เรื่องนี้และมีไหวพริบรับส่งบททันก็พอ” ปาวัสม์รีบออกตัวเพื่อแก้สถานการณ์ด้วยรู้นิสัยเพื่อนรักของตนดีว่าเป็นคนเกลียดความยุ่งยากและการนำเสนอในที่สาธารณะเป็นที่สุด ถ้ายิ่งได้ประกาศว่า ‘ไม่’ อย่างชัดเจนตั้งแต่คำแรกแล้วล่ะก็จะไม่มีการเปลี่ยนใจอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือวิทยาได้ปฏิเสธไปแล้วจริงๆ ตามที่เจ้าตัวบอกและเป็นเขาคนเดียวที่เตรียมตัวมาตั้งแต่ต้นแต่ทำไมในหมายกำหนดการที่รชญาได้รับมาจากท่านผอ.ยังมีชื่อของวิทยาอยู่ได้

พลันสายตาทุกคู่หันควับไปหาสาวร่างอวบในกลุ่มอย่างมีความหวังยกเว้นก็แต่สายตาเพียงคู่เดียวที่ตอนนี้นุชนันท์กำลังมองตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“เลิกหาเรื่องฉันสักทีได้ไหม” นุชนันท์ชิงพูดขึ้นก่อน “ฉันไม่ได้มาในฐานะผู้เข้าร่วมประชุมแต่ถูกเรียกตัวมาช่วยอย่างกะทันหันในฐานะล่าม”

“แล้ว...” รชญากรีดเสียงและยิ้มออกนอกหน้าอย่างปิดไม่มิด

“แล้วพลุเป็นไง” ปาวัสม์รีบเสนอผู้ช่วยของตนก่อนที่เหตุการณ์นองเลือดจะตามมา

“แต่ว่า...” รชญาอึ้งไปทันทีด้วยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอเองที่พูดชื่อคนอื่นขึ้นมาก่อน

นุชนันท์เหลือบมองคู่อริตนทางหางตาแล้วก็เดาออกในทันที

สาเหตุที่ชื่อวิทยาไม่ถูกเปลี่ยนออกเป็นฝีมือของยัยรชญานี่แหละ เพราะเธอเป็นแพทย์อายุรกรรมทำให้ไม่สามารถเป็นผู้บรรยายคู่กับแฟนหนุ่มได้ตามที่หวัง แต่ถ้าความผิดพลาดมันเพิ่งมาแดงเอาตอนงานเริ่ม การที่เธอจะเสนอชื่อตัวเองและกระโดดลงมาร่วมวงจะกลายเป็นคนช่วยกู้วิกฤต ทำให้ได้หน้าไปเต็มๆ พลิกจากบทนางร้ายกลายเป็นนางเอกเรียกคะแนนจากเพื่อนรักของฉันไปอีกโข

...แต่ขอแสดงความเสียใจด้วยนะยะเพราะนาง(เคย)ร้ายและตอนนี้ก็ยังร้ายอยู่อย่างฉันไม่ปล่อยให้หล่อนได้สมหวังหรอก...

“เป็นนายภาวัฒน์ดีที่สุดแล้วค่ะ” นุชนันท์รีบสำทับ เธอไม่ได้ชอบเด็กหนุ่มนั่นแต่เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้! “งานนี้เป็นของกองอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยกู้ชีพที่มีแต่คนอยากขึ้นแสดงผลงาน จิวซึ่งอุตส่าห์ได้รับการเสนอชื่อแต่ปฏิเสธไปนั่นก็ดูไม่ดีแล้ว ถ้ายิ่งเอาคนกองอื่นไปแทนยิ่งดู ‘น่าเกลียด’” เธอเน้นแบบตั้งใจฆ่ากันให้ตายเลยทีเดียว

“ใช่ค่ะ” ชโลธรพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าเป็นน้องพลุ มิลค์โอเค”

“อันนี้ผมเห็นด้วยนะนิว” วิทยาเสริมอีก “ผมเคยเห็นน้องเขา CPR ครั้งหนึ่ง ท่าสวยใช้ได้เลย”

“แต่ฝีมือดีไม่ได้หมายความว่าการนำเสนอจะดีไปด้วยนะคะแถมยังต้องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษอีก เขายังเด็กอยู่เลยจะไหวเหรอ” รชญากอดอก จีบปากจีบคอพูด “แล้วเราก็ยังไม่ได้ถามเจ้าตัวเลยว่าตกลงหรือเปล่า จู่ๆจะไปยัดเยียดหน้าที่ให้เขาได้ยังไงล่ะคะ”

ปาวัสม์ไม่รอช้า หันไปหาคนในชุดสูทข้างตัวทันที “นายว่าไงพลุ”

“ก็ไม่รู้สินะ” ภาวัฒน์ไหวไหล่ก่อนจะกรีดยิ้มกว้างยียวน “ผมไม่ได้เตรียมชุดหมีมา แถมอุตส่าห์แต่งตัวมาอย่างหล่อจะให้โชว์ CPR ทั้งแบบนี้จะดีเหรอครับ”   

คำตอบไม่ใช่การปฏิเสธ คุณหมอหนุ่มได้ทีรีบมัดมือชก “เรื่องนั้นเราปรับได้ เป็นอันว่านายตกลงนะ”
*********************************************************
ขอโทษนะคะที่มาอัพไม่ตรงเวลา พอดีไปอยู่ในที่ๆ ไม่มี wi-fi มาค่ะ TT^TT [กราบงามๆ ยอมรับผิดแต่โดยดี]
ตอนนี้.... ไม่รู้ว่าว่าจะมีคนรอหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ เค้ารอคนนึงล่ะเพราะในที่สุดน้องพลุก็จะเริ่มทำตัวหล่อ(555)
จริงๆ เค้าอยากเมาท์มากกว่านี้อยากตอบทุกเมนท์ด้วย แต่นี่หนีบอสมาอัพเพราะงั้นเจอกันอาทิตย์หน้านะค้า
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม
Happy new year ค่ะ ใครที่เดินทางไม่ว่าจะด้วยพาหนะใดๆ ขอให้ปลอดภัยนะคะ แล้วปีใหม่เจอกันค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 30-12-2014 11:10:26
น้องพลุโกนหนวดดดแลเววว น่ารักหทอจำไม่ได้เลย5555 รอครึ่งหลังค่า. สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-12-2014 11:11:12
นางร้ายเรื่องนี้ น่าจะติดทำเนียบนางร้ายดีเด่นแห่งปีนะคะ

คือ ร้ายกาจ น่ารำคาญ ไม่มีใครอยากเข้าใจ หรือมีแววว่าจะมีคนเห็นใจเลย รับรางวัลร้ายยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 30-12-2014 11:15:25
ชอบ นุชนันท์ มากๆ  รับมึอนังชะนีหมอได้เจ็บแสบมาก ชอบมุกสามีต่างชาติของอุ้มค่ะ

งานนี้พลุจะได้โชว์ความสามารถบ้างแล้วสินะ งวดนี้ก็ความน่ารัก ท่าทาง หมอ - พลุ นะฟีลลิ่งวันนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-12-2014 11:24:06
เดี๋ยวเถอะนังนิว เดี๋ยวเจอน้องพลุโชว์เทพแล้วจะหนาว!!!! :laugh:
แบบนี้หมอปืนนี่หวั่นไหวเรื่อยๆเลยนะเนี่ย
รอตอนต่อไป และ Happy new Year นะคะะะะะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 30-12-2014 11:30:09
 :m20: :m20: :m20:

น้องพลุ .......

โอ้ยย    :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 30-12-2014 11:56:24
ชอบที่ชื่อภาษาอังกฤษของหมอปืน และ พลุ สะกดเหมือนกันPawat
คนเขียนนี่สุดยอดเลย o13
ถ้าไม่ติดว่าน้องพลุตาบอดสี ป่านนี้ก็ได้เป็นนายแพทย์ภาวัฒน์
แล้วย่ะ หมั่นไส้ นิว :angry2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-12-2014 12:00:44
น้องพลุน่ารักกกกก หมอปืนบอกเลิกแฟนเถอะ รำคาญแทนเลย
แฮปปี้นิวเยียร์ค่าา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-12-2014 12:10:58
อ้าาาาาาาาา
น้องพลุน่ารัก
เจ้ฟินค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: misscucumber ที่ 30-12-2014 12:55:28
สนุกมากค่ะ >////<  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 30-12-2014 14:23:01
รอค่าาา ~~
ไรเตอร์คะ คำว่าหมายกำหนดการนี่เป็นคำราชาศัพท์นะคะ ใช้เฉพาะเวลาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จน่ะค่ะ
ถ้าเป็นคนธรรมดาเราจะใช้แค่คำว่ากำหนดการเฉยๆน่ะค่ะ พอดีอ่านเตรียมสอบอยู่เลยแวะมาบอกนะคะ ^^
น้องพลุมามาดใหม่ น่ารักจังเลยยยย ยังเชียร์ให้น้องเคะอยู่นะคะ - ..... -
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่ะ ~ Happy New Year ด้วยค่ะ <3
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 14:35:50
รอค่าาา ~~
ไรเตอร์คะ คำว่าหมายกำหนดการนี่เป็นคำราชาศัพท์นะคะ ใช้เฉพาะเวลาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จน่ะค่ะ
ถ้าเป็นคนธรรมดาเราจะใช้แค่คำว่ากำหนดการเฉยๆน่ะค่ะ พอดีอ่านเตรียมสอบอยู่เลยแวะมาบอกนะคะ ^^
น้องพลุมามาดใหม่ น่ารักจังเลยยยย ยังเชียร์ให้น้องเคะอยู่นะคะ - ..... -
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่ะ ~ Happy New Year ด้วยค่ะ <3

ขอบคุณค่ะ>.< แก้รัวๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: aiyarin ที่ 30-12-2014 16:53:57
มาต่อไวๆน้า :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-12-2014 17:25:17
พลุน่ารักมาแล้ว
พลุไม่โง่นะหมอนิว
หมอจิวไม่เขม่นพลุเหรอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 30-12-2014 18:00:03
 :mc4: ว้าย น้องพลุโกนหนวดออร่าความน่ารักกระแทกใจพี่หมอปืนอย่างแรงงง
สนุกมว้ากกกกค่ะ รอติดตามพี่หมอน้องพลุนะจ๊ะ
สวัสดิ์ดีปีใหม่ช่วงหน้านะคะ ขอให้คนแต่งมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มาต่อน้องพลุให้คนอ่านชื่นใจเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-12-2014 18:31:52
ตื่นเต้นๆ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 30-12-2014 19:28:14
น้องพลุ คิดถึงจริงๆ นู๋อยากใช้นามสกุลพี่เขา นู๋เป็นเคะใช่มั้ยลูก สารภาพมาข่าาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 19:36:11
น้องพลุ คิดถึงจริงๆ นู๋อยากใช้นามสกุลพี่เขา นู๋เป็นเคะใช่มั้ยลูก สารภาพมาข่าาา

 แก้ต่างแทนน้องชายหน่อย~ เค้าแค่ดีใจที่ได้ใช้นามสกุลร่วมกันนะคะ 'เรื่องนั้น' มันต้องไปวัดกันบนเตียงค่ะ(อุต๊ะ!5555)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-12-2014 19:40:30
ไม่ได้นะ น้องพลุต้องเคะ หมอปืนต้องเมะนะ
ข้อร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-12-2014 19:55:16
ถอดรูปแล้วน้องพลุ แถมชื่อภาษาอังกฤษยังเขียนเหมือนกัน
แฟนหมอปีนร้ายใช่เล่น
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 30-12-2014 21:50:22
แฟนคุณหมอน่ารำคาญมากนะคะ

มาหาน้องพลุดีกว่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 30-12-2014 22:53:53
แก้ต่างแทนน้องชายหน่อย~ เค้าแค่ดีใจที่ได้ใช้นามสกุลร่วมกันนะคะ 'เรื่องนั้น' มันต้องไปวัดกันบนเตียงค่ะ(อุต๊ะ!5555)
อุ๊ต๊าาาา เอาน่าพลุ ให้พี่หมอคร่อมสอน CPR ซะดีๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 23:16:18
นางร้ายเรื่องนี้ น่าจะติดทำเนียบนางร้ายดีเด่นแห่งปีนะคะ

คือ ร้ายกาจ น่ารำคาญ ไม่มีใครอยากเข้าใจ หรือมีแววว่าจะมีคนเห็นใจเลย รับรางวัลร้ายยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย

แม้แต่คนแต่ง แต่งเองยังรำคาญนางเองเลยค่ะ555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 23:18:29
ไม่ได้นะ น้องพลุต้องเคะ หมอปืนต้องเมะนะ
ข้อร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ขอเรามิได้ดอกต้องให้เค้าไปขอกันบนเตียงเนาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 30-12-2014 23:21:34
อุ๊ต๊าาาา เอาน่าพลุ ให้พี่หมอคร่อมสอน CPR ซะดีๆ
:hao3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 31-12-2014 01:17:17
อยสกจะให้จัดอีกซักตอนถึงตอนน้องพลุร่วมบรรยาย อิฉันละอยากให้หน้านางน้องนี ชื่อไรไม่รุล่ะ (เจ้ไม่จำ)หน้าแตก ต้องหลับไปเย็บหน้าเองที่บ้าน  โฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 31-12-2014 14:28:41
ตะลึงกรามค้างเลยเหรอพี่หมอปืน 555 ความน่ารักของน้องพลุ พุ่งกระแทกหัวใจอย่างแรงเลยใช่มะ ฮุฮุ  :m3:

ยัยรชญานี่ก็แผนสูงนัก เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน แย่จริง ๆ แต่งานนี้ ต้องขอบใจเธอสินะ
กลายเป็นเปิดโอกาสให้น้องพลุของเรา ได้แสดงความสามารถที่มี แถมยังได้ช่วยพี่หมอปืน ได้ใจไปเต็ม ๆ
เรียนแพทย์มาตั้งสองปี ประสบการณ์การทำงานจริงอีกเพียบ น้องพลุของเราไม่กระจอกหรอกนะ
เริ่มพรีเซนต์เมื่อไหร่ มีหวัง ได้มีคนอ้าปากค้างไปอีกหลายคนแน่ ๆ หึหึ คิดแล้วสะใจ ขอหัวเราะเยาะล่วงหน้า  :laugh3:

น้องพลุเริ่มต้นกับพี่อุ้มได้ดีนะเนี่ย ฉลาดจริงเชียว ถึงพี่อุ้มยังไม่ได้ปลื้ม แต่ก็ไม่คะแนนติดลบเหมือนยัยนิวล่ะ
เรื่องเอาชนะใจพี่หมอปืนน่ะไม่ต้องห่วง เพราะน้องพลุของเรา ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจพี่หมอทีละนิด ๆ อยู่แล้ว
แต่ถ้าชนะใจพี่อุ้มได้ เท่ากับได้ผู้สนับสนุนที่แข่งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยนะเนี่ย

สุขสันต์ปีใหม่ ๒๕๕๘ ค่ะ ขอให้คนเขียนและครอบครัว มีความสุขมาก ๆๆๆ ตลอดปี และตลอดไปเลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 01-01-2015 15:58:18
ฮื่ออออ ชอบที่ชื่อเค้าเขียนเหมือนกันในภาษาอังกฤษ

น้องพลุในชุดสูท หล่อเลยดิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ [30/12/57] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 02-01-2015 12:46:46
บทที่ 4 ความไว้ใจ (จบ)

ห้องประชุมใหญ่ซึ่งบรรจุผู้ชมได้ราวห้าร้อยคน บัดนี้แทบทุกเก้าอี้ถูกจับจองจากบรรดาแขกผู้มีเกียรติและผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติที่สนใจมานั่งฟังการบรรยายผลงานและงานวิจัยใหม่ๆ ของวงการแพทย์

ทั้งที่ห้องอัดแน่นไปด้วยผู้คนแต่มันกลับเงียบเชียบราวกับป่าช้า มีเพียงเสียงของวิทยากรหลังโพเดียมกลางเวทีรูปครึ่งวงกลมที่ดังหึ่งๆ มาตามเครื่องขยายเสียงเท่านั้น

ทว่าหลังผ้าม่านสีเลือดหมูที่กางกั้นเป็นฉากหลังของเวที คู่ปรับต่างวัยสองคนกำลังปะทะคารมและวาดแม่ไม้มวยไทยใส่กันราวกับนี่เป็นเวทีมวยราชดำเนิน แต่อาจจะแปลกไปสักหน่อยตรงสาระที่ทุ่มเถียงกันวันนี้ว่าด้วยเรื่องวิชาการล้วนๆ   

“นี่คือเนื้อหาที่นายต้องพูด” คุณหมอหนุ่มชี้เมาส์ไปตามโปรแกรมเพาเวอร์พอยด์ที่เตรียมมาให้ดู

“อะไรเนี่ยหมอปืนเยอะก็เยอะ แถมมีแต่ตัวหนังสือ เห็นแล้วปวดตาอ่ะ” ภาวัฒน์บ่นกระปอดกระแปดพลางขยับเก้าอี้เข้ามาชิดเพื่อจะเลื่อนเคอร์เซอร์ไล่ไปตามเอกสารที่มีร่วมร้อยหน้า

“เอ่อ...” ปาวัสม์สะดุ้ง ไม่ใช่เพราะโดนท้วงติงเรื่องงานแต่คนผมสีน้ำตาลเล่นเบียดแทรกเข้ามาในวงแขนและเอามือวางทับมือเขาเพื่อจับเมาส์ต่างหาก “ไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือนะ ภาพประกอบก็มี ตาบอดหรือไงห๊ะ”

“ใจคอคุณหมอจะพรีเซนต์สักสามชั่วโมงเหรอครับ ได้ข่าวว่าเรามีเวลาแค่สามสิบนาทีนะ นี่มันเลคเชอร์นักศึกษาแพทย์ชัดๆ ผมว่าแบบนี้มันไม่เวิร์คอ่ะ” ใบหน้าที่เคยทะเล้นกลับเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด ภาวัฒน์เอาฟันบนกัดริมฝีปากล่างไว้ในขณะที่มือลากเมาส์ผ่านไปตามหน้าเอกสาร

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ฟันซี่ขาวๆ นั่นก็ยอมปล่อยริมฝีปากที่เริ่มห้อเลือดให้เป็นอิสระ

“เอางี้! หมอปืนเลือกมาสักหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง แล้วสาธิตพร้อมกับอธิบายไปเลยดีกว่าไหมครับ... สั้น ง่าย ได้ใจความดีนะผมว่า... แล้วเราจะได้เหลือเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างไงครับ” พูดเสียงเครียดแต่ไม่วายหันมาขยิบตาให้หนึ่งที

นิ้วเรียวดีดเพียะเข้ากลางหว่างคิ้วเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ “อย่างอื่นของนายนี่มันคืออะไร”

“ก็...” คนหน้าเป็นเอาสันมือถูหน้าผากที่โดดลงทัณฑ์จนแดงก่ำ เขาเป่าลมเข้าแก้มแกล้งทำเป็นงอน “ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีโอกาสซักถามไงครับ... หรือหมอปืนไม่คิดเหมือนผม”

“แล้วไป”

“งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ” คนขี้ตู่สรุปหน้าตาเฉย

“เฮ้ย! แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเลยนะ” คนถูกแก้งานกลางอากาศเริ่มโวยวาย

แต่เสียงปรบมือที่ดังก้องมาจากหน้าม่านบอกให้รู้ว่าการบรรยายบนเวทีจบลงแล้วและผู้ที่ต้องขึ้นแสดงผลงานต่อไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพวกเขานั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ ตอนนี้ที่แน่ๆ คือ The show must go on

ปาวัสม์หันไปพยักหน้าให้กับพิธีกรที่แอบแหวกม่านเข้ามาส่งสัญญาณให้เตรียมพร้อม มือใหญ่ชื้นเหงื่อรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีด้วยอาการตกประหม่าที่จู่โจมเข้ามา ความกังวลร้อยแปดผุดพรายขึ้นมาในหัว ...เขาจะทำมันได้ไหม นี่ไม่ใช่การพูดหน้าชั้นเรียนนะ เวทีนั่นไม่ใช่แค่การออกไปนำเสนอผลงานแต่มันคือการแบกรับชื่อเสียงของโรงพยาบาลและประเทศชาติ

ภาวัฒน์แอบสั่นน้อยๆ นัยน์ตาสีดำขลับเหลือบมองร่างสูงข้างกาย รู้สึกชื่นชมที่ยังดูสงบเยือกเย็นได้ขนาดนี้ แต่แล้วเบื้องหลังนัยน์ตาคมที่บังเอิญสบเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเขากลับเห็นบางอย่างที่ต่างออกไป

เด็กหนุ่มคว้ามือใหญ่มากำไว้และบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยครับ หมอปืนซะอย่างทำได้อยู่แล้ว... แถมตอนนี้ยังมีผมคอยช่วยอีก วางใจได้เลยผมไม่ทำให้คุณหมอหน้าแตกหรอก ถึงภาษาอังกฤษผมจะงูๆ ปลาๆ ก็เถอะนะ”

ร่างสูงเหลียวมองข้างตัว มุมปากอมยิ้มน้อยๆ สัมผัสหยาบกร้านจากฝ่ามือที่จับอยู่นั้นทั้งเย็นและสั่นกว่าของเขาไม่รู้กี่เท่า ปาวัสม์บีบมือกลับ เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายจะร่วงหรือจะรุ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้แน่ชัดในตอนนี้คือความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะช่วยในแววตาสีดำขลับ กับความอบอุ่นที่ไหลผ่านฝ่ามือพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของเขาและมันคือ... ความไว้ใจ
OOOOOO

การบรรยายเริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีข้อติดขัดใดๆ จนในที่สุดก็มาถึงส่วนท้ายคือขั้นตอนการสาธิตและปฏิบัติซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ปาวัสม์ที่ใจตุ๊บๆ ต่อมๆ ลุ้นมาตลอดเริ่มจะหายใจทั่วท้อง เมื่อมาถึงช่วงซักถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมประชุมที่ต้องใช้ปฏิธานและไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้านรีบยกมือถาม “ผมอยากให้คุณช่วยสาธิตการใช้หน้ากากสำหรับที่ใช้ป้องกันขณะเป่าปากอีกครั้งน่ะครับ”

“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะสาธิตให้ดู” เป็นภาวัฒน์ที่ช่วยตอบ

ปาวัสม์เหล่ตามองอย่างนึกทึ่งเพราะถ้อยคำและสำเนียงภาษาอังกฤษที่ออกจากปากเด็กหนุ่มนั้นลื่นไหลราวกับเจ้าของภาษา

“อุปกรณ์ชิ้นนี้เราคงไม่คุ้นเคยเท่าไหร่แต่ทางฝั่งตะวันตกนั้นใช้กันอย่างแพร่หลาย ตอนที่ผมมีโอกาสร่วมฝึกกับทีมจากอเมริกาก็เห็นเขาใช้และเคยลองใช้เองอยู่หลายครั้งทีเดียว”

“ผมเองก็ชักสนใจแล้วสิครับ” ปาวัสม์พูดบ้าง “เพราะเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครันทำให้ไม่มีโอกาสใช้เจ้านี่เลยสักครั้ง”

“เรามาลองใช้ดูไหมล่ะครับ มันง่ายกว่ายิ่งกว่าการใส่ถุงยางเสียอีก” มุขตลกทะลึ่งนิดๆ ของเด็กหนุ่มช่วยทำให้บรรยากาศงานวิชาการที่แสนน่าเบื่อดูมีสีสันขึ้นถนัดและตอนนี้ทั้งห้องประชุมก็ดูจะสนอกสนใจการบรรยายของพวกเขามากๆ ด้วย “ก่อนอื่นคุณหมอปาวัสม์ครับ คุณช่วยทำตัวเป็นคนไข้นอนไม่ได้สติให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ” ปาวัสม์รับคำพลางลุกขึ้นดันหุ่นยางที่ใช้สาธิตการนวดหัวใจบนเบาะไปข้างๆ และล้มตัวลงนอนแทน

“ขอบคุณครับ” ภาวัฒน์ลุกตามมานั่งคุกเข่าลงข้างเบาะ “เราก็ทำไปตามสเตป คือเรียกปลุก เรียกคนช่วย ตรวจชีพจร กระโดดขึ้นปั๊มและเมื่อครบวงรอบแล้วจะทำการเป่าปากเราก็หยิบหน้ากากอันนี้วางคลุมไปบนใบหน้าของคนไข้ ใช้มือค้างหนึ่งกดหน้าผากช่วยเปิดทางเดินหายใจพร้อมกับบีบจมูก ทำทุกอย่างตามขั้นตอนปกติ ก่อนจะครอบปากลงไปแล้วทำการเป่าสองครั้ง”

ปาวัสม์พยักหน้าทำเป็นว่าเข้าใจทั้งที่เป็นเขาเองที่ไม่ได้เข้าใจและรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาเลยสักนิด เมื่อเด็กหนุ่มชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัวเขาพร้อมกับใช้สันมือกดหน้าผากและเชยคางให้แหงนขึ้น แวบหนึ่งที่เขาเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นบนมุมปากของคนตรงหน้าก่อนจะตามมาด้วยความมืดแม้สองตาจะเบิกโพลง

ริมฝีปากประกบริมฝีปาก แม้แต่แผ่นพลาสติกใสก็ไม่อาจกั้นความร้อนที่ส่งผ่านถึงกันและกันได้ หัวใจของปาวัสม์เต้นรัวและแรงขึ้นจนมันแทบจะกระเด็นหลุดจากอก จนเขานึกกลัวว่าตัวเองจะช็อคตายจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

“แค่นี้เองครับ” ภาวัฒน์ถอนริมฝีปากออกยืดตัวขึ้นและพูดต่ออย่างไม่มีติดขัดหรือท่าทีเขินอายใดๆ “สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ Golden Period ที่จะช่วยคนไข้มีแค่สี่นาทีหลังจากนั้นอัตรารอดชีวิตจะลดลงทุกวินาที คิดและตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพราะชีวิตคนเจ็บอยู่ในกำมือคุณนะครับ”

เมื่อการบรรยายสิ้นสุดลงพวกเขาได้รับเสียงปรบมือและคำชื่นชมอย่างล้มหลาม จนกล้าพูดได้ว่าประสบความความสำเร็จกว่าเรื่องอื่นๆ ทำเอาคนพรีเซนต์หน้าบานเป็นกระด้ง หุบไม่ลงเลยทีเดียว

“ทำเป็นพูดว่าภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ เห็นตอบคำถามฉอดๆ ไม่แบ่งให้ฉันพูดมั่งเลยนะ” ปาวัสม์แซวระหว่างเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่ด้านหลังเวที 

“ผมมีเรื่องจะสารภาพล่ะ” ภาวัฒน์พูดยิ้มๆ “ผมเป็นวิทยากรของศูนย์กู้ชีพ เดินสายให้ความรู้เรื่องนี้ทั่วประเทศมาสักพักแล้ว แต่ว่านี่น่ะงานใหญ่งานแรกทำเอาผมขาสั่นเลยนะเนี่ย”

“นั่นสั่นแล้วเหรอ” ปาวัสม์เขกกำปั้นลงบนศีรษะอีกฝ่ายหยอกๆ ก็สำนวนการพูดฉะฉาน ลูกเล่นแพรวพราวซะขนาดนั้น

“จริงๆ นะ... ผมเก๊กไปงั้นแหละในใจนี่เต้นตุบๆ กลัวจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปแทบตาย ไม่เชื่อหมอปืนลองจับดูสิครับ หัวใจผมยังเต้นแรงอยู่เลย” ไม่พูดเปล่ายังดึงมือร่างสูงไปทาบที่หน้าอก

“นั่นสิ” ปาวัสม์นิ่งงันไปเล็กน้อย ตื่นเต้นไม่แพ้กันที่โดนเด็กหนุ่มกุมมือไว้แบบนี้ ตอนนี้เขาแยกไม่ออกแล้วว่าเสียงหัวใจและสัมผัสตุบไหนเป็นของใครกันแน่

“ทำไมหมอปืนถึงเลือกผม” เด็กหนุ่มถามคำถามที่ข้องใจมาได้สักพักแล้ว “คุณหมอบอกเองว่าเตรียมตัวมาคนเดียว แค่ยืนยันไปตามนั้นก็จบแล้ว ไม่เห็นต้องลากผมมาเอี่ยวเลย โชคดีนะที่ผมเคยได้ทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาเลยพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง”

ปาวัสม์หัวเราะในลำคอ ไม่คิดว่าจะถูกจับโกหกได้เร็วขนาดนี้ ฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าอกเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นใช้ปลายนิ้วเชยคางคนตรงหน้าให้สบตา

“ฉันไม่คิดว่าเด็กแสบที่ใจกล้าถึงขั้นปลอมประวัติเข้าสอบหมอจะมาตายน้ำตื้นแค่นี้น่ะสิ” นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนตาจิ้งจอกพร้อมกับอมยิ้มมุมปาก “แล้วถึงนายจะทำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองหน้าแตกอยู่แล้ว”

คนหน้าเป็นหัวเราะไม่ออกที่โดนต้มจนเปื่อย ...หมอปืนบ้า! นึกยังไงมาทดสอบกันแบบนี้ รู้งี้แกล้งพูดไม่ได้ให้ขายขี้หน้าไปซะก็ดีหรอก...

คนแผนสูงลอบมองเด็กหนุ่มทำหน้าย่นเป็นหมาบูลด๊อก ทีแรกแค่อยากเห็นคนปากกล้าเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ที่ไหนได้กลับตั้งอกตั้งใจช่วยเขาทั้งคิดและทำจนผลออกมาดีผิดคาด เห็นทีงานนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อย ส่วนเรื่องที่แอบขโมยจูบนั่นไว้ค่อยไปคิดบัญชีทบต้นทบดอกวันหลัง

“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ จะเลี้ยงตอบแทนที่ช่วยวันนี้”

หน้าที่ยู่อยู่ค่อยยิ้มออก “ใช้งานหนักขนาดนี้ต้องให้เลี้ยงมื้อใหญ่เลยล่ะ... ว่าแต่หมอปืนรู้ได้ไงว่าผมว่าง”

ปาวัสม์ยิ้มมีเลศนัยน์ “ก็เพราะว่าฉันว่างน่ะสิ... ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เวรเราจะตรงกัน” 

แต่รอยยิ้มกว้างของคนผมน้ำตาลกลับหม่นลงพร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดัง เขารู้ทันทีว่าเป็นใคร

“ครับนิว” ปาวัสม์ตอบแฟนสาวที่โทรมาตามเมื่อเห็นเขาไม่โผล่ออกไปสักที “พี่เก็บของกับพลุอยู่หลังเวที... จะเสร็จแล้วล่ะมีอะไรเหรอ... หืม... คืนนี้! จ๊ะไม่ลืมจ๊ะเจอกันที่เดิมนะ” อีกฝ่ายกดตัดสายไปแล้วแต่ปาวัสม์ยังไม่ยอมลดมือที่ถือโทรศัพท์ไว้ลง เขามองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษทีนะพลุไว้วันหลังละกัน”

“เดทกับแฟนให้สนุกนะครับ” ภาวัฒน์แค่นยิ้มพลางเอื้อมมือไปช่วยขยับเนกไทค์และปกเสื้อสูทร่างสูงให้เข้าที่ก่อนจะผละจากไป

เด็กหนุ่มเดินลากเท้าช้าๆ กลับไปลานจอดดรถ เขากำลังจะก้าวขาขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วแต่ก็อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้ “มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” อันที่จริงเขารู้สึกเหมือนว่าถูกตามนับตั้งแต่แยกกับปาวัสม์ที่หลังเวทีแล้วเพียงแต่ไม่พูดออกมาเพราะอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“ไม่มีอะไร ฉันก็กำลังจะไปที่รถเหมือนกัน” ร่างบางในชุดเดรสลูกไม้สีชมพูหวานก้าวออกมาจากหลังเสา

“เหรอครับ” เขาตอบพลางสตาร์ทรถ “งั้นผมขอตัวนะ”

เด็กหนุ่มบิดคันเร่งจากไป รชญากอดอกมองจนลับสายตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ปลายสายรับในชั่วอึดใจ “เดี๋ยวจะส่งเลขทะเบียนรถไปให้... กำลังจะกลับยังไงก็ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ” นิ้วกดตัดสายพร้อมกับริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มเยียบเย็น คำโบราณว่าไว้ ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร
OOOOOO
 
“ในที่สุดงานก็เสร็จสักที เหนื่อยเป็นบ้าเลย” นุชนันท์พูดพลางบิดขี้เกียจ เมื่อก้าวลงจากรถตู้ของโรงพยาบาลที่บรรยากาศมาคุสุดๆ และตอนนี้ปาวัสม์ก็โดนแฟนสาวฉกตัวไปเรียบร้อยแล้ว “เย็นนี้นายว่างใช่ไหมจิว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

“โทษทีนะอุ้มแต่ฉันอยากพักมากกว่าน่ะ” วิทยายิ้มเจื่อน การไปดูงานวันนี้ทำให้หัวใจสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมื่อเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทกับเพื่อนของเขา

“ก็ดีเหมือนกันแก” สาวร่างอวบวางมือบนไหล่ที่สั่นน้อยๆ และบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง “กลับไปพักซะ นายเหนื่อยมานานเกินไปแล้ว”

“งานห้องฉุกเฉินมันหนักเธอก็รู้” วิทยาบีบตอบมืออวบนั้น ไม่ได้อายที่จะยอมรับ ‘ความลับ’ บางอย่างที่คิดว่าหญิงสาวน่าจะรู้อยู่แล้วและรู้มานานแล้ว แต่เป็นเพราะความกลัวสิ่งที่จะตามมาเมื่อพูดออกไป กลัวว่าใจอาจไม่สามารถรักษาสถานภาพ ‘เพื่อน’ ที่เก็บมานานนี้ได้

“ก็คงไม่หนักเท่าอย่างอื่นหรอกมั้ง... ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าไม่ไหวก็หยุดแต่ถ้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็เลิกเถอะ” นุชนันท์สบตาชายหนุ่มซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

“ฉันรักอาชีพหมอ ฉันไม่เลิกง่ายๆ หรอก”

...จะเลิกได้ยังไง เพราะมันคืออาชีพที่ต้องแลกมาด้วยน้ำตาเมื่อคนทั้งตระกูลต่างพากันคัดค้าน และปาวัสม์คือคนที่กุมมือเขาไว้ในวันที่กำลังใจแทบไม่มีเหลือ ‘อย่าทิ้งความฝันนะ นายทำมันได้อยู่แล้ว’

คำๆ เดียวจากผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรกทำให้หัวใจที่เกือบจะยอมแพ้ กล้าเดินเข้าไปเจรจาท่ามกลางหมู่ญาติพี่น้องในวันรวมญาติอีกครั้ง คำตอบปฏิเสธทั้งจากฝั่งพ่อและแม่เป็นไปอย่างที่คิด แต่ดูเหมือนความตั้งใจจริงจะส่งไปถึงใครสักคนในที่สุด เมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวซึ่งปกติพูดน้อยยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำกล่าวว่า ‘ให้น้องเรียนหมอเถอะครับ ผมจะเป็นคนดูแลบริษัทต่อจากป๊าเอง’
เกิดความโกลาหลขึ้นอีกไม่น้อยแต่เมื่อทั้งพี่และน้องต่างยืนกรานเสียงแข็งป๊าก็ยอมใจอ่อน

เขาจำไม่ได้แล้วว่าวันนั้นเป็นวันอะไร ไม่ได้สนใจว่าท้องฟ้าสดใสหรือมีเมฆหนา สิ่งเดียวที่จำได้คือรอยยิ้มเจิดจ้าของร่างสูงในชุดนักเรียนซึ่งมายืนแอบรอฟังผลหน้าบ้านครึ่งค่อนวัน กับความอบอุ่นของอ้อมแขนที่กอดแน่นดีใจราวกับทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องของตัวเอง

“จิว นายยังมีฉันนะ” นุชนันท์ปลอบ นึกเจ็บแทนกับความเศร้าในสายตาที่ทอดมองใครคนหนึ่งมานานหลายปี

วิทยายิ้มบางพลางหมุนตัวเดินจากไป จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อหัวใจมันดันคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทซึ่งรู้ทันทีว่า ความหวังที่จะได้รับความรักตอบนั้นริบหรี่เสียยิ่งกว่าเปลวเทียนท่ามกลางมรสุม ในเมื่อคนคนนั้นไม่ใช่เกย์ และเขาพอใจแล้วที่จะขีดเส้นเน้นตัวหนากับคำว่า ‘เพื่อนรัก’ ที่ถูกหยิบยื่นให้

เขามาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาลนานแล้ว แต่ยังคิดอะไรไม่ตก มือข้างหนึ่งหมุนควงกุญแจเล่นอย่างไร้ทิศ เดี๋ยวกดเปิดประตูแต่แล้วก็กดปิด ซ้ำไปซ้ำมา

ในขณะที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ ร่างสูงล่ำก็แอบย่องเข้ามาทางด้านหลัง

“เย็นนี้หมอจิวว่างไหมครับ”

วิทยาสะดุ้งสุดตัว หน้าตี๋ๆ หันมองตามเสียงก่อนจะถอนหายใจ “คุณรติพัทธมีธุระอะไรกับผม” สีหน้าไม่รับแขกอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทั้งยังโกรธไม่น้อยที่จู่ๆ คนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้งมาเรียกชื่อเล่นเขาห้วนๆ แบบนี้

“เรียกผมว่านายน์ก็ได้ครับ” รติพัทธบอก “หมอจิวไปกินข้าวเย็นกับผมนะครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ชวนอย่างหน้าด้านๆ เขาสืบเรื่องวิทยามาพอสมควรแล้วทั้งจากพี่สาวและการไปค้นหาข้อมูลเอง

“แต่ฉันไม่มี” วิทยาปฏิเสธเสียงห้วนพร้อมกับเดินหนี หากคนตัวใหญ่กว่าเดินตามอย่างไม่ลดละ

“งั้นถ้าผมขอเปลี่ยนเป็นเพื่อนกินเหล้าล่ะ”

วิทยาหยุดฝีเท้า ก่อนจะเหลียวมองคนในชุดตำรวจครึ่งท่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าการมาทำแผลเมื่อหลายวันก่อนเรียกว่าน่าสงสัย การที่จู่ๆ มาโผล่ข้างรถในวันที่เขาไม่อยู่โรงพยาบาลนี่เกือบจะเป็นอาชญากรรมได้เลย นัยน์ตาเล็กตี่มองสบนัยน์ตาเจ้าชู้พราวระยับส่อเจตนาคิดไม่ซื่ออย่างไม่คิดจะปิดบัง

“เอาสิ”

เขารับคำ ไหนๆ คืนนี้ก็ยังไม่มีที่ไปขอลอง ‘เล่นกับไฟ’ ดูสักหน่อยก็แล้วกัน
*****************************************************************************
ทาดา... วันนี้เค้ามาตรงเวลาน้า... แก้ตัวที่อาทิตย์ที่แล้วเลท
อ่านตอนนี้จบหลายๆคนคงมีคำถาม(หรือเปล่าหว่า?) ว่าน้องนิวจะร้ายไปไหนนะ... กรุณาอดทนกับนางต่อไปนะคะนางยังร้ายได้อีก
ทิ้งท้ายนิดนึง... ตอนหน้าเปิดตัวละครใหม่หล่อด้วยล่ะ(เอาจริงๆ นี่แหละรักแรกพบของเค้าเลย555)
ปล.หยุดยาวไปเที่ยวไหนกันมาบ้างคะ ส่วนที่ๆ เราไปเป็นที่เดียวกับที่น้องพลุ 'ต้องไป' และ 'เผชิญ' อย่างเลี่ยงไม่ได้ในตอนหน้าค่ะ
ปปล. แอบอิจฉาคุณพยาบาลสาวร่างอวบจัง ฟค.นางเย๊อะเยอะ555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-01-2015 13:15:58
หมอปีนต้มเด็กเปื่อยเลย แต่พลุก็คุ้มได้จุ๊บหมอปืนถึงจะมีพลาสติกกันก็เถอะ
นิวนางร้ายมาก นางจะทำอะไรพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 02-01-2015 13:20:26
 :m31: กรุณาเอาน้องนิวไปเก็บด่วนค่ะ ส่วนน้องพลุเนี่ยขยันอ่อยพี่หมอเหลือเกินนะคะส่วนอีตาพี่หมอปืนจะซึนไปไหนเนี่ย รอติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 02-01-2015 13:32:05
ถ้ารติพัทธอยู่กับหมอจิวแล้วชะนีนิวส่งใครไปจัดการกับพลุเอ่ย? รติพัทธ - หมอจิวสินะ (หมอเป็นรับเถอะ)

นิวจะร้ายไปถึงไหนแค่เหวี่ยงก็น่าเกลียดพอแล้วนี่ยังจะทำอะไรร้ายอีกเหรอ?

ต้องให้เจ้าแม่พยาบาลจัดการแรงๆอีกมั๊งเนี่ย

หมอมีมือใหญ่  พลุสูงกว่าหมอ แต่ความสูงไม่มีผลในแนวราบเนาะ  หมอ - พลุ หรือว่าพลุ - หมอ ดีเอ่ย? ผลัดกันดีกว่ามั๊งนี่
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-01-2015 13:33:36
พลุนี่เนียนดีจริงๆ :hao6: o13 เบื่อยัยนิวมากกกกกกก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 02-01-2015 13:39:11
เชิญคุณนิว รับยา ที่ช่อง 2 ค่ะ :z6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-01-2015 13:59:36
พลุไม่งามนะลูก มาจูบก่อนได้ไง
หมอนิวนางจะกัดทุกคนเลยใช่มั้ย
อย่าให้เกิดความผิดพลาดกับหมอจิวเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 02-01-2015 14:52:00
พลุนี่มีดีมากกว่าที่เราคิดนะ ยิ่งอ่านยิ่งเป็นตัวละครที่เรารัก
แต่นิวนี่ก็ร้ายกว่าที่คิด ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดค่ะ จากใจ 5555555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2015 16:21:35
ปลื้มน่ะทั้งคู่เลย แต่่อ่านแล้วทำไมปวดใจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-01-2015 16:33:31
เราว่าแฟนพี่ปืนนี่ไม่ไหวค่ะ..ทำตัวไม่น่ารัก ก้าร้าวเพื่อนแฟนอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-01-2015 22:15:21
ไม่ค่อยเข้าใจหมอปืนเลย
ชอบนัดใครต่อใครแล้วก็ยกเลิกนัดเลือกนิวทุกที
ทำไมให้ผู้หญิงคนเดียว(ที่ร้ายมาก)มีอิทธิพลเหนือทุกคนอย่างนี้
น้องพลุมีอะไรปิดบังเยอะด้วย เก่งสารพัด
สงสารหมอจิว
ชอบอุ้ม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 02-01-2015 22:16:45
นู๋พลุไม่ธรรมดาซะแล้ว โดนเจ้นิวสืบสิทีนี้
ขอบคุณคนแต่งค่ะ รอดูหมอปืนเอาคืนแบบทบต้นทบดอก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-01-2015 23:27:38
หืมมมมมมม น้องพลุของเราไม่ธรรมดานะเนี่ยยย :ruready
แบบนี้นังนิวจะสืบได้อะไรบ้างนะ
คู่หมอจิวก็น่าสนุก :katai2-1:
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 03-01-2015 12:49:33
น้องพลุน่ารัก  :m3: แล้วก็เก่งเหลือหลายอย่างที่คาด ปลื้มใจจริง ๆ
ทั้งนิสัย ทั้งความสามารถ งานนี้ สำเร็จด้วยดี เพราะน้องพลุเต็ม ๆ เลยนะ  นี่สิที่หมอปืนคู่ควร
เตะยัยน้องนิวไปไกล ๆ เลย ชิ้ว  :z6: ความสามารถคุณเธอไม่รู้ (ซึ่งคิดว่าคงไม่ค่อยมีเท่าไหร่หรอก)
แต่นิสัยแย่ ๆ นี่สิ ท่าจะพุ่งทะลุปรอท ตอนนี้ ก็เหมือนเป็นโรคจิตนิด ๆ เลยอ่ะ ออกมาจากมุมเสาเงี้ย บรึ๋ย
แล้วนี่ใช้ให้ใครไปสืบประวัติพลุอีก เหมือนพวกมาเฟียมากกว่าเป็นคุณหมอแล้วนะนั่น

คุณตำรวจขี้หลีนี่ก็อีกคน ตกลงยัยนิว ส่งมาจัดการหมอจิวจริง ๆ อ่ะ  แต่ก็นะ ถึงจะเป็นห่วงหมอจิว
แต่ท่าทางหมอจิว ก็ไม่ใช่พวกที่จะโดนหลอกง่าย ๆ ยิ่งโผล่มาแบบเจตนาไม่ดีเต็มหน้าอย่างนี้ด้วย
แค่หวังว่าหมอจิว จะไม่ทำอะไรเพื่อประชดใครก็แล้วกันนะ
 
ตอนหน้าเปิดตัวหนุ่มหล่ออีกแล้ว ชอบ ๆ จะเป็นใครน้า พี่ชายที่แสนดีของหมอจิวหรือเปล่า
เอ่ยถึงแค่นิดเดียว แต่ชอบคุณพี่ชายมากเลย ถ้าเป็นตัวเด่น ๆ ด้วยก็คงดีเนอะ
แล้วที่ ๆ น้องพลุ 'ต้องไป' และ 'เผชิญ' อย่างเลี่ยงไม่ได้ คือที่ไหน อะไร ยังไง ห่วงน้องพลุอ่ะ T^T

ชอบที่คนเขียน สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการรักษา การช่วยชีวิตคนไข้ ไว้ในเรื่องอย่างนี้มาก ๆ เลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 03-01-2015 14:19:11
 :n1: :n1: :n1:

จูบแล้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 03-01-2015 16:54:07
บางทีก็รู้สึกว่าหมอปืนดูใสซื่อนะคะ
แต่บางทีก็กลายร่างเป็นหมาป่าได้เหมือนกัน 55555
บุคลิคน่ารักนะคะเนี้ยยยย  :-[

แต่ก็ไม่เท่าน้องพลุหรอก แบร่ๆ
นี่แอบหมั่นไส้นะคะ หล่อไปไหน คนชอบเยอะเชียวพ่อคุณ
โดยเฉพาะยัยแฟน น้องนิวจะน่ารำคาญไปไหน นางร้ายระดับช่องสามมาเองเลยค่ะ!
ฮู้ยยยย เราเบื่อนางมากเลยนะนี่ 55555555555555 แต่จะพยายามทนนะคะ เพราะนางเป็นตัวสร้างสีสัน ฮาา

นี่แอบเป็นห่วงหมอจิวจริงๆ ไปกินเหล้ากับนายน์ตำรวจนั่นจะดีหรอ?
สองพี่น้องนี่ยิ่งไม่น่าไว้ใจ คนเราเวลาเศร้ายิ่งจะชอบเผลอทำอะไรบ้าๆ อยู่ด้วย
หวังว่าคุณตำรวจจะไม่ทำมิดีมิร้ายประชาชนหน้าตี๋ๆ ที่เพิ่งอกหักดังเป๊าะมานะคะ ไม่งั้นอยู่สน.ไหนตามไปปาระเบิดจริงด้วย!

ส่วนงานนี้น้องพลุคะแนนนำโด่งกว่าคนอื่นๆ เลย
ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด สนับสนุนให้รุกจีบหมอปืนเยอะๆ นะ รำยัยน้องนิวจะแย่แล้ว 555555

รอลุ้นตอนหน้าว่าน้องพลุพ่อยอดขมองอิ่มของเจ้จะต้องไปเจออะไร >_<
แล้วก็รอลุ้นด้วยว่าตอนหน้าหมอปืนจะได้พาน้องพลุไปเลี้ยงข้าวตอบแทนเพราะตอนนี้ไม่ได้ไปรึเปล่า

สนับสนุนให้น้องมอมเหล้าคุณหมอค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :hao7:

หรือจะให้คุณหมอมอมน้องก็ดีและดีมากเลยนะคะ กร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 4 ความไว้ใจ(จบ) [02/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 09-01-2015 13:20:43
บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก (ครึ่งแรก)

วิทยาถอดเสื้อกาวน์ใส่ไม้แขวนและเก็บเข้าล็อกเกอร์ส่วนตัวในห้องพักแพทย์ที่ตอนนี้บรรยากาศขมุกขมัวราวกับท้องฟ้าก่อนมรสุมจะเข้า โดยมีตาพายุอยู่ที่ร่างสูงซึ่งยังห่อกายด้วยเสื้อกาวน์ยับย่นจากการกรำงานหนักมาทั้งวัน นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟาตัวเก่าสีเขียวตุ่นกลางห้อง

“ทะเลาะกับน้องนิวอีกแล้วเหรอ” เขาเอ่ยอย่างสุดทนที่เห็นเพื่อนรักทำหูตูบหางตกกับโทรศัพท์หลังจากโดนแฟนสาวกดตัดสาย

“อือ” ปาวัสม์คราง ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบรอบเขาก็คงไม่อาจเข้าถึงสิ่งมีชีวิตเข้าใจยากที่เรียกว่าผู้หญิงได้ 

“ใจเย็นๆ” วิทยาเดินมาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างและใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่กว้างที่ลู่ลงไว้ “คนรักกันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา”

“จำเป็นด้วยเหรอ?” คนไม่เคยเจอรักแท้ถามพาซื่อ “ฉันก็รักนาย แต่ไม่เห็นเราต้องทะเลาะกันทุกวันเลย”

คนตัวเล็กกว่านิ่งขึง ไม่ใช่ที่คำพูดเพราะเขารู้ดีว่าปาวัสม์ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย แต่ตอนนี้เรือนผมสีดำสนิทซึ่งเคยพิงอยู่กับพนักโซฟากลับเอียงลงมาซุกบนไหล่เขาน่ะสิ

พลันสายตาคมสังเกตเห็นความผิดปกติบางสิ่ง จนลืมความทุกข์ใจไปเสียสนิท “โดนอะไรมาน่ะจิว” ปาวัสม์เอื้อมมือมาดึงคอเสื้อเชิร์ตแบะออกเพื่อดูปื้นแดงที่อยู่บนแนวไหปลาร้า

วิทยาขืนตัวหนีพร้อมกับกระชับคอเสื้อ “ไม่มีอะไร... แค่แมลงกัด”

“แมลงอะไร” คิ้วหนาย่นเข้าหากัน เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่านี่คือรอยจูบ “นายมีแฟนแล้วเหรอ”

บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อคนปลอบถูกซักฟอกเสียเอง พลันประตูห้องถูกเคาะและเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะด้วยมืออวบๆ ของหญิงสาวร่างสูงใหญ่ที่เกือบกินพื้นที่เต็มกรอบบานประตูนั่น 

นุชนันท์เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี วันนี้งานไม่ยุ่งเหมือนทุกวันและเธอก็ได้ลงเวรเร็วกว่าปกติ “ปืน จิววันนี้อยู่เวรหรือเปล่า”
หนุ่มหน้าตี๋ได้ทีรีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ฉันว่าง”

“มีนัดไปกินข้าวเย็นกับนิว แต่ตอนนี้ว่างแล้ว”

“เอาให้แน่ปืน ฉันไม่อยากมีเรื่องกับแฟนแก” สาวร่างอวบถามย้ำให้แน่ใจ เรื่องเมื่อคราวที่แล้วจนผ่านมาหลายวันรชญาก็ยังไม่ลืมและต้องหาเรื่องเข้ามาจิกกัดเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“เพิ่งโดนแคนเซิลนัดไปเมื่อกี้เอง” ปาวัสม์ยืนยัน  “จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าจะอดมื้อเย็น กลัวอ้วนอย่างงู้นอย่างงี้ แล้วก็จะกลับบ้านไปนอนเลย”

“เหรอ” นุชนันท์แกล้งว่า อันที่จริงเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะถึงได้มาชวนเพราะเธอแอบได้ยินรชญาบ่นเรื่องวันนั้นของเดือนที่เล่นเอาเดินตรวจแทบไม่ไหว ใจจริงคงอยากกลับไปนอนพักน่ะแหละ แต่หล่อนคงอายถ้าต้องพูดออกมาตรงๆ “นิวไม่กินก็เรื่องของเธอ แต่ฉันจะกินและตอนนี้ก็หิวมาก ตกลงนายจะไปกับฉันหรือเปล่า”

ปาวัสม์ล้วงบัตรจองรับประทานอาหารบุฟเฟต์ของโรงแรมชื่อดังสองใบออกมาวางลงบนโต๊ะ “พอน้องนิวแคนเซิลมันก็เลยเหลือ ซื้อมาแพงซะด้วยสิ จะทิ้งไปก็เสียดาย”

นุชนันท์ปรายตามอง “ฉันไม่เอาตั๋วนั่นหรอกนะ”

“ก็ไม่ได้จะให้นี่” ปาวัสม์บอกเสียงขรึม “อันนี้ยกให้จิว ส่วนของเธอ...” เขายิ้มออกมาในที่สุด เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องยอมนอนดึกไปนั่งเฝ้าฉันกับไอ้จิวไม่ให้เมาจนขับรถไม่ได้นะ”

นุชนันท์ยิ้มพราย “ให้เฝ้าเฉยๆ น่ะไม่เอาหรอกย่ะ แต่ถ้าให้ดื่มเป็นเพื่อนล่ะก็ถึงไหนถึงกัน” 
OOOOOO

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะปืนวันนี้อุ้มสนุกมากเลย” นุชนันท์หัวเราะร่วน ระหว่างเดินไปตามทางลานจอดรถของบาร์ร้านประจำที่มีแสงไฟสลัว

“ไม่เป็นไรเล็กน้อยน่า จิวจะไปส่งเธอที่บ้าน ใช่ไหม” ปาวัสม์สบตาวิทยาที่ก้าวขึ้นนั่งสตาร์ทรถ งานนี้ต้องขอบคุณเพื่อนสาวที่คอยปรามและสั่งคิดเงินก่อนที่พวกเขาจะติดลม เมาแอ๋จนกู่ไม่กลับ

“ฉันอารมณ์ดีเกินกว่าจะอยากมีเรื่องกับยัยนั่นพรุ่งนี้เช้า” นุชนันท์ขยิบตาให้สองหนุ่มก่อนจะขึ้นนั่งข้างคนขับ

“ขับรถดีๆ นะปืน” วิทยาบอกและขับรถออกไป

ปาวัสม์โบกมือลาเพื่อนรักทั้งสอง เขากำลังเดินกลับไปรถตัวเองซึ่งได้ที่จอดอยู่ไกลออกไปเมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังก้องมาตามทาง เขากำลังลังเลว่าจะโทรแจ้งตำรวจหรือตามคนมาช่วยดี เสียงนั้นก็ยิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และมันฟังดูคุ้นเคย

“ฉันบอกว่าฉันเอารถมาไง”

“แต่ฉันอยากไปส่งนี่นา... วันนี้ให้ฉันไปส่งนะพลุนะ”

ปาวัสม์เดินแอบหลังเสา เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็เห็นเจ้าของเสียงทั้งสอง คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย ร่างสูงล่ำสันอย่างนักกีฬา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวลักษณะเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไปที่มานั่งจิบหลังเลิกเรียน เขาดูกรึ่มๆ และเดินเซนิดๆ ซึ่งคงจะดื่มไปมากพอควร ส่วนอีกคนที่เขาคุ้นตาดีสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาถึงใบหน้าจะออกแดงเรื่อๆ แต่ก็ดูจะครองสติได้มากกว่า

“จะวันไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละเทมส์” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ปฏิเสธเสียงแข็งเพราะรู้ดีว่าการขอไปส่งบ้านไม่ได้มีจุดจบอยู่แค่หน้าประตู “บอกเป็นหนที่ร้อยแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้รักนาย”

“แต่ฉันรักนาย” ดูเหมือนคนเมาจะเริ่มเหลืออด เขาคว้าคนตัวบางกว่าดึงให้หันกลับมาและผลักติดกำแพงก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมไว้ “นายนี่ใจร้ายจังนะพลุ ทั้งที่ฉันจริงจังกับนายแท้ๆ”

ภาวัฒน์สูดลมหายใจนับหนึ่งถึงสิบ บังคับตัวเองให้ใจเย็นไม่ใช้กำลังถึงจะสู้ได้ เพราะยังไงคนตรงหน้าก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กซึ่งตอนนี้กำลังเรียนปีสองอยู่คณะวิศวะ แถมยังใจดีมาช่วยเป็นอาสาสมัครกู้ชีพหน่วยเดียวกับเขาช่วงที่ว่างอีกด้วย “ฟังนะเทมส์...”

คนเมาไม่รับฟังเขาก้มหน้าลงต่ำและพยายามจะหยุดการโต้แย้งด้วยริมฝีปาก

ปาวัสม์กำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามากมายมาจากไหนเขาเป็นหมอ ของหนักที่สุดที่เคยถือคือหูฟังแถมยังไม่ถนัดเรื่องชกต่อย แต่รู้ตัวอีกทีก็พบว่าสองขาพามายืนด้านหลังเด็กหนุ่มทั้งสอง เขาคว้าไหล่คนเมาที่ขนาดตัวสูงใหญ่กว่าและกระชากอย่างแรงจนล้มลง “หยุดนะ!”

“แกเป็นใครวะ!”

คุณหมอหนุ่มฉวยข้อมือร่างโปร่งและดึงเข้าหาตัว “ฉันเป็นพี่ชายพลุ เห็นเขาไม่กลับบ้านสักทีเลยมารับแล้วนายล่ะเป็นใคร”

“พี่ชายงั้นเหรอ” คนเมายิ้มเหยียด เขาซวนเซลุกขึ้นยืนพลางจ้องหน้าร่างสูง “คบกันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่านายมีพี่ชาย วันนี้ฉันยอมถอยก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะพลุ” แล้วกลับหลังเดินตุปัดตุเป๋ไปตามทางในลานจอดรถ

“อะไรของมันฟะ” ปาวัสม์รำพึงงงๆ อุตส่าห์เตรียมจะบู๊เต็มที่แต่คนเมากลับยอมเลิกราง่ายดายจนน่าตกใจ เขาหันไปหาเด็กหนุ่มตั้งใจจะถามให้ได้ความ แต่คนโดนช่วยกลับแกะมือเขาทิ้งและสาวเท้ายาวๆ เดินหนีไปซะนี่

“ขอบคุณที่ช่วยครับ”

“คือ... นั่น... อ้าว...” ปาวัสม์ได้สติ จึงรีบตามไปติดๆ แต่เด็กหนุ่มกลับเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องวิ่งเหยาะๆ เพื่อให้ทันกัน “นายจะรีบไปไหนล่ะพลุ รอฉันก่อนสิ”

“ขอโทษนะครับคุณหมอ” ภาวัฒน์ตอบทั้งที่ไม่ยอมหันมา “ผมก็ไม่ได้กลัวที่จะยอมรับหรอกแต่เล่นให้คนรู้จักมาเจอจังๆ ในสภาพแบบนี้ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน เพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงถูกเดินหนี เด็กหนุ่มคงกลัวเขาจะมีอคติ แต่ปาวัสม์ไม่เคยคิดเช่นนั้น ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งต้องตามไปแก้ไขความเข้าใจผิดให้ได้ “ไม่ต้องอายหรอก ใครๆ ก็เคยทะเลาะกับแฟนน่า”

คำพูดเข้าใจผิดของร่างสูงทำให้เด็กหนุ่มกระแทกฝีเท้าหยุดและหันกลับมาเผชิญหน้า

“ฟังให้ดีนะครับ” ภาวัฒน์พูดเสียงดังฟังชัด “ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนผมและถึงผมจะดูเป็นคนเจ้าชู้แต่สาบานได้ว่าจริงๆ แล้วแค่อัธยาศัยดี”

“โอเค” ปาวัสม์ยกมืออย่างยอมจำนน รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมหยุดเพราะตอนนี้เขาเริ่มหอบจนลิ้นห้อยแล้ว “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” ...แต่เรื่องเจ้าชู้นี่ไม่เชื่อนะ เจ้าเด็กแสบปากน้ำหวานเอ๊ย!... “แล้วนายก็ไม่ต้องหนีไม่ต้องอายฉันด้วย ถึงฉันจะชอบผู้หญิงและไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้ก็เถอะ แต่ฉันก็ใจกว้างพอจะยอมรับนะ”

“ขอบคุณครับ” ภาวัฒน์ลอบถอนหายใจ อายก็อายแถมยังกลัวแทบตายว่าถ้าคุณหมอหนุ่มเกิดรับไม่ได้แล้วทำเย็นชาใส่ขึ้นมาจะทำยังไง แต่นี่เล่นวิ่งตามมาแก้ความเข้าใจผิดแบบนี้เขาคงสบายใจได้ไปเปลาะหนึ่งแล้วสินะ

“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนแล้วทำไมเขาต้องพยายามจูบนายด้วยล่ะ”

“เขาชื่อเทมส์ครับ เป็นเพื่อนสนิทของผม... และเขาก็ชอบผมในความหมายนั้นด้วยทั้งที่ผมปฏิเสธไปชัดเจนแล้ว ตอนปกติเขาก็ควบคุมตัวเองได้ดีอยู่หรอกแต่พอเมาล่ะเป็นเรื่องตลอดเลย”

“มันไม่เกี่ยวกับเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นหรอก ถ้าปฏิเสธไปแล้วยังไม่ฟังก็ต่อยให้คว่ำไปเลย”

“เขาเป็นคาราเต้สายดำ” ภาวัฒน์พูดเรียบๆ “เคยเป็นแชมป์เยาวชนระดับประเทศสองสมัยซ้อน ตอนนี้ก็ช่วยพ่อที่เปิดโรงเรียนสอนอยู่ หมอปืนโชคดีสุดๆ เลยนะที่เขายังมีสติมากพอจะไม่เลือกคุณหมอเป็นคู่ต่อสู้น่ะ”

...มิน่าล่ะถึงยอมถอยง่ายเชียว...

ปาวัสม์กลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ยังไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ ถึงเขาจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักแต่อย่างน้อย ผู้หญิงที่เขามีสัมพันธ์ด้วยณ เวลานั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักล่ะ... อ่ะ! ยอมแล้ว ถึงไม่ใช่คนรักเสมอไปแต่อีกฝ่ายก็สมยอมนะ “เพราะเหตุผลแค่นั้นนายเลยยอมให้เขาจูบง่ายๆ น่ะนะ”

“ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ” คนผมสีน้ำตาลไหวไหล่อย่างไม่แยแส “หน้าตาก็ดีแถมยังโสด ถ้าจะผิดก็ตรงที่ไม่ใช่สเปคผมนี่แหละ  จูบทีสองทีเดี๋ยวเขาก็เฮิร์ทเองขอโทษเองแล้วก็กลับไปเงียบๆ เองแหละครับ”

“สรุปว่าฉันผิดเองใช่ไหมเนี่ยที่ไปยุ่งเรื่องของนาย” ปาวัสม์พูดหงอยๆ ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ก็บอกแล้วไงครับว่าขอบคุณ ใครมันจะบ้าไปจูบกับคนที่ไม่ได้รักได้บ่อยๆ ล่ะครับ” เขายกมุมปากขึ้นยิ้มนิดหนึ่ง “เอางี้! เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วย ผมขอเลี้ยงข้าวมื้อดึกนะ”

“ก็ดีสิ” ปาวัสม์รับคำทั้งที่อิ่มจนพุงปลิ้นแล้ว... แต่เจ้าเด็กแสบเสนอตัวจะเลี้ยงทั้งทีเขาจะพลาดได้ไง “เดี๋ยวจะกินให้หมดตัวเลย”

ภาวัฒน์เหลือบตามองคนพูดไม่คิดและอมยิ้มออกมาเล็กน้อย “อยากให้กินจะแย่แล้ว” เขากระซิบก่อนจะพูดด้วยเสียงปกติและชี้มือไปยังรถของตนที่จอดอยู่ถัดไปอีกสองบล๊อค “มอเตอร์ไซค์ผมจอดอยู่โน่น เดี๋ยวผมจะขับนำไปก่อน หมอปืนขับตามมาดีๆ อย่าให้หลงนะครับ”

เด็กหนุ่มก้าวขาจะออกเดินแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มมาพอควรทำให้เซไปเล็กน้อย

ฝ่ามือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขน “นายนี่ไม่ช่วยชาติประหยัดน้ำมันเลย ไปคันเดียวกันดีกว่า” ไม่พูดเปล่าคุณหมอหนุ่มยังฉุดมือดึงแกมบังคับให้เดินตามไปยังรถตนโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จัดแจงเปิดประตูจับเด็กหนุ่มโยนใส่รถ เดินอ้อมไปนั่งด้านคนขับล๊อครถเรียบร้อยแล้วจึงหันมายิ้มแผล่ “จะไปร้านไหนดี”

ภาวัฒน์อมยิ้มให้กับมุกประหยัดพลังงานตุ่นๆ ของคุณหมอหนุ่ม... เป็นคนใจดีจริงๆ เลยนะ “เอาเป็นร้านเดิมที่เราเคยไปกินด้วยกันก็ได้ครับ”

“ตามนั้น” ปาวัสม์สตาร์ทรถและขับออกไปทันที
OOOOOO

ชายหนุ่มต่างวัยสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันที่โต๊ะตัวเดิมตรงริมหน้าต่างในร้านอาหารที่พวกเขามาด้วยกันเป็นครั้งแรก  หลังจากอาหารที่ช่วยกันสั่งถูกลำเลียงลงท้องไปได้พอสมควรปาวัสม์ก็เริ่มตั้งคำถามที่ยังคงคาใจเขาอยู่

“เอ่อ... ขอโทษที่ถามตรงๆ นะพลุ แต่ตกลงนายชอบ...”

“ใช่ครับผมชอบผู้ชาย” ภาวัฒน์ตอบฉะฉานโดยไม่รอให้ถามจนจบเพราะตอนนี้มันเลยจุดวัดใจมาแล้ว

“แต่นายก็ไม่ได้ตุ้งติ้งหรือ... คือแบบว่าฉันก็เห็นนายจีบหญิงนี่”

“ผมเป็นเกย์” เด็กหนุ่มให้นิยามชัดเจนขึ้น “แล้วผมก็บอกคุณหมอไปแล้วนะครับว่าผมแค่อัธยาศัยดี”

“แบบนี้นี่เอง” ปาวัสม์พึมพำ “ถ้าเป็นเกย์ก็จะดูแมนใช่มะ... อืม...”

หัวคิ้วคนผมสีน้ำตาลแทบจะพุ่งมาขวิดกัน “ทำไมต้องสงสัยด้วยล่ะครับ ผมนึกว่าหมอปืนจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีซะอีก”

“แล้วทำไมฉันต้องคุ้นเคยด้วยล่ะในเมื่อรอบตัวฉันก็ไม่มีใครเป็นเกย์เสียหน่อย” ปาวัสม์ถามซื่อๆ ทำเอาภาวัฒน์ถึงกับสำลักน้ำ “เอ๊ะ! หรือว่าที่ห้องฉุกเฉินมีใครเป็นเกย์เหรอ... นายดูออกใช่ไหม บอกกันมั่งสิ”

“ไม่มีครับ ไม่มี” เด็กหนุ่มรีบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปาก แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ได้พูดออกไป แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณหมอช่างสงสัยคนนี้จะเผลอไปถามอะไรเปิ่นๆ แบบนี้กับใครเข้าอีก... แล้วถ้าเป็น ‘ใครคนนั้น’ เขาก็คงรู้สึกผิดไม่น้อยทีเดียว 

“ทำตัวมีพิรุธ” ปาวัสม์ชี้นิ้ว “แสดงว่าแอบชอบใครที่ห้องฉุกเฉินอยู่ล่ะสิ ถึงได้ชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่เรื่อย”

“ผมไม่นิยมจีบเพื่อนร่วมงานนะครับ” ภาวัฒน์ปั้นหน้านิ่งพูดเรียบๆ ก่อนจะลดเสียงลงเล็กน้อยคล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่า “แต่ถ้าเป็นพี่ชายล่ะก็ไม่แน่”

“หืม... เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ”

“ปล๊าววว” ภาวัฒน์ทำไม่รู้ไม่ชี้ตอบเสียงใส “ผมแค่ขำที่หมอปืนบอกว่าเป็นพี่ชายผมน่ะ... คิดได้ไงอ่ะ”

“อ้าว แล้วจะให้ฉันพูดว่าไงล่ะ ถึงเราจะหน้าตาไม่คล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้ดูวัยใกล้กันขนาดจะบอกว่าเป็นเพื่อนนี่... หรือจะให้บอกว่าเป็นแฟน”

คนถูกถามสำลักข้าวในปาก แต่คนพูดยังคงนิ่วหน้าเครียด กำลังไตร่ตรองว่าความสัมพันธ์แบบใดดีที่ตนควรหยิบยกมาใช้ในกรณีเช่นนี้

ภาวัฒน์ก้มหน้าและแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยกับความจริงจังในเรื่องไม่เป็นเรื่องของคุณหมอหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นปาวัสม์กำลังมองเขาอยู่และถามซ้ำในเรื่องเดิม

“นายว่าไง”

“เป็นพี่ชายก็พอ... ผมไม่กล้าไปแทนที่หมอนิวหรอกครับ” เด็กหนุ่มบอกเรียบๆ พลางตักกับข้าวใส่จานอีกฝ่ายเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “กินเยอะๆ นะครับคุณหมอ”

“งั้นนายก็เรียกฉันว่า ‘พี่’ สิ”

“ห๊ะ!” ภาวัฒน์สำลักเป็นรอบที่สาม คืนนี้คุณหมอช่างสงสัยมีเรื่องให้เขาเซอร์ไพรซ์บ่อยเกินไปล่ะ “ทำไมล่ะครับ”

“นายเอาแต่เรียกฉันว่าคุณหมอมั่ง หมอปืนมั่งมันฟังดูเหินห่างนี่ แถมยังดูแก่ๆ ยังไงไม่รู้... เรียก ‘พี่ปืน’ ก็พอแล้ว” ปาวัสม์เอาช้อนชี้หน้าเด็กหนุ่ม “เอ้า! ไหนลองเรียกสิ ‘พี่ปืนครับ’”

แก้มสีแทนอมสีฝาดขึ้นระเรื่อ “เอ่อ... พี่...” ริมฝีปากบางอ้าออกก่อนจะจะขบเม้มลงซ้ำแล้วซ้ำอีก ภาวัฒน์ตบปากตัวเอง ให้ตายสิ! ยังไงเขาก็เรียกไม่ได้ “ไม่เอาไม่เรียกอ่ะ มันกระดากปากแปลกๆ ผมขอเรียกหมอปืนอย่างเดิมแหละดีแล้ว”

ปาวัสม์นิ่วหน้า ...ปกติชอบทำทะเล้นมาเรียกเขาด้วยฉายาแปลกๆ หรือคำเลี่ยนๆ อย่าง ‘คุณหมอสุดหล่อ’  แถมยังกล้าใช้ ‘คุณหมอของผม’ อีก แค่ให้เรียก ‘พี่’ นี่มันยากขนาดนั้นเลยหรือฟะ ไอ้เด็กแสบนี่! ไม่เข้าใจเลยจริงๆ... 

“ก็ตามใจ”

และแล้วคืนนี้ก็เป็นอีกค่ำคืนที่ดำเนินไปอย่างสนุกสนานและยาวนาน แม้จะไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เมามาย แต่ดูท่าคนต่างวัยสองคนจะคุยกันถูกคอเกินกว่าจะต้องหันไปพึ่งสิ่งเหล่านั้น
OOOOOO   

“หมอปืนขี้เซา ตื่นได้แล้ว”

สิ้นเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นที่โปงผ้าบนตียงนุ่มในห้องพักเล็กๆ สีขาวไร้การตกแต่ง มือใหญ่ยื่นออกมาป่ายเปะปะหาโทรศัพท์ที่หัวเตียงและดึงผลุบหายเข้าไปครู่หนึ่งก่อนจะโยนมันออกมา

“วันนี้ไม่มีเวร ขอนอนต่ออีกงีบนะ”

“ตามใจครับ แต่ผมต้องไปทำงานแล้ว ถ้าหมอปืนจะออกไปผมฝากล็อคบ้านด้วยนะ”

มือใหญ่กระชากผ้าห่มเปิดออก คุณหมอหนุ่มได้สติตื่นเต็มที่ เขายกมือขึ้นปิดหน้ารู้สึกอายจนบอกไม่ถูกที่มาเผลอหลับในห้องคนอื่นอีกแล้ว

“ผมไปแล้วนะครับ”

ปาวัสม์ลดมือลงและทันหันไปเห็นคนหัวยุ่งๆ ในชุดหมีกำลังก้มๆ เงยๆ ใส่รองเท้าที่หน้าประตู “เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” มือใหญ่ดันกายลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มจึงร่นลงเผยให้เห็นแผงอกที่เปลือยเปล่า พอเริ่มสนิทสนมกันระดับหนึ่งเขาก็เลิกอายและกล้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวต่อหน้าเด็กหนุ่ม “ฉันออกไปพร้อมกันเลยดีกว่า จะได้แวะไปส่งนายด้วยเมื่อคืนนายไม่ได้เอารถมอเตอร์ไซค์กลับมานี่”

“งั้นก็รีบลุกเลยครับ ลุกกก... ผมสายแล้วนะ” ภาวัฒน์เร่ง “อ้อ ชุดหมอปืนเหม็นเหงื่อมาก ผมว่าจะซักให้แต่ขี้เกียจ เลยเอาไปผึ่งไว้ตรงระเบียงหลังห้องแทน ถ้ากลิ่นมันยังไม่ดีขึ้นก็เอาเสื้อผมไปใส่ก่อน... จริงสิ! ชุดที่ซักให้คราวที่แล้วยังไม่ได้เอาไปคืนเลย แขวนอยู่ในตู้แน่ะ หาเอาเองนะครับ”

“ขอบใจ” ปาวัสม์ลุกเดินไปยังระเบียงตามที่ภาวัฒน์บอก เขาหยิบเสื้อของตนที่อยู่บนราวตากผ้ามาดมๆ ดูแล้วก็ต้องเบ้หน้าหนี ดูท่ากลิ่นไม่พึงประสงค์นี้จะไม่ทำร้ายเขาตอนที่สวมใส่แต่เมื่อถอดออกมันช่างร้ายกาจจนแม้จะผึ่งลมมาทั้งคืนก็ไร้ซึ่งการเยียวยา

ร่างสูงจำใจเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เขากอดอกลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เพราะเจ้าของอนุญาตแล้วจึงตัดสินใจเปิดออก มันเป็นตู้ที่มีเสื้อผ้าน้อยมากในความคิดของเขาโดยเฉพาะคนใส่ยังอยู่ในช่วงชีวิตวัยรุ่นด้วยแล้ว เขาละสายตาและหันไปมองรอบๆ ห้องที่มีของใช้อยู่น้อยชิ้นจนแทบจะนับได้และไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆ เป็นพิเศษ ดูเหมือนภาวัฒน์จะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หลังรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัย

ปาวัสม์พยายามไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของเด็กหนุ่ม แต่แล้วความตั้งใจก็พังทลายเมื่อเขาหันกลับมาเห็นแฟ้มเล่มหนึ่งวางกองอยู่บนพื้นตู้ เอกสารหลายอย่างหลุดออกมา ลักษณะเหมือนร่วงลงมาจากที่ไหนสักแห่ง มือใหญ่หยิบขึ้นมาหมายจะเก็บให้แต่มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะสิ่งอยู่ในแฟ้มพร้อมใจกันเทกระจาดออกมาเกือบหมด

“งานเข้าแล้วไหมล่ะ!”

ปาวัสม์ตาลีตาลานก้มลงเก็บและค้นพบในนาทีถัดมาว่าเจ้าสิ่งนี้คือแฟ้มผลงานที่เด็กม.ปลายทุกคนต้องทำเมื่อเรียนจบการศึกษาเพื่อเตรียมไว้สำหรับการไปสอบสัมภาษณ์หรือสมัครเข้าทำงาน มันยืนยันเรื่องเล่าของเด็กหนุ่มที่มีพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่และมีผลการเรียนดีจนถึงขั้นดีมาก รวมไปถึงเรื่องตาบอดสี แต่สิ่งที่ทำเขาประหลาดใจเป็นอันมากคือคำตอบตรงช่องอาชีพในฝันของใบแนะแนวการศึกษาต่อสมัยม.ต้น

‘ทนายความ’

คิ้วหนาย่นเข้าหากันเล็กน้อย ...อยากเป็นทนายก็ดีอยู่แล้วนี่ แล้วนึกยังไงเปลี่ยนใจมาเป็นหมอล่ะ?

คุณหมอหนุ่มเก็บเอกสารเข้าแฟ้มไปเรื่อยๆ และเพลิดเพลินกับภาพถ่ายกิจกรรมของเด็กหนุ่มในอิริบทต่างๆ ตั้งแต่สมัยเป็นละอ่อนเพิ่งเข้าชั้นมัธยมจนถึงวันรับใบประกาศนียบัตรเรียนจบ รู้สึกเหมือนคุ้นเคยและเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำเหล่านั้นทั้งที่ความจริงเขาไม่เคยเจอหรือรู้จักเด็กหนุ่มมาก่อนหน้านี้แน่ๆ

จนมาถึงหน้าสุดท้ายที่ปาวัสม์พบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกตัดมาจากหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่จังหวัดเชียงใหม่ลงวันที่เมื่อหกปีที่แล้ว

เขาหยุดอ่านด้วยความสนใจ หน้ากระดาษนั้นเป็นสีน้ำตาลคร่ำคร่า กรอบบางจนเกือบจะขาดแต่ยังถือว่าอยู่ในสภาพดี จากพาดหัวข่าวและคำโปรยเล็กๆ ทำให้รู้ว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งซึ่งซิ่งมาด้วยความเร็วสูงเสียหลักล้มลง รถเก๋งที่ขับสวนมาอีกเลนจึงหักหลบกะทันหันและพุ่งไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าจนสองพ่อลูกที่นั่งมาในรถเกือบเสียชีวิต

ปาวัสม์ขมวดคิ้วด้วยความสนใจ เขาอยากจะอ่านรายละเอียดส่วนที่เหลือต่อ แต่เสียงกุกกักหน้าประตูทำให้ต้องรีบเก็บคืนแล้วโยนแฟ้มไว้ที่เดิมก่อนจะถูกจับได้ว่าแอบดูของคนอื่น และรีบคว้าเสื้อเชิ้ตที่จำได้ว่าเป็นของตัวเองออกมาสวมลวกๆ

“แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ”

“เกือบล่ะ” ปาวัสม์พยายามติดกระดุมโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่ยืนกอดออกพิงกรอบประตูมองดูเขาอยู่ “มีอะไร” เขาถามออกไปจนได้เมื่อเห็นคนหน้าเป็นเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอโทษทีนะที่ฉันมันเป็นตาลุงขี้ก้างแถมยังลงพุงอีกต่างหาก... เลิกมองได้แล้วไอ้เด็กบ้าเอ๊ย”

ภาวัฒน์เดินเข้ามาหา เขาคว้ามือทั้งสองพร้อมกับสบนัยน์ตาคม “หมอปืนกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”

“ทำอะไร” ปาวัสม์กลั้นใจนิ่ง ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น มากเสียจนเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พุ่งมาสัมผัสหน้าอก

นัยน์ตาสีดำขลับหลุบลงต่ำ เด็กหนุ่มเลื่อนมือลงไปยังกระดุมเม็ดที่เขาติดค้างไว้และเริ่มต้นแกะออกทีละเม็ด... ทีละเม็ด...

ปาวัสม์ยืนตัวแข็งทื่อ เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจจนกระทั่งกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกจากรังดุม

“อยากถอดเองหรือจะให้ผมถอด”

“จะ...” ปาวัสม์หายใจขัดขึ้นมาเสียเฉยๆ “จะดีเหรอพลุ”

“งั้นผมถอดให้นะ”

ปาวัสม์เผลอหลับตาโดยไม่รู้ตัว สัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดต้องผิวเนื้อจนขนแขนตั้งชูชัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงเผยอเปลือกตาข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือ เด็กหนุ่มกำลังสะบัดเสื้อตัวที่เพิ่งดึงออกไปจากตัวเขา

ภาวัฒน์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม “หมอปืนใส่เสื้อกลับตะเข็บ... นี่ถ้าผมไม่ทักจะรู้ตัวไหมเนี่ย ป้ำๆ เป๋อๆ จริง”

คุณหมอหนุ่มเกาศีรษะแก้เขิน นึกอายตัวเองจับจิตจับใจที่มีพลังจินตนาการยามเช้าเหลือเฟือเสียเหลือเกิน”คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง”

“แต่บางอย่างพลาดไปแล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้นะครับ” ภาวัฒน์สะบัดเสื้อโอบรอบตัวร่างสูงและช่วยเขาใส่กลับเข้าไปใหม่

“ได้สิ เมื่อรู้ว่าผิดก็แค่ถอดออกและเริ่มติดใหม่ตั้งแต่ต้น เหมือนที่นายกำลังทำให้ฉันอยู่นี่ไง”

“แล้วถ้าเกิดไอ้เม็ดที่ผิดนั่นดันติดแน่นจนแกะไม่ออกล่ะ” จู่ๆ ภาวัฒน์ก็โพล่งออกมา “คุณหมอจะทำยังไง จะปล่อยมันไปหรือตัดกระดุมเม็ดนั้นทิ้ง” มือทั้งสองสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ จนไม่อาจติดกระดุมต่อได้เมื่อภาพความผิดพลาดในอดีตที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้จู่โจมเข้ามาในหัวใจ

นัยน์ตาคมมองอย่างฉงน ทีแรกเขานึกว่าเด็กหนุ่มคิดถึงเรื่องที่ไม่อาจเรียนจนจบหมอตามที่ฝัน แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับที่หม่นแสงลงเขาก็พบว่ามีความกลัดกลุ้มอื่นอัดแน่นอยู่ในนั้น สมองประมวลภาพข่าวที่เพิ่งบังเอิญเห็นแต่ก็ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้

ถึงจะไม่เข้าใจ ทว่าความรู้สึกผูกพันบางอย่างที่เริ่มก่อเกิดในหัวใจทำให้สายตาที่ทอดมองอ่อนโยนลง “ ฉันจะหาคนช่วย” มือใหญ่ประกบทับมือที่สั่นและช่วยหยิบกระดุมเม็ดเจ้าปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง สองมือที่กุมกันไว้จับมันใส่เข้ารังดุมได้อย่างง่ายดาย “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วเห็นไหม”

สิ่งที่เต็มไม่ได้มีแค่รังดุมหากมันรวมไปถึงหัวใจบอบช้ำของเด็กหนุ่มด้วย ความผิดที่ตัวเองยังไม่อาจให้อภัยแต่ทำไมนะเมื่อมองตาคมคู่นี้เขาถึงรู้สึกราวกับมันได้รับการเยียวยา

ถึงจะแอบติดใจที่มีคนช่วยแต่งตัวแต่ถึงขั้นให้ช่วยใส่กางเกงด้วยคงไม่ไหว ปาวัสม์หยิบกุญแจรถออกมาส่งให้เด็กหนุ่ม  “ไปนั่งรอในรถเหอะ เดี๋ยวฉันตามไป”

ร่างโปร่งเดินไปจนถึงประตูและหันเสี้ยวหน้ากลับมาครึ่งหนึ่ง “อันที่จริงคุณหมอก็ยังไม่แก่หรอกนะ แถมไม่ขี้ก้างด้วยแค่แอบลงพุง” มือใหญ่เกือบจะคว้าของใกล้มือปาใส่อยู่แล้วเมื่อริมฝีปากบางพ่นประโยคสุดท้ายออกมาพร้อมกับขยิบตาให้ทีหนึ่ง “แต่ผมชอบนะ”

ปาวัสม์กำมือแน่น ไม่รู้จะขุดคำไหนมาเรียกนอกจาก “ไอ้เด็กแสบ!”
****************************************************************************************
ครึ่งแรกผ่านไป
ตอนนี้ใครที่แอบบ่นหมอปืนว่าชอบผิดนัด เขามาแก้ตัวแล้วนะคะ ถึงตอนนี้จะไม่มีใครมอมเหล้าใครก็เหอะ(เสียดายนะเนี่ย)
นี่เพิ่งครึ่งแรก อาจจะยังสงสัย... แล้วมัน 'ไม่มีทางเลือก' ยังไงหว่า?
อดใจรอครึ่งหลังนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 09-01-2015 14:03:48
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-01-2015 14:26:28
เกือบจะได้รู้แล้ว พลุเข้ามาเสียก่อน
ขอให้หมอปีนปะติดปะต่อเรื่องได้

เวลาที่หมอปีนอยู่กับพลุ ดูผ่อนคลาย มีความสุข
และดู มุ่งมิ้งดี  คนอ่าน ฟิน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 09-01-2015 14:49:27
 :กอด1: อยากบอกว่า คิดถึงน้องพลุมาก ๆ เลยค่ะ รออ่านครึ่งหลังนะคะ
ปริศนายังไม่คลี่คลาย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 09-01-2015 15:57:14
สรุปน้องพลุเป็นรับหรอคะะะ แอร๊ย  :impress2:

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 09-01-2015 16:15:15
 :katai3: :katai3: :katai3:

มาแย้วๆๆ อะจึ๋ยๆๆ    หมอวิทย์เสดผู้กอง แน่ๆๆ เลย   

รอติดตามอยู่นะครับ

 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-01-2015 16:32:25
อร๊าย   พลุรับ ท่าทางยั่วเอ๊ย*อัธยาสัย*ดีกับพี่หมอปืนมากๆเลย

หมอวิทย์เป็นเกย์เหรอ? ผีเห็นผีสินะ พลุถึงดูออก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2015 17:14:21
อยากอ่านอีกกกกกกก!!!!!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-01-2015 17:31:28
อีกความลับของน้องพลุ
อยากเผือกเรื่องรอยของหมอจิว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-01-2015 21:13:10
เหมือนว่าทั้งหมอปืนและน้องพลุจะเคยมีอดีตร่วมกัน
หมอจิวไม่น่าทำงี้เลย ไอ้คุณตำรวจนั่นไม่ได้มาดีนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 10-01-2015 02:00:23
กินเหล้าแล้วเมาอยู่ห้องพลุอีกแล้วววววววว
ข่าวอะไรกันนะแล้วมันเกี่ยวกับหมอปืนด้วยมั้ย?

บอกตรงๆถึงตอนนึ้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นพระเป็นนายเอกเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 10-01-2015 23:38:49
ความผิดพลาดในอดีตที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้ ที่ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ของน้องพลุ คืออะไร  :ling3:
หรือที่จริง อุบัติเหตุเมื่อหกปีก่อน น้องพลุ ไม่ใช่เด็กที่ติดอยู่ในรถ แต่เป็นคนขับมอเตอร์ไซด์ที่ตัดหน้าเหรอ
แต่ถ้าย้อนไปหกปี ตอนนั้นน้องพลุจะอายุเท่าไรนะ เอ... แล้วตอนนี้ น้องพลุอายุเท่าไร

ความสัมพันธ์ของสองคนนี้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ น่ารักจัง เสียดายน้องพลุน่าจะยอมเรียก พี่ปืน อ่ะ

ส่วนหมอจิว กำลังเล่นกับไฟอยู่จริง ๆ สินะ ระวัง อย่าให้ไฟลามมาเผาตัวเองและคนใกล้ตัวก็แล้วกัน


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 11-01-2015 00:42:08
คนเขียนเก็บ นิวได้ยังคะ เธอเยอะอ่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 11-01-2015 23:57:31
 :hao3: รอๆ มาได้แล้วค่าาา คิดถึงพี่หมอปืนกับน้องพลุแล้วว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: lalalo ที่ 12-01-2015 03:07:23
ปกติจะอ่านเงียบๆไม่ตอบไม่หือไม่อือ แต่เรื่องนี้ชอบจนต้องเข้ามาเม้นเลยอ่า

รออ่านตอนต่อไปนะคับ

มี god hand ด้วย เดาว่าคนเขียนเป็นแฟนการ์ตูนหมอเทรุด้วยป่าวอ่าคับ แหะๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 12-01-2015 20:17:02
ปกติจะอ่านเงียบๆไม่ตอบไม่หือไม่อือ แต่เรื่องนี้ชอบจนต้องเข้ามาเม้นเลยอ่า

รออ่านตอนต่อไปนะคับ

มี god hand ด้วย เดาว่าคนเขียนเป็นแฟนการ์ตูนหมอเทรุด้วยป่าวอ่าคับ แหะๆ
ขอบคุณมากค่าที่ชอบ~ ดีใจจัง>.<
ใช่ค่ะ เป็นแฟนเทรุ (น้องพลุด้วย เลยเป็นที่มาว่าทำไมเค้าถึงแซวหมอปืนแบบนั้น)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 12-01-2015 22:37:24
รู้สึกหวั่นใจกับคุณตำรวจยังไงก็ไม่รู้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 13-01-2015 16:17:00
หมอจิวน่าสงสาร คุณตำหนวดไม่ได้รังแกหมอจิวใช่มั้ย
คู่คุณหมอปืนกับน้องกู้ภัย ไม่กล้าจะเดาว่าใครจะรับใครจะรุกเลย
สลับกันดีไหม ฮ่าๆๆๆ อ่านแล้วให้ฟีลคิกขุกันทั้งคู่ หรือพวกนางจะะเป็นเบี้ยน ฮ่าๆๆๆ
คุณหมอก็ขี้อ่อย น้องพลุก็ขี้อ่อย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-01-2015 23:21:46
หมอไม่ขี้กางหรอ มโนๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 14-01-2015 00:04:49
เพิ่งอ่านได้ตอนเดียวแต่น่าติดตามมาก ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาตามนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 14-01-2015 23:40:11
ใครกันนะ  ผู้มีพระคุณ  คนนั้น
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งแรก) [09/01/58] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 17-01-2015 11:03:47
บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ)

“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน” ภาวัฒน์โบกมือทักทายเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินทุกคนอย่างร่าเริง ก่อนจะไปจบลงที่พยาบาลสาวหน้าเคาน์เตอร์ เขายกถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ถุงใหญ่ส่งให้ “สวัสดีครับพี่ชโลธรคนสวย เวรเช้าเหรอครับ นี่ของฝาก แบ่งๆ กันทานนะครับ”

“ถ้าไม่เข้าเวรคงไม่มานั่งทำสวยอยู่ตรงนี้หรอกค่ะ” ชโลธรตอบ ตั้งแต่ภาวัฒน์ปฏิรูปหน้าตาตัวเองให้ดูน่าคบหาเธอก็ยอมญาติดีกับเขาขึ้นมาทันที “แล้วก็ขอบใจนะจ๊ะ ตอนนี้พี่กำลังหิวพอดี เคสยุ่งแต่เช้าเลย พี่ขอร้องน้องพลุวันนี้อย่าขยันไปรับคนไข้มาเยอะนะจ๊ะ... น้า”

“ขอร้องผมไม่ได้หรอกครับ ผมก็ทำไปตามหน้าที่”

“ว่าไงพลุ” ชายวัยกลางคนในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา “มาถึงก็หว่านเสน่ห์เชียวนะ”

“สวัสดีครับหัวหน้า” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “กินข้าวเช้ามาหรือยังครับผมซื้อน้ำเต้าหู้ร้านเจ้าประจำมาฝาก”

“โดนไปเรียบร้อยล่ะ ขอบใจมาก” หัวหน้าตบไหล่อย่างเอ็นดู “เออ ฉันมีข่าวร้ายจะมาบอก เรื่องงานวิทยากรที่เชียงใหม่อาทิตย์นี้น่ะฉันคงไปกับนายไม่ได้แล้วล่ะพอดีแม่ยายป่วย ต้องทำหน้าที่ลูกเขยที่ดีพาเมียกับลูกไปเยี่ยม” เขาบอกด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ไปเป็นไรครับ ผมไปกับพี่หนึ่งแค่สองคนก็ได้”

“เจ้าหนึ่งก็ติดธุระด่วนเหมือนกัน” หัวหน้าเสียงเครียดยิ่งกว่าเดิม “เมียเพิ่งคลอดลูกเมื่อเช้า แล้วจู่ๆ จะให้ไปทำงานไกลๆ ตั้งหลายวันมันก็... นะ แต่ไม่ต้องห่วงฉันหาคนมาแทนได้แล้วคนนึง”

“ได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับ”

“ดีๆ” หัวหน้าตบบ่าเด็กหนุ่มอย่างโล่งอก “ศุภพัฒน์เองก็ยังเป็นแค่อาสาสมัครมือใหม่อยู่เลย จะปล่อยไปกับนายสองคนก็ห่วงอยู่แต่ถ้านายไม่ว่าอะไรฉันก็ค่อยเบาใจหน่อย ฝากนายดูแลเขาด้วยแล้วกันนะ”

ภาวัฒน์ตาโต “หัวหน้าว่าใครจะไปกับผมนะครับ”

“ก็ศุภพัฒน์เพื่อนนายไง... นี่เขาอาสามาช่วยเองเลยนะ”

 “งานนี้จะต้องสนุกแน่ๆ เลยนายว่าไหม” เสียงทุ้มดังขึ้น แล้วร่างสูงใหญ่ในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มอีกคนก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา

ภาวัฒน์พูดไม่ออก แค่รู้ว่าต้องกลับบ้านเกิดเขาก็เต็มกลืนแล้วแต่ก็พยายามคิดว่ามันเป็นงาน เขาจะไม่เที่ยว ไม่ออกจากโรงแรมไปไหนเพื่อลดความเสี่ยงที่ต้องเจอ ‘คนๆ นั้น’ แต่ถ้าให้เพื่อนสมัยเด็กคนนี้ไปด้วยแผนการที่วางไว้ต้องล่มไม่เป็นท่าแน่ๆ   

“นั่นนายมาทำอะไรที่นี่น่ะ” คุณหมอหนุ่มที่หอบชุดใส่แล้วออกมาจากห้องพักแพทย์เพื่อเอากลับไปซักที่บ้านเดินผ่านมาพอดีร้องด้วยความตกใจที่เห็นคนเมาเมื่อคืนสวมชุดหมีกอดคอหยอกล้อกับเด็กหนุ่มอยู่

คนตัวโตยิ้มกว้างให้คนในอ้อมแขนก่อนจะหันไปหาปาวัสม์และยกมือไหว้ “ผมเป็นเพื่อนสนิทพลุชื่อศุภพัฒน์หรือจะเรียกเทมส์ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับว่าแต่... คุณลุงเป็นใครเหรอครับ”

เปิดศึกชัดเจนด้วยสรรพนามที่เจตนาให้รู้ว่าเขาสนิทกับภาวัฒน์มากจนรู้ว่าผู้ชายคนนี้โกหกเรื่องเป็น ‘พี่ชาย’ และจงใจตอกย้ำว่าระหว่างพวกเขามันช่าง ‘ต่าง(วัย)’ กันสุดๆ

“เรียกพี่ก็พอมั้ง” ปาวัสม์เหยียดยิ้มการฑูตตอบกลับไปได้อย่างแนบเนียนพร้อมกับตบบ่าคนอายุน้อยกว่าแต่ดันตัวโตกว่า... มีเด็กป่วนโผล่มาอีกคนแล้วเหรอเนี่ย “พี่ชื่อปืนเป็นหมอที่นี่”

“ครับ อาหมอ” ศุภพัฒน์ยอมลดลงให้หน่อยนึงเพราะคนในชุดหมีที่ยืนอยู่ข้างกันมองเขาตาเขียวปัด

“พวกนายสองคนไหวแน่นะ” หัวหน้าหน่วยกู้ชีพพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อดูท่ายังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่

“มีปัญหาอะไรกันครับหน้าเครียดเชียว หรือเจ้าแสบนี่ไปก่อเรื่องอะไรไว้”

“เรื่องงานวิทยากรน่ะครับคุณหมอ” หัวหน้าบอก “พอดีผมกับลูกน้องอีกคนดันติดธุระ งานมีอาทิตย์นี้แล้วด้วย ไปตั้งสามวัน แถมยังไกลถึงเชียงใหม่แน่ะ ตอนนี้เลยกำลังกลุ้มใจอยู่ว่าจะหาใครไปเป็นเพื่อนเจ้าพลุมันดี นี่เพิ่งได้เจ้าศุภพัฒน์มาช่วยแค่คนเดียวเอง... แต่ของมันเยอะแถมคนฟังยังเป็นเด็กม.ปลายร่วมสองร้อยคนแน่ะ ถ้าได้คนเก่งๆ เป็นงานมาช่วยอีกสักคนก็แจ่มเลย”

คำว่า ‘คนเก่งๆ เป็นงาน’ ที่ลอยมากระทบหูเหมือนจะเป็นคำขอร้องแกมบังคับยังไงพิกลแต่สิ่งที่ทำให้ปาวัสม์ตัดสินใจเด็ดขาดคือภาพเด็กหนุ่มในชุดหมีสองคนที่ยืนตัวติดจนแทบจะสิงกัน “งั้นให้ผมช่วยนะครับ”

“แต่อาทิตย์นี้หมอปืนเข้าเวรยาวสามวันรวดเลยไม่ใช่เหรอครับ”

...แล้วนั่นนายมารู้ตารางเวรฉันได้ไงน่ะ ขนาดฉันเองยังจำไม่ได้เลยนะ!?...

เขาหรี่ตามองคนผมน้ำตาลที่เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดอะไรมีพิรุธออกมาจึงแกล้งทำเป็นผิวปากไม่รู้ไม่ชี้

“ไม่รบกวนคุณหมอแน่นะครับ” หัวหน้าย้ำให้แน่ใจ

“ไม่ไปก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ” ศุภพัฒน์กระซิบลอยลม

ปาวัสม์นึกหมั่นไส้จนอยากจะกระโดดเบิ๊ดกะโหลกคนตัวโตสักที “ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้” เขาฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่ เรื่องเวรไว้ค่อยไปปวดหัวทีหลัง เพราะตอนนี้ความต้องการเอาชนะมันมีมากกว่า ใครจะไปยอมปล่อยให้เจ้าเด็กแสบนี่ไปกับเจ้าเพื่อนตัวดีนั่นสองต่อสองกันล่ะ!

“ท่าทางน่าสนุกเชียว ขอนิวไปด้วยคนได้ไหมคะ” เสียงหวานแทรกขึ้นพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงที่หยุดลงข้างกายร่างสูง มือเรียวเอื้อมมาคล้องแขนอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

“ไม่มีปัญหาครับคุณหมอ” หัวหน้ายิ้มแก้มปริที่เห็นคุณหมอสาวสวยอีกคนมาช่วยขันอาสา

“เอ่อ... นิวจะไปได้หรือจ๊ะตั้งสามวันเลยนะ” ปาวัสม์ท้วงเบาๆ พร้อมทั้งพยายามแกะมือรชญาออกแต่มันกลับจับเขาแน่นยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกเสียอีก

“พี่ปืนไม่อยากให้นิวไปด้วยเหรอคะ” รชญาย้อนถามเสียงเครียดก่อนที่หน้าหวานๆ จะหม่นลงและพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “น่าเสียดายจังที่นิวคงไปกับพี่ปืนไม่ได้...” นัยน์ตากลมโตตวัดมองคนผมสีน้ำตาลพร้อมกับริมฝีปากสีกุหลาบกระตุกมุมขึ้นยิ้ม “ยังไงก็ฝากน้องพลุดูแล ‘พี่ปืนของพี่’ ด้วยนะจ๊ะ”   
OOOOOO

“เคสเตียงสี่ไม่มีปัญหาอะไรแล้วให้กลับบ้านได้เลยนะ ส่วนเตียงห้าน่าจะเป็นไส้ติ่ง ให้น้องตามหมอศัลยกรรมมาดูแล้ว”
ปาวัสม์พูดโทรศัพท์พลางเปิดสมุดโน้ตเพื่อส่งต่ออาการผู้ป่วยซึ่งยังคงตกค้างอยู่ที่ห้องฉุกเฉินในเช้าวันนี้ ในขณะที่ตัวเขาพร้อมเป้หนึ่งใบกำลังนั่งหาวอยู่หน้าเคาน์เตอร์เชคอินสำหรับผู้โดยสารขาออกที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรอขึ้นเครื่องเดินทางไปให้ความรู้เรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้นกับภาวัฒน์ โดยมีจุดหมายปลายทางคือจังหวัดเชียงใหม่

และผู้ช่วยชีวิตในนาทีเวรแน่นวิกฤตเช่นนี้ก็ไม่ใช่พระเจ้าหรือเทวดาที่ไหนแต่เป็นวิทยาเพื่อนรักของเขาเองที่ยอมควงเวรสามวันรวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองชั่วโมงรวดเพื่อให้เขาได้ไปช่วยงานเด็กหนุ่มตามใจต้องการ

“ขอบใจมากนะจิว ถ้ามีอะไรโทรหาได้ตลอดเลยนะแล้วจะซื้อของไปฝาก... ไม่เอาเหรอ... ขอเป็นเลี้ยงเหล้าแทน ได้ๆ ไม่มีปัญหาแล้วไว้คุยกันนะ ขอบใจอีกทีนะจิว”

จบสายปาวัสม์ก็โยนโทรศัพท์ทิ้งข้างตัวอย่างเหนื่อยล้าจากการอดนอนทำงานมาทั้งคืน เขาถอดแว่นออก หลับตาลงและกำลังใช้นิ้วโป้งนวดหัวตาให้ผ่อนคลายพลันนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องโวยวายโรงพยาบาลแตกแน่ๆ ถ้าไม่โทรหาก่อนเครื่องออก ปาวัสม์สะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรงและคว้าโทรศัพท์มากดอีกครั้ง
ปลายสายรับในชั่วอึดใจ

“อุ้ม” เขาพยายามทำเสียงให้หวานที่สุดเพราะดูท่าคนรับจะเพิ่งตื่นและไม่อยู่ในอาการอยากคุยเท่าใดนัก แต่เขาต้องชิงลงมือช่วงนี้ล่ะเพราะถ้านุชนันท์ได้สติเต็มที่เขาอาจต้องฟังเธอบ่นยาวทีเดียว “ตอนนี้อยู่สนามบินแล้ว รอเชคอินอยู่... ไปเชียงใหม่ สามวันกลับ เธออยากกินไร เอาแคปหมูน้ำพริกหนุ่มนะ... ไส้อั่วด้วย ได้ๆ เดี๋ยวซื้อไปฝากห้าโล... ไม่พอเหรอ! โอเคๆ สิบโลก็สิบโลจ๊ะ จ้า... ถึงแล้วจะโทรหา งั้นแค่นี้นะจ๊ะ”

คุณหมอหนุ่มกดวางสายและถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหลับตาเอนหลังพิงพนัก เขาเผลอไผลหลับไปจึงไม่ทันรู้ตัวว่าใครคนหนึ่งย่องมายืนอยู่ข้างหลัง ใครคนนั้นจึงแกล้งกระโดดตะครุบไหล่อย่างแรงเพื่อปลุกให้เขาตื่น

“แฮ่!!!”

ปาวัสม์สะดุ้งสุดตัวจนเกือบไถลตกเก้าอี้ “ตกใจหมด เล่นอะไรเนี่ย” มือใหญ่ฟาดเข้าที่ไหล่เด็กหนุ่มไปทีนึง

“หมอปืนอยากเปิดช่องว่างนั่งหลับเองทำไมล่ะ”

“ช่วยไม่ได้ก็คนมันง่วงนี่ เมื่อคืนโคตรยุ่งเลย” พูดจบปาวัสม์ก็หาวปากกว้างอย่างควบคุมไม่ได้

“นี่ขนาดผมไม่ได้เข้าเวรนะเนี่ย” ภาวัฒน์แซว “งานนี้โทษผมไม่ได้ล่ะ หมอปืนดวงยุ่งเองนะ เดินไปทางไหนงานเข้าตลอด... เอ๊ะ! แบบนี้ผมต้องระวังแล้วสิขืนอยู่ใกล้คุณหมอมากๆ ติดเชื้อความซวยไปล่ะแย่เลย”

“ปากดีนักนะมานี่เลย” ปาวัสม์คว้าตัวเด็กหนุ่มมาล็อกคอจากด้านหลังและใช้กำปั้นกดหนักๆ ที่ข้างขมับ “คนที่ซวยน่ะฉันต่างหาก”

“โอ๊ย! หมอปืน มันเจ็บนะครับ”

“สองคนเล่นอะไรกัน” ศุภพัฒน์ร้องขัดขึ้นพร้อมทั้งโบกมือทักทายอย่างอารมณ์ดี

“สวัสดีเทมส์” ปาวัสม์กำลังจะพยายามตัดอารมณ์ขุ่นมัวแกมหมั่นไส้คนตรงหน้าทิ้งไปพร้อมทั้งยิ้มทักทายเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกสามวัน ถ้าคนตัวโตไม่มาดึงตัวภาวัฒน์จากอ้อมแขนเขาไปกอดเสียก่อน

“ไม่เจอกันตั้งสามวันคิดถึงนายที่สุดเลยพลุ”

...แต่ตอนนี้กระผมหมั่นไส้เอ็งเป็นบ้าเลยครับ...

“ของมีเท่านี้ใช่ไหม” ศุภพัฒน์กวาดสายตาดูสัมภาระต่างๆ ซึ่งมีแค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่ใส่รวมทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์การสอนทั้งหมดไว้ “งั้นเรารีบไปกันเถอะ”

ภาวัฒน์เหลือบมองร่างสูงที่ยืนดูอยู่ หัวคิ้วที่ย่นจนแทบจะชนกันทำให้เขาเกิดนึกอยากลองเล่นอะไรดูสักหน่อย เขาหันไปยิ้มกับคนตัวใหญ่กว่าและยกมือขึ้นกอดตอบ “ไปกันเถอะ”

ตอนนี้ดูราวกับศุภพัฒน์จะยึดตัวคนผมน้ำตาลไว้คนเดียวและปาวัสม์ก็กลายเป็นส่วนเกินที่ได้แต่เดินตามหลังมาเงียบๆ “นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะที่จะได้ไปสอนนอกสถานที่แถมยังเป็นเด็กอีก แค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว”

“ไม่เกินความสามารถนายหรอก” ภาวัฒน์ตอบ “เนื้อหาก็พื้นๆ ที่ยากน่ะคงเรื่องรับมือเด็ก ซึ่งนายคงสบายอยู่แล้วปกติที่บ้านก็รับสอนเด็กอายุประมาณนี้นี่”

“แต่ถ้าเกิดเด็กมันดื้อฉันก็ไม่มีสิทธิ์สั่งวิดพื้นแบบในคลาสนี่หว่า แล้วถ้ายิ่งร้องไห้งอแงขึ้นมาฉันคงทำอะไรไม่ถูกเลย”

“จะบ้าเรอะ! เด็กม.ปลายที่ไหนจะมางอแงวะ “

“เออใช่ ฉันก็ลืมไป”

แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะคิกคักไปด้วยกัน

ปาวัสม์มองภาพตรงหน้ารู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจอย่างอธิบายไม่ถูกมันเจ็บแปลบคล้ายๆ กับอาการหัวใจขาดเลือด เขายกมือกุมหน้าอกกำลังคิดโทษข้าวขาหมูจานใหญ่ที่ซัดไปก่อนมาก็พอดีกับมีสายเรียกเข้า เขารีบกดรับทันทีที่เห็นชื่อบนหน้าจอ รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ตัวเองลืมคนสำคัญที่สมควรโทรหาอีกคนไปเสียสนิทเพราะรชญายื่นคำขาดสั่งให้เขาโทรศัพท์หรือส่งข้อความหาสามเวลาหลังอาหารเป็นอย่างน้อย หรือจะทุกชั่วโมงได้เลยยิ่งดี 

“ครับนิว ตอนนี้เชคอินแล้วกำลังเดินไปขึ้นเครื่อง... อืม ถึงแล้วจะโทรหานะ “ พูดไปพลางปาวัสม์ก็เหลือบมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่หยุดยืนรอ เขากำลังจะกดวางสายอยู่แล้วเมื่อสายตาสบเข้ากับอ้อมแขนของคนตัวโตที่ยังโอบหลวมๆ อยู่รอบเอวร่างโปร่ง สายตาคมเลื่อนขึ้นสบตาคนถูกโอบโดยอัตโนมัติ เขากระซิบถ้อยคำหวานก่อนจะกดวางสาย “รักนะครับนิว”

“น่ารักจังเลยนะครับเวลาอาหมอคุยกับแฟน” ศุภพัฒน์ยิ้มมีเลศนัยน์พลางหันไปหาคนในอ้อมแขนที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งยังเบี่ยงตัวออกห่างก่อนจะหันไปสาละวนเช็คกระเป๋าเป้ที่จะนำขึ้นเครื่องและตั๋วเครื่องบินทั้งที่ไม่จำเป็น

“รีบขึ้นเครื่องกันเถอะแถวเริ่มสั้นแล้ว” ภาวัฒน์ตัดบท เจ็บแปลบที่หัวใจกับแผนลองใจแบบเด็กๆ ของตัวเองแล้วโดนย้อนกลับเข้าอย่างจัง... เล่นเองเจ็บเอง ไม่มีสิทธิ์โทษใคร

“พลุนั่งตรงไหน ฉันได้ที่นั่งติดทางเดินน่ะ” ศุภพัฒน์ถาม

ภาวัฒน์หยิบตั๋วตนเองขึ้นมาดูอีกครั้ง “ของฉันติดหน้าต่าง”

คนตัวโตมีสีหน้าผิดหวังอย่างไม่ปิดบังเพราะคิดมาตลอดว่าต้องนั่งติดกัน “งั้นใครนั่งตรงกลางล่ะ?”

“ก็ฉันไง!” ปาวัสม์เบียดตัวเข้ามานั่งที่ตน ในที่สุดสองคนนี้ก็ออกจากโลกส่วนตัวและรับรู้สักทีว่ามีเขาร่วมเดินทางมาด้วย
ภาวัฒน์หลุดขำออกมาเล็กน้อย “ดีแล้วนั่งข้างกัน จะได้สนิทๆ กันไว้”

“อืม” ทั้งสองรับคำทั้งรอยยิ้ม หากในใจคิดตรงกันเป็นครั้งแรกว่า

...ใครเขากันอยากสนิทกับนาย/ลุงกัน!!!...

“เป็นอะไร หน้าเครียดเชียว กลัวความสูงเหรอ” ปาวัสม์กระซิบถามเมื่อเห็นคนหน้าทะเล้นเอาแต่นั่งเงียบกุมมือตัวเองแน่น ในขณะที่คนตัวโตหลับปุ๋ยตั้งแต่เครื่องเริ่มเทคออฟแล้ว

“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม “แค่รู้สึกไม่ค่อยดี”

ปาวัสม์หันไปส่งสัญญาณเรียกแอร์โอสเตสสาวในชุดกระโปรงสั้นสีส้มอ่อน “ขอน้ำหน่อยครับ”

แอร์โฮสเตสสาวยิ้มและเพียงอึดใจเธอก็กลับมาพร้อมสิ่งที่เขาขอ “หลานชายไม่สบายเหรอคะ”

ปาวัสม์สะดุ้งเฮือก “ไม่ใช่หลานหรอกครับ เพื่... เอ่อ น้องชายกับเพื่อนน่ะครับ”

นัยน์ตาคมเหลือบมองเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งขนาบข้าง แม้อายุจะไม่ห่างกันจนดูเหมือนพ่อกับลูกแต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงขนาดจะให้บอกเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่ที่น่าแปลกคือทำไมเขาต้องตกใจและหงุดหงิดแบบนี้ด้วย ทั้งที่แค่โดนทักว่าเป็นอากับหลาน เขาแค่ไม่ชอบใจที่โดนหาว่าแก่ใช่ไหม... ใช่! มันต้องใช่แน่ๆ เพราะเขายังไม่แก่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย

“เอ่อ... ขอโทษค่ะ พอดีดิฉันได้ยินน้องอีกคนเรียกคุณว่าคุณอาน่ะค่ะ “แอร์โฮสเตทสาวรีบยกมือขอโทษ “น้องชายคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ รู้สึกคลื่นไส้หรือไม่สบายยังไงบอกดิฉันได้นะคะ”

ปาวัสม์เหลือบมองศุภพัฒน์ด้วยความหมั่นไส้ นึกอยากจะแกล้งปลุกมาตีเสียให้เข็ดแต่คงจะเข้าข่ายผู้ใหญ่รังแกเด็กและมันก็ไม่เท่เอาเสียเลยที่จะมาหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เขาจึงทำได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่และหันไปยิ้มให้แอร์โฮสเตทสาว “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกและหันมาส่งน้ำให้ภาวัฒน์

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มรับน้ำไปดื่มแต่สีหน้ายังไม่สู้ดีนัก

ปาวัสม์ลอบสังเกตคนปากแข็ง

...แปลกแฮะ! ทำตัวหลุกหลิกชอบกล... ไหนว่าบ้านเกิดอยู่เชียงใหม่ไง กลับบ้านทั้งทีทำไมไม่เห็นดีใจ? แล้วนี่ฉันอุตส่าห์หลวมตัวไปด้วยเชียวนะ ตัวแสบอย่างนายควรจะต้องทำหูตั้งเข้ามาพันแข้งพันขาชวนไปเที่ยวบ้านเซ่! แล้วไหงถึงได้หงอยเหมือนลูกหมาโดนวางยาเบื่อแบบนี้ล่ะ! แบบนี้ฉันก็พลอยเซ็งไปด้วยสิ!!...

“อยากได้อะไรอีกไหม”

“ไม่ล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบเนือยๆ “ผมขอนอนหน่อยดีกว่า หลับสักงีบตื่นมาคงดีขึ้น”
OOOOOO

“ทำไมหมอปืนตาโหลเป็นหมีแพนด้าอดนอนแบบนี้อ่ะ” เด็กหนุ่มแซวร่างสูงที่ยืนหน้าเหี่ยวเป็นซอมบี้ขณะรอรับกระเป๋าหน้าสายพานของส่วนผู้โดยสารขาออกที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ซึ่งคราคร่ำไปด้วยผู้คน และศุภพัฒน์ขอตัวไปคุยโทรศัพท์อีกทาง

...ยังมีหน้ามาถาม มันความผิดใครล่ะฟะ!...

ย้อนกลับไปบนเครื่องบิน หลังจากที่เด็กหนุ่มบอกว่าจะนอน เขาก็ผล็อยหลับไปจริงๆ ปาวัสม์จึงค่อยเบาใจและกำลังจะปิดตาลงเพื่อพักผ่อนบ้างเมื่อได้ยินเสียงตุบ! กระทบกับผนังเครื่องบินเป็นจังหวะ

เขาหรี่ตาขึ้น เห็นคนหลับง่ายนั่งคอพับคออ่อนเอาศีรษะโขกผนังแล้วนึกสงสารขึ้นมาจับใจจึงช่วยดึงตัวขึ้นมานั่งพิงเบาะดีๆ แต่จนแล้วจนรอดศีรษะที่ประกอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั้นก็พุ่งไปชนกับผนังเครื่องบินซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับมีแรงดึงดูดเข้าหากัน

ปาวัสม์ถอนหายใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่... ให้รักษาคนไข้อาการหนักเขายังมั่นใจว่าทำได้ดีกว่ารับมือกับเด็กแสบคนนี้อีก ในขณะที่กำลังเกาหัวแกรกคิดไม่ตกเขาก็นึกได้ว่าครั้งหนึ่งภาวัฒน์เคยหลับบนไหล่เขาหน้าห้องฉุกเฉินมาแล้ว

นัยน์ตาคมเหลียวดูคนข้างตัวที่เอาหัวโขกผนังอีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปรั้งใบหน้าสีแทนกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย

คุณหมอหนุ่มยิ้มอย่างพึงใจกับวิธีการแก้ปัญหาสุดเจ๋งของตัวเอง เขาปิดตาลงและกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราเมื่อเรือนผมสีน้ำตาลที่อยู่บนบ่าเริ่มขยับเบาๆ และทิ่มแก้มให้เขาจั๊กจี๋เล่น หนำซ้ำจมูกยังพ่นลมหายใจอุ่นๆ รดลงบนไหล่ผ่านไปจนถึงหน้าอก

ก้อนเนื้อในช่องอกที่เรียกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นัยน์ตาคมหรี่มองใบหน้าไร้เดียงสาที่หลับปุ๋ยอยู่ นึกอยากแกล้งปลุกขึ้นมาด้วยการ... ด้วยการ...

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน ...เขาจะปลุกด้วยวิธีไหนกันล่ะ?

ทั้งที่ยังคิดไม่ออกแต่รอยริ้วสีแดงกลับพาดขึ้นเต็มสองแก้ม ปาวัสม์ยกมือขึ้นกุมหน้าผากนึกอยากเอาปืนจ่อหัวตัวเองที่คิดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มผ่านนิ้วมือตัวเองที่ยังใช้ปิดหน้าไว้ เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ คลอเคลียอยู่ข้างแก้มอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด โดยเฉพาะริมฝีปากได้รูปที่คอยหาเรื่องเขาได้ตลอดนั่นอีก

ฝ่ามือใหญ่ปล่อยการเกาะกุมจากหน้าผากและเลื่อนเข้าหาดวงหน้าสีแทน ปลายนิ้วแตะเบาๆ ลงบนกลีบปากล่างที่เผยอรับสัมผัสเขาเล็กน้อย

ปาวัสม์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอพร้อมกับชักมือกลับและตัดสินใจถ่างตาไม่ให้หลับตลอดการเดินทาง

****
“ก็คนบางคนเล่นมาหลับน้ำลายยืดแหมะๆ อยู่บนไหล่ ใครมันจะไปหลับลงล่ะ” ปาวัสม์กอดอกทำเป็นดุ “ปวดไปหมดแล้วเนี่ย”

“โอ๋ๆ อย่าโกรธกันเลยน้า... มามะผมนวดให้”

“ไม่ต้องมาเอาใจเลย ว่าแต่เราจะไปพักที่ไหนกัน”

“หัวหน้าผมจองโรงแรมเอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเราโบกรถกระป๋องไปกัน”

พูดจบภาวัฒน์ก็รีบวิ่งออกไปที่ริมฟุตปาธ เขากำลังจะโบกรถแดงที่เห็นวิ่งมาแต่ไกลเมื่อรถกระบะคันหนึ่งแล่นปราดเข้ามาปาดจอดตรงหน้า ร่างโปร่งผวาหลบจนเกือบล้มลงกับพื้น “เฮ้ย! ขับรถภาษาอะไรเนี่ย”

“เป็นอะไรหรือเปล่าพลุ” ปาวัสม์รีบวิ่งเข้ามาช่วยแต่ดูท่าคนผมน้ำตาลจะพร้อมบู๊ยิ่งกว่าเขาเสียอีก

“ไม่ได้ดูคนเลย ใบขับขี่นี่ซื้อมาหรือไง!” ภาวัฒน์ถกแขนเสื้อ ตั้งท่าเท้าเอวเตรียมโวยวายเอาเรื่องเต็มที่ เมื่อคนขับเปิดประตูรถพรวดแล้วรีบวิ่งมาขอโทษขอโพย

“ขอโทษครับคุณพลุ ผมบ่ได้ตั้งใจ๋ครับ”

เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจและคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อกับสำเนียงเชียงใหม่แท้ๆ ที่เรียกชื่อตน เขาหันไปพบกับชายสูงอายุคนหนึ่งในชุดเสื้อม่อฮ่อมผูกผ้าขาวม้า “ลุงเสริม!” มือที่กำหมัดคลายออกเป็นกระพุ่มไหว้ทันที “ไม่เป็นไรครับลุง ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแค่ตกใจนิดหน่อยเองครับ”

ชายสูงวัยคนนี้เป็นคนสวนบ้านศุภพัฒน์ จึงเป็นเรื่องน่าแปลกอย่างยิ่งที่จู่ๆ เขาจะขับรถมาแถวสนามบิน

“บ่เป็นหยังกะดีแล้วน้อง” ลุงเสริมยกมือทาบอกโล่งใจ “ของคุณพลุอยู่ตี้ไหนครับผมจะจ้วยขนขึ้นรถ”

“ลุงพูดเรื่องอะไรน่ะครับ” ภาวัฒน์เริ่มใจคอไม่ดีเพราะสิ่งที่เป็นกังวลกำลังจะกลายเป็นความจริงเมื่อเสียงศุภพัฒน์ตะโกนมาจากทางด้านหลังย้ำชัดถึงสิ่งที่คิดไว้ เขาเพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จและกำลังเดินออกประตูสนามบินมา

“ของอยู่นี่ครับลุง ขนขึ้นรถได้เลย”

“เทมส์นี่มันเรื่องอะไรกัน” ภาวัฒน์ถามเสียงเครียด

“ขอโทษทีว่ะพลุ “ศุภพัฒน์ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “พ่อจอมเผด็จการของฉันน่ะสิ แค่ฉันบอกว่าตอนนี้มาทำธุระกับนายที่เชียงใหม่เลยจัดการโทรไปแคนเซิลที่พักแล้วส่งลุงเสริมมารับนี่แหละ พ่อเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้เอง เห็นทีงานนี้เราคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”
**********************************************************

บทที่ 5 จบแล้ววววววววววววววววว
ส่งสองหนุ่มไปไกลๆ น้องนิวได้เรางี้โคตรโล่งงง(จิงอ่ะ)
ขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆ นะคะทั้งในนี้และลับหลังในเฟส/ทวิต :-[ (อินี่ก็เผือกไปเจอเนอะ555) (ทำงานมาเหนื่อยๆ เจอแต่ละเมนท์ที่เรียงกันเกือบได้หนึ่งตอนนี่กำลังใจมาเต็ม เคยนั่งอ่านยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังบนสาย8 จนกระเป๋ารถมองด้วยหางตาแล้วสไสลด์ตัวห่างไปสามก้าวอ่า...)
อาทิตย์หน้าเลกกี้คงไม่ได้ลงตอนใหม่นะคะ พอดีติดธุระ(ผช.)(ที่เกาหลี) เดินทางอังคารนี้กลับต้นเดือนกพ.เลย
และหลังจากนี้จะขออัพอาทิตย์เว้นอาทิตย์นะคะ(เหตุผลด้วยงานที่ยุ่งมาก ขอโทษจริงๆไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ -_/l\_- )
ปล. อ่านถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงหมั่นไส้น้องเทมส์...แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินเค้าเลยนะคะ เพราะจิงๆแล้วเค้าน่ารำคาญกว่านิว... แป่วววว ไม่ใช่ล่ะ!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2015 12:12:28
รอดูเรื่องยุ่งของพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 17-01-2015 12:38:25
 :katai5: :katai5:

พลุ เสน่ห์แรงน่ะนิ

 :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 17-01-2015 14:01:00
เทมส์นี่มีอะไรแอบแฝงฮึนิ  :hao3:
ขอให้ทริปนี้พลุกับหมอสวี่วี้วีกันจนลืมเทมส์ไปเลยนะ เชอะะ

รอตอนต่อไปค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-01-2015 14:06:52
หมอปืนเริ่มชัดล่ะ  นิวเองก็มองออกแล้วสิ  ปืน - พลุนะ  เทมส์ก็พยายามเหลือเกิน เราว่าอาหมอกับน้องพลุมุ๊งมิ๊งดี

พลุเป็นเด็กบ้านเฮาตวย?  อิจฉาอุ้มที่จะได้ไส้อั่ว 10 โล  กลับบ้านครั้งนี้จะรู้อดีตของพลุมากขึ้นหรือเปล่าหนอ?

ป.ล  คุณคนเขียนคะ ลงหัวข้อเป็น บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก (ครบ, จบตอน หรือ 100%) แทนได้ไหมคะ? เขียนว่าจบสะดุ้งทุกที เหมือนกับว่านิยายจบแล้ว ขอโทษที่เรื่องมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-01-2015 15:40:56
หมอปืนนี่ยังไง แฟนก็ยังมีเป็นตัวเป็นตน นี่วิ่งตามพลุมาถึงเชียงใหม่ จับปลาสองมือเหรอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 17-01-2015 16:11:04
เอ๊ะๆ หมอปืน กับ เทมส์ ก็พอได้เหมือนกันนะเนี่ย  :mew3:  :mew3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-01-2015 16:13:54
โหยยยยยย เรื่องเริ่มซับซ้อนนนน :katai1:
และหมอปืนก็หวั่นไหวมากๆ แม้จะยังไม่รู้ใจตัวเองก็ตาม
รอตอนต่อไปนะะะะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 17-01-2015 16:53:14
 :hao6: อร้ายย พี่หมอปืนแอบมีหึงหวงน้องพลุด้วยอ่ะ แต่คุณหนูนิวนางก้อยังคงอยู่ค่ะ รบกวนใครก้อได้เอาน้องนิวไปเก็บทีค่ะ
แบบว่าอยากได้พี่ปืนน้องพลุแบบหวาน ๆ บ้างง่ะ
 :hao4:ว่าแต่น้องพลุได้กลับบ้าน ทำไมไม่ลั้นลาพาพี่ปืนเที่ยวน้า ต้องมีอะไรที่บ้านแน่ ๆ เลยอ่ะ
มาต่อเร็ว ๆ นะคะ รอติดตามคร่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-01-2015 20:25:16
เฮ้ยยยพลุมีความหลังอะไรกับบ้านเกิด
นอกจากความสุขแล้วยังมีความลับอะไร
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 17-01-2015 21:20:58
รอเผือกเรื่องน้องพลุค่ะ
สตอร์รี่ที่หมอปืนไปบังเอิญเจอ
กับอาการไม่อยากกลับบ้านเกิดของน้องพลุมันทำให้เรารู้าึกอยากรู้อยากเห็นมาก 55555
รู้สึกว่าน้องพลุยังมีอีกหลายปมรอให้เข้าไปค้นหา แล้วมันก็น่าค้นหาจริงๆ นะ

ว่าแต่หมอปืนนี่.. อะไรยังไงคะ?
อันนี้แถวบ้านเรียกหึงนะ เอ๊ะ? หรือไม่ใช่? 555
ทำมาเป็นหมั่นไส้งั้นงี้ ฮั่นน่อววววววววววว คิดอะไรอยู่ในใจเอ่ยยย?
หวั่นไหวล่ะสิ อาการแบบนี้ หมอปืนควรไปเช็คหัวใจนะคะ  :-[

แต่จะว่าไป น้องเทมส์ก็น่ารักดีค่ะ ดูเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกับลุงปืน ก๊ากกกกกก #จะแซวหมอยันลูกบวช
มีตัวละครมาสร้างสีสันเพิ่มอีกก็ดี เราว่าน้องเทมส์น่ารักกว่ายัยน้องนิวเยอะเลยค่ะ (ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ก๊ากก)
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่มีเทมส์เข้ามาเนี่ย เราก็ได้เห็นปฏิกิริยาอะไรหลายๆ อย่างจากหมอปืนที่มีต่อสองคนนี้นะคะ
หึหึ รู้สึกว่าเชียงใหม่น่าสนุกอ่ะ น้องจากเรื่องของน้องพลุแล้ว ก็คงจะมีเรื่องศึกชิงนาย (มั้ย?) ด้วยนี่แหละ

รอตอนหน้านะค่าาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-01-2015 21:53:46
หมอปืนมีหวงน้องพลุด้วยอ่ะ อร๊ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2015 22:55:17
หมอปืนนนน. แอบหวง อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 17-01-2015 23:56:15
'คน ๆ นั้น' ที่บ้านเกิด ที่น้องพลุไม่อยากเจอคือใครล่ะเนี่ย แล้วเกี่ยวอะไรกับเทมส์
เทมส์ พอไม่เมาแล้วก็น่ารักดีนะ กวน ๆ ดี ตอนนี้ ยังไม่รู้สึกหมั่นไส้เทมส์เลยนะ (แต่ต่อไปไม่แน่)
ไม่เหมือนยัยรชญา ขนาดตอนนี้ โผล่มานิดเดียว ยังรู้สึกคันไม่คันมือ อยาก  :beat: เลยอ่ะ เชอะ
เอาใจช่วยน้องพลุต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-01-2015 01:32:13
แนะนำว่าอย่าเขียนคำว่าจบเลยค่า เขียนว่าครึ่งแรกครึ่งหลังดีกว่า เขียนจบนึกว่าจบเรื่องแล้ว ธ่อออ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 18-01-2015 01:45:36
แนะนำว่าอย่าเขียนคำว่าจบเลยค่า เขียนว่าครึ่งแรกครึ่งหลังดีกว่า เขียนจบนึกว่าจบเรื่องแล้ว ธ่อออ
รับทราบค่า~ยังไม่จบง่ายๆแน่ค่ะ ติดตามอ่านกันไปยาวๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-01-2015 02:09:59
นายเทมส์นี่ยังไงจ๊ะ ส่งไปอยู่กับน้องนิวดีมั้ย
คุณลุงใจเย็นๆน้าาา ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(จบ) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-01-2015 09:18:46
เห็นคำว่าจบแล้วใจกระตุก.....งานเข้าแล้วนะพลุเอ๊ย!!!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งหลัง)) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 24-01-2015 15:30:48
พลุกลัวอะไรกันแน่นะ
พลุจบมหาลัยหรือเปล่า ได้เรียนต่อมั้ยนะ
 o12
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งหลัง)) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-01-2015 23:51:31
ดูพลุเกรงใจเทมป์อยู่นะ เหมือนพลุปกปิดอะไรไว้
ไปบ้านเทมส์คงมีอะไรให้หมอปีนรู้จักพลุเพิ่มขึ้นบ้าง

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 5 ไม่มีทางเลือก(ครึ่งหลัง)) [17/01/58] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-01-2015 14:12:31
บทที่ 6 เล่า...สู่กันฟัง(ครึ่งแรก)

บรรยากาศการเดินทางในรถกระบะสีบรอนซ์เงินกลางเก่ากลางใหม่ดูจะไม่ราบรื่นเท่าพื้นถนนลาดยางที่สี่ล้อเคลื่อนผ่าน ซึ่งต้นตอของความเงียบชวนอึดอัดนั้นมาจากเด็กหนุ่มที่ปกติจะเป็นคนเรียกเสียงหัวเราะได้เสมอนั่งหน้าง้ำกอดอกเบียดตัวอยู่กับกระจกหน้าต่างด้านหลังคนขับ ที่ๆ ไกลที่สุดจากคนตัวโตซึ่งนั่งข้างหน้าและพยายามง้องอนขอคืนดี

ภาวัฒน์ไม่ได้มีทีท่าแข็งกร้าวหรือโวยวาย เขาเพียงแค่เงียบ... เงียบ... และเงียบ เท่านั้น

ซึ่งเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดและโกรธมากขนาดไหน จนพลอยทำให้คนแปลกถิ่นอย่างปาวัสม์ที่นั่งอยู่ข้างกันเครียดตามไปด้วย

“ไม่เอาน่าพลุ ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้” ศุภพัฒน์ตีหน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิด

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสักกระแสเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงลมหายใจหนักๆ จนในที่สุดคนตัวโตก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ให้กับความใจแข็งของเพื่อนรักและปล่อยให้นั่งคิดอะไรไปเงียบๆ

รถกระบะวิ่งไปตามถนนในเมืองที่มีรถขวักไขว่ ลัดเลาะผ่านคูเมือง เลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยและในที่สุดล้อทั้งสี่ก็หยุดลงหน้าบ้านสวนดูร่มรื่น ต้นชัยพฤกษ์สูงใหญ่ยืนต้นขนาบอยู่สองข้างบ้านไม้เรือนไทย แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมลานกว้างที่ปลูกหญ้าเขียวชอุ่มแซมด้วยพันธ์ไม้ดอกพื้นเมืองที่จัดเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก

ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันร่างสูงล่ำไม่ต่างจากศุภพัฒน์ยืนรอรับอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน เขาคือคุณอุดมผู้เป็นนายหัวใหญ่ของบ้านหลังนี้ นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเปิดเป็นสำนักคาราเต้ปาวัสม์คงคิดว่าเขาหลงมาในถิ่นมาเฟียเป็นแน่แท้

ศุภพัฒน์รีบเปิดประตูรถลงไปทักทายผู้ที่ยืนรออยู่ทันที “สวัสดีครับป้อ” เขาเปลี่ยนสำเนียงมาอู้คำเมือง

“เป็นจะใดลูก เดินตางอิดก่อลูก” คุณอุดมตบบ่าทักทายแม้จะเป็นกันเองแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากริ่งเกรง

“บ่อิดเต้าใดป้อ”

“คุณอาสวัสดีครับ” ภาวัฒน์เดินตามมาห่างๆ และยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“ว่าจะใดเจ้าพลุไม่บ่ป๊ะกั๋นเมินสบายดีก่อ” คุณอุดมถามไถ่และลูบหลังโอบไหล่อย่างเอ็นดูเพราะเห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่ยังเด็กจนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม “น่าจะมาแอ่วบ้านหมั่นๆ ป้อก๊ะแม่พลุคิดเติงหา”

“ป้อ...” ศุภพัฒน์สะกิดแขนพ่อพร้อมกับขยิบตา

ภาวัฒน์หน้าเจื่อน ทันทีที่เท้าเหยียบจังหวัดบ้านเกิดเขาก็โดนยิงคำถามที่ไม่อยากตอบ “ผมสบายดีครับคุณอา ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

คนสูงวัยหันไปทักทายแขกผู้ไม่คุ้นหน้า “แล้วนี่... เปิ้นคงเป็นหัวหน้าเจ้าพลุแม่นก่อ ขอบคุณจั๊ดนักที่จ้วยดูแลเจ้าพลุระหว่างอยู่กรุงเตพ”

“ไม่ใช่ครับคุณอา นี่คุณหมอปาวัสม์” ภาวัฒน์รีบแนะนำคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน “พอดีหัวหน้ากับพี่ที่ศูนย์กู้ชีพเกิดติดธุระด่วนขึ้นมาน่ะครับ คุณหมอเลยอาสามาช่วย และนี่อาอุดมเป็นพ่อเทมส์น่ะครับ”

“เรียกผมปืนก็ได้ครับ” ปาวัสม์ยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณหมอ คนกันเองทั้งนั้นบ่ต้องเกรงใจเน้อ ป้อขอโตดแต๊ๆ ตี้จั๊ดก๋านเรื่องทุกอย่างไปโดยพละการ แต่ป้อทนบ่ได้ที่จะให้ลูกชายที่เมินๆ จะปิ๊กบ้านทีกับเพื่อนๆ ไปนอนอุดอู้กันตี้โรงแรม ทั้งๆ ตี้บ้านเฮาก็อยู่แค่นี้”

“ฉันบอกนายแล้ว” ศุภพัฒน์ได้ทีรีบสำทับว่าไม่ใช่ความผิดตน

“ป้อหื้อคนเตรียมห้องหับเอาไว้แล้ว เอาของไปเก็บล้างหน้าล้างต๋ากั๋นก่อน แล้วลงมากินข้าวกั๋น นี่ก็เตี่ยงแล้ว ท่าจะหิวกั๋นแล้ว”

“พ่อจัดห้องไว้ให้อาหมอตรงเรือนรับรอง” ศุภพัฒน์หันมาบอก “เดี๋ยวผมจะให้คนพาไปนะครับ ส่วนพลุนายก็ไปนอนห้องฉันเหมือนเดิมละกันนะ”

“ฉันพูดเหรอว่าจะนอนกับนาย” ภาวัฒน์ย้อนถาม เขายังโกรธศุภพัฒน์อยู่ คิดว่าเขารู้ไม่ทันหรือไงเรื่องที่ตัวเองเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ ถึงคุณอุดมจะเป็นนายหัวจอมเจ้ากี้เจ้าการแต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคุณพ่อขี้ห่วงที่ตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแบบสุดโต่งเหมือนกัน “ฉันจะไปนอนกับหมอปืนที่เรือนรับรอง”

...เฮ้ย! แล้วถามฉันสักคำไหม ว่าอยากนอนด้วยหรือเปล่า!?...

ปาวัสม์คิดในใจ แต่ดูเหมือนคนถูกนินทาจะรู้ทัน นัยน์ตาสีดำขลับหันมาค้อนควับใส่เขาทีนึง

“หมอปืนจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เร็วๆ เข้าสิครับเรามีอย่างอื่นต้องทำอีกเยอะนะ” ไม่พูดเปล่า ภาวัฒน์คว้ามือเขาและลากกระเป๋าเดินไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมานำทาง

ระหว่างที่ร่างสูงเดิน ไม่สิ! ถูกจูงตามมาเงียบๆ นัยน์ตาคมก็แอบมองสำรวจบ้านของศุภพัฒน์ไปด้วย มันเป็นเรือนไม้ทรงไทยแท้ๆ ที่มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่นผิดกับความวุ่นวายของเมืองใหญ่หลังรั้วไม้ลิบลับ เสียงร้อง ‘เอี้ย’ ดุดันกับเสียงไม้หักเป็นจังหวะดังก้องมาจากอีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน ปาวัสม์เดาได้ทันทีว่าคงมาจากโรงฝึกคาราเต้

“ถึงแล้วครับ” ภาวัฒน์ปล่อยมือเขาได้ในที่สุดและเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่งที่สุดทางเดิน

มันเป็นห้องขนาดกะทัดรัด ตบแต่งง่ายๆ แต่สวยงามตามสไตล์พื้นบ้าน มีเครื่องเรือนเครื่องใช้ครบครันทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและ... (บางทีเด็กหนุ่มอาจจะยังไม่เอะใจอะไรแต่เขาน่ะตกใจตั้งแต่แรกเห็นแล้ว) เตียงหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องซึ่งแน่นอนว่ามีอยู่... เตียงเดียว

“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นนะครับ” ภาวัฒน์ชี้มือไปที่ประตูซึ่งอยู่ด้านในสุดของห้อง

ปาวัสม์พยายามไม่คิดหยุมหยิมที่ต้องนอนเตียงเดียวกันเพราะเขาเองก็เคยนอนกับวิทยาบ่อยๆ และตอนอยู่กรุงเทพที่ไปค้างห้องเด็กหนุ่มก็ใช่ว่าจะมีหลายเตียงซะเมื่อไหร่ “ดูนายคุ้นเคยกับที่นี่จังนะ”

“ผมกับเทมส์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนหลังเลิกเรียนผมแวะที่นี่เกือบทุกวัน ทำการบ้านบ้างฝึกคาราเต้บ้าง พ่อแม่เราก็รู้จักและคุ้นเคยกันดี”

พอเล่าถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็เงียบไปเสียเฉยๆ เขาทิ้งข้าวของกองไว้มุมหนึ่งแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

ปาวัสม์เองก็รู้เพลียจากการเดินทางและการอดนอนทำงานมาทั้งคืน เขาจึงรีบจัดแจงเก็บของและพุ่งเข้าห้องน้ำไปปลดปล่อยความเมื่อยขบบ้าง

เกือบครึ่งชั่วโมงในห้องน้ำสร้างความอิ่มเอมใจให้เขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้มีผีเสื้อบินว่อน ดังนั้นการที่กลับออกมาอีกครั้งแล้วพบว่าเด็กหนุ่มยังนอนขดตัวกลมดิกอยู่บนเตียงในชุดเดิมไม่ขยับไปไหนจึงสร้างความขัดใจให้เขาเป็นอย่างมากเหมือนมีใครเอาซากอะไรเน่าๆ มาทิ้งในทุ่งดอกไม้แสนสวยของเขา และเจ้าของทุ่งอย่างเขาก็ต้องจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย

คิดได้ดังนั้นผีเสื้อในทุ่งก็สลัดปีกสวยกลายเป็นเดวิลน้อยแสยะยิ้มหวานเจ้าเล่ห์ให้แทน ปาวัสม์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แต่คนขี้เซาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “หลับปุ๋ยเชียวนะ” คนแผนสูงแทบจะกลั้นหายใจเมื่อใช้สองมือจับชายผ้าห่มที่เด็กหนุ่มนอนกอดไว้แล้วดึงเต็มแรง “นี่แน่ะ!”

“โอ๊ย” ภาวัฒน์ร้องเสียงหลง แรงดึงเมื่อสักครู่ทำให้เขากลิ้งตกจากเตียงมานอนเอ้งเม้งอยู่บนพื้น โดยมีคุณหมอหนุ่มยืนชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัว น้ำจากเส้นผมที่เพิ่งสระมาหมาดๆ หยดเป็นสายใส่หน้าเขา “อะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว!... ผมเจ็บนะ หมอปืนอ่ะเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เครื่องหน้าที่ยับยุ่งของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้ปาวัสม์อยากแกล้งต่อ “ฉันยังไม่แก่ถึงขนาดที่จะเล่นอะไรแบบนี้ไม่ได้สักหน่อย นี่แน่ะ!” เขาคว้าขาข้างหนึ่งของภาวัฒน์ที่ยังพาดคาอยู่บนเตียงขึ้นมาและเกาไปบนฝ่าเท้า ยังผลให้คนบ้าจี้ทั้งดิ้นและบิดตัวหนีพัลวัน

“ฮะฮะ หมอปืน บอกว่าไม่เล่นไง ฮะฮะ” ภาวัฒน์ทั้งดิ้น ตี และอ้อนวอน แต่ดูท่าคนขี้แกล้งจะยังไม่สาแก่ใจ เมื่อเด็กหนุ่มสะบัดขาหลุดมาได้และพยายามจะคลานหนี ปาวัสม์คว้าตัวเขาไว้แล้วจู่โจมเข้าที่เอวซึ่งเป็นจุดอ่อนอีกครั้ง “ฮะฮะ ไม่เอาแล้ว ผมหัวเราะจนเหนื่อยแล้วนะ หมอปืนอย่าแกล้งผมเลย ผมยอมแล้ว ฮะฮะ โอ๊ย เหนื่อย”

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย นี่กำลังเอาจริงเลยนะ”

ภาวัฒน์ขำจนน้ำตาเล็ด “เอาจริงอะไรกัน ฮะฮะ หมอปืนจะทำอะไรผม”

“ทำให้นายยิ้มไง”

คำตอบทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังดิ้นรนหยุดขัดขืนและกลั้นใจนิ่งฟัง เห็นดังนั้นปาวัสม์จึงยอมยกเลิกภารกิจแกล้งเด็กและเปลี่ยนมาใช้สองมือประคองให้ลุกขึ้นนั่งหันมาเผชิญหน้ากัน

“หน้าบูดตั้งแต่ขึ้นเครื่องแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะแต่ถ้าเจ้าตัวแสบอย่างนายซึมเป็นลูกหมาโดนวางยาแบบนี้งานพรุ่งนี้ก็กร่อยหมดน่ะสิ” ปาวัสม์ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบจมูกเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้

“ถ้าคุณหมออยากรู้ทำไมไม่ถามล่ะครับ”

ปาวัสม์ส่ายหน้า “ฉันไม่ได้อยากรู้ว่านายกลุ้มใจเรื่องอะไร ก็แค่อยากเห็นนายยิ้มเท่านั้นเอง แต่ถ้านายเล่าแล้วสบายใจ... ฉันถามก็ได้นะ ว่าแต่ถามว่าอะไรดีล่ะ”

“งั้นก็อย่าถามเลยครับ”

ปาวัสม์บีบจมูกอีกฝ่ายแน่นขึ้นอีกพร้อมกับบิดไปมา “แล้วจะพูดทำไมเนี่ย... นายไปล้างหน้าล้างตาไป พ่อเจ้าเทมส์รอกินข้าวเย็นอยู่”

“ขี้เกียจอ่ะ ขอนอนต่อได้ป่ะ” ภาวัฒน์เบ้ปากงอแงแต่ก็ยินยอมลุกไป
OOOOOO

“ไหนๆ ก็มาเจียงใหม่ตึงเตื้อ ไปไหว้พระกั๋นก่อนเดี๋ยวป้อหื้อลุงเสริมขับรถไปส่ง” คุณอุดมบอกระหว่างทานข้าวพร้อมกับหันไปหาลูกชาย “คุณหมอเขาอุตส่าห์มาจ้วย ผ่อเขาดีๆ เน้อลูก”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ” ปาวัสม์รีบบอก “ตอนจบใหม่ ผมก็มาเป็นหมอใช้ทุนอยู่ที่นี่สามปี พอรู้เส้นทางอยู่บ้างเดี๋ยวผมโบกรถกระป๋องไปเองก็ได้ครับ”

“จะลำบากไปนิหยังคุณหมอ จะอั้นก่าเอารถผมไปสิครับ จะได่ขับปาละอ่อนไปแอ่วโตย มีคุณไปโตยผมก็ค่อยวางใจ๋หน่อยครับ”
ภาวัฒน์แอบขำ เป็นปาวัสม์ต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด ยิ่งเมื่อลองได้เมาแล้วล่ะก็

“เจ้าพลุ” ผู้สูงวัยเรียกเบาๆ และนิ่วหน้าอย่างครุ่นคิด “ป้อพลุโทรมาแน่ะ ป้อบอกไปแล้ว ว่าอยู่กับป้อบ่ต้องเป็นห่วงแต่จะใดป้อว่าถ้าบ่กึ๊ดจะแวะไปหากะโทรบอกเปิ้นหื้อได้ยินเสียงสักน้อยก็ยังดี”

“ขอบคุณครับคุณอา” ภาวัฒน์วางช้อนและยกมือไหว้แต่ไม่ตอบรับเรื่องที่จะโทรศัพท์กลับบ้าน

“มาเจียงใหม่ตึ๊งเตื้อบ่ไปไหว้ครูบาศรีวิชัยเปิ้นว่าจะมาบ่ถึงนะลูก เดี๋ยวกินข้าวแล้วรีบไป๋กั๋นเลยนะ เอาฤกษ์เอาชัยก่อนยะก๋านพรุ่งนี้ แล้วจะได้รีบกลับมาพักผ่อนกั๋น พรุ่งนี้หมู่เฮาต้องตื่นแต่เจ๊า”

“บ่เอาน่าป้อ งานมันเริ่มบ่ายโมงนะ” จู่ๆ ศุภพัฒน์ก็โอดครวญขึ้นมาด้วยรู้ทันว่าพ่อของตนกำลังวางแผนอะไรไว้ “เฮามายะก๋านนะครับบ่ได้มาเข้าค่าย”

“มันก่าบ่เสียหายนี่” เสียงนายหัวใหญ่เข้มขึ้นมาทันที “โดยเฉพาะแกเจ้าเทมส์ ห้ามต่อรองเด็ดขาด ไปอยู่กรุงเตพเมินบ่ได้ฝึกร่างกายล่ะสิ เส้นเซิ่นยึดหมดแล้ว ไป กินอิ่มแล้วขะใจ๊ จะได้ปิ๊กมาจ้วยพ่อสอนคลาสละอ่อน”

OOOOOO

ออกจากบ้านสวนขับรถราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมายคือรูปหล่อครูบาศรีวิชัยที่ตีนดอยสุเทพ ปาวัสม์เปิดไฟเลี้ยวเข้าลานจอดรถ เพราะเป็นวันธรรมดาและยังไม่ใช่เวลาเลิกงานทำให้หาที่จอดได้ไม่ยากเย็น

ทั้งสามลงจากรถไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันตามอัธยาศัย ปาวัสม์กราบเสร็จก่อนเหลียวมองเด็กหนุ่มเห็นหลับตาอธิษฐานไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ ด้วยไม่อยากรบกวนจึงหลบฉากออกมาเงียบๆ

“อาหมอ” ศุภพัฒน์ที่เดินตามมากวักมือเรียกเขาเรียกไปคุยหลังรถ

ร่างสูงเดินเข้าไปหาอย่างระแวดระวัง นึกสงสัยหน่อยๆ ว่าจะมาไม้ไหน ถ้าเปรียบภาวัฒน์เหมือนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์จอมขี้เล่น ศุภพัฒน์ก็ร็อดไวเลอร์เจ้าพ่อลอบกัดดีๆ นี่ล่ะ “มีอะไรเหรอเทมส์”

คนตัวโตยกมือขึ้นกอดอกและเอาหลังพิงรถไว้ “อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเล่าเท่าไหร่หรอกนะ แต่เห็นพลุเป็นแบบนั้นผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน”

“มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามัวแต่ลีลา”

“เรื่องพลุน่ะ... ผมว่าอาหมอคงพอจะเดาได้บ้างใช่ไหม” ศุภพัฒน์ถามหยั่งเชิง ถึงเขาจะอยากได้คนกลางช่วยเคลียร์ปัญหาแต่ก็ต้องดูให้แน่ใจว่าคนๆ นั้นจะมาเป็นบัฟเฟอร์ไม่ใช่ตัวเร่งเชื้อไฟ เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักหรือสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนนี้ดีซะเมื่อไหร่ เพียงแต่สายตาสีดำขลับของคนที่เขาแอบมองมานานนับปีนั้นพุ่งตรงไปยังคนๆ นี้อย่างที่เขาจินตนาการมาตลอดว่าอยากจะได้รับการมองแบบนั้นบ้าง

ปาวัสม์พยักหน้า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด หมอนั่นทะเลาะกับพ่อแล้วหนีออกจากบ้านมาใช่ไหม”

คำถามแรกผ่าน... ศุภพัฒน์พยักหน้าและพูดต่อ

“อาหมอเดาถูกแล้วครับ” สีหน้าของศุภพัฒน์เครียดขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด “เรื่องเรียนต่อน่ะ พ่อมันอยากให้เป็นทนายจะได้มาสานต่องานของเขา พลุเองก็เห็นดีเห็นงามมาตลอด แต่อยู่ดีๆ มันก็โพล่งขึ้นมาว่าจะไปเรียนหมอที่กรุงเทพ ไม่ว่าแม่ ครูหรือใครๆ จะพูดห้ามยังไงก็ไม่ฟัง”

นัยน์ตาคมเบิกกว้างขึ้นทันที นึกถึงคำตอบในใบแนะแนวการศึกษาที่แอบเห็นมาครั้งหนึ่ง “เรื่องที่พลุเคยเรียนหมอฉันรู้แล้ว และก็เรื่องที่ตาบอดสีแดงด้วย”

“นั่นไง!” ศุภพัฒน์ตบมือฉาด ถ้าคุณหมอหนุ่มจะรู้ละเอียดถึงขนาดนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิงอะไรให้เสียเวลาอีกแล้ว “อาหมอเองก็คิดว่ามันแปลกไหมใช่ล่ะ มันบ้าไปแล้วหรือไงตาบอดสีแท้ๆ แต่ดันอยากเป็นหมอ”

“แต่พลุบอกว่าสอบติดและได้เรียนจนถึงปีสองนะ” ปาวัสม์ตั้งข้อสังเกต “จะเข้าเรียนได้ต้องมีผู้ปกครองมาทำเรื่องมอบตัว... ถ้าอย่างนั้นตอนนั้นก็ยังไม่ได้หนีออกจากบ้านสิ”

“ใช่ครับ พลุกับพ่อทะเลาะกันหนักก็จริง แต่สุดท้ายพ่อก็ยอมเพราะอยากให้มันได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าของบางอย่างต่อให้พยายามให้ตายแค่ไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ พลุจะได้เลิกล้มความตั้งใจและยอมกลับบ้านแต่โดยดี”

“แต่ผลที่ได้กลับเป็นตรงกันข้าม”

ศุภพัฒน์พยักหน้า “ครั้งนี้ก็เลยทะเลาะกันรุนแรง แล้วนับจากวันนั้นพลุก็ไม่ยอมติดต่อหรือกลับบ้านอีกเลย นี่ก็ปาไปครึ่งปีแล้ว” เขาถอนหายใจยืดยาว “ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มาก ได้แค่คอยช่วยอยู่ห่างๆ กับแอบส่งข่าวพลุให้ที่บ้านรู้ก็เท่านั้น”

“แล้วพลุไม่เคยเล่าอะไรให้นายฟังเลยเหรอ”

“ถ้าผมรู้แล้วจะมาเล่าให้อาหมอฟังเหรอครับ”

“ขนาดพวกนายสนิทกันมาเป็นสิบปียังไม่รู้แล้วฉันจะช่วยอะไรได้เหรอ”

ศุภพัฒน์เม้มปาก คนที่อยากถามคำถามนั้นควรจะเป็นเขามากกว่า “เห็นพลุเป็นคนร่าเริงคุยเก่งแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องตัวเองเท่าไหร่... แต่ไม่รู้สินะ แม้จะเพิ่งเจอกันแต่ผมรู้สึกได้เลยว่ามันฟังอาหมอ เป็นเพราะมันอยากเป็นหมอด้วยหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็จนปัญญาแล้ว บางทีผู้ใหญ่แถมยังเป็นคนนอกอย่างอาหมออาจมีมุมมองหรือทางออกแบบที่พ่อหรือเพื่อนอย่างผมคิดไม่ถึงก็ได้”

“อย่างนี้เองสินะ” ในขณะที่กำลังจุกกับคำว่า ‘คนนอก’ ปาวัสม์ก็ได้ข้อสรุปอะไรบางอย่าง

“อาหมอคิดอะไรได้แล้วหรือครับ”

“พ่อนายไม่ได้แคนเซิลที่พักโดยพลการ แต่นายเป็นคนโทรมาขอให้พ่อจัดการให้ต่างหาก... ไหนจะเรื่องที่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังอีก นายนี่รักหมอนั่นจริงๆ เลยนะ”

คนหลงรักข้างเดียวยิ้มเศร้า “บางทีรักแทบตายก็ไม่ช่วยอะไรนะครับ”

“นายทำดีแล้ว” ปาวัสม์ตบบ่าให้กำลังใจ “ขอบใจนะที่เล่าให้ฟัง ฉันก็ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนแต่ก็จะลองพยายามในแบบของฉันดูแล้วกันนะ”

ศุภพัฒน์ยิ้มอย่างขอบคุณเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“ไม่เอาน่าพ่อ” ปากบ่นแต่มือก็รีบกดรับโทรศัพท์ “ครับป้อ ไหว้พระเสร็จแล้วครับ... ป้อครับ ผมก็อยากจะไปแอ่วบ้าง... โอเคครับ สิบนาทีก่าถึงบ้านแล้ว แค่นี้นะป้อ” เขาแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ “เจ้าพ่อคอมมิวนิสต์เอ๊ย!”

“คุณอุดมโทรตามเหรอ” ปาวัสม์ต้องแสร้งทำไม่ให้ดูดีใจจนออกนอกหน้า ในที่สุดตัวป่วนก็ไปซะที

“กะเวลาได้พอดีเป๊ะเลยว่าต้องไหว้พระเสร็จแล้ว” คนตัวโตโอดครวญ “งั้นผมกลับบ้านก่อนนะ ฝากพลุด้วย อย่างน้อยๆ ก็ให้หน้ามันยืดหน่อย พรุ่งนี้งานจะได้ไม่กร่อย”

“แล้วนายจะกลับยังไง ให้ฉันวนรถไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งพี่วินกลับ” ศุภพัฒน์โบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับผ่านมาพอดี “เที่ยวให้สนุกนะครับ”

“นานจัง” ปาวัสม์แซวเด็กหนุ่มที่เพิ่งไหว้พระเสร็จและเดินมาถึงรถ “ขอพรอะไรเหรอ”

“ก็นิดหน่อยน่ะครับ”

“เรื่องที่บ้านเหรอ” ร่างสูงแกล้งพูดแทงใจดำ และมันได้ผลนัยน์ตาสีดำขลับหันมาค้อนควับใส่เขาทันที

แต่ภาวัฒน์ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติได้เร็วจนไม่น่าเชื่อ “เทมส์ล่ะครับ”

“พ่อโทรมาตามกลับบ้านไปแล้ว”

“แล้วเราจะไปไหนต่อดี”

คุณหมอหนุ่มสะบัดหน้าไปทางขึ้นดอยสุเทพ “เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่ามาไม่ถึง”
OOOOOO

เครื่องลงเมื่อคืน เช้านี้เปิดกล่องข้อความเห็นคอมเมนท์แล้วดีใจอ่า....
จนอดใจไมไหวต้องแอบหนีหัวหน้ามาอัพ... อัพไม่ตรงวันอย่าโกรธเค้าน้า...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-01-2015 14:43:51
แรงจูงใจที่เปลี่ยนใจพลุจากทนายมาเป็นหมอ ก็หมอปีนนั่นแหละ
คงเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน 

ปล. คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 27-01-2015 14:49:24
 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-01-2015 15:42:04
ถึงคนเขียน

แค่อัพก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

พลุนี่สงสับยิ่งเครียดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำท่าไม่แคร์โลกเท่านั้น   
หมอปืนคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับอุบัติเหตุ
นับไปสองคนนี้ก็มี Bond ที่ผูกมัดทั้งคู่ไว้ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-01-2015 16:02:44
อยากอ่่่านอีก ความลับของพลุุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-01-2015 18:49:59
แรงจูงใจที่เปลี่ยนใจพลุจากทนายมาเป็นหมอ ก็หมอปีนนั่นแหละ
คงเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน 

ปล. คนเขียนสู้ๆ
ขอบคุณค่า~
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-01-2015 18:56:02
มันมีปมอะไรกัน อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-01-2015 18:59:26
ถึงคนเขียน

แค่อัพก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

พลุนี่สงสับยิ่งเครียดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำท่าไม่แคร์โลกเท่านั้น   
หมอปืนคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับอุบัติเหตุ
นับไปสองคนนี้ก็มี Bond ที่ผูกมัดทั้งคู่ไว้ด้วยกัน

ขอบคุณมากค่า~ จริงๆแล้วต้องเป็นคนเขียนที่ขอบคุณคนอ่าน ถ้าไม่มีคนอ่านคงไม่มีกำลังใจเขียนต่อแน่ๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 27-01-2015 19:40:44
พลุนี่เฮี๊ยวมาก 5555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 27-01-2015 21:07:09
แหม กขค ไปแล้วน้า ครึ่งหลังพี่หมอเร่งทำคะแนนด่วนจร้า
ขอแบบหวานๆนะคะ รอติดตามคร่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 27-01-2015 21:55:59
อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมาอัพสุดแสนจะดีใจ พออ่านจบ
กลับไปอ่านตอนเก่าเพื่อรอตอนใหม่ เป็นแบบนี้ต่อไป..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 28-01-2015 22:55:51
ทริปนี้น้องพลุจะมีอะไรเปิดออกมาอีกไหมนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nunutrsl28 ที่ 02-02-2015 19:11:23
จะติดตามไรเตอร์ได้ทางไหนบ้างค่าา :hao3:  :L2: :mc4: :oo1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 02-02-2015 19:38:00
จะติดตามไรเตอร์ได้ทางไหนบ้างค่าา :hao3:  :L2: :mc4: :oo1:
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าอยากจะติดตามจริงๆอ่ะ555...อย่างแรกคือเราไม่มีหน้าเฟสหรือทวิตโดยเฉพาะ อย่างที่สองเราเป็นแม่นางช่างเวิ่น คือถ้าฟอลไปจากที่จะรักอาจกลายเป็นเกลียดได้นะคะ555
ดังนัั้นก่อนฟอลคิดดูดีๆ ก่อนนะคะ ถ้าคิดว่าโอก็ตามนี้เลยค่า twitter~> @leggydan ค่ะ คุยได้ทุกอย่างตั้งงแต่สากกะเบือยันเรือรบค่ะ ยกเว้น ยืมตังค์กะขายของน้า~555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 03-02-2015 07:54:51
คนร่าเริงเฮฮา เวลาโกรธแล้วเงียบเนี่ย น่ากลัวเนอะ แต่น้องพลุแบบนี้ก็ชอบ ดูเท่ห์ดี
แล้วนี่พี่หมอปืน ตกลงยอมเป็นคุณอาด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหมเนี่ย 555
เทมส์ ก็น่ารักดีออกนะ รักและหวังดีกับพลุจริง ๆ  ชอบเวลาเรียกพี่หมอปืนว่าอาหมออ่ะ เหมือนเด็ก ๆ เลย
เรื่องครอบครัวของพลุนี่ก็พูดยากเนอะ น่าเห็นใจพลุ แต่ก็เข้าใจพ่อของพลุนะ อยากให้ดีกันไว ๆ จัง
แล้วตกลงเรื่องที่พลุอยากเป็นหมอ เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตอนนั้นยังไง  เกี่ยวกับพี่หมอปืนยังไง อยากรู้จัง
ปล. ขอโทษที่มาเม้นท์ช้านะคะ ยังติดตามเรื่องนี้เสมอน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 04-02-2015 01:51:20
 :pig4: พึ่งได้มาอ่าน จากคำแนะนำของคุณนาวเลยนะเนี่ย ไม่ผิดหวังอ่ะ น่าติดตามจิงๆ มีเรื่องที่ต้องค้นหาอีกเยอะเลย  :L1:

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งน็า  +1  :3123:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-02-2015 19:09:32
เพิ่งได้มีโอกาสเบ้ามาอ่าน เนื้อเรื่องน่าสนใจมากๆเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-02-2015 18:43:39
รอครึ่งหลังอยู่นะ คนแต่งนิยายว่างรึยัง
คนแต่งสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 09-02-2015 19:25:09
รอครึ่งหลังอยู่นะ คนแต่งนิยายว่างรึยัง
คนแต่งสู้ๆๆๆ
ดึกๆ นะคะ สัญญา ขอฟื้นพลังแป๊บบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 09-02-2015 22:53:30
จริงๆ กะว่าจะรอให้ครบตอนค่อยมาอ่านทีเดียว
แต่เห็นคนเขียนมาโพสในกระทู้ก็นึกว่ามาต่อแล้ว ก๊ากกก
ไม่เป็นไรค่า อ่านเลยล่ะกัน บอกตรงนี้ว่ารอครึ่งหลังอยู่นะคะ กิ๊วๆ

 :กอด1:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพอจะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง (แบบเดาๆ 555)
น้องพลุต้องเคยเจอหมอปืนมาก่อน สมัยที่หมอมาใช้ทุนที่เชียงใหม่รึเปล่า?
และต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้น้องตัดสินใจอยากเรียนหมอจนทะเลาะกับพ่อแบบนี้
แต่เห็นคุณพ่ออยากให้กลับบ้าน คุณพ่อน่าจะหายโกรธแล้วนิดนึงรึเปล่านะ? TvT
พาหมอปืนไปเที่ยวบ้านด้วยสิคะ บอกพ่อว่าเนี้ย ไม่ได้เป็นหมอ แต่อนาคตจะได้เป็นแฟนหมอแทน #เดี๋ยวๆ 5555

รอดูสองหนุ่มเค้าไปเที่ยวกัน >_<
ตอนที่หมอปืนแกล้งหยอกน้องพลุในห้องนอนน่ารักมากก เพิ่งรู้ว่าเป็นคนบ้าจี้ ชอบตรงหยิกจมูก
อ่านแล้วรู้สึกเอ็นดู หมอปืนบอกว่าตัวเองไม่แก่ แต่อ่านตอนที่เทมส์เรียกว่าอาหมอแล้วเรารู้สึกหมอปืนดูแก๊แก่ทุกที 5555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 10-02-2015 00:59:33
“หมอปืนไหวไหม?”

“ไห...” ปาวัสม์อ้าปากจะตอบ แต่แล้วก็ต้องปิดปากสนิทตามเดิมด้วยเกรงว่ามื้อเที่ยงจะรวมตัวกันประท้วงแล้วพุ่งออกมาจากกระเพาะ

ทางขึ้นดอยสุเทพแม้จะไม่ลาดชันและน่ากลัว แต่เมื่อถูกเหวี่ยงวนๆ อยู่ท้ายรถกระป๋องที่ไม่ยอมลดเกียร์หรือถอนคันเร่งเวลาเข้าโค้งแล้ว เวลาร่วมยี่สิบนาทีท้ายรถนั่นสำหรับเขามันไม่ต่างอะไรกับการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา

ภาวัฒน์มองด้วยความเป็นห่วงพลางช่วยลูบหลังให้ ปาวัสม์นึกเสียหน้าอยู่หน่อยๆ กับวัยที่เริ่มล่วงเลยของตนแต่จะให้เขาค่อยๆ ลากเกียร์รถที่ไม่ใช่ของตัวเองขึ้นดอยมาเองก็ดูจะไม่ปลอดภัย การใช้บริการรถสาธารณะจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

“โอเค!” เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงและเงยหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด “ไปไหว้พระกันเถอะ”

“ไหวแน่นะ” เด็กหนุ่มยังไม่ไว้ใจเพราะหน้าคุณหมอหนุ่มยังซีดเป็นไก่ต้มน้ำปลาอยู่เลย

“อย่ามาดูถูกกันนะ แน่จริงมาวิ่งแข่งขึ้นพระธาตุกันไหมล่ะ ถ้าแพ้ฉันยอมทำทุกอย่างเลย”

จากที่กำลังเป็นห่วง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์วาดขึ้นบนเรียวปาก “หมอปืนพูดเองนะ”

ปาวัสม์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปในอีกสิบนาทีต่อมายืนหอบจนตัวโยนเกาะราวบันไดที่ปั้นเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียรไว้แน่นทั้งที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาได้แค่ครึ่งทาง หน้าซีดเผือด มืออีกข้างกุมชายโครงที่เจ็บแปลบทุกลมหายใจเข้าออก

“ไอ้เด็กแสบ!” เขาชี้นิ้วเรียกเด็กหนุ่มที่ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยสักนิดและกำลังยืนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งทำท่าล้อเลียนเขาอยู่บนบันไดขั้นบนสุด

“หมอปืนเป็นคนท้าเองนะครับ” ภาวัฒน์ซึ่งยังหยุดขำไม่ได้กระโดดลงบันไดทีละสองขั้นมาช่วยประคองแขนพาขึ้นไปจนถึงที่หมาย

“ป้อบ่สบายก่าพ่อหนุ่ม” หญิงชราคนหนึ่งที่นั่งพักสูดยาดมอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ร้องบอกพลางกวักมือเรียกหยอยๆ “ปามานั่งพักตี้นี้ก่อน ไหวก่อ เอายาดมก่อยายจะหื้อยืม”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ” คุณหมอหนุ่มรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจที่ถูกเข้าใจผิดอีกครั้ง “ผมดีขึ้นแล้ว... แล้วก็เอ่อ... จริงๆ แล้วเราไม่ใช่พ่อลูกกันหรอกครับ”

“อ้าว... ขอโตดเน้อลูก หมู่สูก็บ่ได้หน้าเหมือนกันสักหน่อย ปาหลานมาแอ่วก๋า แล้วนี่มาจากตี้ไหนกั๋นล่ะ”

“เอ่อ...” ปาวัสม์ที่ไม่รู้จะแก้ตัวไปทางไหนดีเริ่มคิดจะตามน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดเมื่อคนข้างตัวช่วยแก้ต่างให้แทน

“หลานเหลินอะหยังกั๋นแม่อุ้ย” ภาวัฒน์พูดภาษาถิ่นด้วยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นหญิงชรา “เปิ้นเป้นอ้ายผมเองเพิ่งมาจากเมืองกรุงวันนี้”

“เอ๊า! คนบ้านเดียวกันก็บ่บอก เออเนาะอ้ายตั๊วหน้าก็บ่ได้แก่ขนาดนั้น แม่อุ้ยขอโตดต้วยเน้อ”

“บ่เป็นหยังครับแม่อุ้ย” เด็กหนุ่มค้อมศีรษะขอบคุณก่อนจะหันมายักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนร่างสูง “หมอปืนอ่ะ เดินดีๆ สิครับ ไหนว่าอายุสามสิบกว่าๆ นี่ไม่แก่ไง แล้วไหงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”

“ยังไม่กว่า เพิ่งสามสิบถ้วน” ปาวัสม์ค้อนคืนไปหนึ่งที “นายเองก็อู้คำเมืองได้นี่แล้วทำไมไม่พูดเหมือนเจ้าเทมส์ล่ะ... หรือกลัวฉันฟังไม่รู้เรื่อง บอกแล้วไงว่าเคยอยู่ที่นี่สามปี ถึงพูดไม่ได้แต่ก็ฟังเข้าใจนะ”

“ใครเขาเป็นห่วงคุณหมอกัน” เด็กหนุ่มว่าคนขี้ตู่ “แม่กับคนอื่นๆ ที่บ้านก็อู้คำเมืองนี่ล่ะ แต่พอดีพ่อผมเป็นทนายเลยให้ความสำคัญกับการใช้คำและภาษาไทยให้ถูกต้อง ทีนี้ถ้าอู้คำเมืองจนติดปากก็กลัวไปเผลอพูดตอนอยู่ในศาลแล้วจะดูไม่ดี ผมเลยพลอยพูดภาษากลางติดพ่อไปด้วย”

คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ดูท่าเด็กคนนี้จะสนิทสนมและได้รับอิทธิพลจากพ่อมาไม่น้อย ซึ่งตรงข้ามกับเขาที่สนิทกับแม่มากกว่าเพราะพ่อจากไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก “น่าเสียดายนะ เวลานายอู้คำเมืองมันดูน่ารักดีออก”

“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจเวลาโดนชมว่าน่ารักหรอกนะครับ” ภาวัฒน์พูดเสียงแข็งและเบือนหน้าหนี

ปาวัสม์อมยิ้มมุมปากเมื่อแอบเห็นแก้มสีออกแทนอมสีเลือดฝาด เขาแกล้งพูดย้ำอีกครั้ง “ไม่เห็นเป็นไรเลย อะไรที่มันน่ารักก็คือน่ารักน่ะแหละ”

พูดไปแล้วก็นึกเขินตัวเองขึ้นมาเหมือนกันที่ชมเด็กผู้ชายหุ่นน้องๆ หมีว่าน่ารัก มันเป็นคำที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงหรือรชญาแฟนสาวของเขามากกว่า

แต่ทำไมนะ คนที่กำลังยืนหน้าแดงเพราะถูกเขาแซวนี่มันช่างน่าเอ็นดูซะจนอยากจับล๊อคคอมาขยี้ผมยุ่งๆ นั่นสักที

“รีบไปไหว้พระธาตุกันเถอะ” พูดจบร่างสูงก็นิ่งไปด้วยความตกใจ เมื่อภาวัฒน์หันมาคล้องมือรอบแขนเขา

“หมอปืนค่อยๆ เดินนะเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป” หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีจนปาวัสม์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ และยินยอมให้เด็กหนุ่มกึ่งจูงกึ่งประคองเขาเดินไป

OOOOOO

หลังไหว้พระธาตุดอยสุเทพเสร็จ ภาวัฒน์ก็เดินไปซื้อกระดิ่งอธิษฐานมาสองอันระหว่างรอปาวัสม์วางสายจากการโทรไปรายงานตัวกับรชญา “ทำไมหมอปืนไม่ส่งข้อความไปล่ะ โปรแกรมแชทมีตั้งเยอะแยะ แถมยังง่ายและเร็วกว่าด้วย” ถามพลางยื่นกระดิ่งให้อันหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาส่งข้อความไปหาแม้จะเป็นการกวนเล่นตามประสาแต่ปาวัสม์ก็ยังเลือกที่จะโทรกลับทุกครั้งจนเขานึกเกรงใจ “หรือว่าเป็นคนไม่ชอบพิมพ์อะไรยาวๆ น่ะ”

ปาวัสม์รับกระดิ่งมาและเดินคู่กันไปตามทางในลานวัด ตะวันเริ่มบ่ายคล้อยประกอบกับท้องฟ้ามีเมฆมากทำให้อากาศในช่วงหน้าฝนเช่นนี้เย็นและร่มรื่น “เรื่องขี้เกียจก็มีส่วน แต่ฉันคิดว่าเทคโนโลยีที่ดูเหมือนทำให้เราใกล้กันแต่จริงๆ แล้วมันทำให้เรายิ่งห่างกันมากกว่า ตัวอีโมชั่นหน้ายิ้มที่ส่งมารู้ได้ยังไงว่ากำลังมีความสุข แต่ถ้าโทรหาแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ก็ยังได้ยินเสียงอย่างน้อยฉันก็รู้ว่าปลายทางกำลังสะอื้นหรือหัวเราะ”

“หมอปืนเคยโดนสาวหักอกทางมือถือเหรอ”

ปาวัสม์ยิ้มเจื่อน พลางย่อตัวลงนั่งผูกกระดิ่งบนราวที่ทางวัดจัดไว้ “คงงั้น ฉันรู้แค่ว่าเธอไม่สบายใจเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่รับสายและส่งข้อความกลับมาว่าสบายดีพร้อมกับหน้ายิ้ม แต่ฉันมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้วตอนนั้นเธอกำลังร้องไห้ หลังจากนั้นมาฉันเลยไม่เคยเชื่อใจอีโมชั่นนั่นอีกเลย เพราะฉันไม่มีวันเห็นน้ำตาที่หยดลงบนหลังแป้นพิมพ์”

“แล้วถ้าหมอปืนโทรกลับแล้วผมไม่รับล่ะ จะโทรจนกว่าจะรับหรือเปล่า”

“ไม่ล่ะเปลืองตังค์ นายไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย”

“ชิ” ภาวัฒน์ทำปากยื่นปากยาวใส่ทั้งอิจฉาและสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน “ผมผูกกระดิ่งของผมไว้ข้างๆ ของหมอปืนได้ไหม” แต่ยังไม่ทันที่คุณหมอหนุ่มจะอนุญาตเขาก็จัดแจงแขวนเรียบร้อยก่อนจะหันมายิ้มหน้าแป้นแล้น

“ดีใจอะไรขนาดนั้น”

“ดีใจที่ได้อยู่ข้างคุณหมอ”

ปาวัสม์หัวเราะพรืด “แค่นี้ก็เอาเนอะคนเรา... แล้วตกลงนายอยากได้อะไร ยังไงก็อย่าให้มันแพงนักล่ะ” เขาถามถึงสัญญาที่วิ่งแพ้

“แล้วทำไมผมต้องเอาอะไรที่มันแพงๆ ด้วยล่ะ”

ปาวัสม์ไหวไหล่ “ไม่รู้สิ ง้อสาวแต่ละทีทำฉันแทบหมดตัว”

“แต่ผมไม่ใช่สาวๆ ของหมอปืนนี่นา” คนถูกเอาไปเปรียบเทียบหน้ามุ่ย “ติดไว้ก่อนละกันครับ เดี๋ยวคิดได้แล้วจะบอก... วิวบนนี้สวยจัง หมอปืนเรามาถ่ายรูปกันเถอะ” เขาเปลี่ยนเรื่องและถอยหลังไปพิงราวกั้นตรงจุดชมวิว

ปาวัสม์พยักหน้าเห็นด้วยพลางมองไปรอบๆ “ให้ใครช่วยถ่ายดีล่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เราถ่ายกันเองก็ได้” ภาวัฒน์กดเปิดแอปพลิเคชั่นถ่ายรูปของโทรศัพท์และเหยียดมือออกไปสุดแขน มีภาพตัวเมืองเชียงใหม่เห็นอยู่ลิบๆ เป็นฉากหลัง “หมอปืนรู้จักเซลฟี่ป่ะเนี่ย”

“ไอ้รู้จักน่ะรู้หรอกแต่ไม่ถนัดน่ะ” ร่างสูงเกาศีรษะ ออกเขินนิดๆ ที่ผู้ชายตัวโตๆ สองคนมาเซลฟี่คู่กัน

สาวๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านไปแอบเหลียวมองพวกเขาและยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก ชะรอยเขาคงโดนเข้าใจผิดว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนเป็นแน่แท้ แต่สิ่งที่ทำให้ปาวัสม์อายไม่ใช่เรื่องการเข้าใจผิดแบบนั้น สิ่งทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้คือรอยยิ้มร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ของเด็กหนุ่มที่กำลังชักชวนเขาถ่ายรูปอยู่ต่างหาก

“เข้ามาใกล้ๆ สิครับเดี๋ยวเก็บไม่หมด” ภาวัฒน์บอก แต่คนอายุมากกว่าก็เก้ๆ กังๆ จนเขาอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงยกแขนขึ้นคล้องรอบคอร่างสูงแล้วดึงเข้ามาจนชิดเสียเอง “เอ้า... ชีสสสส”

“เอ่อ...” ปาวัสม์ยิ่งออกอาการเคอะเขินจนทำอะไรไม่ถูก เพื่อให้กล้องหน้าเก็บภาพได้หมดพวงแก้มของทั้งสองจึงใกล้จนแทบจะสีกัน ไออุ่นจากผิวกายอีกฝ่ายทำให้อุณหภูมิหัวใจเขาไต่ขึ้นสูง หัวใจเต้นเร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ

“มองกล้องนะครับ อย่ามัวแต่มองหน้าผม”

การถ่ายรูปกินเวลาแค่ชั่วอึดใจแต่สำหรับปาวัสม์แล้วมันเนิ่นนานราวชั่วโมง ทันทีที่ภาพถูกเซฟเขารีบผละหนีมาตั้งหลัก ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นกุมหน้าอก หัวใจพุ่งกระทบรัวแรงจนเจ็บราวกับคนเป็นโรคหัวใจขาดเลือด

...กลับไปกรุงเทพ เห็นทีต้องไปให้หมอโรคหัวใจตรวจสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง....

ร่างสูงกำมือชื้นเหงื่อแน่น ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่กำลังก่อเกิดอยู่ในใจตนทีละน้อยนี้ รู้เพียงแต่มันเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มเข้ามาวนเวียนในชีวิต และกำเริบขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาเข้ามาใกล้

ปาวัสม์เหลียวดูคนผมสีน้ำตาลที่สาละวนอยู่กับการจิ้มโทรศัพท์ไม่พูดไม่จา การมองไม่ช่วยให้ได้คำตอบแต่ทำให้เขายิ้มตาม เขาย่องไปชะโงกข้ามไหล่เด็กหนุ่ม “ทำอะไรน่ะเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้”

ภาวัฒน์สะดุ้งเฮือก เขากดปิดหน้าจอและยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสียดื้อๆ “เปล่า” ตอบด้วยท่าทีมีพิรุธสุดๆ

“ต้องมีอะไรแน่ๆ นี่แอบถ่ายตอนฉันทำหน้าแปลกๆ แล้วแกล้งเอาไปอัพลงเฟซบุ๊กใช่ไหม” ปาวัสม์คว้าแขนเด็กหนุ่ม “เอามาดูเดี๋ยวนี้นะ”

คนผมน้ำตาลทำหน้าใสซื่อเหมือนเด็กทารกแต่มือกำโทรศัพท์แน่น “ไม่มีอะไรสักหน่อย หมอปืนอย่าคิดมากน่า”

“เชื่อนายหมาก็ออกลูกเป็นควายล่ะ”

แล้วสงครามแย่งชิงโทรศัพท์ก็เริ่มขึ้น ด้วยอายุที่น้อยกว่าและทักษะทางกีฬาที่ดีเป็นทุนเดิมทำให้ภาวัฒน์หนีพ้นมือยาวๆ ของคุณหมอหนุ่มได้ไม่ยากเย็น ทั้งสองยื้อแย่งเล่นกันราวกับเด็กๆ อยู่พักใหญ่จนคนอายุมากกว่าเริ่มเวียนหัว เขาออกเซไปเล็กน้อยเด็กหนุ่มจึงฉวยโอกาสนั้นแกล้งขัดขากะแค่จะให้เสียจังหวะเพื่อที่ตนจะวิ่งหนี

แต่ปาวัสม์กลับเสียหลักล้มจริงๆ “เฮ้ย!”

ภาวัฒน์สะดุ้งสุดตัวและหันกลับมาคว้าแขนร่างสูงไว้ แทนที่หน้าจะทิ่มลงไปวัดพื้นคอนกรีต คุณหมอหนุ่มจึงหงายหลังล้มลงบนแผ่นอกแข็งแรงของเด็กหนุ่มแบบเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด

“เกือบได้ไปนอนห้องฉุกเฉินซะเองแล้วไหมล่ะ” ปาวัสม์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อวงแขนแข็งแรงเลื่อนลงโอบกระชับรอบเอวแล้วดึงเบียดกับแผ่นอกกว้างเพื่อช่วยพยุงให้เขายืนตัวตรงขึ้นได้ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยื่นมาวางคางเกยลงบนบ่า

“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร เชื่อกันบ้างสิครับ” ภาวัฒน์กระซิบเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด “ถ้าหมอปืนเป็นอะไรไปผมจะอยู่ยังไง”

เสียงแผ่วค่อยกับลมหายใจอุ่นๆ ที่ราดลงบนใบหูและแก้มทำเอาหัวใจปาวัสม์เต้นสะดุดก่อนจะรัวจนแทบจะหลุดออกจากอกอีกครั้ง เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าร้อนผะผ่าว เด็กสาวกลุ่มเดิมเดินกลับมาและตั้งต้นหัวเราะคิกคักกันอีกครั้ง เห็นดังนั้นร่างสูงก็ลนลานแกะแขนเด็กหนุ่มออกและแกล้งดุเสียงดังเพื่อกลบเสียงหัวใจเต้น

“รำคาญน่า ปล่อยได้แล้ว!”

ปาวัสม์มัวแต่แอบมองเด็กสาวกลุ่มนั้นจนแน่ใจว่าเดินไปลับตาจึงไม่ทันได้เห็นสีหน้าจืดเจื่อนของเด็กหนุ่มด้วยตกใจที่ถูกผลักออก เข้าใจผิดไปเสียถนัดว่าคงโดนรังเกียจเข้าให้แล้ว

นัยน์ตาสีดำขลับเงยขึ้นมองท้องฟ้า จากที่เคยแจ่มใสกลุ่มเมฆก้อนใหญ่เริ่มจับตัวหนา ฝนทำท่าจะตั้งเค้าเช่นเดียวกันกับม่านหมอกทึบทึมในหัวใจของเขา
******************************************** TBC *******************************************
จบแว้ววววววววววววววววววววววววว...
ขอโทษที่ให้ครึ่งหลังซะน๊านนนนน นานนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 10-02-2015 01:02:12
คนร่าเริงเฮฮา เวลาโกรธแล้วเงียบเนี่ย น่ากลัวเนอะ แต่น้องพลุแบบนี้ก็ชอบ ดูเท่ห์ดี
แล้วนี่พี่หมอปืน ตกลงยอมเป็นคุณอาด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหมเนี่ย 555
เทมส์ ก็น่ารักดีออกนะ รักและหวังดีกับพลุจริง ๆ  ชอบเวลาเรียกพี่หมอปืนว่าอาหมออ่ะ เหมือนเด็ก ๆ เลย
เรื่องครอบครัวของพลุนี่ก็พูดยากเนอะ น่าเห็นใจพลุ แต่ก็เข้าใจพ่อของพลุนะ อยากให้ดีกันไว ๆ จัง
แล้วตกลงเรื่องที่พลุอยากเป็นหมอ เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตอนนั้นยังไง  เกี่ยวกับพี่หมอปืนยังไง อยากรู้จัง
ปล. ขอโทษที่มาเม้นท์ช้านะคะ ยังติดตามเรื่องนี้เสมอน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:

มาช้าดีกว่าไม่มาค่ะ
แล้วก็ตามว่่า ลงตอน 6 จบแล้วน้า^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งแรก) [27/01/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 10-02-2015 01:06:03
จริงๆ กะว่าจะรอให้ครบตอนค่อยมาอ่านทีเดียว
แต่เห็นคนเขียนมาโพสในกระทู้ก็นึกว่ามาต่อแล้ว ก๊ากกก
ไม่เป็นไรค่า อ่านเลยล่ะกัน บอกตรงนี้ว่ารอครึ่งหลังอยู่นะคะ กิ๊วๆ

 :กอด1:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพอจะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง (แบบเดาๆ 555)
น้องพลุต้องเคยเจอหมอปืนมาก่อน สมัยที่หมอมาใช้ทุนที่เชียงใหม่รึเปล่า?
และต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้น้องตัดสินใจอยากเรียนหมอจนทะเลาะกับพ่อแบบนี้
แต่เห็นคุณพ่ออยากให้กลับบ้าน คุณพ่อน่าจะหายโกรธแล้วนิดนึงรึเปล่านะ? TvT
พาหมอปืนไปเที่ยวบ้านด้วยสิคะ บอกพ่อว่าเนี้ย ไม่ได้เป็นหมอ แต่อนาคตจะได้เป็นแฟนหมอแทน #เดี๋ยวๆ 5555

รอดูสองหนุ่มเค้าไปเที่ยวกัน >_<
ตอนที่หมอปืนแกล้งหยอกน้องพลุในห้องนอนน่ารักมากก เพิ่งรู้ว่าเป็นคนบ้าจี้ ชอบตรงหยิกจมูก
อ่านแล้วรู้สึกเอ็นดู หมอปืนบอกว่าตัวเองไม่แก่ แต่อ่านตอนที่เทมส์เรียกว่าอาหมอแล้วเรารู้สึกหมอปืนดูแก๊แก่ทุกที 5555

มันโดนตรงได้เป็นได้แฟนหมอนี่แหละค่ะ5555
ปล. หมอปืนฝากบอกเค้าไม่แก่นะ เพิ่งจะสามสิบถ้วนๆ 5555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 10-02-2015 01:34:30
 :o8:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-02-2015 02:01:13
โดนทักว่าเป็นพ่อนี่งั่กไปเลยค่ะ
แต่ว่าสมัยนี้ก็มีลูกทันใช้กันเร็วจริงๆ
หมอปืนแค่ 30 โดนทักว่าเป็นพ่อ

เราว่างวดนี้หมอปืนท่าทางออก*รับ*มากกว่าพลุนะ

คนเจียงใหม่ขอแซวหน่อยนะ
อ้ายสองคน(ปืน+พลุ) ยะอะหยังกั๋นในวัดเจ้า?
พี่ชายสองคนทำอะไรกันในวัดเหรอ? (เวอร์ชั่นภาษากลาง)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2015 02:27:46
กลังดีๆอยู่เชียว เจอคำพูดชวนเจ็บปวดใจอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-02-2015 03:12:04
เอ้ จะไดนิหา ไผรุกไผรับนิ งงเน้องง  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-02-2015 06:13:41
สงสัยหมอปืนจะเป็นโรคหัวใจ.......
อยู่ใกล้ชิดพลุทีไร มีอาการแปลกๆ (ยังไม่รู้ตัว)

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-02-2015 06:14:27
ต้องเข้าใจพี่หมอนะ ว่ากำลังสับสน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 10-02-2015 07:50:38
 :serius2: อย่าให้หมอปืนเป็นรับเลยน้า ถ้าหมอปืนรับเราจบกัน  :ling1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 10-02-2015 10:01:23
สั้นๆ  เลยน่ารัดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 10-02-2015 12:13:37
แค่ 30 แต่โดนทักแบบนี้ หน้าคุณหมอนี่ต้องไปไกลมากๆ แล้วล่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 10-02-2015 12:33:58
อิป้าชอบเรื่องนี้นะ แต่มาต่อเร็วหน่อยก็ดีนะอีหนู.....
ใครว่าวัยรุ่นใจร้อน  อิป้าก็ร้อนเหมือนกันนะแสดงว่า
ยังวัยรุ่นอยู่..อิอิ...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-02-2015 13:09:24
แย่แล้วพลุตีความผิดไป
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 10-02-2015 13:42:21
หมอปืนลุงมาก 55555555555555555
สามสิบถ้วนเองเนอะ ไม่แก่เนอะ ไม่แก่เลย
แค่เรี่ยวแรงเดินขึ้นบันไดไม่ค่อยจะมี แล้วยังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกันอีก
ถถถถถถถถถถถถถถถถ 555555555555555

หมอปืนวันไหนว่างๆ ไม่ได้ขึ้นเวรก็ไปออกกำลังกายนะคะ
เดี๋ยวสู้แรงน้องพลุไม่ได้ 55555 เป็นห่วงจากใจนะเนี่ย กลัวคนแก่เป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน
ก๊ากกกกกกกกกกกก

(หมอปืนบอกสนุกเนอะ แซะลุงทำไม 5555555)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 10-02-2015 15:41:37
โดนทักว่าเป็นพ่อนี่งั่กไปเลยค่ะ
แต่ว่าสมัยนี้ก็มีลูกทันใช้กันเร็วจริงๆ
หมอปืนแค่ 30 โดนทักว่าเป็นพ่อ

เราว่างวดนี้หมอปืนท่าทางออก*รับ*มากกว่าพลุนะ

คนเจียงใหม่ขอแซวหน่อยนะ
อ้ายสองคน(ปืน+พลุ) ยะอะหยังกั๋นในวัดเจ้า?
พี่ชายสองคนทำอะไรกันในวัดเหรอ? (เวอร์ชั่นภาษากลาง)

อ้อ~ นี่เองเราจับตัวกขค. ท่ี่เดินผ่านมาขัดจังหวะได้แล้วหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 10-02-2015 15:44:48
สั้นๆ  เลยน่ารัดอ่ะ
อะไรคะที่ 'น่ารัด' ?  :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-02-2015 15:54:12
เค้าหวั่นไหวกันแล้วววววววววววว
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 10-02-2015 22:41:15
“ป้อบ่สบายก่าพ่อหนุ่ม”  เจอประโยคนี้เข้าไป ก๊ากเลย   :laugh:
โถ ๆ พี่หมอปืน แก่ขึ้น ๆ ทุกตอนเลยนะ  จาก'พี่' มาเป็น 'อา' ต่อมา ได้เป็น 'พ่อ' ตอนหน้าจะเป็นอะไร 'ลุง'? 555
ใจเต้นแรงกับน้องพลุอีกแล้วนะ  :o8: แล้วยังไม่เข้าใจอาการที่เกิดขึ้นอีก เหมือนคนเพิ่งมีความรักครั้งแรกเลย
แฟนคนก่อน ๆ จนถึงรชญาเนี่ย หมอปืนเคยรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้ เหมือนที่เป็นกับน้องพลุไหมนะ
แต่จากลักษณะนิสัยหมอปืน ถ้ารู้ตัวว่ารู้สึกพิเศษกับน้องพลุขึ้นมา ก็คงจะยากนะ กว่าจะทำใจยอมรับได้
น้องพลุคงต้องเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้อีกเยอะแน่เลยอ่ะ ฮือออ  :mew6: พี่หมออย่าดุน้องบ่อย น้องเสียใจนะ แงง

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-02-2015 22:55:19
คนหนุ่มอายุแค่สามสิบโดนทักว่าเป็นพ่อเป็นลุงหมายความว่าไง คนหลักสี่ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ETERNITY ที่ 10-02-2015 23:01:00
สงสารคุณหมอจริงๆ สามสิบเองนะ
โดนทักว่ามากับลูกซะละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กำลังสงสัยในสิ่งที่ทุกคนสงสัย และกำลังคิดอยู่ว่าจะลงข้างไหนดี ฮ่าๆๆ
น้องพลุอย่าพึ่งเข้าใจผิดไปสิโธ่ววว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-02-2015 13:24:32
บทที่ 7 ความทรงจำในสายฝน

ในที่สุดฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้ทั้งสองต้องยกเลิกแผนเที่ยวทั้งหมดและขับรถกลับบ้าน

ขามาที่ว่าอึดอัดแล้วขากลับยิ่งมาคุกว่าเมื่อคนผมน้ำตาลเอาแต่นั่งเงียบ เขาเบียดตัวเองกับกระจกและเท้าคางมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างที่มีแต่สายฝน

คุณหมอหนุ่มเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยพลางเหลียวมองคนข้างกายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร หรือนี่เขาเผลอไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า แต่แค่ขอดูโทรศัพท์ก็ไม่น่าโกรธนานขนาดนี้นี่นา...

“ชิ! ฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางเลย เกลียดหน้าฝนชะมัด” ปาวัสม์กดเปิดไฟสูง พลันแสงไฟสาดส่องไปบนพื้นถนนกระทบเข้ากับเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งตรงหัวโค้งหักศอกที่สองข้างทางมืดทึบไม่มีบ้านคน “อ๊ะ!”

“มีอะไรหรือครับ” ภาวัฒน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสียงอุทานทำให้เขาเหลือบมาเห็นนัยน์ตาคมเหลียวมองหัวโค้งนั้นจนลับตาและบังเอิญว่าเขาเองก็กำลังมองมันอยู่เหมือนกัน

“แค่นึกอะไรขึ้นได้น่ะ” ปาวัสม์ตอบทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่กระจกมองหลัง

“อะไรเหรอครับ ตรงนั้นน่ะโค้งอันตรายเลยนะ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมาก หมอปืนเคยเห็นผีเหรอ”

“ผีเผอที่ไหนกัน อุบัติเหตุต่างหาก”

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมหันมามองเขาเต็มตา “อุบัติเหตุอะไรครับ”

นัยน์ตาคมเหลือบมองเม็ดฝนที่ร่วงจากฟ้ากระทบหน้าต่าง มันคือความทรงจำในลิ้นชักที่เขาไม่เคยปริปากเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนรักทั้งสองก็รู้เพียงแค่ผิวเผิน ปาวัสม์ตวัดสายตากลับมาสบนัยน์ตาสีดำขลับที่มองตรงมา

“ตอนฉันมาเป็นแพทย์ใช้ทุนใหม่ๆ...” ใจจริงไม่ได้อยากเล่าแต่ปากก็หลุดพูดออกไปเสียแล้ว ประกายจากนัยน์ตาคู่นั้นสะกดเขาได้อยู่หมัดจริงๆ “คืนนั้นฝนตกหนัก ฉันขับรถจะกลับโรงพยาบาลเห็นรถเก๋งคันหนึ่งชนอัดอยู่กับเสาไฟฟ้าตรงหัวมุมถนนนั่นก็เลยจอดรถลงไปช่วย มีคนเจ็บอยู่สองคนน่าจะเป็นพ่อกับลูก คนพ่อถูกอัดติดอยู่ในรถ ไม่รู้สึกตัวแต่ยังหายใจอยู่”

“มีคนเจ็บแค่สองคนเองเหรอครับ” นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลง คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน “แล้วคนลูกล่ะครับ”

“เด็กกระเด็นออกมาตกอยู่นอกรถ”

แม้จะเป็นความทรงจำเมื่อหกปีล่วงมาแล้วแต่ปาวัสม์ก็ยังคงจดจำได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

พายุฝนที่พัดโหมลงมาอย่างหนักทำให้แว่นตาพร่ามัวไปด้วยไอและน้ำฝน หมอจบใหม่ที่เพิ่งได้ออกมาใช้ชีวิตนอกรั้วโรงเรียนแพทย์อย่างเขาแทบทำอะไรไม่ถูกกับอุบัติเหตุที่ได้เจอกับตัวเป็นครั้งแรกในชีวิต

ร่างสูงที่เปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรตามคนมาช่วย แต่มือไม้ก็สั่นเสียจนทำมันร่วงลงไปข้างทางที่มีหญ้าขึ้นรกชัฏและมืดทึบ

‘ให้ตายสิ!’ เขาไถลตัวลงไปเพื่อหาโทรศัพท์ ปากก็บ่นอุบว่าหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ บางทีเขาน่าจะแค่ขับรถผ่านไปและตามกู้ชีพที่มีประสบการณ์มากกว่ามาช่วย ในที่สุดเขาก็เจอโทรศัพท์นอนเอ้งเม้งอยู่ในกอหญ้าและตอนนั้นเองที่หูได้ยินเสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือดังแว่วมาท่ามกลางเสียงฝนซัดสาด

‘ช่วยด้วย’

นัยน์ตาคมหลังกรอบแว่นมองฝ่าไปในความมืดและม่านเม็ดฝน ฟ้าแลบแปลบปลาบขึ้นเหนือหัวเกิดแสงสว่างวาบไปทั่วพริบตาหนึ่งทำให้เขาเห็นเด็กชายในชุดนักเรียนชั้นมัธยมคนหนึ่งนอนอยู่ในพงหญ้า

‘เป็นไงบ้างหนู’ ร่างสูงถลาเข้าไป แต่ของเหลวสีแดงที่ซึมเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวเป็นวงกว้างและไหลรินเป็นสายไปกับทางน้ำฝนทำให้คนเกลียดเลือดถึงกับผงะและหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ มันดูเกินกำลังจะรับมือไหว เขาหันหลังจะออกวิ่งเมื่อฝ่ามือเล็กๆ ของเด็กชายเอื้อมมาคว้ามือเขาไว้แน่น ‘ปล่อยสิ! ฉันจะไปตามคนมาช่วย’

แต่มือเล็กซีดนั้นไม่ยอมปล่อย ‘ได้โปรดช่วยผมด้วยครับ ผมเจ็บ’ เขาสะอื้นและเริ่มต้นร้องไห้อีกครั้ง

‘ไม่เอาไม่ร้องนะ’ ปาวัสม์เหลียวมองซ้ายขวาอย่างอับจนหนทาง ไม่ว่าจะหันไปทางทิศไหนก็มีแต่ความมืดกับสายฝน ลำพังแค่อุบัติเหตุเขาก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก แล้วนี่ยังต้องมารับมือกับเด็ก สิ่งมีชีวิตที่เขาเกลียดที่สุดในสามโลกอีก

พลันเสียงหวอของรถกู้ชีพดังขึ้นราวกับเสียงจากสวรรค์ ปาวัสม์มองเด็กคนนั้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำรื้นน้ำตาจ้องกลับมา ถึงจะน่าสงสารและอยากช่วยแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจดึงฝ่ามือนั้นทิ้งแล้ววิ่งกลับขึ้นไป

ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังรีบเร่งงัดซากรถ ปาวัสม์วิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาคนในชุดหมีคนหนึ่งที่กำลังใช้คีมเหล็กตัดประตูรถเก๋งออก ‘มีเด็กได้รับบาดเจ็บอยู่ข้างทางอีกคนครับ’

‘ครับๆ’

เจ้าหน้าที่กู้ภัยรับคำแต่ก็ไม่มีใครขยับออกไปเพราะอาการของคนที่ติดอยู่ในรถกำลังเข้าขั้นโคม่า

‘เดี๋ยวผมจะส่งคนลงไปดูเอง แล้วคุณก็ช่วยออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย มันอันตราย!’

เจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกคนหันมาดุ ด้วยความเซ่อซ่าท่าทางเงอะงะทำให้พลเมืองดีโดนเข้าใจผิดว่าเป็นไทยมุงไปเสียถนัด

‘ครับ’ แม้จะเสียหน้าแต่ก็โล่งใจ ปาวัสม์กำลังจะถอยฉากไปขึ้นรถเมื่อหูได้ยินเสียงร้องไห้แว่วมาตามสายลมที่พัดหวีดหวิว แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นยังคงไม่ใครปลีกตัวออกจากซากรถและคนเจ็บเพื่อไปช่วยเจ้าของเสียงได้

ไม่สิ!... ไม่ใช่ว่าปลีกตัวไม่ได้ แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ยินหรือสนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นเลยนอกจากเขา!

ลมเย็นพัดวาบ สายฝนซัดสาดหนักขึ้นทุกที ปาวัสม์กัดฟันแน่นเนื้อตัวเปียกปอน หนาวสั่น เขาน่าจะกลับไปขึ้นรถ และรีบกลับไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล เขาทำดีที่สุดแล้ว ตรงนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้เลยสักอย่าง

แต่ว่า... ถ้าขืนชักช้าและปล่อยไปแบบนี้เด็กคนนั้นอาจจะตายก็ได้นะ...

นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นปรากฏขึ้นในความคิด ปาวัสม์ขบเม้มริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำอีกจนห้อเลือด สองมือกำเป็นหมัดแน่นกับการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต และมัน... ‘เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล’

‘นี่เรามัวทำอะไรอยู่เนี่ย เราเองก็เป็นหมอไม่ใช่เหรอ!’ บอกกับตัวเองแล้วกลับหลังวิ่งลงไปอีกครั้ง

เด็กชายยังนอนอยู่ที่เดิม เขาเรียกหาคนช่วยและสะอื้นไห้จนแทบไม่มีแรงเหลือ

ปาวัสม์คุกเข่าลงข้างร่างเล็ก ‘ประเมินตาม ABCD’ เขาพูดเสียงดังพยายามตั้งสติขุดสิ่งที่ร่ำเรียนมาหกปีออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ‘เด็กยังร้องไห้ได้เสียงดังขนาดนี้ แสดงว่า Air way กับ Breathing ไม่มีปัญหา’

เด็กชายแผดเสียงขึ้นอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดเพราะมือใหญ่จับไปตามใบหน้าที่มีรอยแผลถลอก

‘หรือจะมีนะ’ ปาวัสม์กัดฟันเขาทนเสียงร้องไห้ไม่ได้จริงๆ ‘หนูจ๊ะ ฉันกำลังพยายามช่วยหนูอยู่ ฉันรู้ว่าหนูกลัว ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน หนูหยุดร้องไห้แล้วเรามาสู้ไปด้วยกันนะ’ พูดไปพลางก็มองหาของหลอกล่อเด็ก แล้วก็นึกได้ว่าบัตรประจำตัวโรงพยาบาลของตนมีตุ๊กตาโดราเอมอนตัวเล็กๆ ห้อยไว้อยู่ เขารีบหยิบมันออกมา ‘ดูสิจ๊ะหนูนี่อะไรเอ่ย’

เหมือนจะได้ผล แม้จะยังสะอื้นฮักแต่เด็กชายก็หยุดร้องและมองจ้องหน้าคม ‘ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ’

ปาวัสม์ไม่สนใจคำที่เหมือนจะต่อว่ากลายๆ นั่น ‘หนูเจ็บตรงไหนจ๊ะ’ 

เด็กชายยกมือขึ้นกุมท้องบริเวณที่เสื้อเป็นวงปื้นสีแดงชัดเจน ‘ตรงนี้ครับ ‘

‘ยังขยับแขนขาได้ ไม่มีปัญหาเรื่องการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังสินะ... Deformity ผ่าน’ ปาวัสม์ตั้งสติคิดต่อ ‘ดังนั้นปัญหาอยู่ที่ Circulation แน่นอน’ ร่างสูงกลั้นใจเปิดเสื้อดูปากแผล มันเป็นแผลฉีกขาดขนาดไม่ใหญ่นักแต่เลือดยังไหลไม่หยุด เขาถอดเสื้อตัวนอกออกมาม้วนกดบริเวณปากแผลไว้ มือเล็กยกขึ้นจับมือเขา ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ‘ฉันกำลังหยุดเลือดให้อยู่ ทนเจ็บหน่อยนะ’

ร่างสูงเหลียวมองไปบนริมทางที่ยังคงปราศจากวี่แววการช่วยเหลือ เขาหันกลับมาสบนัยน์ตาสีดำขลับที่เป็นประกายนั้น พลันหัวใจที่กำลังหวาดหวั่นก็เกิดความฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง เขาตัดสินใจเคลื่อนย้ายคนไข้ ‘ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาหนูขึ้นไปข้างบน’
ใบหน้าเล็กๆ เม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นและพยักหน้ารับ ปาวัสม์ใช้มือข้างที่ว่างช้อนศีรษะในขณะที่ลำแขนผอมบางเอื้อมมาเกาะเกี่ยวเขาไว้

แต่แล้วจู่ๆ นัยน์ตาสีดำขลับนั้นก็เบิกค้างและเลื่อนลอย มือที่จับแขนเขาไว้ปล่อยตกห้อยลงข้างตัว

‘หนู!’ ปาวัสม์ร้องลั่นและวางร่างเล็กลงอีกครั้ง ‘ตื่นสิ!’ เขาทาบนิ้วสัมผัสบริเวณข้างลำคอ ภาวนาจนหมดใจขอให้สิ่งเลวร้ายที่สุดที่คิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น

ทว่าสิ่งที่ปลายนิ้วสัมผัสได้มีเพียงความเย็นเยียบของผิวหนัง ไร้ซึ่งการมีอยู่ใดๆ ของสัญญาณชีพ ปาวัสม์ไม่คิดอะไรอีกแล้ว เขาทำตามสัญชาตญาณทันที ในขณะที่ปากก็ตะโกนเรียกหาความช่วยเหลือแข่งกับเสียงสายฝนและเวลาที่กำลังหมดลงทุกที

“แล้วหมอปืนทำยังไงต่อ” มือทั้งสองของภาวัฒน์กำแน่น รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นตามไปด้วย

“ฉันก็เลยต้อง CPR น่ะสิ” ปาวัสม์บอก “ฉันตั้งหน้าตั้งตาปั๊มอย่างเดียวไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย ปั๊มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าหน้ากู้ภัยกับทีมพยาบาลมา รู้ตัวทีหลังก็พบว่าตัวเองทำ CPR คนเดียวไปตั้งชั่วโมงแน่ะ”

“ทำไมหมอปืนไม่หยุดหรือคิดยอมแพ้ล่ะครับ” เด็กหนุ่มถาม “ไม่เหนื่อยเหรอ ปกติปั๊มแค่รอบเดียวสองนาทีก็หอบแฮ่กแล้ว นี่คิดจริงๆ เหรอครับว่าเด็กคนนั้นจะรอด”

“บอกตรงๆ นะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย” ปาวัสม์ตอบคำถามที่เต็มไปด้วยตรรกะยืดยาวด้วยความรู้สึกจากใจเพียงอย่างเดียว “จะว่ายังไงดีล่ะ... ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาทีเด็กนั่นยังมองฉันตาแป๋วแล้วกำมือฉันแน่นอยู่เลย” ภาพประกายในนัยน์ตาที่หม่นแสงลงวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง รวมทั้งความอบอุ่นจากปลายนิ้วที่เย็นลงรวดเร็วจนน่าใจหายและร่างเย็นเยียบที่ล้มลงในอ้อมแขน “จู่ๆ จะมาตายไปต่อหน้า ฉันทนไม่ได้หรอก ฉันแค่ไม่อยากให้เด็กคนนั้นตาย”

“แล้วถ้าสมมุติว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กไม่ดี หรือถ้ารอดแล้วจะโตมาเป็นโจรเหมือนในหนังอะไรแบบนั้นหมอปืนจะไม่มาเสียใจทีหลังเหรอครับ”

“การช่วยชีวิตคนไม่มีแบ่งแยกคนดีคนเลวหรอก ค่าชีวิตของทุกคนมีเท่าเทียมกัน” ปาวัสม์บอก “แต่ถ้าเด็กคนนั้นโตมาเป็นคนเลวล่ะก็... เอาไว้ให้ฉันเจอหน้าก่อนเดี๋ยวจะจับแก้ผ้าตีก้นสั่งสอนให้สำนึกเอง”

มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกำลังอมยิ้ม “เด็กคนนั้นคงซึ้งใจน่าดูที่หมอปืนช่วยชีวิตเขาไว้”
คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “นายรู้ได้ไงว่าเด็กคนนั้นรอด”

“คุณหมอคงไม่ได้ฉายาเทพแห่งER มาลอยๆ หรือเพราะมีดีแค่หน้าตาใช่ไหมล่ะครับ”

“ปากหวานจริงนะ” ปาวัสม์ยิ้ม “ก็คงใช่แหละ... เพราะนับตั้งแต่ CPR เด็กคนนั้นเป็นคนแรกในชีวิต ฉันก็ไม่เคย CPR ใครแล้วไม่รอดเลย... ถ้าฉันเป็นเทพ เด็กคนนั้นก็คงเป็นนางฟ้าอุปถัมภ์หรือตัวนำโชคของฉันล่ะมั้ง”

ภาวัฒน์แทบเอาหัวโขกกระจก นึกอิจฉาเด็กคนนั้นขึ้นมาซะเฉยๆ คำว่า ‘คนแรก’ มันฟังดูพิเศษจริงๆ “ไม่เห็นเกี่ยวกับเด็กคนนั้นสักหน่อย คุณหมอของผมเก่งเองต่างหาก”

“แน่ะ” ปาวัสม์จุ๊ปาก “แล้วยังบอกอีกว่าไม่ใช่คนปากหวาน ช่างพูดช่างยอจริงนะเรา” ว่าพลางละมือจากพวงมาลัยรถมาขยี้เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั้นเล่นทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

“หมอปืนอ่ะ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย ผมโตแล้วนะ”

ปาวัสม์ยิ้มขำ “โตแต่ตัวน่ะสิ เจ้าเด็กแสบ” ว่าแล้วก็คว้าหลังศีรษะภาวัฒน์อีกครั้งแล้วจับโยกเบาๆ 

เด็กหนุ่มสลัดศีรษะเป็นอิสระได้ในที่สุดและขยับตัวหนีจนชิดหน้าต่าง ใช่ว่ารังเกียจแต่เขากลัวว่าคุณหมอหนุ่มจะสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนของหัวใจที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอก ใบหน้าร้อนจนแทบไหม้ เขาเสมองวิวข้างนอกหน้าต่างพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง บังแก้มตนที่กำลังแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ จากสายตาคนข้างตัว

“หมอปืนรู้ไหม... ผมชอบวันฝนตกที่สุดเลย” เขากระซิบ

ฝนที่กำลังตกหนักเริ่มซาเม็ด ตีนฟ้าเริ่มเปิดเห็นขอบฟ้าสีอมส้มสดใส เช่นเดียวกันกับดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดแสงอยู่ในใจของเด็กหนุ่ม
OOOOOO
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่6 เล่าสู่กันฟัง(ครึ่งหลัง) [10/02/58] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-02-2015 13:26:31
บทที่ 7 ความทรงจำในสายฝน (ต่อ)
“กลับมาแล้วเหรอ” ศุภพัฒน์รีบวิ่งออกมารับทั้งสองที่หน้าบ้านเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอด และกระโดดกอดคอภาวัฒน์จากทางด้านหลังให้หายคิดถึงทันทีที่ก้าวลงจากรถ “เป็นไง ไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง”

“ดอยสุเทพ” ภาวัฒน์แกะมือคนตัวโตกว่าออกจากรอบคอ ไม่ใช่ว่าเหม็นกลิ่นตัวคนเพิ่งฝึกคาราเต้เสร็จมาใหม่ๆ แต่เพราะศุภพัฒน์ไม่ได้สวมเสื้อผ้าท่อนบนสักชิ้น แผงอกกว้างชื้นเหงื่อถูไถกับแผ่นหลังเขาอย่างตั้งใจ

คนตัวโตไม่ยอมรามือง่ายๆ เขาวางมือแหมะลงบนหัวไหล่ข้างหนึ่งและวางคางเกยลงบนบ่าอีกข้าง “สนุกไหม”

“ไปไหว้พระนะไม่ได้ไปสวนสนุก... ปล่อยได้แล้วเทมส์!” ภาวัฒน์หันมาย่นคิ้วให้และพูดออกมาตรงๆ เมื่อเห็นว่าแค่การกระทำไม่อาจปฏิเสธคนที่กำลังนัวเนียเขาอยู่ได้ “ไปอาบน้ำอาบท่าไปแล้วก็รีบเข้านอนด้วยล่ะอย่ามัวแต่เวิ่นเว้อเล่นมือถือ พรุ่งนี้เช้าฉันอยากซักซ้อมอีกสักทีก่อนพูดจริงน่ะ”

“ครับ คุณเพื่อน” คนตัวโตยอมปล่อยมือในที่สุด ภาวัฒน์ปลีกตัวเดินกลับห้องไป แต่เขายังรีรอยืนอยู่ และคว้าแขนปาวัสม์ที่กำลังจะเดินตามไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

คุณหมอหนุ่มย่นคิ้วพร้อมกับรั้งแขนกลับ “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนี่ ทำไมเหรอ”

“ผมแค่แปลกใจน่ะ ที่จู่ๆ หมอนั่นก็อารมณ์ดีขึ้นมาดื้อๆ ปกติถ้าผมแกล้งลวนลามถึงขนาดนี้หมอนั่นได้เตะก้านคอหรือไม่ก็ต่อยตาแตกไปแล้ว”

“คนตัวโตเป็นยักษ์ปักหลั่นแถมเป็นแชมป์คาราเต้สองสมัยซ้อนอย่างนายเนี่ยนะโดนหมอนั่นสวน บ้าไปแล้วหรือไง จะโม้อะไรก็ให้น่าเชื่อหน่อย” ปาวัสม์พูดห้วนๆ อยู่ดีๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างงั้น

ศุภพัฒน์ไหวไหล่ “ไม่เชื่อก็ตามใจ ว่าแต่จะเล่าได้หรือยังครับว่าตกลงไปทำอะไรกันมา”

ปาวัสม์มองตามแผ่นหลังคนหัวยุ่ง จริงอย่างที่ศุภพัฒน์ตั้งข้อสังเกตแม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่บรรยากาศที่นั่งมาด้วยกันในรถขากลับแตกต่างจากขาไปอย่างสิ้นเชิง เขาคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งวัน คิดไม่ออกว่าจะมีอะไร ‘พิเศษ’ ที่จะทำให้จอมทะเล้นอารมณ์ดี จะมีก็แต่เขานี่แหละที่เป็นฝ่ายโดนทำให้ยิ้มออกอยู่คนเดียว “ไม่รู้สิ”

ศุภพัฒน์เหลือบมองจนภาวัฒน์เดินลับตาจึงหันกลับมาจ้องตาคุณหมอหนุ่มจริงจังคาดคั้น ถึงจะมืดและแค่แป็บเดียวแต่รอยริ้วสีแดงที่เห่อเต็มแก้มร่างโปร่งนั้นไม่อาจหลุดลอดสายตาเขาไปได้ “วันนั้นที่เจอกันที่ลานจอดรถ อาหมอบอกผมว่าพลุเป็นน้องชายใช่ไหมครับ”

“ถึงจะเมาแต่ก็ความจำดีนี่” ปาวัสม์จ้องกลับไม่คิดจะหลบตาเด็กหนุ่มเช่นกัน “แล้วมันมีอะไรเหรอไง”

“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ แค่จะเตือนว่าอย่าได้ริทำอะไรเกินหน้าที่ ‘พี่ชาย’ นะครับ”

หัวใจของปาวัสม์สั่นนิดๆ ราวกับคำพูดนั้นไปสะกิดโดนปุ่มอะไรบางอย่างเข้า เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด “นายตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่เทมส์”

“ผมรักพลุ” ศุภพัฒน์พูดชัดเจน “ถึงสุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหมอนั่นจะเป็นได้แค่เพื่อนสนิท และวันหนึ่งผมจะต้องปล่อยมือเขาไปให้คนอื่น แต่อย่างน้อยผมจะทำให้แน่ใจว่าคนที่มาจับมือเขาจะไม่ใช่แค่พวกอ่อนไหว หรือหมาหยอกไก่ที่เข้ามาให้ความหวังลมๆ แล้งๆ แล้วทิ้งขว้างกันไปง่ายๆ”

“นึกว่าเรื่องอะไร” ปาวัสม์แค่นหัวเราะ “ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะฉันมีแฟนแล้ว และเราก็รักกันดี”

“ถ้างั้นก็ดีแล้วครับ” ศุภพัฒน์บอก “แล้วอาหมอก็กรุณาอย่าลืมนะครับ ไม่ใช่แค่คำพูดเมื่อกี้ แต่อย่าลืมว่าแฟนอาหมอก็รักอาหมอมากเหมือนกัน อย่าทำร้ายคนรักด้วยการนอกใจ... ขอบคุณนะครับที่รับฟัง” เขาค้อมศีรษะให้เล็กน้อยและขอตัวเดินแยกกลับไปยังห้องนอนของตน

“ไอ้เด็กปากดีเอ๊ย!” ปาวัสม์สบถลอดไรฟัน พลางหมุนตัวเดินกลับห้องบ้าง
OOOOOO

“หมอปืนหงุดหงิดอะไรอยู่เหรอ” ภาวัฒน์ตั้งข้อสังเกต ตั้งแต่กลับมาถึงห้องปาวัสม์ก็ไม่พูดไม่จา ปลีกตัวเดินออกไปนั่งรับลมที่ระเบียง อีกทั้งคนที่ปากบอกเกลียดการพิมพ์ยังเลือกวิธีการส่งข้อความหาแฟนสาวแทนการโทรศัพท์

“เปล่านี่” ตอบได้แค่นั้นเพราะปาวัสม์ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ‘อะไร’ ที่เป็นสาเหตุทำให้หัวใจเจ็บแปลบปลาบอยู่แบบนี้
เขามีแฟนแล้วและเขาเองก็ชอบผู้หญิงเรื่องนี้ไม่มีวันผิดเพี้ยนแน่  แล้วภาวัฒน์ก็เคยบอกชัดเจนว่าต่อให้ชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่มีวันยุ่งกับเพื่อนร่วมงาน... ไม่มีวันยุ่งกับเขาเด็ดขาด

พลันหัวใจที่เจ็บแปลบเบาโหวงราวกับมันหลุดหายไปจากอก จนเขาต้องยกมือขึ้นทาบหน้าอกให้แน่ใจว่ามันยังคงเต้นอยู่
ภาวัฒน์เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างกัน “เทมส์มาพูดอะไรแปลกๆ ให้ฟังหรือเปล่า”

“อะไรล่ะที่ว่าแปลกน่ะ เพื่อนนายก็ทั้งแสบทั้งแปลกไม่แพ้นายน่ะแหละ”

“มันเกี่ยวกับผมใช่ไหม”

“...”

“มันเรื่องอะไรบอกผมได้ไหมครับ”

ปาวัสม์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นบางอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “เรื่องที่นายทะเลาะกับพ่อและหนีออกจากบ้านมา” แทนที่จะเล่าเรื่องตัวเอง สู้ฉวยโอกาสนี้คุยกับเด็กหนุ่มให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า

ภาวัฒน์อึ้งไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้ “แล้วหมอปืน... คิดว่าไงครับ”

“มันเป็นเรื่องระหว่างนายกับพ่อ ดังนั้นทั้งสองคนต้องคุยกันเอง นอกเสียจากว่า...”

“นอกเสียจากว่าอะไรครับ”

“นายจะยอมบอกว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นายทะเลาะกับพ่อและทิ้งบ้านมา” มันไม่ใช่คำถามแต่ปาวัสม์กึ่งร้องขอให้คนปากแข็งช่วยเปิดใจให้เขา “เผื่อมันจะทำให้ฉันและคนอื่นๆ รู้อะไรมากขึ้นและหาทางช่วยนายได้”

“ในที่สุดคุณหมอก็ถาม”

“นายก็ตอบสิ”

แต่คำตอบที่ได้ยังคงเป็นความเงียบ ปาวัสม์เม้มริมฝีปากตัดสินใจ เขาไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องเสียใจเหมือนอย่างที่เขาเคยเป็น “นายรู้ไหมว่าผู้หญิงคนที่ทำให้ฉันเกลียดการส่งข้อความเป็นใคร”

“แฟนเก่า?”

ปาวัสม์ส่ายหน้า

“พี่อุ้มเหรอครับ”

ปาวัสม์ส่ายหน้าอีกครั้ง “แม่น่ะ... พ่อจากฉันกับแม่ไปตั้งแต่ก่อนฉันเกิด แม่ทำงานเป็นกัปตันในบาร์ของเพื่อนหาเงินเลี้ยงฉันมาลำพังแบบตามใจสุดๆ เพราะอยากให้ฉันรู้จักการใช้ชีวิต แม่จึงไม่เคยบ่นไม่ว่าฉันจะกินเหล้าหรือเที่ยวหนักแค่ไหนขอแค่ฉันไม่ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนและกลับบ้านทุกวัน แม่เข้มแข็งมาก มากจนฉันลืมไปว่าแม่ก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง

วันนั้นแม่ทะเลาะกับตายายที่มาเยี่ยม ฉันไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่คืนนั้นแม่ก็ออกไปทำงานตามปกติ ฉันพยายามโทรหาอยากรู้ว่าแม่โอเคไหม แต่แม่ไม่ยอมรับสายและส่งข้อความมาบอกว่าสบายดีพร้อมกับตัวการ์ตูนหน้าตายิ้มแย้ม ฉันก็ไม่เอะใจอะไรจนกระทั่งตอนเช้าที่เพื่อนแม่ซึ่งเป็นเจ้าของบาร์พาแม่ในสภาพที่เมามายขอบตาบวมช้ำมาส่งบ้าน ตอนหลังฉันถึงได้รู้ว่าตายายมาเพื่อดูว่าฉันกับแม่อยู่ยังไงและโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงคิดว่าแม่ไม่ดูแลปล่อยให้ฉันเป็นพวกสัมเลเทเมาจึงต่อว่าเสียยกใหญ่แถมยังบังคับจะเอาฉันไปอยู่ด้วย”

“แล้วหมอปืนทำยังไง”

“ฉันก็แค่เอาผลการเรียนกับรายงานที่ถึงจะไม่เลิศเลอแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีไปยืนยันว่าถึงจะทำตัวไม่ดีแต่ก็ใส่ใจการเรียนนะ” ปาวัสม์ขยิบตา “นายอย่าลืมสิว่าฉันมีใครเป็นแบคอัพ... บอกแล้วไงว่าถ้าไม่มีอุ้มฉันเรียนไม่จบแน่แล้วอาจยังต้องไปอยู่บ้านนอกอีก” เขาหลุดขำออกมาเล็กน้อย และเอื้อมมือไปกุมมือภาวัฒน์ไว้ “อย่าซ่อนน้ำตาไว้หลังรอยยิ้ม มีอะไรเก็บไว้คนเดียวน่ะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ... เล่ามาเถอะอะไรก็ได้ที่นายอยากเล่า”

เด็กหนุ่มเงียบไปอีกอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วนี่ครับเรื่องความฝันของผม นั่นล่ะครับคือเหตุผลทั้งหมด”

ปาวัสม์นิ่วหน้า นึกถึงเรื่องราวที่รับฟังมาในค่ำคืนที่ดื่มจนเมามายนั้น “เรื่องที่ว่าอยากช่วยชีวิตคนก็เลยมาเป็นหมอน่ะเหรอ” ทว่าในใจลึกๆ เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยังมีอะไรที่สำคัญมากกว่านั้น แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่เขาก็นึกไม่ออกสักที

แม้ภาวัฒน์จะแอบผิดหวังเล็กๆ ที่ปาวัสม์จำสิ่งที่เขาเคยเล่าไม่ได้ทั้งหมด แต่ใจนึงก็นึกโล่งอกด้วยเพราะเขาเองก็ใช่ว่าพร้อมสารภาพ ‘เรื่องนั้น’ ออกมาซะเมื่อไหร่ “หมอปืนว่ามันงี่เง่าหรือเปล่า”

“ไม่มีความฝันไหนงี่เง่ามากไปกว่าความเป็นจริงหรอก โดยเฉพาะเรื่องที่นายอยากจะช่วยชีวิตคน ฉันคิดว่ามันน่าชื่นชมออกนะ”

“ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้แต่ผมก็ยังดิ้นรนและดื้อแพ่งอย่างไร้เหตุผลน่ะเหรอครับ” ภาวัฒน์ถามกลับ “มีแต่คนบอกให้ผมเลิก พยายามไปก็ไร้ค่า”

“แต่นายก็ได้พยายามแล้วนี่” ปาวัสม์ยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ให้เรียบลงพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไม่สำเร็จก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยนายก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว บางครั้งระหว่างทางที่เดินไปจนถึงฝันแม้จะไม่ราบเรียบแต่มันก็มีค่าน่าจดจำและสร้างความสุขให้เราได้ยิ่งกว่าการไปถึงความฝันเสียอีกนะ”

“แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เป็นหมอ” เสียงของภาวัฒน์หม่นเศร้า “แถมยังหนีออกจากบ้านมาอยู่กับศูนย์กู้ชีพอีก”

“ก็บอกแล้วไงว่าความเป็นจริงน่ะมันงี่เง่า เพราะคนที่ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอ แถมมาสอบตามเพื่อนอย่างฉันยังได้เป็นหมอเลย” ปาวัสม์หัวเราะลงคอ “แต่เป็นกู้ชีพแล้วยังไงล่ะ ตกลงนายมีความสุขหรือเปล่า”

ภาวัฒน์ไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเงียบๆ

“งั้นก็พยายามต่อไปสิ” ปาวัสม์บอก “ตราบใดที่ฝันนายไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ผิดนี่ที่นายจะสู้เพื่อมัน การเป็นหมอทำให้ฉันได้เห็นคนเจ็บคนตายมาเยอะ หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเจอคนที่จู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุและมาตายไปโดยทิ้งความฝันและสิ่งที่อยากทำมากมายไว้เบื้องหลัง... ชีวิตคนเราน่ะมันสั้นเกินกว่าจะยอมแพ้หรือรีรออะไร แค่ทำวันนี้ให้เป็นวันที่นายกล้าพูดได้เต็มปากว่าต่อให้พรุ่งนี้ต้องตาย ฉันก็ไม่เสียใจ” เขาบีบไหล่เด็กหนุ่มครั้งหนึ่งเพื่อให้กำลังใจ “ไปคุยกับพ่อซะ ฉันเชื่อว่าท่านต้องรับฟังนายแน่นอน” 

“ขอบคุณครับ ไว้ผมจะลองพยายามดูนะ” รอยยิ้มบางวาดขึ้นบนเรียวปากของเด็กหนุ่ม “ไปนอนกันเถอะครับ นี่ก็สี่ทุ่มแล้ว”

“เพิ่งจะสี่ทุ่มเองเหรอ” ปาวัสม์เหลือบตามองนาฬิกาแขวนบนผนัง “นี่ถ้าอยู่กรุงเทพ ตอนนี้ฉันคงกำลังเข้าเวรและยุ่งเป็นอีเพิ้งเซิ้งยันเช้าเลยล่ะ ไม่ได้มานั่งสบายๆ คุยกับนายแบบนี้หรอก”

ทั้งที่มาถึงเชียงใหม่เมื่อใกล้เที่ยง หากความเรียบง่ายและสงบสุขตามวิถีคนต่างจังหวัดนั้นช่างแตกต่างกับชีวิตในเมืองหลวงที่ปาวัสม์จากมาลิบลับ แม้วันนี้เขาจะได้ไปทำอะไรมามากมายแต่ก็ดูราวกับเวลามันเดินช้าลง

นัยน์ตาคมเหลียวมองรอบตัวก่อนจะมาหยุดลงที่ดวงตาคู่หนึ่ง ประกายบางอย่างในนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นสะดุดและเผลอหลุดปากพูดสิ่งที่เก็บอยู่ในใจออกไป

“ตาน่ะ”

“หมอปืนพูดว่าอะไรนะครับ” ภาวัฒน์เอียงคอด้วยความสงสัย

“เมื่อเย็นนายถามฉันใช่ไหมว่าทำไมถึงมุ่งมั่นจะช่วยเด็กคนนั้นให้ได้” ปาวัสม์มองนัยน์ตาคู่นั้นตอบกลับไป “มันเป็นเพราะแววตาน่ะ แววตาใสซื่อที่มองฉันราวกับจะอ้อนวอน... แต่เมื่อมองลึกเข้าไปแล้วฉันก็พบว่าตัวเองคิดผิด จริงๆ แล้วมันคือความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และเด็กคนนั้นก็กำลังสู้กับสิ่งที่เรียกว่าความตาย ในความคิดของฉันสิ่งที่ฉันทำไม่ใช่การช่วยชีวิต ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันทำได้นั่นคือสู้เป็นเพื่อนเขาและไม่ทอดทิ้งเขา... แววตานั่นมันเหมือนกับของนายไม่มีผิด แววตาที่มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้”

นัยน์ตาคนตรงหน้าวูบไหว ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรคือความกลัดกลุ้มที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาที่ได้เห็นเมื่อวันหลายวันก่อน ปาวัสม์หลุบสายตาลงต่ำ ปลายนิ้วยกขึ้นสัมผัสกระดุมชุดนอนเม็ดที่สองของเด็กหนุ่ม... เม็ดที่อยู่ใกล้หัวใจมากที่สุดพร้อมกับคว้ามือที่เย็นชื้นมากุมไว้และบีบแรงๆ ส่งผ่านความอบอุ่นจากมือนี้ไปให้ถึงหัวใจของเด็กหนุ่ม

“ฉันสัญญา ตราบที่นายไม่ยอมแพ้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนาย... เรามาช่วยกันติดกระดุมด้วยกันนะ”

ริมฝีปากบางขยับพยายามจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ภาวัฒน์พยักหน้าเบาๆ และบีบมือตอบ
***************************************************************************************
ถาม... เป็นไงมาไงทำไมวันนี้มาอัพได้ล่ะเนี่ย?
ตอบ... เพราะเลกกี้คิดว่า ' ศุกร์ 13 ไม่น่ากลัวเท่า เสาร์ 14 '
ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆนะคะ^^
และในโอกาสนี้เลกกี้ผู้ไม่กลัวอาถรรพ์ใด (เฟรดดี้ก็เฟรดดี้เหอะ เจอเลกกี้แล้วจะหนาววาบๆ ถึงไขสันหลัง555) ขออนุญาตแจ้งอะไรกับทุกคนหน่อยนะคะ
คือเลกกี้จะเลิกแต่งเรื่องนี้ล่ะค่ะ เบื่อขี้หน้าหมอปืน รำคาญเจ้าเด็กแสบ ขอตัดจบดื้อๆ แค่นี้เลยนะคะ
ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงจุดนี้
...
....
.....
......
ไม่ใช่ล่ะ มันไม่ขำ-_-" เค้าล้อเล่นนนนนนน (มุกค่ะมุกอย่าเพิ่งโกรธเขวี้ยงคอม/โทรศัพท์ทิ้งน้า)
เข้ารเรื่องเลย คือ เรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์ค่ะ ส่วนรายละเอียดรอติดตามนะคะ^^
ทีนี้ มีเรื่องรบกวนคนอ่านจริงๆ ล่ะ... (บอกก่อนบทที่ 7 นี่ยังไม่ได้ครึ่งเรื่องเลยนะคะ) เลกกี้ได้การบ้านมาคือ 'ตอนพิเศษ' ค่ะ
ดังนั้นเรื่องที่จะรบกวนคือ รีเควสมาเลยค่ะ อยากได้ฉาก โมเมนท์ โรแมนติก ดราม่า ฮาๆ วันสำคัญ ได้หมดค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยทำการบ้าน อิอิ

ปล. ขอบคุณ พี่ west , Ailime13 , Pure love ที่ช่วยรีวิวและ Recomend เรื่องนี้ รวมทั้งคนอ่านทุกคนที่ช่วยคอมเมนท์ด้วยนะคะ มันคือกำลังใจที่เราอ่านซ้ำๆ ได้แบบไม่มีเบื่อจริงๆ
Happy Valentine Day ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 13-02-2015 13:45:13
 :z13:

จิ้มๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2015 15:31:14
อ่านตอนนี้แล้วมีกำลัังใจขึึ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-02-2015 16:24:30
หน่วงๆที่หัวใจตามพลุเลย
ว่าไปแล้วจะเป็นพรหมลิขิตหรือว่าพลุลิขิตเอ่ยที่หมอปืนกับพลุได้มาเจอกัน (อีก?)

เห็นแว่บๆคนเลข 4 ที่อ่อนไหวกับการที่หมอปืนโดนเรียกว่าป้อ
แนวร้วมอยู่ตรงนี้นะคะ ถ้าหมอปืนป้อ แล้วเราจะเป็นอะไรเนี่ย - ทวด?

ยินดีด้วยค่ะที่จะได้ออกเป็นเล่ม เดี๋ยวหยอดกระปุกรอนะคะ

เรื่องวาเลนไทน์ไม่รู้สิ เราว่าทุกนาทีที่พลุได้อยู่กับหมอปืนก็น่าจะมีค่ามากกว่ามันวาเลนไทน์ไหนๆเสียอีก
โทษทีค่ะ เราไม่ใช่คนโรมันติก ปกติกระติกเกิน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-02-2015 16:27:57
จะยอมกลืนน้ำลายตัวเองกันมั้ยนี่
ว่าแต่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานโดยตรงนี่หว่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-02-2015 19:32:40
หมอปืนบอกให้พลสู้ไปด้วยกัน  มันอบอุ่นมาก
มีพลังมีกำลังใจสู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ETERNITY ที่ 14-02-2015 00:03:56
รู้สึกแบบฟอลลิ่งอินเลิฟวิทหมอปืน งื่อออ
คือแบบแอบหลงรักความคิดคุณหมอๆๆๆ

ไว้จะรออุดหนุนเล่มตีพิมพ์ค่ะ
ถ้าฉากที่อยากได้ ตอนไหนก็อยากได้หมดเลย(ไม่ช่วยอะไรสินะ 55)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-02-2015 00:34:51
เมื่อไหร่จะรักกันสักที (ร้องเพลง) อิอิ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-02-2015 03:23:15
รู้สึกชาาาายังไงบอกไม่ถูก ตอนที่หมอปืนเล่าเรื่องเด็กคนนั้น และแววตาของเด็กคนนั้นที่หมอปืนสื่อความหมายออกมา ขนลุกเลย มันดีเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ยังกับบทของหนังญี่ปุ่นเลยมันดูยิ่งใหญ่ดีนะคะ. ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ

สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 14-02-2015 09:35:11
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ตอนอ่านบทแรกๆ ที่หมอปืนทำ CPR แล้วรู้ตัวว่าเผลอกลั้นหายใจไปด้วย 5555 คืออินจัด
โมเม้นเล็กๆ ของหมอปืนกับน้องพลุมันอุ่นๆ น่ารัก น่าหยิกมากค่ะ
แต่ก็มีเรื่องของอดีตที่น่าสนใจ เราก็คิดว่าน้องพลุกับหมอปืนน่าจะมีอดีตอะไรที่เกี่ยวข้องกัน

อ่านมาเรื่อยๆ ก็กระจ่างเรื่อยๆ ขัดใจก็แต่หมอปืนนี่แหละ
มีน้องบอกว่าหมอปืนซื่อ แต่เราว่าหมอปืนซื่อบื้อและทึ่มมากค่ะ 5555
ตอนที่ถามน้องพลุว่าใครใน ER ที่เป็นเกย์หรอ นี่เราขำมาก! หมอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยย 5555

น้องพลุจำหมอได้ และพยายามจะเข้ามาอยู่ใกล้ๆ หมอ ในมุมที่น้องสามารถอยู่ได้
แต่หมอปืนนี่ยังไง รีบจำน้องได้เร็วๆ สินะ


เอ๊ะ ตอนแรกเราเป็น #ทีมพลุ นะ กะว่าน้องพลุเนี่ยแหละพระเอกชัวร์
พอน้องแปลงร่างวิ้งๆ เราเริ่มลังเลแล้วอ่ะ หรือควรเปลี่ยนฝั่งเป็น #ทีมหมอปืนดี
แต่พอมาถึงตอนที่หมอปืนจะล้มที่ดอยสุเทพ เฮ้ยยยย น้องพลุของพี่แมนมากค่ะ
เริ่มลังเลว่า #ทีมพลุ จะยังมีโอกาสมั้ยน๊าาาา


มาช่วยลุ้นอีกแรงค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 14-02-2015 13:01:23
 :mew2: :mew2: รีบ ๆ รักกันหน่อยเถอะนะ..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 14-02-2015 16:34:01
อ่านตอนนี้แล้วมันอบอุ่นละมุนมากกก  :hao5:

หมอปืนเท่มาก
แม้ตอนที่ไปช่วยชีวิตเด็กคนนั้นหมอจะดูเงอะๆ งะๆ จนเราขัดใจก็ตาม 5555
แต่ในที่สุดหมอปืนก็ตัดสินใจช่วยชีวิตเด็กไว้ได้สำเร็จ เราตบเข่าฉาดด้วยความถูกใจ
ให้มันได้อย่างนี้สิหมอปืน !! (นี่ก็ลุ้นมาก 55555555)

ชอบตอนคุยกันในห้องนอนมาก แงงงง ชอบคำพูดของหมอปืนหลายอย่าง อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจ TvT
คุณหมออบอุ่นละมุนละไมมากเลยค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนาย มาช่วยกันติดกระดุมมันคืออัลไลลลล
มีแววว่าหมอปืนจะได้กลืนน้ำลายตัวเองนะคะ แต่เราไม่ว่าหรอกค่ะ เลิกๆ ไปเถอะแฟนหมอเนี่ย ก๊ากกก
แล้วก็น้องพลุ อย่าลืมไปคุยกับพ่อนะคะ ถ้าไม่กล้าก็พาหมอปืนไปด้วยก็ได้ บอกแล้วไงว่าจะอยู่เคียงข้าง >_<
บอกพ่อไปเล้ยยยย ความฝันที่ยิ่งใหญ่ในตอนนี้ไม่ใช่การเป็นหมอ แต่คือการเป็นแฟนหมอต่างหาก #ไม่ใช่ 5555

ส่วนน้องเทมส์ เค้าไม่รักก็ไม่เป็นไรนะคะ
น้องเทมส์มาทางนี้ค่ะ ถึงจะไม่ใช่หมอแต่พี่ช่วยดูแลหัวใจให้ได้ 55555555

ยินดีด้วยนะคะกับการรวมเล่มนิยาย ^^
ไว้จะรอตอนหน้านะคะ ส่วนตอนพิเศษนี่ยังคิดไม่ออก ไว้ค่อยบอกทีหลังละกันเนอะ 55555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 15-02-2015 10:45:34
อ่านแล้วรู้สึกถึงความยุ่งยากหลายๆอย่างที่เทมส์บอก

คือหมอก็มีแฟนแล้ว ทำไมมาทำมีใจกับพลุงี้อ่ะ

เอาจริงๆมองอีกมุมก็สงสารรชญาน้า~ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

หมอโลเลอ่ะ โป้งแล้ว o13

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 18-02-2015 14:19:47
เรื่องอดีตเริ่มเผยทีละนิดแล้ว พ่อลูกที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ กับ คุณพ่อ แน่ ๆ ล่ะ
แต่พลุ อิจฉา เด็กคนนั้น ที่เป็นคนที่หมอปืน CPR เป็นคนแรก แต่เด็กคนนั้น ก็คือพลุไม่ใช่เหรอ
บัตรประจำตัวกับโดราเอมอน คือหลักฐานสำคัญนี่นา น้องพลุอิจฉาตัวเองเหรอเนี่ย
แล้วทำไมพลุถึง ถามกลับว่า มีคนเจ็บแค่สองคนเองเหรอด้วยอ่ะ มีมากกว่านั้นเหรอ

เทมส์ เริ่มจับความรู้สึกหมอปืนได้แล้วสิ แต่ชอบที่เทมส์พูดกับหมอปืนนะ ตรงเป้ะ ๆ
จะรู้สึกอะไรยังไงกับน้องพลุ ก็ต้องแน่ใจนะพี่หมอไม่ใช่แค่เพราะหวั่นไหว
ที่สำคัญ ทุกอย่างต้องชัดเจน ทั้งเรื่องยัยนิว ทั้งเรื่องน้องพลุด้วยนะ
อย่าทำให้น้องพลุเสียใจโดยไม่รู้ตัวนะพี่หมอปืน ชอบเทมส์ ที่รักและเป็นห่วงพลุอย่างแท้จริง

อ่านลงมาตกใจเลยค่ะ คิดว่าจะเลิกแต่งจริง ๆ อย่าพรากน้องพลุไปจากคนอ่านนะคะ  :heaven
ดีใจด้วยที่ได้ตีพิมพ์จ้า เย้  :mc4: ตอนพิเศษ อยากอ่านฉากหวาน ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ ของทั้งคู่มากที่สุดจ้า
ไม่เอาดราม่าเด็ดขาดเลยน้า  :ling3:
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-02-2015 19:11:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-02-2015 14:58:17
ประกาศตัว ทีมหมอปืนถาวรค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 22-02-2015 02:04:36
น้องพลุแกล้งพูดอิจฉาตัวเองหรอลูก ? 5555555555555
นี่มั่นใจไปเกินร้อยแล้วค่ะว่าเด็กที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ ทำให้น้องมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอแล้วเดินตามความฝัน
เพราะมีคนๆนี้เป็นไอดอล .. ฮือ แค่คิดก็เขินแล้วค่ะ เพราะสุดท้ายเค้าก็คงลงเอยกันด้วยดีสินะคะ ?
งั้นก็จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตเราไว้ คนที่เรานับถือเป็นไอดอล และวันนี้ก็ได้มีคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆแล้ว ..
#มโนไปไกลลิบลิ่วมากค่ะ #ฮา เอาแค่วันนี้วันพรุ่งให้รอดก่อนดีไหมน้อ ; ______ ; ......

เริ่มแอบสงสารรชญาด้วยคนค่ะ คือเอาจริงๆนอกจากเรื่องที่นิสัยไม่ดีกับใช้ญาติมาดึงหมอจิวออกจากแฟนตัวเองแล้วนางก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง
ที่แบบ อาจจะเอาแต่ใจกับแฟนมากไปหน่อย แต่หมอปืนก็เป็นคนยอมนางเองแหละ คือมันเป็นเรื่องของคนสองคน
ถ้าเค้าคบกันแล้วเป็นแบบนี้แต่อยู่กันได้มันก็โอเคแหละค่ะ แอบไม่อยากให้คนเขียนยัดเยียดบทร้ายให้รชญาเลยแฮะ . _ .
แบบ คือส่วนมากถ้านิยายวายมีผู้หญิงเป็นก้างเนี่ย จะกำจัดโดยการให้ผู้หญิงคนนั้นทำตัวเลวก่อน เพื่อใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างพอดิบพอดี
แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้แต่งมาค่อนข้างอยู่บนพื้นฐานความเรียล เลยไม่อยากให้เป็นตามแพทเทิร์นนั้นน่ะค่ะ
(แค่บ่นๆไปตามเรื่องตามราวนะคะ คนเขียนอย่าจริงจังมาก 555555555555555)

เริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายซะแล้วจริงๆด้วยสิ .. หมอปืนเองก็ใจเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
ส่วนพลุก็ชอบเค้ามาตั้งนานแล้วนี่แหละ ว่าแต่ เรื่องนี้โพสิชั่นยังไม่ลงล็อกซะทีเลย ฮือ T _________ T
อ่านแรกๆก็นึกว่าคุณหมอจะเมะนะคะ ไปๆมาๆรู้สึกออร่าเคะมันแผ่ๆยังไงไม่รู้ แล้วก็มีพลิกอีกที แล้วตอนนี้ก็พลิกกลับอีกรอบ!
ขอเลิกเดาแล้วกันค่ะ 555555555555 ไว้รอลุ้นทีเดียวเลย ; - ;

ปล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆน้า~ ดีใจด้วยค่ะที่ได้รวมเล่มแล้ว (ถ้าเป็นกับนาบูจะแฮปปี้มาก - / -)
รับรองว่าเรื่องนี้ซื้อแน่นอนค่ะ!!

ปล2. สำหรับตอนพิเศษ อยากอ่านฉาก(เกือบ)ดราม่า อารมณ์แบบหมอปืนลืมวันเกิดน้องพลุ(หลังจากคบกันแล้ว)อะไรแบบนี้ค่ะ
(ซาดิสต์ไปไหม 5555555 รีเควสต์ไว้เผื่อสนใจนะคะ > <)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-02-2015 09:23:02
หมอปืนจะทำยังไงต่อหนอ..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-02-2015 11:23:17
รอมาต่ออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-02-2015 09:52:08
บทที่ 8 เผลอ

...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!...

ปาวัสม์ตะโกนกู่ร้องในใจอย่างปวดร้าว เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นคุณอุดมผู้เป็นเจ้าของสำนักคาราเต้แห่งนี้เป่านกหวีดปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่นตั้งแต่ตีห้ามาวิ่งรอบบ้านเบาๆ สามรอบเป็นการวอร์มอัพก่อนจะตามด้วยการยืดเส้นชุดใหญ่เพื่อเตรียมร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าพร้อมรับเช้าวันใหม่

ทีแรกเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งด้วยการกอดหมอนข้างแน่น แต่เมื่อครั้นสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นทรงอำนาจที่บอกว่า “ไม่เป็นไร คุณหมอนอนต่อเถอะครับ” แล้วขนหลังคอมันลุกเกรียวกราวพิกลจนต้องกุลีกุจอเก็บที่นอน เปลี่ยนชุดและรีบวิ่งตามออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แปรงฟันหรือล้างหน้าเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ไหวแล้ว เหมือนเส้นมันจะขาดทั้งตัวเลย” ปาวัสม์โอดครวญ เขาทิ้งตัวลงนอนบนพื้นโรงฝึกและเหลียวมองเด็กหนุ่มสองคนที่แม้ทั้งตัวจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ยังมีแรงเหลือเฟือหัวเราะคิกคักวิ่งเล่นกันด้วยความหมั่นไส้ “ร่างกายพวกนายมันทำจากยางยืดหรือไง หรือว่าเป็นพวกหุ่นยนต์ถึงได้อึดกันแบบนี้”

ศุภพัฒน์ถอดเสื้อกล้ามชุ่มเหงื่อออกโยนลงบนพื้น “พวกผมน่ะปกติอาหมอต่างหากที่อ่อนแอ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันสามสิบแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งยี่สิบเหมือนพวกนาย”

“พ่อผมก็จะห้าสิบแล้วเหอะ”

ปาวัสม์เหลียวมองคนสูงวัยกว่าที่แยกไปซ้อมเตะนวมอีกมุมหนึ่งของโรงฝึกแล้วถอนหายใจ คนทำงานรักษาสุขภาพแบบเขาแต่ทำไมสุขภาพกลับย่ำแย่แบบนี้นะ จำได้ว่าสมัยจบใหม่ๆ เคยไปลงคอร์สที่ฟิตเนสไว้แต่ก็ไปได้ไม่ถึงสามครั้งหลังจากนั้นเขาก็โบกมือลาขาด ลำพังแค่เวลานอนยังไม่มีแล้วจะให้เขาปลีกเวลาว่างอันน้อยนิดนั้นกระดิกตัวออกจากเตียงนี่ฝันไปเถอะ

“ก็หมอปืนเอาแต่ดูแลคนอื่นเลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองไงครับ” ภาวัฒน์เดินมาชะโงกเงื้อมอยู่เหนือร่างสูงและส่งผ้าเย็นให้ซับเหงื่อ “คุณหมอต้องออกกำลังกายบ้างนะ”

“นั่นสิ” ปาวัสม์เห็นด้วย “กลับไปกรุงเทพ ฉันคงต้องคิดเรื่องนี้จริงจังแล้วล่ะ จะได้มีซิกแพคสวยๆ กับเขาบ้าง” พูดพลางเหลือบมองคนตัวโตที่เดินเปลือยอกอวดกล้ามท้องปราศจากไขมันด้วยความหมั่นไส้

ศุภพัฒน์เลิกคิ้ว “หกห่อนี่ไม่ได้มาวันสองวันนะอา” เขาว่า “ซิทอัพธรรมดาให้ขึ้นก่อนเถอะครับ”

“แค่ซิทอัพฉันทำได้หรอกน่า!”

“จริงหรา” ศุภพัฒน์ทำเสียงยานคางอย่างล้อเลียน “ไหนอาหมอลองทำให้ดูหน่อยสิครับ”

“อย่ามาท้านะ” ปาวัสม์ถกขากางเกงและล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนพื้นเตรียมตั้งท่า

...ฉันเนี่ยนะจะซิทอัพไม่ขึ้น เมื่อก่อนก็ทำได้คล่องปรื๊อเลยนะ...

 คำว่า ‘เมื่อก่อน’ ที่จู่ๆ ก็ผุดเข้ามาในความคิดทำให้ต่อมละอายทำงานขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่ซิทอัพก็เป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตอนจบใหม่ร่วมหกปีโน่นเลยทีเดียว ปาวัสม์แอบใช้สองนิ้วจับหน้าท้องตัวเองแล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อก้อนนิ่มๆ ก้อนเบ้อเร่อติดมือขึ้นมาง่ายดาย

...เฮ้ย! ฉันต้องทำได้สิ...

ปาวัสม์ตั้งท่าเตรียมพร้อม มุ่งมั่นตั้งเป้าจะเริ่มต้นเบาๆ สักห้าสิบ เขาประสานมือเข้าที่ท้ายและนับ

หนึ่ง... สอง... สาม...

“เทมส์!” ภาวัฒน์เรียกเสียงดัง “คุณอาเรียกนายไปเป็นคู่ซ้อมแน่ะ”

“พ่อก็เตะนวมไปสิครับ” ศุภพัฒน์คราง รู้สึกเซ็งถึงที่สุดแต่ก็รีบวิ่งเหยาะๆ ไปหา

ภาวัฒน์ถอนหายใจและนั่งยองๆ ลงตรงหน้าปาวัสม์ “หมอปืนเล่นอะไรไม่เข้าท่าเลย”

“อะไรกันที่ว่าไม่เข้าท่า” คุณหมอหนุ่มพูดเสียงดัง “ฉันทำได้หรอกน่า” แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าภาวัฒน์จงใจไล่ศุภพัฒน์ไปทางอื่นเสียก่อนที่เขาจะขายหน้า แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าตัวเองจะทำไม่ได้ มันก็เหมือนกับการขี่จักรยานน่ะแหละ ถึงจะเลิกขี่ไปนานแค่ไหนแต่ก็ยังขี่ได้... ไม่ใช่เหรอ?

“จะทำได้ยังไง แค่ท่าเริ่มมาก็ผิดแล้วครับ” ภาวัฒน์บอกอย่างอ่อนใจ

“ไม่ผิดสักหน่อย” ปาวัสม์เถียงจนสีข้างถลอกไปทั้งแถบและพยายามจะพิสูจน์ให้ดู

แต่แล้ว นาทีถัดมาร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนพื้น ลำพังแค่การพยายามยกตัวขึ้นจากพื้นในครั้งแรกเขายังต้องใช้แรงดันทุรังตั้งมากมายบิดไปบิดมาเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก แถมสุดท้ายยังได้แค่สองที เขาพ่ายแพ้หมดรูปให้กับการออกกำลังกายและรู้สึกอดสูตัวเองจริงๆ

“หมอปืนลองชันเข่าขึ้นสิครับ” ภาวัฒน์ที่พยายามกลั้นขำแทบตายเข้ามาช่วย “เดี๋ยวผมจับขาให้ ทำแบบนี้จะง่ายกว่าแล้วหลังก็ไม่เสียด้วย ส่วนมือเอาไว้ข้างหูครับ ไม่ๆ... เอาไว้ที่ท้ายทอยแบบนั้นมันกระเทือนกระดูกต้นคอ... แล้วก็กางศอกออกด้วย... บอกให้กางก็กาง อย่าดื้อสิครับ! นั่นแหละ เอ้า! ลองดูอีกครั้งนะครับ”

ปาวัสม์ล้มตัวลงและยกตัวขึ้นอีกครั้ง “เออ... สบายกว่าเมื่อกี้เยอะเลย”

“ทำต่อเนื่องแปดครั้งถึงสิบห้าครั้งรวมเป็นหนึ่งเซ็ต ทำวันละสามถึงห้าเซ็ตติดกันทุกวันสักเดือนซิกแพคคุณหมอก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะครับ”

“ตั้งเดือนนึงเลยเหรอ” คุณหมอหนุ่มโอดครวญตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

“ก็หมอปืนมีไอ้นี่เยอะนี่” ภาวัฒน์ใช้นิ้วจิ้มพุงนิ่มๆ เล่น

“หมดไปหลายแสนนะกว่าจะได้ขนาดนี้น่ะ”

“ไหนหมอปืนลองทำให้ได้สักเซ็ตสิครับ”

“นายจับขาฉันให้แน่นๆ นะ” ปาวัสม์เริ่มต้นทำใหม่อย่างตั้งใจ เพื่อทำให้ได้ตามเป้า

ในขณะที่กำลังนับไปเรื่อยๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าคนผมน้ำตาลนั้นเอาแต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง  เขากลั้นใจทำจนครบสิบห้าครั้งแล้วจบด้วยการนั่งเอาคางวางบนเข่าตัวเองและจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว

“คิดอะไรอยู่”

ภาวัฒน์สะดุ้งเฮือก “เปล่า” เขาละล่ำละลักบอกและยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ “หมอปืนทำครบแล้วเหรอ โกงป่ะเนี่ย”

นิ้วเรียวดีดเพียะเข้ากลางหว่างคิ้วโดยอัตโนมัติ “ยังจะกวนอีก คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”

ภาวัฒน์เอาฝ่ามือถูหน้าผาก “ผมแค่รู้สึกประหม่านิดหน่อยน่ะ จะต้องจับไมค์สอนอยู่ไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว”

“จะกลัวทำไม นายเก่งอยู่แล้ว” ร่างสูงคว้าเรือนผมสีน้ำตาลมาขยี้ให้ยุ่งขึ้นไปอีก

“เอาล่ะ เจ๊านี้ปอเต้าอี๊ก่อน” คุณอุดมที่เพิ่งวอร์มร่างกายตามโปรแกรมของตัวเองเสร็จเดินมาขัดบทสนทนาของทั้งสองโดยมีศุภพัฒน์เดินตามมาติดๆ เขาแอบแยกเขี้ยวใส่ปาวัสม์แซวเรื่องที่ซิทอัพไม่ได้ “แยกย้ายกันไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะได้มากินข้าวเจ๊ากั๋น”

“ดีจัง ผมหิวจะแย่แล้ว” ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและเดินตามสองพ่อลูกไป

ภาวัฒน์ยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะบริเวณที่เพิ่งถูกจับเล่น น่าแปลกที่ความอบอุ่นเพียงชั่วครู่นั้นทำให้ใจที่ว้าวุ่นสงบลงง่ายดาย เขามองตามแผ่นหลังที่กำลังจะเดินไป ก่อนจะรู้ตัวมือก็เอื้อมไปคว้าชายเสื้อร่างสูงเสียแล้ว “หมอปืน”

นัยน์ตาคมเหลียวมามอง “มีอะไร”

“เอ่อ... คุณหมอช่วยทำแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหมครับ”

ปาวัสม์นิ่วหน้า “ทำไมล่ะ”

“คือ... ไม่มีอะไรหรอกครับแค่พอโดนทำแบบนั้นแล้วรู้สึกสบายใจ... เอ่อ... ช่างเถอะ!”

นัยน์ตาคมตวัดมองคนสองคนที่กำลังจะเลี้ยวออกประตูไป “ฉันไม่ตามใจเด็กแสบที่ชอบแกล้งฉันแบบนายหรอก”

ภาวัฒน์ย่นปาก ทำแก้มป่อง “ก็ไม่ได้อยากให้พวกสว.ลงพุงมาตามใจสักหน่อย” เขากระโดดลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปถึงประตูอยู่แล้วเมื่อมือใหญ่คว้าตัวเขาไว้

“นายว่าใครเป็นสว.ลงพุงนะ” ปาวัสม์ล๊อกคอเด็กหนุ่มจากทางด้านหลังโดยใช้ฝ่ามือปิดปากไว้เพื่อป้องกันไม่ให้จอมแสบโวยวาย นัยน์ตายังคงจับจ้องไปที่ประตูซึ่งตอนนี้ปราศจากผู้คน

ภาวัฒน์พยายามจะดิ้นให้หลุด เมื่อร่างสูงเหวี่ยงศีรษะเขามากดลงบนบ่าแล้วเลื่อนมือที่ปิดปากไว้ขึ้นจับเรือนผมสีน้ำตาลและลูบเบาๆ เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู “นายทำได้อยู่แล้วคนเก่ง”

ไอร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่กดหนักๆ อยู่บนศีรษะกับบ่ากว้างที่ให้ซบยามหัวใจอ่อนล้าช่างอบอุ่นจนแทบหลอมละลาย เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นเพื่อฝืนความต้องการของร่างกายที่ดึงดันจะกอดตอบ เพราะอ้อมแขนนี้มีเจ้าของแล้ว เขาจึงขอเพียงซึมซับความรู้สึกดีๆ นี้ไว้และสูดกลิ่นอายของความใจดีนี้ให้เต็มปอดเพื่อเก็บไปฝันถึงในค่ำคืนที่อยู่คนเดียว

“พลุ! อาหมอ!”

เสียงศุภพัฒน์ตะโกนเรียกพร้อมกับเสียงฝีเท้าปึงปังดังก้องมาตามทางเดินทำให้ทั้งสองรีบผละออกจากกัน

ภาวัฒน์เหลียวมองร่างสูงที่อมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่ามันคือความลับระหว่างเราสองคน เขาหลุดยิ้มออกมาและตะโกนตอบกลับไปเพื่อไม่ให้ดูมีพิรุธ “กำลังไป”

“มัวแต่โอ้เอ้อะไรกันอยู่” ศุภพัฒน์แทรกเข้ามายืนตรงกลางระหว่างทั้งสองและหรี่ตามองสลับกันไปมา

“เปล่านี่” ภาวัฒน์รุนหลังคนตัวโตที่ยังคงเหลียวมองร่างสูงอย่างไม่เชื่อใจให้รีบเดิน

ปาวัสม์เดินตามไปพลางนึกถึงเรื่องที่คุยกับศุภพัฒน์เมื่อคืน

...เขาจะไม่ทำหน้าที่เกินไปกว่าพี่ชาย... แต่ลูกคนเดียวที่ไม่เคยมีพี่มีน้องแบบเขามันทำตัวไม่ถูก... และการทำแค่นี้มันไม่ถือว่าเกินกว่าหน้าที่ใช่ไหม... 

ทั้งที่น่าจะพอใจกับคำว่า ‘พี่ชาย’ แต่ทำไมนะ ใจเขากลับเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนโดนเข้าใจผิดว่าเป็นอากับหลานเสียอีก
OOOOOO

“ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ” ศุภพัฒน์พูดพลางเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ใส่กระเป๋าหลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จสิ้น

“ใช่” ภาวัฒน์ยิ้มจนแก้มแทบปริ “ขอบใจนายมากเลยนะเทมส์ หมอปืนด้วย”

“เรื่องเล็กน้อยน่า” ปาวัสม์ตบบ่าเด็กหนุ่ม “งั้นเราไปฉลองกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

หลังจากที่พากันตระเวนกินตามร้านดังไปทั่วทุกหัวระแหงจนอิ่มหนำ อันที่จริงปาวัสม์ก็อยากจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีพาเด็กๆ กลับบ้าน ส่งเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม แต่เพราะเสียงโอดครวญบวกกับแรงยุยงของเด็กหนุ่มทั้งสอง เขาก็ใจอ่อน แล้วในที่สุดพวกเขาก็มาจบลงที่ผับแห่งหนึ่งย่านไนท์บาร์ซ่า

นอกจากยุงที่ยกพวกมารุมตอมดูดเลือดให้ปาวัสม์รำคาญแล้วยังมีอีกสิ่งที่มารบกวนหัวใจ เพราะคนที่มาด้วยนั้นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้งคู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนักเที่ยวทั้งสาวและไม่สาวแวะเวียนมาขอให้เลี้ยงเหล้าหรือขันอาสาจะขอเลี้ยงเป็นระยะ

“พวกนายสองคนนี่เนื้อหอมจริงนะ” ปาวัสม์พูดด้วยความหมั่นไส้หลังหญิงสาวนางหนึ่งในชุดรัดรูปสั้นบาดใจส่งจูบทิ้งท้ายให้ก่อนจะเดินจากไป

เด็กหนุ่มทั้งสองหันควับมาจ้องเขาเป็นตาเดียว

“นั่นไม่ใช่สเปคผม” ศุภพัฒน์บอกเรียบๆ

“แล้วต้องแบบไหนล่ะถึงจะเสปคนาย”

คนตัวโตเหลือบมองทางหางตาก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปยังคนผมน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงข้าม “จบนะ”

ปาวัสม์หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ภาวัฒน์ปัดมือศุภพัฒน์ออก “แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้เขาก็เล็งหมอปืนต่างหาก”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “อย่างฉันเนี่ยนะจะโดนจีบ พวกนายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

ภาวัฒน์ขำคนความรู้สึกช้า “อย่าไปสนใจเลยครับ เรากินกันต่อดีกว่า” ว่าแล้วก็รวบแก้วเหล้าที่เริ่มจะพร่องมาเติมให้เต็มและส่งคืนเจ้าของ

“หมอนี่มันคออ่อนหรอกเหรอ” ปาวัสม์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นคนตัวโตเมาฟุบหลับลงบนโต๊ะหลังจากที่เหล้าพร่องไปได้แค่ครึ่งขวด เขาเอานิ้วแกล้งแหย่หวังจะให้ตื่น คนเมายกมือขึ้นปัดอย่างรำคาญและตั้งต้นกรนต่อ

“อย่าไปปลุกเลยครับ” ภาวัฒน์เองก็เริ่มกรึ่มไม่แพ้กัน “หมอนี่เมาแล้วชอบดราม่าผมขี้เกียจฟังมันพล่าม” 

ทันใดนั้นศุภพัฒน์ก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงและมองจ้องคนผมน้ำตาลด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง “ถามจริงเถอะพลุ! นายไม่คิดจะกลับบ้านฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่มีอะไรทำไมนายไม่บอกฉันตรงๆ วะ”

“มันเริ่มดราม่าแล้วนี่ไงครับ” ภาวัฒน์หันไปพยักเพยิดกับปาวัสม์

“นายฟังฉันพูดอยู่รึเปล่าเนี่ย!” ศุภพัฒน์คว้าไหล่คนผมน้ำตาลและดึงให้หันมาสบตา “นายเป็นบ้าอะไรวะถึงจะเป็นหมอให้ได้ ตอบฉันมาสิ! งั้นที่เคยบอกว่าอยากเป็นทนายนั่นนายโกหกเหรอวะ ตกลงฉันยังเป็นเพื่อนสนิทนายหรือเปล่า”

“ก... ก็คนมันเปลี่ยนใจกันได้นี่นา”

“จะเรียนหมอเรียนที่เชียงใหม่ก็ได้ จะดั้นด้นไปทำไมถึงกรุงเทพ”

“ทีนายยังต้องมาเรียนวิศวะที่กรุงเทพเลย แล้วทำไมฉันจะมาบ้างไม่ได้ล่ะ”

ศุภพัฒน์จ้องคนตรงหน้าราวกับจะมองให้ทะลุ “ฉันไม่ได้อยากมากรุงเทพ ฉันแค่อยากหนีนาย... ฉันสารภาพรักกับนายไปแล้วและโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้น นายจะให้ฉันอยู่สู้หน้าต่อได้ไงวะ แต่ก็ต้องขอบใจนายล่ะนะเพราะอย่างนั้นฉันก็เลยมุ่งมั่นอ่านหนังสือจนสอบติดมหา’ลัยที่ใครๆ ก็ว่าโคตรยากนี่ได้” เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อย “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักนายนะพลุ” พูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะและตั้งต้นกรนเบาๆ

ภาวัฒน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก “หลับไปแล้ว” พลางเขยิบแก้วและขวดเหล้าให้พ้นจากรัศมีที่คนตัวโตจะพลิกตัวไปโดนได้ “นี่วันนี้โชคดีนะครับที่จบแค่ดราม่าเพราะบางทีมันจะลุกขึ้นมาไล่จูบคนอื่นเขาไปทั่วด้วย”

“จริงด้วย” ปาวัสม์พยักหน้าเห็นด้วย “ตอนเจอกันครั้งแรก หมอนั่นก็พยายามจูบนายนี่” พูดไปก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่เขาไม่เคยอธิบายได้สักทีว่าทำไม

“โดนจนชินแล้ว” ภาวัฒน์เล่าวีรกรรมของคนที่เมาหลับไปก่อน “เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เหล้าเข้าปากเป็นไม่ได้ จนใครๆ เขาก็พากันระอาหมด มีแต่ผมนี่ล่ะที่ต้องทนเป็นหนังหน้าไฟ เพราะดันสนิทกับมันที่สุด”

ปาวัสม์ย่นคิ้วพลางยกแก้วขึ้นจิบ วันนี้เขาถือว่าตัวเองดื่มน้อยมากเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกผู้ปกครองฝากฝังให้ดูแลเด็กหนุ่มสองคนและต้องรับหน้าที่สารถีขับรถพากลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย “แล้วเรื่องที่เทมส์พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง เรื่องที่จริงๆ แล้วนายอยากเป็นทนายน่ะ มันยังไงกันแน่” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะทนรำคาญอาการเจ็บที่ใจนี่ไม่ได้

“ผมก็บอกไปแล้วไงครับว่าเปลี่ยนใจแล้ว”

“จริงเหรอ”

ภาวัฒน์กำลังจะหาทางเลี่ยงเมื่อชายหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งเดินโฉบเข้ามาขัดพร้อมเบียร์หนึ่งขวดในมือ

“สวัสดีครับ” ไม่เพียงแค่สะกิดไหล่แต่ยังยิ้มหวานและทิ้งสายตาเรี่ยราดให้จนน่าหมั่นไส้ 

“ขอโทษนะครับพอดีผมมากับพี่ชาย” เด็กหนุ่มรีบตัดบทพลางพยักเพยิดไปทางร่างสูงที่ตอนนี้คิ้วหนานั้นแทบจะจับมาผูกเป็นโบว์ได้

“งั้นขอเบอร์ได้ไหมครับไว้วันหลังจะโทรไปคุยด้วย” หนุ่มหน้าหวานยังกระเซ้าต่อ

“ไม่ได้หรอกครับ”

“แค่คุยเฉยๆ ก็ไม่ได้เหรอ” ไม่พูดเปล่ายังเบียดตัวแทรกเข้ามาจนแทบจะนั่งลงบนตัก

“ไม่ได้จริงๆ ครับ”

นั่งเงียบๆ ฟังไปฟังมาปาวัสม์ก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นทุกที ทั้งอีกฝ่ายที่ตื๊อไม่เลิกและตัวเด็กหนุ่มเองที่ปากบอกว่าไม่แต่ก็ยังยิ้มร่าไม่ได้ดูขึงขังหรือจริงจังอะไร แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เจ้าหนุ่มนั่นจะยอมเลิกลาไปสักทีล่ะ!

“ทำไมล่ะครับ แค่คุยเฉยๆ เอง”

“ก็...”

ภาวัฒน์ยังไม่ทันจะได้ตอบเมื่อคนที่นิ่งฟังอยู่นานอดรนทนไม่ไหว ปาวัสม์ใช้มือข้างที่ว่างอยู่คว้าเอวเด็กหนุ่มแล้วลากทั้งเก้าอี้เข้ามาหาตัวเพื่อให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้น

“ก็บอกไปสิว่าแฟนหวง” ไม่พูดเปล่า นัยน์ตาคมยังจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

หน้าหวานๆ เจื่อนไปในทันที ในขณะที่ภาวัฒน์แยกไม่ออกแล้วว่าตอนนี้ที่ใบหน้าตนร้อนจนแทบไหม้นั้นมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี หรือเพราะลมหายใจร้อนๆ ของคุณหมอหนุ่มที่รดอยู่บนหลังหูของเขานี่กันแน่

“ไหนบอกว่าเป็นพี่ชายไง บอกกันดีๆ ตั้งแต่แรกก็จบล่ะ” หนุ่มหน้าหวานบ่น เขาเบะปากให้ทีนึงก่อนจะผละจากไป
“กว่าจะไปได้นะ” ปาวัสม์มองตามจนแน่ใจว่าไปแน่จึงหันมาดุจอมแสบปากน้ำหวานที่ยังอยู่ในอ้อมแขน “นายน่ะเก็บความอัธยาศัยดีไว้ใช้เวลาอื่นบ้างนะ เวลาแบบนี้มันต้องจริงจังสิ”

“นี่ผมก็จริงจังสุดๆ แล้วนะ” ภาวัฒน์ลอยหน้าลอยตาตอบ

“ไม่เลยสักนิด!” คุณหมอหนุ่มสวนทันควัน “บอกว่ามากับพี่ชายแล้วยังคุยหัวร่อต่อกระซิก เป็นฉันก็นึกว่าให้ท่า เพราะนายเป็นแบบนี้แหละรู้ไหม เทมส์ถึงตัดใจจากนายไม่ได้สักที มันเมามากี่ทีนายก็ยอมให้จูบทุกที”

“ไม่ใช่ทุกทีสักหน่อย” เด็กหนุ่มยังเถียงคำไม่ตกฟาก “แค่ไม่กี่ครั้งเอง”

ปาวัสม์กัดฟันรู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆ “งั้นลองบอกมาสิว่าไอ้ไม่กี่ครั้งของนายน่ะมันกี่ทีกัน”

“ก็... ขอผมนับก่อนนะครับ “

ปาวัสม์ยกแก้วขึ้นจิบรอพลางเหลือบมองเด็กหนุ่มนับนิ้วทางหางตา ความหมั่นไส้ไม่มีที่มากำลังกัดกินหัวใจให้ขาดวิ่น

“หนึ่ง...”

แอลกอฮอล์สัมผัสริมฝีปาก มันออกหวานติดปลายลิ้นก่อนจะตามมาด้วยความขมที่บาดคอ

” สอง... “

ปาวัสม์ยกแก้วขึ้นสูงอีก เช่นเดียวกับแก้มเด็กหนุ่มที่แดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ จนถึงใบหู

” สาม...”

ภาวัฒน์หัวเราะคิกคัก แต่ตอนนี้ปาวัสม์กลับไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะขำออกสักนิด เขากระดกแก้วเหล้ากลืนของเหลวอึกสุดท้ายลงคอ

“ส...”

“ไม่ต้องนับแล้ว” ปาวัสม์กระซิบ “ฟังแล้วมันหงุดหงิด” เขาวางแก้วแล้วทำสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ รู้แต่มันทนไม่ไหว แก้มแดงๆ กับปากที่กำลังพร่ำพูดเรื่องของคนอื่นต่อหน้าเขานี่มันช่างน่าหมั่นไส้สิ้นดี และเขาจำเป็นต้องหยุดมันให้ได้

เขาก้มหน้าลงต่ำ มือข้างที่โอบเอวภาวัฒน์ไว้เลื่อนขึ้นมาจับที่ปลายคาง เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและปิดปากเด็กหนุ่มด้วยริมฝีปากของเขาเอง

เสียงหัวเราะน่ารำคาญเงียบไปในบัดดล แม้แต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยของผู้คนรอบกายก็หายไปราวกับมีใครปิดวิทยุ วินาทีนี้เหลือเพียงสัมผัสอ่อนนุ่มในปากซึ่งเขาครอบครองไว้กับรสหวานปนขมของเหล้า

“หมอปืน” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ “จริงจังไปหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ” ปาวัสม์เม้มปากที่ร้อนจนแทบไหม้

นัยน์ตาสองคู่สบกันนิ่ง เนิ่นนานทีเดียวที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและต่างฝ่ายต่างไม่ยอมผละออกจากกัน

“งืม” เสียงศุภพัฒน์งึมงำไม่เป็นภาษาปลุกทั้งสองตื่นจากภวังค์ คนเมาละเมอลุกขึ้นยืนและพยายามเดินไปที่ไหนสักแห่งก่อนจะล้มพับลงบนพื้นข้างโต๊ะ

ปาวัสม์ได้สติเต็มที่ เขาปล่อยมือจากเด็กหนุ่มและเบือนหน้าหนี ก่อนจะลุกขึ้นคว้าไหล่คนตัวโตดึงให้ขึ้นมานั่งดีๆ “ท่าทางหมอนี่จะไม่ไหวแล้ว เรากลับกันเถอะ”

OOOOOO

“นอนไม่หลับเหรอ” ปาวัสม์ถามเด็กหนุ่มที่ยืนเหม่อมองท้องฟ้าอยู่นอกระเบียง ไม่ยอมเข้ามานอนในห้องทั้งที่ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว “คิดอะไรอยู่”

“หมอปืนทำแบบนั้นทำไม” ภาวัฒน์หันมาสบตาคุณหมอหนุ่มและถามตรงๆ “เมา?”

เป็นครั้งแรกที่ปาวัสม์ไม่อาจสู้สบสายตาได้ เขาเบือนหน้าหนีอย่างยอมแพ้ ไม่เข้าใจอะไรตัวเองสักอย่างทั้งเรื่องง่ายๆ อย่างความมีเหตุผลไปจนถึงเรื่องซับซ้อนอย่างความรู้สึกของหัวใจ “ฉันไม่ได้เมา” บอกอย่างยอมจำนนเมื่อสิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือเสียงหัวใจตนเองที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นอะไร แล้วหมอปืนทำแบบนั้นทำไม” เสียงของภาวัฒน์ดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโมโห แต่ในขณะเดียวกันก็สั่นมากขึ้นทุกทีด้วยเช่นกัน “ถึงผมจะเคยโดนเทมส์จูบแต่ผมก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมให้ใครก็ได้นะครับ... แล้วหมอปืนเองก็มีหมอนิวอยู่แล้ว...” จนในที่สุดมันก็สั่นจนเสียงทั้งหมดถูกกลืนหายลงไปในลำคอ กลืนลงไปพร้อมความรู้สึกรุนแรงมากมายที่กำลังจะพร่างพรูออกมาจากปากหากเขาไม่หยุดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้

“ฉันขอโทษ” เหมือนมีก้อนมาจุกอยู่ที่คอ ปาวัสม์ทำได้เพียงคว้าไหล่เด็กหนุ่มแล้วดึงเข้าแนบอก “ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันขอโทษ”

เด็กหนุ่มพิงศีรษะกับแผ่นอกกว้าง มันช่างอบอุ่นเสียจนต้องเม้มปากปิดสนิท เพื่อไม่ให้คำพูดที่พยายามกลืนลงไปกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเมื่ออ้อมแขนที่โอบรัดอยู่นี้คือความอบอุ่นที่เฝ้าหา ถ้าไม่คิดถลำลงไปให้ลึกมากกว่านี้ก็ต้องถอนตัวเสียก่อนที่จะสายเกินไป

“หมอปืนยังติดสัญญาที่วิ่งแพ้ผมอยู่จำได้ไหม”

ปาวัสม์พยักหน้า

“ไม่ว่าอะไรหมอปืนก็จะยอมทำทุกอย่างใช่ไหม”

“บอกมาสิ”

“หลับตาก่อนสิครับ”

คุณหมอหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ฝ่ามือหยาบกร้านคว้ามือของเขาออกจากการเกาะกุมที่หัวไหล่ ปาวัสม์ไม่อาจคาดคิดหรือแม้จะคาดหวังว่าภาวัฒน์กำลังจะทำหรือขออะไร วินาทีนี้ในหัวไร้ซึ่งตรรกะหรือเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อฝ่ามือทั้งสองของเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นมาจับที่บ่ากว้าง ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลบางอย่างขยับเข้ามาใกล้ หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากำมือที่ชื้นเหงื่อไว้แน่นนึกอยากจะลืมตาใจแทบขาด

“อย่าลืมตานะครับ”

เสียงทุ้มของภาวัฒน์กระซิบขึ้นราวกับอ่านใจเขาออกพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รดลงบนสันจมูก

“เรื่องทั้งหมดระหว่างเราในค่ำคืนนี้ให้คิดซะว่ามันเป็นเพียงความฝัน แล้วหลังจากนี้...”

“แล้วหลังจากนี้...” ปาวัสม์ทวนคำ ในความเงียบนั้นเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ที่แสนคุ้นเคย

เสียงทุ้มสั่นเครือเมื่อพูดต่อ “เมื่อตื่นขึ้นมาได้โปรดลืมมันไปนะครับ”

ใช่! จริงๆ แล้วเขาอยากจะลืม ไม่อยากให้ตัวเองหลงเหลือความทรงจำใดๆ ไว้สักอย่าง แต่มันทำไม่ได้! เพราะความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมานานนับปีนี้มันฝังรากลึกเกินจะหยั่งถึง

“ต้องลืมมันไปให้หมด สัญญานะครับ”

ของเหลวอุ่นๆ หยดเผาะลงบนแก้ม ปาวัสม์ไม่ตอบคำขอสัญญานั้น อันที่จริงเขาไม่อาจตอบได้ด้วยซ้ำเมื่อบางสิ่งที่นุ่มและอุ่นกว่าปิดปากเขาสนิท ตอนนี้สมองที่กำลังสับสนค้นหาคำตอบไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่านเมื่อเขายอมปล่อยให้อารมณ์มาเหนือเหตุผล

ทั้งที่ยังหลับตาปาวัสม์รวบตัวร่างโปร่งและดึงเข้ารับสัมผัสแนบแน่น ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าใต้เรือนผมสีน้ำตาลนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนลงโอบรัดรอบเอว

ลมหายใจที่เคยนิ่งสงบของภาวัฒน์เริ่มถี่กระชั้นและขาดห้วง สองขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจนเขาต้องเกร็งจิกบ่ากว้างไว้แน่น

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจากวินาทีกลายเป็นนาที ภาวัฒน์ฝืนตัวเองออกอย่างยากเย็นเมื่อปาวัสม์พยายามจะฉุดรั้งเขาไว้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

“หมอปืนสัญญาแล้วนะครับ”

เด็กหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากหยักลึกที่ยังคลอเคลียไม่ไปไหน ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนและเดินหนีเข้าห้องไปโดยไม่หันมามองร่างสูงซ้ำสอง เขารีบซุกตัวเข้าในผ้าห่มและหันหลังให้ประตูเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดเปิดออกและเสียงฝีเท้าที่ย่องมายืนข้างเตียงอย่างเงียบเชียบ

ริมฝีปากอมยิ้มเอ็นดู ร่างสูงนั่งลงบนเตียงและก้มหน้ากระซิบกับโปงผ้าบริเวณที่น่าจะเป็นศีรษะ “ผ่านคืนนี้ไปฉันสัญญาว่าจะทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่เช้าเสียหน่อย” เขาล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงคนที่ขดตัวอยู่ในม้วนผ้ามากอดต่างหมอนข้าง “ดังนั้น ขอฉันฝันจนกว่าจะถึงเช้าเถอะนะ”

ภาวัฒน์กระชับผ้าห่มที่พันอยู่รอบตัว สองมือกอดตัวเองบังคับใจไม่ให้เตลิดไปไกลกว่านี้  บอกตัวเองหนักแน่นให้ตัดใจจากคนที่ไม่มีสิทธิ์จะครอบครอง เขาไม่ต้องการเป็นมือที่สามแย่งของของใคร แต่ความอบอุ่นของอ้อมกอดที่ได้รับแม้จะไม่ได้สัมผัสผิวโดยตรงและผ่านผืนผ้าห่มหนา ก็ร้อนเสียจนแทบจะละลายกำแพงศีลธรรมในใจ

ภาวัฒน์กัดฟัน กลั้นน้ำตาและภาวนาจนสุดใจขอให้เช้าวันพรุ่งนี้ไม่มาถึง
OOOOOO

อีกมุมหนึ่งในห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งหลังบานประตู ฟันขบแน่นจนเป็นสันเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลกับภาพที่บังเอิญได้เห็นเมื่อสักครู่

เขาหลับตาลงเพื่อหนีจากความจริงที่สองตาได้เห็นแต่มันกลับยิ่งแจ่มชัดในห้วงความคิด หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่หางตาอย่างไร้แรงต้านทาน สิ่งที่เห็นว่าเจ็บแล้วเทียบกันไม่ได้เลยกับความรู้สึกปวดร้าวในอกที่ตอกย้ำว่าเขารักเพื่อนสมัยเด็กคนนี้มากมายแค่ไหนและถึงหัวใจจะยอมแพ้แต่มันกลับไม่ยอมให้ตัดใจ 


**************************************TBC***************************************************
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-02-2015 10:46:43
น้องพลุแกล้งพูดอิจฉาตัวเองหรอลูก ? 5555555555555
นี่มั่นใจไปเกินร้อยแล้วค่ะว่าเด็กที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ ทำให้น้องมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอแล้วเดินตามความฝัน
เพราะมีคนๆนี้เป็นไอดอล .. ฮือ แค่คิดก็เขินแล้วค่ะ เพราะสุดท้ายเค้าก็คงลงเอยกันด้วยดีสินะคะ ?
งั้นก็จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตเราไว้ คนที่เรานับถือเป็นไอดอล และวันนี้ก็ได้มีคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆแล้ว ..
#มโนไปไกลลิบลิ่วมากค่ะ #ฮา เอาแค่วันนี้วันพรุ่งให้รอดก่อนดีไหมน้อ ; ______ ; ......

เริ่มแอบสงสารรชญาด้วยคนค่ะ คือเอาจริงๆนอกจากเรื่องที่นิสัยไม่ดีกับใช้ญาติมาดึงหมอจิวออกจากแฟนตัวเองแล้วนางก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง
ที่แบบ อาจจะเอาแต่ใจกับแฟนมากไปหน่อย แต่หมอปืนก็เป็นคนยอมนางเองแหละ คือมันเป็นเรื่องของคนสองคน
ถ้าเค้าคบกันแล้วเป็นแบบนี้แต่อยู่กันได้มันก็โอเคแหละค่ะ แอบไม่อยากให้คนเขียนยัดเยียดบทร้ายให้รชญาเลยแฮะ . _ .
แบบ คือส่วนมากถ้านิยายวายมีผู้หญิงเป็นก้างเนี่ย จะกำจัดโดยการให้ผู้หญิงคนนั้นทำตัวเลวก่อน เพื่อใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างพอดิบพอดี
แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้แต่งมาค่อนข้างอยู่บนพื้นฐานความเรียล เลยไม่อยากให้เป็นตามแพทเทิร์นนั้นน่ะค่ะ
(แค่บ่นๆไปตามเรื่องตามราวนะคะ คนเขียนอย่าจริงจังมาก 555555555555555)

เริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายซะแล้วจริงๆด้วยสิ .. หมอปืนเองก็ใจเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
ส่วนพลุก็ชอบเค้ามาตั้งนานแล้วนี่แหละ ว่าแต่ เรื่องนี้โพสิชั่นยังไม่ลงล็อกซะทีเลย ฮือ T _________ T
อ่านแรกๆก็นึกว่าคุณหมอจะเมะนะคะ ไปๆมาๆรู้สึกออร่าเคะมันแผ่ๆยังไงไม่รู้ แล้วก็มีพลิกอีกที แล้วตอนนี้ก็พลิกกลับอีกรอบ!
ขอเลิกเดาแล้วกันค่ะ 555555555555 ไว้รอลุ้นทีเดียวเลย ; - ;

ปล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆน้า~ ดีใจด้วยค่ะที่ได้รวมเล่มแล้ว (ถ้าเป็นกับนาบูจะแฮปปี้มาก - / -)
รับรองว่าเรื่องนี้ซื้อแน่นอนค่ะ!!

ปล2. สำหรับตอนพิเศษ อยากอ่านฉาก(เกือบ)ดราม่า อารมณ์แบบหมอปืนลืมวันเกิดน้องพลุ(หลังจากคบกันแล้ว)อะไรแบบนี้ค่ะ
(ซาดิสต์ไปไหม 5555555 รีเควสต์ไว้เผื่อสนใจนะคะ > <)

เปนรีเควสที่โดนใจมาก เหมาะกะS ผู้ชอบทำร้ายพระเอกอย่างเรา555
ไม่ใช่นาบูค่ะ เป็นสนพ.เฮอร์มิทค่ะ ถ้ามีความคืบหน้าจะมาอัพเดตนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-02-2015 10:52:35
เรื่องอดีตเริ่มเผยทีละนิดแล้ว พ่อลูกที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ กับ คุณพ่อ แน่ ๆ ล่ะ
แต่พลุ อิจฉา เด็กคนนั้น ที่เป็นคนที่หมอปืน CPR เป็นคนแรก แต่เด็กคนนั้น ก็คือพลุไม่ใช่เหรอ
บัตรประจำตัวกับโดราเอมอน คือหลักฐานสำคัญนี่นา น้องพลุอิจฉาตัวเองเหรอเนี่ย
แล้วทำไมพลุถึง ถามกลับว่า มีคนเจ็บแค่สองคนเองเหรอด้วยอ่ะ มีมากกว่านั้นเหรอ

เทมส์ เริ่มจับความรู้สึกหมอปืนได้แล้วสิ แต่ชอบที่เทมส์พูดกับหมอปืนนะ ตรงเป้ะ ๆ
จะรู้สึกอะไรยังไงกับน้องพลุ ก็ต้องแน่ใจนะพี่หมอไม่ใช่แค่เพราะหวั่นไหว
ที่สำคัญ ทุกอย่างต้องชัดเจน ทั้งเรื่องยัยนิว ทั้งเรื่องน้องพลุด้วยนะ
อย่าทำให้น้องพลุเสียใจโดยไม่รู้ตัวนะพี่หมอปืน ชอบเทมส์ ที่รักและเป็นห่วงพลุอย่างแท้จริง

อ่านลงมาตกใจเลยค่ะ คิดว่าจะเลิกแต่งจริง ๆ อย่าพรากน้องพลุไปจากคนอ่านนะคะ  :heaven
ดีใจด้วยที่ได้ตีพิมพ์จ้า เย้  :mc4: ตอนพิเศษ อยากอ่านฉากหวาน ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ ของทั้งคู่มากที่สุดจ้า
ไม่เอาดราม่าเด็ดขาดเลยน้า  :ling3:
ขอบคุณมากค่า

ว่าจะเซอร์วิสซัก3ตอน หวานแน่ค่ะเพราะเรื่องหลักเราคิดว่าเราทำร้าย(...)มาเยอะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 7 ความทรงจำในสายฝน [13/02/58] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-02-2015 10:55:12
เข้ามาติดตาม เนื้อเรื่องน่าติดตาม
ไม่โฟกัสแต่ความรักที่ฉาบฉวย
มีเนื้อหาน่าอ่าน นานๆจะมีนิยายแบบนี้ซักเรื่อง ชอบครับ
เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณมากค่ะ คิดตามอ่านกันไปนานๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 27-02-2015 11:15:14
สงสารพลุ สงสารเทมส์  :monkeysad:
พี่หมอปืน ถ้ายังสับสน ไม่รู้ความรู้สึกตัวเองว่ามีต่อพลุยังไง
ที่สำคัญ ยังมียัยนิวเป็นแฟนอยู่ ก็อย่าทำอย่างนี้เลย
มันเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ ตอนนี้ ไม่ค่อยชอบใจพี่หมอปืนเลยนะ จริง ๆ
โอ๋ ๆ นะน้องพลุ น้องเทมส์ ฮืออ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2015 11:19:25
ต่างคนต่างเจ็บกันไปหมด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 27-02-2015 12:33:35

เขียนดีจังค่ะ

ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปจริงๆ
ใครจะรับได้แค่ไหน อดทนได้แค่ไหน
ย่อมต่างกันแน่นอน

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-02-2015 12:39:31
:katai1: รักหลายเส้าจัง มันหน่วง
หมอปืนมีแฟนอยู่แล้ว พลุรักหมอปืน เทมป์รักพลุ
ไหนจะหมอจิวอีก วุ่นวายดี
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-02-2015 13:28:16
พรุ่งนี้จะลืมกันได้เหรอ
แต่ตอนแรกคิดว่าจะเรทกว่านี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 27-02-2015 19:23:57
พี่หมอใจร้าย ตอนนี้ทำอิป้าน้ำตาซึมเลยนะ..
หนูพลุ..ลูกรักห้ามตัดใจนะอิป้าไม่ย๊อมไม่ยอม..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 27-02-2015 21:00:43
อ่านตอนต้นแล้วรู้สึกว่าลุงนี่มันลุงจริงๆ
(ขอโทษนะคะหมอปืน 555555)

แต่เอาดีๆ ท้ายๆ มาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้
สงสารน้องพลุค่ะ การกระทำของหมอมันทำให้คนที่คิดไปไกลกว่าปวดใจ
ในขณะที่หมอแค่สับสน ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าทำอะไรลงไป
แต่น้องพลุจะปวดใจมากเลยนะ อ่านแล้วน้ำตาซึมตอนที่น้องพลุขอรางวัลที่วิ่งแข่งชนะ
ตอนน้ำตาร่วงลงบนใบหน้าคุณหมอนี่อยากดึงตัวมากอดปลอบมากๆ ฮือออออออออ

ตอนนี้ขอโป้งหมอปืนจริงๆ TvT

ว่าแต่น้องเทมส์
บอกแล้วใช่มั้ยคะให้มาทางนี้ มาหาพี่นะคะคนดี โอ้ยย ทำไมตอนนี้มีแต่คนดราม่าาาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-02-2015 00:08:09
หมอปืน อย่าหักอกน้งพลุนะ ได้แล้วรับผิดชอบด้วย
อ่อ ยังไม่ได้สินะ แค่กอดๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-02-2015 00:43:27
โอ๊ะโอ....
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2015 01:16:49
เฮ้อออ รักสี่เศร้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-03-2015 22:50:06
ขมุกขมัว อีรุงตุงนัง :hao4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 03-03-2015 08:32:35
คงต้องตัดใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-03-2015 10:49:53
เศร้าไปอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 03-03-2015 15:03:49
รักหลายเศร้า
อย่าทำให้พลุเสียใจนะหมอปืนนน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 04-03-2015 20:45:57
หมอปืนมาทำให้น้องหวั่นไหวขนาดนี้ ต้องรับผิดชอบนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Trisul ที่ 10-03-2015 03:13:14
เป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่อ่านเเล้วชวนให้อยากอ่านบรรทัดถัดไปเร็วๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เเต่ก็ทำได้เเค่อ่านได้ตามความสามารถทางการอ่านของตัวเอง โอ้ยยย  ไม่ทันใจสมอง ฮ่าๆๆๆ

ติดตามอยู่นะคะ ไม่ค่อยได้คอมเม้นท์เท่าไหร่(ไม่เคยเลยดีกว่า นี่อันเเรก)
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 11-03-2015 22:19:04
บทที่ 9 พ่อ

คืนนั้นภาวัฒน์นอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งตะวันก็เริ่มขึ้นสูงแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งและหันไปมองข้างตัวที่บัดนี้ว่างเปล่า ฝ่ามือยกมือขึ้นสัมผัสผ้าปูยับย่นที่ๆ ใครคนหนึ่งเคยนอนอยู่ ความเย็นที่ส่งผ่านปลายนิ้วมาบ่งบอกให้รู้ว่าใครคนนั้นได้ลุกไปนานพอสมควรแล้ว นัยน์ตาสีดำขลับเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบห้องที่ว่างเปล่า เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วแค่นหัวเราะให้กับความหวังลมๆ แล้งๆ ของตน

“นี่เราทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย แล้วแบบนี้จะมีหน้าไปคุยกับเขาเหมือนเดิมได้ยังไง”

“ตื่นแล้วทำไมไม่ไปอาบน้ำล่ะ” เสียงของปาวัสม์ดังขึ้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก

“หมอปืน” ภาวัฒน์มองคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ใช่แค่ชุดที่แต่งอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางหากคนตรงหน้ายังดูเป็นปกติมากเสียจนเขาพูดอะไรไม่ออก “เอ่อ... ตื่นนานแล้วเหรอครับ แล้วไปไหนมา”

“ออกไปโทรศัพท์มาน่ะ” ปาวัสม์รีบยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า “กลัวว่าคุยในนี้เดี๋ยวเสียงดังจะปลุกคนขี้เซาตื่นมางอแงซะเปล่าๆ”

คนผมน้ำตาลทำหน้ายู่และเอียงคอมองคนตรงหน้า “หมอปืนว่าใครขี้เซา แล้วใครจะงอแงนะ”

“ไม่รู้สิ” ปาวัสม์ไหวไหล่ “แล้วใครล่ะนอนขดตัวกลมดิ๊ก น้ำลายไหลยืดๆ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นสักทีน่ะ”

ภาวัฒน์ยกมือขึ้นเช็ดแก้มโดยอัตโนมัติแต่กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอก คนอายุมากกว่าก็แทบลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้นแล้ว

“นายนี่หลอกง่าย ตลกชะมัด” ปาวัสม์ว่าและเอื้อมมือไปหมายจะแกล้งขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเล่นแต่หัวกลมๆ กลับเบี่ยงหลบ

“หมอปืนไม่เอาไม่เล่นแบบนี้ เมื่อคืนเราสัญญากันแล้วนี่ อย่าผิดสัญญาสิครับ”

ทว่าคุณหมอหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือ “ใครกันแน่ที่ผิดสัญญา นายอยากให้ฉันทำตัวเป็นปกติใช่ไหม เพราะนี่แหละคือปกติของฉันหรือไม่อยากให้ฉันมองหน้านายได้แบบนี้อีกต่อไปแล้ว”

ภาวัฒน์ส่ายหน้า “เป็นผู้ใหญ่นี่ดีนะครับ” เขากระซิบ “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้รีบออกไปซื้อของฝากทุกคนกัน” พูดจบก็ผลุนผันคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป

ทันทีที่ร่างโปร่งคล้อยหลัง รอยยิ้มในหน้าจางหายไปจนดูเศร้า มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสผ้าห่มที่ใครบางคนเพิ่งจะลุกออกไป ปลายนิ้วยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นจางๆ ของเจ้าตัวที่ติดอยู่บนผ้า “ถ้าเป็นเด็กก็ดีสิ” เขาพูดกับตัวเอง “เผื่ออะไรบางอย่างมันจะลืมกันได้ง่ายๆ บ้าง ไม่ต้องมาเล่นละครงี่เง่าอยู่แบบนี้”

...บทพี่ชายที่แสนดี... ทำไมมันเล่นยากขนาดนี้นะ...

OOOOOO

“เดินตางดีๆ เน้อตึ๊งทั้งสามคน”

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแล” ปาวัสม์ยกมือไหว้คุณอุดมที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งทั้งสามด้วยตัวเองที่สนามบิน

“บ่ต้องเกรงใจ๋ครับคุณหมอ” คุณอุดมบอก “ไว้มาแอ่วแหมเน้อ”

“คุณอาสวัสดีครับ” ภาวัฒน์ยกมือไหว้ขอบคุณ

“ไหว้พระเต๊อะลูก” คุณอุดมตบบ่าเบาๆ “อยู่กรุงเตพมีอะหยังขัดข้องบ่สุขสบายตั๊ดใด ถ้าเกรงใจบ่อยากรบก๋วนป้ออย่างน้อยก็บอกผ่านเจ้าเทมส์มานะ ป้อยินดีจ้วยเสมอ”

“ขอบคุณครับคุณอา”

“ป้อ” ศุภพัฒน์สะกิดไหล่พ่อตน

“ว่าจะใดเจ้าเทมส์” คุณอุดมหันไปถามเสียงเข้ม

“ผมไปแล้วเน้อ” ศุภพัฒน์พูดห้วนๆ ที่แม้แต่คนปัญญาอ่อนก็ดูออกว่าเขากำลังรู้สึกขัดเขินมากกว่า “ดูแลตัวเองนะป้อ”

“ลูกน่ะแหละดูแลตัวเองดีๆ กิ๋นข้าวหื้อครบสามมื้อแล้วออกกำลังก๋ายบ้างนะลูก”

“ครับป้อ ผมไปแล้วเน้อ” ศุภพัฒน์ทำท่าจะผละไปแต่แล้วก็หันกลับมาโผเข้ากอดพ่อตนไว้แน่น “เทอมนี้เฮียนหนักขนาด คงบ่ได้ปิ๊กบ้านแหมเมิน จะใดผมจะโทรหาหมั่นๆ เน้อ”

“ถ้ายุ่งก็บ่ต้องโทรกะได้ลูก เอาเวลาไปพักผ่อนเต๊อะลูก”

“บ่เป็นหยังครับ การทะเลาะกับป้อก็เป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

ภาพสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกทำให้ภาวัฒน์รู้สึกสะท้อนในอก นึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เคยจับมือจูงไปรับส่งโรงเรียนทุกวันเมื่อวัยเยาว์ คนที่นั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงและพร่ำบอกซ้ำๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ ในวันที่ชีวิตตกลงถึงจุดต่ำสุด

เขาปล่อยสองพ่อลูกได้ร่ำลากันและแอบปลีกตัวออกมาเงียบๆ เพื่อจะไปเชคอินรอ

เด็กหนุ่มยกกระเป๋าขึ้นวางบานสายพานให้เจ้าหน้าตรวจเช็คแต่ด้วยน้ำหนักที่มากทำให้ออกเซไปเล็กน้อย ในจังหวะนั้นเองที่มือคู่หนึ่งเอื้อมเข้ามาช่วยประคองวางลงอย่างเรียบร้อย ภาวัฒน์ปล่อยให้กระเป๋าไหลไปตามรางและหันไปขอบคุณคุณหมอหนุ่ม

ทว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับกลายเป็นคนอื่น

“พ่อ! “

ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มส่งยิ้มอ่อนโยนให้ เขาคือคุณทัดเที่ยงเจ้าของสำนักงานทนายความชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่และมีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ “เป็นไงบ้างพลุไม่กลับบ้านเสียนานเลยนะ”

“พ่อมาได้ยังไงครับ”

“เมื่อเช้ามีคนโทรหาพ่อ เขาบอกว่าถ้าอยากเจอแกให้มาที่นี่”

ภาวัฒน์มองข้ามไหล่พ่อไปสบตาปาวัสม์ที่ยืนอยู่ด้านหลังและส่งสัญญาณมือบอกให้รู้ว่าจะเข้าไปรอด้านใน เมื่อศุภพัฒน์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังตกใจที่เห็นพ่อของเพื่อนสมัยเด็กและจะวิ่งเข้ามาทัก โชคดีที่คุณหมอหนุ่มเดินมาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ทันแล้วลากเข้าเกทไปเสียก่อนที่จะเสียเรื่อง

เด็กหนุ่มถอนหายใจกับความหวังดีที่ไม่ต้องการ ร่วมครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อตรงๆ นับตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งล่าสุด แต่ถ้ามัวรอเวลาให้พร้อมทั้งเขาและพ่ออาจจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดและมันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก

เขารวบรวมความกล้าถอนสายตากลับมาหาพ่ออีกครั้งและเดินนำไปยังม้านั่งซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากความพลุกพล่านของผู้คน

“พ่อไม่โกรธผมแล้วเหรอครับ”

“พ่อไม่โกรธแกตั้งแต่แรกแล้วพลุ” คุณทัดเที่ยงเริ่มเกลี้ยกล่อม เขาสัญญากับภรรยาสุดที่รักไว้ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงวันนี้เขาต้องพาตัวลูกชายคนเดียวกลับบ้านให้ได้ “พ่อเข้าใจ แต่ตั้งใจขัดขวางเพราะเป็นห่วงแก อยู่กรุงเทพเมืองใหญ่ตัวคนเดียวใครจะดูแล”

ถึงถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนแต่ภาวัฒน์กลับรู้สึกได้ถึงความเหินห่างราวกับมีกำแพงน้ำแข็งที่มองไม่เห็นกั้นกลางระหว่างพวกเขาไว้

“จำได้ไหม ตอนแกเป็นเด็กพ่อเคยเกือบเสียแกไปครั้งหนึ่ง... การนอนเฝ้าแกในโรงพยาบาลนานนับเดือนทำให้พ่อแทบเป็นบ้า เพราะอย่างนั้นพ่อถึงได้เป็นห่วงและเลี้ยงแกมาอย่างทะนุถนอมจนเกินเหตุ จนลืมไปเสียสนิทว่าน่าจะเป็นตัวแกเองนี่แหละที่รู้คุณค่าของการมีชีวิตและอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่ามากที่สุด นับจากนั้นคนที่ชอบทำอะไรไม่คิดอย่างแกจึงยิ่งกลายเป็นคนที่ไม่เคยรีรอและไม่กลัวที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย แม้จะเริ่มคิดก่อนทำมากขึ้นหน่อยล่ะนะ “

“ผมขอโทษ และก็ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”

เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ภาวัฒน์ตอบออกไป เนิ่นนานหลายนาทีทีเดียวที่เสียงลมหายใจหนักๆ ของคนทั้งคู่เป็นเพียงเสียงเดียวที่สอดประสานและแสดงอารมณ์ที่อัดอั้นภายในใจอย่างซื่อตรง

“อันที่จริงพ่อก็ไม่ได้เข้าใจสักเท่าไหร่หรอกนะ!” คุณทัดเที่ยงโพล่งออกมาก่อนอย่างสุดทน ที่นี่ไม่ใช่ศาลและคนตรงหน้าก็เป็นลูกชายแท้ๆ ไม่ใช่จำเลยในคดีอุกฉกรรจ์ ไม่มีประโยชน์อันใดที่เขาต้องใส่หน้ากากทนายผู้แสนดี “จริงๆ แล้วพ่ออยากจะจับแกล่ามโซ่ ใส่กรงขังให้มันรู้แล้วรู้รอด ให้แกอยู่กับบ้าน ให้อยู่ในสายตา ไม่ต้องให้แกออกไปเสี่ยงกับอันตรายของโลกภายนอกแล้วต้องมานั่งสวดมนต์อ้อนวอนขอพรพระทุกวันให้แกกลับมาอย่างปลอดภัย”

ผู้เป็นพ่อหยุดพักหายใจฟืดฟาด มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่นวางไว้บนหน้าขา เขาไม่เคยตีลูกชายสักแปะแต่ตอนนี้ถ้าต่อยให้เลือดกบปากสักทีแล้วมันจะมีสติตัดใจจากความฝันลมๆ แล้งๆ และยอมกลับบ้านเขาก็จะทำ

“ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วงมาตลอด” ภาวัฒน์แทบจะเสียงดังพอๆ กัน เขาเกือบจะต่อคำว่า ‘ไม่ได้ง้อสักหน่อย’ ออกไปแล้วเชียว “ว่าแต่อะไรทำให้พ่อเปลี่ยนใจล่ะครับ”

“คนที่บอกให้พ่อมาที่นี่” การตะโกนเมื่อครู่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจมานานออกมา “ทีแรกพ่อก็แปลกใจว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ทั้งคุณอุดมหรือเจ้าเทมส์ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือเขาไม่ได้โทรมาขอร้องให้พ่อเข้าใจและยอมปล่อยแกไปตามทางของแกเหมือนคนอื่นๆ”

ภาวัฒน์อึ้งไป “แล้วเขาบอกพ่อว่าอะไรครับ”

“เขาบอกให้พ่อพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากพูด ไม่ว่าจะเป็นคำด่า ต่อว่า อ้อนวอนขอให้กลับบ้านหรือแม้แต่จะเตะแกสักที อะไรก็ได้ที่ทำแล้วต่อให้พรุ่งนี้ต้องตายจะไม่เสียใจ”

ภาวัฒน์ไม่ว่าอะไรและรอให้พ่อพูดต่อ

“แล้วเป็นยังไงล่ะ” พ่อถาม “ตอนนี้ลูกตามความฝันไปถึงไหนแล้ว... ได้ข่าวว่าตอนนี้ช่วยงานอยู่ที่ศูนย์กู้ชีพสินะ”

“ครับ ผมยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่แต่ทุกวันที่ทำงานก็มีความสุขดี อย่างครั้งนี้หัวหน้าก็มอบหมายงานให้ผมเป็นวิทยากรมาบรรยายเรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้นที่นี่” หน้าของภาวัฒน์ซีดลงด้วยรู้ว่าคำตอบจะต้องทำให้พ่อผิดหวัง

คุณทัดเที่ยงเงียบไปอึดใจก่อนจะสบตาลูกชายและพูดขึ้น “นั่นใช่ความฝันของลูกแน่เหรอพลุ... พ่อเลี้ยงแกมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าความฝันแต่เด็กของแกคืออุลตราแมน นายกรัฐมนตรีแล้วก็มาจบลงที่ทนาย”

“พ่อครับ...” พูดได้เท่านั้นเสียงทุ้มก็ขาดห้วง ภาวัฒน์กัดปากจนเจ็บ และตัดสินสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมดเปลือก ตั้งแต่สาเหตุที่อยากเป็นหมอไปจนถึงเรื่องที่ว่าเขาคงไม่อาจแต่งงานและมีลูกสืบสกุลให้พ่อกับแม่ได้ 

เป็นไปตามคาด คุณทัดเที่ยงนั่งหน้าเครียดและไม่ยอมพูดอะไรอีก คงไม่มีพ่อแม่คนไหนรู้สึกดีที่ลูกชายคนเดียวบอกว่าชอบผู้ชายด้วยกันและลงทุนออกจากบ้านไปเพื่อตามหาผู้ชายคนหนึ่งหรอก

ภาวัฒน์นั่งกุมมือที่ชื้นเหงื่อแม้ในท่าอากาศยานจะเปิดแอร์จนเย็นเยียบไว้แน่น แม้จะกังวลแต่ก็รู้สึกโล่งที่ได้พูดความจริงในใจออกไปสักที

“กลับบ้านเราไหมลูก” พ่อกระซิบขึ้นทำลายความเงียบที่เริ่มอึดอัด

ภาวัฒน์ส่ายหน้า

“ถ้ายังไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ” คุณทัดเที่ยงบอกหนักแน่น สร้างความแปลกใจและตกใจให้ภาวัฒน์เป็นอันมาก สิ่งที่เขาจินตนาการไว้อย่างร้ายแรงที่สุดก็คือตัดพ่อตัดลูก แต่สายตาอ่อนโยนของผู้เป็นพ่อที่มองมาทำให้เขารู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงเขามากขนาดไหน

และมันทำลายกำแพงน้ำแข็งสูงใหญ่ที่มองไม่เห็นระหว่างเขากับพ่อลงอย่างราบคาบ

“ถ้านี่คือทางที่แกเลือกแล้วพ่อคงไม่ห้ามอะไรอีก พ่อดีใจนะที่ในที่สุดแกก็ยอมเล่าให้ฟังสักที” พ่อบอกพร้อมกับบีบบ่าลูกชายแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“แม่ต้องโกรธแน่ๆ” ภาวัฒน์พูดเสียงอ่อย

“แน่นอนที่สุด” คุณทัดเที่ยงกระซิบยิ่งทำเอาใจของภาวัฒน์ร่วงไปกองที่ตาตุ่ม “แต่เป็นเรื่องที่พ่อพาแกกลับบ้านไม่ได้ต่างหาก... แม่เขารักแกเกินกว่าจะไล่แกออกจากบ้านด้วย ‘เรื่องนั้น’”

ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจ และใจยังไม่อาจยอมรับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ เขาไม่หวังด้วยซ้ำว่าสักวันหนึ่งจะทำใจได้ แต่ในฐานะ ‘คนเป็นพ่อ’ เขาต้องอยู่กับ ‘ความจริง’ นี้ให้ได้

“อย่าลืมนะว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงและอยู่ข้างแกเสมอไม่ว่าแก ‘จะทำอะไร’ หรือ ‘เป็นอะไร’ มีอะไรบอกพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง สัญญากับพ่อนะว่ากลับไปแล้วจะโทรหาพ่ออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง”

เครื่องหน้าเครียดเขม็งของภาวัฒน์คลายออกและเผยรอยยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว “ครับ”

“แล้วก็... พ่อซื้อรถให้เอาไหม... ใจพ่อจะขาดทุกทีแค่จินตนาการว่าแกกำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์”

“ไม่ต้องห่วงครับ นับจากวันนั้นมาผมก็สวมหมวกกันน๊อคตลอด”

“พ่อรู้” คุณทัดเที่ยงบอกแต่สีหน้ายังไม่คลายจากความกังวล “เอาเป็นว่าขับให้มันช้าๆ ลงหน่อยอย่าไปซิ่งให้มากนักล่ะ” สะบัดศีรษะไล่ความคิดเก่าๆ ออกไป “ยังมีอีกเรื่องนึง” เขาเปิดกระเป๋าและล้วงเอาซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้ “ขอโทษที่ทำโดยพลการ แต่โอกาสดีๆ แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และพ่อก็ไม่อยากให้แกเสียมันไป”

ภาวัฒน์รับมาดู เพียงแค่เห็นจ่าหน้าซองนัยน์ตาสีดำขลับก็เบิกกว้าง เขาโผเข้าสวมกอดผู้เป็นพ่อทันทีด้วยความตื้นตันอย่างเหลือแสน “ขอบคุณครับ”

พ่อกอดตอบ “เก็บเอาไปคิดให้ดีๆ นะ”

OOOOOO

“เป็นไง” ปาวัสม์ถามคนผมน้ำตาลที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“หมอปืนไปเอาเบอร์พ่อผมมาจากไหน”

“มือถือนายน่ะแหละ” ปาวัสม์สารภาพตามตรง “เมื่อเช้าตอนที่นายยังไม่ตื่น”

ภาวัฒน์หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ “คนฉวยโอกาส” เด็กหนุ่มกระซิบพลางเอื้อมมือมาแตะฝ่ามือคุณหมอหนุ่มแผ่วค่อยและพิงศีรษะเข้ากับหัวไหล่ บทสนทนาช่วงหนึ่งระหว่างเขากับพ่อยังดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว

‘คนที่โทรมาเมื่อเช้า ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาเป็นคนดีนะ’

“คุยกับพ่อเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ปาวัสม์ถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่พิงศีรษะอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จา จนเขานึกใจหายว่าทำอะไรไม่เข้าเรื่องจนทำให้อะไรๆ มันแย่ลงหรือเปล่า

จนกระทั่งภาวัฒน์กระซิบตอบเสียงอู้อี้ออกมาจากหัวไหล่ของเขาที่พอฟังได้ศัพท์ว่า

“ขอบคุณนะครับหมอปืน ขอบคุณมาก”

********************************************TBC********************************************

เมาท์ๆ... ^^
อ่า... รู้สึกว่าตอนที่แล้วลุงปืน(?) จะโดนต่อว่ากระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มว๊ากกกก(555)
ก็อะนะ...ลุงอะ ทำตัวเองมีแฟนแล้วยังไปให้ความหวังน้องพลุอีก T^T (ตอนแต่งน้ำตาจะไหล)
มาถึงตอนนี้... นี่เป็นตอนสุดท้ายล่ะที่จะอยู่เชียงใหม่ ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายไปเปลาะนึงล่ะนะ(หรือเปล่า)
ตอนหน้าเจอกัน(น้องนิว) ที่กทม.
คอยติดตามกันนะคะว่าเธอจะมาป่วนอะไรอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-03-2015 23:26:25
ดีใจกับพลุด้วยที่ได้คุยกับพ่อจนเข้าใจ ต้องขอบคุณหมอปืน
ที่ช่วย  เคลียร์ปัญหาลงไปได้อีกเปาะหนึ่ง เปาะใหญ่ยังรออยู่กรุงเทพ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-03-2015 23:38:38
ปลื้มใจ :pigha2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2015 00:49:58
หมอปืน ฮีโร่เลยอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 12-03-2015 01:13:11
ท้ายตอนมันมุ้งมิ้งดีนะ ถึงจะน้อยแต่พอฟินได้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-03-2015 01:20:16
ลุง......ตอนนี้เทใจให้เลย
มีแฟนเป็นชะนีก็เลิกได้
พลุเอ๊ย สาวมากตอนนี้นะลูกนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 12-03-2015 07:47:35
ชอบคุณพ่อน้องพลุจังเลยอ่ะ เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุมีผล แล้วก็เข้าใจอะไร ๆ ได้ดีจริง ๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ รักลูกและหวังดีกับลูกที่สุด ยอมรับได้ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง ปลื้มมาก ๆ
รู้สึกน้องพลุนั่นแหละนะ ที่กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ รู้นิสัยลูกดี แล้วจะไม่ให้พ่อแม่เป็นห่วงได้ยังไง
ยังงงเรื่องอุบัติเหตุ ตกลงอุบัติเหตุครั้งนั้น น้องพลุขี่มอเตอร์ไซดจริง ๆ ใช่ไหม
คุณพ่อ ไปเฝ้าน้องพลุที่โรงพยาบาล แสดงว่าไม่ใช่คุณพ่อที่ติดอยู่ในรถสิ ยังไงเนี่ย
ตอนหน้า ยัยนิวจะกลับมาอาละวาดแล้ว เฮ้อ ขอทำใจแป๊บ  :heaven
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-03-2015 13:07:06
จริงๆ พ่อของพลุก็ไม่ได้ดุนี่
อย่างว่าแหล่ะ เวลามันทำให้อะไรดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-03-2015 21:57:44
สนุกเป็นบ้า!

พอดีอ่านตอนพ่อกับพลุแล้วอยากแสดงความคิดเห็นหน่อย
บางเรื่องก็ยากจะทำใจรับได้อย่างทันทีทันใด แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ทำให้เรายอมรับได้ยากคือความคาดหวังหรือความต้องการของเราเอง ไม่ใช่สิ่งที่อีกคนเป็น รู้สึกหรือกระทำ

ลูกไม่ใช่ใบรับประกันความเป็นพ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จของคุณ
คนรักไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าคุณเป็นคนที่เพียบพร้อมและจะไม่ล้มเหลวเรื่องความสัมพันธ์
พ่อแม่ก็มนุษย์ที่มีอารมณ์ มีรัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ไม่ชอบ ไม่ต่างจากเรา

คิดให้ดีๆ ว่ารักกันที่หัวใจ หรือเครื่องประกอบภายนอก?

ปล. ตำรวจทำอะไรหมอจิว? เราอยากรู้แบบละเอียดๆ เลยนะ ขอร้องงงง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-03-2015 01:03:05
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-03-2015 16:53:17
สนุกเป็นบ้า!

พอดีอ่านตอนพ่อกับพลุแล้วอยากแสดงความคิดเห็นหน่อย
บางเรื่องก็ยากจะทำใจรับได้อย่างทันทีทันใด แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ทำให้เรายอมรับได้ยากคือความคาดหวังหรือความต้องการของเราเอง ไม่ใช่สิ่งที่อีกคนเป็น รู้สึกหรือกระทำ

ลูกไม่ใช่ใบรับประกันความเป็นพ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จของคุณ
คนรักไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าคุณเป็นคนที่เพียบพร้อมและจะไม่ล้มเหลวเรื่องความสัมพันธ์
พ่อแม่ก็มนุษย์ที่มีอารมณ์ มีรัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ไม่ชอบ ไม่ต่างจากเรา

คิดให้ดีๆ ว่ารักกันที่หัวใจ หรือเครื่องประกอบภายนอก?

ปล. ตำรวจทำอะไรหมอจิว? เราอยากรู้แบบละเอียดๆ เลยนะ ขอร้องงงง

เอาละเอียดแค่ไหนอะคะ พอดีตอนนั้นเลกกี้แอบดูคู่หมอปืนอยู่รพ. กว่าจะตามไปถึงก็ฟ้าสางล่ะ555
ได้ค่ะ ไม่รู้จะละเอียดพอไหมแต่จะจัดให้ตามคำขอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-03-2015 23:50:34
โห น้ำตาไหล เด็กชายพลุบอกความจริงกับหมอปืนเถอะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 19-03-2015 21:07:17
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-03-2015 21:26:37
คบผู้ใหญ่มันก็ดีอย่างนี้แหละน้องพลุ/ห๊ะ คบกันแล้วเหรอ...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 21-03-2015 13:24:35
อยู่เชียงใหม่ต่อเลยได้มั้ยคะ?
ไม่อยากกลับไปเจอน้องนิวเลยอ่ะ โอ้ยๆๆ 555555

ดีใจที่ในที่สุดเรื่องคุณพ่อกับน้องพลุก็คลี่คลายแล้ว
พ่อคะ.. ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่เขาก็เป็นคนดี และคนที่โทรศัพท์มานั่นแหละค่ะ
อนาคตคือลูกชายพ่ออีกคน 555555555555555

ชอบโมเม้นท์เวลาพ่อลูกคุยกันแบบนี้ อ่านแล้วรู้สึกอุ่นใจบอกไม่ถูก
ดีใจกับน้องพลุ แล้วก็ดีใจกับคุณพ่อด้วย ว่าแต่คุณพ่อให้ซองเอกสารอะไรมาน้า?

จะรอตอนหน้านะคะ >_<

ว่าแต่ลุงหมอปืนคะ.. ถ้าการเป็นพี่ชายนี่มันลำบาก ไม่ต้องพยายามก็ได้ค่ะ
เลิกกับหมอนิวสิคะ น้องพลุรออยู่ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-03-2015 23:46:57
 :seng2ped: หายไปไหนนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 28-03-2015 07:55:03
บทที่ 10 นาที (ครึ่งแรก)

ทันทีที่เท้าสัมผัสแผ่นดินเมืองหลวง ชีวิตที่เหมือนจะเดินช้าลงของปาวัสม์ก็กลับมาเดินด้วยอัตราเร่งที่บางทีอาจจะมากกว่าเดิม งานที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลยังคงวุ่นวายเป็นปกติ หากจะมีบางสิ่งผิดแผกไปคือหมู่นี้เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดเวลาที่ต้องเข้าเวรชนกับภาวัฒน์อีกแล้ว กลับกันด้วยซ้ำว่าถ้าวันไหนเข้าเวรแล้วไม่เจอหนุ่มกู้ชีพจอมทะเล้นโบกมือทักทายมาจากหน้าเคาน์เตอร์แล้วเหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปบางอย่าง

“หมู่นี้นายดูอารมณ์ดีนะ” วิทยาทักเมื่อเห็นร่างสูงยืนฮัมเพลงสรุปแฟ้มคนไข้ “มีอะไรพิเศษหรือไง”

“เปล่านี่” ปาวัสม์วางแฟ้มคนไข้ที่เพิ่งเขียนเสร็จส่งให้พยาบาลสาวที่เคาน์เตอร์และรวบแฟ้มปึกใหม่ขึ้นมาเพื่อไปตรวจทานคำสั่งการรักษาของนักศึกษาแพทย์ “นายต่างหากที่ดูหงุดหงิด นี่ไปทะเลาะกับใครมาหรือเปล่า”

“ไม่มีนี่...” วิทยาพูดเรียบๆ แต่เม้มริมฝีปากสนิทก่อนจะระเบิดออกมา “ไอ้เจ้านายน์น่ะสิ!”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “ใครคือนาย”

“หมวดรติพัทธ” มือที่กำด้ามปากกาของวิทยากดลงบนหน้ากระดาษจนมันเป็นรอยลึก

“นายหมายถึง ‘นายน์’ หลานชายนิวน่ะเหรอ” ปาวัสม์นิ่วหน้านึก เขาเคยเจอเด็กคนนี้ไม่กี่ครั้ง และครั้งล่าสุดมันก็หลายเดือนมาแล้ว “คนที่เพิ่งเรียนจบตำรวจใช่ไหม มีอะไรเหรอ”

“ก็...” วิทยาไม่รู้จะอธิบายหรือเริ่มต้นตรงไหน ถ้าต้องให้เล่าเขาอาจจะต้องเริ่มตั้งแต่ความรู้สึกของเขาที่มันเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนเลยทีเดียว “ไม่มีอะไร” เขาตัดสินใจโกหกก็พอดีกับเสียงของคนที่ไม่อยากเจอที่สุดดังขึ้นหน้าประตูห้องฉุกเฉิน

“สวัสดีครับหมอจิว” ร่างสูงล่ำในชุดเครื่องแบบสีกากีเต็มยศเดินตรงรี่เข้ามาหาทั้งสอง “สวัสดีครับพี่ปืน ไม่เจอกันนานยังหล่อเหมือนเดิมนะครับ”

“ว่าไงนายน์ เรียนจบแล้วสิ ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปงานรับกระบี่ นิวชวนอยู่เหมือนกันแต่ช่วงนั้นพี่ยุ่งจริงๆ” ปาวัสม์ยิ้มทักทาย

“แค่ฝากของขวัญมาให้ผมก็ดีใจแล้วครับ”

“แล้วนี่มีธุระอะไรถึงมาที่นี่ มาหาท่านผอ. เหรอ แต่เห็นเขาบอกว่าบ่ายนี้มีประชุมผู้บริหารนี่ “

“ผมไม่ได้มาหาคุณลุงหรอกครับ”

“ถ้ามาหานิวล่ะก็วันนี้...”

“นอนหลับเป็นตายอยู่บ้าน... ผมรู้แล้วครับ ที่แวะมานี่เพราะตั้งใจมาหาเพื่อนพี่ปืนต่างหาก” รติพัทธบอกพลางพยักเพยิดไปทางหนุ่มหน้าตี๋ที่หน้าตอนนี้ทำหน้าราวกับกินหมามุ่ยเข้าไปทั้งพวง

“นี่พวกนายสองคนแอบไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“ใครเขา...” วิทยาพยายามจะปฏิเสธแต่ผู้หมวดหนุ่มก็ชิงตอบเสียก่อน

“สักพักได้แล้วล่ะครับ” พูดเสร็จก็หันไปยิ้มหน้าทะเล้นให้คนตัวเล็กกว่า “แต่ดูท่าว่าหมอจิวเขาจะไม่ค่อยอยากสนิทกับผมสักเท่าไหร่เลย”

“ทำไมล่ะจิว นายน์เขาไปทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า”

“หมอปืนนนน” เด็กหนุ่มในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มเยี่ยมหน้าเข้ามาขัดบทสนทนา “อ้าว ตรวจคนไข้อยู่เหรอ ขอโทษทีครับ เห็นห้องฉุกเฉินเงียบๆ ผมก็เลยนึกว่าหมอปืนว่าง งั้นผมไปก่อนนะเดี๋ยวมาหาใหม่”

“ก็ว่างอยู่ เข้ามาก่อนสิ” ปาวัสม์กวักมือเรียก เขาเพิ่งสรุปแฟ้มคนไข้เล่มสุดท้ายเสร็จพอดี “นี่ร้อยตำรวจตรีรติพัทธ หลานชายนิวน่ะ เขาแค่แวะมาคุยด้วยเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” แล้วหันไปหาคนในเครื่องแบบ “นายน์ นี่ภาวัฒน์ทำงานอยู่ศูนย์กู้ชีพ”

“สวัสดีครับคุณรติพัทธ” เด็กหนุ่มทักทาย “เรียกผมพลุก็ได้ครับ”

“เรียกพี่นายน์หรือนายน์เฉยๆ ก็ได้ดูนายอ่อนกว่าฉันนิดเดียวเอง” รติพัทธว่า “ฉันยี่สิบห้าปีนี้แล้วนายล่ะ”

“ยี่สิบครับ พี่นายน์”

“งั้นนายก็ยังเรียนมหาลัยอยู่สิ ขยันจังนะ มาช่วยงานกู้ชีพด้วยเนี่ย”

“ผมไม่ได้เรียนไปด้วยหรอกครับ ตอนนี้ทำงานเป็นกู้ชีพเต็มตัวแล้วครับ”

“จริงเหรอ” รติพัทธอุทาน “เก่งจัง แบบนี้ก็เจอแบบพวกเลือดสาดอะไรแบบนี้บ่อยๆ สิ ฉันไม่ชอบเลยล่ะของพวกนี้ แล้วที่เขาว่าอาชีพอย่างนายมักจะชอบเจอของดีบ่อยๆ น่ะจริงไหม” เขาลดเสียงลงจนเหลือแต่เสียงกระซิบ “ถามจริง นายเคยเจอผีมั่งป่ะ”

ภาวัฒน์นิ่วหน้านึก “เลือดน่ะเจอประจำ แต่ผีนี่ยังไม่เคยนะครับ ก็ภาวนาล่ะว่าอย่าให้เจอเลย แต่ถ้าเป็นผีสาวๆ สวยๆ ก็ว่าไปอย่าง”

“ตกลงมาหาฉันมีเรื่องอะไร พลุ” ปาวัสม์ถามแทรกขึ้นเพราะดูท่าเด็กหนุ่มสองคนจะคุยกันถูกคอจนลืมเขาไปเสียสนิท... ที่สำคัญทำไมนายถึงยอมเรียกรติพัทธว่า ‘พี่’ ง่ายดายขนาดนั้น ทีฉันขอให้เรียกนายยังไม่ยอมเลย

“อ้อ!” ภาวัฒน์นึกได้ “ผมกำลังจะไปกินข้าวเที่ยงเลยมาชวนหมอปืนไปกินด้วยกัน”

“เอาสิ ฉันเองก็กำลังหิวพอดี” ปาวัสม์ตกปากรับคำทันทีพลางหันไปหาวิทยากับรติพัทธ “พวกนายสองคนไปด้วยกันไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

“ไม่ดีกว่าครับ” รติพัทธรีบออกตัว “พอดีผมมีเรื่องจะปรึกษาหมอจิว เลยแวะมารับไปทานข้าวด้วยกัน”

“อ้าวเหรอ” ปาวัสม์มองทั้งสองงงๆ เพราะวิทยาหน้าไม่รับแขกอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเจ้าตัวไม่ปฏิเสธอะไรเขาจึงไม่ติดใจจะถามต่อและหันไปหาเด็กหนุ่ม “ไปรถฉันแล้วกัน นายรออยู่ที่นี่แหละเดี๋ยววนรถมารับ” พูดจบก็เดินตัวปลิว ผิวปากออกประตูไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์ด้วยซ้ำ

“เราก็ไปกันบ้างเถอะครับ” รติพัทธหันมายิ้มหน้าแป้นแล้น

“เอาเสื้อกาวน์ไปเก็บก่อน” วิทยาตัดบทอย่างรำคาญใจแล้วเดินแยกตัวไปห้องพักแพทย์

เมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน ภาวัฒน์จึงกระซิบขึ้นอย่างนึกกังวล “พี่นายน์ไม่ออกตัวแรงไปหน่อยเหรอ ดูหมอจิวเขาไม่ค่อยชอบใจเลยนะครับ”

“ก็ต้องไม่ชอบใจอยู่แล้วสิ” รติพัทธตอบหน้าตาเฉย “ก็ฉันตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนี่”

“ถ้าไม่คิดจริงจังก็อย่าไปยุ่งกับคุณหมอเขาเลยครับ เพราะหมอจิวน่ะ...”

“หลงรักเพื่อนตัวเองอยู่” ผู้หมวดหนุ่มต่อให้ “นายคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง และเพราะแบบนี้แหละมันถึงน่าสนุกยังไงล่ะ”

คนผมน้ำตาลถลึงตา “พี่นายน์อย่าเอาความรู้สึกของคนมาเล่นแบบนี้สิครับ”

“ก่อนจะมาขอร้องหรือเตือนอะไรฉัน บอกตัวเองก่อนดีไหมพลุ” รติพัทธลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคนและกรีดยิ้มยียวน “แน่ใจนะว่านายไม่เคยเห็นผี แต่บังเอิญฉันเห็นว่ะ ผีเด็กที่กำลังพยายามจะหลอกคนแก่... อย่างน้อยเป้าหมายของฉันก็ยังโสดแต่ของนายน่ะมีทั้งยันต์ สายสิญจน์แถมยังควายธนูเฝ้าอีก นี่เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”

“หมอปืนยังรักหมอนิวดีเรื่องนี้น้องชายอย่างคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” ภาวัฒน์ตอบ “และผมไม่เคยคิดแย่งของของใคร”

“ฉันก็ไม่ได้เป็นห่วงหมอปืนหรือพี่นิวนี่ สองคนนั่นกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว” รติพัทธปั้นน้ำเป็นตัว “คนที่ฉันเป็นห่วงน่ะมันนายต่างหาก ถ้าต้องการคนดามใจล่ะก็โทรหาได้ทุกเมื่อเลยนะ”

“จะไปก็เร็วๆ เข้าสิ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ ฉันจะรีบกลับมาทำงาน” เสียงหงุดหงิดของวิทยาดังมาจากหน้าห้องฉุกเฉินขัดบทสนทนาของทั้งสอง

“คร้าบบบ” รติพัทธหันไปตะโกนตอบก่อนจะโน้มตัวมาพูดที่ข้างหูพร้อมทั้งยัดนามบัตรใส่มือเด็กหนุ่ม “อย่าลืมที่ฉันบอกนะ”

“คุณต่างหากที่ต้องระวัง” ภาวัฒน์กระซิบลอดไรฟันและคว้ามือรติพัทธไว้ “ทำเป็นเจ้าชู้ระวังจะโดนควายธนูกระโดดทับตายโดยไม่รู้ตัว” ก่อนจะเดินหนีออกไปรอปาวัสม์หน้าห้องฉุกเฉิน

ผู้หมวดหนุ่มมองตามแผ่นหลังคนผมน้ำตาลก่อนจะตวัดสายตาลงมองฝ่ามือตนที่ถูกบีบจนแดงก่ำกับนามบัตรยับยู่ยี่ที่ถูกยัดคืนมา... ท่าทางเขาจะมองเด็กหนุ่มคนนี้ผิดไปเสียแล้ว

OOOOOO

“มีอะไรหรือเปล่าพลุหน้ายุ่งเชียว”

“คือผม...” ภาวัฒน์ตักข้าวเข้าปาก พลางคิดทบทวนสิ่งที่ก่อกวนจิตใจเขาอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าเรื่องที่รติพัทธพูดแทงใจดำว่าเขาเข้าใกล้ปาวัสม์เพื่อหวังผลนั่นอย่างหนึ่งล่ะ แต่ที่เขาเป็นห่วงมากกว่าคือเรื่องที่รติพัทธเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างไม่ต้องสงสัยและเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนของปาวัสม์ต้องมาเจ็บซ้ำๆ เหมือนอย่างที่เขาเป็น “ไม่มีอะไรครับ แค่หิวมากไปหน่อย” สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจโกหกคำโตออกไปและพยายามเปลี่ยนเรื่อง “อาทิตย์หน้าหมอปืนเข้าเวรหรือจะไปธุระที่ไหนหรือเปล่าครับ”

“มีนัดกินข้าวกับพ่อแม่นิวตอนเที่ยงแล้วกลับมาอยู่เวรต่อน่ะ ทำไมเหรอ”

ภาวัฒน์แทบสำลักข้าวในปาก สิ่งที่รติพัทธเพิ่งบอกจู่โจมเข้าอย่างจัง “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็เข้าเวรกลางคืนเหมือนกันเลยว่าจะชวนไปฟิตเนส” เขากลืนข้าวคำนั้นลงคอยากเย็น ในขณะที่อีกฝ่ายยังกินข้าวต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา ตอนนี้เขาสมควรจะต้องยิ้มใช่ไหม มันควรจะต้องเป็นมื้อเที่ยงที่สนุกสนานและเขาควรจะพูดแสดงความยินดีที่ปาวัสม์กำลังจะแต่งงานด้วยใช่ไหม “จะไปขอหมอนิวแต่งงานเหรอครับ” ภาวัฒน์หลุดคำที่แม้แต่ตัวเองยังคาดไม่ถึงออกไป

แต่บางที... ทำให้ชัดเจนไปเลยก็ดีเหมือนกัน ให้ใจมันเจ็บมากๆ แล้วมันจะได้ยอมตัดใจและเลิกราไปเสียที

ร่างสูงสะดุ้งเฮือก “นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”

“แฟนหนุ่มไปพบพ่อแม่ผู้หญิง มันจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะครับ”

ปาวัสม์นิ่งไป เขาตั้งใจแค่จะไปกินข้าว สร้างความคุ้นเคย พูดคุยไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่เมื่อประเด็นนี้ถูกเปิดขึ้นมามันกลับทำให้หัวใจเขาหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ”

ภาวัฒน์กัดริมฝีปากจนห้อเลือดในขณะที่แกล้งก้มหน้าทำเป็นเคี้ยวข้าว เขากลืนข้าวลงคอไปพร้อมๆ กับความเจ็บปวดมากมายทีเอ่อล้นอยู่ในอกก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “หมอนิวเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง เธอเหมาะสมกับหมอปืนมากครับ”

“นายคิดว่างั้นเหรอ”

“ครับ” รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มเรียวปาก แต่ถ้าปาวัสม์จะทันสังเกตสักนิดก็คงจะเห็นได้โดยไม่ยากเย็นถึงประกายวิบวับในนัยน์ตาสีดำขลับที่หม่นแสงลง

OOOOOO

“พี่ปืนฟังที่นิวพูดอยู่หรือเปล่าคะ” รชญาดีดนิ้วตรงหน้าแฟนหนุ่มเพื่อเรียกให้หันมาหา ไม่ใช่เพราะเขากินข้าวเพลินจนไม่สนใจเธอ แต่เขาเหม่อลอยเสียจนกำลังจะตักเปลือกมะเขือเทศที่ประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ตกแต่งจานอาหารเข้าปาก

“เอ่อ... ขอโทษที” นัยน์ตาคมเหลือบมองดอกมะเขือเทศในช้อนและรีบวางมันลง

ทีแรกปาวัสม์แค่มองดูอะไรไปรอบๆ ร้านอาหารซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงาม จนกระทั่งสายตาไปสบเข้ากับเด็กมหาวิทยาลัยกลุ่มใหญ่ที่มุมในสุดของร้าน ทั้งหมดกำลังกิน ดื่ม พูดคุยหัวเราะร่าเริง แต่แล้วเขาก็คิดถึงภาวัฒน์ขึ้นมาว่าถ้าเด็กคนนั้นไม่รีไทร์ออกมาเสียก่อนตอนนี้ก็คงกำลังเที่ยวหรือทำงานกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ ไม่ใช่นั่งฟังเสียงวอหรือออกตระเวนขับรถไปรับคนเจ็บ คิดไปคิดมาก็พาลนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกันเมื่อตอนเที่ยง จนแล้วจนรอดเขาก็คิดไม่ตกว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มคิดว่าเขาจะแต่งงานกับรชญา การสร้างครอบครัวดูเป็นเรื่องยาวไกลเสียเหลือเกินสำหรับเขา

“เมื่อกี้นิวพูดว่าอะไรนะครับ”

“นิวบอกนิวมีเรื่องอยากปรึกษา” เสียงหวานหม่นเศร้าเมื่อรู้ว่าใจของคนตรงหน้าไม่ได้อยู่กับเธอเลยสักนิด

“เรื่องอะไรครับ” ปาวัสม์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีของการเป็นแฟนกันและเขาไม่ควรทำตัวงี่เง่า

“เราจะแต่งงานกันไหมคะพี่ปืน”

“นิวว่าไงนะ” นัยน์ตาคมเบิกโพลง เขาถามซ้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิดไป เพราะสิ่งที่หญิงสาวบอกไม่ใช่คำขอแต่งงาน ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่มันเป็นประโยคคำถามและเขาก็จำเป็นต้องตอบมันเดี๋ยวนี้เสียด้วย

“นิวจะอายุสามสิบแล้วนะคะพี่ปืน” รชญาบอก “เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว นิวขอคุยกับพี่ปืนตรงๆ เลยละกันนะคะ นิวรักพี่ปืนค่ะ รักมากและยอมทำทุกอย่างได้เพื่อพี่ นิวก็เลยอยากรู้ค่ะว่าพี่ปืนคิดเหมือนนิวหรือเปล่า นิวไม่ได้ขอหรือบังคับให้พี่ปืนแต่งงานกับนิว แต่นิวแค่อยากจะบอกว่าถ้าในอนาคตของพี่ปืนไม่ว่าจะกี่ปีนับจากนี้ยังมีนิวอยู่ล่ะก็ นิวก็พร้อมจะรอและอยู่กับพี่ปืนนะคะ”

“อนาคตงั้นเหรอ” ปาวัสม์ทวนคำอย่างเลื่อนลอย เขามัวแต่ตกใจจนไม่ทันได้สังเกตว่าใครคนหนึ่งเพิ่งจะบังเอิญเดินผ่านโต๊ะเขาไป และใครคนนั้นก็ให้ความสนใจในบทสนทนาของทั้งสองมากจนต้องยืนแอบฟังให้จบเสียด้วย

“พี่ปืนไม่ต้องตอบนิวตอนนี้หรอกค่ะ... แต่อาทิตย์หน้าพี่ปืนมีนัดจะไปกินข้าวกับคุณพ่อนิวใช่ไหมคะ”

คุณหมอหนุ่มพยักหน้าช้าๆ

“คุณพ่อเป็นคนตรงกว่านิว ท่านต้องถามคำถามนี้กับพี่ปืนแน่”

“ท่านใจร้อนขนาดนั้นเลยหรือครับ” 

ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มหวานกว้าง “ท่านไม่ได้ใจร้อนหรอกค่ะ บังเอิญท่านแค่อยากจะทราบว่าใครจะมาเป็นผู้สืบทอดโรงพยาบาลนี้ต่อจากท่าน มันก็เท่านั้นเอง”

OOOOOO

“เอาจริงใช่ไหมเนี่ยเรา” ปาวัสม์เดินกลับมาล้างหน้าในห้องน้ำของร้านอาหารอีกครั้งหลังจากส่งรชญาขึ้นรถกลับบ้าน เสียงของกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัยดังขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาใกล้ปิดร้านและฤทธิ์แอลกอออล์ในกระแสเลือด แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับเสียงโหวกเหวกโวยวายในหัวที่กำลังทุ่มเถียงกันอย่างหนักอยู่ตอนนี้

คำตอบตกลงมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาแล้วใช่ไหม?

ไม่ใช่สิ! มันไม่ควรเป็นทางเลือก เขากับรชญาคบกันมาปีนึงแล้ว มันสมควรได้เวลาแต่งงานและเริ่มต้นสร้างครอบครัวแล้วไม่ใช่หรือ

คุณหมอหนุ่มมองสบนัยน์ตาคมที่สะท้อนมาในกระจกและเริ่มต้นตั้งคำถามอีกครั้ง ว่าควรจะต้องทำยังไงต่อไปแต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความไม่ชัดเจนของตัวเอง “โทรบอกแม่ต้องดีใจแน่” สรุปสั้นๆ เป็นการให้กำลังใจตัวเองพลางดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำบนในหน้าและฝ่ามือ “ในที่สุดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที แถมฝ่ายหญิงยังเป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลด้วยนะ”

ปาวัสม์ใช้เท้าเหยียบเปิดฝาถังขยะพร้อมกับถอนหายใจยืดยาว เขารู้ดีว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาโยนกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงถังขยะและคาดหวังจนสุดใจว่าสิ่งที่โยนทิ้งไปนั้นจะรวมถึงความกลัดกลุ้มใจนี้ด้วย

OOOOOO

หลังจากขับรถออกมาจากร้านอาหารได้สักพัก รชญาก็เลี้ยวรถเข้าจอดในปั๊มน้ำมัน

เธอเป็นคนฉลาดและช่างสังเกตโดยเฉพาะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคนรักของเธอ ปาวัสม์เป็นผู้ชายใจดี เข้ากับคนง่าย ไม่ชอบขัดใจคนอื่นและถึงจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่ก็ตกหลุมรักใครได้ง่ายๆ ซึ่งเธอเองก็ใช้จุดนั้นมาเป็นตัวการตีสนิทจนได้เขามาเป็นแฟนและจัดการกีดกันหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะแกะด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน

แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป สัญชาตญาณความเป็นผู้หญิงของเธอกรีดร้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และทั้งที่เธอเคยแน่ใจว่าเป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อนุชนันท์ แต่เธอก็ยังวางใจคนอื่นไม่ได้อยู่ดี เธอต้องการให้แน่ใจจริงๆ ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์หน้านั้นเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น

รชญาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกและยิงคำถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย “เรื่องที่ให้จัดการไปถึงไหนแล้ว”

‘เรียบร้อยแล้วครับ’ เสียงผู้ชายที่อยู่ปลายสายตอบ ‘ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอเรื่องน่าสนใจด้วย’

รชญานิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายรายงานอย่างตั้งใจ เธอเม้มปากสีกุหลาบอย่างใคร่ครวญ “ขอบใจมาก ช่วยถ่ายเอกสารให้พี่ด้วย แล้วเรื่องนั้นล่ะนายจัดการไปถึงไหนแล้ว”

‘ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ’

“แต่ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนไม่ใช่เหรอ” เสียงหวานเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “ไหนเคยคุยว่าไม่เกินสามวันเจ็ดวันก็เรียบร้อยแล้วไง แต่นี่ปาเข้าไปเป็นเดือนแล้วนะ ฝีมือตกเหรอหรือที่พูดมานั่นมันก็แค่ราคาคุย”

‘ผมแค่ไม่อยากเร่งรัด อยากให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปมันจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า’

“อย่ามัวแต่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” รชญาเอ็ด “รีบๆ รวบหัวรวบหางได้แล้ว”

ปลายสายเงียบไปอึดใจ ‘ผมน่ะยังไงก็ได้ แต่พี่นิวแน่ใจแล้วนะครับ’

“แน่ใจที่สุด!” รชญาตอบเสียงดังฟังชัดก่อนจะกดวางสาย สองมือกำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ครุ่นคิดถึงคำถามที่ตนเพิ่งตอบไป

...เวลาตอบข้อคำถาม ถึงแม้คำตอบที่กาจะเป็นตัวเลือกที่ไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็น่าเสี่ยงไม่ใช่เหรอกับการเลือกจะเชื่อสัญชาตญาณแรกของตัวเอง...

เธอสตาร์ทรถอีกครั้ง และขับออกไป

...แม้สุดท้ายแล้วจะพบว่าเธอคิดผิด แม้สุดท้ายแล้วความคิดผิดๆนั้นจะทำให้ใครสักคนต้องสูญเสียอะไรไป เธอก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปแยแสอะไร ทำไมเธอจะต้องสนใจ ในเมื่อเพียงสิ่งเดียวที่เธอแคร์คือผู้ชายของเธอ และเธอจะไม่ยอมเสียเขาไปให้ใครเด็ดขาด ไม่ว่าเธอจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม...

OOOOOO

วันนี้ขอแค่ครึ่งแรกก่อนนะค้าเดี๋ยวจะมาอัพให้อีกรอบน้า ที่จริงว่าจะมาตั้งแต่มะวานแต่ดันเพลียหลับข้ามวันตั้งแต่บ่ายสองซะได้(เมทนี่นึกว่าตายไปแล้ว-_-')
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ ตรงไหนอ่านงงๆ คับข้องใจอะไร ใคร หรือแม้แต่คนแต่ง(แม่งแต่งไม่ได้เรื่อง ขัดใจ!)ก็บอกกันได้นะคะ55555
วันนี้บ่ายๆ ถ้าอู้บอสได้จะหนีมาตอบเมนท์
ช่วงชีวิตตอนนี้ยุ่งจิงจังเพื่อนร่วมงานลาออกไปอีกคน...
ใครไปงานหนังสือ มาเมาท์บ้าง เค้าติดงานทุกวันคงไม่ได้ไปแน่แท้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 28-03-2015 09:34:04
อึมครึม ๆ ไม่ว่าคู่ไหน ๆ ก็อึมครึม  :heaven
สงสารพลุอ่ะ ทนเจ็บซ้ำ ๆ แต่แค่ขอให้ได้อยู่ใกล้ ๆ พี่หมอก็พอ
พอสงสารพลุมาก ๆ ก็ชักหมั่นไส้พี่หมอปืนเป็นระยะ ๆ ชิ
เป็นห่วงหมอจิวด้วย ท่าทางหมอจิว จะหวั่นไหวกับนายน์ซะแล้วสิ
แต่นายน์นี่สิ รู้สึกอะไรกับหมอจิวบ้างไหม ไม่อยากให้หมอจิวเจ็บอีกเลย
อ่านไปตอนแรก ก็เผลอสงสารยัยนิวไปหน่อย กับความไม่ชัดเจนของหมอปืน
แต่พอมาอ่านตอนท้าย ขอคืนความสงสารที่ให้ไปเถอะ ร้ายเกินไปละ
กลายเป็นตอนนี้ ดีใจที่หมอปืนยังไม่ชัดเจน เพราะผู้หญิงอย่างยัยนิว
ที่พร้อมจะทำลายคนอื่นได้โดยไม่สนใจอะไร นอกจากความสุขของตัวเอง
ขืนหมอปืนได้คนอย่างนี้เป็นคู่ชีวิต ครอบครัวมีแต่ล่มกับล่มแน่ ๆ รับรอง
ห่วงหมอจิวจัง ห่วงน้องพลุจังอ่ะ แงงงง  :ling3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 28-03-2015 13:02:34
ชัดเจนซะทีสิพี่ปืน
สงสารน้องพลุมากอ่ะ

ปล นิวนี่ชักจะร้ายขึ้นทุกทีแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 28-03-2015 13:57:22
:seng2ped: หายไปไหนนะ  :hao4:
ไม่ได้หายน้า~
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-03-2015 14:01:21
อย่าเล่นกับความรู้สึกคนเป็นพอ เพราะมันเสียแล้วยากจะกู้คืนได้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 28-03-2015 23:25:35
อ่อยยยย  มาแล้วๆ  หาย :seng2ped: ละนะ อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-03-2015 01:02:46
โอ๊ยยยย เกลียดชะนีนิวมากๆๆๆๆๆ  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 29-03-2015 01:14:49
ไม่ใช่ว่าจะไปคุยคุ้ยเรื่องของพลุนะ T_T น้องพลุของพี่~~~ ชิงดราม่าล่วงหน้า  :z3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-03-2015 10:54:26
นิว นางเป็นผู้หญิงร้ายกาจมาก เพื่อตัวเองใครจะเป็นไรก็ช่าง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 29-03-2015 11:39:33
 :angry2: :z6:นางมารร้าย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 29-03-2015 12:25:20
สงสารทุกคน ดราม่าหนักหน่วงมาก
แค่หมอปืนรู้ใจตัวเองอะไรๆมันจะง่ายกว่านี้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 29-03-2015 14:13:26
 :sad4: น้องพลุของพี่ ~~~~~
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: AuyAaiz ที่ 29-03-2015 17:07:46
นางร้ายตัวเเม่อีกคนได้บังเกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: bluelatte ที่ 29-03-2015 18:10:38
เหนื่อยใจ...หมอปืนยังดูสับสนงงๆ กับตัวเองอยู่เลย
สงสารพลุที่เจ็บแต่ก็ต้องทำเป็นไม่มีอะไร  :ling2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 29-03-2015 19:05:43
:angry2: :z6:นางมารร้าย

อุต๊ะ! อันนี้ว่าน้องนิว หรือ คนแต่งคะ :m15:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-03-2015 20:26:07
รอคำตอบจากพี่ปืน..
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-03-2015 14:03:39
หมอนิวจะกำจัดพลุซินะ
นายมาทำเจ้าชู้ใส่พลุ
แถมกะมาหลอกฟันหมอจิวอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 02-04-2015 00:52:11
โป้งหมอปืนต่ออีกตอนค่ะ
ทำไมถึงเป็นคนโลเล ไม่แน่ใจ แล้วก็ไม่ชัดเจนอย่างนี้

#ตีๆๆๆๆ

มีความรู้สึกว่าหมอปืนก็หัวอ่อนอยู่เหมือนกันนะนี่ ถูกชักจูงง่ายอยู่หน่อยๆ
สงสารก็แต่น้องพลุนั่นแหละค่ะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย
เจ็บแทน ฮืออออออ อยากดึงมากอดแล้วก็ลูบหัวโอ๋ๆๆ

อยากให้หมอปืนลองถามใจดู บางทีระยะเวลาหนึ่งปีมันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการแต่งงานกัน
เพราะดูทรงแล้วจากที่หมอนิวเล่ามาก็เหมือนว่าเจ้แกไปมัดมือชกหมอปืนมาเป็นแฟนมากกว่า
แล้วคนหัวอ่อนถูกชักจูงง่ายนั่นก็ยอมเค้าไปเรื่อย คิดว่าตัวเองรักเค้าแต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้

#ว่าแล้วก็อยากตบตีตาลุงหมอปืนจริงๆ

ยังชูป้ายไฟน้องพลุเหมือนเดิมนะคะ

แต่ตอนนี้ขอบวกป้ายไฟอีกมือให้หมอจิวด้วย

สองพี่น้องนี่ร้ายจริงๆ

หมอนิวยังพอเข้าใจได้นะ ว่าที่ร้ายเนี่ยก็เพราะว่านั่นน่ะแฟนของตัวเอง ใครจะไปยอมให้โดนแย่ง (แม้ในใจเราจะพยายามแช่งให้เลิกกัน แต่ก็พยายามเข้าใจเหตุผลหมอนิวเหมือนกัน ก็แฟนทั้งคนอ่ะเนอะ 555555555 ทำไมหนูดูสับสนในตัวเอง ก๊ากกกก)
แต่คุณตำรวจนี่สิคะ เล่นกับความรู้สึกคนแบบนี้นี่คือต้องการอะไร? สนใจ? หรือแค่นึกสนุก? แอบสงสารหมอจิวไว้รอแล้วนะเนี่ย ถ้าทำให้หมอเสียใจขึ้นมาจะแช่งให้ควายธนูเข้าท้องจริงๆ ด้วย (น้องพลุไม่ต้อง เจ้จัดการเอง 55555555)

เป็นอีกตอนที่รู้สึกว่าอ่านแล้วมันอึมครึม อยากตบตีลุงหมอ (เรียกด้วยสรรพนามที่แก่ขึ้นเรื่อยๆ ตามความหมั่นไส้ ก๊ากกก)

รอตอนหน้านะค้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งแรก) [28/03/58] p.10
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 03-04-2015 09:52:38
บทที่ 10 นาที (ครึ่งหลัง)

ไกลออกไป ณ  มุมหนึ่งอันแสนเงียบเชียบของห้องเช่าเล็กๆ ในเมืองหลวง หลังจากภาวัฒน์นั่งอ่านเอกสารในซองสีน้ำตาลที่พ่อให้มาหลายต่อหลายรอบ และคิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดแต่เขาก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง

เด็กหนุ่มรื้อค้นข้าวของเก่าๆ ที่เก็บไว้ในตู้ออกมาเพื่อหาเอกสารที่ต้องการ และกำลังเอ้อระเหยเพลิดเพลินกับความทรงจำมากมายในช่วงม.ปลายเมื่อเสียงกดออดที่หน้าประตูดังขึ้น

ติ๊ง... ต่อง...

นัยน์ตาสีดำขลับเหลือบมองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว “ครับ” ตะโกนตอบพลางรวบรวมข้าวของที่กระจายไว้บนพื้นเข้าลวกๆ โยนไว้บนเตียงและดึงผ้าห่มมาคลุมไม่ให้ปลิว ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู นึกสงสัยจับใจว่าใครกันที่มาดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้

ติ๊ง... ต่อง...

ติ๊ง... ต่อง...

ติ๊ง... ต่อง...

เสียงรัวออดติดๆ กันอีกสามรอบยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เขา นอกจากจะมาไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วยังไร้มารยาทสิ้นดี
 
“ครับๆ กำลังมาครับ ใจเย็นๆ สิครับ” แต่ผู้ที่อยู่หน้าประตูก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด และเมื่อภาวัฒน์เปิดประตูออกไป คำตอบที่อยู่หลังบานประตูนั้นสร้างความแปลกใจให้เขายิ่งกว่าเสียงออดที่รัวอยู่นั่นเสียอีก

ร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษาโผเข้ากอดอย่างแรงทันทีจนทั้งคู่แทบจะหงายหลังล้มลงกับพื้น

“เทมส์ มีอะไรหรือเปล่าถึงมาเอาป่านนี้” ภาวัฒน์จับไหล่กว้างที่สั่นสะท้านและพยายามจะขืนตัวออกห่างเมื่อคนตัวโตเริ่มพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา

“เป็นฉันไม่ได้เหรอพลุ” ศุภพัฒน์รำพึงออกมาจากบ่าของเขา “ทำไมต้องเป็นเขา... เขาน่ะไม่ได้รักนายสักนิดเลยนะ นายมันบ้าพลุ นายจะรัก... จะรอเขาไปเพื่ออะไร ทำไมนายถึงไม่รักฉัน!!”



“ใจเย็นลงบ้างหรือยัง” ภาวัฒน์ส่งแก้วน้ำให้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะลากศุภพัฒน์ที่เหมือนจะสติหลุดไปแล้วเข้ามาในห้องได้อีกทั้งเสียงของเขายังไม่ใช่เบาๆ จนเพื่อนร่วมชั้นเริ่มเปิดประตูออกมาดู

“อืม” คนตัวโตพยักหน้าอย่างขัดเขินถึงจะพูดมาหลายต่อหลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพรักแบบหมดท่าเช่นนี้

“ไหนมีอะไรลองเล่าให้ฉันฟังสิ” ภาวัฒน์นั่งขัดสมาธิลงข้างหน้า “ว่าแต่นายไม่ได้เมามาใช่ไหม”

ศุภพัฒน์มองคนที่ยื่นหน้าเข้ามาทำจมูกฟุดฟิดอย่างไม่รู้สึกรู้สาด้วยความหมั่นไส้ เขาใช้สองมือคว้าใบหน้านั้นไว้บังคับไม่ให้หลบสายตา “นายรักหมอปืนใช่ไหม”

“น... นายพูดเรื่องอะไรน่ะเทมส์” เสียงของภาวัฒน์สะดุด เขาสะบัดหลุดจากฝ่ามือแข็งแรงและดึงตัวกลับไปนั่งที่ “ฉันไม่ได้รักหมอปืนเราเป็นแค่พี่...”

“เลิกเล่นละครงี่เง่าได้แล้วพลุ ฉันแอบชอบนายมาเป็นปีๆ ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะดูไม่ออก”

ภาวัฒน์เม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป เขาไม่มีอะไรจะเสีย และมันก็ไม่ยุติธรรมกับศุภพัฒน์เอาเสียเลยที่เขาเอาแต่ปฏิเสธโดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน “ใช่! ฉันรักหมอปืน เพราะงั้นฉันถึงชอบนายไม่ได้”

“แม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วก็ตามอย่างนั้นเหรอ” เสียงศุภพัฒน์เย็นชาและบาดลึก “วันนี้ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนที่คณะ บังเอิญเขากับแฟนก็มาร้านนี้เหมือนกัน ฉันเลยได้ยินพวกเขาคุยกันว่าอาทิตย์หน้าจะไปคุยเรื่องแต่งงานกับพ่อเธอ ดูท่าเธอจะเป็นหมอและลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลด้วย เพราะเธอบอกว่าพ่อตั้งใจจะยกโรงพยาบาลให้สามีในอนาคตของเธอ”

“ฉันรู้แล้วล่ะ” เสียงของภาวัฒน์นิ่งสงบทั้งที่มือเริ่มสั่น “เราเพิ่งจะคุยเรื่องนี้กันเมื่อกลางวันนี่เอง แต่เรื่องที่จะยกโรงพยาบาลให้นี่เพิ่งจะรู้... หมอนิวนอกจากจะเป็นคนสวย เก่งแล้วยังรวยอีก ช่างเพรียบพร้อมดีจริงๆ”

“รู้แบบนี้แล้วนายยังไม่ยอมตัดใจอีกเหรอ! ถ้าพวกเขายังไม่แต่งงาน ถึงจะไม่เหมาะสมแต่ฉันยังพอเข้าใจ แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วพลุ การที่เขาจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีทีสุดแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ได้รักนาย... หรือต่อให้เขารักนายจริงก็อยู่กับนายไม่ได้อยู่ดี แล้วนายจะเอายังไง จะไปอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์ของพวกเขา”

“ฉัน... ไม่รู้” เสียงที่เคยสงบขาดห้วงเป็นครั้งแรก “แต่ฉันตัดใจไม่ได้เทมส์ ฉันทำไม่ได้ ฉันพยายามมาหลายครั้งแล้ว”

“ทำไมนายดื้อแบบนี้พลุ” ศุภพัฒน์พูดอย่างอ่อนใจ “ผู้ชายคนนั้นมีดีตรงไหน ถึงจะทำงานเก่งหน้าที่การงานดี แต่หน้าตาก็งั้นๆ ที่สำคัญเขาแก่กว่านายตั้งสิบปีเชียวนะ”

“เขาเป็นรักครั้งแรกของฉัน ฉันหลงรักเขามาหกปีแล้ว ถ้ามันจะตัดใจได้ง่ายๆ ฉันคงทำไปนานแล้ว”

ศุภพัฒน์อึ้งไปทันทีกับตัวเลขที่ได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้จักนายตั้งแต่เด็กและฉันสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อน พวกนายไม่มีทางรู้จักกันได้โดยที่ฉันไม่รู้แน่ๆ”

ภาวัฒน์ปีนขึ้นไปบนเตียง เปิดผ้าห่มออกและรื้อหาอะไรบางอย่างจากกองเอกสารที่กระจายไว้ก่อนหน้านี้ “นายจำเรื่องที่ฉันประสบอุบัติเหตุตอนปิดเทอมก่อนขึ้นม.สามได้ไหม” เขาส่งกระดาษที่ตัดมาจากหน้าหนังสือพิมพ์ลงวันที่เมื่อหกปีที่แล้วให้

“ทำไมจะจำไม่ได้ นายนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานเป็นเดือนทำให้มาเริ่มเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่เพราะหัวดีก็เลยเรียนตามเพื่อนๆ ได้ทันไม่มีปัญหาอะไร” ศุภพัฒน์พูดพลางไล่สายตาอ่านไปตามเนื้อหาข่าวที่เขารู้ดีอยู่แล้ว “แล้วมันมีอะไรหรือไง...”

น้ำเสียงขาดห้วงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปาวัสม์เคยเล่าให้ฟังว่าไปทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่เชียงใหม่เมื่อหกปีก่อน เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ยังไม่ยอมเชื่อทฤษฎีของตนเองอยู่ดีจนกระทั่งภาวัฒน์หยิบกระดาษแผ่นเล็กในซองพลาสติกใสอีกใบส่งมาให้

คนตัวโตถึงกับหายใจขัด “นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย...”

“เขาช่วยชีวิตฉันไว้และเขานี่แหละคือคนที่ทำให้ฉันตัดสินใจมากรุงเทพ”

“แต่นายบอกกับทุกคนว่าอยากเป็นหมอ”

“ตาบอดสีแดงจะเป็นหมอได้ไง” ภาวัฒน์ถามกลับ “ถึงฉันจะบ้าแต่ก็ไม่ได้โง่นะ”

“ถ้าไม่ได้โง่แล้วดื้อทำไปทำไม”

“ก็บอกแล้วไงว่าบ้า” ภาวัฒน์แค่นหัวเราะ “แต่ถ้าฉันอยากอยู่ข้างเขามันก็ไม่ค่อยมีทางให้เลือกเท่าไหร่”

ศุภพัฒน์ส่งของทั้งหมดคืนให้ “นายลงทุนมากไปหน่อยไหมเนี่ย”

“คนเคยตายไปแล้วครั้งนึงอย่างฉัน ไม่มีอะไรที่เรียกว่ามาก น้อยหรือขาดทุนแล้วล่ะ ทุกวันนี้ที่ยังหายใจได้มันคือกำไร”

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาเมื่อครั้งนั้น ถึงจะมีลมหายใจแต่ราวกับนาฬิกาชีวิตมันหยุดเดิน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ในใจ ขัดไม่ให้ฟันเฟืองนั้นหมุนไป

“ตอนแรก ฉันก็แค่อยากเจอเขาสักครั้ง อยากขอบคุณ แต่พอได้เจอความรักมันไม่ยอมให้จบแค่นั้น”

เสี้ยวนาทีที่กระพริบตาภาพวันแรกที่ได้เจอกันอีกครั้งที่ห้องฉุกเฉินหลังจากผ่านไปหกปีหวนกลับมา

ร่างสูงในชุดกาวน์สีขาว ผมสีดำของเขาสั้นลงเล็กน้อย ใบหน้าคมคายเบื้องหลังกรอบแว่นเริ่มมีริ้วรอยแห่งวัย น้ำเสียงที่สั่งการรักษาเฉียบขาดปราศจากความลังเล เขาแทบไม่เหมือนคนในความทรงจำสักนิด

ด้วยอาการคนไข้ที่ไม่สู้ดีทำให้เครื่องหน้าขมวดมุ่น นอกจากจะไม่ใยดีเพราะจำกันไม่ได้ยังเดินชนจนเอกสารที่เขาถือมาร่วงกระจายลงบนพื้น

‘อย่ามายืนขวางทางสิ!’

ถึงจะรีบแต่คุณหมอหนุ่มก็ก้มลงช่วยเก็บของยัดใส่มือก่อนจะผละจากไป

แต่เขากลับขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...

เสี้ยวนาทีที่มองเข้าไปในนัยน์ตาคมคู่นั้น สิ่งที่ได้เห็นคือความอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจนนิดเดียว  ราวกับร่างกายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต มันชาไร้ความรู้สึกไปจนถึงปลายนิ้ว ก่อนที่หัวใจจะเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก

เวลา... ที่หยุดเดินไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เปลือกตากระพริบ ภาวัฒน์กลับมาสู่ปัจจุบันและส่งยิ้มบางให้คนตรงหน้า

“ตอนนี้ฉันมาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว ฉันไม่ได้หวังจะได้รับความรักหรือเป็นคนสำคัญของเขา ฉันขอแค่ให้ได้มีวงโคจรที่จะอยู่ใกล้ๆ และเป็นกำลังให้เขาบ้างแค่นั้นก็พอใจแล้ว”

ภาวัฒน์ก้มมองรูปภาพในมือ ทั้งที่เป็นแค่ภาพรถเก๋งสีบรอนซ์ที่ชนอัดอยู่กับเสาไฟฟ้า แต่เขากลับเห็นเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั่นราวกับมันมีชีวิต

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยน้ำจากพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล แต่สายตาซึ่งมองมายังเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะตัดใจยอมแพ้ให้กับพิษบาดแผลนั้นเต็มไปด้วยความหวัง ผู้ชายคนนั้นมอบความกล้าที่จะสู้กับความตายให้เขา และจนถึงตอนนี้เขายังจดจำได้ดีถึงสัมผัสอบอุ่นของฝ่ามือที่โอบกอดร่างเขาเอาไว้ กับถ้อยคำที่พร่ำบอกว่า ‘เราจะสู้ไปด้วยกัน’

ศุภพัฒน์นั่งมองคนที่ราวกับจะหลุดเข้าไปในวันเวลาของอดีต และดีดหน้าผากเขาดังเพี๊ยะ

“เจ็บนะเทมส์” ภาวัฒน์ยกสองมือกุมหน้าผาก เจ็บจนน้ำตาไหล “นายเล่นอะไรเนี่ย”

ศุภพัฒน์กางแขนออกอีกครั้งและรวบคนตัวเล็กกว่าแนบอกกว้าง “นายน่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนาย” ภาวัฒน์กอดตอบ “ฉันผิดเองที่ไม่เคยบอกอะไรนายเลยทั้งที่นายเป็นห่วงฉันมากแท้ๆ”

“นายก็พูดเกินไป ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”

“นายทำเพื่อฉันเยอะแยะไปหมด” ภาวัฒน์ย้ำ “จริงๆ แล้วนายไม่ได้หนีฉันมากรุงเทพแต่นายตามมาดูแลฉันต่างหาก แถมนายยังอุตส่าห์ตามมาสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ภัยทั้งที่มหา’ลัยงานก็ยุ่ง นายบอกหมอปืนเรื่องที่ฉันทะเลาะกับพ่อเพราะคิดว่าเขาอาจจะช่วยฉันได้ทั้งที่นายเองก็ไม่ชอบขี้หน้าเขา และวันนี้นายก็มาหาฉันเพราะรับรู้และเจ็บปวดกับรักที่ไม่สมหวังแทนฉันไม่ใช่เหรอ” เขาคว้าไหล่ศุภพัฒน์ดึงออกเพื่อสบตาและยิ้มให้ “ขอบใจมากนะ”

“หยุดยิ้มแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะ” ไม่พูดเปล่าศุภพัฒน์ยังดีดหน้าผากคนผมน้ำตาลไปอีกหนึ่งเพี๊ยะ

“ทำไมล่ะ”

คนตัวโตระบายยิ้มกว้าง “เพราะมันจะทำให้ฉันตกหลุมรักนายอีกรอบน่ะสิ”

“ไอ้บ้า!”

“ตกลงนายจะเอายังไงเรื่องหมอปืน จะสู้ต่อใช่ไหม”

“ไม่สู้แต่ก็คงไม่ตัดใจ” ภาวัฒน์ตอบตามตรง “ว่าแต่นายไม่ห้ามฉันแล้วเหรอ”

“ตอนนี้ฉันรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว” ศุภพัฒน์ไหวไหล่ “ในเมื่อตัวฉันเองยังตัดใจจากนายไม่ได้เลย แล้วฉันจะไปมีปัญญาห้ามนายไม่ให้รักใครได้ไง ไม่ต้องบอกฉันหรอกว่ารักข้างเดียวมันเจ็บแค่ไหน เพราะฉันรู้ดี... แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เชียร์พวกนายแน่ๆ”

“ขอบใจนะ” ภาวัฒน์ตอบ รู้สึกขอบคุณจากใจจริง

“เห็นนายยิ้มได้แบบนี้ฉันก็สบายใจแล้ว” คนตัวโตดันกายลุกขึ้นยืน “นี่ก็ดึกมากแล้วฉันต้องกลับล่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะพลุ”

“อันที่จริงนายจะค้างที่นี่ก็ได้นะไม่เห็นต้องรีบกลับเลย” ภาวัฒน์เดินตามไปส่งที่ประตู “ป่านนี้หอปิดไปแล้วล่ะ”
ศุภพัฒน์นั่งลงใส่รองเท้า “ปิดแล้วก็ปีนได้ เรื่องจะให้นอนค้างกับนายน่ะไม่เอาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ทำไมน่ะเหรอ” ศุภพัฒน์กระแทกส้นเท้ากับพื้นเพื่อใส่ให้เข้าที่ ก่อนจะหันไปหาคนผมน้ำตาลที่กำลังชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัวเขา นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นที่มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใยแต่เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด

...แต่ก็เตือนแล้วนะว่าอย่ามาทำอะไรแบบนี้...

มือใหญ่เอื้อมไปคว้าหลังคอภาวัฒน์ให้โน้มลงมาพร้อมกับที่เขาเงยหน้าขึ้น และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “ฉันกลัวว่านายจะไม่ได้นอนน่ะสิ ฝันดีนะพลุ” พูดจบก็แอบขโมยหอมแก้มไปหนึ่งที

***************************************T B C**************************************************

เอาครึ่งหลังมาส่งตรงเวลามากมาย5555
ตอนนี้ค่อนข้างสั้น เค้ารู้ว่าอ่านไม่จุใจต้องขออภัยล่วงหน้า(ได้ข่าวกว่าจะถึงบรรทัดนี้คือจบล่ะ-_-')
ตอนนี้สงสารน้องเทมส์มากกว่าหมอจิวอีก... อัลไล รักเค้า เค้าไม่รักอกหักดังเป๊าะยังต้องคาบข่าวมาบอกแถมให้กำลังใจกันอีก

สปอยชื่อตอนหน้า 'ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง'
มีคนถามว่าจะเรีื่องนี้จะซดมาม่าไหม? ตอบ--> เรื่องนี้เค้าแต่งแบบ feel good สุดไรสุดในชีวิตและสามโลก ไม่มีม่าแน่(จิงอ่ะ)

ปล. ขอบคุณ รีวิว น่ารักๆ จาก น้อง @QazTap... งานที่น้องพลุทำเรียกว่า 'กู้ชีพ' หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า 'สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน' หรือง่ายๆ 'EMS' และขอใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายอีกนิด(เป็นความรู้เนาะ) ปกติเครื่องแบบกู้ชีพคือชุดเสื้อ-กางเกงสีขาว ปักตรารพ.ที่สังกัดและ star of life ที่ด้านหลัง

แต่ในเรื่องเราให้เครื่องแบบกู้ชีพเป็น 'ชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้ม' ซึ่งไม่ตรงกับของจริงด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เราแค่ชอบชุดหมีค่ะมันเซ็กซี่ดีเวลาจับถอด เอ๊ย! ไม่ใช่ล่ะ มันเท่ดีค่ะ >[]<

ปล.2.ใครมีข้อสงสัย อัดอั้น ตันใจ ไม่เข้าใจเชิญเมนท์ล่าง หรือจะตามไปจิกที่ @leggydan ได้ 24ชม.ค่ะ 
ปล.3 ถ้าเค้าทำเพจจะมีคนไปกดไลค์ไหมอ่า... อยากได้พื้นที่เมาท์
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 03-04-2015 10:19:25
เทมส์ น่ารักมาก เป็นคนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ดี มีเหตุผล
ที่สำคัญ รัก และหวังดีกับพลุเสมอมาเลย รักเทมส์  :กอด1:
น้องเทมส์ จะไม่มีหนุ่มน่ารัก ๆ มาดามใจหน่อยเหรอคะ
ถ้าเทมส์อยู่เคียงข้างพลุ ในฐานะเพื่อนรัก ก็อยากให้เทมส์
ได้อยู่อย่างไม่ต้องเจ็บอีกต่อไป อยากให้เทมส์มีคนรักดี ๆ สักคน
จะได้รู้สึกกับพลุ แค่ในฐานะเพื่อนได้อย่างสนิทใจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 03-04-2015 10:28:33
เทมส์ น่ารักมาก เป็นคนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ดี มีเหตุผล
ที่สำคัญ รัก และหวังดีกับพลุเสมอมาเลย รักเทมส์  :กอด1:
น้องเทมส์ จะไม่มีหนุ่มน่ารัก ๆ มาดามใจหน่อยเหรอคะ
ถ้าเทมส์อยู่เคียงข้างพลุ ในฐานะเพื่อนรัก ก็อยากให้เทมส์
ได้อยู่อย่างไม่ต้องเจ็บอีกต่อไป อยากให้เทมส์มีคนรักดี ๆ สักคน
จะได้รู้สึกกับพลุ แค่ในฐานะเพื่อนได้อย่างสนิทใจ

มาไวตลอดอ่า~ เห็นแล้วปลื้มปริ่ม เค้ายังไม้ทันปิดหน้าจอเลยTTvTT
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-04-2015 12:52:41
สงสารทุกคนที่มีรัก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 03-04-2015 13:59:57
เฮ้อ เหนื่อยใจจจจ สงสารหมอปืน สงสารพลุ สงสารเทมส์ TTTT
เราว่าพลุก็ไม่ได้ผิดอะไรนะที่ไปรักคนที่มีเจ้าของอ่ะ ถ้าแค่รักแล้วอยู่ในที่ของตัวเอง มันก็ไม่ผิดนะ ในมุมมองของเรา
เพราะพลุเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะไปแย่ง ไปเป็นมือที่สาม หรือพยายามเอาหมอปืนมาเป็นของตัวเองเลยนี่น่า
มันก็แค่รัก เพราะรักถึงหวังดี ถึงอยากเห็นเค้าในสายตาบ้าง อยากช่วยอะไรที่ทำได้ มันก็เท่านั้นเอง
ส่วนหมอปืนถ้าอยากจะให้มันเป็นมากกว่านั้นก็ต้องไฟท์ด้วยตัวเองแล้วแหละค่ะ จะมาคลุมเครือแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะ

ขอให้หมอปืนรู้ใจตัวเองไวๆค่ะ จะได้ทำอะไรให้ชัดเจนซะที
/ ชื่อตอนหน้าแอบสปอยล์มากเลยอ่ะ ฮืออ ตอนนี้จินตนาการไปถึงหมอปืนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วค่ะ
ไม่รู้ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไงน่อ ; //////// ; ..

ปล. ตอนที่เดินชนกันน่ารักมากเลยค่ะ
ปล2. จำได้ว่าตอนที่แล้วเม้นไปแล้วแต่พอหากลับไม่เจอซะงั้น พลังงานบางอย่างโฮก -O-
ปล3. อ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงก่อนสอบหมอ จนตอนนี้ติดหมอแล้ว เริ่มมีคนถามว่าอยากเป็นหมออะไร
อยู่ๆก็ตอบอยากเรียนเฉพาะทาง ER (เวชศาสตร์ฉุกเฉิน) ไปซะงั้น ..... คงเป็นเพราะหมอปืนแน่เลยค่ะ TT/
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-04-2015 19:02:39
เทมส์ก็ยังหวังดีกับพลุเสมอ เรื่องของความรักห้ามกันไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2015 19:14:29
หมอปืนจะแต่งงานจริงๆเหรออออ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-04-2015 19:51:45
ความจริงบางอย่าง เมื่อรู้แล้ว
อาจทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเนอะ
ดูอย่างเทมส์ซิ ต่อไปก็จะรักพลุแบบไม่ทรมาน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 03-04-2015 20:28:49
รักของเทมส์กับพุ  เหมือนกันตรงที่ขอให้ได้รัก  แต่ไม่ขอแย่งชิง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-04-2015 20:36:25
ชอบบทสนทนาของน้องพลุกับเทมส์มากๆ
เราไม่โทษหมอปืนนะ
คือหมอเป็นผู้ชายธรรมดาที่ชอบชะนีเอ๊ยหญิงมาตลอด
เพิ่งมาเจอพลุที่ทำให้คุณหมอปืนเริ่มไขว้เขว
หมอปืนต้องเจอกับภาวะอะไรสักอย่างที่จะกระชากหมอให้เข้าใจความต้องการตัวเองได้
ตอนนี้หมอปืนก็เหมือนกับอยู่ในคอมฟอร์ทโซนเคยเป็นมายังไงก็เคยชินสบายแบบนั้น
ไม่แน่ว่าชะนีนิวอาจจะแสดงอะไรทำให้หมอปืนคิดได้ว่า
ถ้าตัวเองต้องตื่นขึ้นมาร่วมชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ไปจนตายก็ขอตายตอนนี้เลยแล้วกันก็ได้นะ
อีกอย่างหมอปืนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลุเป็นใครมีอะไรฝังใจกับตัวเองยังไง
อุบัติเหตุวันนั้นเราคิดว่าเหมือนด้ายแดงที่ผูกนิ้วหมอปืนกับน้องพลุเข้าไว้ด้วยกัน

ปล. นอกเรื่องนิด
เครื่องแบบเจ้าหน้าที่แบบน้องพลุที่สวีเดนสีเขียวเหลืองเหมือนรถพยาบาลเหลืองเขียวค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 03-04-2015 21:01:43
เทมสสสสสสสสสสสสสสสส์  :o12:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-04-2015 21:24:00
ตอนหน้าอยากให้ หมอปืนรู้ความจริงซะทีว่า ยัยหมอนิวเนี่ย นางร้ายหลังข่าวชัดๆ

คือใครจะมองว่าน่าสงสารในตอนแรกๆยังไง เราคนนึงล่ะไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ

เซ้นเรามันบอกทันทีเลยว่า นางมาสายร้ายแต่แรกแล้ว ผญ ดีๆ เค้าจะไม่ทำแบบนั้นกันหรอก

มีอย่างที่ไหน ทำให้แฟนลำบากใจ ว่าต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน แถมยังทำตัวเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนอีก

ออกแนวไปทางเกียจด้วยซ้ำ แล้วยิ่งมาเจอเคส ของหมอจิวเข้าไปอีก บอกได้เลยว่าตอนนี้โคตรเกียจเลยยัยนิวเนี่ย

ไม่เข้าใจ รู้แล้วว่าหมอจิวชอบหมอปืนแล้วไง ต้องเขี่ยเค้าด้วยวิธีนั้นเลยหลอ แค่ยืนมองอย่างเดียวก็พอมั้ง

คิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกันมากี่ปี จะเสี่ยงเชียวหลอ แล้วอีกอย่างเค้าก้ไม่ได้ข้ามเส้นของหล่อนมาด้วย เค้าอยู่ในที่ของเค้า

แต่หล่อนน่ะระแวงไปเอง  :katai1: :katai1: :katai1: 

คนอื่นๆไม่พูดละกัน คนอื่นเค้าพูดกันไปเยอะละ  :hao4:

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-04-2015 23:41:21
อยากอยู่ทีมเทมส์แทนละอะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-04-2015 23:51:55
คือแบบบบบบ  :hao4: :hao7: :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-04-2015 00:18:17
ไม่ม่ม่า แต่กลิ่นมานี่คือข้าวไข่เจียวหรือไร?
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 04-04-2015 23:01:30
 :hao5:


ไม่รู้จะเลือกปลอบใครเลยระหว่างน้องพลุกับน้องเทมส์
ชอบเทมส์มาก ชอบมากแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง นี่ชอบรองลงมาจากร้องพลุเลยนะคะเนี่ย

#เบียดลุงหมอตกกระป๋อง เชอะ !

เทมส์เป็นคนที่แบบเข้าใจอะไรง่ายดีแล้วก็เป็นคนที่หวังดีกับเพื่อนเสมอ
น้องพลุโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ แบบนี้ ใจจริงอ่านโมเม้นท์คู่นี้ในตอนนี้แล้วรู้สึกอยากก่อกฏบเทมส์พลุเลยนะคะเนี่ย
ฉากจุ๊บแก้มก่อนล่านี่คือแบบ แอร๊ยยยยยยยยยยย นั่ลลั๊คคคคคคคค >_<

รอตอนหน้าค่ะ..

ปล.เรื่องนี้ฟีลกู๊ดจริงๆ ใช่มั้ยพี่เลคกี้ อ่านมานี่อึมครึมหลายตอนแล้วนะคะ 555555 #แซว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 05-04-2015 11:27:15
หมอปีนนี่อะไรก็ไมรู้ จะยอมแต่งงานเหรอ ไม่ดีม้างงง ผู้หญิงอย่างนิวนี่ไม่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตหรอกนะ


ชื่อตอนหน้าแลดูอึมครึมมากเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 05-04-2015 14:05:12
น้องพลุสู้ๆ เรื่องนี้ชะนีร้ายนัก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 10 นาที(ครึ่งหลัง) [03/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 09-04-2015 10:36:09
บทที่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง

สองสามวันหลังจากคุยเรื่องแต่งงานกับรชญา ปาวัสม์ก็พบเวลารอบตัวเขาแม้จะขับเคลื่อนด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่มันกลับน่าเบื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นอาการปกติของคนที่กำลังจะสละโสดหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แค่เหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปโดยเฉพาะเวรเช้าวันนี้ที่แสนเงียบเหงาเหลือเกิน

“ปืนมันโดนยัยรชญาวางยาเบื่อมาหรือเปล่า” นุชนันท์ตั้งข้อสงสัยกับวิทยาในขณะที่กำลังลอบมองร่างสูงนั่งหูตูบหางตกตรวจคนไข้

“นั่นสิ” วิทยาแอบเห็นด้วย “สองสามวันก่อนยังอารมณ์ดีผิดมนุษย์มนาอยู่เลย นี่ฉันควรจะต้องตามหมอจิตเวชมาดูมันหรือเปล่าเนี่ย “

“อาจจะ” สาวร่างอวบพยักหน้า “ว่าแต่วันนี้ห้องฉุกเฉินดูเงียบๆ นะ” เธอกวาดตามองไปรอบๆ แม้จะมีคนไข้อยู่เต็มแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

“ก็ต้องเงียบสิคะ” พยาบาลสาวคนสวยประจำห้องฉุกเฉินที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีเฉลยให้ “เพราะตั้งแต่เช้าน้องพลุยังไม่ได้เอาคนไข้มาส่งเลยสักคนนี่นา”

“นี่พลุเขาไปเป็นน้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”

“ตั้งแต่น้องเขายอมโกนหนวดโกนเคราทำตัวหล่อน่ะแหละค่ะพี่อุ้มขา” ชโลธรบอก “อุตส่าห์บังเอิญเวรออกมาตรงกันแท้ๆ แต่วันนี้ทำงานมาแปดชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เจอกันเลย หนูล่ะเซ็ง”

“เวรเธอไม่ได้ตรงกับพลุแต่เธอตั้งใจแลกมาเพื่อให้ตรงกับเพื่อนพี่ต่างหากล่ะ” นุชนันท์ดักคอและหัวเราะใส่อย่างรู้ทัน “แล้วบังเอิญเวรพลุตรงกับปืนตลอดเธอเลยพลอยได้เจอเขาไปด้วย”

“แหม พี่อุ้มก็!” ชโลธรร้องพลางเหลือบมองปาวัสม์ “ก็เพื่อนพี่อุ้มเล่นหน้าตาดีขนาดนี้ โดยเฉพาะหมู่นี้นะคะคนไข้เยอะแค่ไหนก็ยิ้ม อารมณ์ดี คนมีความรักนี่คงมองโลกเป็นสีชมพูไปหมดเนอะ หนูล่ะอิจฉาหมอนิวจริงๆ เห็นว่าคุยๆ เรื่องแต่งงานกันแล้วใช่ไหมคะ”

“อือ” นุชนันท์ตอบที่คล้ายกับเสียงขู่มากกว่า ปาวัสม์เล่าเรื่องที่คุยกับรชญาให้เธอกับวิทยาฟังหมดแล้วและบอกตามตรงว่าเธอไม่รู้สึกดีใจสักนิด

“พี่อุ้มดูสิ” ชโลธรสะกิดแขนเธอ “คนอะไรขนาดดาร์คโหมดยังเท่อะ... ถึงเวรหมอปืนจะยุ่งรากเลือดจนทั้งหมอและพยาบาลพากันแลกเวรหนีแต่หนูว่าได้เห็นแบบนี้ทุกวันก็คุ้มนะคะ”

นุชนันท์ขำกับอาการบ้าไอดอลประจำห้องฉุกเฉินของรุ่นน้อง แต่แล้วจู่ๆ ความคิดอย่างหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว “น้องมิลค์จ๊ะ”

“มีอะไรคะพี่อุ้ม”

“ปกติตารางเวรแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินนี่เขาเอาไว้ที่ไหนกัน”

“ถ้าเป็นต้นฉบับหนูไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าเป็นฉบับก๊อปปี้ล่ะก็มีวางเกลื่อนห้องฉุกเฉินเลยเอาไว้ให้พยาบาลโทรตามแพทย์เวร หนูยังมีชุดนึงเลย” ชโลธรชี้ให้ดูแผ่นกระดาษซึ่งติดไว้ที่บอร์ดหลังเคาน์เตอร์อันเป็นที่นั่งทำงานประจำของเธอ “จะได้เอาไว้แลกเวรตาม เอ๊ย! ไว้ตามแพทย์เวรได้ง่ายๆ ค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง” นุชนันท์พยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่สงสัยมานาน

เรื่อง ‘บังเอิญ’ ที่นายภาวัฒน์จะเวรตรงกับเพื่อนเธอทุกวันนั้นโอกาสคงจะมีสักหนึ่งในล้าน แต่เพราะมันไม่ใช่น่ะสิ! การที่เด็กหนุ่มนั่นมาเทียวไล้เทียวขื่อชโลธรทุกวันก็เพื่อแอบดูตารางเวรแพทย์ในแต่ละวันแล้วกลับไปแลกเวรให้ตรงเหมือนอย่างที่รุ่นน้องเธอทำนี่แหละ

เธอหันไปหาวิทยาที่ตั้งหน้าตั้งตาตรวจออเดอร์นักศึกษาแพทย์จนไม่ได้สนใจฟังสองสาวคุยกัน “งานนายใกล้เสร็จหรือยัง จะได้ไปกินข้าวกันฉันหิวแล้วนะ”

“เล่มสุดท้ายล่ะ” วิทยาตอบพลางจดโน้ตขยุกขยิกเพิ่มเติมลงไป “แล้ววันนี้ปืนจะไปกับเราหรือเปล่า”

“นายถามผู้หญิงผิดคนแล้วล่ะ” นุชนันท์แกล้งว่า “แต่ดูปืนมันไม่รีบไม่ร้อนเลยนะ ถ้ามีนัดกับรชญาคงไม่เอ้อระเหยแบบนี้หรอก “

“พี่ปืนได้เวลาลงเวรแล้วก็ไปเถอะครับ” แพทย์รุ่นน้องบอกพลางดึงแฟ้มคนไข้มาถือไว้เอง

“ไม่เป็นไร” ปาวัสม์พูดพลางใช้ปลายนิ้วดันสันแว่นให้เข้าที่ “คนไข้เยอะ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จเร็วๆ”

แพทย์รุ่นน้องมองหน้ากันและหยิบแฟ้มคนไข้ขึ้นมาเล่มหนึ่ง “ช่วยพวกผมแค่นี้ก็พอครับ พี่ปืนไปพักเถอะวันนี้พี่ปืนดูเหนื่อยๆ ชอบกล”

ปาวัสม์รับแฟ้มคืนมา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาการผิดปกติของเขาจะดูออกได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกพลังอีกครั้งก่อนจะเปิดแฟ้มและพบว่าเป็นแค่เคสง่ายๆ ที่มาตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์

“คุณพีรยุทธ เชิญพบแพทย์ในห้องฉุกเฉินครับ”

เขาเรียกและเพียงแค่อึดใจประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ชายร่างสูงในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ปาวัสม์ไม่ได้สนใจเพราะข้างหลังนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มกำลังนำคนเจ็บมาส่ง และใครคนหนึ่งที่คุ้นตาดีก็กำลังลงทะเบียนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

ใจของคุณหมอหนุ่มลิงโลดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขารีบเชิญคนไข้นั่งเพื่อจัดการตรวจให้เสร็จโดยเร็ว ตอนนี้รู้สึกอยากออกเวรใจจะขาดแล้ว

“มาตรวจขอใบรับรองแพทย์นะครับ ไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไรครับ”

“เอาไปประกอบหลักฐานสมัครงานน่ะครับ” ชายที่ชื่อพีรยุทธตอบ

“งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ” ปาวัสม์เริ่มต้นอธิบาย “ถ้านำไปประกอบการสมัครงานจะต้องมีการตรวจเช็คหลายอย่างทั้งเจาะเลือด เอ๊กซเรย์ปอด ตรวจระบบต่างๆ เช่นสายตา หูคอจมูก แล้วอาจต้องมีการตรวจทางจิตเวชด้วยขึ้นกับตำแหน่งหรือบริษัทที่สมัคร ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องมาทำในเวลาราชการนะครับและต้องออกโดยโรงพยาบาลตามที่หน่วยงานนั้นๆ ระบุด้วยไม่ทราบว่าน้องได้เช็คมาหรือเปล่า”

“ตรวจกับที่นี่แหละครับ ตกลงพรุ่งนี้ผมต้องมาใหม่ใช่ไหมครับ”

“ครับ” ปาวัสม์เตรียมสรุปปิดแฟ้ม แต่คนไข้ไม่ยอมให้เขาจบแค่นั้น

“คุณหมอครับไหนๆ ก็มาแล้วผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

“อะไรเหรอ” ปาวัสม์เปิดแฟ้มออกอีกครั้ง นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ประตู เห็นคนในชุดหมียังยืนอยู่ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยแม้จะกำลังอ้อล้ออยู่กับพยาบาลสาวคนสวยประจำห้องฉุกเฉินก็เถอะ

“ผมปวดขาน่ะครับเลยอยากจะได้ยาแก้ปวด”

“ไปทำอะไรมาล่ะ” ปาวัสม์มองสำรวจร่างกำยำตรงหน้าจินตนาการไปว่าคงเพิ่งไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนมาแต่คำตอบที่ได้ทำเอาเขาต้องแปลกใจ

“อุบัติเหตุรถชนน่ะครับ” พีรยุทธดึงขากางเกงข้างซ้ายขึ้นให้เห็นหน้าแข้งที่มีรอยแผลผ่าตัดยาวที่เริ่มจางลงแล้ว “ตั้งแต่หกปีก่อน ตอนนั้นหมอบอกกระดูกหักทั้งสองท่อน ผ่าตัดใส่เหล็กเรียบร้อยแต่พักหลังมานี่มันขัดๆ ปวดๆ เวลาเดินน่ะครับ”

“ได้ไปกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า”

“อุบัติเหตุคงไม่ใช่ครับแต่ถ้ากระแทกล่ะก็ไม่แน่ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปเล่นบาสกับเพื่อนมา”

“เจ็บขาแล้วยังไปเล่นบาสอีกนะเรา” ปาวัสม์ดุแกมหยอกพลางหยิบใบขอเอ๊กซเรย์ขึ้นมาเขียน

“ช่วยไม่ได้นี่ครับหมอก็ผมเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน” พีรยุทธพยายามอธิบาย “ตอนที่ผมนอนโรงพยาบาล เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นอยู่ตั้งหลายเดือนก็มีแต่บาสนี่แหละครับที่ช่วยให้หายเหงา หายเครียด ถึงจะเล่นได้ไม่เหมือนเดิมก็อาศัยนั่งรถเข็นไถๆ หมุนๆ เล่นกับพี่ๆ นักกายภาพเอา”

“ออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องเซฟตัวเองนะ” ปาวัสม์ส่งเอกสารที่เขียนเรียบร้อยให้ “ไปยื่นให้แผนกเอ๊กซเรย์ที่ห้องตรงข้ามห้องฉุกเฉินนี้นะครับ เสร็จแล้วกลับมาหาหมอได้เลย ผลมันออนไลน์ในคอมอยู่แล้ว” 

“ครับ” พีรยุทธจ้องมองลายเซ็นต์ชื่อกำกับคำสั่งการรักษาและขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะเดินออกไป

ทันทีที่คนไข้คล้อยหลังคุณหมอหนุ่มก็สบช่องลุกออกไปบ้าง “พลุ” เขาวิ่งไปทันเรียกภาวัฒน์ที่กำลังจะกลับออกไปพอดี “วันนี้เวรอะไร”

เด็กหนุ่มในชุดหมีเดินยิ้มหน้าแป้นแล้นกลับเข้ามา “เวรเช้าครับ นี่กำลังจะเลิกงานแล้ว”

“โอ๊ะ!” นุชนันท์ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่อุทานขึ้นเบาๆ “ฟื้นคืนชีพแล้ว”

“มีอะไรเหรอ” วิทยาหันมาถาม

“ฉันพูดถึงเกมน่ะ” นุชนันท์โบกโทรศัพท์ในมือ “พอดีตัวเล่นพลังหมด ตายมาตั้งแต่เช้านี่เพิ่งโชคดีมีคนส่งชีวิตให้น่ะ” เธอแกล้งทำเป็นก้มหน้าดูโทรศัพท์ แต่จริงๆ แล้วกำลังแอบดูอย่างอื่นอยู่ต่างหาก

“ไปฟิตเนสกัน” ไม่พูดเปล่าคุณหมอหนุ่มยังฉวยมือคนผมน้ำตาลไว้ราวกับกลัวว่าจะหนีไปไหน

“แต่วันนี้ผมนัดเทมส์กินข้าวไว้แล้ว นี่ผมให้ยืมกุญแจรถไป เดี๋ยวอีกสักพักคงมาถึงล่ะ”

“น่าเสียดายจัง ไว้วันหลังก็ได้ “

“หรือหมอปืนจะเปลี่ยนใจไปกินข้าวด้วยกันไหมล่ะ” ภาวัฒน์รีบบอก “แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาไปวิ่ง กินอีกสักวันมันคงไม่ทำให้เจ้านิ่มๆ นี่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่หรอกมั้ง” ว่าพลางแกล้งใช้นิ้วชี้จิ้มพุงร่างสูงเล่น

“คุณหมอปาวัสม์ครับ” พีรยุทธเดินมาสะกิดเขาที่ด้านหลัง

“เอ๊กซเรย์เสร็จแล้วเหรอครับ” ปาวัสม์มองข้ามไหล่ชายหนุ่มไปเห็นชายวัยกลางคนอีกคนยืนอยู่ด้วยกัน ลักษณะน่าจะเป็นผู้ปกครอง เขายังไม่ทันจะได้เอะใจหรือคิดอะไรเมื่อพีรยุทธพูดขึ้นอีกครั้งแต่ไม่ใช่กับเขา

“ใช่คุณหมอปาวัสม์คนนี้ไหมครับคุณพ่อ” พีรยุทธหันไปพูดกับชายวัยกลางคนด้วยความตื่นเต้น

ชายผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาสัมผัสไหล่และมองจ้องหน้าคมเขม็ง “พ่อว่าใช่นะ ไม่น่าผิดตัวหรอก” เขาหันไปพูดกับลูกชาย

“ขอโทษนะครับนี่มันเรื่องอะไรกัน” ปาวัสม์ถามงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกและสองพ่อลูกก็เสียงดังเสียจนเจ้าหน้าที่และคนที่มาตรวจเริ่มหันมามองแล้ว

“ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท” ชายวัยกลางคนบอก “ผมชื่อพีระ ก่อนอื่นขอสอบถามคุณหมอปาวัสม์ว่าเมื่อสักหกปีก่อนเคยไปแถวๆ เชียงใหม่ไหมครับ”

“เคยครับ ผมไปเป็นแพทย์ใช้ทุนที่นั่น”

“เป็นคุณหมอคนนั้นจริงๆ ด้วย” พีรยุทธร้องเสียงดังด้วยความดีใจพร้อมทั้งคว้าตัวร่างสูงไปกอดเสียแน่น “คุณหมอจำผมกับพ่อได้ไหมครับ คนที่คุณหมอเคยช่วยไว้เมื่อหกปีก่อนน่ะ”

“ช่วย... เมื่อหกปีก่อน” ปาวัสม์ทวนคำเมื่อภาพอุบัติเหตุในคืนวันฝนตกย้อนกลับเข้ามาในความคิด “พวกคุณกำลังจะบอกผมว่าพวกคุณคือสองคนพ่อลูกที่ขับรถชนกับเสาไฟฟ้านั่นเหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ” พีรยุทธร้องขึ้นอีกครั้ง “แต่ไม่ใช่เพราะพ่อผมประมาทนะครับ จริงๆ แล้วตอนนั้นมีเด็กแวนซ์คนหนึ่งซิ่งมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าพวกเรา พ่อผมหักหลบกะทันหัน รถเลยเสียหลักชนกับเสาไฟฟ้า”

คิ้วหนาขมวดมุ่นกับความจริงจากปากผู้ประสบเหตุ มันค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องราวในความทรงจำของเขา ปาวัสม์เหลียวมองภาวัฒน์ที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“ถ้าไม่ได้คุณหมอ เราต้องตายแน่” คุณพีระตบบ่าคุณหมอหนุ่ม “ขอบคุณมากนะครับ”

ปาวัสม์มองหน้าคุณพีระก่อนจะหันมามองหน้าพีรยุทธชัดๆ อีกครั้ง “นายคือเด็กคนนั้นเหรอ”

“ใช่ครับ” เขารับคำ “ผมเอง... คุณหมอจำผมได้แล้วใช่ไหม”

ในขณะที่ทั้งสามกำลังเริ่มล้อมวงคุยความหลัง ขาของภาวัฒน์กลับก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนตอนนี้เขาจะสูญเสียความสามารถในการพูดไปแล้วและเขากำลังภาวนาขอให้เสียการได้ยินตามไปด้วย แต่ก็เป็นไปตามที่ว่าไว้

‘ประสาทการได้ยินจะเป็นสัมผัสสุดท้ายที่เสียไป และเป็นสัมผัสแรกที่ได้คืนมา’

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะปฏิเสธเช่นไรแต่เขาก็ยังคงได้เห็น และได้ยินความจริงตรงหน้า

“เสียงดังอะไรกัน” วิทยาเดินมาสมทบพร้อมกับนุชนันท์ด้วยความสงสัย

“นี่คุณพีระกับน้องพีรยุทธ” ปาวัสม์หันไปแนะนำกับเพื่อนทั้งสอง

“คุณหมอช่วยชีวิตพวกเราไว้เมื่อหกปีก่อนครับ” พีรยุทธชิงตอบเสียเอง

“ตอนที่ไปเป็นแพทย์ใช้ทุนที่เชียงใหม่น่ะเหรอ” นุชนันท์พูดขึ้น

“ที่รถเก๋งชนเสาไฟฟ้านั่นใช่ไหม เห็นว่าตอนนั้นอาการสาหัสเลยนี่” วิทยามองสองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “พวกคุณดูแข็งแรงมาก ไม่น่าเชื่อว่าเคยผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนั้นมา”

ยิ่งได้ยินวิทยากับนุชนันท์เออออพูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยแล้ว ภาวัฒน์ยิ่งรู้สึกใจหาย เขาลืมไปได้ยังไงในเมื่อมันลงข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้อ่านหรือดูข่าวแต่เรื่องสำคัญขนาดนั้นปาวัสม์ต้องเล่าให้เพื่อนฟังอยู่แล้ว

“ก็ไม่ใช่ว่าจะดีหรอกครับ” พีรยุทธถกขากางเกงให้ดูรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดที่ขา “ผมเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนถ้าไม่มีอุบัติเหตุนั่นป่านนี้ผมติดทีมชาติไปแล้ว พ่อผมก็ซี่โครงหักหลายซี่และไปทิ่มปอด ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งเกือบปี คิดแล้วก็ยังแค้นไม่หาย เพราะเจ้าเด็กบ้าคนนั้นคนเดียวเลย ใบขับขี่ก็ไม่มี หมวกกันน๊อคก็ไม่ได้ใส่แต่ความผิดก็ไม่เท่าไหร่เพราะเป็นผู้เยาว์ เสียค่าปรับนิดๆ หน่อยๆ แล้วแบบนี้จะสำนึกไหมป่านนี้ไม่รู้ไปเป็นจิ๊กโก๋สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก แต่ดูสิ่งที่ผมกับพ่อได้รับสิครับ”

ภาวัฒน์ตัวชาพูดอะไรไม่ออก ยิ่งได้ฟังเขายิ่งไม่มีหน้าจะยืนอยู่ตรงนี้

“ต้องขอบคุณคุณหมอคนเก่งคนนี้เลยครับที่อุตส่าห์จอดรถลงไปช่วยพวกเราทั้งที่ฝนตกหนักแถมยังอันตรายขนาดนั้น”
พีรยุทธเอ่ยชมปาวัสม์ไม่หยุด ในขณะที่เจ้าตัวเริ่มงุนงงมากขึ้นทุกที สมองคิดทบทวนสับสนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนผมน้ำตาลที่กำลังพยายามปลีกตัวกลับออกไปเงียบๆ

ร่างสูงยกมือเป็นเชิงขออนุญาตและวิ่งตามไป “อย่าเพิ่งไปสิพลุ ฉันยังคุยกับนายไม่จบเลยนะ”

“เทมส์มาแล้วครับ” ภาวัฒน์ชี้ไปที่ถนนซึ่งศุภพัฒน์เพิ่งจะขับมอเตอร์ไซค์ของเขาเข้ามาจอด “ผมต้องไปล่ะ”
นัยน์ตาคมเหลียวมอง เห็นคนตัวโตโบกมือเล่นหูเล่นตาให้คนผมน้ำตาลแล้วอดเม้มปากด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ “อย่าไปเลย”

“หมอปืนจะมาไม้ไหนเนี่ย รีบๆ กลับไปได้แล้วครับเขารออยู่” เด็กหนุ่มบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง “หมอปืนเคยช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ใช่เหรอครับ ก็คงมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย”

ปาวัสม์เหลือบมองพีรยุทธแล้วหันกลับมาหาภาวัฒน์อีกครั้ง ที่ครั้งนี้กลับหลบตาเขาซะเฉยๆ

พีรยุทธมองตามคนที่ปาวัสม์กำลังคุยด้วยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่พาหนะสองล้อหน้าห้องฉุกเฉิน

“เดี๋ยวก่อน” พีรยุทธตะโกนออกไปหลังจากที่เพ่งมองออกไปจนแน่ใจ “มอเตอร์ไซค์คันนั้นของใคร” แต่คำตอบที่ได้มีเพียงความเงียบ “ฉันถามว่ามันเป็นของใคร!” ไม่พูดเปล่ายังย่างสามขุมเข้าหาคนตัวโตที่นั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าความซวยกำลังจะมาเยือน

ภาวัฒน์มองหน้าศุภพัฒน์ เขาไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจึงรีบวิ่งเข้าไปขวาง “ของผมเอง”

“ของแก!” พีรยุทธทวนคำและหันมาคว้าไหล่เด็กหนุ่มบีบแน่นจนแทบจะยกตัวลอยขึ้นจากพื้น นัยน์ตาเบิกกว้างวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “มันเป็นของแกจริงๆ เหรอ!!”

“ใช่!” ภาวัฒน์กลั้นหายใจ รู้ในทันทีว่าอะไรกำลังจะตามมา

เปรี้ยง!

รู้ตัวอีกทีร่างโปร่งก็ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น เขาไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงรสเลือดฝาดที่เจิ่งนองอยู่ในปาก

“เฮ้ย! นั่นแกทำอะไรวะ” ศุภพัฒน์โดดลงมาจากอานมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้ามาขวาง “เพื่อนฉันไปทำอะไรให้แก ถึงต้องมาลงมือลงไม้กันแบบนี้เนี่ย!” เขาพับแขนเสื้อ ไม่ได้อยากมีเรื่องแต่ใครมันจะทนเห็นคนที่ชอบโดนทำร้ายได้

ภาวัฒน์ใช้หลังมือเช็ดเลือด ในปากคงจะแตก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงสวนกลับไปแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะนี่เป็นความเจ็บปวดที่เขาสมควรได้รับและแผลแค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดของเขาเสียด้วยซ้ำ

“ถามเพื่อนนายดูสิว่ามันทำวีกรรมอะไรไว้” พีรยุทธตะโกน “ไอ้เด็กเปรตนี่!”

ศุภพัฒน์หันไปมองหน้าคนผมน้ำตาลที่เอื้อมมือมารั้งต้นแขนเขาไว้ “นี่มันเรื่องอะไรพลุ”

แต่ภาวัฒน์กลับตอบคำถามด้วยความเงียบ ถึงคดีจะจบไปหกปีแล้วแต่เขารู้ว่าความแค้นมันคงไม่จางหายไปง่ายๆ เหมือนรอยแผล

“เงียบแบบนี้แกยอมรับใช่ไหม เป็นแกจริงๆ ใช่ไหม” พีรยุทธถามพร้อมกับเงื้อหมัดขึ้นอีกครั้ง

“ยุทธ พอเถอะลูก” คุณพีระคว้าแขนลูกชายไว้ได้ทัน

“แต่พ่อ” พีรยุทธกำหมัดแน่น “นี่ไงพ่อ ในที่สุดก็ผมเจอมันแล้ว เพราะมันคนเดียวผมถึง...”

“ใจเย็นๆ ครับ มีอะไรคุยกันก่อน” ปาวัสม์พยายามเข้ามาห้ามด้วยเช่นกัน “มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่าครับ”

“ไม่ผิดหรอกครับคุณหมอ” พีรยุทธบอก “ถึงผมจะจำหน้ามันไม่ได้ แต่รถคันนั้น ทะเบียนนั้นไม่ผิดแน่ และเจ้าตัวก็ยืนยันเองด้วย มันน่ะแหละคือเจ้าเด็กแวนซ์ที่ขับปาดหน้ารถพ่อผม” เขาจ้องหน้าภาวัฒน์อย่างโกรธเกรี้ยว “แกดูมีความสุขดีนี่ แกรู้ไหมว่าพ่อฉันเกือบตายและฉันต้องเสียอะไรไปบ้าง”

ปาวัสม์รู้สึกตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่หลบสายตาเขาอีกครั้ง “เรื่องจริงเหรอพลุ”

“ผมขอโทษครับ” ภาวัฒน์พูดพร้อมกับยกมือไหว้  ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการที่เขาจะยอมรับผิด

“เดี๋ยวก่อนพลุ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ปาวัสม์ถามย้ำ “ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน”

“คนมีชะนักปักหลังตั้งขนาดนี้จะกล้าพูดเหรอครับ” พีรยุทธสำทับ “นี่มาเป็นกู้ชีพเพราะคิดจะไถ่บาปที่ก่อไว้ล่ะสิ แต่รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่มีทางอภัยให้นายง่ายๆ หรอก”

“พอเถอะยุทธ” คุณพีระคว้าไหล่ลูกชายและหันไปหาภาวัฒน์ “ไปเถอะหนู เรื่องมันนานมาแล้ว ฉันไม่ติดใจเอาความอะไรหรอก”

“ผมขอโทษจริงๆ ครับ” ภาวัฒน์ยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งและลุกขึ้นยืนโดยมีศุภพัฒน์ช่วยประคองหลังไปเพราะกลัวว่าพีรยุทธจะไม่ยอมจบและตามมาเอาเรื่องอีก

“ขอโทษนะครับ” คุณพีระหันมาขอโทษปาวัสม์เพราะตอนนี้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของทั้งห้องฉุกเฉินไปเสียแล้ว “ทั้งที่ไม่ตั้งใจแต่ดูท่าพวกผมจะก่อเรื่องให้คุณซะได้ รบกวนคุณหมอช่วยรีบตรวจให้ลูกชายผมเถอะครับ แล้วเราจะได้รีบไป”

ปาวัสม์อยากวิ่งตามเด็กหนุ่มไปใจแทบขาดแต่ความจริงที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก สองขาขยับไม่ออกราวกับมีลูกตะกั่วมาตรึงติดไว้กับพื้น 

“มีอะไรเหรอคะ ทำไมดูวุ่นวายกันจัง”

เสียงหวานดังขึ้น นัยน์ตาคมเหลียวมอง รชญานั่นเองเธอคงเพิ่งเคลียร์งานที่แผนกเสร็จและแวะมาหาเขา

“เย็นนี้พี่ปืนว่างไหมคะ นิวจะชวนไปทานข้าว”

“ขอโทษนะนิวพอดีพี่ติดธุระ” ปาวัสม์ตอบพร้อมกับหันไปหาสองพ่อลูกอีกครั้ง “เรารีบไปตรวจกันเถอะครับ”

ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มกว้างทั้งที่โดนปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ปืน งั้นนิวกลับก่อนนะคะ”

***************************ยังไม่จบนะคะ มีต่อเมนต์ล่าง*********************************************
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 09-04-2015 10:50:12
บทที่ 11(ต่อ) ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง

หลังจากเคลียร์งานเสร็จคุณหมอหนุ่มก็รีบขับรถบึ่งมาที่ห้องเช่าของเด็กหนุ่มทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์ออกด้วยซ้ำ

“พลุ เปิดประตูหน่อยฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ปาวัสม์กดออด เขามั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องอยู่บ้านแน่ๆ เพราะแอบเดินไปดูมาแล้วว่ามอเตอร์ไซค์จอดอยู่ที่ลานจอดรถ แต่สิ่งที่ตอบมาคือความเงียบจนน่าใจหาย มือใหญ่เคาะรัวลงบนบานประตูอย่างร้อนรนเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาพยามโทรหาหลายต่อหลายครั้งแต่ภาวัฒน์ก็ไม่ยอมรับสาย “ขอร้องล่ะ”

“หมอปืนมีอะไรจะคุยกับผมครับ”

เสียงทุ้มที่ดังตอบมาทำให้ร่างสูงค่อยใจชื้น ทว่าประตูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก “เรื่องเมื่อเย็นไง ฉันจะมาถามนายให้แน่ใจ”

“ทุกอย่างก็ชัดเจนดีแล้วนี่ครับ” ภาวัฒน์พูดผ่านบานประตูที่ยังคงปิดสนิท “เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างที่หมอปืนได้ยินแหละ
ผมเป็นเด็กคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ”

“มันต้องไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมพลุ” ปาวัสม์ถามเสียงแผ่ว “อย่างนายน่ะนะจะเป็นเด็กแบบนั้น คนที่ทะเลาะกับพ่อเพราะอยากจะเป็นหมอ คนที่อุทิศตัวเพื่อช่วยคนอื่นแบบนายน่ะนะ ฉันไม่เชื่อหรอก”

“ผมเป็นเด็กแบบนั้นแหละครับ หมอปืนไม่ได้รู้จักผมดีสักหน่อย ที่คุณหมอรู้มันก็แค่เปลือกนอกจริงๆ แล้วผมมันก็ไม่ใช่คนดี
นักหรอกสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันก็แค่เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับความผิดในอดีตก็เท่านั้น”

“ไม่ใช่สิพลุ มันต้องไม่ใช่แบบนั้น”

“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วจะให้เป็นแบบไหนล่ะครับ” 

ปาวัสม์พูดไม่ออก เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความทรงจำในคืนวันฝนตก ทั้งที่เขารู้สึกว่ามันชัดเจน
แต่ทำไมความจริงตรงหน้ากลับไม่เป็นอย่างที่เข้าใจ หรือเป็นเพราะเม็ดฝนที่ทำให้เกิดฝ้าขึ้นในตาจนทำให้ใจพร่ามัวไปด้วย
“เมื่อหกปีที่แล้ว... นายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

เสียงที่เคยโต้ตอบอย่างรวดเร็วเงียบหายไปชั่วอึดใจ
“ไม่ครับ! อย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด... ผมปลอดภัยดี ขนาดมอเตอร์ไซค์ยังไม่พังและเอามาขับต่อจนถึงทุกวันนี้ได้เลย”

“แต่พลุ...”

“แต่อะไรล่ะครับ!” เสียงของเด็กหนุ่มเริ่มแข็งและห้วนขึ้นเรื่อยๆ “ไม่ว่าจะถามสักกี่ครั้งความจริงที่ว่าผมเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น และเรื่องที่หมอปืนช่วยชีวิตสองพ่อลูกนั้นไว้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก”

“แต่พลุ...” ปาวัสม์เคาะมือลงบนบานประตูอีกครั้งอย่างอ้อนวอน “ขอร้องล่ะเปิดประตูหน่อยขอฉันได้เห็นหน้านายหน่อย”

“เพื่ออะไรล่ะครับ” ภาวัฒน์ถาม “ผมก็ขอร้องหมอปืนเหมือนกัน กรุณากลับไปเถอะครับ อย่ามาตอกย้ำอดีตที่ไม่อยากจำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย”

มือใหญ่กำเป็นหมัดแน่น คุณหมอหนุ่มทาบศีรษะกับบานประตูเย็นเชียบและยอมแพ้ในที่สุด “ก็ได้... แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” เขาทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว

ภาวัฒน์เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ดังก้องไปตามทางเดินจนเงียบหายไป จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่าชัดเจน “แค่นี้พอใจหรือยังครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

เสียงหวานดังตอบมาจากด้านในห้องพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ร่างบางในชุดเดรสสีครีมฉลุลายลูกไม้ก้าวออกจากความมืดมาสู่แสงไฟตรงทางเดินหน้าประตู

รชญาสะบัดผมยาวเป็นลอนของเธอไปด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตากลมโตมองจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้า
“และดิฉันหวังว่าหลังจากนี้คุณคงไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้นะคะว่าจะไม่มายุ่งกับพี่ปืนอีก เพราะคงจะดูไม่ดีนักถ้าคู่หมั้นของดิฉันหรือว่าที่ผอ.โรงพยาบาลคนต่อไปจะต้องไปพัวพันกับคนที่ประวัติไม่ค่อยดีเท่าไหร่อย่างคุณ” พูดพลางสะบัดซองเอกสารสีน้ำตาลในมือเล่น

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” ภาวัฒน์ตอบเสียงดังฟังชัด “และคุณก็กรุณาอย่าลืมสัญญานะครับว่าจะไม่มายุ่งกับผมและเพื่อนของผมอีก”

ริมฝีปากสีกุหลาบเหยียดออก “ถ้าไม่จำเป็น ดิฉันไม่มายุ่งแน่นอนค่ะ อ้อ! เกือบลืมอันนี้ดิฉันให้ค่ะพอดีถ่ายสำเนาไว้หลายชุด” เธอส่งซองเอกสารในมือให้ “หมดธุระแล้วดิฉันขอตัวก่อนนะคะพอดีนัดคู่หมั้นทานข้าวไว้”

ร่างบางเดินเฉียดไหล่เด็กหนุ่มออกไปพร้อมกับรอยยิ้มหยันของคนถือไพ่เหนือกว่า

ภาวัฒน์ปิดล็อกประตู ก่อนจะหันหลังพิงและทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้น หมดแรงไม่อาจลุกไปไหน แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งแต่ลึกลงไปในใจแสนเจ็บปวด เด็กหนุ่มชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งและซุกหน้าลงเนิ่นนาน

ในที่สุดก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อกหน้าจอพลันมิสคอลนับสิบพร้อมภาพที่เขาตั้งค่าไว้กับเจ้าของเบอร์ก็ปรากฏขึ้น เขายิ้มให้ชายหนุ่มนัยน์ตาคมที่แฝงไปด้วยความใจดีซึ่งยืนคู่กับเขาในภาพ “ขอบคุณนะครับคุณหมอ” ก่อนจะเข้าไปหน้าสมุดรายชื่อและกดโทรออกหาใครอีกคน “สวัสดีครับพ่อ”

OOOOOO

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เสียงซุบซิบในที่แคบๆ ก็แพร่กระจายไปได้ไกลเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ข่าวถูกเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตแต่ด้วยระยะเวลาที่นานร่วมหกปีและไม่ใช่ข่าวใหญ่โตอะไรนักทำให้ข้อมูลแทบไม่มีเหลือ

สุดท้ายคนก็เริ่มจินตนาการกันไปเองและเอามาพูดกันปากต่อปากจนดูเหมือนเรื่องแต่งนั้นจะจริงได้เสียยิ่งกว่าเรื่องจริงอีกว่า
ภาวัฒน์เคยเป็นพวกแกงค์เด็กซิ่ง เด็กแวนซ์มาก่อนและไปก่อเรื่องจนเกือบจะทำคนตาย เพราะส่วนหนึ่งภาพลักษณ์ของเขาก็ดูน่าจะเป็นเด็กแบบนั้นอยู่แล้ว

ปาวัสม์เองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สืบค้นในอินเตอร์เน็ต และค้นพบว่ามันไม่ได้มีข้อมูลมากไปกว่าที่เขามีในความทรงจำเลย ในข่าวบอกชัดเจนว่ามีผู้บาดเจ็บแค่สองคนคือคุณพีระกับพีรยุทธที่อาการสาหัสพักรักษาตัวที่ไหน เหตุเกิดได้ยังไง แต่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อคนขับมอเตอร์ไซค์เพราะเป็นผู้เยาว์ ทั้งยังไม่พูดถึงอาการบาดเจ็บว่ามากน้อยเป็นตายร้ายดีแค่ไหน อันที่จริงสิ่งที่ข่าวอ้างถึงคนที่น่าจะเป็นภาวัฒน์ก็มีแค่ ด.ช. ภ.(นามสมมุติ) กับเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็เท่านั้น 

คิดไปคิดมาก็ยิ่งคิดไม่ตก เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยหวัง ไม่สิ! เขาคิดมาตลอดว่าโชคชะตานำพาปาฎิหาริย์ให้เขาได้มาเจอกับ
ภาวัฒน์ เด็กชายที่เขาช่วยชีวิตไว้ในวันนั้นอีกครั้ง คนที่สร้างความมั่นใจและเติมเต็มสำนึกของการเป็นแพทย์ให้กับเขา เพราะนัยน์ตาคู่นั้นมันช่างเหมือนกันเหลือเกินจนเขาไม่อาจลบไปจากความคิดและแกล้งทำเป็นไม่สนใจได้

มาวันนี้จะบอกว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นผิดแล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง นี่เพราะฝนตกฟ้าร้องวันนั้นทำเขาสติกระเจิงจนจำเรื่องราวได้สับสนถึงขนาดนี้เชียวหรือ หรือมันเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเองตั้งแต่แรกแล้ว

และในที่สุดคุณหมอหนุ่มก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานเมื่อมันถูกหยิบยื่นมาตรงหน้าในเย็นวันหนึ่ง

“นี่ค่ะพี่ปืน” รชญาเรียกระหว่างที่ทานอาหารด้วยกันพลางยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ 

“อะไรเหรอนิว” ปาวัสม์รับซองมาด้วยสีหน้างุนงง วันนี้รชญาดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้ว่าเขาแทบจะนั่งเหม่อตลอดมื้ออาหารก็ตาม

“สรุปสำนวนคดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อหกปีก่อนที่ตอนนี้เป็นที่ฮือฮากันในห้องฉุกเฉิน นิวคิดว่าพี่ปืนก็คงจะสนใจเลยไปขอให้นายน์ช่วยนิดหน่อย แต่น่าแปลกนะคะ” รชญาตั้งข้อสังเกต “คือชื่อพี่ปืนมีอยู่ในนี้เพราะเป็นคนโทรไปแจ้งความแต่ในข่าวกลับไม่มีปรากฏเลยสักที่แล้วสองคนพ่อลูกนั่นรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขาไว้”

“คงถามจากพวกกู้ภัยหรือโรงพยาบาลน่ะ เขาต้องบันทึกชื่อคนโทรแจ้งเหตุไว้อยู่แล้ว”

“เหรอคะ” ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มหวานพร้อมทั้งพยักหน้าตาม

“แล้วในสรุปสำนวนคดีของตำรวจว่ายังไงบ้าง” คุณหมอหนุ่มเทเอกสารออกมาและเริ่มต้นอ่านอย่างกระตือรือร้น ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือไปมากกว่าสิ่งที่เป็นลายลักษณ์อักษณอีกแล้ว

“ก็ดูไม่ต่างจากที่สองพ่อลูกนั่นเล่าเท่าไหร่นี่คะ” รชาเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาและไล่ปลายนิ้วไปตามบรรทัดจนในที่สุดก็หยุดลงที่ย่อหน้าหนึ่ง “รับแจ้งเหตุโดยนายปาวัสม์ เรื่องพบรถเก๋งชนกับเสาไฟฟ้า มีผู้บาดเจ็บสองคน ตรวจสอบภายหลังคือนายพีระกับ
ด.ช.พีรยุทธผู้เป็นลูกชาย”

นัยน์ตาคมกวาดสายตาไล่ตามไป “แค่นี้เองเหรอ”

“แล้วก็มีตรงนีอีกนี่ไงคะ” รชญาเลื่อนนิ้วไปยังย่อหน้าถัดไป “ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติมพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเอ รุ่นxxx ทะเบียน ส1x เชียงใหม่ ผู้ขับขี่คือด.ช.ภาวัฒน์”

“มีคนเจ็บแค่สองคนจริงเหรอ” ปาวัสม์พลิกเอกสาร เรื่องของภาวัฒน์สิ้นสุดที่บรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษพอดิบพอดี
แต่สิ่งที่อยู่ในหน้าต่อไปก็เป็นการลงตราประทับและลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งความ 

มือใหญ่พลิกกระดาษกลับมาหน้าแรกและเริ่มอ่านทวนตั้งแต่ต้นจบซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เนื้อความในบันทึกการแจ้งความก็มีเพียงเท่านั้น ไม่มีตรงไหนกล่าวถึงอาการบาดเจ็บของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และตัดจบไปอย่างห้วนๆ สั้นๆ ราวกับไม่อยากจะเอ่ยถึง

“ก็ดีแล้วนี่คะที่มีคนเจ็บแค่นี้ โชคดีที่น้องพลุไม่เป็นอะไร” เสียงหวานของรชญาเจือไปด้วยความอ่อนโยน “พี่ปืนสนิทกับน้องเขาก็อย่าไปเซ้าซี้ถามมากนะคะ เดี๋ยวจะยิ่งไปทำให้เครียดและเสียใจไปซะเปล่าๆ จากที่ร่าเริงดีอยู่แล้วจะกลายเป็นคนเก็บตัวหรือเป็นโรคซึมเศร้าไป... นิวเป็นห่วงนะคะ” เธอถอนหายใจแผ่วค่อยด้วยความกังวล

“นั่นสินะ” เสียงของปาวัสม์แหบพร่า ความทรงจำหกปีของเขายอมจำนนต่อหลักฐานในที่สุด และรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจที่ยังไปเค้นถามความจริงจากภาวัฒน์หลังจากเกิดเรื่อง “ขอบใจนิวมากนะครับที่อุตส่าห์ลำบากไปหามาให้พี่”

ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มหวานกว้าง รชญาเอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองของปาวัสม์ไว้ “ถ้าเพื่อพี่ปืนแล้วไม่ว่าอะไรนิวก็ทำได้ค่ะ”

************************************************TBC******************************************

เห็นม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เค้าบอกแล้วว่าไม่ดราม่า(ตรงไหนก็เอ็งวะ) นีมันข้าวไข่เจียวชัดๆ (แถจนสีข้างถลอกล่ะ)
ง่ะ ยิ่งแต่งยิ่งเครียด เบื่อลุงแล้ว ตอนนี้ชักอยากเชียร์น้องเทมส์
พลุเอ๊ย! ลืมลุงซะเถอะ...
อัพให้อ่านกันยาวๆ ตามสัญญาแล้วน้า
ถือว่า สุขสันต์วันปีใหม่ไทยล่วงหน้านะคะ^^
ขอบคุณทุกๆ เมนต์และกำลังใจที่มีให้กัน
ใครเดินทางกลับตจว.ขอให้ปลอดภัย เล่นน้ำตัวไม่ดำได้แอ๊วหนุ่มกันทั่วหน้านะคะ
เจอกันหลังสงกรานต์ค่ะ ^__________________^


ปล. สปอยตอนหน้า ['เสียง" จากหัวใจ]
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2015 11:32:32
มันต้องมีอะไรอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-04-2015 12:28:45
เฮ้ออ หมอปืนจะแต่งงานกะนังชะนีนั้นจริงๆเหรอออ   เฮ้ออ สงสารพลุมากๆอะ ทั้งเรื่องหมอปืนทั้งเรื่องอดีตอีก  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-04-2015 12:33:43
เรื่องอุบัติเหตุ คาดผิดไปเรื่องพลุว่าเป็นเด็กที่อยู่ในรถ
แต่เป็นอีกคนที่คนอื่นมองไม่เห็น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
เราชื่อว่าพลุก็เจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
พลุตัดสินใจโทรกลับหาพ่อแล้ว พลุจะต้องห่างกับหมอปืนแล้วใช่ไหม
กลับไปเรียน กลับรักษาแผลใจด้วย

หมอปืนคงยังอึ้งเรื่องที่เกิดขึ้น คงไม่ได้ฟังพลุอธิบายแล้ว
เพราะหมอนิวเข้ามาจัดการชีวิตให้แล้ว หมอปืนจะทำยังไงต่อไป

มาม่ากำลังอร่อย เจ็บเพราะรัก

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: pandorawht ที่ 09-04-2015 12:44:38
อย่าไปโง่เชื่อนะหมอปืน
โห่ยยย สงสารพลุอ่า T^T
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 09-04-2015 13:09:10
โอ้ว สนุกมาก
มีอะไรให้คาดให้เดาตลอด

มาม่านั้น ทานไม่เป็น จึงไม่นิยม
ไข่เจียวทานได้ อาจเป็นอาหารธรรมดาๆ แต่ก้อหลากรสชาติสำหรับแต่ละอารมณ์อยู่เหมือนกันนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 09-04-2015 13:27:31
หมอปืนเหมือนพระเอกละครหลังข่าวมาก หัวอ่อนลังเล ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีจุดยืน ไม่มีอะไรน่าเชียร์เลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-04-2015 13:39:29
นังนิว บอกได้คำเดียว นังตอแหล
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 09-04-2015 14:31:24
โธ่ถัง :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: kekaprain ที่ 09-04-2015 14:37:53
สงสารพลุอ่ะ ฮือออออออออ เทมส์มาปลอบด่วนนนน (เดี๋ยวก็เชียร์เทมส์ซะหรอกค่ะคุณหมอปืน)
น้องนิวร้ายไปแล้วนะยะ ยังไม่รู้ตัวอีกว่าหัวใจลุงอยู่ที่พลุแล้ว ชิชะ ดีดดิ้นไปก็เท่านั้นแหละย่ะ ได้แต่ตัวววว กรี๊ดดดด (นี่ก็อินไป๊)
มาต่อไวไวนะคะ มันลุ้นค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-04-2015 16:00:43
6 ปีเองนะหมอปืน
ทำไมมันจางเร็วจังเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 09-04-2015 16:13:20
ใครจะเป็นคนมากำจัดนังนิว รีบๆ มาเลย ไม่ไหวกับนางแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-04-2015 19:47:22
พ่อพลุทำให้เรื่องมันหายไปบางส่วนหรือเปล่า?
คุณพีระถึงได้ไม่อยากเอาเรื่อง
อาจจะมีการชดใช้กันให้
แต่เราว่าพลุก็อาการสาหัสอยู่ตรงนั้นด้วยนะ
หมอปืนก็ได้ช่วยพลุด้วยไม่ใช่หรือ?
ต้องกลับไปอ่านอีกรอบ

ชะนีนิวคะ เราขอให้เพื่อนสาวของหมอปืนเป็นคนจัดการคุณนะคะ
เอาให้รากเลือดไปเลย
ไม่ผิดที่สู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการแต่ผิดที่วิธีค่ะ   ดีออกกกกก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-04-2015 00:15:00
ดีออก สตอขั้นเทพ  :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 10-04-2015 01:59:49
หมอนิวต้องทำอะไรกับข่าวแน่ๆเลยอ่ะ
ภาวัฒน์น่าจะเป็นคนขี่มอเตอร์ไซต์จริงๆ แต่เราเดาว่าคนที่ปาวัสน์ช่วยน่าเป็นภาวัฒน์มากกว่านะ เพราะนึกถึงตอนที่ภาวัฒน์เล่าเรื่องอุบัติเหตุในอดีตให้เทมส์ฟัง
และก็เหมือนว่าเหตุผลที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ที่พีรยุทธพูดมา น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ

ว่าแต่ภาวัฒน์เอามอเตอร์ไซต์มาจากเชียงใหม่ได้ยังไงอ่ะ
หนีพ่อมาเรียนกรุงเทพไม่ใช่อ่อ? ไม่น่าจะหนีโดยขับมอเตอร์ไซต์จากเชียงใหม่มากรุงเทพนะ

ค้างงงงงงง
 :katai1: :katai1: :katai1:

มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 10-04-2015 03:22:09
 :katai1:  เค้าอิ่มทั้งมาม่าและข้าวไข่เจียว

อยากกินไข่ลูกเขยยยยยย

ลุงปืนคะ อย่าใช้แต่สมองค่ะ ใช้ความรู้สึกสิคะ
สิ่งที่มองเห็นด้วยตา พิสูจน์ว่าคือความจริงไม่ได้เสมอไป

เป็นกำลังใจให้น้องพลุ เหตุผลของหนูคงมากพอถึงได้ก้มหน้าทำตามสิ่งที่นิวบอก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-04-2015 13:42:45
นิวกับนายน์ เห็นแก่ตัวที่สุด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 10-04-2015 21:59:37
เรื่องเมื่อหกปีก่อน เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย  :monkeysad:
แต่ไม่คิด ว่าน้องพลุจะต้องมาเจอกับคู่กรณีตรง ๆ อีกครั้งอย่างนี้นะเนี่ย
สงสารน้องพลุมาก แต่ก็เข้าใจพีรยุทธนะ ไม่แปลกที่จะโกรธแค้นน้องพลุ
แต่คุณพ่อของพีรยุทธนี่สิ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจกว้างมาก ๆ น่านับถือจริง ๆ
ว่าแต่ ทำไมอุบัติเหตุครั้งนั้น ถึงบอกว่ามีผู้บาดเจ็บแค่สองคนล่ะ
ทำไมไม่มีพูดถึงพลุ หรือว่าคุณพ่อของพลุจัดการปิดข่าวเกี่ยวกับพลุนะ
แล้วพี่หมอปืนจะเชื่อจริง ๆ ไหม ว่าเด็กคนที่ตัวเองช่วยชีวิตไว้ ไม่ใช่พลุน่ะ
มีแต่ต้องให้พี่หมอ เจอบัตรประจำตัวกับโดราเอมอนตัวจิ๋วที่ให้น้องพลุไว้สินะ
น้องพลุถึงจะปฏิเสธไม่ได้อีก แต่พี่หมอ จะได้เจอน้องพลุอีกเมื่อไรนี่สิ
น้องพลุโทรหาคุณพ่ออย่างนี้ หรือว่าจะยอมกลับไปอยู่บ้านแล้วนะ
จู่ ๆ น้องพลุหายไปนี่ พี่หมอจะเป็นยังไงบ้างนะ อยากรู้จริง หึหึ

ท่าทางพี่อุ้ม จะเริ่มรู้แล้วสินะ ว่าพี่หมอปืน มีความรู้สึกพิเศษ ๆ ให้กับพลุ
เซ้นต์ของผู้หญิงก็ดีอย่างนี้แหละ รวมถึงรชญาด้วย มีแต่พี่หมอปืนนั่นแหละ
ว่าเมื่อไรจะรู้ใจตัวเองสักที หวังว่าจะไม่รอให้อะไร ๆ มันสายจนแก้ไม่ได้หรอกนะ
ตอนนี้ขอเป็นกำลังใจให้น้องพลุ ผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปให้ได้เร็ว ๆ น้า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 10-04-2015 22:43:58
อย่าไปเชื่อนังรชญานะคะ
มันร้ายนะคะคุณพี่ !!!!

โอ้ยย รู้สึกว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังยังไงไม่รู้
ยัยน้องนิวคัมแบคคืนวงการนางร้ายช่องสามได้อย่างสวยงามเลยค่ะ
โผล่มาท้ายตอนนี้ทำเอาคนอ่านรู้สึกหมั่นมาก อยากตบมาก ก๊ากกกกกกก

สงสารก็แต่น้องพลุอ่ะ ฮือออออออออ  :hao5:
เรายังเชื่อนะ เชื่อว่ามันคือปฏิหาริย์ที่หมอปืนกับน้องพลุเจอกันครั้งแรก
แล้วก็เชื่อว่าสองคนนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง น้องพลุคือแรงบัลดาลใจของลุงหมอจริงๆ

ความเสียใจของน้องพลุตอนนี้มีเยอะมาก  :hao5:
ไหนจะเรื่องอุบัติเหตุเมื่อหกปีที่แล้ว ไหนจะเรื่องหมอปืน ไหนจะเรื่องที่ตกลงกับหมอนิวไว้อีก
มีลางสังหรณ์ว่าน้องพลุจะกลับมาไปหาพ่อ คือถ้าลุงหมอยังจั๊ดหง่าวอยู่อย่างนี้ก็ให้น้องพลุไปดีเถอะค่ะ
เชียร์เทมส์ล่ะเนี่ย เชียร์ออกนอกหน้ามาก 555555555555 น้องเทมส์ต้องดูแลน้องพลุด้วยนะ
ช่วงนี้จิตใจบอบบางและอ่อนไหว นี่ถ้ากระโจนเข้าไปในฟิคได้จะกอดปลอบแรงๆ แล้ว  :กอด1:


เป็นตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าดราม่ามาก
ว่าแต่สปอยด์ชื่อตอนเสียงจากหัวใจตอนหน้านี่ หวังว่าจะเป็นเสียงของหัวใจหมอปืนนะคะ TvT
รู้ตัวเองสักทีเถอะค่ะ ว่าที่เป็นอยู่กับน้องพลุตอนนี้น่ะ ไม่ใช่แค่น้องชายธรรมดาๆ แหล่ววววววววว

อย่าไปฟังหมอนิวมากนะคะลุงหมอ ฮือออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-04-2015 21:17:27
 :call:  มาต่อๆ ขอเท้อ พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านนอกอันไร้อินเตอร์เน็ต ตั้ง 1 อาทิตย์แหน่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง [09/04/58] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 25-04-2015 01:33:09
บทที่ 12 ‘เสียง’ จากหัวใจ (ครึ่งแรก)

ถือเป็นเรื่องดีที่ภาวัฒน์ไม่กลายเป็นคนเก็บตัวหรือเป็นโรคซึมเศร้าอย่างที่รชญาคาดการณ์ อันที่จริงเขารับมือกับเรื่องทั้งหมดได้ดี ด้วยการทำตัวเหมือนปกติและปล่อยให้เรื่องซาไปเอง

จะว่าไปแล้วอย่างเดียวที่ไม่ปกติคือการที่เด็กหนุ่มหลบหน้าปาวัสม์นับตั้งแต่วันนั้น แถมยังไม่ยอมพูดด้วยแม้จะเอ่ยปากทักทายเมื่อเจอหน้ากันตรงๆ ตอนนำคนเจ็บมาส่งก็ตาม
จึงกลับกลายเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายเซื่องซึมจนไม่เป็นอันทำอะไร

ความเหงาที่น่าจะคุ้นชินวันนี้มันเป็นคนแปลกหน้าที่เขารับมือไม่ถูก

แล้วใครกันล่ะที่มาทำให้ใจหลงลืมความรู้สึกนั้นไปและเติมเต็มบางสิ่งที่อบอุ่นกว่าเข้ามาแทนที่

“พลุ...”

คุณหมอหนุ่มเม้มปากสนิท เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งในชุดหมีเดินสวนไหล่เขาไปโดยไม่หันมามองกัน
ฝ่ามือที่กำลังจะยกขึ้นโบกทักทายชะงักค้างและปล่อยทิ้งคว้างลงข้างตัว ใจที่กำลังพองโตเพราะได้เห็นหน้าเหี่ยวฟีบลงเร็วกว่าลูกโป่งโดนเจาะลม พยายามคิดในแง่บวกว่าบางทีเด็กหนุ่มอาจกำลังรีบ ขาทั้งสองกำลังจะก้าวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินเมื่อเสียงหวานๆ ของคุณพยาบาลสาวสวยดังมาจากหน้าเคาน์เตอร์

“น้องพลุมาลงทะเบียนส่งคนไข้ด้วยนะคะ”

“คร้าบ”

ร่างสูงเหลียวมองตามเสียงทุ้ม เห็นคนที่เพิ่งจะเมินใส่เขาไปหัวเราะคิกคักกับคนอื่นแล้วมันเจ็บแปลบในอก

“พี่ชโลธรคนสวยทานข้าวเช้าหรือยังครับ”

“ยังเลยจ๊ะ เพิ่งจะแปดโมงแท้ๆ แต่คนไข้ยุ่งมากเลย”

“ดีจัง ผมนึกว่าจะหิ้วไอ้นี่มาเก้อซะแล้ว” พูดพลางส่งน้ำเต้าหู้ให้สองถุง “กำลังร้อนๆ เลยรีบทานนะครับ “

รอยยิ้มร่าเริงบนเรียวปากคนผมน้ำตาลที่มักทำให้เขายิ้มตามได้เสมอ ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้กลับเป็นยิ่งกว่าคมมีดที่กรีดลงกลางใจเพียงแค่เห็นว่ารอยยิ้มนั้นมันไม่ได้ถูกส่งมาให้เขา
ปาวัสม์กำมือแน่นเสียงวิทยาเรียกดังมาจากด้านในห้องฉุกเฉินแต่เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ร่างสูงก้าวยาวๆ ตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์และลงทุนเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อขวางทางออก ไม่มีทางที่ภาวัฒน์จะกลับออกไปโดยไม่เห็นเขา วันนี้จะต้องคุยให้รู้เรื่องว่าหลบหน้าเขาทำไม “คุยอะไรกันน่าสนุกเชียว”

“น้องพลุซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ค่ะ หมอปืนมาทานด้วยกันไหมคะ” ชโลธรบอก

นัยน์ตาคมเหลือบดูของในถุงก่อนจะตวัดมองคนผมน้ำตาลที่หันหน้าหลบสายตาเขาทันควัน “คุณพยาบาลทานคนเดียวเถอะครับ เพราะดูท่าเขาจะไม่ได้ซื้อมาฝากผม”

“น้องพลุใจดีจะตายไม่ว่าหรอกค่ะ เนอะ!” ชโลธรกำลังจะหยิบน้ำเต้าหู้ออกมาหนึ่งถุงเมื่อมือหยาบเอื้อมมาดันมันกลับลงไปและดึงเอาอีกถุงขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์แทน

“ถุงนี้ไม่หวาน” ภาวัฒน์กระซิบทั้งที่ยังก้มหน้ากรอกเอกสาร

นัยน์ตาคมจับจ้องคนในชุดหมีตรงหน้า ทั้งที่หลบตาแต่ยังอุตส่าห์รู้ใจว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร “ไม่ได้ซื้อมาฝากฉันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่ใส่น้ำตาลมาเหมือนๆ กันทั้งสองถุงล่ะ”

“ไม่รู้สิครับ อาแปะเขาทำมาให้แบบนี้”

“แล้ว...”

“ปืน” หนุ่มหน้าตี๋ในชุดกาวน์เดินออกมาขัดจังหวะเพราะเรียกตั้งนานแล้วแต่ปาวัสม์ก็ไม่ยอมหันมา “ออกเวรแล้วรีบไปนอนเถอะ วันนี้นายมีนัดทานข้าวกับท่านผอ.ตอนเที่ยงนี่ หรือว่านายจะนอนห้องพักแพทย์ล่ะเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนปลุกนายลุกขึ้นมาแต่งตัว”

“คุณหมอปาวัสม์จะไปคุยเรื่องแต่งงานเหรอคะ” ชโลธรถามด้วยความตื่นเต้น “ดีใจด้วยนะคะ”

“ไม่มีอะไรต้องเซ็นแล้วใช่ไหมครับ” ภาวัฒน์พูดแทรกเสียงดังพร้อมทั้งดันสมุดลงทะเบียนกับปากกาคืนให้ แล้วหมุนตัวเดินหลบร่างสูงออกไป

“นอนห้องพักแพทย์ก็ได้” ปาวัสม์ตอบเสียงแผ่วทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันที่เขาควรจะมีความสุข เขาควรจะต้องยิ้มได้ แต่ทำไมรู้สึกในใจมันว่างเปล่าเหมือนกับว่ามันหายออกไปจากช่องอก

...มันหายไปอยู่ที่ไหน...

นัยน์ตาคมเหลียวมองตามแผ่นหลังคนหัวยุ่งไปจนลับตา พลันภาพนัยน์ตาสีดำขลับที่ได้สบเมื่อครู่ปรากฏซ้ำในความคิด
ประกายวิบวับที่เห็นเสมอมาหายไปจนเกือบจะดูรื้นน้ำตา มือใหญ่เอื้อมไปหยิบถุงน้ำเต้าหู้ แต่ความร้อนที่ส่งผ่านมากลับจุดติดขึ้นที่ริมฝีปากก่อนจะแผ่ซ่านไปยังหัวใจ ภาพในค่ำคืนที่เผลอใจนั้นฉายชัดขึ้นพร้อมกับคำตอบต่อคำถามที่เฝ้าสงสัยว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นกับเด็กหนุ่มที่อายุห่างกันเกือบรอบได้ถึงสองครั้งสองครา

ก้อนเนื้อในช่องอกเต้นแรงและเร็วจนเจ็บแปลบ เขาใช้ฟันกัดริมฝีปากจนเจ็บเพื่อลบรสหวานปนขมที่ปลายลิ้นยังคงจดจำได้
มือยกขึ้นกุมหน้าอกอยากจะบีบให้มันหยุดเคลื่อนไหว

แต่สุดท้ายปาวัสม์ก็ต้องยอมแพ้ เขาเอื้อมมือไปคว้าคนในชุดกาวน์ข้างกายมาซบหน้าลงบนหัวไหล่

ในที่สุดก็เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่หัวใจพยายามจะบอกมาเนิ่นนาน

OOOOOO

“เป็นอะไรปืน”

วิทยาปะเหลาะถาม หลังจากที่คว้าตัวเขาไปกอดเสียแน่นไม่ยอมปล่อยหน้าห้องฉุกเฉินนั่นปาวัสม์ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรอีก
จนใครๆ ต่างพากันจ้องมองและซุบซิบ ถามว่าเขาอายไหมถ้าจะโดนเข้าใจผิด นั่นล่ะคือสิ่งที่เขารอมานานและพร้อมช่วยกระพือข่าวด้วยซ้ำ นัยน์ตาคมที่แดงก่ำกับสีหน้าอมทุกข์ราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบนั่นต่างหากที่ทำให้เขาต้องรีบลากร่างสูงเข้ามาหลบในห้องพักแพทย์และโทรตามนุชนันท์มาช่วยเป็นการด่วน

“ทำตัวให้มันกระฉับกระเฉงหน่อย วันนี้นายมีนัดกินข้าวกับท่านผอ.ไม่ใช่เหรอ น้องนิวรอนายอยู่นะ”

“แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอนิวนี่จิว” ปาวัสม์ตอบอย่างซังกะตายมาจากโซฟาตัวเก่าที่กลางห้อง การที่เพิ่งจะมาเข้าใจหัวใจตัวเองในวันสำคัญที่กำลังจะตัดสินชีวิตคู่แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย “ฉันอยากนอนหลับแล้วตายไปทั้งแบบนี้เลย”

“อย่าเอาเรื่องความตายมาล้อเล่น!” วิทยาเริ่มขึ้นเสียงอย่างเหลืออด “บอกมาซิว่านายเป็นอะไร นี่ฉันยังเป็นเพื่อนรักนายอยู่หรือเปล่า นายปรึกษาพวกฉันสองคนได้ทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”

“ฉัน... “ปาวัสม์อ้ำอึ้ง ใช่ว่าไม่อยากเล่า แต่ครั้งนี้มันแตกต่างและเขาไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน “บอกตรงๆ ฉันกำลังสับสนว่ะ ฉันเคยคิดว่าฉันรักนิว แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่”

“สรุปคือนายคิดว่านายกำลังรักใครอีกคนอยู่ใช่ไหม” นุชนันท์ถามตรงๆ

ปาวัสม์พยักหน้ายอมรับ

“ถ้างั้นก็ไปบอกเลิกรชญาซะสิแล้วไปคบคนใหม่ ก็แค่ทำเหมือนกับผู้หญิงคนก่อนๆ ของนายไง” นุชนันท์พูดราวกับเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ

“ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิอุ้ม”

นุชนันท์เบะปาก “แล้วอะไรล่ะที่มันยาก”

“ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกใครก่อนเธอก็รู้” และมันเป็นเรื่องจริง ความรักทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเป็นฝ่ายเขาที่ถูกบอกรักแต่แล้วกลับถูกบอกเลิก ด้วยเหตุผลต่างๆ นานาที่เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไม

“นายแค่ไม่เคยรักผู้หญิงพวกนั้นจริงๆ ต่างหาก” นุชนันท์พูดแทงใจดำ “เพราะถ้านายรักพวกเธอจริงทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นนายฟูมฟายเสียใจแบบคนกำลังอกหักเลยล่ะ นายยอมรับเหตุผลงี่เง่าพวกนั้นง่ายๆ แค่หันหลังให้กันและปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป”

“แล้วอะไรคือความรักที่แท้จริงล่ะ” ปาวัสม์ถามกลับ

นุชนันท์เหลียวมองหนุ่มหน้าตี๋และลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

“ยกตัวอย่างง่ายๆ นะปืน สำหรับผู้หญิงที่ชื่อรชญาความรักคือการแย่งชิง... แม้จะร้ายสักแค่ไหนแต่ฉันยอมรับนะว่าอย่างน้อยผู้หญิงคนนั้นก็รักนายจริง เธอยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวนาย ไม่งั้นเธอคงไม่เอาตำแหน่งผอ.โรงพยาบาลคนต่อไปมาล่อนายหรอก คิดเหรอว่าท่านผอ.จะวางใจลูกเขยของท่านง่ายๆ ลูกสาวคนเดียวแถมขี้เอาแต่ใจอย่างรชญาคงไปคุกเข่าอ้อนวอนกับพ่อมาล่ะ”

“ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มีมากกว่านั้นอีกนะ” นุชนันท์ว่า “ความรักคือการเสียสละ... ยอมเสียสละทุกอย่างได้แม้กระทั่งความรักของตนเพื่อให้คนที่รักมีความสุข อย่างพวก...” นัยน์ตากลมค้อนควับใส่หนุ่มหน้าตี๋ที่เอาแต่นั่งนิ่ง “แอบรักเพื่อนอะไรแบบเนี้ย ยอมเก็บคำว่ารักติดตัวไปจนตายเพราะไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนไป”

ปาวัสม์นึกถึงศุภพัฒน์ มันก็คงคล้ายๆ กับแบบนั้น

“นายเคยมีความรู้สึกประมาณนี้กับใครสักคนไหมล่ะ” สาวร่างอวบพ่นลมออกจมูกพร้อมกับเบะปาก “คงจะไม่มีสินะ!”

“ตอนนี้ฉันเจอแล้วล่ะ”

นุชนันท์เลิกคิ้ว “แน่ใจ?”

ปาวัสม์พยักหน้า “เป็นครั้งแรกที่มีคนมาทำให้หัวใจฉันเต้นแรงได้ขนาดนี้ คนที่ทำให้ฉันหายเหงาและยิ้มได้ทุกครั้งเพียงแค่นึกถึง”

“ก็ไปเขาบอกซะสิ ไม่ต้องมาบอกฉันหรอก” นุชนันท์กอดอกด้วยความหมั่นไส้ ไม่ใช่แค่คำพูดแต่เป็นเพราะขณะที่พูดถึง ‘คนนั้น’ แววตาของชายหนุ่มอ่อนโยนและเต็มตื้นอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ก็อยากจะทำนะ” ปาวัสม์อ้ำอึ้ง “แต่ติดตรงคนที่ฉันตกหลุมรักเป็นผู้ชาย”

“นายพูดบ้าอะไรน่ะปืน!” วิทยาที่นั่งฟังเงียบๆ ไม่ออกความเห็นมาโดยตลอดลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังปัง “นายไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย นายชอบผู้หญิงนะ!”

“คนๆ นั้นเป็นใคร” นุชนันท์ตาโต มือทั้งสองกำชายกระโปรงชุดพยาบาลแน่น เธอไม่ได้ตกใจที่เพื่อนกำลังจะกลายเป็นเกย์แต่ตกใจว่าใครกันที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักความรักอย่างปาวัสม์ยอมรับออกมาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

นัยน์ตาคมเหลียวมองเพื่อนรักทั้งสองสลับกัน เขาใช้ฟันหน้ากัดริมฝีปากจนเจ็บ ยังคิดไม่ตกจนนาทีสุดท้ายที่จะตอบออกไป
แต่เพียงกระพริบตาพลันภาพของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นชัดเจน และเขาปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ปาวัสม์กระซิบแผ่วเบาทว่าหนักแน่น

“ฉันชอบพลุ”

“เรื่องจริงเหรอ” วิทยาทรุดตัวลงนั่งทันทีที่ได้ยินชัดเต็มสองหู

“มันเป็นไปไม่ได้สินะที่ฉันจะไปรักกับผู้ชายด้วยกัน” นัยน์ตามคมหลุบลงมองปลายเท้าตัวเอง สองมือที่กุมประสานไว้ตรงหน้าเย็นจนไร้ความรู้สึก

นุชนันท์ไม่คิดจะถามย้ำ คำตอบในสายตาอธิบายได้ดียิ่งกว่าถ้อยคำใด เธอมองร่างสูงที่นั่งไหล่ลู่ลงด้วยสายตาที่อ่อนลง

“ก่อนจะพูดฉันขอออกตัวก่อนว่านี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันไม่ชอบขี้หน้ารชญา และฉันไม่ได้รู้สึกดีไปมากกว่าเดิมถ้าเพื่อนรักของฉันจะตัดสินใจหันหลังให้ผู้หญิงและไปเลือกผู้ชายอีกคน”

“พูดมาสิ”

“มันก็แค่ความรัก” นุชนันท์บอก “และความรักมันไม่มีเพศ อย่าเอาความคิดและค่านิยมมายัดเยียดให้ความรัก ถ้านายถามความเห็นฉัน ฉันก็ตอบนายได้เต็มปากว่าฉันไม่คิดอะไรและไม่เสียใจเลยไม่ว่านายจะเลือกใครหรือรักใคร ขอแค่อย่างเดียวปืน...” เสียงหวานปนดุเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มืออวบเอื้อมไปบีบมือใหญ่แรงๆ ครั้งหนึ่ง “ขอแค่นายเลือกคนที่นายรักและคนที่ใช่สำหรับนาย และการตัดสินใจนั้นจะไม่ทำให้นายต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”

“ขอบใจนะอุ้ม” รอยยิ้มค่อยคลี่ขึ้นบนเรียวปากร่างสูง นัยน์ตาคมสบนัยน์ตาสาวร่างอวบอย่างซึ้งใจและขอบคุณที่เข้าใจเขาเสมอมา

พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น ปาวัสม์เหลือบตามองชื่อบนหน้าจอเพียงอึดใจ

“นิวโทรมาตามแน่ะ” เขาบอกสั้นๆ “ขอตัวก่อนนะ แล้วเย็นนี้กลับมาเข้าเวรจะมาร้องไห้ให้เธอปลอบนะจ๊ะที่รัก” ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดเสื้อกาวน์โยนไว้บนโซฟาและเดินไปที่ประตู

“พร้อมเสมอจ๊ะ”

 “อุ้ม” วิทยาเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อบานประตูปิดลง

“อะไรแก”

“เจ็บว่ะ” วิทยากระซิบมือทั้งสองที่กุมกันไว้จิกแน่นจนเล็บฝังลงไปในเนื้อ แต่เขากลับไม่รู้สึกใดๆ เลยเพราะนาทีนี้มันถูกบดบังด้วยความเจ็บปวดจากที่อื่นจนสิ้น “เจ็บที่สุด”

“ฉันขอโทษที่...”

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” วิทยาส่ายหน้า “เพราะฉันตัดสินใจไปแล้วแบบนั้น ยังไงมันก็ต้องเจ็บ ที่เธอพูดแบบนั้นไม่ใช่แค่ให้ปืนตัดสินใจให้เด็ดขาดแต่เพื่อจะให้ฉันตัดใจด้วยใช่ไหม ขอบใจนะ” วิทยายกแขนขึ้นโอบรอบตัวนุชนันท์และกอดเธอแน่น รู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ “ฉันจะลืมปืนให้ได้” ปากบอกเช่นนั้นแต่ในขณะเดียวกัน ในส่วนลึกของหัวใจเขารู้ดีว่าเขายังตัดใจไม่ได้ตราบใดที่มันยังเจ็บจนแทบขาดใจแบบนี้

********************************************TBC*********************************************
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 25-04-2015 02:02:50
บทที่ 12 เสียงจากหัวใจ(ครึ่งหลัง)

วิทยานั่งเหม่ออยู่ในรถ หลังจากได้รับฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนที่ตนแอบรักมานานทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือกลับบ้านแต่ใจที่อ่อนล้าพาให้ร่างกายหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไร เขานั่งจมอยู่ในรถมาร่วมชั่วโมงเศษแล้ว กุญแจก็เสียบคาอยู่

เขาสตาร์ทรถ มือจับพวงมาลัยเตรียมจะเหยียบคันเร่งแต่แล้วก็กลับถอนหายใจดับเครื่องแล้วซบหน้าลงบนพวงมาลัย วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นวัฏจักรซ้ำแล้วซ้ำอีก

จนตะวันตกดินและฟ้าเริ่มมืด เสียงฝีเท้าเดินมาตามทางของลานจอดรถดังแว่วมา แต่วิทยาไม่สนใจ ที่นี่เป็นลานจอดรถของโรงพยาบาลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมา แม้เสียงฝีเท้าจะเข้ามาใกล้มากแต่เขาก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะเบาๆ ลงบนกระจกรถฝั่งคนขับปลุกให้หนุ่มหน้าตี๋สะดุ้งตื่นจากภวังค์ของความคิด เขาหันไปมองด้วยความตกใจแต่แล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้จะไม่อยากเจอแต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า

“สวัสดีครับหมอจิว” รติพัทธเรียก ใบหน้ายิ้มแป้น “ในที่สุดก็หาคุณเจอจนได้ โชคดีจังที่คุณยังไม่กลับบ้าน ไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ”

“ไปไกลๆ เลยไป วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับนาย”

ผู้หมวดหนุ่มกำลังจะเล่นลิ้นต่อตามประสาแต่แล้วท่ามกลางแสงสลัวในลานจอดรถ เขาก็สังเกตเห็นขอบตาที่บวมช้ำ นัยน์ตาที่แดงก่ำและสีหน้าอมทุกข์ที่เหมือนกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบของคนที่นั่งอยู่ในรถ “ใครทำอะไรคุณ” เขาถามเสียงเครียดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีใครทำอะไรฉันทั้งนั้น หรือถ้าจะมีก็คงเป็นนายนี่แหละ”

“งั้นมานี่เลย” จู่ๆ รติพัทธก็เลือดขึ้นหน้า เขาไม่ได้โกรธที่ถูกต่อว่าแต่เขาโกรธว่าใครกันที่เป็นคนมาทำให้วิทยาอยู่ในสภาพแบบนี้ และเมื่อคำตอบที่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวคือปาวัสม์มันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่าจะสนุกเหมือนที่ผ่านๆ มา

“นั่นนายจะทำบ้าอะไร” วิทยาร้องเสียงหลงเมื่อรติพัทธเปิดประตูรถแล้วจับเขาโยนไปนั่งฝั่งข้างคนขับและมุดขึ้นรถมานั่งแทนที่  วิทยาพยายามขัดขืน ทั้งผลักทั้งดันรติพัทธออกไป

“ก็ถ้าในเมื่อผมจะโดนคุณต่อว่าตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไร” รติพัทธคว้าข้อมือทั้งสองของวิทยาไว้และรวบไว้ในมือข้างหนึ่ง “ผมก็ขอทำอะไรให้สมกับที่โดนหน่อยก็แล้วกัน” เขาพูดเสียงดังและมันไม่ใช่การขู่ ร่างสูงใหญ่โน้มตัวข้ามคนตัวเล็กกว่าไปคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไป

“นายจะพาฉันไปที่ไหน!”

“นั่งไปเงียบๆ เดี๋ยวก็รู้เอง”

“อย่ามาเสียงดังใส่ฉันนะ เจ้าเด็กบ้านี่!” วิทยาคว้าไหล่รติพัทธ “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ!”

รติพัทธกระทืบเท้าลงบนเบรคทันทีตามคำขอ รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงหยุดกึกกลางถนน ทั้งสองหน้าเกือบทิ่มกับคอนโซลรถจากแรงเฉื่อย โชคดีที่ทั้งคู่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ แต่รถที่ขับตามมาข้างหลังเกือบจะไม่โชคดี เสียงบีบแตรรถยาวด้วยความโมโหลากดังก้องทั้งท้องถนน

“นี่นายเป็นบ้าอะไรจู่ๆ ก็หยุดรถ” วิทยาเหลียวมองด้านหลังเลิกลั่ก ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

“ก็คุณเป็นคนบอกให้ผมหยุดเองไม่ใช่เหรอ” รติพัทธคว้ามือทั้งสองข้างของวิทยาแล้วกระชากเข้าหาตัว “เลิกเสียงดังแล้วทำตัวดีๆ นั่งไปเงียบๆ ไม่งั้นคุณก็จะได้รู้เดี๋ยวนี้แหละว่าไอ้เด็กบ้าคนนี้จะทำอะไรบ้าๆ ได้อีกบ้าง”

หนุ่มหน้าตี๋แสยะยิ้มยั่วอย่างไม่กลัวเกรง “‘เด็ก’ ปากดีอย่างนายจะมีปัญญาทำอะไรได้”

รติพัทธดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้จนแทบจะนั่งบนตัก เขากรีดยิ้มกว้างกว่า และยื่นหน้าเข้าไปใกล้เสียจนเกือบจะชิด “อยากรู้เหรอว่าเด็กอย่างผมจะทำอะไรได้” ก้มหน้าลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก แต่ขอเตือนไว้ก่อนละกันว่าของบางอย่างไม่ได้ใช้ปัญญาทำ” และแกล้งพ่นลมใส่หูหนุ่มหน้าตี๋จนขนแขนลุกชูชันและสะบัดตัวหนีไปจนชิดประตูอีกฝั่ง

ใบหูของวิทยาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เขาอยากจะอ้าปากเถียงต่อแต่ก็เปลี่ยนใจกัดริมฝีปากไว้

รติพัทธมองคนที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขาด้วยหางตาแล้วอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ นี่เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าผู้ชายคนนี้น่ารัก บางสิ่งที่อยู่ภายใต้เสื้อที่สวมไว้เต้นกระทบผนังอกจนเขารู้สึกได้ราวกับมันกำลังพยายามเคาะบอกอะไรบางสิ่ง

“นั่งดีๆ นะครับ” 

รติพัทธแกล้งพูดเสียงเข้มและสตาร์ทรถอีกครั้ง อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย ปลายเท้าที่กดเหยียบคันเร่งราวกับจะกดปิดเสียงที่ดังอยู่ในอก

เปล่า... เขาไม่ได้อยากจะปฏิเสธหรือเก็บซ่อนมันไว้ แต่เขาจะไปอยากได้ยินสิ่งที่มันอยากจะบอกทำไมล่ะในเมื่อตอนนี้เขารู้ดีอยู่แล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร

OOOOOO

“คุณดื่มเยอะเกินไปแล้วนะครับ” รติพัทธบอกพลางดึงแก้วเหล้าออกจากมือบาง เริ่มนึกเสียใจที่พาวิทยามาที่นี่ ทีแรกเขาแค่คิดอยากจะให้ชายหนุ่มได้ดื่มและระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าหนุ่มหน้าตี๋กลับซดเหล้าหมดเป็นขวดๆ ไวเสียยิ่งกว่าน้ำเปล่าจนเขาตกใจ

“ช่างฉัน”

วิทยาบอกพร้อมทั้งเอื้อมมือมาแย่งแก้วคืนแต่ด้วยความสูงและโครงสร้างร่างกายที่เล็กกว่าจึงไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะเข้าถึงตัวอีกฝ่าย วิทยาจึงเปลี่ยนเป้าหมาย เขาหันไปคว้าขวดเหล้าและยกขึ้นซดเพียวๆ ก่อนจะสำลักให้กับความขมที่บาดคอและกระแทกขวดเหล้าที่เหลือลงบนโต๊ะ

“บอกฉันทีว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เมื่อเหล้าเข้าปากความจริงที่อยู่ลึกที่สุดของใจก็เริ่มพรั่งพรู “ใช่! นายมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ปืน... ฉันอุตส่าห์ตั้งปฏิญาณไว้แล้วว่าจะอดทนว่าจะไม่พูดจะยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว ทำใจแล้วกับรักข้างเดียวที่ไม่มีวันสมหวังเมื่อนายไม่ใช่เกย์ แล้วทำไมล่ะปืน ในเมื่อนายรักผู้ชายคนนั้นได้แล้วที่ฉันอดทนมาเกือบยี่สิบปีนี่เพื่ออะไร มันเรื่องบ้าอะไร!!”

“หมอจิว!” รติพัทธร้องอย่างอ่อนใจ จริงอยู่ว่าทีแรกเขาตั้งใจจะมอมเหล้าวิทยาให้เมา แต่ครั้นเอาเข้าจริง พอได้เห็นคนตรงหน้าเมาและเริ่มฟูมฟายกลับกลายเป็นเขาเองที่รู้สึกเจ็บแทนจนทนไม่ได้ “พอเถอะครับผมขอร้อง” คนๆ หนึ่งทำไมต้องอดทนเก็บความรักเพื่อใครสักคนมานานขนาดนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เพลย์บอย อย่างเขาไม่เคยเข้าใจสักนิด

เขาคิดว่ารักเป็นสิ่งสวยงามแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่จีรัง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีรักก็ควรรีบฉกฉวยความสุขจากรักนั้นไว้ก่อนที่มันจะจบลง และบังเอิญที่ความรักของเขามันก็ยาวพอแค่วันไนท์แสตนด์

“ไม่พอ” วิทยายกขวดเหล้าขึ้นซดอีก “ขอเถอะวันนี้ฉันอยากเมา ฉันอยากลืมเรื่องปืนให้หมด”

“เหล้ามันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะครับ” รติพัทธคว้าร่างบางที่กำลังซวนเซไว้ไม่ให้ล้มและสามารถชิงเอาขวดเหล้ามาจากคนเมาได้สำเร็จ

“ใช่!” วิทยาตอบขึ้นมาจากอ้อมอกที่เขายืนพิงไว้ “เหล้าไม่ใช่คำตอบแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ฉันลืมคำถาม... ลืมว่าครั้งนึงฉันเคยรักเขามากขนาดไหน”

รติพัทธโอบมือรอบแผ่นหลังชายหนุ่มที่สั่นสะท้าน “คุณอยากลืมจริงๆ เหรอ”

วิทยาชกมือเปะปะลงบนหน้าอกกว้าง “ใช่! เพราะงั้นส่งเหล้ามาให้ฉันได้แล้ว”

“เหล้ามันทำให้ตับพัง” รติพัทธกระชับวงแขนแน่นขึ้นเล็กน้อยและก้มหน้าลงกระซิบถ้อยคำที่ข้างหู “คุณลองอย่างอื่นดีกว่า นอกจากเมาแบบไม่ทำลายสุขภาพแล้วยังมีความสุขอีกด้วย”

“จริงสินายเป็นตำรวจนี่” ใบหน้าแดงก่ำของคนเมาเงยขึ้นมาด้วยความสนใจ “ไหนนายมียาอะไรมาเสนอฉัน”

“สัญญามาก่อนสิว่าถ้าลองแล้วคุณจะไม่เสียใจ”

“เอามาลองก่อนสิ”

ริมฝีปากกรีดยิ้มพราวระยับไปจนถึงนัยน์ตา “ถือว่าคุณสัญญาแล้วนะ”

ร่างสูงกว่าก้มหน้าลงต่ำและประกบริมฝีปากตนลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายที่แม้เมามายเต็มที่หากยังปิดสนิทอย่างขัดขืน แต่รติพัทธไม่เร่งรัดเขาขบเม้มกลีบปากบางพร้อมทั้งใช้ปลายลิ้นสัมผัสหยอกเย้าเบาๆ ก่อนจะถอนริมฝีปาก

“นายทำอะไรน่ะ” วิทยายกหมัดขึ้นเงื้อแต่แรงคนที่ไม่เคยออกกำลังกายซ้ำยังเมาหรือจะสู้คนออกกำลังทุกวันได้ 

“คุณสัญญาแล้วนะว่าจะไม่เสียใจ” รติพัทธกระซิบ ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่แถวจมูกอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน “มาเมาไปกับผมเถอะนะหมอจิว คืนนี้ผมจะดูแลคุณเอง”

“ผู้ชายฉวยโอกาสอย่างนายนี่มัน...”

“เอาเถอะครับจะด่าผมยังไงก็ได้เพราะผมไม่ใช่พระเอกของคุณมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่” สิ้นคำรติพัทธก็ประกบปากลงมาอีกครั้ง ที่ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่เต็มใจแต่คนตัวเล็กกว่าก็ยินยอมให้เขารั้งร่างเข้าแนบชิด

OOOOOO

วิทยาลืมตาตื่นขึ้นในความมืด แม้จะเมามายแต่เขาก็ไม่ได้ขาดสติถึงขั้นไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป นัยน์ตาเล็กตี่เหลียวมองร่างกำยำที่ตอนนี้เขาหนุนนอนต่างหมอนไว้ ร่างนั้นกำลังหลับสนิทสังเกตได้จากเสียงกรนเบาๆ ที่ลอดออกมาจากริมฝีปาก

วิทยาดันกายลุกขึ้นนั่งรู้สึกเวียนหัวอย่างที่สุดแต่มันคงจะดีกว่าถ้าเขาจะสามารถจากไปก่อนที่อีกฝ่ายจะลืมตาตื่น พอแล้วล่ะกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเพราะเพลย์บอยอย่างรติพัทธคงคิดไม่ต่างกัน ไม่สิ! หมอนี่ก็หวังแค่ร่างกายเรามาแต่แรกอยู่แล้วนี่ เขายันตัวจะลุกขึ้นยืนเมื่อพบว่าเอวของเขาถูกโอบรัดไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของผู้หมวดหนุ่ม

“ปล่อยได้แล้ว” วิทยากระซิบ หากร่างนั้นกลับขยับตัวเข้าหาและกอดแน่นขึ้นอีกราวกลับรู้ว่าเขากำลังพยายามจะหนีไป “อย่ามาทำเหมือนคนรักกันน่า” พึมพำในลำคอพร้อมทั้งออกแรงแกะแขนอีกฝ่ายออกจากตัวก่อนจะควานเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้องมาสวมใส่และกลับออกไปเงียบๆ

“เพิ่งสังเกตนะว่าแมนชั่นหมอนี่หรูเอาเรื่อง” วิทยาตั้งข้อสังเกตเมื่อมาถึงที่จอดรถและขับออกไป ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่หัววันเริ่มตกพรำๆ “เอาไงดีพรุ่งนี้เข้าเวรเสียด้วย จะกลับไปนอนบ้านหรือว่าไปอาบน้ำที่โรงพยาบาลดีนะ”

พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มสะท้อนแสงโบกไฟขอทางอยู่ข้างหน้า เขาแตะเท้าเหยียบเบรกทันที และลดกระจกลงถาม

“เกิดอะไรขึ้นเหรอน้อง”

“รถชนกันสามคันน่ะพี่ คนเจ็บเต็มเลย” คนในชุดหมีตอบ “พี่รีบไปเถอะรถติดจะแย่แล้ว เดี๋ยวรถพยาบาลจะฝ่าเข้ามาไม่ได้”

ได้ยินดังนั้นวิทยาก็ชิดรถเข้าข้างทาง เปิดไฟผ่าหมากและกระโดดลงจากรถ

“เฮ้ย! พี่ทำอะไรน่ะ ผมบอกให้พี่รีบไปไง”

“ผมเป็นหมอ” วิทยาตอบ “คนเจ็บอยู่ไหน”

“คุณหมอทางนี้ครับทางนี้” เจ้าหน้าที่กู้ภัยส่งสัญญาณเรียกเขามาจากกองของสิ่งที่เคยเป็นยานพาหนะสองคันที่ตอนนี้บี้แบนจนแทบจะเป็นคันเดียวกัน และถัดออกไปไม่ไกลรถอีกคันหงายหลังเอาล้อชี้ฟ้าสภาพยับเยินไม่ต่างกัน

วิทยาพุ่งไปที่ร่างคนเจ็บที่ยังติดอยู่กับซากรถฝั่งข้างคนขับ เขาไม่ได้สติแต่ยังคงหายใจ

“คุณหมอช่วยดูเขาไว้ทีนะครับ ระหว่างนี้พวกผมจะพยายามตัดเอาประตูนี่ออก”

“แล้วคอลล่าร์ (Collar) ล่ะครับ” วิทยาถามถึงอุปกรณ์สำหรับประคองคอขณะเคลื่อนย้าย

“คนเจ็บมีจำนวนมากเกินไปครับคุณหมอ อุปกรณ์ของเรามีไม่พอ” เจ้าหน้าที่กู้ภัยตอบ “ฝนตก รถติดแบบนี้จะรอหน่วยอื่นมาช่วยคงไม่ทันการ”

“เดี๋ยวก่อนครับ” วิทยาบอกพลางมุดเข้าไประหว่างช่องหน้าต่างที่แตกออก “พวกคุณอย่างเพิ่งขยับ ผมจะเซฟคอเขาไว้ด้วยมือเอง”

“คุณหมอมันอันตรายระวังตัวด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ ผมรู้ความเสี่ยงดี พวกคุณรีบจัดการเถอะ”

ในที่สุดเขาก็พาคนเจ็บออกมาได้ แม้จะในสภาพทุลักทุเลแต่ก็ปลอดภัยและใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดไว้

“คุณครับตื่นๆ” วิทยาเรียกปลุกจนคนเจ็บเริ่มรู้สึกตัว “คุณประสบอุบัติเหตุ ผมและหน่วยกู้ชีพกำลังช่วยคุณอยู่ คุณปวดคอไหมครับ”

คนเจ็บส่ายหน้า “ปวดหัว”

“ครับ คุณมีแผลที่หัวครับ” วิทยาบอก “คุณขยับนิ้วมือ ได้ไหมครับ” คนเจ็บทำตามอย่างว่าง่าย “นิ้วเท้าล่ะ... เยี่ยมครับ ตอนนี้ผมต้องไปดูแลคนอื่นคุณนอนรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะเอาเปลมารับคุณไปส่งโรงพยาบาลนะครับ “

“คุณหมอครับมาช่วยทางนี้หน่อยครับ”

“ได้ครับ” วิทยาลุกขึ้นยืนและกำลังออกวิ่งเหยาะๆ ไปเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูและพบว่ามาจากรติพัทธ เขากดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่ลังเล เพราะเขาไม่ยังอยากคุยและต้องการตั้งสมาธิกับการช่วยคนเจ็บตรงหน้ามากกว่าด้วย

“คุณหมอครับทางนี้ครับ”

วิทยาโบกมือให้สัญญาณว่าได้ยินแล้ว เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาดูอีก ได้แต่ปล่อยให้มันดังจนสายตัดไปเองอยู่อย่างนั้น

“เสียงโทรศัพท์คุณหมอหรือเปล่าครับ” หนุ่มกู้ชีพคนหนึ่งทักขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ปริศนาดังต่อเนื่องไม่หยุด กะคร่าวๆ อย่างน้อยก็น่าจะร่วมสิบสายแล้ว

“ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรหรอก” วิทยาบอกอย่างไม่ใส่ใจพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตัดสาย “รีบไปช่วยทางโน้นต่อเถอะ” พร้อมกับลุกเดินกึ่งวิ่งนำไปยังอีกฟากหนึ่งของถนนที่ยังมีคนเจ็บนอนอยู่

ทันใดนั้นท่ามกลางความมืดสลัว แสงไฟสูงจากไฟหน้ารถส่องกราดมาจนทำให้สองตาของเขาพร่ามัว วิทยาได้ยินเสียงบีบแตรยาวพร้อมกับเสียงตะโกนแต่ว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเขาไม่อาจตั้งตัว

“คุณหมอ! ระวัง!”

เอี๊ยด! โครม!

ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปราย วิทยานอนหงายอยู่บนพื้นถนนมองท้องฟ้าเวิ้งว้างสีดำสนิท นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรเพิ่งขึ้นกับเขา ร่างกายไม่รับรู้แม้กระทั่งความเจ็บปวด ไม่ได้ยินแม้เสียงอึกทึกรอบตัว สิ่งเดียวที่รับรู้ในตอนนี้คือเสียงโทรศัพท์ในมือที่ยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุด ซึ่งในที่สุดเขาก็ยอมกดรับสายและยกขึ้นแนบหู

‘หมอจิว นี่คุณอยู่ไหนทำไมจู่ๆ ก็ออกไปล่ะ บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าตื่นก่อนก็ให้ปลุกผมด้วยเดี๋ยวจะออกไปส่ง’ เสียงรติพัทธดังแหวกอากาศขึ้นมาทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดมากขนาดไหน

“ไม่จำเป็น” วิทยากรอกเสียงลงไป

‘ไม่จำเป็นได้ไงครับ’ รติพัทธยังไม่เลิกเสียงดัง ‘ก็ผมเพิ่งจะ... เอาเป็นว่าผมเป็นห่วงคุณนะครับหมอจิว ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณเถอะนะครับ’

“ไม่จำเป็น”

‘ไม่จำเป็นอะไรครับ นี่หมอจิว...’ และเขาคงจะโวยวายต่อเนื่องถ้าไม่ใช่ด้วยประสบการณ์ของการเป็นตำรวจทำให้เขาคุ้นชินกับเสียงไซเรนและนึกเอะใจทันทีในความไม่ปกติแม้มันจะเป็นเพียงเสียงที่ดังแว่วผ่านตามมาสายโทรศัพท์ก็ตาม ‘นั่นเสียงรถหวอนี่ เกิดอะไรขึ้น... ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนปลอดภัยดีใช่ไหม!’

ถึงตอนนี้วิทยาเริ่มขยับริมฝีปากตอบคำถามอย่างยากเย็น “ไม่เป็นไร” พูดได้เท่านั้นสติก็ดับวูบ โทรศัพท์หลุดจากมือตกลงข้างตัว ในขณะที่ปลายสายยังคงตะโกนเรียกไม่หยุด

เขาได้ยินเสียงที่กำลังตะโกนคล้ายคนกำลังเป็นบ้า เสียงคนโหวกเหวกโวยวาย ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเม็ดฝนที่หล่นกระทบหน้า แต่ทำไมนะเขาถึงไม่ได้ยินเสียง... หัวใจตัวเอง

*********************************************************************************************

ก็ยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวว่านี่ feel good
ที่แรกว่าจะลงแค่ครึ่งแรก แต่เราว่าเราโดนฆ่าปาดคอแน่เพราะมันค้างก็เลยกลั้นใจลงจนจบ
หมอจิวก็หลวมตัวเมาไปกับแล้วสินะ :hao5:
(มา! จะมมาม่า ไข่เจียว ไข่ลูกเขย เอามาเทรวมกันซะเลย... แต่เราอยากกินไข่หมอ เอ๊ย! ไม่ใช่!.... ไข่ไรดีแว้ ตบมุกตัวเองไม่ลงอ่า)

ตอนหน้า ไม่สปอยชื่อตอนล่ะ แต่จะแอบกระซิบว่าจะคลายปมแล้ว
เรื่องดำเนินมาจนเกือบจะถึง  'นาที่สุดท้ายของหัวใจ' เต็มที่แล้ว
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันเสมอมานะคะ^^ ทั้งRecommendดีๆ และรีวิวน่ารักๆ

ปล.แอบเห็นคนเชียร์น้องเทมส์... อยากบอกนี่ก็เชียร์ เบื่อหมอปืนเต็มทีล่ะ รักไม่รักก็เอาสักทีสิปัดโธ่ววววววววววววววววววว!

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-04-2015 03:13:58
นี่ขนาด feel good แล้วนะเนี่ย  :hao4:

หมอจิวคะเจ็บแต่อย่างน้อยหมอก็ไม่ได้ทรมาณอย่างเดียวดายนะคะ
อิลุงปืนคะ  ไม่เรียกหมอปืนแล้วนะ
แมนหน่อยน่า  ยึดอกบอกความจริงไปเลย
เลิกกับคุณดอกชะนีนั่นเสีย
เผลอๆยังทำงานต่อได้อีกนะถ้าหากว่าท่านผอ.รพ มีวิจารณญาญพอ
ท่านน่าจะรู้ดีแล้วยอมย้ายลูกสาวดีกว่า
อย่าได้ทำเวรทำกรรมกับมวลมนุษยชาติที่ต้องใช้บริการโรงพยาบาลท่านยด้วยการปล่อยให้ลูกสาวท่านทำงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2015 03:28:31
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 25-04-2015 04:21:32
 :katai1: :o12: o22 :a5: o22
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-04-2015 05:02:50
 :a5:  ห๊ะ จะจบแล้ว นาทีสุดท้ายของหัวใจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 25-04-2015 05:16:54
วิทยานี่อึดไปนะ พึ่งผ่านศึกมาแต่ก็ยังทำหน้าที่ไม่บกพร่อง
ขอให้วิทยาไม่เป็นอะไร  :call:

รอน้องพลุออกมาอธิบายเรื่องในอดีตอยู่นะคะ

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 25-04-2015 06:15:38
โอ้ว! อย่าเป็นอะไรนะหมอจิว

ส่วนหมอปืน รู้ใจตัวเองก้อดีแล้ว
รีบๆหน่อยเพื่อพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-04-2015 08:29:55
จะพยายามเชื่อ....Feel Good!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 25-04-2015 09:29:49
หมอจิวววว แงงง  :monkeysad: อย่านะ ๆ อย่าให้พี่หมอจิวเป็นอะไรไปนะ
ทั้ง ๆ ที่ทำความดีอยู่แท้ ๆ ช่วยคนเจ็บอยู่แท้ ๆ ทำไมต้องเจอแบบนี้ด้วย
หมอจิว ทุกข์ใจมาเยอะแล้วนะ กำลังจะได้มีความสุขแล้วด้วย
เชื่อว่า นายเมื่อรู้ใจตัวเองแล้ว ต้องทำทุกอย่างให้พี่หมอจิวรับรักให้ได้
แล้วก็เชื่อว่าไม่นานด้วย ที่พี่หมอจะตัดใจจากพี่ปืนได้ เมื่อมีนายเข้ามา
เพราะฉะนั้น ให้พี่หมอจิวได้มีความสุขในความรักเสียทีเถอะนะ อย่าใจร้ายกับพี่หมอจิว
ส่วนน้องพลุของเรา เก่งมากกกกก ปรบมือ :m4: เข้มแข็งมาก ๆ เลย โหย รักน้องพลุ
แอบสะใจนิด ๆ ด้วยล่ะ ที่เมินใส่พี่ปืน แหม แค่นี้นิดหน่อยนะพี่ปืน
น้องพลุเจ็บกว่าพี่มานานกว่าตั้งเยอะ (ซ้ำเติมพี่ปืนเข้าไป555)
น้องพลุ ทำอย่างนี้ก็ดี ไม่งั้นพี่หมอปืน ก็คงปิดหูปิดตา ไม่รับรู้เสียงหัวใจตัวเองอยู่นั่น
พี่อุ้ม พูดโดนใจ ถูกใจสาววายจริง ๆ  o13 รู้จักพี่หมอปืน ดีกว่าพี่หมอรู้จักตัวเองซะอีก
แต่ตอนแรก คิดว่าพี่อุ้มรู้แล้วซะอีกนะ ว่าคนที่พี่หมอรักจริง ๆ คือน้องพลุ
ในเมื่อรู้ใจตัวเองแล้วนะพี่หมอ ตอนนี้ก็ต้องอยู่ที่ จะทำอะไรต่อไปเพื่อความรักล่ะ
นิว จะร้ายขึ้นอีกแค่ไหน แล้วใครจะได้ผลกระทบต่อมาบ้าง นี่แหละที่กลัว
ตอนนี้เอาใจช่วยพี่หมอจิวที่สุด อย่าดราม่ามากกว่านี้เลยนะคะ ฮือออ  :sad4:
 
ใกล้จบแล้วเหรอคะ คู่ของน้องเทมส์เราอยู่ที่ไหนอ่ะ สงสารน้องเทมส์คนไร้คู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 25-04-2015 10:07:42
คุณหมอห้ามตายนะ ยังไม่ได้แก้แค้นอีตาตำหนวดเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 25-04-2015 10:41:44
รถเข้ามาชนได้ไงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: natpicko ที่ 25-04-2015 10:43:21
เย้มาต่อแล้ววว :o12:
แต่นี่feel goodจิงๆใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 25-04-2015 15:18:27
ถึงลงจบก็ค้างอยู่ดี 555555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 25-04-2015 15:58:29
หมดปืนไปยกเลิกงานแต่งกับหมอนิวแน่ ๆ  ......
นายนายส์ นายต้องบ้าตายแน่ ๆ เพราะหลงรักหมอจิวเข้าเต็มเปาซะแล้ว..555...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 25-04-2015 16:16:42
ผู้หญิงแบบนิวเป็นประเภทที่ยื้อไว้จนนาทีสุดท้าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า หมอปืนเปลี่ยนไปแล้ว แต่ตราบใดที่เขายังไม่พูดออกมา ก็ยังคิดว่า

ตนเองยังมีสิทธิหรือเปล่า  :hao5: :katai1: :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-04-2015 16:24:41
หมอปืนรู้ใจตัวเองสักทีนะ
พลุก็นะ ว่าจะขรึมก็ยังอดห่วงไม่ได้

สงสารหมอจิวจังเต็บทั้งใจเจ็บทั้งกาย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 25-04-2015 16:28:39
 :m15: อย่าเป็นอะไรน้าา 
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-04-2015 17:11:10
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
เรื่องนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
ทั้งการผูกปม การบรรยาย รายละเอียด แล้วก็มิติของตัวละคร
สมจริงไปหมด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 25-04-2015 19:23:50
หน่วง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-04-2015 21:57:09
เหยยยยย หนังชีวิต พลิกไปมาตลอดเวลา!!!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 26-04-2015 06:28:21
 :z3:  อะไรกันหนอๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-04-2015 10:05:31
เป็นกำลังใจให้พลุ
หมอปืนตัดสินใจดีๆ ชีวิตของตัวเองนะ
นิวนางร้ายมาก ไม่รู้จะทำอะไรอีก หมอแบบนี้น่ากลัว
หมอจิว น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 27-04-2015 15:20:00
หมอปืน ถ้าตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแล้วก็ต้องเด็ดขาดนะ
ความลังเลมันอาจจะทำให้ชีวิตหลังจากนี้ไปไม่มีความสุขเลยก็ได้
ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องแต่ง ไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ถ้าเขาพูดอะไรมาก็อย่าใจอ่อน
ต้องเด็ดขาด เข้มแข็ง แล้วก็แมนๆ เข้าไว้นะลุง

นี่ชอบอุ้มมากๆ เลย
ถ้าอุ้มเป็นสาววาย อุ้มจะต้องฟินมากแน่ๆ #เดี๋ยวๆ 55555555555

ตอนนี้คู่หมอจิวกับนายตำรวจแซ่บมาก
แต่ๆๆๆๆ

หมอจิวโดนรถชนคืออะไรรรรรรรรรรรรร  :hao5:

ทำไมมีลางสังหรณ์ว่ามันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุละ?
ฮือออออออออออ สงสารหมอนิว เจ็บใจแล้วยังต้องมาเจ็บตัวอีก

คุณตำรวจรีบออกมาจากแมนชั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ รับผิดชอบด้วย !


โอ้ยย นี่รอตอนหน้า คือหน่วงมาหลายตอนล่ะ ได้โปรดคืนความสุขให้น้องพลุกับหมอจิวด้วยนะคะพี่เลคกี้ 5555555555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 28-04-2015 03:00:37
ไม่ไหวแล้วน้ำตาจะไหล ทำไมมันเศร้า มันหน่วง มันอึมครึมแบบนี้ ใก้จะได้ยิ้มออกแล้วหรือยัง กินมาม่าจนอืดไปหมดแล้ว  :mew6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 03-05-2015 20:38:07
 :call:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 'เสียง' จากหัวใจ [25/04/58] p.12
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-05-2015 18:44:59
สงสารพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [13/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-05-2015 19:03:32
รอบทที่ 13 หัวมาแล้ว แต่วันที่เป็น 13/5/58
ลงพรุ่งนี้เหรอคะ เพราะวันนี้วันที่ 12 เองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [13/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 12-05-2015 19:15:24
บทที่ 13 ปาฏิหาริย์... ไม่มีจริง

“วันนี้มันวันซวยอะไรกันวะ!”

ปาวัสม์สบถกับตัวเองผ่านกองแฟ้มที่สูงท่วมหัวกับคนไข้ปริมาณมหาศาลซึ่งนอนรอตรวจที่
ห้องฉุกเฉิน ซ้ำร้ายวันนี้เขายังต้องอยู่เวรลำพัง ไม่มีเพื่อนรักอย่างวิทยามาคอยช่วยเสียด้วย “พระเจ้าลงโทษฉันใช่ไหมเนี่ย!”

คิดแล้วก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเองที่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำอะไรให้มันเด็ดขาดชัดเจนไปได้สักอย่าง เขาไม่มีความกล้าพอที่จะบอกเลิกรชญาต่อหน้าพ่อกับแม่ของเธอ และถ้าตัดความเอาแต่ใจออกไปรชญาเองก็เป็นผู้หญิงที่ดีจนน่าเสียดาย อีกใจหนึ่งเขาก็เกิดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อการเริ่มต้นรักผู้ชายด้วยกันสำหรับผู้ชายปกติที่เคยคบแต่กับผู้หญิงมาทั้งชีวิตอย่างเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

“อย่าเอาความซวยของตัวเองไปโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์” นุชนันท์ว่า วันนี้เธอไม่ได้อยู่เวรและแวะซื้อมื้อเย็นมาส่งปาวัสม์ตามสัญญาว่าจะอยู่ปลอบใจ

แม้สำนวนที่บอกเล่าผ่านปากของเพื่อนรักนั้นจะสร้างความผิดหวังให้คนสร้างความร้าวฉานอย่างเธออยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความเป็นห่วงว่าปาวัสม์จะกลับเข้าสู่ดาร์คโหมดอีกครั้ง นุชนันท์จึงตัดสินใจอยู่เกะกะเดินไปเดินมาเผื่อว่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งเธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆ เพราะสภาพในห้องฉุกเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยคนไข้ที่นอนรอแอดมิทล้นไปจนถึงประตูทางเข้า การช่วยหยิบๆ จับๆ เปิดเส้นให้น้ำเกลือบ้าง ฉีดยาบ้างแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ช่วยให้งานดำเนินไปได้เร็วขึ้นอีกโข

นุชนันท์ลอบมองคนที่กำลังยุ่งจนเครื่องหน้าแทบม้วนมาพันกันแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

...ยุ่งๆ แบบนี้แหละดีแล้ว จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน...

“คุณหมอปาวัสม์คะ” เสียงชโลธรเรียกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ปลุกร่างสูงตื่นจากภวังค์ “เกิดเหตุรถชนบนทางด่วน มีคนบาดเจ็บยี่สิบรายเจ้าหน้าที่กู้ภัยขอนำส่งโรงพยาบาลเราห้ารายค่ะ”

นัยน์ตาคมเหลียวมองนอกหน้าต่างที่ฝนเม็ดใหญ่สาดกระทบเป็นสาย เสียงฟ้าร้องครืนครางดังต่อเนื่องไม่หยุดราวกับฟ้ากำลังร้องไห้และเรียกหาบางสิ่งบางอย่าง ความทรงจำเมื่อหกปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง

...คืนวันฝนตก รถชนและคนตาย...

ปาวัสม์สะบัดศีรษะไล่ความคิดที่กำลังจะเตลิดไปไกล “ได้ๆ” เขาหันไปตอบรับพลางหันไปเรียกแพทย์ประจำบ้านให้ไปรับเวรทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย

...วันนั้นไม่มีใครตายเสียหน่อย... คิดอะไรบ้าๆ เป็นลางไม่ดีเลยเนี่ยเรา...

ไม่ถึงห้านาทีต่อมาแพท์ประจำบ้านคนเดิมก็วิ่งกระหืดกระหอบหน้าซีดกลับมาหาเขา
“มีเคสอะไรบ้าง”

“สี่เคสแรกไม่น่าห่วงครับแต่อีกเคส...” แพทย์ประจำบ้านตอบไม่เต็มเสียง “คนไข้เสียเลือดมากจนหัวใจหยุดเต้นตอนนี้กำลังทำ CPR ระหว่างนำส่งครับ”

ปาวัสม์พยักหน้ารับ “พวกนายลุยได้เลยเดี๋ยวพี่ขอเคลียร์ตรงนี้ก่อนมีอะไรก็เรียกนะ”

“พี่ปืนไปรอรับเคสกับพวกผมดีกว่าครับ” แพทย์ประจำบ้านตอบเสียงสั่นแต่เขาก็ยุ่งเกินกว่าจะเอะใจอะไร

“มั่นใจหน่อย นายทำได้อยู่แล้ว” ปาวัสม์ให้กำลังใจเพราะคิดว่าหมอใหม่คงจะแค่กลัวกับการรับเคสอาการหนัก “

“พี่ปืนมารับเองดีกว่าครับ” แพทย์ประจำบ้านยังรบเร้าไม่เลิก “พี่อุ้มก็มาช่วยด้วยนะครับ”

“ได้สิ” นุชนันท์ที่เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลรับคำพลางเดินเร็วๆ ไปฟังอาการคร่าวๆ จากชโลธรที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า
และเพียงแค่อึดใจเดียวเธอก็วิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับคว้าต้นแขนร่างสูงบีบเสียแน่น “ปืน... คนไข้อาการไม่ค่อยดีเลย อะดรีนาลีนยี่สิบแอมป์ในรถ CPR คงไม่พอ
ฉันจะไปขอเบิกจากห้องยาฉุกเฉินมาสแตนบายไว้เพิ่ม ส่วนนายรีบไปรอรับเคส... เดี๋ยวนี้เลยนะ!!” กำชับเสียงดังแกมบังคับ

ปาวัสม์ส่งคนไข้ที่ตรวจค้างไว้ให้คนอื่นดูต่อและพุ่งไปหน้าประตู ก็พอดีกับเสียงหวอของรถกู้ชีพดังกระหึ่มขึ้น เขาหันไปหาแพทย์ประจำบ้านที่ต้องวิ่งเหยาะๆ ตามมาถึงจะทัน
“รายงานเคสมาหน่อย”

“ผู้ป่วยชายไทยอายุสามสิบถูกรถยนต์ชน เบื้องต้นพบกระดูกต้นขาขวาหักแบบเปิด คนไข้เสียเลือดมากยังไม่สามารถหยุดเลือดได้ครับ”

“คนไข้ชื่ออะไร”

“นำคนไข้มาส่งครับ” เสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยดังแทรกขึ้นพร้อมกับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก

ภาพร่างโชกเลือดที่ปรากฏตรงหน้าพร้อมกับเสียงแพทย์ประจำบ้านพูดชื่อคนเจ็บอย่างตะกุกตะกักทำเอาร่างสูงตกใจแทบสิ้นสติ

“วิทยา...”

“จิว!” ปาวัสม์ตัวชา “นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้” สิ่งที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังรายงานมานั้นราวกับเป็น
เสียงไร้ความหมายที่วิ่งเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา เพราะสิ่งที่เขากำลังได้ยินนั้นช่างน่ากลัวและยากเกินกว่าจะทำใจ

“คนไข้เสียเลือดมากครับ หัวใจหยุดเต้นในที่เกิดเหตุ เราได้ใส่ท่อช่วยใจและทำการ CPR ต่อเนื่องมาโดยตลอดแต่จนถึงตอนนี้ชีพจรยังไม่กลับมาเลยครับ”

“หมอปืน ช่วยที”

แม้แต่เสียงทุ้มของภาวัฒน์ที่ดังฝ่าอากาศขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายก็ยังไม่ช่วยดึงความสนใจเขาเลยสักนิด

“คือ...” เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่กำลังรายงานอาการชะงักไปเล็กน้อย “คนไข้หัวใจหยุดเต้นมาเกินสามสิบนาทีแล้ว เลือดก็ยังไม่ยอมหยุดไหล อันที่จริงเราอยากจะหยุดกระบวนการช่วยชีวิตแต่เจ้าหนุ่มนั่นไม่ยอม เขาขอร้องให้นำส่งที่นี่โดยด่วน แถมกระโดดขึ้นปั๊มคนเดียวโดยไม่ยอมเปลี่ยนมาตลอดทาง”

ปาวัสม์เหลียวมองอีกครั้ง ภาพของเด็กหนุ่มในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มที่นั่งคร่อมร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงถ่ายทอดสู่สมองพร้อมกับเสียงพยาบาลสาวสวยประจำห้องฉุกเฉินรายงานอาการคนไข้

“ยังไม่มีชีพจรค่ะ” น้ำเสียงของชโลธรราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นัยน์ตากรีดอายไลเนอร์คมกริบรื้นน้ำตาน้อยๆ

“หมอปืน” เด็กหนุ่มในชุดหมียังคงตะโกนเรียกเขาไม่หยุด

“แต่...” ปาวัสม์ยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก การนวดหัวใจมีประสิทธิภาพสูงสุดแค่สี่นาทีแรก หลังจากจากนั้นโอกาสรอดจะลดลงทุกๆ หนึ่งนาทีและนี่เวลาผ่านมาร่วมสี่สิบนาทีแล้ว มันไม่มีหวังแล้ว จะมีก็แต่ปาฏิหาริย์เท่านั้น

ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกอีกครั้ง รชญากระหืดกระหอบเข้ามาขอบตาทั้งสองแดงก่ำ เธอรับทราบเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วและพยายามจะเข้ามาช่วยเจรจาเพื่อหยุดกระบวนการช่วยชีวิต “พอได้แล้วค่ะ มันไม่มีปาฏิหาริย์หรอกค่ะ”

“ผมไม่เชื่อในปาฏิหาริย์!”

ภาวัฒน์ตะโกนแข่งกับเสียงที่วุ่นวายในห้องฉุกเฉิน เสียงของเขาดังมากเสียจนคนทั้งห้องหันมามอง แต่เขาไม่ได้ตอบรชญา
เขากำลังบอกใครอีกคนที่เอาแต่ยืนเหม่อและไม่ยอมตัดสินใจทำอะไรสักอย่างต่างหาก

“แต่ผมเชื่อในตัวคุณหมอ”

เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงนอกห้องฉุกเฉินทำให้ภาพคืนวันฝนตกเมื่อหกปีที่แล้วย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดของปาวัสม์อีกครั้งมันทับซ้อนสนิทพอดีกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำ เหมือนภาพจิ๊กซอว์ที่ขาดหายถูกหาจนเจอและนำมาเติมเต็มในช่องว่าง

ท่ามกลางสายฝนที่ซัดสาดลงมาอย่างหนัก ปาวัสม์พยายามกดโทรศัพท์แจ้งตำรวจและศูนย์กู้ชีพ  แต่ในขณะที่กำลังรายงานอาการอยู่นั้นเองที่เขาตกใจเสียงฟ้าผ่าจนทำโทรศัพท์หลุดมือตกลงข้างทาง

ร่างสูงไถลตัวลงไปเพื่อหาโทรศัพท์และสิ่งที่พบอยู่ข้างกันคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นอนจมกองเลือด ด้วยความตกใจลนลานเพราะตำรวจที่ยังอยู่ในสายเริ่มเอ็ดด้วยเกรงว่าเขาอาจเป็นพวกแกล้งโทรมาแจ้งความเท็จ เขารีบรายงานอาการคนเจ็บต่อก่อนจะวางหูและหันไปสนใจเด็กชายที่กำลังร้องไห้ขอความช่วยเหลือจนเสียงแหบแห้ง

ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง เขาเหลียวมองไปรอบๆ หาความช่วยเหลือ ท่ามกลางแสงวับแวมนั้นเองที่เขาเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งล้มอยู่ในกอหญ้าไม่ไกลจากร่างของเด็กชาย ซึ่งเขาก็มัวแต่ตกใจจนลืมมันไปเสียสนิท

“มันไม่มีหรอกปาฏิหาริย์ หรือถ้าจะมีมันก็คือคุณน่ะแหละหมอปืน หกปีก่อนคุณทำให้มันเกิดขึ้นมาแล้วและผมนี่แหละคือผลของปาฏิหาริย์นั้น!” นัยน์ตาสีดำขลับมองจ้องคุณหมอหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่ง

ปาวัสม์มองตอบสายตาคู่นั้น และเขาแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเองหรือฝันไปเมื่อสายตาคู่นั้นในความทรงจำทับซ้อนสนิทกับสายตาคู่ที่กำลังมองตรงมายังเขาในตอนนี้ และประกายในแววตานั้นเองที่เป็นดั่งกระแสไฟฟ้าช่วยกระตุ้นหัวใจซึ่งเกือบจะหยุดเต้นไปแล้วของเขาให้กลับมาสูบฉีดอีกครั้ง

“ตามหมอศัลย์” เขาตะโกนสั่งการรักษา “เตรียมทีมผ่าตัด จองไอซียู” บรรดาแพท์ประจำบ้านและนักเรียนแพทย์มองหน้ากันเลิกลั่กแต่ก็ยินยอมปฏิบัติตามทันทีโดยไม่มีข้อแม้
“เปิดเส้นให้น้ำเกลือเพิ่มสองเส้น แมตช์ชิ่งเลือดเตรียมไปห้องผ่าตัด และเอาเลือดกรุ๊ปโอโรเตเตอร์มาโหลดให้ก่อนสองถุง”

“แต่พี่ปืน” รชญาคว้ามือปาวัสม์ ริมฝีปากเคลือบสีกุหลาบสั่นระริก เธอไม่ได้ทำใจได้แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ “พี่ปืนรู้ดีนี่คะ พี่รู้... นี่มันจะครบชั่วโมงนึงแล้วนะคะ ฉันรู้ว่าพี่เสียใจแต่พี่ต้องตั้งสตินะคะ”

“ขอโทษนะคะ” นุชนันท์เดินตัดหน้ารชญาเข้ามากลางวง พลางหันไปหันหาชโลธรและวางของที่เธอถือมาลงบนรถบรรจุอุปกรณ์ช่วยชีวิต “พี่เอายาอะดรีนาลีนมาเพิ่ม ถ้าไม่พอก็บอกนะ” ก่อนจะหันไปสบตาร่างสูง “ทำให้เต็มที่ปืน แล้วทั้งนายและฉันจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง”

ใบหน้าที่เครียดขมึงจนแทบจะขมวดเป็นปมคลายออกได้ในที่สุด ปาวัสม์พยักหน้าและวิ่งไปยืนข้างเตียงโดยปราศจากความลังเลอีกต่อไป “เตรียมเปลี่ยนนะพลุ”

ภาวัฒน์พยักหน้าและส่งต่อให้คุณหมอหนุ่มทำการ CPR ต่อ

“กลับมานะจิว” ปาวัสม์กระซิบลอดไรฟัน “อย่าเพิ่งจากฉันไปไหนนะ กลับมาก่อน มันก็แค่เสียเลือดมากเองเพื่อน สู้สิ และฉันจะสู้ไปกับนาย”

กระบวนการช่วยชีวิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจทั่วทุกระยางค์ของวิทยาก็ถูกต่อสายระโยงระยางเพื่อให้เลือด น้ำเกลือและยากระตุ้นหัวใจแบบหยดต่อเนื่องถึงสองชนิด

และในอีกไม่กีนาทีต่อมาเมื่อสามารถหยุดเลือดที่ไหลเป็นสายน้ำได้บวกกับปริมาณสารน้ำที่หมดไปสองขวดกับเลือดอีกสองถุง ก็มาถึงนาทีระทึกเมื่อปาวัสม์หยุดนวดหัวใจเพื่อตรวจหาชีพจร

ทุกคนเหลียวมองเครื่องตรวจจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในขณะที่ปาวัสม์ทาบนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนางวางที่ตำแหน่งข้างคอตรงเส้นเลือดคาโรทิด(Carotid) และเริ่มต้นนับถอยหลัง

...ห้า... สี่... สาม...

ทันใดนั้นเองปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงแรงอ่อนๆ ที่พุ่งมากระทบนิ้วมือ

“แบรดดี้คาเดีย 30 ครั้งต่อนาทีครับ ความดัน 40/20 mmHg” เสียงแพทย์ประจำบ้านคนหนึ่งรายงานรวดเร็ว
(Bradycardia:ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจในผู้ใหญ่น้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที)

ปาวัสม์กลั้นหายใจ มันยังเร็วเกินกว่าจะดีใจเมื่อกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจบนหน้าจอเริ่มสะดุดอีกครั้งและยืดออก
“ฉีดอะโทรปีนหนึ่งแอมป์” เขาสั่งการรวดเร็ว “คนไข้ยังตอบสนองต่อการให้สารน้ำ โหลดน้ำเกลือต่อตามเลือดมาให้อีกสองถุง”

หากในเสี้ยววินาทีที่เริ่มมีหวังนั้น จู่ๆ คลื่นไฟฟ้าบนหน้าจอก็สะดุดและกลายเป็นเส้นตรงอีกครั้ง

“CPR ต่อ” ปาวัสม์ตะโกนบอก เขาเซไปเล็กน้อยเพราะเหนื่อยจนหน้ามืดและในจังหวะที่เกือบจะเสียเวลาไปอย่างเรียกคืนไม่ได้นั้นเองที่นุชนันท์วางเข็มฉีดยาลงและกระโดดขึ้นทำการช่วยนวดหัวใจต่อ

“อย่าดูถูกพยาบาลอายุรกรรมนะ” นุชนันท์กระซิบพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจซึ่งกันและกัน “นายไม่จำเป็นต้องแบกมันไว้คนเดียวปืน นายมียังฉัน มีพลุและทีมอีกหลายคนที่พร้อมจะสู้ไปกับนาย”

“ขอบคุณนะอุ้ม” ปาวัสม์ยิ้มตอบพร้อมกับเหลือบตามองร่างโชกเลือดที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าที่เคยซีดเซียวจนน่าใจหายเริ่มกลับมามีสีเลือดฝาด “ฉีดอะดรีนาลีนหนึ่งแอมป์หลังจากนั้นทุกสามนาที” เขาหันไปบอกแพทย์ประจำบ้านและนักเรียนแพทย์ “เอ็กเทิร์นคนไหนว่างไปยืนฉีดเลือดอย่ามัวแต่งง” และหันกลับมาหาสาวร่างอวบอีกครั้ง “อีกสามสิบวินาทีเตรียมเปลี่ยนนะอุ้ม”

“อืม”

เมื่อครบสองนาทีปาวัสม์ทำการเช็คชีพจรอีกครั้งแต่มันยังคงไม่กลับมา เขารีบทำการนวดหัวใจต่อทันที

สองแขนปวดล้าจนแทบหลุด การนวดหัวใจหนึ่งวงรอบกินเวลาแค่สองนาทีแต่มันต้องใช้ทั้งพลังใจและพลังกายอย่างมหาศาล ความเหนื่อยล้าคืบคลานเกาะกินหัวใจคุณหมอหนุ่มให้พ่ายแพ้

แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้... ไม่ใช่ในสองนาทีนี้!

“นายกำลังสู้อยู่ใช่ไหมจิว” ปาวัสม์กระซิบ “สู้นะเพื่อน เราจะสู้ไปด้วยกัน”

ในที่สุดก็มาถึงนาทีหยุดหัวใจอีกครั้ง ปาวัสม์หยุดกดหน้าอกและกลั้นใจรอ

คราวนี้นุชนันท์เป็นคนรับหน้าที่จับชีพจรเอง เธอเงียบไปอึดใจที่ราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ก่อนจะประกาศด้วยเสียงดังฟังชัด “ชีพจรร้อยยี่สิบ” พร้อมทั้งหันไปกดเครื่องวัดความดันซึ่งแสดงตัวเลขที่แม้จะยังต่ำมากแต่ก็น่าพอใจทีเดียว “ความดัน 80/40 mmHg”   

“สำเร็จ!” ปาวัสม์กระซิบเสียงแหบ “หยุดCPR”

เกิดเสียงร้องตะโกนพร้อมกันทั่วทั้งห้องฉุกเฉินโดยไม่ได้นัดหมาย ปาวัสม์ก้าวลงจากเปลซวนเซแทบล้มทั้งยืนด้วยความโล่งอก แต่เขายังจะล้มไม่ได้ “โหลดน้ำเกลือต่อ ตามเลือดมาให้อีกสองถุง”

“ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วค่ะ”

ทันทีที่เสียงใสๆ ของชโลธรตะโกนบอก ปาวัสม์รวบรวมแรงฮึดขึ้นมาอีกหนึ่งครั้งและเป็นผู้นำเข็นเตียงพาเพื่อนรักเขาไปส่งถึงหน้าประตูห้องผ่าตัด

“ฝากด้วยนะครับ” เขาบอกกับทีมผ่าตัดที่รีบเข็นเปลเข้าสู่ห้องด้านใน

ประตูห้องผ่าตัดปิดลงตรงหน้าราวกับใบมีดตัดโซ่เหล็กที่ชื่อว่าความรับผิดชอบซึ่งพันมัดร่างเขาไว้ออก ตอนนี้ตัวเขาเบาโหวงเสียจนน่าใจหาย

ปาวัสม์ยังยืนนิ่งมองบานประตูนั้นไม่ไปไหน ราวกับเขากำลังภาวนาและอ้อนวอนขอให้มันเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับที่เพื่อนรักของเขาเดินกลับออกมา

************************************************TBC******************************************

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [13/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 12-05-2015 19:26:15
บทที่ 13(ต่อ) ปาฏิหาริย์... ไม่มีจริง

“หมอปืน”

ฝ่ามือหนึ่งกำลังจะเอื้อมมาสัมผัสแผ่นหลังอย่างลังเล หากนาทีนี้ปาวัสม์ไม่ลังเลและไม่รออะไรอีกต่อไปแล้ว เขาหมุนตัวกลับรวดเร็วและคว้ามือเด็กหนุ่มในชุดหมีดึงเข้ามาสวมกอดแนบแน่น “ขอบคุณพลุ ขอบคุณจริงๆ ที่เด็กคนนั้นเป็นนาย ขอบคุณ”

เขาพร่ำพูดคำนั้นซ้ำๆ ข้างหูและกอดไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าร่างตรงหน้าจะสลายหายไปเพียงแค่คลายวงแขน นาทีนี้สิ่งที่ทำให้หัวใจอ่อนล้ามีกำลังสู้ต่อคือเสียงหัวใจเต้นอีกดวงที่เขาสัมผัสได้ผ่านผนังอกที่แนบชิดกัน

“นายทำดีที่สุดแล้วปืน” นุชนันท์ตบบ่าร่างสูง

“ขอบใจนะอุ้ม” ปาวัสม์ปล่อยมือจากเด็กหนุ่มและคว้าตัวหญิงสาวร่างอวบมากอด เขาซุกหน้าลงบนบ่าเธอ พยายามจะซ่อนน้ำตาไว้ไม่ให้ใครเห็น “ขอบใจที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด ฉันรักแกจริงๆ”

“ใจเย็นๆ ปืน จิวจะปลอดภัย” นุชนันท์บอกพลางยกสองแขนขึ้นโอบหลังเพื่อนรักไว้ “พวกนายสองคนช่วยคนมาเยอะ บุญที่ทำไว้มันต้องย้อนกลับมาพวกนาย ไปล้างหน้าล้างตาซะไป แล้วมานั่งรอจิวด้วยกันนะ”

“อืม” ปาวัสม์พยักหน้าและยอมปล่อยหญิงสาวออกจากวงแขนเดินไปห้องน้ำ

“ขอบใจนายมากนะ” นุชนันท์หันไปบอกกับเด็กหนุ่มที่ยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่กับเธอแค่สองคน
“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย จิวคงมาไม่ถึงที่นี่”

“ผมแค่พยายามทำดีที่สุดครับ”

นุชนันท์มองเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนและเลือดของเพื่อนรักของเธอ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นบางก่อนจะกระตุกมุมขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้ม ...ถ้าหากจะต้องปล่อยมือเพื่อนรักให้ใครมาดูแล ตอนนี้เธอคิดว่าพร้อมวางใจให้ ‘ใครสักคน’ แล้วล่ะ “ฝากไปดูปืนหน่อยสิ ไปนานจังไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า นายเองก็น่าจะไปล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยนะเปื้อนเลือดเต็มเลย”

ภาวัฒน์เลิกคิ้ว เพราะปาวัสม์ยังไปไม่ถึงสองนาทีเสียด้วยซ้ำแต่เขาก็ยอมเดินไปตามที่เธอบอก

“ท่าทางคุณมีอะไรอยากพูดกับฉันนะ” นุชนันท์เปรยขึ้นเบาๆ ทันทีที่เด็กหนุ่มคล้อยหลัง อันที่จริงเธอเห็นรชญายืนหลบมุมแอบดูเหตุการณ์อยู่นานแล้ว

ได้ยินดังนั้นรชญาจึงเดินออกมาจากที่ซ่อนและยกมือขึ้นกอดอกอย่างไว้เชิงตามแบบฉบับของเธอ “เป็นคุณใช่ไหม”

“คุณพูดเรื่องอะไร” นุชนันท์ถามกลับ

“วันนี้พี่ปืนไปบ้านฉัน” รชญาพูดช้าๆ ทว่าชัดเจน “อาทิตย์ก่อนฉันกับพี่ปืนคุยกันเรื่องแต่งงาน แต่แล้วสิ่งที่เขาบอกกับคุณพ่อของฉันกลับไม่ใช่สิ่งที่ตกลงกับฉันวันนั้น” ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มเป็นเส้นบางเฉียบก่อนจะระเบิดออกมา “เขาบอกว่าแต่งงานกับฉันไม่ได้อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“แล้วยังไง” นุชนันท์ย้อนถามพยายามเก็บซ่อนอาการไม่ให้ดีใจจนออกนอกหน้า

...ทำไมนะการที่ได้ยินจากปากเธอมันถึงได้สะใจกว่ากันเยอะเลย...

“ฉันสงสัยเรื่องระหว่างพี่ปืนกับคุณมานานแล้ว พี่ปืนไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากคุณ อะไรๆ ทุกอย่างในชีวิตก็ต้องมีคุณเข้ามาเอี่ยว อย่างล่าสุดตอนที่เขาบอกว่าไปทำงานที่เชียงใหม่คุณก็ลาพักร้อนไปทำธุระโดยไม่บอกใครสามวันเหมือนกัน”

นุชนันท์กรอกตาขึ้นข้างบน นึกถึงคืนวันอันแสนสุขที่เพื่อนรักอุตส่าห์หาตั๋วเข้าแฟนมีตติ้งแบบพิเศษสุดๆ ของนักร้องเกาหลีวงที่เธอชื่นชอบแถมด้วยตั๋วเครื่องบินไปกลับชั้นเฟิร์สคลาสพร้อมที่พักเป็นโรงแรมระดับห้าดาวมาเป็นเครื่องบูรณาการขอคืนดี เธอหลุบตาลงมาเผชิญกับความเป็นจริงอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหยัน “ธุระของฉันไม่จำเป็นต้องบอกใครโดยเฉพาะคุณ”

“คุณไปกับพี่ปืนมาใช่ไหม”

“เปล่า” นุชนันท์ไหวไหล่ “ปืนไปทำงาน ส่วนฉันก็ไปธุระของฉัน”

“ถ้าไม่ได้ไปด้วยกันแล้วทำไมหลังจากวันนั้นคุณมีถุงของฝากจากเชียงใหม่มาแจกจ่ายคนที่วอร์ดล่ะ” รชญาเริ่มเสียงดังอย่างเหลืออด

“นั่นมันก็แค่ของที่ปืนซื้อมาฝาก” นุชนันท์บอกตามตรง “แคปหมูน้ำพริกหนุ่มกับไส้อั่วอีกสิบกิโล เป็นคุณจะกินคนเดียวหมดหรือไง”

“ของฝากอะไรถึงได้มีแค่ของคุณคนเดียว แม้แต่หมอจิวยังไม่ได้ จนป่านนี้แล้วยอมรับมาเถอะพวกคุณสองคนมีอะไรกันใช่ไหม”

“เลิกบ้าได้แล้ว” นุชนันท์พูดเริ่มเวียนหัวกับเรื่องที่รชญาคิดไปเอง “เลิกทำให้เพื่อนรักของฉันต้องเจ็บปวดเพราะจินตนาการและอาการหึงหวงบ้าๆ ของคุณเสียที”

“คุณก็เลิกยุ่งกับเขาก่อนสิ” รชญายังไม่ยอมลดราวาศอก “ถ้าคุณเป็นเพื่อนกันจริงก็ปล่อยเขาไปสิ อย่ามายุ่งกับเขาอีก”

“ฉันรู้จักกับปืนมายี่สิบปี คุณรู้จักปืนมานานเท่าไหร่” นุชนันท์พูดช้าๆ ชัดๆ “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครเรอะ!  เรื่องของคุณกับฉันมันเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณกลับไปทำให้หัวเย็นลงซะก่อนเถอะคุณรชญา ใช่! ฉันไม่ชอบหน้าคุณ แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่จิวกำลังโคม่าและปืนต้องการกำลังใจ ถ้าคุณรักปืนจริงทำไมไม่เข้าใจและยืนอยู่ข้างๆ เขาล่ะ ให้กำลังใจเขาสิไม่ใช่มาโวยวายไร้สาระแบบนี้”

แต่รชญาไม่ยอมหยุดง่ายๆ “ถ้าไม่มีอะไรงั้นแล้วเมื่อกี้พี่ปืนกอดคุณทำไม เขาบอกรักคุณทำไม”

นุชนันท์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนัก และที่สำคัญเรื่องนี้เธอไม่ใช่นางเอก แต่เป็นนางร้ายและถึงเวลาแล้วสินะที่เธอต้องร้ายให้ถึงที่สุด “ใช่! ปืนบอกรักฉัน อิจฉาเหรอคะ”

เพี๊ยะ!

“เกิดอะไรขึ้น” ปาวัสม์ที่เพิ่งเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมภาวัฒน์มองผู้หญิงสองคนสลับกันไปมา “อุ้ม... นิว”

“ปืน... นิวตบฉัน” นุชนันท์บอกและเธอไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเลยในเมื่อแก้มของเธอแดงไปทั้งแถบและมันก็เจ็บจริงๆ... แต่ก็เทียบได้แค่มดกัดน่ะนะ

“นิวเปล่านะคะพี่ปืน” รชญาพูดเสียงสั่น “พี่ปืนอย่า...”

“พอได้แล้วนิว”

“แต่พี่ปืน” รชญาพยายามแก้ตัว

“พี่บอกให้พอไง” ปาวัสม์พูดเสียงดัง “ขอร้องล่ะตอนนี้พี่เครียดเรื่องจิวเรื่องเดียวก็มากเกินพออยู่แล้ว นิวเลิกเอาแต่ใจแล้วก็เลิกหาเรื่องอุ้มได้แล้ว พี่กับอุ้มเป็นแค่เพื่อนกันเราไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ”

“พี่ปืน”

“ถ้านิวไม่เชื่อใจพี่ เราก็จบกันแค่นี้แหละ” ปาวัสม์ตัดบทพร้อมกับหมุนตัวเดินหลบฉากไปสงบสติอารมณ์

“เดี๋ยวก่อนสิปืน” นุชนันท์พยายามจะเดินตามปาวัสม์ไปแต่รชญาคว้าแขนเธอไว้

“เรายังคุยกันไม่จบนะ”

“แต่ฉันจบแล้วและไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีก”

“อี...” รชญาเรียกพร้อมกับเงื้อมือขึ้นข้างหนึ่ง

“พูดให้ดีนะคุณรชญา” นุชนันท์พูดลอดไรฟัน “แล้วมือนั่นอะไร แน่ใจแล้วนะว่าจะตบฉันอีกรอบน่ะ ฉันให้โอกาสคุณไปครั้งนึงแล้วนะ ฉันจะยอมให้อีกครั้งก็ได้ เอาสิ! ตบฉันสิ แต่จำไว้นะว่าถ้าครั้งนี้ฉันไม่ล้ม... คุณนั่นแหละที่จะล้มและไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลย!”

OOOOOO

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

“หมอปืนใจเย็นๆ นะครับ” ภาวัฒน์ที่เดินตามมาสัมผัสแผ่นหลังคุณหมอหนุ่มเบาๆ “หมอปืนแค่กำลังโกรธและสับสน ไหนจะเรื่องหมอจิวอีก”

“ช่างมันเถอะ!” ปาวัสม์ตัดบท “ฉันไม่อยากได้ยินอะไรอีก ขออยู่เงียบๆ คิดอะไรสักพัก”

“ครับ” คนในชุดหมีหมุนตัวกลับแต่ปาวัสม์กลับเรียกเขาไว้

“แล้วนั่นนายจะไปไหนน่ะ”

“ก็หมอปืนอยากอยู่เงียบๆ”

“อยู่เงียบๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่คนเดียวนี่” ปาวัสม์คว้ามือเด็กหนุ่ม แล้วดึงเข้ามาใกล้ “เลิกหลบหน้าฉันสักทีเถอะพลุ”

“ผมไม่ได้หลบหน้าหมอปืนสักหน่อย” แต่ในขณะที่พูดเช่นนั้นคนผมน้ำตาลกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง

ร่างสูงซบหน้าลงบนบ่าเด็กหนุ่ม “ถ้างั้นอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าการจะผ่าตัดจะเสร็จ” นาทีที่เหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดนี้เขาต้องการที่พักใจเพื่อช่วยทำให้ใจสงบ และเขาก็ค้นพบแล้วว่าที่แห่งนั้นอยู่กับคนตรงหน้าเขานี่เอง

ภาวัฒน์ยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออกทั้งที่สมองสั่งการให้จากไป ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ของเขา “ครับ” แต่ปากกลับทำตามคำเรียกร้องของหัวใจ “ผมจะอยู่จนกว่าหมอจิวจะปลอดภัย”

“นายเป็นเด็กคนนั้นจริงๆ ใช่ไหม” ปาวัสม์กระซิบถาม แม้ตอนนี้จะแน่ใจแล้วแต่ยังอยากได้คำยืนยันจากปาก “ในที่สุดฉันก็นึกออก ตอนแรกฉันไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์เพราะทั้งรถทั้งนายตกลงข้างทางไปด้วยกัน ฉันเลยเห็นแค่รถเก๋งและสองพ่อลูกที่ติดอยู่ในรถ พอมาเจอนายที่เลือดท่วมตัวทีหลังก็เลยตกใจลนลานแล้วจำสับสนกันไปหมด... สิ่งที่ฉันทำเพื่อสองพ่อลูกนั่นก็แค่โทรตามคนมาช่วย แต่คนที่ฉันช่วยไว้จริงๆ คือนายใช่ไหม บอกมาสิพลุช่วยยืนยันหน่อยว่าฉันไม่ได้แก่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม”

“ผมยังไม่เคยว่าหมอปืนแก่สักคำเลยนะ” ภาวัฒน์หันควับมาตอบโดยอัตโนมัติ

ปาวัสม์ยิ้ม ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมหันมามองหน้าเขาตรงๆ “ตกลงนายเป็นเด็กผู้ชายคนนั้นจริงๆ สินะ แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนช่วยชีวิตนาย”

ภาวัฒน์ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบของที่เขาพกติดตัวไว้ต่างเครื่องรางออกมาส่งข้ามไหล่ให้คุณหมอหนุ่ม “นี่ครับ”

ปาวัสม์รับแผ่นกระดาษในซองพลาสติกใสขนาดใหญ่กว่านามบัตรที่มีรูปของเขาติดอยู่มาดู “หาอยู่ตั้งนานนึกว่าหายไปไหน ที่แท้อยู่ที่นายนี่เอง” ความทรงจำเมื่อหกปีที่แล้วค่อยๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ตอนนั้นเขาพยายามจะใช้ตัวการ์ตูนโดเรมอนที่คล้องไว้บนป้ายชื่อล่อให้เด็กคนนั้นหยุดร้องไห้ เด็กชายเอื้อมมือมาคว้าไว้และยังคงกำมันไว้แน่นแม้หัวใจจะหยุดเต้น

“พ่อเก็บไว้ให้” ภาวัฒน์อธิบายต่อ “และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่ครับที่จะถามจากพี่พยาบาลหรือใครๆ แถวนั้น ตอนนั้นเรื่องของหมอปืนดังมากเลยนะในโรงพยาบาลที่ผมพักรักษาตัวน่ะ ความจริงหมอปืนน่าจะมาแสดงตัวหน่อย มีแต่คนอยากเจอคุณหมอ”

“ขอโทษนะ แต่เรื่องราวของฉันหลังจากนั้นมันไม่น่าจดจำเลยน่ะสิ” ปาวัสม์หัวเราะฝืดๆ ลงคอ “เพราะวันที่เกิดเรื่องน่ะเป็นวันที่ฉันอยู่เวร ด้วยความขี้เกียจประกอบกับไม่มีคนไข้เลยแอบอู้ออกไปกินเหล้าข้างนอก พอโดนพี่พยาบาลโทรตามก็รีบบึ่งรถกลับแล้วดันไปเจออุบัติเหตุนั่นเสียก่อน... ถึงจะทำดีกลับมาแต่ความผิดยังมีติดตัว ฉันโดนอาจารย์หมอลงโทษให้เข้าเวรยาวไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน และนับจากวันนั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่ฉันอยู่เวรก็ไม่เคยมีวันไหนสบายจะต้องยุ่งเป็นอีเพิ้งเซิ้งยันเช้าทุกทีไป จนใครๆ เขาพากันแลกเวรหนีหมดแล้วเนี่ย”

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกครับ” ภาวัฒน์บอกทั้งรอยยิ้มก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นและตัดสินใจพูดสิ่งที่อยากพูดมาตลอดหกปีออกไป “ขอบคุณหมอปืนมากนะครับที่ช่วยชีวิตผมไว้ในวันนั้น”

“ความจริงนายก็ไม่น่าปิดไว้นานขนาดนี้เลยนะ น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้” ปาวัสม์ยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีน้ำตาลที่เปียกชื้นอย่างเอ็นดู “เจ้าเด็กตัวจ้อยคนนั้นมาวันนี้ตัวจะโตกว่าฉันอีกนะเนี่ย”

“ก็ผมกลัวนี่นา” ภาวัฒน์กระซิบเสียงแผ่ว “หมอปืนก็รู้หมดแล้วนี่ว่าผมทำอะไรไว้ ความประมาทของผมเกือบทำคนตายเลยนะ”

“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ นายไม่ได้ตั้งใจขับปาดหน้าแต่เพราะฝนตกหนัก รถมันเลยลื่นไม่ใช่เหรอ รถที่ขับสวนมาก็เลยหักหลบจนเกิดอุบัติเหตุ” ปาวัสม์บอกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบศีรษะภาวัฒน์อีกครั้ง “ตอนนี้นายก็สำนึกผิดแล้วเลยอยากจะช่วยคน แต่เพราะเป็นหมอไม่ได้เลยมาเป็นกู้ชีพใช่ไหม”

ภาวัฒน์พยักหน้า

“รู้ตัวว่าผิดแล้วสำนึกได้ก็ดีแล้วล่ะ”

“แต่ก็ยังไม่ดีพอจะให้ผมมีหน้าเข้ามาแสดงตัวกับหมอปืนนี่นา”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “อะไรจะขนาดนั้น”

“ก็มันจริงนี่ครับ หมอปืนเป็นถึงหมอชื่อดังประจำห้องฉุกเฉิน ในขณะที่ผมเป็นเด็กเมื่อวานซืน มหา’ลัยก็ไม่ได้เรียน ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพายอะไรสักอย่าง”

“ไม่หรอก แค่เป็นอย่างที่นายเป็นนี่ก็ดีพอแล้วล่ะ”

“ยังดีไม่พอหรอกครับ” ภาวัฒน์ยืนยัน

ปาวัสม์คว้าไหล่เด็กหนุ่มและดึงให้หันมาสบตา “แต่มันพอดีสำหรับฉันนี่ อย่างวันนี้นายก็เพิ่งช่วยชีวิตเพื่อนรักของฉันไว้ ขอบใจจริงๆ นะพลุ”

“ถ้ามันจะช่วยหมอปืนได้ ไม่ว่าอะไรผมก็ยินดีครับ” ภาวัฒน์กรีดยิ้มพร้อมนัยน์ตาที่รื้นน้ำตา... เพียงพอแล้วกับสิ่งที่ตั้งใจไว้... หลังจากนี้จะต้องเจ็บปวดอีกมากแต่ไม่เป็นไร เขารู้ว่าจะผ่านมันไปได้เพราะมันคงไม่ยากเกินกว่าการเอาชนะความตายที่เคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่งหรอก


************************************************TBC**************************************

ขอโทษที่อัพไม่ตรงวันนะค้า...
แต่หวังว่าตอนนี้แบบเต็มๆ จะช่วยไถ่โทษได้ 
ไม่มีดราม่าแล้ว สัญญา(ไม่มีจริง... ห๊ะ?!)
อีกไม่กี่ตอนจะจบล่ะ

ปล. แอบเห็นน้องหมอมาเมนท์... คิดจะเป็นหมอER คิดดีๆ นะคะ เจอคู่เวรเซิ้งยันเช้าแบบหมอปืนแล้วจะขยาด555 ล้อเล่นค่าาาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [13/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 12-05-2015 19:26:41
รอบทที่ 13 หัวมาแล้ว แต่วันที่เป็น 13/5/58
ลงพรุ่งนี้เหรอคะ เพราะวันนี้วันที่ 12 เองอ่ะ
ขอโทษค่ะ เค้ามึน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-05-2015 19:40:49
อ้างถึง
“ทำให้เต็มที่ปืน แล้วทั้งนายและฉันจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง”
คุณอุ้มคะ  คุณเป็นนางเอกในใจเราค่ะ  ขอให้ได้แฟนเป็นอปป้าที่ดีพร้อมในทุกๆด้านนะคะ

จากตอนนี้ขอให้หมอปืนคิดได้ว่านิวไม่เหมาะสมด้วยประการทั้วปวงนางสอบตกในทุกๆโจทย์ ในเง่ของหมอ แฟน หรือแง่ของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน  อยากให้อุ้มซัดนางจนหาหมอศัลย์ไม่ได้สักที  ในใจเรานะนึกถึงภาพนางโดนมัดติดต้นไม้ที่มีรังมดแดงไฟแล้วทาตัวนางด้วยน้ำผึ้งค่ะ

พลุคะ บอกหมอปืนไปให้หมดเลยนะคะลูก เปิดใจไปเลยรวมทั้งเรื่องที่รชญามาแบล็คเมล์ไว้ด้วย ขอให้หมอจิวผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยค่ะ  หาที่ดามใจเป็นคุณตำรวจก็แล้วกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2015 19:54:24
ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-05-2015 20:22:30
อ่านตอนนี้แล้วโคตะระลุ้นเลยค่ะ
ส่งหมอจิวเข้าห้องผ่าตัดแล้วโน่นแหล่ะ
ถึงได้หายใจหายคอเต็มท้องเต็มปอดหน่อย
ก็ยังรู้สึกดีกับหมอปืนที่มีเหตุผลเลิกกับหมอนิว
ถึงจะไม่ใช่เรื่ิงหึงแบบหน้ามืดตามัวอย่างเดียวก็ตาม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 12-05-2015 20:23:00
เห็นอาการหมอจิวแล้วเหลือบขึ้นไปมองชื่อตอนอีกที
ฮือออออออออออ ทำเอาเราใจหายใจคว่ำไปหมดเลยค่ะ
หวังว่าหมอจิวจะออกจากห้องผ่าตัดมาแบบปลอดภัยนะคะ
ตอนที่ซีพีอาร์กันอยู่ในลุ้นเหมือนอยู่ในเหตุการณ์มาก นี่ถ้าหมอจิวเป็นอะไรไป
ไม่ใช่แค่หมอปืนกับพี่อุ้มนะคะที่จะเสียใจ คนอ่านด้วยค่ะ แงงงงงงงงงง  :hao5:

ตอนนี้คือรักพี่อุ้มมากกกกกกกกกกกก ยกให้เป็นนางเอกของเรื่องไปเลยค่ะ TvT
รอวันที่จะได้ตบกับหมอนิวมานานล่ะ กร้ากกกกกกกกก เชียร์มากค่ะ จริงๆ น่าจะมีฉากตบคืนด้วยนะคะเนี่ย /อินแรงมาก
หมอนิวงี่เง่ามาก อ่านแล้วอยากสิงพี่อุ้มเข้าไปตบนางเองเหลือเกิน คือไม่ใช่อะไร เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้มาแล้ว
อ่านตอนนี้ก็เลยยิ่งรู้สึกอินเป็นพิเศษเลยค่ะ 55555555555555

เอาจริงตอนนี้ก็ยังแอบเคืองหมอปืนอยู่นิดๆ นะที่ยังไม่เด็ดขาดเรื่องหมอนิว
การจะทำใจยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายเนี่ยมันไม่ง่ายขนาดนั้น ซึ่งประเด็นนี้เราเข้าใจนะ
แต่เรื่องที่ยังไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆ เนี่ยคืออยากจับลุงมาเขย่ารัวๆ มากว่าจะเยื้อไว้ทำไม
หมอปืนเห็นหมอนิวเป็นผู้หญิงที่เหมาะสม โอเค แต่บางทีคนที่เหมาะสมก็อาจะไม่ใช่คนที่ทำให้เรามีความสุขได้นะคะ
อยากให้ลุงหมอทำความเข้าใจกับตัวเองตรงจุดนี้เร็วๆ รัวๆ ค่ะ เพราะการเยื้อไปเนี่ยก็มีแต่จะเสียกับเสีย
ควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่มันจะบานปลายจนปฏฺิเสธอะไรไม่ได้ สุดท้ายถ้าได้แต่งงานกับหมอนิว แล้วพออยู่ๆ ไปหมอปืนรู้สึกว่าไม่มีความสุขขึ้นมาเนี่ย มันจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิมนะ เพราะงั้นปฏิเสธไปเห๊อะ จะได้จบๆ เนอะๆ สู้ๆ นะลุง /ตบบ่าแปะๆ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: pixie ที่ 12-05-2015 20:43:43
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง แต่หมอปืนมีจริง  o13

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ แต่แอบอ่านมานาน พอดีเรียนสายสุขภาพ อ่านไปฟินไป  :o8:

สารภาพว่าตอนแรกๆเคยจิ้นหมอปืนเคะแหละค่ะ ตอนนี้ก็ยังแอบหวังๆนะคะ :katai2-1:

ว่าแต่แฟนหมอปืนมีเมล์หรือเฟซไหม จะเอาthaiboysloveไปแปะหน้าwall 55 นางมี sensitivity ต่อความวายต่ำมากจริงๆ สงสารนาง555

คนเขียนสู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2015 20:44:02
อร๊ายยย. หมอจิวสู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 12-05-2015 20:51:08
ใจหายยยย ห่วงหมอจิว ชื่อตอนทำหัวใจจิวาย
แต่ก็จริงนะปาฏิหารย์น่ะไม่มี มีแต่สองมือกับกำลังใจของทุกคนที่ช่วยกัน o13

ลุงปืนคะ หัวใจอยู่ที่ไหน รู้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วไงหญิงนิวไม่เคลียร์อ่ะ

ลุงนี่แก่ไม่พอ เคลื่อนที่ก็ช้านะเรื่องความรัก :katai5:

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 12-05-2015 20:53:46
ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 12-05-2015 21:10:59
 :laugh:  ตอนนี้สะใจกับคุณพยาบาลอุ้มม๊ากกกกก เป็นเราจะตบซ้ายขวาแบบ เจ๊อุไรตบอิแย้มเลย

เอาตามตรงเราไม่ชอบหมอนิวมาตั้งแต่ต้นเรื่องละนะ  คือว่านางค่อนข้างจะเอาแต่ใจ และเห็นแก่ตัวมากๆๆๆๆ อ่ะ

ใครจะบอกว่านางน่าสงสารหรืออะไรเรามองว่านางร้ายมาตั้งแต่ต้นเรื่องละ แค่รอวันแสดงธาตุแท้ เราคิดว่านางไม่เข้าใจคำว่ารัก

ความรักในแบบหมอนิวที่เราสัมผัสได้คือการครอบครอง ไม่ใช่รักจริงๆหรอก นางกันทุกคนที่เข้าใกล้ลุงหมอ แม้แต่เพื่อนนางก็ไม่เว้น

แม้แต่วิธีการที่เขี่ยๆคนรอบข้างออกไปยังเลวร้ายเลย รอดูว่าต่อไปนางจะอัพเกรดความร้ายถึงระดับไหน

หมอจิวปลอดภัยด้วยเถ๊อะะะะะ  :katai1:   ถึงแม้จะไม่ชอบอิตาน้องของหมอนิวเท่าไหร่แต่ตื่นมาให้เราฟินก่อนนน  :mew2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-05-2015 21:56:58
ลุ้นให้หมอจิวปลอดภัย
หมอปืนรู้ใจตัวเองแล้ว จัดการให้เด็ดขาด
นิวนางจะร้ายไปไหน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-05-2015 22:31:38
 :m20: อวสารพยามาร นิว รึป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 12-05-2015 22:36:24
หวยไปออกที่อุ้ม ผิดคนแล้วค่ะเธออ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-05-2015 00:10:47
เฮ้อ..ลุ้นยิ่งกว่าลำซิ่่ง...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 13-05-2015 00:54:41
 :monkeysad: :o12: :mew2: :mew4: :mew6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 13-05-2015 04:47:25
ตอนแรกที่เห็นชื่อตอนที่แทบจะไม่กล้าอ่านเลยทีเดียว
หวังว่าตอนหน้าคงไม่มีหักมุมแบบหมอจิวช็อกตายให้ห้องผ่าตัดนะคะ ไม่งั้นคนอ่านอาจจะหัวใจล้มเหลวตายตาม

 :ling3: :ling3: :ling3:

รอตอนหน้านะคะ

ป.ล. หวังว่าคงไม่มีตอนไหนที่น้องพลุหนีกลับเชียงใหม่ด้วยน้าาา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-05-2015 05:15:57
หมอปืนเดินหน้าต่อเลย น้องพลุมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 13-05-2015 07:55:47
โหย  เห็นชื่อตอนแล้ว ยังไม่กล้าอ่าน ต้องไปแอบดูคอมเม้นท์คนอื่นก่อนเลย
ค่อยยังชั่วที่หมอจิวน่าจะปลอดภัยแล้ว ว่าแต่ นายรติพัทธอยู่ไหนเนี่ย
ป่านนี้แล้ว ยังไม่เห็นหน้า อย่างนี้จะดูแลหมอจิวได้จริงหรือเปล่านายน่ะ เชอะ
ตอนนี้ น้องพลุก็ได้ใจเราไปอีกแล้ว  :กอด1: (ที่จริงก็ได้ทุกตอนแหละ 555)
ที่หมอจิวมาถึงมือพี่หมอปืนได้อย่าง ยังมีหวัง ก็เพราะความไม่ตัดใจของน้องพลุเลยนะ
ไม่แปลกที่จะได้ใจพี่อุ้มไปเต็ม ๆ ส่วนยัยนิว เหนื่อยหน่ายเกินจะพูดถึงผู้หญิงคนนี้ เฮ้อ
ส่วนพี่หมอปืนนะ มีเรื่องให้ขัดใจได้ทุกตอนสิน่า ตกลงพี่ปืนจะเอายังไงกับชีวิตกันแน่ห้ะ  :m16:
เหลาะแหละโลเลเสียเหลือเกิน พี่อุ้มพูดไปตั้งเยอะคราวก่อนนี่ ช่วยอะไรบ้างไหม
พี่หมอปืน เสียดายยัยนิวใช่ไหม แน่ใจเหรอว่าตัดเรื่องเอาแต่ใจ รชญาก็คือผู้หญิงที่ดีน่ะ
งั้นก็แต่งกันไปเลยเถอะ อยากรู้เหมือนกัน จะมีครอบครัวที่มีความสุขกับผู้หญิงคนนี้ได้หรือเปล่า
ไป ๆ มา ๆ เราก็เริ่มจะเสียดายน้องพลุแล้วเหมือนกันนะ ถ้าพี่หมอยังไม่เด็ดขาดซะทีเนี่ย  เฮ้อ  :เฮ้อ:
เอาใจช่วยหมอจิว ขอให้หายไว ๆ แล้วมีความสุขเสียทีนะ   :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-05-2015 13:30:43
น้ำตาจะไหล

ทำให้เต็มที่ แล้วเราจะไม่เสียใจภายหลัง

รักอุ้มมาก นางเป็นคาแรคเตอร์ที่เรารู้สึกว่ามีอยู่จริง ไม่ได้เข้าใจเพื่อนหรือเห็นใจแบบเวอร์วังอลังการ  แค่รักเพื่อน รับเพื่อนแบบที่เป็น และปราถนาดี

ขอบคุณนะอุ้ม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-05-2015 16:46:41
เห็นชื่อตอนแล้วใจหายวาบ พออ่านมาเจอคำพูดน้องพลุถึงค่อยเข้าใจ
หมอนิวคะช่วยไปไกลๆ หน่อยอย่ามาทำตัวเป็นสัมภเวสีแถวนี้เดี๋ยวจะโดนอุ้มปาข้าวสารเสกใส่นะ
หมอปืนเคลียร์ให้ชัดๆ ค่ะ ระวังจะทำพลุหลุดมือ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 12 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [13/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 16-05-2015 01:29:54
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ ถ่ายทอดซะจนลุ้นทุกฉากเวลาพลุเเละเหล่าคุณหมอต้องออกโรงเเข่งกับเวลา เเถมมาม่าคั่นในตอนก็สมจริงซะ...จนเค้ากินมาม่าจนอืดเลย 5555  :laugh:

ก่อนอื่นต้องตระโกนดังๆเลยว่าเพื่อนลืมคำว่า'โบ้ท'ออกจากสารระบบการเเยกเผ่าผันเเล้วใช่ใหมห่ะ?? :fire: :angry2:
(พวกนิยายฝรั่งที่คู่พระนายล่ำพอๆกันในบางเรื่องก็จะได้รับบทพลัดกันเสริฟ'ฟุทลองชีสลาวา'เเละ'ความฟิน'ถึง'ประตูหลัง'ของอีกฝ่าย) :hao7: :hao6:
ก็ฝากเรื่องนี้ไปให้อาหมอก็น้องพลุเก็บไปคิดตอนที่จะโซเดมาคอมนะ 5555

กราบคุณพี่อุ้มงามๆเลย...เดี่ยวช่วยสมทบทุนกะหมอปืนส่งให้เธอไปเกาหลีอีกรอบเมื่อเหล่าอปป้าของเธอ'คัมเเบ้ก' :katai4:

สรุปยัยลูกผ.อ.ไม่ได้ร้ายเพราะถูกยัดเยียดบทเเต่ดันร้ายลึกลงไปในสันDarn+ไม่เเคร์ชาวบ้านเเบบ "นางเอกหน้าใหม่ที่เจ๊ออฟปองเเอนด์เดอะเเก๊งค์ไม่ปลื้มอยู่ ณ เวลานี้"  :m16: หนูค่ะที่นี่เล้าเป็ดไม่ใช่ช่องทีวีดิจิตอลนะค่ะที่จะมาคอยคิดต่างอย่างเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-05-2015 04:35:38
พี่อุ้มนี่...นางเอกเลยนี่หว่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 13 ปาฏิหาริย์...ไม่มีจริง [12/05/58] p.13
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-05-2015 18:32:30
เข้ามา Done ค่ะ เข้ามา Done
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 24-05-2015 18:14:35
บทที่ 14 ความจริง... จากใจ(ครึ่งแรก)

การผ่าตัดช่วยชีวิตวิทยาเป็นไปอย่างราบรื่น สาเหตุที่เลือดออกมากเป็นเพราะกระดูกโคนขาข้างขวาหักไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งทีมแพทย์ศัลยกรรมเส้นเลือดกับแพทย์ศัลยกรรมกระดูกได้ทำการเย็บเส้นเลือดและต่อกระดูกด้วยการดามเหล็กจากภายนอกเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้วิทยาได้ถูกเคลื่อนย้ายมาพักฟื้นที่ห้องไอซียู โดยยังคงใส่ท่อช่วยหายใจทางปากและมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มตัว แต่โดยรวมแล้วถือว่าอาการคงที่ ที่เหลือก็เพียงแค่รอเวลาให้เขาฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

”หมอจิวจะตื่นไหมครับ” ภาวัฒน์ถาม รู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำการนวดหัวใจสำเร็จและหัวใจกลับมาเต้นจะตื่นขึ้นอีกครั้ง บางคนก็ตื่นขึ้นมาแบบไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นเนื่องจากสมองได้รับออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน แต่ที่แย่ที่สุดคือการเป็นเจ้าชายนิทรา

“ตื่นสิ ฉันเชื่อมั่นในฝีมือการ CPR ของนายนะ” ปาวัสม์ยิ้มด้วยใบหน้าที่อิดโรย เพราะนับตั้งแต่วิทยามาอยู่ในห้องไอซียูเขาก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่างและตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนับจากเกิดเรื่อง และเป็นยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ปาวัสม์ไม่ได้หลับสักตื่น ส่วนเรื่องกินหรือดื่มนั้นไม่ต้องถามถึงเลย

“ถ้าเชื่อกันขนาดนั้น ก็ไปพักสักหน่อยสิ” นุชนันท์ที่เพิ่งเดินเข้ามาแกล้งประชดเพราะสองคนเล่นตัวติดกันตลอดเวลาจนเธอนึกหมั่นไส้ “ตาดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว ไม่ก็ไปหาอะไรกินบ้าง ถ้านายเกิดเป็นลมล้มพับขึ้นมาอีกคนมิแย่รึ”

“เธอไปกินกับพลุกันสองคนเถอะ” ปาวัสม์บอกเสียงลอยๆ “ฉันไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน” เสียงหวานปนดุดังจนแทบตวาด “เลือกเอาว่าจะไปกินเองดีๆ หรือจะให้ฉันฟาดด้วยไม้หน้าสามแล้วลากไปกรอกน้ำข้าวต้ม”

“หมอปืนกับพี่อุ้มนี่สนิทกันดีจังนะครับ “ภาวัฒน์มองเพื่อนรักสองคนทะเลาะกันเพราะความเป็นห่วงและอดยิ้มตามไม่ได้

“ก็คบกันมาตั้งยี่สิบปีแล้วนี่นะ” นุชนันท์หันไปมองร่างที่ยังนอนไม่ได้สติบนเตียง “จิวก็ด้วย... พวกนายเป็นเหมือนครอบครัวของฉันเลยนะ”

สาวร่างอวบเม้มปากจนเป็นเส้นบางกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย เมื่อหวนนึกถึงวันที่ทำให้พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน

ผู้หญิงอย่างเธอไม่เคยกลัวใคร ยิ่งเมื่อรวมกับร่างกายที่สูงใหญ่เกินเพื่อนในวัยเดียวกันมาตั้งแต่เด็กทำให้ทุกคนต่างพากันคิดไปเองว่าเธอเข้มแข็ง ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็ไม่เคยสนใจ เธอดูแลตัวเองได้

และเธอก็คิดเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันที่เธอล้มกลิ้งลงในวิชาบาสเก็ตบอลสมัยม.ต้น ร่างสูงใหญ่พยายามยันตัวลุกขึ้นยืน ไม่มีใครสักคนที่จะเอ่ยปากถามว่าเธอเจ็บไหม ทุกคนก็แค่คิดเหมือนเดิมว่า ‘เธอไม่เป็นไร’

แต่เสียงกร๊อบ! เบาๆ ที่ข้อเท้าข้างขวาบอกให้รู้ว่ามันบาดเจ็บเกินกว่าจะรับน้ำหนักตัวไหว และในขณะที่กำลังจะล้มลงอีกครั้งนั้นเองที่มือคู่หนึ่งจากเด็กผู้ชายคนละคนเอื้อมมาช่วยประคองแขนไว้

เสียงกรีดร้องระงมด้วยความอิจฉาดังขึ้นรอบสนาม แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยคาดหวังความช่วยเหลือจากเพื่อนผู้ชาย แล้วใครกันล่ะจะไปคาดฝันว่าเพื่อนร่วมห้องที่เป็นคู่หูสุดหล่อขวัญใจคนทั้งโรงเรียนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ

‘เกือบไปแล้วไหมล่ะ’ เด็กผู้ชายหน้าตี๋บอก ตอนนั้นตัวของเขาสูงแค่ไหล่เธอเสียด้วยซ้ำ ‘เดี๋ยวเราพาไปห้องพยาบาลนะ’
‘ไม่เป็นไร เราไปเองได้’ เธอตอบ

‘อย่าปากแข็งน่า’ เด็กผู้ชายอีกคนที่หน้าคมเข้มกว่าบอกทั้งรอยยิ้ม ‘รีบไปกันเถอะ’

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกปรนนิบัติอย่างเท่าเทียม(หรือบางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ)เช่นเดียวกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ นับจากวินาทีนั้นเองที่ความสนิทสนมก่อเกิดขึ้น
และเป็นนาทีที่เธอตั้งใจจะไม่ให้ใครมาทำให้เพื่อนของเธอต้องเจ็บและมีน้ำตา

มันอาจจะเป็นเรื่องราวเล็กๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญแม้ในสายตาของวิทยากับปาวัสม์ แต่สำหรับเธอมันมีค่ามากจนไม่มีสิ่งใดจะมามอบให้ได้ นอกจากความเป็น ‘เพื่อนแท้’

“ตื่นสักทีสิแกมัวแต่หลับอยู่ได้”

สิ้นเสียงนุชนันท์เสียงเครื่องช่วยหายใจที่ใส่ไว้ก็ดังเตือนเป็นจังหวะ ลักษณะไม่ใช่ของการไอหรือมีความผิดปกติใด แต่เกิดจากแรงต้านเหมือนคนไข้กำลังพยายามหายใจด้วยตนเอง

“ปืนนายมาดูจิวหน่อยเดี๋ยวฉันจะไปตามน้องพยาบาลที่เคาน์เตอร์”

ร่างสูงโผรีบไปข้างเตียงและคว้ามือของวิทยามากุมไว้แน่น “จิวตื่นแล้วเหรอ ตื่นแล้วก็ลืมตาขึ้นมาสิ เฮ้! จิว นายได้ยินฉันไหม”
แต่นัยน์ตาเล็กตี่ที่บวมช้ำยังคงปิดสนิท ปาวัสม์ซบหน้าลงกับฝ่ามือขาวซีดของคนเจ็บ หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่ริมหางตา ไม่อาจฝืนหัวใจบอบช้ำได้อีกต่อไปเมื่อนิ้วเรียวขยับตอบรับสัมผัสเบาๆ

OOOOOO

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วอุ้ม”

หนุ่มหน้าตี๋ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหมอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียูพูดประโยคนี้เป็นรอบที่สี่ในห้วงเวลาไม่ถึงห้านาทีหลังถอดท่อช่วยหายใจออกเพราะสาวร่างอวบในชุดพยาบาลเม้มปากและทำท่าจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้เห็นเพื่อนรักกลับมายิ้มและพูดคุยกับเธอได้อีกครั้ง

“แกห้ามหนีฉันไปไหนอีกนะ” ในที่สุดนุชนันท์ก็อดไม่ไหว เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้และรวบตัววิทยามากอด

“ไม่ไปไหนแล้วจ้า” วิทยาหัวเราะเสียงของเขาแหบแห้งจากการใส่ท่อช่วยหายใจ และยกมือที่ยังมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางขึ้นแตะหลังหญิงสาวเบาๆ

“สัญญานะ” ปาวัสม์วางมือข้างหนึ่งลงบนบ่าวิทยาและบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง

นัยน์ตาเล็กตี๋ช้อนขึ้นสบนัยน์ตาคมพร้อมรอยยิ้มกว้าง “สัญญา”

“ฉันไปทำงานดีกว่า” นุชนันท์ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงและใช้หลังมือปาดดวงตาที่แดงก่ำเร็วๆ ครั้งหนึ่ง “ฝากดูแลจิวด้วยนะปืน แล้วเย็นๆ ฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะ” เธอพูดฝากฝังกับปาวัสม์และกอดลาวิทยาอีกครั้งก่อนจะกลับออกไป

หน้าห้องไอซียูนั้นเองที่พยาบาลสาวพบกับใครอีกคนหนึ่งที่น่าจะมารอดูอาการของวิทยาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

“คุณรติพัทธคะ” นุชนันท์เรียกนายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบที่เอาแต่เดินวนไปวนมา รู้สึกตกใจเป็นล้นพ้นไม่แพ้คนที่โดนทัก

“คุณนุชนันท์” รติพัทธรู้อาการทั้งหมดของวิทยาจากรชญา แต่ด้วยความที่เกือบๆ จะเป็นคนนอกและนึกละอายในสิ่งที่ทำกับชายหนุ่มก่อนจะเกิดเหตุจึงทำให้ไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมในห้อง “หมอจิวเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“อาการคงที่แล้ว” นุชนันท์ตอบคำถามแค่ครึ่งเดียว

รติพัทธถอนหายใจอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่ว ผมขอเข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยได้ไหมครับ”

นุชนันท์เม้มปากอย่างชั่งใจ “ฉันขอคุยอะไรด้วยสักครู่ได้ไหม”

“พูดมาเลยครับ” รติพัทธเปิดประเด็นทันทีโดยไม่รอช้า เขาอยากจะพบวิทยาใจจะขาดอยู่แล้ว

“คุณชอบ... ไม่สิ! คุณรักเพื่อนฉันจริงๆ เหรอ”

“หมอจิวบอกคุณเหรอ”

“ฉันเป็นเพื่อนกับเขามายี่สิบปี ถึงไม่มีใครบอกแค่มองตาฉันก็รู้ทุกอย่างแล้วล่ะ”

“คุณนี่สุดยอด มิน่าล่ะพี่นิวถึงได้หึงคุณนัก” รติพัทธว่า “ใช่! ผมรักหมอจิว”

นุชนันท์เหยียดริมฝีปาก “เพลย์บอยแถมเป็นไบอย่างคุณน่ะนะ ฉันไม่เชื่อหรอกแล้วฉันก็ปฏิญาณไว้เด็ดขาดแล้วด้วยว่าจะไม่ให้คนนามสกุลนี้มาแตะต้องเพื่อนรักของฉันได้”

“เรื่องของคุณสิ! ผมไม่สนหรอกว่าคุณหรือใครจะว่ายังไง เพราะตอนนี้ผมแคร์หมอจิวคนเดียวขอแค่เขาฟื้นขึ้นมาผมยอมทุกอย่างเลย”

นุชนันท์เลิกคิ้ว “แล้วถ้าเขาไม่ฟื้นล่ะ”

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“ถ้าหากจิวไม่ตื่นและกลายเป็นเจ้าชายนิทรา คุณจะทำยังไงจะยังรักเขาเหมือนเดิมหรือเปล่า” พยาบาลสาวแกล้งถามลองใจ

“แล้วทำไมเขาถึงจะไม่ตื่นล่ะ” รติพัทธถามกลับ “เขาต้องตื่นสิ ก็พี่ปืนปั๊มหัวใจจนเขากลับมาเต้นได้เหมือนเดิมนี่”

“ตราบใดที่เขายังไม่ฟื้นก็บอกอะไรไม่ได้หรอก” นุชนันท์แสร้งทำเสียงสั่น “แล้วคำตอบล่ะ ว่ายังไงคะตกลงคุณจะยังรักจิวเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ฉันว่านะ คุณตัดใจจากจิวแล้วไปหาผู้หญิงสวยๆ รวยๆ คนอื่นดีกว่า อย่ารอเขาเลยค่ะ”

“ผู้หญิงสวยแค่ไหนก็แทนที่เขาไม่ได้” เสียงของรติพัทธเครือต่ำ

นุชนันท์เลิกคิ้วอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าฟังผิดไปหรือเปล่าแต่ความเจ็บปวดในแววตาที่เห็นสอดรับกันดีกับเรื่องราวที่ออกจากปาก

“ผมพอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขาตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กับผมแล้ว” รติพัทธบอก “ผมทั้งโทรหาพี่นิว โทรไปที่สน. โทรไปหากู้ชีพให้ช่วยติดต่อว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมแทบทำอะไรไม่ถูก ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และพอพี่นิวโทรหา บอกว่าหมอจิวกำลังจะ...” ผู้หมวดหนุ่มสบตาพยาบาลสาว สีหน้าเจ็บปวดราวกับโลกทั้งใบแตกลงตรงหน้า “ผมนึกว่าหัวใจสลายไปแล้ว... เพราะฉะนั้นคุณนุชนันท์ ต่อให้เขาจะไม่ตื่นหรือจะตื่นมาในสภาพไหนก็ไม่เป็นไรขอแค่ให้ผมได้ดูแลเขาเถอะ อย่างน้อยผมก็จะไม่ทำให้เขาเจ็บเหมือนที่หมอปืนทำ”

“ทำเป็นพูดดีไป” นุชนันท์กวาดตามองร่างกำยำที่แต่งกายไปคนละทางราวกับคว้าอะไรได้ก็รีบใส่ไปส่งๆ ขอบตาบวมคล้ำสภาพไม่ต่างจากปาวัสม์สักเท่าไร เธอเริ่มใจอ่อนเล็กๆ แต่ยังไม่ยอมหยุดแค่นี้ เรื่องจะให้ยกเพื่อนรักให้คนอย่างรติพัทธง่ายๆ น่ะไม่มีวันซะหรอก “งั้นเริ่มจากเลิกเจ้าชู้ก่อนดีไหม บอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่กลัวหรอกนะถ้าต้องเป็นศัตรูกับคุณอีกคน ถ้าจิวลืมตาขึ้นมาแล้วคุณทำให้เขาเสียน้ำตา ฉันจะทำให้คุณแน่ใจได้เลยว่าจะไม่ได้ตายดีแน่”

“นี่คุณกำลังข่มขู่เจ้าพนักงานนะ”

“จะยัดมากี่ข้อหาก็เชิญเลยค่ะคุณตำรวจ” นุชนันท์ยิ้มเหยียด “ฉันไม่แคร์หรอก... สมมติว่าระหว่างฉันกับคุณกำลังจะตกหน้าผา ไม่แน่จิวอาจเลือกที่จะช่วยคุณก่อนแต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่ลังเลเลยที่โดดตามฉันลงไป”

“คุณจะพูดอะไรกันแน่”

“ฉันพูดสิ่งที่ฉันอยากพูดไปหมดแล้ว ที่เหลือคุณคิดเองละกัน”

พูดจบนุชนันท์ก็เดินจากไปทิ้งให้นายตำรวจหนุ่มยืนคว้าง ทั้งที่ตอนนี้เขาจะเข้าไปเยี่ยมวิทยาก็ได้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมนะคำพูดของพยาบาลสาวร่างอวบมันถึงได้ทิ่มแทงหัวใจเขานัก เขากัดฟันแน่นจนเป็นสัน ไม่ใช่เพราะโกรธเคืองแต่เขากำลังตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

แทนที่จะเข้าไปในห้องไอซียูรติพัทธกลับหลังหันเดินจากไปพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก

OOOOOO

“คุณหมอวิทยาอาการเป็นยังไงบ้างคะ”

ทันทีที่นุชนันท์คล้อยหลังออกจากห้องไป เสียงหวานของรชญาก็ดังขึ้นหน้าเคาน์เตอร์พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำห้องไอซียูตอบอาการคร่าวๆ และเพียงอึดใจต่อมาเสียงฝีเท้าจากรองเท้าส้นสูงของเธอก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง 

“ขออนุญาตนะคะ” รชญาแง้มประตูออกช้าๆ ด้วยเกรงว่าจะรบกวนผู้ที่นอนพักอยู่

“เข้ามาสินิว” ปาวัสม์เรียก “ตอนนี้จิวฟื้นแล้วแถมยังเอาท่อช่วยหายใจออกได้แล้วล่ะ”

ได้ยินดังนั้นรชญาก็รีบก้าวยาวๆ มายืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าดีใจเป็นล้นพ้น “ดีใจจังเลยที่พี่จิวปลอดภัย ปาฏิหาริย์แท้ๆ เลยนะคะที่พี่จิวรอดมาได้ นิวขอโทษจริงๆ นะคะพี่ปืนที่ตอนนั้นนิว... ห้ามพี่... นิวแค่...” หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่หางตา เธอพูดได้เท่านั้นก็ใช้สองมือปิดปากกลั้นเสียงที่เริ่มสั่น

“ไม่เป็นไรหรอกนิว” ปาวัสม์โอบปลอบเธอไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง “พี่เข้าใจ... ด้วยเวลาขนาดนั้นโอกาสมันมีน้อย ไม่สิ! มันแทบไม่มีเหลือแล้วจริงๆ”

“แต่สุดท้ายพี่ปืนก็ทำสำเร็จ” รชญาพูดเสียงดังพร้อมทั้งลดมือลงและหันไปหาวิทยา “พี่จิวรู้ไหมคะว่าพี่เสียเลือดมากจนหัวใจหยุดเต้น พี่ปืน CPR พี่ไปเกือบชั่วโมงเลยนะ ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าพี่จิวจะไหวแล้ว มีแต่พี่ปืนนี่แหละที่เชื่อในตัวพี่แล้วก็ช่วยพี่จนได้” เธอหันไปยิ้มหวานให้แฟนหนุ่มและกุมกระชับมือที่คล้องอยู่รอบเอว “พี่ปืนของนิวเก่งที่สุดเลย”

“ขอบใจนะปืน”

“นิวก็พูดเกินไปพี่ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก” ปาวัสม์รีบบอก “พลุต่างหากที่เป็นทำ CPR นายตั้งแต่ที่เกิดเหตุจนมาส่งถึงโรงพยาบาล”

นัยน์ตาเล็กตี่เบิกโพลงเกือบเท่าไข่ห่าน “จริงเหรอพลุ ขอบใจมากนะที่ช่วยชีวิตฉัน”

ภาวัฒน์ค้อมศีรษะเบาๆ รับคำขอบคุณ

“แต่สุดท้ายพี่จิวก็กลับมาหัวใจเต้นที่มือพี่ปืนนี่คะ” รชญาแทรกขึ้น “ยังไงคนช่วยพี่จิวไว้ก็คือพี่ปืนอยู่ดีไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอกค่ะ” เธอหันไปหาวิทยาอีกครั้ง “เพื่อเป็นการตอบแทนพี่จิวต้องรีบหายไวๆ นะคะ จะได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของพี่ปืนกับนิว”

“แต่งงานเหรอ” วิทยาเหลือบตามองภาวัฒน์ที่หน้าเจื่อนไปทันที เขาเข้าใจว่าสองคนคุยกันเรียบร้อยแล้วซะอีก “เมื่อวานนายไปคุยกับท่านผอ.มานี่ ในที่สุดก็มีข่าวดีจนได้สินะ”

“คือเรื่องนั้นจริงๆ แล้ว...” ปาวัสม์พยายามจะอธิบายแต่รชญาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ เพราะพี่ปืนอยากให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ก่อน แต่นิวจะพยายามเร่งแหละเพราะถ้าขืนรอนานกว่านี้นิวกลัวจะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวย แถมยังมีลูกไม่ทันใช้อีก”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ภาวัฒน์แทรกขึ้นเบาๆ “ต้องกลับไปทำงานต่อ นี่ก็โดดมานานแล้วเดี๋ยวจะโดนหัวหน้าดุเอา” พูดจบก็พยายามจะเดินเลี่ยงออกมาเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

“น้องพลุก็ต้องมาด้วยนะจ๊ะ” รชญารีบหันไปบอก “งานแต่งของพี่กับพี่ปืนน่ะ”

รชญายิ้มกว้างให้เด็กหนุ่มที่ยกมุมปากขึ้นยิ้มตอบเธอกลับไปเช่นกัน

วิทยาจ้องตาปาวัสม์ หากเพื่อนรักยังคงยืนนิ่ง ไม่มีแม้คำทัดทาน การแสดงอาการตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ

OOOOOO

“ตกลงปืนจะแต่งงานกับยัยนิวเหรอ” นุชนันท์กรีดร้องในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่วิทยาเล่าเหตุการณ์หลังจากที่เธอกลับออกไปแล้วให้ฟัง “แต่ปืนบอกฉันว่าปฏิเสธไปแล้วนะ นายฟังผิดไปหรือเปล่าจิว”

“ไม่ผิดหรอก” หนุ่มหน้าตี๋ยืนยัน “นิวเป็นคนเอ่ยปากออกมาเอง แล้วปืนก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรด้วย”

“เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย” นุชนันท์บ่นกระปอดกระแปด

...นี่ยัยรชญาคงตั้งใจรอจังหวะให้ฉันออกก่อนไปเพราะรู้ว่าถ้าฉันยังอยู่ ฉันต้องโวยวายแน่ๆ แต่นี่ปืนคงได้แต่เงียบสินะ... ให้ตายสิเพื่อนฉัน ทำไมไม่ทำอะไรให้มันเด็ดขาดไปสักทีนะ...

“ฉันว่าที่ปืนไม่ว่าอะไรคงเป็นเพราะตัวเองยังคิดไม่ตกแหละ” วิทยาไม่ได้เข้าข้างเพียงแต่พยายามวิเคราะห์ “เดิมทีปืนเป็นผู้ชายปกติ ไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแรกแบบฉัน ก็คงมีลังเลเป็นธรรมดา แถมนิวยังเป็นถึงลูกสาวผอ.โรงพยาบาล... ฉันว่าเธอก็น่าจะเดานิสัยคู่ปรับเธอได้นี่ว่าคงไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้ ลองได้ออกตัวแรงขนาดนี้ยังไงเธอก็คงไม่ปล่อยปืนไปง่ายแน่ๆ “

“ก็คนมันมีทั้งเงิน ทั้งอิทธิพลอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่างแหละ โลกเรานี่มันช่างอยู่ยากจริงๆ”

วิทยาไหวไหล่

“ว่าแต่นายรู้เรื่องนั้นหรือยัง”

“เรื่องที่นายภาวัฒน์เป็นคนช่วยฉันไว้น่ะเหรอ” วิทยาถาม “นิวเล่าให้ฟังแล้ว”

“ไม่ใช่! ฉันหมายถึงเรื่องที่จริงๆ แล้วพลุคือเด็กผู้ชายคนที่ปืนช่วยชีวิตไว้เมื่อหกปีก่อนนั่นต่างหาก”

“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นสองพ่อลูกที่เราเจอวันนั้นเป็นใครล่ะ”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่ฉันรู้นี่เพราะนายภาวัฒน์เอ่ยปากออกมาเองแล้วก็ดูเหมือนปืนจะคิดแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย”

หนุ่มหน้าตี๋กอดอกครุ่นคิด แม้ปาวัสม์จะไม่เคยเล่ารายละเอียดมากนักแต่คนที่อยู่ด้วยกันมายี่สิบปีอย่างเขารู้ดีว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเปลี่ยนแนวคิดและชีวิตแพทย์ของปาวัสม์ไป
อย่างสิ้นเชิง จากคนที่เป็นหมอเพียงเพราะมาสอบตามเพื่อน กลับกลายเป็นคนที่ทุ่มเทและมีความสุขกับการช่วยชีวิตคนทุกวันยิ่งกว่าคนที่ตั้งใจมาเรียนตั้งแต่แรกอย่างเขาเสียอีก

วิทยากรอกตาและหันไปสบตาสาวร่างอวบ “เธอว่าโลกเราอยู่ยากใช่ไหม แต่ฉันว่าอันที่จริง มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกนะ”

เงินกับอิทธิพลอาจซื้อได้ทุกอย่างยกเว้นมิตรภาพกับหัวใจ และเขาจะแสดงให้เห็นเองว่าควรจะใช้ทั้งสองอย่างนั้นยังไง แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องขอแน่ใจอะไรบางอย่างซะก่อน


*******************************************************TBC***********************************

หมอจิวปลอดภัยแล้ว ทุกคนสบายใจได้แล้วนะคะ ไม่มีช็อคตายในOR ค่ะ ใน ICU ก็ไม่มี ให้คำมั่นกับพี่อุ้มเรียบร้อยว่าไม่ไปแล้วจริงๆ นะ

เห็นหลายคนอยากให้พี่อุ้มเอาคืนน้องนิว... พี่อุ้มเค้านางเอกนะคะเป็นผู้หญิงเรียบร้อยวันๆ ตามแต่โอป้าเรื่องตบตีนี่ทำไม่เป็นค่า555

ความร้ายของน้องนิวยังไม่จบสักทีเหรอ อีกสองตอนจะจบแล้วนะ เฮ้อ... :mew5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 24-05-2015 18:22:35
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 24-05-2015 18:32:20
:katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


มันคือตัวอะไรคะ????
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-05-2015 19:02:58
รชญา กล้า และ ถึกทน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 24-05-2015 19:03:04
อะไรคืออีกสองตอนจะจบแล้ว ไม่นะะะะะะะะ แต่งเป็นเรื่องยาวหรือไม่ก็ซีรี่ส์ภาคต่อเถอะค่ะได้โปรด T _____ T
ชอบหมอปืน หลงรักน้องพลุไปจนหมดหัวใจแล้วน้า ; /////// ; ....

เอือมยัยนิวนี่จริงๆเลย น่าเบื่อมากกกกกกกกกกกก ผู้หญิงอะไรจะด้านขนาดนี้ มีอายบ้างหน่อยเถอะขอร้อง!
หมอปืนรู้หัวใจตัวเองแล้วก็รีบทำตามเร็วๆนะคะ ก่อนที่น้องพลุเค้าจะหนีหายไปด้วยความช้ำใจนะ!
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเดี๋ยวเราจะอาสาดามใจให้เอ--- //ขอโทษค่ะ 5555555555555555555

จะรอตอนต่อไปค่า <3
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-05-2015 19:05:44
เราอุฒส่าห์รอเผื่อมีต่อไม่อยากปาด เห็นมีโพสต์ต่อแล้วก็น่าจะโอเคถ้าหากว่ามีต่อเราจะมาลบคหเรานะ

เกลียดคนชื่อนิวจริงๆค่ะ  ความล้มเหลวของความเป็นคนและในทุกๆด้านเดินได้ นิยามนี้เรายกให้หล่อนแล้วกันนะคะ 

ตอนนี้โกรธปืนแล้วค่ะ   มาขนาดนี้แล้วยังไม่แน่ใจตัวเองอีก   อยากให้ปืนลองนึกดูว่าทุกๆวันของปืนพอลืมตาขึ้นมาปุ๊บแล้วปืนอยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นใครนอนข้างทุกๆวันไปชั่วชีวิตคะ?   นิวหรือพลุ  ถ้ายังตอบไม่ได้ก็เลือกนิวไปเถอะค่ะเพราะหมายถึงว่าปืนไม่ได้รักพลุมากขนาดนั้น แต่งกับนิวไปแล้วมีกิ๊กภายใน 2 ปีแรก ใครจะมาทนนางได้

อุ้มเป็นตัวละครที่เราชอบมากๆ นางคือความมั่นคง กำลังใจ แสงสว่างที่ส่องนำทางของเพื่อน รูปแบบของเพื่อนที่ยอมมีนางแค่คนเดียวดีกว่ามีคนอื่นเป็นร้อย   ขอให้อุ้มใช้พลังติ่งมาซัดกับนิวด้วยเถอะ ตี๊ต่างว่านิวสบประมาทอปป้าอะไรแบบนี้ค่ะ

ไขว้นิ้วลุ้นให้คนแก่รู้ตัวไวๆ  หัวใจช้านักพลุช่วยกระตุ้นหน่อยสิเผื่อหัวใจคนแก่จะทำงานได้เร็วขึ้นบ้าง  หมอปืนเก่งแต่กระตุ้นหัวใจให้คนอื่นจนลืมของตัวเองไป
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-05-2015 19:24:12
ขออุ้มเป็นนางเอกได้ไหม สุดยอดความเป็นเพื่อน
เป็นคนที่เด็ดขาด และรักเพื่อนมากๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-05-2015 19:29:26
อุ้มคือนางเอกของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 24-05-2015 21:06:52
อุ้ม เธอคือยอดหญิง o13

จิวฟื้นแล้วๆๆๆ

ส่วนลุงปืนคะ ใครเอาเข็มเย็บปากไว้เหรอคะ จะทำน้องพลุเศร้าอีกแล้วนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-05-2015 21:29:43
นิวยังยอมรับความจริงไม่ได้ซินะ
อย่างนี้พลุ มิต้องไปเศร้าคนเดียวอีกเหรอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 24-05-2015 21:48:52
หรือจริงๆเรื่องนี้อุ้มเป็นนางเอก?
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 24-05-2015 21:52:20
หมอจิว ปลอดภัยแล้ว ดีใจจังเลย
รักพี่อุ้ม โดยเฉพาะตอนพูดตรง ๆ กับนายรติพัทรน่ะ
พิสูจน์ตัวเองหน่อยนะ ถ้ารักหมอจิวจริง ก็แสดงความจริงใจออกมาให้หมด
ตอนนี้น้องพลุแทบไม่มีบทพูดเลย แถมยังถูกทำให้ช้ำใจอีก โธ่
ยัยนิว ไม่เท่าไหร่ พี่หมอปืนนี่สิ  :เฮ้อ: หน่ายพี่หมอจริง ๆ เฮ้อ
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ เอาตอนนี้เป็นครึ่งเรื่อง แล้วอีกครึ่งเรื่อง
ให้เป็นพี่หมอปืนตามง้อน้องพลุไปยาว ๆ เลยคงจะดีเนอะ อิอิ ><
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-05-2015 22:42:22
หมอจิวกลับมาแล้ววววววว ดีใจที่สุด
นังนิวเน่ายังคงเหม็นโฉ่ต่อไป

ปืนกับพลุผนึกกำลังฆ่านางมารร้ายนี่ซะทีเถอะ!

......จริงๆ แล้วนิยายเรื่องนี้คือเรื่องของอุ้ม นางเอกในใจเราสินะ.....
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 24-05-2015 22:44:10
พี่ปืนไม่แก้ตัวอะไรหน่อยเลย น้องพลุเข้าใจผิดไปแล้ว นิวนางร้ายนัก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-05-2015 22:58:14
ยัยนิว สวยเเต่หน้าเเม่ขอฟาดสักที
ปล่อยให้ผช.เค้ารักกัน มันใช่เรื่องของเธอไหม ห่ะ



รอจ้า อีกสองตอนเองหรอ ไม่นะ ขอตอนพิเศษ10ตอน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-05-2015 23:05:28
ไม่เด็ดขาดอะไรก็แต่งๆไปเหอะหมอปืน  อย่าทำให้พลุเสียใจเลย  คิดตามยัยนิวไปสิ รับปากซะ แต่งงานมีครอบครัวมีลูกดีจะตาย

ปล่อยให้พลุไปเจอคนที่ดีกว่าก็ได้  ตัดใจซะพลุ อีกสองตอนเอง ยังคิดอะไรเองไม่ได้เลย เป็นหมอซะปล่าว ให้คนอื่นจูงจมูกอยู่ได้

ไม่คิดจะรักก็อย่ามาทำดีด้วยนะ  ขอเหอะ สงสารพลุ  มันเจ็บจี๊ดๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 25-05-2015 00:08:54
คืออยากเบรกอารมณ์ทกคนที่ด่าหมอปืนอะ ... ผมว่าให้เวลาเถอะเรื่องที่จะเพศสภาพเขาไม่ได้ตัดสินหรือรู้กันภายในวันหรือสองวันหรอกนะครับ อยากด่านู่นไปด่าอียัยหน้าด้านนู่นเลย เเอบลุ้นว่าตอนจบคือจบคู่ของหมอปืนเเล้วต่อด้วยเรื่องของหมอจิวซึ่งคู่นั้นมีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกยาวววววว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2015 00:19:38
จะจบแว้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 25-05-2015 00:30:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-05-2015 01:15:14
กำลังอยากตบสักคน เลือกอยู่ว่ายัยนิว รึ หมอปืนดี ฮมมมม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 25-05-2015 20:14:05
นี่ถ้าหมอปืนไม่หือ ไม่อือ แล้วถูกยัยรชญามัดมือชกจับแต่งงานจนได้
เราก็จะสมน้ำหน้าแล้วล่ะค่ะ 5555555555555555555

หมอปืนนะหมอปืน ทำอะไรให้มันเด็ดขาดสักทีเหอะ
มัวแต่ยึกยักอยู่แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ น้องพลุเสียใจไปโน้นแล้วววววววว

ดีใจมากค่ะที่หมอจิวฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย /ซับน้ำตา
หวังว่าหลังจากนี้ไปคุณตำรวจจะดูแลหมอจิวดีๆ นะคะ
เรากำลังจะสวมบทบาทเป็นพี่อุ้มเลยค่ะ ตามโอป้า และรักเพื่อนมาก อย่ามาทำให้หมอจิวเจ็บช้ำเชียวนะยะ 555555

รอดูว่าหมอจิวกำลังจะทำอะไรต่อ เชียร์สุดฤทธิ์เลยค่ะ
เอาให้ยัยรชญาหน้าหงายเงิบไปเลยสักทีจะสะใจมาก ก๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 26-05-2015 20:46:30
อ่านจบตอนแรกแล้วภาษาดีความรู้เรื่องแพทย์แน่นเอียดเลยรอลุ้นหมอปืนกับภาวัฒน์คะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 26-05-2015 21:57:38
ชอบน้องอุ้ม รักน้องพลุ ปลื้มหมอจิว เกลียดหมอปืน...
แล้วนายตำรวจจะจัดการยังไงน้อ......เปิดเผยเรื่องหมอนิวให้ทุกคนรู้..
แล้วต้องตามง้อหมอจิวเพราะโดนโกรธ เอาเป็นว่ามาต่ออีก 7 8 9 10
หลาย ๆตอนเลยล่ะกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-05-2015 06:46:12
เราอ่านถึงตอนสี่แลัวชอบความรักของเื่อนสนิทสามคน ชอบอุ้ม. เกลียดชะนีนิวมาก นางร้่าวตัวอิจฉาชัดๆ. น้องพลุน่ารักพี่ปืนน่ารัก. บรรยายเนื้อเรื่องได้ดีคะ ไปอ่านต่อก่อนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-05-2015 07:14:14
เราอ่านถึงตอนสี่แลัวชอบความรักของเื่อนสนิทสามคน ชอบอุ้ม. เกลียดชะนีนิวมาก นางร้่าวตัวอิจฉาชัดๆ. น้องพลุน่ารักพี่ปืนน่ารัก. บรรยายเนื้อเรื่องได้ดีคะ ไปอ่านต่อก่อนนะค่ะ

ขอบคุณค่า~
นี่อ่านโต้รุ่งเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 27-05-2015 10:08:57
กลับมาอ่านอีกที ปืนยังไม่แมนเลยอ่ะ ขี้ขลาด อมพะนำเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-05-2015 13:38:56
อ่านถึงตอนห้าแล้วน้องพลุเคะแน่นอนอิอิ มีน้องเทมป์เข้ามาเป็นตัวเร่งให้หมอปืนรู้ใจตัวเองเร็วๆคริ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-05-2015 13:40:51
เราอ่านถึงตอนสี่แลัวชอบความรักของเื่อนสนิทสามคน ชอบอุ้ม. เกลียดชะนีนิวมาก นางร้่าวตัวอิจฉาชัดๆ. น้องพลุน่ารักพี่ปืนน่ารัก. บรรยายเนื้อเรื่องได้ดีคะ ไปอ่านต่อก่อนนะค่ะ

ขอบคุณค่า~
นี่อ่านโต้รุ่งเลยเหรอ
เปล่าค่ะแอบอู้งานอ่านอยู่เรื่อยเมื่อว่างงานค่ะ นี่อ่านถึงตอนห้าแล้นชอบอ่าาสนุกดีคะแอบเสริชชื่อจากเฟสไปกดไลค์ตามอัพเดทแล้นค่ะ สอบถามว่าจะมีรวมเล่มรึเปล่าคะอิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-05-2015 23:25:06
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วมีเสียน้ำตาด้วยตอนน้องพลุเผชิญหน้ากับสองพ่อลูก. เฮ้อหมอจิวดีนะที่ไม่เป็นอะไร นังนิวแกนี่มันร้ายมากทว่าแต่จนถึงตอนล่าสุดพี่ปืนกับน้องพลุใครเคะเมะพลิกตลอดอิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งแรก) [24/05/58] p.14
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-05-2015 23:30:30
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วมีเสียน้ำตาด้วยตอนน้องพลุเผชิญหน้ากับสองพ่อลูก. เฮ้อหมอจิวดีนะที่ไม่เป็นอะไร นังนิวแกนี่มันร้ายมากทว่าแต่จนถึงตอนล่าสุดพี่ปืนกับน้องพลุใครเคะเมะพลิกตลอดอิอิ

อยากอ่านที่เป็นเล่มต้องไปกดดันสนพ.ค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 28-05-2015 23:38:53
บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง)

“กินเยอะๆ นะจิว” นุชนันท์ส่งจานใส่ผลไม้ที่เธอเพิ่งปอกเสร็จกับขนมหวานให้คนที่นอนพักอยู่บนเตียง

“นี่ใจคอเธอจะขุนให้ฉันอ้วนเป็นหมูเลยใช่ไหมเนี่ย” วิทยามองอาหารที่พูนจาน จินตนาการไม่ออกว่าจะยัดทั้งหมดนี่ลงกระเพาะไปได้ยังไงทั้งที่กินข้าวจนอิ่มแล้ว

ผ่านมาร่วมเดือนตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเหลือแค่กระดูกขาขวาที่หักเท่านั้น ซึ่งในตอนแรกแพทย์ศัลยกรรมกระดูกใช้วิธีดามเหล็กจากภายนอกเพื่อตรึงให้กระดูกอยู่กับที่เป็นการรักษาไปตามอาการไว้ก่อน เมื่ออาการคงที่เขาจึงได้รับการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อจัดการต่อกระดูกให้เรียบร้อย และตอนนี้ก็ออกจากห้องไอซียูมาอยู่แผนกกายภาพบำบัดแล้ว

“ถ้าได้ขนาดนั้นก็ดี นายน่ะผอมเกินไปแล้ว แล้วแบบนี้จะมีแรงฝึกเดินได้ไง”

“อันนี้เห็นด้วยที่สุด”

ปาวัสม์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับภาวัฒน์ที่ถือถุงผลไม้มาด้วย  นับตั้งแต่วิทยานอนโรงพยาบาลเขากับนุชนันท์ก็ผลัดกันมาเฝ้าดูแลตลอดตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างป้อนข้าวป้อนยา ไปจนถึงเช็ดตัวและพาเข้าห้องน้ำ นั่นทำให้เขารับรู้เป็นครั้งในรอบหลายปีว่าเพื่อนรักของเขาผอมลงมากแค่ไหน

“จับไปตรงไหนก็มีแต่กระดูกไม่มีกล้ามเอาซะเลย เดี๋ยวหายดีแล้วนายต้องไปออกกำลังกายบ้างนะ”

“สวัสดีครับหมอจิว พี่อุ้ม” ภาวัฒน์ยิ้มทักพลางยกมือไหว้ “ผมซื้อส้มกับแอปเปิ้ลมาฝาก... อ้อ! มีทุเรียนมาฝากพี่อุ้มด้วยนะ... ล้อเล่นน่า! ของพี่อุ้มเป็นกล้วยต่างหาก” หัวเราะคิกพร้อมกับแกล้งยกมือป้องศีรษะกันฝ่ามืออวบๆ ที่เกือบจะฟาดลงมา เพราะตอนมาเยี่ยมหนล่าสุดเขาหิ้วทุเรียนมาด้วย แน่ล่ะว่าคนไข้ไม่ว่าอะไรแต่คนเฝ้ากลับหน้าบูดเป็นตูดลิงจนปาวัสม์ต้องลากไปแอบกระซิบบอกว่านุชนันท์เกลียดผลไม้ชนิดนี้มากขนาดไหน

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยม” รอยยิ้มเอ็นดูคลี่เต็มเรียวปากหนุ่มหน้าตี๋ หลังจากพยายามตัดเรื่องที่ปาวัสม์หลงรักเด็กคนนี้ออกไปและวางใจเป็นกลาง เขาก็พบว่าถึงภาวัฒน์จะกวนประสาทแต่ก็นิสัยดีจนไม่ต้องเอาเรื่องที่ช่วยชีวิตเขาไว้มาเป็นตัวเสริมเลย ก่อนจะหุบยิ้มฉับและหันมาจัดการเพื่อนตัวเอง “ว่าฉันผอมอย่างนั้นอย่างนี้พูดอย่างกับตัวเองฟิตนักอย่างงั้นแหละ”

“ทำเป็นพูดไป เดี๋ยวนี้ฉันไปฟิตเนสทุกวันเลยนะ” 

“จริงเหรอ?”

“ไม่เชื่อก็ถามเจ้าเด็กแสบนี่ดูสิ” ปาวัสม์พยักเพยิดไปทางคนผมน้ำตาลที่กำลังลำเลียงผลไม้ใส่ถาด “ตอนไปเชียงใหม่เจอพ่อเจ้าเทมส์... เพื่อนสนิทพลุน่ะ เขาเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้อยู่ โดนจับยืดเส้นเข้าไปชุดใหญ่ ถึงตอนนั้นจะทรมานหน่อยแต่ไปๆ มาก็เริ่มติดใจน่ะ แล้วพอดีโดนหมอนี่มันปรามาสด้วย ดันไปวิ่งขึ้นดอยสุเทพแพ้เด็ก ขายขี้หน้าชะมัดเลยคิดได้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับความแก่ของตัวเองแล้วล่ะ”

“ผมยังไม่เคยว่าหมอปืนแก่สักคำเลยนะ” คนถูกกล่าวหารีบบอก “มีแต่คุณหมอแหละที่ว่าผมเด็ก ผมก็บอกอยู่ว่าอายุยี่สิบไม่เด็กแล้ว” และหันไปทำหน้ายู่ใส่จึงโดนคุณหมอหนุ่มเอื้อมมือมาขยี้ผมที่ยุ่งด้วยความมันเขี้ยว

“ไอ้นิสัยแบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าเด็ก” นุชนันท์แกล้งว่า

เธอไม่ได้ไม่ชอบภาวัฒน์แค่กำลังหมั่นไส้เพื่อนรักที่เริ่มเปลี่ยนไป เรื่องที่ดูสดใส อารมณ์ดีนั่นเธอเฉยๆ แต่ที่แปลกใจก็คือการที่ปาวัสม์หันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น ซึ่งเธอพอจับสังเกตได้มาสักพักแล้วเพราะเขาดูกระฉับกระเฉงขึ้นทั้งที่เข้าเวรหนักและมาเฝ้าวิทยาทุกวัน และคนที่มีอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือเด็กหนุ่มคนนี้นี่เอง

สาวร่างอวบอมยิ้มมุมปาก ...รู้สึกดีใจแทนคนขี้เหงาที่เจอคนมาเติมเต็มที่ว่างในใจเสียที

“เป็นเด็กน่ะดีแล้วอย่าเพิ่งรีบแก่เลย” ปาวัสม์ยังไม่หยุดแซวคนที่สะบัดหัวกลมๆ หนีได้ในที่สุด 

“จวนจะได้เวลาที่ฉันต้องไปเข้าเวรแล้ว” นุชนันท์แทรกขึ้นพลางหันไปหาหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังพยายามกินผลไม้กับขนมให้หมดจาน “นายจะเช็ดตัวเลยไหมเดี๋ยวทำให้ หรือจะรออีกแปดชั่วโมงให้ฉันลงเวรก่อน”

“ไม่เป็นไรอุ้มเดี๋ยววันนี้ให้ปืนช่วยก็ได้” วิทยาวางจานผลไม้ที่เกลี้ยงเกลาลงและกินยาหลังอาหาร “เธอไปเถอะจะได้มีเวลาอาบน้ำ เตรียมตัวสบายๆ”

“ตามใจ” นุชนันท์หลิ่วตาเล็กน้อย เรดาร์จับพิรุธร้องเตือนตะหงิดๆ เพราะปกติวิทยาจะบ่ายเบี่ยงเรื่องให้ปาวัสม์ช่วยเช็ดตัวมาโดยตลอดซึ่งเรื่องนั้นเธอเดาได้ไม่ยากเย็นว่าเป็นเพราะเขารู้สึกไม่สะดวกใจที่จะต้องเปลือยกายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แสดงว่าวิทยาต้องมีแผนอะไรบางอย่างซึ่งเธอก็ไม่อยากทักท้วงอะไรและยอมคล้อยตาม “งั้นฝากดูจิวด้วยนะปืน” ปาวัสม์พยักหน้าให้แทนคำตอบ นุชนันท์ลุกขึ้นกอดวิทยาเบาๆ ครั้งนึง “ฉันไปล่ะ นอนพักเยอะๆ กินให้เยอะๆ นะ เดี๋ยวออกเวรแล้วมาหาใหม่”

นัยน์ตาเล็กตี่มองตามแผ่นหลังสาวร่างอวบไป ทันทีที่ประตูห้องพักปิดลงวิทยาก็เห็นเงาของคนที่กำลังรีบชะงัก มีใครคนหนึ่งเพิ่งจะมาถึงและหยุดคุยกัน สักพักเงาของทั้งคู่ก็เดินกลับไปด้วยกัน วิทยาถอนหายใจด้วยผิดหวังเล็กๆ ที่ไม่ใช่คนที่คิดถึงก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป

“เดี๋ยวผมช่วยไปยกน้ำมาให้นะครับ” ภาวัฒน์คว้ากะละมังและเดินออกไปห้องน้ำอย่างกระตือรือร้น

“ขอบใจนะ” วิทยาบอกก่อนจะหันมาหาปาวัสม์ที่กำลังง่วนอยู่กับการให้คำปรึกษาแพทย์รุ่นน้องที่ส่งข้อมูลคนไข้มาให้ดูทางโทรศัพท์ เขารอให้ปาวัสม์จัดการธุระจนเสร็จ “มานี่สิปืน ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับนายหน่อย”

ปาวัสม์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่นุชนันท์เพิ่งลุกออกไป “ว่าไง”

“ฉันมีเรื่องอยากบอกนาย” เครื่องหน้าของหนุ่มหน้าตี๋เครียดขึ้นมาทันที “ทีแรกก็ว่าจะไม่พูดแล้วล่ะให้มันเป็นความลับตายไปพร้อมๆ กับฉันแต่พอผ่านความตายมาจริงๆ ฉันถึงได้รู้ว่าการที่ไม่พูดมันน่าเสียใจยิ่งกว่า”

ปาวัสม์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง “ไม่ต้องกังวลนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรนายสามารถบอกฉันได้ทุกเรื่อง”

วิทยาสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด “จริงๆ แล้วฉันเป็นเกย์” เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อยเพื่อสังเกตอาการของร่างสูงที่นิ่งไปทันทีอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด “รู้แบบนี้แล้วนายรังเกียจฉันหรือเปล่า”

“ก็...” ปาวัสม์พูดไม่ออกแต่ก็สามารถปรับสีหน้าและอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว “แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ยังไงนี่” ไม่ว่าวิทยาจะเป็นอะไร ความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว

“ขอบใจนะ” วิทยาคลี่ยิ้มบาง “ว่าแต่ทำไมพลุไปเอาน้ำนานจัง เดินไปถูกหรือเปล่า นายไปดูหน่อยสิ เดี๋ยวไปทำอะไรซุ่มซ่ามจนโดนพี่พยาบาลดุเอาหรอก”

“นั่นสิ” ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและเมื่อเขาเดินไปเปิดประตูก็พบภาวัฒน์ถือกะละมังใส่น้ำยืนอยู่แล้ว

“หมอปืนมาพอดีเลย ผมกำลังคิดหนักเลยว่าจะเข้าไปยังไง” เขารีบเดินเอากะละมังใส่น้ำไปวางไว้บนโต๊ะ

“ไปรอข้างนอกก่อนนะ” ปาวัสม์บอก

“ไม่ต้อง!” วิทยากวักมือเรียก “ปืนทำคนเดียวไม่ไหวหรอก นายก็มาช่วยกันนี่แหละ”

“ไม่เป็นไร ฉันทำคนเดียวได้ นายนั่งรอตรงนั้นแหละ” พูดจบปาวัสม์ก็รีบดึงม่านกั้นรอบเตียง

“ทำไมไม่ให้พลุช่วยล่ะ” วิทยาถอดเสื้อโยนไว้ข้างกะละมัง แอบหงุดหงิดเล็กๆ ที่ร่างสูงเกือบทำแผนเขาพัง

“แล้วนายไม่เขินเหรอที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น ก็... นายเพิ่งบอกฉันว่านายชอบผู้ชายนี่”

 วิทยาอ้าปากค้าง “แทนที่จะเขินเด็กอย่างพลุ ฉันเขินนายดีกว่าไหม” แกล้งวักน้ำในกะละมังสาดใส่ปาวัสม์แก้เก้อ ก็เล่นใจดี คิดถึงคนอื่นขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารักได้ยังไงก็

“นายจะเขินฉันทำไม” ปาวัสม์คว้ามือหนุ่มหน้าตี๋แล้วนั่งลงบนขอบเตียง “เราอยู่ด้วยกันมายี่สิบปีแล้วนะ” แล้วบรรจงช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวจนสะอาด

“จริงๆ แล้วนายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะ”

“ไม่ได้หรอก” ปาวัสม์ยิ้มกว้างและหยิบเสื้อตัวใหม่มาสวมให้ “นายเป็นเพื่อนรักฉันนะ ให้ฉันได้ดูแลนายเถอะ”

วิทยาเม้มปากแน่น ความรู้สึกที่มีมันมาถึงสุดทางของความอดทนแล้ว และเขาเก็บมันไว้ไม่ได้อีกต่อไป “ปืน ฉันรักนายว่ะ”

“ฉันก็รักนาย” ปาวัสม์ตอบไปโดยอัตโนมัติ

“ไม่ใช่รักแบบนั้นปืน”

“แล้วแบบไหน...” ปาวัสม์ถาม และทันทีที่สมองได้คำตอบใบหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มของเขาอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด “แต่ฉัน...”

“ฟังนะปืน” วิทยาพูดช้าๆ ชัดๆ “ฉันอยากรู้คำตอบ ดังนั้น นายต้องตอบฉัน ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนนี้ จะไปตั้งสติ ไปคิด หรือจะยังไงก็เรื่องของนาย แต่นายต้องตอบฉัน”

“ได้” ปาวัสม์บอก “แต่ไม่ใช่ตอนนี้!” และเปิดม่านออกรวดเร็ว แค่อยากจะหลบไปจากตรงนี้เพื่อพักหัวให้เย็นลงจากความสับสนเมื่อนัยน์ตาคมสบเข้ากับใครอีกคนที่เขาบอกให้นั่งรออยู่ “พลุ”

“เสร็จแล้วเหรอครับ ผมเอาน้ำไปทิ้งให้นะ”

“ไม่เป็นไรพลุเดี๋ยวฉันทำเอง” ปาวัสม์รีบบอกและยกกะละมังใส่น้ำเดินจ้ำออกไป

ภาวัฒน์จึงหันไปหาวิทยาที่กำลังพยายามดันตัวลุกนั่งบนเตียง “ให้ผมช่วยนะครับ”

นัยน์ตาเล็กตี่แอบมองสำรวจเด็กหนุ่มที่กำลังช่วยจัดแจงท่าทางและห่มผ้าให้ เขาแน่ใจว่าพูดเสียงดังพอที่จะให้คนนอกม่านได้ยินด้วย จึงอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นภาวัฒน์นิ่งได้ถึงเพียงนี้ “ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แล้วก็ขอโทษด้วย”

“เรื่องอะไรครับ”

วิทยาจ้องนัยน์ตาสีดำขลับราวกับจะมองให้ทะลุพร้อมทั้งกรีดยิ้มยั่ว ถ้ายังจะเล่นไขสือกันแบบนี้ก็คงต้องเอากันซึ่งๆ หน้าแล้วล่ะ “เรื่องที่ฉันจะไม่ยกปืนให้นายง่ายๆ เด็ดขาด”

ภาวัฒน์จ้องตากลับไม่คิดจะหลบ “เรื่องนั้นผมทราบครับ”

OOOOOO

หลังจากที่เอากะละมังออกมาเก็บปาวัสม์ก็พบว่าตนไม่สามารถกลับเข้าห้องไปสู้หน้าวิทยาได้อีก เขาจึงส่งข้อความไปบอกว่าโดนตามเพราะมีคนไข้ฉุกเฉิน แต่แท้จริงแล้วเขากลับเดินจ้ำข้ามตึกมาหานุชนันท์ที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมหกและลากเธอออกมาคุยเป็นการส่วนตัวที่บันไดหนีไฟ

“นี่มันเรื่องอะไรกันอุ้ม ฉันงงไปหมดแล้ว” ปาวัสม์นั่งลงบนขั้นบันได ก้มหน้า มือทั้งสองข้างกุมศีรษะอย่างสับสนและอับจนหนทาง “จิวชอบผู้ชายและมันก็ชอบฉัน... ได้ยังไง แล้วแบบนี้ฉันควรจะทำยังไงดี”

นุชนันท์นั่งลงข้างๆ นึกอยากปลอบหรือช่วยคิดหาทางออกแต่ก็คิดได้ว่าเรื่องบางเรื่องควรให้เจ้าตัวคิดเองซะบ้าง จะได้รับรู้และเข้าใจด้วยตัวเอง

“ก่อนอื่นเลยนะปืน” เธอพูดออกมาในที่สุดเมื่อเห็นว่าปาวัสม์คงคิดไม่ออกจริงๆ “ตอบมาก่อนว่านายตกใจที่จิวเป็นเกย์หรือเรื่องที่จิวชอบนาย”

“ฉันไม่แคร์หรอกว่าจิวจะเป็นอะไร ฉันคบกับจิวมายี่สิบปีแล้วนะ”

สาวร่างอวบแอบยิ้มมุมปาก

“แต่เรื่องที่จิวชอบฉัน...” ปาวัสม์พูดไม่ออก

“รับไม่ได้หรือไงที่มีผู้ชายมาชอบ”

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

“ทีนายยังชอบพลุได้เลย” แทนที่จะเลือกใช้ไม้นวมนุชนันท์คิดดีแล้วว่าซื่อบื้ออย่างเพื่อนเธอต้องจัดไม้แข็งมาฟาดให้สลบในทีเดียวไปเลยเท่านั้น “นายแน่ใจเหรอว่าที่นายสับสนและกลุ้มใจอยู่นี่ไม่ใช่เพราะว่าจริงๆ แล้วนายชอบจิวต่างหาก กับพลุก็แค่หลงผิดไปเองเหมือนอย่างพวกทฤษฎีสะพานแขวน หรือจริงๆ แล้วนายยังอาลัยอาวรณ์ยัย... คุณรชญาอยู่ อย่าลืมสิว่านายมันเป็นพวกใจง่าย แค่ใครมาบอกรักหรืออยู่ใกล้ใครเข้าหน่อยก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว”

“มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ อุ้ม” ปาวัสม์บอก “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกัน”

...ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ เพราะถ้าป่านนี้แล้วนายยังแยกไม่ออก นายก็คงขอฉันแต่งงานไปนานแล้วล่ะย่ะ...

“ถ้ารู้ว่าอะไรใช่ไม่ใช่แล้วนายจะมานั่งกลุ้มใจทำไม ฉันบอกไม่ได้หรอกว่านายต้องทำยังไง นายต้องคิดด้วยตัวเอง และถ้าคิดได้แล้วนายไม่ต้องมาบอกฉันแต่ไปบอกกับจิว... บอกกับรชญาและพลุ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือแนะนำให้นายคิดดีๆ ฉันรู้ว่ามันทำให้นายสับสนแต่นายต้องคิดและคิดเยอะๆ ด้วย อย่างน้อยที่สุดก็ให้สมกับที่จิวมันเก็บความรู้สึกนี้มาเกือบยี่สิบปี”

“นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

นุชนันท์ยิ้มบาง “ฉันถึงไม่โกรธไง ที่นายไม่เคยรู้” เธอบีบไหล่ให้กำลังใจครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน “ฉันไปทำงานก่อนนะ”

เมื่อพยาบาลสาวร่างอวบเดินกลับเข้ามาในหอผู้ป่วยสายตาอาทรที่ให้เพื่อนรักเป็นประกายกล้าขึ้นมาทันที นุชนันท์ฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดีพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “เล่นแรงไปนะคราวนี้ ทำเอาซะควายเผือกหูตูบเลย... แต่ฉันชอบนะ”

OOOOOO

“จิว... คือฉัน”

“นายจะมาให้คำตอบเหรอ” วิทยาตกใจเล็กน้อย เพราะเขาคิดไว้ว่าอย่างน้อยปาวัสม์คงจะหายหน้าไปสักสองสามวันไม่ใช่แค่สามสิบนาทีแล้ววิ่งกระหืดกระหอบกลับมายืนอยู่ข้างเตียงแบบนี้

ปาวัสม์พยักหน้า “แต่จริงๆ แล้วนายน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วนี่”

วิทยาไหวไหล่ “ทำนองนั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากได้ยินจากปากนายตรงๆ นี่นา ว่าไงล่ะ! ตกลงคำตอบของนายคืออะไร”

“นายเป็นเพื่อนรักของฉัน”

วิทยาส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่คำตอบ”

ปาวัสม์เม้มปากสนิทก่อนจะเอ่ยออกไปได้ในที่สุด “ขอโทษนะจิวแต่ฉันไม่ได้รักนาย”   

หนุ่มหน้าตี๋คลี่ยิ้มบาง แม้ลึกลงไปในหัวใจจะทั้งจุกและเจ็บจนพูดไม่ออก แต่น่าแปลก เมื่อเทียบกับความรู้สึกยี่สิบปีที่เขาทนทุกข์มาตลอด จนถึงตอนนี้ราวกับความหนักหนานั้นถูกปลดเปลื้องออก แม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่เรียกว่าสุข แต่มันก็ไม่ใช่ความเศร้า และตอนนี้เขารู้สึกหัวใจเบาโหวงจนอธิบายไม่ถูก “ขอบคุณ” กระซิบพลางก้มหน้าซุกกับฝ่ามือ 

“เอ่อ...” ร่างสูงเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อคิดว่าวิทยาคงจะเสียใจมากขนาดไหนและร้องไห้ออกมา “ขอโทษนะจิวคือฉัน...” เขาใช้สองมือโอบรอบตัวคนตัวเล็กกว่าจากทางด้านหลัง “อย่าร้องไห้นะ”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย” หนุ่มหน้าตี๋เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาห่างจากปาวัสม์ที่วางอยู่บนไหล่ไม่ถึงคืบ วิทยาอมยิ้มและจุ๊บปากเขาเบาๆ 

“เฮ้ย!!!” ร่างสูงร้องลั่นและผงะถอยหลัง

“ถึงตายก็นอนตายตาหลับล่ะงานนี้”

“นายทำบ้าอะไรน่ะ” ใบหน้าคมแดงไปถึงหู ปาวัสม์ไม่ได้นึกรังเกียจเพียงแค่ตกใจมากไปหน่อยที่โดนจู่โจมซึ่งๆ หน้า

“ก็จูบไง”

“ก็ใช่... แล้ว...”

“แก้แค้น” วิทยาบอกหน้าตาย “ฉันเคยหลงรักนายข้างเดียวมาตั้งเกือบยี่สิบปีเชียวนะ อุตส่าห์ทนเก็บไว้ว่าจะไม่บอกเพราะคิดว่านายน่ะแมนทั้งแท่ง ไม่อยากให้นายคิดมากแต่สุดท้ายแล้วนายกลับไปหลงรักผู้ชายคนอื่น แถมยังอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีเสียได้มันก็เลยเจ็บใจน่ะสิ” เขาพ่นลมออกจมูกและซุกตัวลงในผ้าห่มเตรียมจะนอน “เอาล่ะ! หมดเรื่องแล้วฉันจะนอนล่ะ นายจะไปไหนก็ไปเถอะ”

“นายโอเคแน่นะ” ปาวัสม์ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง

วิทยาพลิกตัวกลับมา “ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ ว่าฉัน ‘เคย’ หลงรักนาย”

“งั้นฉันไปก่อนนะ” คิ้วหนาย่นเข้าหากัน ปาวัสม์ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่แต่สีหน้าวิทยาดูดีกว่าที่จินตการไว้มากจนรู้สึกวางใจที่จะกลับออกมา และในขณะที่กำลังจะปิดประตูห้องนั่นเองที่เขาหันไปเห็นว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ข้างประตู “พลุ! เอ่อ... นี่นายยังไม่กลับอีกเหรอ”

“อยู่ๆ หมอปืนก็ออกไปปุบปับผมเลยอยู่รอเผื่อว่าจะมีเรื่องอะไรคุยกับผมอีก”  ภาวัฒน์บอก “แต่ถ้าไม่มี... ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวก่อนพลุ” คุณหมอหนุ่มพยายามจะอธิบาย เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มได้เห็นหรือได้ยินอะไรแค่ไหนแต่ดูจากสีหน้าที่ซีดจนเห็นได้ชัดแล้วสิ่งที่เขากำลังเข้าใจอยู่นั้นมันต้องไม่ถูกต้องแน่นอน

“ปืน” วิทยาเรียก “ตามไปสิ”

ปาวัสม์เหลียวมองเพื่อนสลับกับแผ่นหลังที่กำลังจะลับตา “ไม่ได้หรอกจิว” รู้สึกมันเหมือนใจจะขาดหากไม่ได้คุยให้เข้าใจกันแต่เขาก็รู้ดีว่าก่อนหน้านั้นเขามีอีกเรื่องที่ต้องจัดการให้เด็ดขาดไปเสียก่อน

“นายลังเลอะไรอยู่” เสียงของวิทยาเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่ได้ลังเล เพราะตอนนี้คำตอบในใจฉันแน่ชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ฉันควรจะต้องจัดการเรื่องเก่าที่ยังค้างคาไว้ให้จบเสียก่อนไม่ใช่เหรอ จึงจะเริ่มต้นใหม่ได้” พูดจบปาวัสม์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกพร้อมกับเดินออกจากห้องไป
หนุ่มหน้าตี๋เบ้ปากแล้วหงายหลังทิ้งตัวลงบนเตียง “กว่าควายเผือกจะฉลาดนะ” เขานอนมองเพดานสีขาวของห้องพักพลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพิ่งคุยกับเด็กหนุ่มไป

‘สองคนนั่นไม่ใช่คุณพีระกับนายพีรยุทธตัวจริง พวกเขาเป็นคนที่รชญาจ้างมา’ วิทยาส่งซองเอกสารที่เขาให้คนไปตามสืบประวัติมาให้เด็กหนุ่มที่นอกจากจะไม่รับไปแล้วยังส่ายหน้า และบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาแปลกใจ

‘เรื่องที่เป็นตัวปลอมผมรู้อยู่แล้วครับ... พ่อผมเป็นทนายที่ซื่อตรงที่สุดในโลกสมกับชื่อทัดเที่ยง เขาจับผมใส่รถเข็นลากไปขอขมาสองพ่อลูกนั่นตั้งแต่วันที่หมออนุญาตให้ลงจากเตียงได้ พวกเขาอภัยให้แล้วก็จริงแต่ผมก็ยังรู้สึกผิดมาโดยตลอด วันนั้นที่หน้าห้องฉุกเฉินผมตกใจมากและสิ่งที่ตัวปลอมนั่นพูดก็แทงใจดำจนพูดไม่ออก ผมเลยได้แต่ขอโทษ’

‘แต่นายก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับปืนนะ’

‘บอกแล้วได้อะไรครับ ถึงจะเป็นตัวปลอมแต่นั่นก็คือเรื่องจริง และที่ผมมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพื่อแก้ตัวแต่ผมมาเพื่อ ‘ขอบคุณ’ ผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตผมไว้ และผมก็ทำสำเร็จแล้ว’ เด็กหนุ่มยิ้มบาง ‘ขอบคุณหมอจิวนะครับที่เป็นห่วงผม ...นี่เป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้วที่ผมจะอยู่กรุงเทพ อันที่จริงผมตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ติดสัญญากับหมอปืนไว้ว่าจะอยู่จนคุณปลอดภัย’

นัยน์ตาเล็กตี่เบิกโพลง นี่ไม่ได้อยู่ในแผนของเขาสักนิด ‘แล้วนายจะไปไหน’

‘ผมบอกได้แค่จะไปให้ไกลจากหมอปืนและไม่กลับมาหาเขาอีกเลย’

‘นายจะตัดใจจากเขาทั้งที่ลงทุนทำมาตั้งขนาดนี้เนี่ยนะ’

‘ผมไม่ได้ตัดใจ’ เสียงของภาวัฒน์หนักแน่น สายตามั่นคงกับการตัดสินใจที่คิดมาดีแล้ว ‘แต่หมอปืนกำลังจะแต่งงานกับคนที่คู่ควร การจากไปจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเพื่อเขาได้’

“แต่เร็วหน่อยก็ดีนะเดี๋ยวมันจะสายเกินไป” วิทยารำพึง ตั้งใจไว้ว่าจะลองใจภาวัฒน์ว่ารักเพื่อนของเขาจริงหรือเปล่า และจะช่วยแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้มีมารผจญและขวากหนามอะไรอีก แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้วล่ะเพราะท่าทีที่แสดงออกของเด็กหนุ่มนั้นทั้งเป็นผู้ใหญ่และซื่อตรง ที่น่าห่วงคือปาวัสม์นี่แหละว่าจะสามารถพูดความในใจออกไปได้ไหม

เขาหลับตายังไม่ทันจะผล็อยหลับเมื่อประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง “กลับมาเร็วจัง” ถามพลางพลิกตัวกลับมาแต่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ปาวัสม์

“คุณบอกรักหมอปืนไปแล้วเหรอครับ”

“นายน์” วิทยาตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ คนที่ไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็นเสียนานก็ปรากฏตัวขึ้นมา แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ในเสี้ยววินาที “ใช่! ฉันบอกเขาไปแล้ว นายมีปัญหาอะไรเหรอไง”

“ครับ” รติพัทธยอมรับ “เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนใจมันกำลังสลายยังไงก็ไม่รู้”

“นายเพ้ออะไรเนี่ย” วิทยาดันตัวขึ้นนั่ง เตรียมพร้อมรับมือไม่ว่ารติพัทธจะมาไม้ไหน “จับคนร้ายมากไปจนสมองกระทบกระเทือนอีกแล้วหรือไง”

“คงอย่างนั้นแหละครับ เพราะตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าตกหลุมรักคุณจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ กรุณาเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับหมอจิว”

วิทยาหัวเราะลงคอ “อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระแบบนั้นเลย แค่มีอะไรกันครั้งเดียวเนี่ยนะจะทำให้นายเกิดหลงรักฉันขึ้นมาจริงๆ ซะอย่างนั้นน่ะ”

“เชื่อผมเถอะครับ! หรือจะต้องให้ผมคุกเข่าร้องขอความรักจากคุณ”

“ก็ลองดูสิ” วิทยากรีดยิ้มเย็นชา “ถ้าหากว่านั่นมันอยู่ในแผนการของนายล่ะก็นะ”
คิ้วของรติพัทธขมวดมุ่น “แผนอะไรกันครับ”

“นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการจัดฉากของญาติผู้พี่นาย” วิทยาถามเสียงเย็น “คุณรชญายังไงล่ะ”

OOOOOO

“ขอโทษนะคะพี่ปืนที่ให้รอนาน พอดีมีเคสยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ” รชญานั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะในคาเฟ่ของโรงพยาบาลก่อนจะเปิดเมนูจัดแจงสั่งเครื่องดื่มสำหรับสองที่ “สตรอเบอรรี่สมูทตี้หนึ่งที่ค่ะ ส่วนอีกแก้ว... พี่ปืนดื่มกาแฟไหมคะ คาราเมลแมคคิอาโตที่นี่อร่อยนะ”

“นิวก็รู้นี่นาว่าพี่ไม่ชอบอะไรหวานๆ” ปาวัสม์กระซิบ

รชญาเหลือบตาที่เคลือบสีสันไว้อย่างสวยงามเหมือนทุกครั้งขึ้นมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้มหวาน “งั้นเอาเป็นน้ำผลไม้เหมือนนิวไหมคะหรือจะเอาเป็นพวกชาร้อน...”

“ขอน้ำเปล่าครับ” ปาวัสม์ชิงสั่งไปเสียก่อน รู้สึกเหมือนเดจาวู จู่ๆ ประสบการณ์การถูกบอกเลิกครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วกลับมาหลอกหลอนเขาในห้วงความคิด “เอาแต่น้ำ น้ำแข็งไม่ต้อง หลอดก็ไม่เอานะครับ... เอาแค่น้ำธรรมดาใส่แก้วมาน่ะครับ” เขาหันไปย้ำกับบริกรสาวอีกครั้งจนแน่ใจว่าเธอจะไม่เอามาเกินกว่าที่เขาขอ

เพียงครู่เดียวเครื่องดื่มที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า รชญาคนสมูทตี้เล่น เธอกำลังอารมณ์ดีมากเสียจนปาวัสม์กลัวที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “พี่ปืนมีอะไรธุระอะไรจะคุยกับนิวหรือคะ ถึงนัดออกมาปุบปับ” เธอถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่พูดไม่จา

“ขอบคุณนิวมากนะที่มา” ปาวัสม์เริ่มต้นช้าๆ

“ขอบคุณอะไรกันคะเรื่องแค่นี้เองแล้วตกลงพี่ปืนจะคุยอะไรกับนิว เอ๊ะ! หรือว่าเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานแล้ว” ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มเอียงอาย

“นิว” ปาวัสม์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ถึงมันจะยากแค่ไหนก็ต้องพูดออกไป จะพร้อมหรือไม่ไม่ใช่ปัจจัย ตอนนี้มีเพียงความจริงจากใจนี่เท่านั้นที่ต้องบอกเธอ “ขอโทษนะครับแต่พี่คงแต่งงานกับนิวไม่ได้”

มือที่กำลังคนสมูทตี้เล่นชะงัก ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มแน่น “นิวคงบีบคั้นพี่ปืนมากเกินไปสินะคะ นิวขอโทษต่อไปนี้นิวจะ...”

“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกนิว”

“แล้วอะไรล่ะคะ หรือว่าเป็นเพราะนิวเอาแต่ใจมากไปหรือว่า...”

“พี่ไปรักคนอื่นแล้ว” ปาวัสม์พูดออกไปได้ในที่สุด “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ พี่ขอโทษจริงๆ”

รชญาพูดไม่ออกกับคำตอบที่ได้ยิน แต่เธอยังดูสงบนิ่งจนน่าเหลือเชื่อ “คนๆ นั้นเป็นใครคะ... อย่าบอกนะว่าเป็นคุณนุชนันท์”

“ไม่ใช่อุ้ม” ปาวัสม์รีบบอก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอุ้ม”

สีหน้าของรชญาเผือดซีดลงทันที “นายภาวัฒน์ใช่ไหมคะ” 

ถึงตาปาวัสม์หน้าซีดบ้าง “นิวรู้ได้ยังไง”

“สัญชาตญาณของผู้หญิงที่กำลังจะเสียคนรักไปมั้งคะ” 

“ขอโทษนะนิวที่พี่...”

แต่หญิงสาวไม่ฟัง เธอหยิบแก้วน้ำตรงหน้าสาดใส่ร่างสูงก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะและเงื้อมือขึ้นสูง

เพี๊ยะ!

“เจ็บไหมคะพี่ปืน” รชญาถามเสียงเย็น “จำไว้นะคะว่านิวเจ็บกว่าที่ปืนเจ็บเป็นร้อยเท่า”

“พี่ขอโทษนิว” ปาวัสม์พูดได้เท่านั้นและเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินจากไป

มือทั้งสองข้างของรชญาสั่นระริกและกำเป็นหมัดแน่น ฟันซี่สวยกัดลงบนกลีบปากสีกุหลาบ นัยน์ตากลมเบิกโตแทบไม่กระพริบแต่น่าแปลกที่มันไม่ยักมีน้ำใสไหลรินสักหยด

คุณหมอสาวล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาใครคนหนึ่ง

...ถ้าฉันไม่ได้เขาใครก็อย่าหวังจะได้ไป!...

“คุณพ่อคะ นิวมีเรื่องจะคุยด้วย”



**************************************************อ่านต่อด้านล่าง********************************
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 28-05-2015 23:45:07
บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง)

“นายโอเคใช่ไหม” นุชนันท์ถามปาวัสม์ที่เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่เป็นอันหลับอันนอนมาหลายวันแล้ว แม้กระทั่งยามมานั่งเฝ้าวิทยาก็ยังไม่วายหอบรายงานของนักศึกษาแพทย์มาตรวจ

“คงงั้น” ปาวัสม์ตอบโดยไม่ละสายตาขึ้นมาจากกองเอกสาร

“สองสามวันมานี่ไม่เห็นพลุเลยนะ งานยุ่งเหรอ” หนุ่มหน้าตี๋ถาม

ปาวัสม์เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นบาง หลังจากบอกเลิกรชญาเขาก็เพียรโทรหาภาวัฒน์ทุกวันแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมรับสาย อีกทั้งยังเข้าเวรคลาดกันตลอดจนทำให้เขาไม่เจอหน้าสักที เรื่องที่อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิดจึงแทบเป็นศูนย์ส่วนเรื่องจะสารภาพรักยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อคิดว่าที่เด็กหนุ่มหลบหน้าเขาครั้งนี้เพราะไม่อยากเจอหน้ากันแล้ว และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าการบอกรักและโดนหักอกเสียอีก

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ” นุชนันท์ปะเหลาะถามต่อ

เสียงดังปิ๊บเบาๆ บอกว่ามีข้อความเข้า ปาวัสม์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่านแต่ใบหน้าก็เผือดซีดลงเรื่อยๆ ตามจำนวนบรรทัดที่สายตาไล่อ่านไป เขาหันไปมองหน้านุชนันท์สลับกับวิทยาทันทีที่อ่านจบ “ท่านผอ.เรียกพบน่ะ”

“ยัยรชญานั่นจะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลย” นุชนันท์กำลังจะอ้าปากบ่นต่อเมื่อวิทยาคว้ามืออวบๆ ของเธอไว้พร้อมทั้งจุ๊ปากเบาๆ

“รีบไปเถอะปืน อย่าให้ท่านผอ.รอนาน”

ปาวัสม์พยักหน้าพร้อมกับลุกเดินออกไป

“มีอะไร” นุชนันท์ถามเสียงเฉียบทันทีที่ร่างสูงคล้อยหลัง “หรือว่านายวางแผนอะไรไว้อีกเหมือนคราวที่แล้วบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
หนุ่มหน้าตี๋คว้ามือนุชนันท์มาบีบแน่นเพื่อให้เธอใจเย็นลง “ขอโทษนะอุ้มแต่คราวนี้ฉันช่วยอะไรไม่ได้มากจริงๆ”

“ทำไม!” นุชนันท์ใช้มือทั้งสองคว้าไหล่วิทยาและเริ่มต้นเขย่า เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ “ยัยรชญามีแผนอะไร แล้วท่านผอ.จะ
ทำอะไรปืนกันแน่จิว” 

OOOOOO

ปาวัสม์ยืนอยู่หน้าประตูห้องที่มีแผ่นป้ายตัวอักษรสีทองติดไว้ว่า ‘ผู้อำนวยการโรงพยาบาล’ เขาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเคาะประตูและเปิดเข้าไป “สวัสดีครับท่านผอ.”

ชายสูงวัยในชุดสูทสวมทับด้วยเสื้อกาวน์ยาวสีขาวเรียบกริบนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหลังโต๊ะไม้สักรูปครึ่งวงกลมที่กลางห้อง ด้านหลังเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยอดีตภาพผู้บริหารตั้งแต่คนแรกจนถึงปัจจุบัน มันให้ความรู้สึกราวกับเขากลับไปเป็นเด็กมัธยมและถูกอาจารย์ใหญ่เรียกพบในห้องปกครองโทษฐานแอบลอกข้อสอบไม่มีผิด

“นั่งก่อนสิคุณปาวัสม์” เสียงของท่านนิ่งสงบและน่าเกรงขามสมกับเป็นอดีตอาจารย์แพทย์ 

ปาวัสม์ค้อมศีรษะและเดินมานั่งหมิ่นๆ ลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ สองมือที่ชื้นเหงื่อกำเป็นหมัดแน่นวางไว้บนหัวเข่า หลังจากที่ได้คุยกับรชญาในวันนั้นก็เขาไม่มีอะไรจะอธิบายหรือแก้ตัวอีกแล้ว และถึงต่อให้เป็นท่านผอ.ถาม เขาก็คงยืนยันคำตอบปฏิเสธเหมือนเดิม
ท่านผอ. ประสานมือไว้บนโต๊ะตรงหน้าพลางมองสำรวจชายหนุ่ม “เปิดอกเลยละกันนะคุณปาวัสม์”

“ครับ”

“รชญา... ลูกสาวผมเล่าเรื่องที่คุณขอเลิกกับเธอให้ผมฟังแล้ว” ท่านผอ.เริ่มต้นในสิ่งที่ปาวัสม์คาดไว้ไม่มีผิด “ผมมีลูกสาวคนเดียว และในฐานะพ่อที่เลี้ยงแกมาอย่างตามใจดั่งไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแล้ว บอกตามตรงตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดที่เห็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“ผมขอโทษครับ”

“สิ่งที่ฉันลูกสาวของผมขอคือการทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไปได้” ท่านผอ.เว้นวรรคราวกับรอคอยให้คุณหมอหนุ่มร้องขอความเป็นธรรมหรือเปลี่ยนใจ

แต่ปาวัสม์เตรียมใจมาแล้ว โดยส่วนตัวเขาเป็นคนไม่ชอบขัดใจใคร ทว่ามันโหดร้ายเกินไปกับการแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่ได้รักเธอ “แล้วท่านมีความเห็นว่าอย่างไรครับ”

“อย่างที่บอก ผมเลือกจะตามใจลูกสาว” ท่านผอ.พูดเสียงขรึม นัยน์ตาที่เริ่มสีออกเทาเพ่งพิศชายหนุ่มตรงหน้า
นัยน์ตาคมมองตอบกลับไป ไม่คิดจะหลบ ความเงียบอึดอัดเริ่มโรยตัวรอบคนทั้งสองเมื่อท่านผอ. พูดต่อและนั่นยังความแปลกใจให้ปาวัสม์อย่างถึงที่สุด

“แต่ผมไม่อาจเสียหมอมือดีอย่างคุณไปได้ ดังนั้นคุณลืมเรื่องโยกย้ายหรือลาออกไปได้เลย” เขาเปิดลิ้นชัก หยิบเอาซองเอกสารปึกหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะและเลื่อนมาตรงหน้าเขา “ในฐานะผอ.โรงพยาบาลผมขอสั่งให้นายแพทย์ปาวัสม์รับนี่ไปและปฏิบัติตามทันทีโดยไม่มีข้อแม้”

ปาวัสม์หยิบเอกสารมาเปิดดูช้าๆ ทั้งสงสัยและหวาดกลัว แต่เพียงแค่เห็นที่จั่วหัวอยู่บนบรรทัดแรกของเอกสารนั้น นัยน์ตาคมก็เบิกโพลงขึ้นทันที

มันคือทุนการศึกษาต่อเฉพาะทางเรื่องเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา มันเป็นความก้าวหน้าทางอาชีพที่แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินใฝ่ฝัน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การยกระดับเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับใบประกาศเป็นอาจารย์ผู้ฝึกอบรมหลักสูตรนี้ให้กับแพทย์รุ่นต่อไป แต่มันคือประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

“นี่คือ...” ปาวัสม์พูดไม่ออกได้แต่มองเอกสารในมือสลับกับผอ.โรงพยาบาล

“แค่ตกลง” ท่านผอ.กระซิบพร้อมกับพยักหน้า

“ครับ”

“คุณไปได้แล้วล่ะ” ท่านผอ.ว่าพร้อมกับโบกมือไล่

ร่างสูงยกมือไหว้และกำลังจะก้าวพ้นกรอบประตูอยู่แล้วเมื่อเสียงขรึมดังมาจากเก้าอี้หลังโต๊ะรูปครึ่งวงกลม “ในฐานะผู้ชายทำไมผมจะดูไม่ออกว่าคุณไม่ได้รักลูกสาวผม... ขอบใจนะที่ไม่โกหกเธอ”

ปาวัสม์กำซองเอกสารในมือแน่นเขาค้อมศีรษะให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ และวิ่งพรวดเดียวกลับไปยังห้องคนไข้

“จิว! นี่ฝีมือนายใช่ไหม” ปาวัสม์เรียกเสียงดังพร้อมกับยื่นซองเอกสารมาตรงหน้า

“ทีอย่างนี้ล่ะฉลาดเชียว” วิทยาทำปากขมุบขมิบพลางรับมาแกล้งทำเป็นเปิดอ่านดูไม่รู้ไม่ชี้ “ทุนไปดูงานอเมริกา... นายจะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย”

“นายไม่มีแต่พ่อนายมี” ปาวัสม์บอก “แล้วท้ายเอกสารนั่นก็บอกอยู่โต้งๆ ว่าทุนให้เปล่าแบบไม่มีข้อผูกมัดของ J&J medical company นั่นมันไม่ใช่ชื่อบริษัทของพ่อนายเหรอไง”

“พ่อนี่ร่างสัญญาให้จับได้ง่ายจริง” หนุ่มหน้าตี๋บ่นพลางเก็บเอกสารใส่ซองและส่งคืนให้ปาวัสม์ เขาคาดไว้แล้วว่ารชญาต้องไม่ยอมจบง่ายๆ โชคดีที่คิดเตรียมการเรื่องนี้ไว้ก่อน “บอกไว้ก่อนนะว่านี่ไม่ใช่ค่าตอบแทนที่นายช่วยชีวิตฉันไว้ถึงพ่อฉันจะยอมจ่ายเพราะคิดแบบนั้นก็เถอะ ที่ฉันทำไปก็เพราะฉันไม่อยากให้นายจากฉันกับอุ้มไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นที่เหลือก็แล้วแต่นายแล้วล่ะว่าจะเอายังไง จะไปหรือไม่ไป”

ปาวัสม์มองหน้าเพื่อนรักทั้งสองสลับกัน “อเมริกามันไกลนะ”

“นายพูดอย่างกับว่าใช้โทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ไม่เป็นแน่ะ” วิทยาว่า

“สองปีเลยนะกว่าจะได้กลับมา”

“เราคบกันมายี่สิบปีแล้วนะ” นุชนันท์บอก “สองปีไม่นานเกินไปหรอก”

“ถ้าคิดถึงเดี๋ยวพาอุ้มบินไปหา นายไม่ต้องกลัวหรอกน่าพ่อคนขี้เหงา”

“ใครเขาจะไปกับนาย” สาวร่างอวบทำตาโต “ฉันเก็บตังค์ไว้ไปหาผู้ชายของฉันที่เกาหลีดีกว่าไหม”

“ฉันออกค่าตั๋วพร้อมที่พักให้ก็ได้เอ้า” วิทยาต่อรอง “เงินตั้งเกือบห้าหมื่นเลยนะ ให้ตั้งขนาดนี้แล้วไปด้วยกันเหอะน่า”

“ต่อให้จ้างห้าแสนฉันก็ไม่ไป” นุชนันท์ยื่นคำขาด “แต่ถ้านายอยากจะให้จริงๆ นะจิวฉันขอแค่สามหมื่นพอและฉันจะเอาเงินนั่นไปเที่ยวเกาหลี ไม่เอาน่า! ไม่เจอหน้ากันแค่ปีสองปีปืนมันคงไม่ขาดใจตายเพราะไม่ได้ฟังฉันบ่นหรอก ใช่ไหมปืน”

ปาวัสม์มองสองคนตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเปี่ยมสุขที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มเรียวปาก “ครับที่รัก”

*********************************************TBC*********************************************

ใครที่บ่นๆ ว่าไม่รู้จะตบใครก่อนระหว่าง หมอปืน กะ นิว ไม่ต้องเลือกแล้วนะคะ เราจัดให้แล้วค่ะ... สะใจสุดๆ (ความอัดอั้นตันใจของคนแต่ง)

ลุงหมอคิดได้แล้วน้า อย่าว่าลุงเลยลุงเป็นมนุษย์ผู้ชายขี้เหงาที่เคลื่อนที่ช้าเรื่องความรัก แค่ผช.ธรรมดาที่ไม่กล้าก้าวข้ามเพศสภาพที่เป็น(แอบดีใจมีคนเข้าใจลุง)

หลังจากนี้อีก 2 ตอน ลุงต้องสู้ล่ะ สู้จริงๆ ไม่งั้นน้องพลุไปแล้ว


[[[[[[ งดสปอยชื่อตอนหน้าแต่จะบอกว่า อัพวันที่ 13 มิ.ย. 2558 ]]]]]]
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 29-05-2015 00:02:47
หมอปืนหลุดพ้นซะที
พาน้องพลุไปเรียนต่อด้วยได้ไหม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-05-2015 00:21:34
ย้ิมปลื้มเลยอะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-05-2015 00:29:05
ชวนพลุไปด้วยจิหมอปืน

โอ้ววววว 13 มิ.ย. 58 มันช่างยาวนาน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-05-2015 00:49:51
ปะ ไปเกากัน 555
น้ำเปล่าฮะ ขอน้ำเปล่า ไม่เเข็ง ไม่หลอด เอาเพียวๆ
น้าจะขอเเก้วพลาสติกด้วย เผื่อนาง อารมณ์รุนเเรงสติเเตก 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 29-05-2015 01:14:33
 :L1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-05-2015 03:22:10
นิวไม่ฉลาดค่ะ    สาดทำไมน้ำ    สมูทตี้นั่นไง   ไม่ก็สั่งคาราเมลมัคเคียโต้ร้อนอีกแล้วก็ได้สาดเลย เก๊าประชดนางเฉยๆนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 29-05-2015 03:37:15
เรื่องหมอปืน เกินคาดไปนิสสส สำหรับทุน แต่ช่างมัน

สนใจ หมอจิวดีกว่า มาดคุณหมอจิวตอนนี้ ช่างราชินีมากกก

แบบว่าอิตานายเนี่ย จะบีบก็ตายจะคลายก็ตาย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-05-2015 03:48:54
จิ้มไว้ก่อน พึ่งอ่านหนังสือเสร็จ อ่านไม่ทันแว้ว ง่วง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-05-2015 06:09:29
ยาวไปๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 29-05-2015 07:48:09
ในที่สุดหมอปืนก็ไม่โลเลแล้น สะใจนังนิวจริงๆอยากให้ได้รับผลกรรมที่ก่อจริงๆเลย น้องพลุอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะหมอปืนแกอย่าชักช้านะ ตอนหน้าห่างไกลจังเลยลงแดงคะ 13มิยเชียวรึ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 29-05-2015 14:03:23
ไม่รู้ว่าจะเม้นท์ไรดี....แค่ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 29-05-2015 20:10:31
ลุงคะ กว่าจะฉลาดเรื่องรัก น้องพลุวิ่งหนีไปไหนแล้ว


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 29-05-2015 20:27:17

รีบเลย รีบไปตามพลุเลย

ส่วนหมอจิวน่าจะบอกเพื่อนนะว่าพลุคุยกับตัวเองว่าอย่างไร

13 มิย. เชียว กว่าจะมาอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Rywzaki ที่ 29-05-2015 20:51:17
สงสารทั้งคู่เลยอ่า
เมื่อไหร่จะได้สมหวังกันซักที
ยิ่งน้องพลุนี่แอบรักหมอปืนมาตั้งกี่ปี ฮือออออ #อินหนักมาก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 29-05-2015 20:52:57
หมอปืนนี่เรื่องงานฉล๊าดดด ฉลาด
แต่พอเป็นเรื่องหัวใจล่ะก็........ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ก๊ากกกกกก

แอบชอบที่พี่อุ้มกับหมอจิวเรียกหมอปืนว่าควายเผือก
ก๊ากกกกกกกกกก น่ารักน่าเอ็นดูมากเลยค่ะลุงงงง (นี่ชมหรือด่า 55555)

ว่าแล้วเหมือนกันว่ายัยรชญาต้องไม่ยอมจบง่ายๆ
ตอนนี้เลิฟหมอจิวมากเลยค่ะ (ขอสามหมื่นตามไปเป็นเพื่อนพี่อุ้มด้วยคน 555555)

หมอปืนจะไปอเมริกาแล้ว แล้วน้องพลุจะไปอยู่ไหนละทีนี้?
แอบหวังเล็กๆ ว่าเผื่อจะไปเจอกันที่เมกาอะไรงี้ ให้หมอปืนได้ตามจีบ(?)น้องพลุในบรรยากาศดีๆ แอร๊ยยยย /นี่ก็คิดไปไกล

สู้ๆ นะลุง ตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้ว ปลดโซ่ที่รัดคอออกแล้ว อย่าปล่อยให้น้องพลุหลุดไปได้เชียวนะ

สารภาพว่าตอนที่ผอ.เรียกหมอปืนไปคุย นี่เตรียมด่าผอ.แล้วค่ะ 555555555555555
คิดหาคำด่าไว้ด้วยแล้วนะ กำลังจะบอกว่าถ้าจะพ่อแม่รังแกฉันขนาดนี้ก็ บลาๆๆๆ เลยดีกว่า
แต่เจอแบบนี้ โอ้ยยยย เซอร์ร้ายยยยยยยยย  o13 อยากกระโดดกอดคุณลุงผอ. 55555555

รอตอนหน้านะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 30-05-2015 10:47:31
รอลุ้นอีก 15 วันกว่าตอนใหม่จะมา
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: bubble4paomo ที่ 30-05-2015 13:39:20
ที่พลุบอกว่าจะหายไปนี่  ใช่ไปเรียนต่อที่อเมริการึป่าวเนี่ย??? :z2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 31-05-2015 00:01:00
ชอบเรื่องนี้ อ่านแล้วอินไปกับตัวละคร เมื่อคืนนอนอ่านจนไม่ได้หลับได้นอน พออ่านแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ
หมอปืนไม่รู้เรียกว่าความรู้สึกช้าหรืออะไร คือไม่ได้หงุดหงิดหมอนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าทำไม คือหมอก็ไม่ได้ทำไรผิดหรอก ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า หมั่นไส้หรืออะไร แต่บางทีก็แค่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมหมอความรู้สึกช้าจัง แล้วนี่รู้ตัวยังว่าพลุกำลังจะหนีไปแล้ว แต่เอาจริงๆ เดี๋ยวก็ไปเจอกันที่อเมริกาใช่ม๊ะ? อิอิ

อยากอ่านต่อแล้วจริงๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 31-05-2015 20:26:13
เคลียร์กับยัยนิวได้ซะที แต่ก็จะไปอเมริกาตั้งสองปี แล้วพลุล่ะจ้ะ จะเอายังไง
นี่ถ้าไม่ได้หมอจิวช่วยก็แย่นะพี่หมอปืน  ผอ.เหมือนจะดีอ่ะนะ แต่ก็สงสัยว่า ถ้าพ่อหมอจิวไม่ให้ทุน
แล้วผอ.จะทำยังไง จะเลือกตามใจลูกสาว แล้วยอมเสียหมอฝีมือดี ๆ ไปหรือเปล่า
แต่ก็เอาเหอะ พี่หมอปืน จะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำเข้า อย่าให้น้องพลุเสียใจไปมากกว่านี้ก็พอแล้ว

ส่วนพี่หมอจิว สบายใจแล้วสินะ ดีใจด้วย จะได้เริ่มต้นเปิดรับความรักครั้งใหม่ได้ซะที
แต่ก็อยู่ที่นายน์ล่ะนะ ว่าจะสามารถทำให้หมอจิว เชื่อ และมั่นใจ ในความรักของนายน์ได้แค่ไหน
เพราะเดิมทีก็เข้าหาหมอจิวเพราะมีจุดประสงค์จริง ๆ นี่นะ อยากได้คนรักดี ๆ ก็ต้องใช้ความพยายาม
จริงใจและอดทนให้มากกว่านี้หน่อยอ่ะนะ สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง) [29/05/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-06-2015 20:58:30
และแล้วก็สลัดยัยนิวหลุดสักทีนะหมอปืน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-06-2015 00:15:28
บทที่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา

“คุณหมอจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ” ชโลธรถามเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเอาแต่เดินวนเข้าๆ ออกๆ ประตูห้องฉุกเฉินอยู่หลายรอบแล้วในชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากที่มีโทรศัพท์เข้าจากศูนย์กู้ชีพว่าจะนำผู้ป่วยมาส่งจนเธอชักจะเริ่มเวียนหัว

“ก็...” นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ท้องถนนซึ่งมีรถวิ่งสวนกันขวักไขว่ เขาจะต้องจากเมืองไทยไปสองปีในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถึงจะไม่ได้บอกรักแต่อย่างน้อยเขาก็อยากบอกลาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อย “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ว่างๆ เลยออกมารอรับคนไข้” พูดจบก็แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นบิดขี้เกียจแก้เก้อ เมื่อเสียงเปิดหวอของรถกู้ชีพดังแว่วมาตามถนน

หัวใจของปาวัสม์เต้นโลดขึ้นตามเสียงหวอที่แผดดังขึ้นเรื่อยๆ

“นำคนไข้มาส่งครับ” เจ้าหน้าที่ในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มที่กำลังก้มๆ เงยๆ ช่วยยกคนเจ็บร้องขึ้น

ปาวัสม์รอจนคนไข้ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเรียบร้อย จึงแอบย่องไปสะกิดหลังเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง “พลุ”

“ครับ”

ใบหน้าที่หันมานั้นไม่ใช่คนที่อยากเจอแต่กลับกลายเป็นหัวหน้าศูนย์กู้ชีพแทน

“ขอโทษครับพอดีทักคนผิด” เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “วันนี้พลุเข้าเวรอะไรครับ” ไม่เคยคาดคิดจากคนที่เห็นหน้ากันทุกวันจนแทบจะเบื่อกันไปข้าง จะมีวันที่เขาคิดถึงอยากเจอจนต้องเป็นฝ่ายออกปากถามหาเสียเอง

“วันนี้ลาหยุดครับ” หัวหน้าบอก “ว่าแต่พลุมันไม่ได้บอกคุณหมอเหรอครับว่าจะไปไหน”

คุณหมอหนุ่มส่ายหน้าพัลวัน

“พลุกลับบ้านที่เชียงใหม่น่ะครับ เห็นว่าตัดสินใจกลับไปเรียนต่อเลยจะไปคุยกับครอบครัวน่ะ”

“ก็ดีสิครับ” ปาวัสม์ค่อยโล่งอกที่เด็กหนุ่มไม่ได้ป่วยไข้หรือเป็นอะไรไปถึงจะแอบใจหายที่จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อีกแล้วก็ตาม 

“ใช่ครับ แต่คิดแล้วก็น่าเสียดายนะคนฝีมือดีขนาดนั้น”

“ทำไมล่ะครับ ถึงจะไปเรียนแต่ก็มาเป็นอาสาสมัครได้นี่นา”

“ถ้าจำไม่ผิด...” หัวหน้ายกมือกอดอกครุ่นคิด “พลุมันบอกว่าสอบติดมหา’ลัยของฝรั่งเศส ถ้าไปเรียนไกลถึงขนาดนั้นมันคงไม่กลับมาช่วยงานกู้ชีพอีกแล้วล่ะครับ”

OOOOOO

 “ออกเวรแล้วเหรอ” วิทยาทักเมื่อเห็นปาวัสม์เดินหอบเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพัก เขาย่นคิ้วเล็กน้อยเพราะทีแรกรู้สึกเหมือนเห็นว่ามีใครอีกคนเดินตามมา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและหันมาสนใจเพื่อนรักที่หัวคิ้วชนกันจนแทบจะจับมาผูกเป็นโบได้ “ทำไมวันนี้ดูหงุดหงิดจัง”

ปาวัสม์กระแทกเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะและตั้งต้นอ่าน “เจ้าเด็กแสบนั่นน่ะสิ ฉันยังไม่ทันสารภาพรักก็จะหนีฉันไปซะแล้ว”

“ไปไหน” วิทยาแกล้งถามเขาพอจะเดาเหตุการณ์ได้บ้างหลังจากที่คุยกับภาวัฒน์เมื่ออาทิตย์ก่อน

“ไปเรียนต่อ” ปาวัสม์ตอบ “แถมยังไปไกลถึงฝรั่งเศส ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย! มหาวิทยาลัยดีๆ ในเมืองไทยมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เรียน ถ่อไปเรียนไกลถึงเมืองนอก”

“อยากเปลี่ยนประเทศที่ไปดูงานไหมล่ะ แถมวีซ่าเข้ายุโรปก็ไม่ต้องเสียเวลาทำด้วยเพราะนายมีพาสปอร์ตข้าราชการอยู่แล้ว”

วิทยาแอบเซ็งตัวเองที่วิเคราะห์ผิดไป เพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มเคยมีประวัติไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาก่อน เขาน่าจะคิดให้รอบคอบอีกหน่อยว่าพ่อของเด็กหนุ่มเป็นทนายความชื่อดังก็ย่อมอยากจะให้ลูกชายคนเดียวไปเรียนต่อยังประเทศที่เป็นต้นแบบของวิชากฏหมาย ถึงค่าเรียนภาคอินเตอร์จะแพงหูฉี่ก็เถอะ

ปาวัสม์ครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด “ไม่ล่ะ! ฉันจะไปอเมริกา ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามไปหรอก”

“แม้แต่จะไปหาที่บ้านตอนนี้ก็ไม่เหรอ ถ้าไปตอนนี้ก็อาจจะยังทันนะ” หนุ่มหน้าตี๋ขมวดคิ้ว “ถามจริงเถอะปืน เป็นเพราะนายไม่เคยรักใครหรือเปล่าถึงได้เอาแต่ใช้สมองคิดอะไรไร้สาระอยู่แบบนี้ ทำไมนายไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจ แล้วลองทำตามที่มันบอกดูบ้างล่ะ”

“ทำตามที่ใจบอกเหรอ” ปาวัสม์ทวนคำ “แต่ถ้าไปหาแล้วจะได้อะไรล่ะ”

“จะได้หรือไม่ได้อะไรนายต้องลองไปก่อนถึงจะรู้เอง”

“แล้วนายล่ะ” ปาวัสม์มองหนุ่มหน้าตี๋ด้วยความเป็นห่วง วันนี้นุชนันท์เข้าเวรสิบหกชั่วโมงรวด ถ้าเขาไม่อยู่อีกสักคนก็จะไม่มีใครดูแลวิทยา

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ได้”

แต่ปาวัสม์ยังคงไม่ขยับไปไหน

“อย่าให้ฉันต้องโทรตามอุ้มมาไล่นะ”

ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและรวบตัวกอดวิทยามากอดแน่นๆ ครั้งหนึ่ง “ขอบใจนะจิว”

วิทยามองตามแผ่นหลังร่างสูงวิ่งหายลับไปตามทางเดินจึงเอนหลังพิงหมอนและแกล้งทำเป็นหลับ

ประตูห้องแง้มเปิดออกอย่างแผ่วค่อยอีกครั้ง

“นี่นายน่ะ” วิทยาเรียกทั้งๆ ที่ยังหลับตา ส่งผลให้คนที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หลังประตูสะดุ้งสุดตัวแล้วเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจก่อนจะแง้มประตูให้กว้างขึ้นและชี้มือที่ตัวเองเป็นเชิงย้ำให้แน่ใจ “นายน่ะแหละจะใครล่ะอยู่กันแค่สองคนน่ะ” วิทยายืนยัน “ถ้าอยากจะเข้าก็รีบๆ เข้ามาไปยืนเกะกะขวางทางเดินอยู่ได้”

รติพัทธพยักหน้าเขาปิดประตูเงียบเชียบที่สุดอย่างเกรงใจโดยไม่จำเป็นและเดินอ้อมไปนั่งสุดปลายโซฟาตัวหนึ่งที่อยู่มุมในสุดของห้อง “มีอะไรเหรอครับ”

“มาตรงนี้สิ นายไปนั่งเสียไกล ฉันขี้เกียจแหกปากตะโกนนะ”

รติพัทธลุกขึ้นอีกครั้งและเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง

“มีคนเล่าให้ฟังว่าจริงๆ แล้วตอนที่ฉันอยู่ไอซียูนายมาเฝ้าฉันหน้าห้องทุกวันเลยเหรอ” วิทยาถามเสียงดุ

“ครับ”

“บ้าหรือเปล่า” เสียงของวิทยาดังขึ้นเรื่อยๆ “เสียงานเสียการเปล่าๆ แล้วถ้ามีใครเขาเอาไปนินทากันเสียๆ หายๆ จะว่ายังไง เป็นผู้หญิงยังว่าไปอย่าง นี่เป็นผู้ชายนะแถมนายยังเด็กกว่าฉันตั้งกี่ปีป่านนี้เขาไม่หาว่าฉันเลี้ยงต้อยกันหมดแล้วเหรอ”

“ใครจะกล้าว่าในเมื่อผมอ้างว่ามาเฝ้าเพราะเป็นเคสคดี” รติพัทธรีบบอก “แล้วถ้าใครกล้านินทาว่าร้ายคุณเสียๆ หายๆ ผมจะไปสั่งให้คุณลุงไล่มันออกให้หมดเลย”

“แล้วทำไมนายไม่เข้ามาล่ะ” วิทยาตัดบทโดยการถามคำถามที่ตนอยากได้ยินคำตอบจริงๆ แทนเพราะดูท่าแล้วรติพัทธคงจะแถตอบเลี่ยงไปจนตกอ่าวไทยเป็นแน่

“ก็... ผม” รติพัทธพูดขัด “คุณอยู่กับหมอปืนทุกวัน แถมยังตลอดเวลาแล้วจะให้ผมเอาตัวไปไว้ที่ไหนล่ะครับ”

วิทยาเหลือบมองนายตำรวจหนุ่มทางหางตา “นายไม่ต้องทำตามแผนของพี่สาวแล้วเหรอ”

“ผมหักหลังพี่นิวตั้งแต่มาสารภาพรักกับคุณวันนั้นแล้ว” รติพัทธไหวไหล่ “อันที่จริงผมไม่ได้ทำตามแผนตั้งแต่พาคุณไปที่แมนชั่นวันนั้นแล้วล่ะ ถึงปกติผมจะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่เคยชวนใครขึ้นห้อง มีคุณนี่แหละเป็นคนแรก”

“เรื่องนั้นนายพูดจริงเหรอ”

“จริงสิ” รติพัทธพูดเสียงดัง “ปกติผมใช้บริการโรงแรมตลอดเลยนะ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น” วิทยาเอ็ด “ฉันหมายถึงเรื่องที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ตอนที่ฉันเกิดอุบัติเหตุต่างหาก”

“เรื่องที่เอ่อ...” รติพัทธติพัทรพูดติดอ่าง เขานึกออกทันทีว่าเป็นเรื่องไหนแต่กลัวใจจะคิดเข้าข้างตัวเองในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะเล่นด้วยตั้งแต่แรก

“นายเปลี่ยนใจหรือยัง” วิทยาถาม “เพราะตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“หมายความว่าไงครับ”

วิทยาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางก้มหน้าลงมองดูขาตนเองด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อย “ขาฉันเนี่ยคงต้องทำกายภาพอีกเป็นเดือนเลยกว่าจะเดินได้เป็นปกติอีกครั้ง” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย “ระหว่างนี้นายจะช่วยเป็นขา... ช่วยดูแลฉันหน่อยได้ไหม”

รติพัทธยกมือขึ้นปิดปาก เพลย์บอยอย่างเขาจีบทิ้งจีบขว้างมาทั่วสารทิศ โดนจีบมาอีกเป็นร้อย จะมามุกไหนไม่เคยกระเทือนถึงหัวใจสักครั้ง แต่ทำไมแค่คำพูดพื้นๆ แค่นี้ทำเอาหัวใจเขาแทบหยุดเต้น ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเด็กแรกรุ่นริหัดรัก “เป็นขาแทนคนอื่นนี่ผมทำไม่เป็นนะครับ ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”

“งั้นเป็นไม้เท้าละกัน” ไม่พูดเปล่า ยังหันไปคว้าไม้ยันไหล่มาตีคนตัวโตดังพลั่ก! “ส่งมือมาสิ ฉันอยากไปเดินออกกำลังกายสักหน่อย”

รติพัทธยกแขนให้อีกฝ่ายเกาะช่วยพยุงลงจากเตียงอย่างเก้ๆ กังๆ มือไม้แม้จะมีแค่สองข้างแต่ตอนนี้รู้สึกเกะกะจะเอาวางไว้ตรงไหนดีก็ไม่รู้จนโดนวิทยาเอ็ดเอาจนได้ “จับดีๆ หน่อยสิ ฉันจะล้มแล้วเนี่ย”

“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

“ช่วยประคองฉันด้วยสิ”

“แล้ว...”

“อยากจับตรงไหนก็จับเถอะ อย่าให้ฉันล้มละกัน”

เมื่อหนุ่มหน้าตี๋พูดเช่นนั้น รติพัทธจึงผ่อนคลายลงบ้างและค่อยๆ สอดแขนเข้ารอบเอวบางช่วยดึงให้ยืนตัวตรง “ระวังล้มนะครับ ถ้ารู้สึกว่าเซๆ จะล้มให้พยายามพิงมาหาผมนะ”

“อือ” วิทยากันฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด แม้ตอนนี้เขาจะทำกายภาพจนเดินด้วยไม้ค้ำยันได้แล้วแต่การพยายามลงน้ำหนักให้เต็มที่เหมือนเดิมยังเป็นเรื่องอีกยาวไกลนัก เขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากรติพัทธและคว้าไม้ค้ำยันมาเพื่อช่วยพยุงตัวเตรียมเดิน

รติพัทธใช้สองมือประคองไหล่จนแน่ใจว่าวิทยาทรงตัวได้จึงยอมถอยออกมาเล็กน้อย

“ทำไมฉันโทรหานายไม่ติดล่ะ” วิทยาถามระหว่างก้าวเดินไปรอบๆ ห้องโดยมีรติพัทธเดินไปข้างๆ เสมือนเป็นเงาตามตัว

“คุณโทรหาผมด้วยเหรอ” รติพัทธมีสีหน้าตกใจ “ขอโทษทีเพราะคุณไม่เคยโทรหาผมเลย ผมลืมไปเลยว่าต้องให้เบอร์ใหม่คุณ”

“แล้วนายเปลี่ยนเบอร์ทำไม”

“ก็ถึงแม้ผมจะลบเบอร์ทิ้งแต่ทางโน้นยังมีอยู่นี่ ผมเลยคิดว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปเลยง่ายกว่า”

วิทยาย่นคิ้วกับคำเรียกสรรพนามบุรุษที่สาม “ทางโน้นนี่คือ...”

“กิ๊ก” รติพัทธตอบเสียงดังฟังชัด “แฟนเก่า คนในอดีตหรือคุณจะเรียกว่าอะไรก็ช่างเถอะเพราะที่แน่ๆ คือตอนนี้ผมเหลือแต่คุณคนเดียวแล้วจริงๆ”

วิทยาแกล้งหันไปสนใจตั้งเอกสารที่ปาวัสม์ถือมาวางกองทิ้งไว้บนโต๊ะ “ไม่เห็นต้องลงทุนทำถึงขนาดนั้นเลย” เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่พูดตัวเองทำหน้ายังไงรู้แต่มันร้อนจนทนไม่ได้

“ช่วยไม่ได้นี่ ในเมื่อคนสันดานเจ้าชู้อย่างผมมันไว้ใจไม่ได้” รติพัทธบอก “จากเหตุการณ์ของพี่นิวมันทำให้ผมเรียนรู้มาอย่างหนึ่งว่าถ้าจะจีบคุณให้ติดผมต้องเอาชนะใจเพื่อนคุณให้ได้ก่อน แล้วตอนนี้ผมก็เอาชนะใจคุณอุ้มได้แล้วเหลือแต่คุณนี่แหละที่ยังจีบไม่ติดสักที”

“จนป่านนี้ก็ยังอีกเหรอ”

“ก็ยังน่ะสิครับเพราะคุณยังไม่เคยบอกรักผมสักครั้ง” รติพัทธตัดพ้อ “ขอให้ผมรอ ผมก็รอ ขอให้ผมเป็นขาผมก็เป็นให้แล้วทีผมขอให้คุณเป็นแฟนคุณไม่เห็นยอมผมสักที”

“ก็เอาสิ” วิทยาตอบเรียบๆ พร้อมทั้งหันหน้ากลับมามองนายตำรวจหนุ่ม

“หืม”

“เป็นแฟนนายไง”

รติพัทธแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่อมยิ้มกรุ้มกริ้ม เขากระเซ้าอีกฝ่ายให้พูดต่อ “แล้ว...”

แต่หนุ่มหน้าตี๋กลับพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉยยิ่งกว่าเดิม “ฉันรักนาย พอใจหรือยัง”

รติพัทธเบะปากอย่างล้อเลียน “คุณนี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย”

“เรื่องมากจริง” วิทยาถอนหายใจยืดยาว ก่อนจะหมุนตัวกลับมา สองมือคว้าใบหน้านายตำรวจหนุ่มไม่ให้หนีไปไหน และดึงลงมาจนอยู่ในระดับที่เขาจะประทับริมฝีปากปิดปากคนที่กำลังแกล้งงอนอยู่นี่ได้ “ว่าไงพอใจหรือยัง”

“ไม่รู้สิ” รติพัทธเม้มริมฝีปาก พร้อมกับใช้สองแขนรวบตัวคนเจ็บขาไว้อย่างถนัดถนี่ “ขอลองอีกทีละกัน”

วิทยาปล่อยไม้ค้ำยันทิ้งลงพื้น แล้วใช้ทั้งสองแขนคล้องรอบคอรติพัทธไว้ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะล้มอีกต่อไปเมื่อรับรู้ผ่านริมฝีปากและเสียงหัวใจว่าเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงนี้คงไม่ปล่อยให้เขาล้มลงอย่างแน่นอน

OOOOOO

“พลุ เปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เรื่องอะไรครับ” ภาวัฒน์ตอบพร้อมกับเปิดประตูห้องเช่าออกมา

“จวนได้เวลาแล้วนะจะไปหรือยัง” ศุภพัฒน์เดินตามออกมาจากในห้องพร้อมกับช่วยลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย “เดี๋ยวก็ตกเครื่องจนได้”

“เดี๋ยวก่อน!” ปาวัสม์รีบพุ่งไปยืนขวางหน้าประตู “อย่าเพิ่งไปฉันขอคุยอะไรด้วยแป๊บนึง”

ศุภพัฒน์มองหน้าทั้งสองสลับกัน “มีอะไรก็พูดมาเลยครับ ผมกับพลุไม่มีความลับต่อกันยังไงเดี๋ยวเขาก็เล่าให้ผมฟัง”

“แต่...” ปาวัสม์อึกอัก

“ขอโทษนะเทมส์” ภาวัฒน์บอกเรียบๆ “แต่ขอเวลาแป๊บนึงนะ”

ศุภพัฒน์ย่นคิ้วแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และยอมก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี

“มีอะไรครับ” ภาวัฒน์ถามเมื่ออยู่กันแค่สองคน

“นายจะกลับบ้านเหรอ ใจร้ายจังไม่เห็นบอกกันสักคำเลยนะ จะได้ฝากของไปให้พ่อเจ้าเทมส์บ้างคราวที่แล้วก็รบกวนไว้เยอะ แล้วก็คุณพ่อนายอีก”

“ผมเห็นหมอปืนยุ่งๆ อยู่ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร”

“สำคัญสิ!” ปาวัสม์หลุดปากเสียงดังออกไปจนได้ “ก็นายกำลังจะหนีฉันไปเรียนต่อนี่”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลงด้วยความตกใจ “ผมไม่ได้หนี ผมแค่กลับไปเรียนต่อ แล้วมันไม่ดีหรือไงครับ”

“แล้วทำไมต้องเป็นฝรั่งเศส ไกลนะนั่น...” เสียงของปาวัสม์แผ่วค่อยลงเรื่อยๆ เมื่อใจเริ่มรับรู้ถึงระยะทางของความห่างที่เพิ่มมากขึ้นทุกที “กว่าจะสอบ... ทำพาสปอร์ต ขอวีซ่า จองที่พัก ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ไม่ได้ใช้เวลาแค่วันสองวันด้วย นี่นายวางแผนหนีฉันมานานแล้วสิ”

“ตั้งแต่สามปีที่แล้ว” ภาวัฒน์ยอมรับ

“สามปี! นี่นายวางแผนหนีฉันตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลยเหรอ”

ภาวัฒน์หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลใบหนึ่งออกมาส่งให้คุณหมอหนุ่ม “ตอนนั้นที่ผมทะเลาะกับพ่อรุนแรงถึงขั้นต้องหนีออกจากบ้านเพราะไอ้นี่แหละ”

ปาวัสม์รับไปดูด้วยความตกใจ มันคือผลการตอบรับเข้าศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ ลงตราประทับของมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส

“ผมทำใจไม่ได้ที่ต้องจากที่นี่ไปโดยยังไม่มีโอกาสได้เจอหมอปืนสักครั้ง แต่โชคดีที่พ่อเขาไม่เชื่อคำพูดผมที่ว่าจะเป็นหมออย่างเอาเป็นเอาตาย เลยส่งหนังสือไปทำเรื่องดร๊อปเรียนไว้ด้วยปัญหาทางสุขภาพ” ภาวัฒน์เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ก็ผมตาบอดสีนี่ แล้วนี่ก็ได้เวลาต้องกลับไปเรียนแล้ว”

ปาวัสม์ส่งเอกสารคืนให้ “แล้วเขาให้เขาเริ่มเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”

“อีกสองเดือนครับ”

ปาวัสม์ตกใจไม่น้อยกับระยะเวลาที่กระชั้นเหลือเกินแต่ยังคงปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติ “แล้วนายจะกลับมากรุงเทพอีกทีเมื่อไหร่”

“วันศุกร์หน้าครับ”

“วันนั้นฉันเข้าเวรพอดี คงไม่ได้ไปรับหรอกนะ”

“ไม่เป็นไรครับเพราะถึงยังไงเทมส์ก็ไปรับอยู่ดี แล้วตกลงคุณหมอมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ภาวัฒน์ตัดบทเพราะได้เวลาต้องไปแล้ว

ปาวัสม์เม้มปากสนิท อยากบอกรักใจแทบขาดแต่ก็พูดไม่ออกเสียแล้ว 

“ฉันแค่อยากมาส่งน่ะ” เขาบรรจงวาดรอยยิ้มที่คิดว่าดีที่สุดขึ้นบนเรียวปากและยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั้นเป็นครั้งสุดท้าย “เดินทางปลอดภัยนะคนเก่ง”

ใจนึกอยากจะดึงตัวเข้ามากอดแน่นๆ แล้วตะโกนห้ามไม่ให้ไป แต่เขาก็คงทำได้แค่คิด เพราะนี่เป็นทางที่เด็กหนุ่มเลือกแล้วและอนาคตของมันก็สวยงามเกินกว่าจะมาจมอยู่กับคนในความหลังอย่างเขา ณ ตอนนี้ในสถานะ ‘พี่ชาย’ คงทำได้แค่กลั้นน้ำตาแล้วยิ้มส่งจนสุดสายตาสินะ

“ไปยัง” ศุภพัฒน์ถามขึ้นเบาๆ

ภาวัฒน์หันไปพยักหน้าให้ เขาคว้ากระเป๋าและเดินไปจนสุดทางแล้วเมื่อหันกลับมาเห็นปาวัสม์ยังยืนมองอยู่ ฉับพลันขาทั้งสองข้างราวกับมีโซ่ตรวนเลื้อยขึ้นมาพันธนาการไว้ไม่ให้ไปไหน “หมอปืน” กระซิบเรียกเสียงแผ่วและรู้ทันทีว่าแท้จริงแล้วน้ำหนักนั้นไม่ได้ถ่วงอยู่ที่ขาแต่เป็นที่หัวใจนี่ต่างหาก

“รีบเรียนจบกลับมาเร็วๆ นะ” ปาวัสม์ตะโกนไล่หลังพร้อมทั้งโบกมือให้

“ลาก่อนครับ” ภาวัฒน์บอกก่อนจะเม้มริมฝีปากปิดสนิทและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองร่างสูงซ้ำสอง

*******************************************TBC***********************************************

ขอบคุณทุกๆ การติดตามและคอมเมนท์ค่ะ
 
เลกกี้ยังคงยืนยันคำเดิมอีกสักหลายๆ ครั้งว่า 'ขอบคุณ'... ทั้งที่เป็นคน(อยาก)เขียน แต่ขอโทษจริงๆ ที่ไม่รู้หาคำไหนมาตอบแทนคนอ่านได้ดีกว่านี้

นี่ไม่ใช่ทั้งฟิคและนิยายเรื่องแรกในชีวิต และอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด แต่มันมีความหมายมากในหลายๆ อย่าง
 
รวมทั้งสาเหตุที่เราเลือกอัพตอนนี้ 'วันนี้' ด้วย

รักทุกคนและทุกคอมเมนท์ ขอบคุณค่ะ^________________^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 13-06-2015 00:27:53
เรื่องจริงมันหน่วงใจจังนะ...หืออออ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-06-2015 00:39:19
โฮรรรร หมอปืน ไม่ล่ายหลั่งใจจจจ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2015 00:41:47
เฮ้อออออ.
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 13-06-2015 01:25:10
ฮืออออออ
แต่ตอนหมออวยพรให้ในฐานะพี่ชายเนี่ยเท่ห์มากๆเลยนะ แต่แบบบ แง๊
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 13-06-2015 01:26:56
เฮอ..ตอนนี้มันหน่วงใจอะ :hao5:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 13-06-2015 01:28:58
หมอออออออ ไหงงั้นอ่ะ กล้าๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-06-2015 01:53:51
กล้าหน่อยไม่ได้หรือไงคุณหมอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-06-2015 02:06:51
ดีแล้ว แค่นี้แหละ เป็นแค่พี่ชายก็พอ ปล่อยพลุไปเหอะ ปากหนักอย่างนี้เป็นได้แค่นี้ก็ดีแล้วหล่ะลุงหมอ  :seng2ped:

จะจิกกัดลุงหมอจนวินาทีสุดท้ายนู่นแหละ อยู่บนคานไปเถอะพ่อคู๊ณณณณ  :L3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-06-2015 02:25:20
พ่อหมอควายเผือกคะ ใจคอจะให้น้องรอลุงอีก 3 ปีเชียวหรือคะ?
3ปีนี่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะ  ถ้ามีลูกก็โตพูดได้เลยนะคะ
ไปดูหมอจิวกับคุณตำรวจสิเขาไปถึงไหนกันแล้ว

ถ้าไม่พูดก็เป็นได้แค่พี่ชายแหละค่ะ    พี่หมอเผือกของน้องพลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 13-06-2015 03:41:41
มันเศร้าจริงแต่เฟลมากกว่า
คุณหมอขาน้องเค้าจะไปแล้ว
ยังปากแข็งไม่บอกรักอีก
อยากทึ้งหัวหมอว่าคิดไร
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-06-2015 11:44:42
หมอปืนคิดว่าคำรักจากหมอ
จะฉุดรั้งอนาคตของพลุอีกใช่มั้ย
ไม่แน่คำรักอาจเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-06-2015 12:03:20
น้ำตาท่วม...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 13-06-2015 14:27:28
โอ้ยน้ำตาคลอ หมอปืนคำว่ารักถ้าไม่พูดออกมาพลุก็ไม่รู้หรอกนะเฮ้อ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 13-06-2015 23:13:07
เฮ้ย...หมอปืน..หมอบ้าเปล่าวะนี่ จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกอะไรออกไป พอเลยปล่อยให้เหี่ยวแห้งตายไปเลย พลุหาใหม่เอาหนุ่มฝรั่งมาเย้ยเลย โมโหเฟ้ยยยย...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-06-2015 12:31:01
น่าสงสารพลุนะ ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย
หมอปืนทำตัวเองทั้งนั้นถ้าจะโดดเดี่ยวต่อไปก็เรื่องของหมอเถอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-06-2015 17:46:49
น้ำตาจิไหล
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 15-06-2015 23:35:25
หมอปืนกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ว่ายากแล้ว นี่จะยอมปล่อยให้พลุไปง่ายๆ อีกหรอ งื่อออ >.<
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 16-06-2015 20:05:31
ทำไมปากหนักยังงี้หมอปืนนนน :katai1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Trisul ที่ 17-06-2015 06:07:10
อ๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฉากคุณหมอวิทยานี่ทำเอายิ้มซะเมื่อยเเก้มเลย   :-[

รอตรมเรื่องฝั่งหมอปืนต่อไป
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-06-2015 20:20:27
โอ๊ยอิหมอปืนนนนน.   :katai1:

ช้าตลอดๆๆๆๆ เลยเรื่องหัวใจเนี่ยะ คิดไรอยู่ อยากตบกระหม่อมลุงซักป๊าป

น้องพลุไปประเทศนึง ลุงไปประเทศนึง กว่าพลุจะเรียนจบ

กว่าจะเจอกัน. ลุงไม่เหนียงยาน หย่อนสมรรถภาพทางกายไปแล้วมั๊ง :ling1:

รอติดตามตอนต่อไปว่าอิตาลุงจะได้รักกับกับพลุเมื่อเกษียณรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา [13/06/58] p.15
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 19-06-2015 10:21:52
บทที่ 16 สัญญา

“เดินทางปลอดภัยนะปืน” วิทยาตบบ่าปาวัสม์ครั้งหนึ่งพร้อมทั้งอวยพรให้โชคดี

ตอนนี้ขาของวิทยาดีขึ้นมากจนแทบจะกลับมาเดินเหินได้เป็นปกติ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างรติพัทธก็ยังคงเป็นห่วงจนเกินเหตุและต้องทำท่าจะเข้ามาประคองทุกครั้งเพียงแค่วิทยาจะขยับตัวไปทางไหน จนทั้งปาวัสม์และนุชนันท์หมั่นไส้แทบทนไม่ไหวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบยิ้มให้กันเพราะตอนนี้วิทยาดูจะมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พี่ปืนไม่ต้องรีบกลับมาหรอกนะครับ” รติพัทธบอกแม้วิทยาจะยืนยันว่าตัดใจจากปาวัสม์แล้วและตกลงปลงใจรับรักเขา แต่รติพัทธก็ยังอดห่วงเล็กๆ ไม่ได้อยู่ดี “ถ้าเกิดติดใจที่โน่นก็หาสาวฝรั่งอึ๋มๆ ดามใจแล้วแต่งงานอยู่กินกันไปเลยก็ได้นะครับ ไม่ห่วงเพื่อนพี่ทางนี้เดี๋ยวผมดูแลเอง”

“ห่วงแต่จิวเถอะไม่ต้องมาดูแลฉัน” นุชนันท์แกล้งว่าและหันไปหาปาวัสม์ “ตกลงเอาแบบนี้จริงๆ น่ะ” เธอถามย้ำให้แน่ใจเป็นครั้งสุดท้ายแม้จะรู้ว่าไม่ช่วยอะไร

จริงๆ แล้วกำหนดวันเดินทางของปาวัสม์คืออีกหนึ่งอาทิตย์นับจากนี้ แต่เจ้าตัวกลับมาขอเลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นวันนี้ ตั้งใจให้ตรงกับวันที่ภาวัฒน์จะกลับมากรุงเทพอีกครั้ง เพราะไม่อยากเจอให้ต้องเจ็บปวดอีกและเขากลัวว่าถ้าเจอกันครั้งนี้จะตัดใจปล่อยมือเด็กหนุ่มไปไม่ได้

“อืม” ปาวัสม์ยิ้มทั้งที่นัยน์ตาเศร้า “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วจะเปลี่ยนใจได้ยังไงล่ะ” เขาชูให้ดูตั๋วเครื่องบินในมือที่ไปเชคอินมาเรียบร้อย “อยู่ทางนี้ดูแลตัวเองดีๆ นะอุ้ม พักผ่อนบ้าง กินข้าวเยอะๆ ระวังอย่าให้ผอมล่ะเดี๋ยวอีกสองปีฉันกลับมาเธอจะสวยขึ้นจนฉันจำไม่ได้”

“จะไปแล้วยังพูดมากอีกนะ” นุชนันท์ตีไหล่ร่างสูงหยอกๆ “มาให้ฉันกอดอีกทีแล้วรีบๆ เข้าเกทไปได้แล้วไป”

“ครับที่รัก” ปาวัสม์รับคำพร้อมทั้งโอบสองแขนรอบตัวสาวร่างอวบก่อนจะปล่อยเธอและหันไปหาหนุ่มหน้าตี๋ที่มีผู้หมวดหนุ่มยืนจ้องเขาตาเขม็ง ปาวัสม์เอียงคอมอง “ฉันว่าฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครนะ” พูดจบก็รวบคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดแนบแน่น “ดูแลตัวเองดีๆ นะจิว”

“หมอจิวมีผมดูแลอยู่แล้ว พี่ปืนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” รติพัทธแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ทั้งสองผละออกจากกันเสียที

“ความรักน่ะมันก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรานี่เอง ลองมองหาดูดีๆ แล้วสักวันนายก็จะหามันเจอเองน่ะแหละ” วิทยากระซิบบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออก “โชคดีนะปืน”

OOOOOO

“นี่จิว” นุชนันท์เรียกหลังจากเดินกลับมาขึ้นรถ เธอนั่งอยู่ในตอนหลังในขณะที่วิทยานั่งคู่กับคนขับซึ่งก็คือรติพัทธ “ถามจริงเถอะนายมีแผนอะไรอยู่อีกใช่ไหม”

“แผนอะไรอีกล่ะ”

“เรื่องเลื่อนตั๋ว” นุชนันท์ถาม “ทำไมนายถึงไม่ถามอะไรปืนสักคำ แถมยังเป็นคนดำเนินการหาให้เสร็จสรรพ”

“เธอนี่รู้ทันฉันไปซะทุกเรื่องจริงๆ นะ” วิทยายิ้มมุมปาก เขาก็แค่อยากจะแก้ตัวเรื่องที่เดาประเทศผิดไปหน่อย “นี่ถ้าปืนได้สักครึ่งหนึ่งของเธอก็ดีสิ ป่านนี้รักแรกของฉันอาจจะสมหวังไปแล้วก็ได้”

“ไม่ดีหรอกครับ” รติพัทธแทรกขึ้น เสียงขุ่นอย่างเห็นได้ชัด “หมอจิวมีผมดูแลดีอยู่แล้วทั้งคน”

“เหรอ” วิทยาทำเสียงสูงใส่และสบตานุชนันท์ทางกระจกมองหลัง “ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกอุ้ม แค่สร้างโอกาส ส่วนที่เหลือมันจะกลายเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฟ้ากับคนสองคน”

OOOOOO

ปาวัสม์เดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ในดิวตี้ฟรีของอาคารผู้โดยสารขาออก พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้เขาได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้เมื่อหกปีที่แล้ว เหตุการณ์ที่พลิกผันและเป็นแรงผลักดันให้เขาค้นพบเป้าหมายและความสุขของการเป็นหมอ จนกระทั่งหกปีต่อมาเด็กผู้ชายคนเดิมที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งและสอนให้เขาได้เรียนรู้ว่า ‘รักแท้’ นั้นมีอยู่จริง

เขาเดินไปบนทางเลื่อน คู่รักที่อยู่ข้างหน้าดูท่าจะมีจุดหมายเดียวกับเขา ทั้งสองกอดและจู๋จี๋เล่นกันราวกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังจะไปฮันนีมูน ความหวานของทั้งคู่ทำเอาคนรักคุดอย่างปาวัสม์หมั่นไส้จนต้องเบือนหน้าหนี

“ความรักมีอยู่รอบตัวฉันจริงๆ น่ะแหละ” เขารำพึงกับตัวเอง

แต่แล้วหัวใจก็เกือบจะหยุดเต้นเมื่อร่างโปร่งที่แสนคุ้นตาเพิ่งจะเดินสวนไปบนทางเลื่อนฝั่งตรงข้าม

“พลุ!”

ปาวัสม์เกาะขอบทางเลื่อนชะโงกหน้าไป แต่เด็กหนุ่มดูท่าจะไม่ได้ยินและเคลื่อนไกลจากเขาไปทุกขณะ  คุณหมอหนุ่มมองย้อนไปตามทางของตนเองที่มีคนเดินอยู่เต็ม เขาหันกลับไปมองด้านหน้าซึ่งก็เหลือระยะทางอีกพอสมควรและคนก็เยอะไม่ต่างกัน 

...จะเอายังไงดี จะตามดีไหมเนี่ยดูไม่น่าจะทันเลยนะ...

ปาวัสม์คิดอย่างสับสนแต่แล้วคำพูดของวิทยาก็ดังขึ้นในหัว

‘ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุผลอย่ามัวแต่ใช้สมองคิดอะไรไร้สาระอยู่แบบนี้ นายต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจแล้วลองทำตามที่มันบอกดู’

“ทำตามหัวใจ” ปาวัสม์ตัดสินใจได้เด็ดขาดและออกวิ่งเต็มฝีเท้าทันที “ขอโทษนะครับ” เขาร้องบอกคู่รักที่กำลังกอดกันกลมตรงหน้าและอีกหลายๆ คนที่ต้องแทรกผ่านมา จนมาถึงสุดทางเลื่อน ปาวัสม์หันมองกลับไปเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มยังอยู่ไกลๆ

เขาไม่ยอมเสียเวลาพักหายใจและรีบวิ่งตามไปทันที

“พลุ!” เขาร้องเรียกเสียงดัง แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมา ปาวัสม์เร่งฝีเท้าขึ้นอีก ในที่สุดเขาก็วิ่งทันและฉวยข้อมือนั้นไว้ได้ “เดี๋ยวก่อนสิพลุรอฉันด้วย”

เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขาด้วยความตกใจ “คุณเป็นใครครับ”

ปาวัสม์หน้าเหรอ ถึงจะดูคล้ายแต่คนตรงหน้าก็ไม่มีทางเป็นภาวัฒน์ไปได้เด็ดขาด เขารีบปล่อยแขนเด็กหนุ่มพร้อมทั้งค้อมศีรษะให้ “ขอโทษครับผมทักคนผิด”

รู้สึกหน้าชาไปหมดที่หลงวิ่งตามคนผิดเสียตั้งนาน แถมตอนนี้ผู้โดยสารขาออกหลายๆ คนก็พากันหันมามองเพราะเสียงที่เขาตะโกนเรียกเด็กหนุ่มนั้นก็ไม่ใช่เบาๆ เสียด้วย

“คราวที่แล้วก็เพิ่งทักหัวหน้าผิดไป นี่ฉันคิดถึงจนเบลอไปแล้วเหรอไงเนี่ย”

ปาวัสม์ถอดแว่นออกขยี้ตาพลางหมุนตัวกลับ แต่แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงจากการออกแรงวิ่งก็เกือบจะหยุดนิ่งเช่นเดียวกับเวลารอบตัวที่ราวกับหยุดเคลื่อนไหว เมื่อคนที่เรียกหากลับมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ

“พลุ” เขารีบยกแว่นขึ้นสวมและเพ่งดูให้แน่ใจว่าคราวนี้เขาไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป “นี่นายจริงๆ ใช่ไหม”

“หมอปืนมาทำอะไรที่นี่” ภาวัฒน์ถาม เขากำลังตรงไปที่เกทแต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อดังลั่นจนต้องเดินกลับมาดู

“ฉันจะไปดูงานที่ลาสเวกัส” ปาวัสม์บอก “แล้วนายล่ะกำลังจะไปไหนนี่มันฝั่งผู้โดยสารขาออกไม่ใช่เหรอ ไหนว่าจะเริ่มเรียนอีกสองเดือนไง งั้นที่บอกว่าวันนี้จะกลับกรุงเทพก็โกหกน่ะสิ”

“ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องกลับอย่างดื้อดึง “ก็มากรุงเทพแล้วไปฝรั่งเศสเลยไง ผมต้องไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาก่อน... แล้วทีหมอปืนล่ะไปดูงานถึงอเมริกาไม่เห็นบอกผมเลย นี่ไปดูงานเรื่องอะไรครับ”

“เวชศาสตร์ฉุกเฉิน” ปาวัสม์ตอบ “ฉันจะไปเข้าคอร์สและไปทำงานร่วมกับเขาสองปี”

“นานจัง”

“ไม่นานเท่าสี่ปีของนายหรอก”

เกิดความเงียบขึ้นเมื่อทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไร ต่างคนต่างจ้องตาราวกับมีเรื่องอยากจะบอก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมานอกจากคำบอกลาตามมารยาท

“ผมไปก่อนนะครับ” ภาวัฒน์กระซิบ

“โชคดี”

“บังเอิญจังนะครับที่เรามาเจอกันที่นี่ได้”

นัยน์ตาคมหม่นเศร้าเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีดำขลับที่หม่นแสง เด็กหนุ่มกำลังจะเดินผ่านเขาไปอยู่แล้วเมื่อปาวัสม์ตัดสินใจพูดออกไป

...คนสองคน เจอกันครั้งแรกอาจเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองนับเป็นโชคชะตา แล้วครั้งที่สามนี่ล่ะจะถือว่าเป็นพรหมลิขิตได้หรือเปล่า...

“ฉันเลิกกับนิวแล้วนะ และที่ฉันต้องไปอเมริกานี่ก็เพราะผอ.สั่งให้ฉันช่วยไปให้พ้นๆ หน้าระหว่างที่เธอทำใจน่ะ”

ภาวัฒน์หยุดฝีเท้าและหันมาหาเขาทันที “ทำไมหมอปืนถึงเลิกกับเธอล่ะครับ”

...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ถ้าวันนี้ เขาไม่คว้าโอกาสในครั้งที่สามนี้ไว้ มันอาจไม่มีครั้งที่สี่และเขาอาจจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต...

“ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”

...โอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้สารภาพความในใจ...

“เพราะฉันรู้แล้วว่าฉันรักใคร แต่ตอนนี้ใครคนนั้นก็กำลังจะจากฉันไปไกลแล้ว”

ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางให้คนตรงหน้า ปาวัสม์กำลังจะเดินจากไปเมื่อเสียงทุ้มเรียกไว้

“เดี๋ยวครับ”

ร่างสูงหันหลังกลับมา หัวใจเต้นโลดขึ้นอย่างมีความหวัง “มีอะไรเหรอ”

“หมอปืนไปผิดทาง เมื่อกี้หมอปืนวิ่งมาจากทางโน้นไม่ใช่เหรอ”

ปาวัสม์หัวเราะพร้อมทั้งเกาศีรษะแก้เก้อ “คนมันแก่แล้วก็เงี้ยหลงๆ ลืมๆ”

“ก็คงใช่แหละครับ” ภาวัฒน์กระซิบ “นอกจากจะหลงทาง ซื่อบื้อ แถมพอเหล้าเข้าปากก็ไม่เคยจำอะไรได้สักอย่าง”

ขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงักเมื่อในที่สุดคำพูดที่เคยลืมไปแล้วของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในห้วงความคิด

‘ผมไม่ได้อยากเป็นหมอ ผมแค่อยากจะช่วยเป็นกำลังให้เขา และอยู่เคียงข้างเขาก็เท่านั้นเองครับ’

ขณะที่พูดฝ่ามือที่กุมแก้วเหล้าสั่นน้อยๆ และแก้มก็แดงเรื่อไปจนถึงใบหูเมื่อคุณหมอหนุ่มถามคำถามต่อไป

‘เขาที่ว่านี่คือพ่อของนายเหรอ ‘

คนผมน้ำตาลเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่นัยน์ตาสีดำขลับจะช้อนขึ้นสบตาเขาและตอบคำถาม

‘เขาเป็นผู้มีพระคุณของผมครับ’

“ที่ทำทั้งหมดนี่เพราะนายอยากจะอยู่เคียงข้างฉันอย่างนั้นเหรอ”

นัยน์ตาคมเบิกโพลง มือใหญ่กำแน่น เพิ่งเข้าใจในทุกรอยยิ้มและการกระทำของคนที่เคยน้อยใจ เป็นเขาเองต่างหากที่ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่ภาวัฒน์มีให้เขาตลอดมาเลย

ปาวัสม์กลับหลังหันอีกครั้งและกำลังจะออกวิ่งเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วคนที่ตั้งใจจะไปตามยังไม่ได้เดินจากไปไหนเลย เขาก้าวเข้าไปหาและคว้ามือเด็กหนุ่มไว้แน่น

“ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าจริงๆ แล้วนายคิดยังไงกับฉันกันแน่”

“หมอปืนคือคนเดียวที่ผมคิดถึงและอยู่ในใจตลอดหกปีที่ผ่านมา”

คำตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาหัวใจที่ห่อเหี่ยวมาหลายวันเต้นรัวอย่างลิงโลด ร่างสูงเม้มปากสนิท มือใหญ่คว้ามืออีกข้างของภาวัฒน์มากุมแน่น

 “ฉันก็รั...”

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ” ภาวัฒน์ตัดบทพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากเขา นัยน์ตาสีดำขลับสบนัยน์ตาคมแน่วนิ่งด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาด “อีกสี่ปีผมจะกลับมา ไว้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยพูดได้ไหมครับ เพราะถ้าหมอปืนพูดตอนนี้ผมคงไปไม่ได้ และสี่ปีมันก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ ถ้าเกิดว่าระหว่างนี้หมอปืนเกิดเปลี่ยนใจ...”

“ฉันมันไม่น่าเชื่อใจขนาดนั้นเลยเหรอ” ปาวัสม์ดึงมือภาวัฒน์ออกจากปากและแกล้งตัดพ้อ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มเองก็กังวลในเรื่องเดียวกัน

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื่อใจหรอกครับ แต่ผมไม่อยากเป็นภาระและอยากให้หมอปืนคิดทบทวนดูให้ดี... ผมเป็นผู้ชายนะครับ ไม่ใช่แค่หนทางข้างหน้าจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ระหว่างเรามันไม่มีอนาคตเลยนะครับ”

“นั่นน่ะสิ ไหนจะชีวิตหลังเกษียณ แก่ตัวไปก็ไม่มีลูกหลานมาดูแลด้วย” ปาวัสม์แกล้งว่า ทุกปัญหาที่เด็กหนุ่มพูดมานั้นทำเขากลุ้มใจจนแทบบ้ามาหลายวัน แต่เพียงแค่คำว่า ‘รัก’ ชัดเจนขึ้นในใจและตราบใดที่มีนายอยู่เคียงข้างเขารู้ว่าจะผ่านมันไปได้ “เอาเป็นว่าฉันจะรอ... แค่สี่ปีเท่านั้นนะ ถ้านานกว่านั้นฉันจะ...”

“ไม่จำเป็นต้องรอผมเลยครับ” ภาวัฒน์รีบบอก “หมอปืนจะไปรักใครก็ได้...”

“ฉันกำลังจะบอกว่าถ้านานกว่านั้นฉันบินตามนายไปต่างหาก” รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มริมฝีปาก “ฉันอดใจไม่เจอคนรักนานขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลง คาดไม่ถึงกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน

“อย่าให้คนแก่รอนานนักนะ เดี๋ยวเรี่ยวแรงมันจะไม่มีเหลือ”

“คนแก่อะไรหน้าตาดีขนาดนี้” ภาวัฒน์กระซิบ “และถึงเรี่ยวแรงจะไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ... เดี๋ยวผมทำเองก็ได้”

นัยน์ตาคมหรี่มองทางหางตา

“หมายถึงเรื่องดูแลคุณหมอน่ะ” ภาวัฒน์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางก้มลงมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ “ได้เวลาบอร์ดดิ้งพาสแล้ว ผมต้องไปแล้วล่ะครับเดี๋ยวจะตกเครื่อง”

“โชคดีนะพลุ ถ้ามีอะไรก็เมลหาฉันได้ตลอดเลยนะ”

“ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบส่งข้อความไง”

“ก็ไม่ได้ชอบส่ง” ปาวัสม์ว่า “แต่ชอบคนส่ง มีปัญหาไหม”

“ถ้าผมเรียนไม่เข้าใจผมเมลหาหมอปืนได้ไหม”

“ได้สิ”

“ถ้าไม่สบายเมลปรึกษาเรื่องยาได้ไหม”

“ได้”

“ถ้าทะเลาะกับเพื่อนล่ะ”

“ได้”

ภาวัฒน์นิ่งไป ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นบาง เขาสบตาร่างสูงอย่างชั่งใจก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว “แล้วถ้าแค่เหงาล่ะ” จากบ้านไปเรียนไกลถึงสี่ปี ขนาดยังไม่ทันขึ้นเครื่องเขาก็ Homesick ซะแล้ว

“ได้” ปาวัสม์บอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหนุ่มที่วันนี้ไม่สะบัดหนีแถมยังอิงแอบลงซุกในฝ่ามือใหญ่ “ได้ทุกอย่างเลย มีอะไรก็บอกห้ามเก็บไปร้องไห้คนเดียวนะ... สู้ๆ นายทำได้อยู่แล้วคนเก่ง เอาล่ะ ไปได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”

“บอกให้ผมไปหมอปืนก็ปล่อยมือสิครับ”

ปาวัสม์ยิ้มเขินพร้อมกับปล่อยมือแต่เมื่อสัมผัสอบอุ่นนั้นคลายออกเขาก็รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที นัยน์ตาคมก้มลงมองฝ่ามือที่ว่างเปล่าแต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อนพลุ” เขาเรียกเด็กหนุ่มพร้อมกับคว้ามือไว้อีกครั้ง “บัตรประจำตัวอันเก่าฉันน่ะ นายยังเก็บไว้กับตัวใช่ไหม”

ภาวัฒน์พยักหน้าพร้อมกับหยิบมันออกมา “ทำไมหรือครับ”

“ฉันขอคืนนะ” ปาวัสม์ดึงมันคืนมาจากมือคนผมน้ำตาลที่หน้าเสียไปถนัด “แล้ว...” เขาเว้นวรรคพร้อมกับเปิดกระเป๋าถือและค้นหาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาบัตรประจำตัวของโรงพยาบาลใบใหม่ล่าสุดออกมายัดใส่มือเด็กหนุ่ม “ฉันลืมมันไว้ที่นาย อีกสี่ปีเอามาคืนด้วยนะ”

นัยน์ตาสีดำขลับตวัดมองดูบัตรในมืออึดใจก่อนจะช้อนขึ้นสบตาร่างสูงพร้อมกับอมยิ้ม “ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับที่จะเอาของแบบนี้มาล่อน่ะ แล้วอันนี้ก็ไม่มีตุ๊กตาโดราเอมอนด้วย”

“แต่มันมีคำสัญญาระหว่างเรา” ปาวัสม์ใช้มือข้างหนึ่งกุมทับมือเด็กหนุ่มที่ถือบัตรประจำตัวของเขาไว้ และยกมืออีกข้างขึ้นประคองข้างแก้มรั้งให้หันมาสบตา “สัญญานะว่าอีกสี่ปีนายจะเอามันมาคืน”

OOOOOO

บนถนนปูอิฐตัวหนอนสีแดงบริเวณลานกว้างหน้าอาคารเรียนสีน้ำตาลของมหาวิทยาลัยคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากกว่าปกติ เนื่องจากวันนี้เป็นวันรับใบประกาศนียบัตรจบการศึกษา บ้างก็รวมกลุ่มถ่ายรูปกันเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก บ้างก็ถ่ายกับครอบครัวและคนรัก

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งในชุดสูทพิธีการสีดำสนิทกลับเดินไปบนถนนเพียงลำพัง เค้าโครงหน้าแบบคนเอเชียแท้ๆ ทำให้เขาดูแปลกแยกไปจากคนอื่นๆ ที่นี่อย่างสิ้นเชิง ภาวัฒน์หยุดยืนใต้ร่มเงาไม้มองใบประกาศนียบัตรในมือที่เขาดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนไกลถึงเมืองหลวงของฝรั่งเศส ประเทศซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นรากฐานของกฏหมายโลก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองป้ายโลหะสีทองบนพื้นอิฐสีแดงบ่งบอกชื่อสถาบันที่หล่อหลอมเขาตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา

การมาไกลถึงที่นี่สอนอะไรให้เขาหลายๆ อย่างนอกจากความรู้อันเข้มข้นทั้งเรื่องการใช้ชีวิตลำพัง ความรับผิดชอบ รวมทั้งเรื่องของความรัก

จากอีเมลฉบับแรกที่เขาเริ่มต้นเขียนถึงปาวัสม์นับตั้งแต่เหยียบย่างสู่ปารีสมาจนถึงวันนี้มีร่วมร้อยกว่าฉบับแล้ว มันเป็นหนึ่งในกำลังใจไม่กี่สิ่งนอกจากพ่อและแม่ที่ช่วยให้เขายืนหยัดผ่านช่วงเวลาที่ท้อแท้และค่ำคืนในฤดูหนาวที่เหงาจนแทบขาดใจมาได้ แม้ว่าช่วงสองปีหลังที่ปาวัสม์กลับไปอยู่เมืองไทยอีกครั้งจะตอบอีเมลเขาน้อยลงจนน่าใจหายก็ตาม แต่ภาวัฒน์ก็เข้าใจดีเพราะด้วยหน้าที่การงานที่เคยได้เห็นมาทำให้เขาจินตนาการได้ไม่ยากว่าปาวัสม์คงจะหมดเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการดูแลคนอื่นจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างที่เป็นมาโดยตลอด เพียงแค่เปิดอ่านข้อความของเขาและตอบมานานๆ ครั้งนั่นก็เพียงพอแล้ว

ในขณะที่กำลังเหม่ออยู่นั่นเองหญิงสาวผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามากอดเขาจากทางด้านหลัง

“I will miss you, guy” เธอบอกพร้อมกับจูบเขาที่แก้มครั้งหนึ่งก่อนจะผละจากไป

“See you babe” ภาวัฒน์โบกมือให้เธอก่อนจะหันมาสนใจใบประกาศของตัวเองอีกครั้ง เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงและหยิบเอาบัตรประจำตัวใบหนึ่งที่ไม่เคยเอาไว้ห่างตัวเลยตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมาขึ้นมาดู รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนเรียวปาก

แม้ว่าอีเมลฉบับสุดท้ายของปาวัสม์จะหายไปนานกว่าสามเดือนแล้วก็ตามแต่ภาวัฒน์ก็ยังคงไม่สิ้นหวัง แม้ว่าบางทีจะมีช่วงที่เขาเอาแต่จินตการว่าคุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านอีเมลของเขาพร้อมกับใครคนอื่นก่อนจะหัวเราะอย่างขบขันและกดลบมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีบัตรใบนี้กับคำสัญญาที่ให้ไว้ และตอนนี้ก็ได้เวลากลับไปหาเจ้าของคำสัญญานั้นสักที 

“ผมกำลังจะกลับไปหาแล้วนะ”

ภาวัฒน์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับบอกตัวเองหนักแน่นว่าไม่เป็นไรถ้าจะต้องผิดหวัง ถึงอย่างไรการที่ได้รักมันก็มีความสุขมากมายแล้ว เขาลดสายตาลงและหมุนตัวกลับแต่ด้วยความไม่ทันระวังจึงไปชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมแว่นตากันแดดสีดำและชุดสูทหรูแบรนด์ดังที่หล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่ศีรษะที่จัดทรงผมมาเป็นอย่างดีไปจนถึงรองเท้าหนังที่เป็นมันปลาบ

“โอ๊ย!!” ภาวัฒน์ร้องเสียงดังและเซจนแทบจะล้มเมื่อมือข้างหนึ่งเอื้อมมาคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน

“Sorry (ขอโทษครับ)” ชายคนนั้นบอก

ภาวัฒน์หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจและคว้าไหล่อีกฝ่ายไว้แน่นเช่นกัน “I’m ok (ผมไม่เป็นไร)” กระซิบพลางพยามยืนทรงตัวด้วยตัวเอง แต่แทนที่จะปล่อยชายหนุ่มกลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก จนเขาต้องออกปาก “please let me go (ปล่อยได้แล้วครับ)”

“I can’t let you go my naughty boy (ฉันจะไม่ปล่อยนายหนีไปอีกแล้วเจ้าเด็กแสบ)” ชายคนนั้นตอบพร้อมทั้งยิ้มกว้าง “whether you still loving me or not. (ไม่ว่านายจะยังรักฉันหรือไม่ก็ตาม)”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลงเมื่อได้ยินประโยคบอกคำรักที่หวานจนชวนเลี่ยน และเขาต้องใช้เวลาอีกอึดใจกว่าจะรู้ว่าใครกันคือชายที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ “หมอปืน! มาได้ยังไงครับ แล้วทำไม...” ภาวัฒน์พูดไม่ออกเขามองชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชายวัยสามสิบกว่าๆ แน่นอน แถมสิ่งที่ฝ่ามือสัมผัสได้ผ่านชุดสูทนี่ยังเป็นกล้ามเนื้อแข็งๆ ไม่ใช่เนื้อเหลวๆ หรือไขมันนิ่มๆ “ทำไมถึงแต่งตัวหล่อแบบนี้ล่ะ”

“ให้อุ้มกับจิวช่วยเลือกให้น่ะ มีแฟนอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีฉันก็ต้องทำตัวให้ดูดีหน่อยสิ” ปาวัสม์ยิ้มพร้อมกับถอดแว่นกันแดดพับเก็บใส่กระเป๋าและหยิบเอาแว่นสายตาออกมาสวมแทน “แต่แว่นนี่ขอเถอะ ไม่มีมันแล้วฉันมองอะไรไม่เห็นจริงๆ” เขามองสำรวจคนที่คิดถึงมาตลอดสี่ปีที่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนอกจากผิวที่ขาวเนียนอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่ได้ออกไปทำงานกรำแดดเหมือนเมื่อก่อนกับผมสีน้ำตาลที่ยาวขึ้นเล็กน้อยซึ่งวันนี้ถูกจัดทรงเรียบร้อย

“จะใส่หรือไม่ใส่หมอปืนก็หล่อที่สุดในสายตาผมอยู่ดีแหละ” ภาวัฒน์ยิ้มกรุบกริบ

“ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวานเลยเจ้าเด็กแสบ หนีฉันมาไกลถึงปารีสยังอุตส่าห์มาหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ แถวนี้ไปทั่วเลยนะ ฉันเห็นนะว่าเมื่อกี้ทำอะไรกันน่ะ แถมยังเรียกเบบี้ด้วย” ปาวัสม์ประชดด้วยความหมั่นไส้ ลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาแต่แวบแรกที่ได้เห็นหลังจากที่ไม่ได้เจอมาสี่ปีกลับเป็นภาพที่เจ้าตัวยืนให้คนอื่นหอมแก้มไปเสียนี่

“แค่เพื่อนสนิทน่ะครับ” ภาวัฒน์ตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางเปิดซองเอกสารและหยิบเอาใบประกาศกับใบตอบรับเข้าทำงานที่สถาบันทนายความชื่อดังออกมาให้ปาวัสม์ดูด้วยความภาคภูมิใจ “หมอปืนดูนี่สิครับ”

“อะไร” ปาวัสม์รับมาเปิดดูงงๆ ก่อนจะส่งคืน

ภาวัฒน์ดันเอกสารกลับใส่ซอง และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ด้วยเงินเดือนของผมตอนนี้ ต่อให้ไม่มีลูกหลานดูแลตอนแก่ผมก็มั่นใจว่าจะดูแลหมอปืนได้นะครับ แล้วผมก็อายุน้อยกว่าตั้งสิบปี ทีนี้คุณหมอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลชีวิตหลังเกษียณเลยสักนิด”

ปาวัสม์ยิ้มออกมาได้ในที่สุดเมื่อเข้าใจว่าภาวัฒน์กำลังจะสื่ออะไร นี่คงจะคิดมากกับสิ่งที่เขาพูดมาตลอดเลยสินะ... เป็นความผิดเขาเอง โอเค! เดี๋ยวจะขอโทษแบบทบต้นทบดอกให้เลย “ใครเขากังวลเรื่องพวกนั้นกัน ที่ฉันกังวลอยู่ตอนนี้น่ะมีอยู่แค่เรื่องเดียว”

ภาวัฒน์ย่นคิ้ว จู่ๆ ก็นึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจว่าอะไรคือสิ่งที่ปาวัสม์กังวล “เรื่องอะไรครับ”

ร่างสูงคลี่ยิ้มหวานกว้างพร้อมกับชะโงกเข้าไปกระซิบที่ข้างหู “ฉันพูดได้หรือยังว่าฉันรักนาย”

ภาวัฒน์เบี่ยงศีรษะหลบเล็กน้อยด้วยความเขิน “ก็พูดไปแล้วนี่ครับ”

“ว่าแต่เมื่อกี้น่ะ เป็นคำขอแต่งงานที่ทำเอาเคลิ้มเลยนะ” ปาวัสม์หัวเราะในลำคอ

“ผมไม่ได้พูดสักหน่อย” ภาวัฒน์รีบแก้ตัว

“พูดสิ”

“ก็บอกว่าไม่ได้พูด”

“ก็บอกว่าพูดไง”

“ผมแค่บอกว่าไม่ต้องห่วงชีวิตหลังเกษียณ ไม่ได้พูดทำนองว่าคุณหมอครับแต่งงานกับผมเถอะอะไร...” ภาวัฒน์อ้าปากค้างเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกให้พูดอะไรออกไป

“อือ” คุณหมอหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยความดีใจที่ในที่สุดก็หลอกให้คนตรงหน้าพูดออกมาจนได้

“หมอปืน!” ภาวัฒน์ตะโกน ใบหน้าร้อนผ่าวและรู้ทันทีโดยไม่ต้องส่องกระจกว่ามันต้องแดงไปถึงไหนๆ

“ไม่ต้องมาเรียกเสียงดัง ฉันยังไม่แก่หูยังไม่ได้ตึงขนาดนั้น” ปาวัสม์หัวเราะลงคอ ขออาศัยวัยที่อาบน้ำร้อนมาก่อนหลายปีให้เป็นประโยชน์หน่อยละกัน เรื่องอะไรใครจะไปยอมเสียเหลี่ยมให้เจ้าเด็กคนนี้แกล้งปั่นหัวอยู่ได้ฝ่ายเดียวล่ะ “เอาล่ะทีนี้ก็เอาบัตรประจำตัวฉันคืนมาได้แล้ว”

“นี่หมอปืนคิดจะเอาคืนจริงๆ เหรอ”

“ใช่สิ” ปาวัสม์แบมือ “สัญญาไว้แล้วก็ต้องรักษาสัญญาสิ อย่าบอกนะว่าทำหายไปแล้วน่ะ”

“ใครเขาจะกล้าทำหายล่ะครับ” ภาวัฒน์บ่นพร้อมกับหยิบออกมาส่งคืนให้ปาวัสม์ที่รับไปทันที รู้สึกใจหายที่ต้องจากมันไปหลังจากที่พกติดตัวยี่สิบสี่ชั่วโมงมาตลอดสี่ปี

แต่เมื่อภาวัฒน์ดึงมือกลับมาเขาก็พบว่าที่มือข้างซ้ายนั้นมีอะไรบางอย่างติดมาด้วย มันคือนาฬิกาข้อมือสีเงินเรือนหนึ่ง

“บัตรอันนั้นมีสัญญาแค่สี่ปี่ แต่นาฬิกาเรือนนี้จะไม่หยุดเดินไปจนถึงหลังเกษียณเลยนะ” ปาวัสม์ยิ้มกว้างและขยับข้อมือข้างซ้ายของตนให้เห็นนาฬิกาแบบเดียวกันที่ใส่เอาไว้อยู่ก่อนแล้ว “นับจากนี้ไปเวลาทั้งหมดของฉันเป็นของนาย ช่วยดูแลและใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยนะ แล้วก็เลิกเที่ยวไปเจ้าชู้ปากหวานใส่คนอื่นได้แล้ว บอกไว้เลยว่าฉันขี้หึง”

ภาวัฒน์ก้มลงดูนาฬิกาบนข้อมือที่เข็มวินาทีกำลังเดินไปช้าๆ รอยยิ้มกว้างวาดขึ้นเต็มเรียวปาก “อันที่จริงผมไม่เคยไปทำเจ้าชู้ปากหวานใส่ใครเลยนะนอกจากคุณหมอน่ะ”

“ไม่จริง”

“จริงสิ!” เด็กหนุ่มยืนยัน “ไม่เชื่อจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะครับ”

“ยังไงล่ะ”

ปาวัสม์ยังพูดไม่ทันขาดคำ ภาวัฒน์ก็คว้ารอบคอร่างสูงมาประทับริมปากลงไปแทนคำตอบรับคำสัญญาครั้งใหม่ “หวานไหมล่ะครับ” กระซิบเบาๆ พร้อมกับพาดสองแขนลงบนบ่ากว้างและจรดหน้าผากทาบทับกันไว้

ร่างสูงยิ้มกว้างไปจนถึงนัยน์ตา “หวานจนติดใจเลยล่ะ” รวบคนตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขนและย้ำคำสัญญาลงบนกลีบปากที่ตอบรับสัมผัสทันที

ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นแรงไม่แพ้กัน กับเสียงที่ขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าของเข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือสีเงิน หลังจากที่รอคอยมานานถึงสิบปี ในที่สุดเวลาของพวกเขาก็จะเริ่มต้นเดินไปพร้อมกัน แม้ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรรออยู่แต่ความอบอุ่นของสองมือที่กุมกันไว้บอกกับหัวใจว่าไม่เป็นไรตราบใดที่คนสองคนจะสู้ไปด้วยกัน

 



                                                                                              The End


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-06-2015 11:05:05
 :z13: จิ้มๆๆๆไว้ก่อน

หมอปืนกลัวไม่มีแรงเอาใจพลุเหรอ
รีบไปฟิตร่างกายใหญ่เลยน่ะ
มีเมียเด็กก็ต้องหมั่นตรวจเช็ค
10 ปีที่พลุรอคอย ได้สมหวังสักที
4 ปีของหมอปืน พิสูจน์รักแท้ต่อพลุ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-06-2015 11:06:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-06-2015 11:53:55
น้ำตาซึม

รักมั่นคงและไม่เห็นแก่ตัว มันช่างประทับใจเหลือเกิน

ขอบคุณ คุณ leGGyDan ค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-06-2015 11:54:10
อ่านตอนจบแล้วนะ  เป็นพลุ-ปืนค่ะ   หมอปืนรุกไม่ขึ้นแล้วแหละ   ได้สามีหนุ่มกว่าไปเถอะ :m20:

จบแล้วสมหวังสักที  น้องพลุรักมั่นมากๆ น้องรอหมอมาตั้งหลายปี  บอกหมอไปแล้วด้วยแต่ดันไม่เก็ท

ตามจริงนะเราว่าคู่นี้จริงๆแล้วคงไม่ตายตัวหรอกว่าใครรุกใคร

ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากๆตลอดเวลาที่ตามอ่านมาค่ะ  ขอบคุณอีกครั้งสำหรับผลงานดีๆอีกชิ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 19-06-2015 12:02:39
น่ารักอ่ะ หมอปืนมารับคนรักกลับบ้านสินะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-06-2015 12:07:30
จบจริงๆ หรอ
มาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 19-06-2015 12:09:20
ขอตอนพิเศษค่ะ พอจบตอนพิเศษก็ต่อภาค 2 เลยจะได้ไม่ขาดช่วง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-06-2015 12:26:36
ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หมอปืนฟิตร่างกายไว้รอพลุเลยนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 19-06-2015 12:27:24
โหยยยยยยยยยยยยยย
จบแล้ววว
ใจจิขาดรอนๆ
ในที่สุดก็แฮปปี้ดี๊ด้ากันสักที
 :-[
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 19-06-2015 12:46:24
 :pig4:น่ารักดีค่ะ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2015 13:01:02
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-06-2015 13:12:00
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักที ขอตอนพิเศษให้ชุ่มชื่นหัวใจหน่อยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 19-06-2015 13:14:12
ว้าวจบแล้วประท้บใจกับนิยายและตอนจบนะคะ หมอปืนน้องพลุละผองเพื่อน ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาใหัอ่านนะคะ รอรูปเล่มกับตอนพิเศษคะ ปลเราเดาว่าหมอปืนเป็นรุกร้องพลุเป็นรับ555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 19-06-2015 14:20:35
จบแล้ววววว จะมีต่อไหมคะ อยากอ่านต่อตอนพิเศษจังเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 19-06-2015 14:34:01
สมหวังกันสักทีนะ หมอปืน กะ น้องพลุ  :katai2-1: :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 19-06-2015 15:44:28
ขอตอนพิเศษค่ะ พอจบตอนพิเศษก็ต่อภาค 2 เลยจะได้ไม่ขาดช่วง

เอาพี่ตังมาแลกค่ะ เครนะ จุ๊บๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-06-2015 15:55:26
กรี๊ดดดด หวานนนนตอนจบ
ขอตอนพิเศษนะคะๆ อยากรู้ว่าหมอแก่ยังมีแรงมั้ย 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-06-2015 17:37:44
เย้ๆๆๆ. จบแว้วววว. ขอบคุณคนแต่งมากครับบบบบบ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-06-2015 19:58:14
 :pig4 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 19-06-2015 20:29:11
ว๊ายๆๆๆๆๆหมอปืน. ไปฟิตหุ่นมาเพื่อพลุเลยนะเนี่ยะ
มีแฟนเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายยยยย


ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับนิยาย เป็นอีกเรื่องที่เราประทับใจค่ะ :pig4:

จะมีตอนพิเศษชีวิตคู่ของลุงหมอกับน้องปืนรึเปล่าคะ อยากดูแรงคนแก่(คิดไรก็มะรู้) :-[


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 19-06-2015 20:40:27
กว่าเค้าจะหวานกันได้นะ...คุณหมอฟิตหุ่น เตรียมรุกเต็มที่ หึหึ
ชอบจังเรื่องนี้
ขอบคุณทีเขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านนะ
รอผลงานชิ้นต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 19-06-2015 20:42:36
มันอบอุ่นนะเรื่องนี้ การรอคอยที่สามารถยอมรับได้ทุกความรู้สึก แต่อิป้าก็ยังอยากอ่านต่อ ภาคหนูพลุเป็นหนุ่มใหญ่มาดเทห์ในมาดนักกฎหมาย แล้วมาดูคนแก่ขี้หึงว่าจะทำไง น๊า....เอาภาคต่อมาให้ชื่นใจเถอะ... :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 19-06-2015 23:37:48
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 19-06-2015 23:52:53
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ ชอบหมอปืนกับน้องพลุสุดๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-06-2015 14:31:23
เพิ่งได้มาอ่านสนุกมากเลยค่ะ

พลุนี่รักมั่นคงก็หมอปืนมากๆ เป็นคนอื่นคงถอดใจไปแล้ว

หมอปืนนี่ตอนลังเล น่าโดนปืนจริงๆ 5555 แต่พอมั่นใจแล้ว เฮียก็ทุ่มเต็มที่นะ แหน่ะ มีบินมารับกลับบ้านด้วย
เราว่า ปืน-พลุ นะ สงสารลุง อุตส่าห์ฟิตร่างกายมา จะได้ใช้ซะที  :hao6:

ขอบคุณนักเขียนค่ะ ถ้าออกเล่มเมื่อไหร่ จะตามไปอุดหนุนนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 20-06-2015 17:46:29
ชอบน้องพลุมากๆค่ะ  มีความตั้งใจเป็นเลิศมากๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม  น่ารักมากๆค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ เรื่องสนุกมากๆค่ะ  จะติดตามเรื่องต่อๆไปของนักเขียนนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-06-2015 18:32:20
มีตอนพิเศษไหมมมมมม
คุณหมออุตส่าไปฟิตร่างมาฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 21-06-2015 09:52:11
 :serius2: อร๊ายยยยยยย  กำลังสนุกจบซะแล่วววว  :serius2:
 :o12: ตอนพิเศษ  จาเอาตอนพิเศษ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 22-06-2015 16:49:14
ฮืออออออออออ ปลื้มปริ่ม ซับน้ำตาด้วยความดีใจ  :hao5:
ได้มีความสุขกันสักที ขอบคุณนิยายน่ารักๆ เรื่องนี้ค่ะ

หมอปืนนี้นี่ใช้เวลาที่น้องพลุไปเรียนต่ออัพเวลขึ้นมาก
ทั้งอัพกล้าม อัพความเจ้าเล่ห์ โอ้ยยยยยยยยย กลัวใจมาก
กลัวว่าเดี๋ยวน้องพลุจะตามลุงไม่ทัน 5555555 (เพราะปกติแล้วลุงตามน้องพลุไม่ทันตลอดๆ) ก๊ากกก

เป็นตอนจบที่อบอุ่นมาก  :hao5:
หลังจากที่ใช้เวลาตามหาหัวใจกันมายาวนาน ในที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันสักที ฮือออออออ
ชอบตอนหมอปืนหลอกให้น้องพลุพูดขอแต่งงานมาก น่าร๊ากกกกกกกกกก TvT
ขอให้อยู่ด้วยกันเป็นไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชรเลยนะคะ /รดน้ำสังข์

ขอตอนพิเศษด้วยค่ะ
อยากรู้ว่ากล้ามที่หมอปืนอุตส่าห์ไปอัพมา จะทำอะไรน้องพลุได้รึเปล่า แอร๊ยๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-06-2015 20:51:41
จบแล้วหรอ มีตอนพิเศษมั้ยเอ่ย

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: AiiiKoiii ที่ 02-07-2015 00:36:06
งื้อออออ ในที่สุดพลุของเจ้ก็ไม่ต้องงอแงคนเดียวเเล้วว

แต่... น้องเทมส์ล่ะคะะะะะะ  555

ชอบแนวเรื่องมากกคุณหมอห้องอีอาร์ โอ๊ยๆๆ รอตอนพิเศษด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 02-07-2015 11:12:59
 o13 o13 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 02-07-2015 20:05:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 04-07-2015 18:06:28
นี่อดใจรอตอนน้องพลุโกนหนวดไม่ไหวล้าวววววววววววว
งู่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling1:
ดิ้น ๆๆ น้องพลุต้องน่ารักแน่ ๆ >[]<!!

ปล. คุณดิท *
แอบลืมเม้นหลานชาย คือหลายชายจะทำอะไรรรรรรรรรรรรรรร
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ เรารู้วววววววววว
ตื่นเต้นอ่ะะะะะะะ !
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 04-07-2015 20:50:55
น้องเป็นไรรรรอ่ะ
นี่อยากรู้ความหลังแล้ววว
มันน่าเศร้าใช่มั้ย t t
เตรียมทิชชู่ก่อน ถ้าเศร้าจะได้เช็ดน้ำตาทัน ฮิฮิ
คือหมอหวั่นไหวละไงงง
งื้ออออ เตรียมหวานหรือเศร้าก่อนดีเนี่ยยย
ปล. แอบชอบเทมส์ กิ๊ว ๆ ~~
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 04-07-2015 22:39:29
โอ๊ยยยย นี่ไม่รู้จะสงสารใครดีแล้วนะ
เจ็บทุกทาง ฮื่อ อ
ฟีลกู๊ดอะไรรร ฮื่ออออออ
ดราม่ามาตลอดทางเลยเนี่ยยยย
ฮื่อ ออ อ หวังว่าหมอจิวจะไปเป็นไร
ละหมอนิวทำเรื่องอะ/รอีกกกก
เครียด 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 04-07-2015 22:55:04

โอ๊ยยยย นี่ไม่รู้จะสงสารใครดีแล้วนะ
เจ็บทุกทาง ฮื่อ อ
ฟีลกู๊ดอะไรรร ฮื่ออออออ
ดราม่ามาตลอดทางเลยเนี่ยยยย
ฮื่อ ออ อ หวังว่าหมอจิวจะไปเป็นไร
ละหมอนิวทำเรื่องอะ/รอีกกกก
เครียด 555

ใจเย็นนะคะ เอาผ้าเย็น น้ำ ขนมนมเนยอะไรไหม นั่งลงก่อนอย่าเพิ่งขว้างปาข้าวของนะ วางถ้วยมาม่าลงเดี๋ยวเราเจียวไข่ให้นะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 04-07-2015 22:58:23
นี่เราร้องไห้นำไปก่อนเลยนะ ตะกี๊
ฮื่ออออ จะร้องอ่ะะะ
ตอนที่หมอจิวมาถึง รพ ละหมอเพื่อนๆ ก็มาเห็น
คืออึ้ง .
อึ้งตั้งแต่ชื่อตอนแล้ว
กลัวมาก ฮื่อออออออออออ
ดีใจที่หมอจิวรอด ฮรึก
ละน้องพลุกับพี่หมอใกล้จะคืนดีแล้วใช่มั้ย ฮิฮิ
ฮื่ออออ ไม่เศร้าแบบนี้อีกแล้วนะ เราใจไม่ดี
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 05-07-2015 07:36:10
ฮื่อออออออ พอจะอินเลิฟละก้ต้องจากอีกละะะ
นี่กว่าหมอเผือกจะรู้ตัว เห้อมมมมมมม
ชอบหมอจิวอ่ะะะ คุณหมอต้องน่ารักมากแน่ ๆ ฮิฮิ
คุณตำรวจก็เลยตามติดตลอดดดด ๆ
เรื่องนี้รักผญที่ชื่ออุ้มสุดละ 5555
รักจุม ๆๆ เป็นเพื่อนที่ดีอ่ะะ
ใกล้จบล้าวววววว
รักคนเขียนด้วย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 05-07-2015 07:54:19
งื้อออออออ
จบแล้วอ่ะ จบแล้วววว
ดีใจ , ที่จบแบบแฮปปี้ ฮิฮิฮิ
หวานมากจริม ๆ ฮะ ตอนจบ
แต่อยากได้สเปอ่ะะะ
คุณคนเขียนน ไม่มีสเปหรออออ

ยังไงก็ขอบคุณที่แต่งเนื้อเรื่องน่ารัก ๆ มาให้อ่านนะคะ
เรื่องนี้มีข้อคิดเยอะเลย จริม ๆ ฮี่ ๆ สาระมีอยู่จริง !
เขิล ไม่เคยเม้นแบบจริงจัง
คุณคนเขียนสู้ ๆ น๊า เราเป็นกำลังใจให้ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: plooy ที่ 05-07-2015 07:55:44

โอ๊ยยยย นี่ไม่รู้จะสงสารใครดีแล้วนะ
เจ็บทุกทาง ฮื่อ อ
ฟีลกู๊ดอะไรรร ฮื่ออออออ
ดราม่ามาตลอดทางเลยเนี่ยยยย
ฮื่อ ออ อ หวังว่าหมอจิวจะไปเป็นไร
ละหมอนิวทำเรื่องอะ/รอีกกกก
เครียด 555

ใจเย็นนะคะ เอาผ้าเย็น น้ำ ขนมนมเนยอะไรไหม นั่งลงก่อนอย่าเพิ่งขว้างปาข้าวของนะ วางถ้วยมาม่าลงเดี๋ยวเราเจียวไข่ให้นะ

จะวางลงง ถ้าเอาสเปมาแลกก ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-07-2015 18:16:10
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ สนุกมากก น่ารักมากกก
เป็นนิยายfeel good ที่ไม่มีฟิลหน่วงแค่ตอนแรกๆและตอนจบ
ชอบพลุกับปืนมากๆ แม้จะเดาไม่ค่อยได้ว่าใครตำแหน่งไหน
ตอนแรกว่าหมอปืนนี่เมะไม่ขึ้นละแน่ๆ
แต่ตอนจบดันไปฟิตหุ่นมาซะแน่น แถมหล่อมาอีกกก เลยสับสนเล็กน้อย
ไม่แน่ว่าเค้าอาจจะผลัดกันแบบตกลงกันได้ 55555
รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 05-07-2015 18:33:41
เป็นเรื่องที่น่ารัก ดีงาม สนุกสุดๆ ไม่ยื้ดเยื้อ สุดยอดจริงๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 05-07-2015 22:36:30
รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณมากนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: icecreammaniac ที่ 06-07-2015 09:37:15
รู้สึกเหมือนคห ข้างบนเลยว่า... ดีใจมาและโชคดีที่ตัวเองได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณมากๆ ที่เขียนเรื่องนี้ค่ะ มันมีครบทุกรส ทั้งสนุก เศร้า รัก และตื่นเต้น แต่ที่สำคัญมันเป็นมากกว่านิยาย ที่พูดถึงเรื่องความฝันและอุดมการณ์ พออ่านแล้วคนที่หลักลอยไร้แก่นสารในชีวิตอย่างเราก็ได้แต่อิจฉาน้องพลุที่มีความฝัน มีจุดหมายชัดเจน อิจฉาคุณหมอที่สามารถใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นได้

ไม่ต้องพูดถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้นมากมาย ถึงจะหงุดหงิดอีลุงหมอที่โลเลในตอนแรก แต่ 4 ปีที่มั่นคงมา... ก็ชำระล้างบาปได้บ้าง (เหรอ?) เออยอมให้อภัยก็ด่ะ 55555 เพราะถึงอีลุงหมอจะเป็นยังไงน้องพลุของเราก็ถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นอยู่แล้ว (นี่เปล่าอิจฉาลุงหมอนะจริงจิ๊งงงงง)

เอาเป็นว่าขอยกเรื่องนี้เป็นนิยายขึ้นหิ้งของเราอีกเรื่องนึง และสัญญาว่าจะตั้งหน้าตั้งตารอและติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอ

ท้ายสุดนี้....

เราก็ยังคาใจว่าตกลง ใครบนใครล่าง ใครรุกใคร ใครรับใครกันแน่ ซึ่งถ้าจะให้ดีอยากอ่านตอนพิเศษ(เกี่ยวมั้ย) 5555555 แต่เห็นว่าจะรวมเล่มใช้มั้ยคะ นี่ใจจดจ่ออยากทุบกระปุกหมูเต็มแก่ สู้ๆนะคะ เราจะตั้งตารอ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 06-07-2015 12:15:00
ดูจากชื่อตอนนึกว่าจะดราม่าซะอีก(แต่ก็เสียน้ำตาด้วยความซาบซึ่ง) ดีใจที่ช่วยได้ 
สนุกมากๆเลยค่ะ คนแต่งเก่งมากๆเลย  อ่านเพลิน หยุดไม่ได้
บรรยายกาศในเรื่องเมื่อไหร่จะแจ่มใสน้า ฟ้าครึ้มตลอด หน่วงแต่สนุกจริงๆ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 06-07-2015 15:28:44
ไม่ชอบนิสัยของหมอปืนหลายๆ ตอน แรกสุดที่รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้ คือตอนที่นิวว่าเรื่องอุ้ม
แล้วบอกว่าต้องให้มากราบขอขมาก่อนถึงจะดีด้วยได้ แต่หมอปืนกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย

จะบอกว่าไม่อยากต่อความยาว ก็คงไม่ผิด แต่กับเพื่อนที่รักที่สนิทอย่างอุ้มโดนพูดจาใส่อย่างนี้
ยังจะคบกับผู้หญิงคนนี้ต่อได้ เป็นอะไรที่ทำให้เราไม่ชอบผู้ชายคนนี้มากขึ้น
บุคลิกอื่นๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ครบ

หากมองอีกแง่หนึ่ง ผู้เขียนอาจต้องการสื่อให้เห็นว่าไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ ทั้งพลุ ทั้งปืนที่
เคยเหลวแหลก แต่ก็กลับตัวได้ คงมีแต่นิวละมั้งที่ทุกคนได้เห็นแต่มุมร้ายๆ ของเธอ ถึงจะบอกว่า
เพราะรัก แต่ก็ไม่น่ารักเสียเลย

ขอบคุณผู้เขียนที่ลงเรื่องราว สนุก น่าสนใจนี่ให้อ่านนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 06-07-2015 18:36:52
ขอบคุณผู้แต่งมากๆเลยนะคะ สำหรับนิยายที่สนุกมากๆเรื่องนี้
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ รอติดตามผลงานอื่นๆนะคะ
เสียดายที่สวีทกันน้อยมาก น่ารักจริงคู่นี้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 07-07-2015 03:49:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 07-07-2015 13:19:40
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-07-2015 14:04:33
สนุกมากกกกกก ประทับใจมาก
แนะนำเลยครับสำหรับคนที่กำลังหาเรื่องสนุกๆอ่าน ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้
ขอบคุณผู้แต่งมากครับสำหรับเรื่องดีๆ
ประทับใจมาก หวานซึ้ง มีครบรส

ย้ำอีกครั้งว่าอ่านเหอะ ไม่เสียใจแน่ครับ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 08-07-2015 10:36:22
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Dajong ที่ 08-07-2015 17:50:17
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ อ่านไปน้ำตาไหลไป มันซึ้งใจอ่า อ่านรวดเดียวเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: begal ที่ 09-07-2015 03:40:50
อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบเลยค่ะ  ขอบอกว่าชอบมากกกกก 
น่ารักมากกกกก อ่านแล้วมันอบอุ่นหัวใจ ยิ้มไปยิ้มมาได้ตลอดเลยค่ะ :-[

ถ้ามีรวมเล่มเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะคะ เรื่องดีๆอย่างงี้ ซื้อเก็บแน่นอน!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 09-07-2015 11:39:04
อ่านจบแล้ว สนุกมากค่ะ



ลุ้นตลอดว่าหมอปืนจะรู้ตัว



ว่ารักเด็กแสบตอนใหน คุณหมอก็คิดช้าขนาดนั้น



อยากให้มีเรื่องของเทมส์บ้าง คู่กับ นายคนที่ พลุ ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนเกือบเดินไม่ได้ก็เหมาะนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: frogchocolate ที่ 09-07-2015 13:49:45
ชอบจังเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 09-07-2015 17:23:44
งื้ออออ ชอบมากๆเลยค่ะ น่ารักมากเลย อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเรื่องเลย ขอบคุณนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: cocoagx ที่ 14-07-2015 22:51:30
หมอปืนกับน้องพลุน่ารักจัง
แต่คุณตำรวจนั่นมาแยกหมอจิวออกจากหมอปืนใช่มั้ย
สงสัยจะเข้าทางพลุมันละ
ส่วนชะนี หนูน่ารำคาญจังลูก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 15-07-2015 05:50:24
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ เรื่องนี้ให้อะไรหลายอย่างจริงๆ ทั้งให้ความสนุก ความซึ้ง มิตรภาพ ความรัก ความอบอุ่น และยังมีประโยคโดนๆหลายประโยคที่อ่านแล้วรู้สึกชอบ เราชอบฉากที่ติดกระดุมมาก อ่านแล้วอุ่นขึ้นมาเลย เรื่องนี้กลมกล่อมและลงตัวมากค่ะ สำหรับอาหมอ(เรียกตามเทมส์5555)จะไม่พูดอะไรมาก เพราะนางหล่อ นางเก่ง นางนิสัยดี ถึงแม้จะติดเรื่องบื้อไปนิดนึง แต่ก็ให้ผ่าน! ขอพูดถึงเพื่อนทั้งสองคนของอาหมอดีกว่า ชอบมากกกกกกกกก คุณอุ้มนี่เป็นผู้หญิงที่เรายกให้เป็นไอดอลเลยนะ ทั้งน่ารัก ทั้งเข้าอกเข้าใจ ทั้งฉลาด กล้าหาญ พร้อมท้าชน ไม่รู้สิ ถ้าเรื่องนี้ไม่มีพลุก็คงเชียร์นางให้เป็นนางเอกแน่ๆ แลดูเหมาะกับพ่อควายเผือกดี  :m20: ส่วนหมอจิว ชอบตั้งแต่โผล่มาฉากแรก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คงเพราะชอบผู้ชายลักษณะนี้มั้งตามที่คุณพยาบาลบรรยายและก็รู้สึกว่ามีแววเคะราชินี 555555 ซึ่งก็จริง! ต่อไปนายน์ต้องไปศึกษาหาความรู้ที่เพจพ่อบ้านใจกล้าแล้วนะ  :laugh: สำหรับพลุ เราชอบอะไรหลายอย่างในตัวพลุมาก ความคิด นิสัย คำพูดคำจา การกระทำ มันลงตัวไปซะหมด ไม่มากไม่น้อยเกินไป เป็นคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี เราว่าคนแบบนี้เหมาะที่จะเป็นแฟนหมอ ป.ล.เห็นใจนิวอยู่เหมือนกันนะคะ ถึงแม้เธอจะเอาแต่ใจหรือทำตัวร้ายไปบ้าง แต่เธอก็รักของเธอเนาะ แล้วอาหมอก็เป็นแฟนเธอด้วย เราเลยเข้าใจเธอ รู้สึกเจ็บปวดไปกับเธอด้วยซ้ำ :) ขอบคุณนะคะที่ไม่ได้แต่งให้เธอร้ายเป็นนางร้ายถึงขั้นละครช่องเจ็ดช่องสาม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 17-07-2015 00:22:02
 o13
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 28-07-2015 10:05:39
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ แบบนี้ออกมานะคะ
ชอบการบรรยาย เหมือนอยู่ให้ห้องฉุกเฉินด้วยเลย
ลุ้นมากกกกกกตอนกู้สัญญาณชีพหมอจิว
ส่วนพี่อุ้มนี่เพื่อนพระเอกดีงามมากก


น้องพลุสมหวังแล้ววว หมอปืนเวลามีความรักหล่ะหวานมากค่ะ! >,<

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: gimini ที่ 03-08-2015 11:53:48
น่ารักมากๆเลยค่า อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 03-08-2015 23:21:23
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 05-08-2015 00:32:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 05-08-2015 15:56:54
รักคุณหมอ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 06-08-2015 06:16:34
สนุกมากๆๆเลยค่ะ
เขียนออกมาได้สวยงามประทับใจมากๆ
ชอบความรักระหว่างเพื่อน หมอปืน หมอจิว อุ้ม  มากๆๆ
3 คนนี้รักกัน  ช่วยเหลือกันทุกเรื่องจริงๆ
ส่วนหมอปืน  พอเจอคนที่รักจริงๆ  ก็เลิกโลเลแล้ว
ดีใจแทนพลุจริงๆ
หมอจิวแอบร้ายนะ  55555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 07-08-2015 14:24:59
อ่านรวดเดียวจบ..ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ค่ะ

ชอบพลุทั้งน่ารักทั้งน่าสงสารอยากแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาด

และยอมอดทนอยู่ข้างๆหมอปืน..โดยไม่เคยคิดจะแย่งชิงโชคดีนะอิพี่หมอปืนมันกลับตัวกลับใจทัน


หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: secret_LP ที่ 08-08-2015 14:12:28
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมาก ฮืออออ แทบไม่ได้นอน ลุ้น กลัวหมอป๊อด สุดท้ายก็รักกัน จบดีมากเลย ฮือออ เราจะตามไปซื้อหนังสืออออ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 08-08-2015 17:52:59
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขมากๆเลยคะ อึดอัดจนแอบลุ้นตามไม่หลับไม่นอนเลยที่เดียว แอบเสียดายยังไม่อยากให้จบด้วยประการทั้งปวง 

แต่เค้าว่ากันว่า

"ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน...."

อยากให้มีภาคต่อไป เชียร์ขาดใจ ชอบสองหนุ่มที่หวานจนจั๊กจี้มากๆเลยค่า

ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวความรักในอีกหนึ่งรูปแบบให้ดูนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 09-08-2015 06:02:29
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 09-08-2015 12:12:21
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันค่ะ
ต้องการให้น้องพลุกับพี่ปืนมาช่วยทำ cpr ด่วน
เริ่มจากขั้นตอน abcd เลยนะจ๊ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 17-08-2015 22:20:02
ขอบคุณนะคะ  :pig4:

ชอบมากๆเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 22-08-2015 08:28:42
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 23-08-2015 15:37:20
อร๊ายยยย ชอบๆๆๆๆ ลุงหมอกะน้องพลุ 5555 10 ปีที่รอคอยของน้องพลุ อึด ทน จริมๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ

รอตอนพิเศษ หวานๆๆๆๆๆๆๆ น่ารักๆ คึคึ :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 16 สัญญา[จบ] [19/06/58] p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 24-08-2015 23:10:12
หูยยยยยย เรื่องนี้สนุกอ่ะ ชอบๆ ^O^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 29-08-2015 01:26:08
Special Moment part 0 : One night in winter

ย่างเข้าเดือนธันวาคมความเหน็บหนาวอย่างร้ายกาจก็เริ่มคืบคลานเข้ามา อุณหภูมิซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ใบไม้ที่กลายเป็นสีน้ำตาลแก่ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงปลิดขั้วแห้งกรอบปลิวลงสู่พื้นดินแห้งผากและเย็นเยียบ ทิ้งลำต้นสูงใหญ่เหลือแต่กิ่งร้างยืนเดียวดายสู้ลมหนาวเพียงลำพัง

ภายในห้องหนึ่งของหอพักประจำมหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองน้ำหอม เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านตำราเล่มหนาหนัก ทุกบรรทัดเต็มไปด้วยรอยขีดเน้นและโน้ตอธิบายยึกยือที่ลากออกมาจากตรงนั้นตรงนี้ นั่นยังไม่รวมถึงกระดาษโพสอิทที่คั่นไว้ตามหน้าต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจ

ทั้งที่อากาศภายนอกหนาวจนแทบติดลบ แต่มือของคนผมน้ำตาลในสเวตเตอร์สีกรมท่ากลับชื้นเหงื่อด้วยความเครียดสะสมจนปากกาลื่นหลุดจากมือกลิ้งลงไปอยู่ใต้โต๊ะ เขาสบถออกมาเบาๆ อย่างหัวเสียและก้มลงเก็บ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาไล่สายตาไปตามตัวอักษรเพื่อหาจุดที่อ่านค้างไว้และค้นพบว่าแท้จริงแล้วตัวเองแทบจะไม่เข้าใจในสิ่งเปิดผ่านมาตั้งแต่ต้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ภาวัฒน์เม้มริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่นพร้อมกับปิดหนังสือเล่มหนาที่พยายามอ่านมาตั้งแต่ช่วงเย็น ในที่สุดเขาก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้ให้กับการทำความเข้าใจตัวอักษรที่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของตัวเอง หัวคิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันตรงกลาง เด็กหนุ่มซบศีรษะลงบนหน้าปกและสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองที่กำลังจะระเบิดออกมา

เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้กับการเรียนหนังสือ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกท้อแท้แต่มันคือความสิ้นหวัง รูปประโยคแสนยากนั้นซับซ้อนพอๆ กับกายวิภาคของมนุษย์ที่เคยทำให้เขาต้องรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อตอนเรียนแพทยศาสตร์ชั้นปีที่สอง

เสียงเตือนข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือ ภาวัฒน์ผงกศีรษะขึ้นช้าๆ พลางขยี้นัยน์ตาอ่อนล้าให้ลืมขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดู แต่ทันทีที่สายตาแปลข้อความสองบรรทัดแรกสู่สมอง ทำนบน้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นไว้สุดชีวิตก็ปริและแทบจะพังครืนลงง่ายๆ ด้วยว่ามันคือถ้อยคำแสดงความห่วงใยของบุพการีที่อยูคนละซีกโลก เมื่อรู้ว่าตอนนี้ภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวและหิมะคงจะตกในไม่ช้า แต่ที่สิ่งทำให้ใจเจ็บคือคำถามไถ่ถึงการเรียนและผลการสอบเก็บคะแนนครั้งแรกของปีการศึกษา

ภาวัฒน์กดปิดอีเมล เขาอ่านจนจบได้แต่ไม่อาจตอบได้ เรื่องอากาศเปลี่ยนทำร้ายเขาก็จริงแต่ไม่เลวร้ายเท่าการเรียนและการสอบวัดผลที่คะแนนต่ำอย่างไม่น่าเชื่อจนถูกศาสตราจารย์ประจำวิชาเรียกไปพบช่วงเช้าวันนี้พร้อมกับข่าวร้ายที่ว่าเขาต้องอยู่โยงในช่วงปีใหม่เพื่ออ่านหนังสือสอบซ่อมแต่เพียงผู้เดียว แล้วแบบนี้จะให้เขามีหน้าตอบไปได้อย่างไร เขาไม่อาจทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวเขาได้

“นี่เรามาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย” เด็กหนุ่มรำพึงกับตัวเองอย่างปวดร้าว “ไอ้คนไม่ได้เรื่องเอ๊ย!”

เสียงเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง ภาวัฒน์หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน  อีเมลฉบับที่สองนี้มาจากคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในซีกโลกที่ใกล้กว่าแต่ก็ไกลกันคนละทวีปเขียนมาสอบถามเรื่องเดียวกัน แต่ครั้งนี้เขากลับไม่กดปิด นิ้วรัวพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อระบายสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในอก หวังให้อีกฝ่ายได้รับรู้และบรรเทาความทุกข์นี้ลงบ้าง

“ผมสอบตก อาจารย์ให้สอบซ่อมอาทิตย์หน้า”

เขากดส่งและเฝ้ารอ ถึงจะไม่ยุ่งแต่คนไม่เก่งเทคโนโลยีอย่างปาวัสม์อาจต้องใช้เวลาหลายนาทีในการพิมพ์ข้อความสั้นๆ

“เรื่องเล็กน้อยน่า ออกไปเที่ยวรอบเมืองแก้เครียดสักรอบสองรอบแล้วค่อยกลับมาอ่าน เครียดไปก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องหรอก เวลาแบบนี้ต้องรีแลกซ์ ทำหัวให้โล่งก่อน ถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามเพื่อนหรือให้อาจารย์อธิบายให้ฟัง นายทำได้อยู่แล้วน่าคนเก่ง”

ภาวัฒน์เม้มริมฝีปาก และพิมพ์ตอบคนหัวดีที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูจะง่ายดายไปเสียหมด

“เวลาแบบนี้ผมจะออกไปเที่ยวได้ยังไง นี่ผมสอบตกอยู่นะ แล้วถ้ามันง่ายขนาดนั้นผมคงไม่สอบตกหรอกครับ ที่นี่มีแต่คนเก่งๆ อาจารย์ก็อธิบายเร็ว ผมตามไม่ทันเลยสักนิด ทั้งคลาสมีผมเป็นคนไทยอยู่คนเดียว ถึงจะมีเพื่อนชาติอื่นแต่เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษกันเก่งๆ ทั้งนั้น ผมพยายามจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ”

“ไม่เอาไม่ท้อน่า ฉันรู้ว่านายทำได้ สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้นายนะ”

“ผมไม่ได้เก่งเหมือนหมอปืนนะ”

ภาวัฒน์กดส่งพร้อมกับปิดโทรศัพท์มือถือ รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดเองแล้วพาลไปลงกับปาวัสม์ แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงแผ่หราบนที่นอน สองมือยกขึ้นก่ายกุมหน้าผาก

ปาวัสม์จะรู้ไหมว่าวันนั้นที่สนามบินเขาต้องฝืนเก็บความรู้สึกมากมายไม่ให้ระเบิดออกมามากแค่ไหน สำหรับคุณหมอหนุ่มการรักใครสักคนอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่สำหรับเขามันคือเวลาทั้งชีวิต จริงอยู่ว่ามันคือ ‘รักแรกพบ’ ทว่า ‘การตัดสินใจ’ ที่จะมาพบมันไม่ได้ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีหรือวันสองวัน และเขาใช้เวลาคิดมาแล้วถึงหกปีในการไตร่ตรองและทบทวนหัวใจตัวเอง

...เพราะคิดมาดีแล้วถึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าคุณ...
...เพราะทำใจมาแล้วแม้จะได้เป็นเพียงแค่เส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ...
...เพราะ ‘รัก’ ...
...นั่นไม่ใช่เหตุผล แต่มันคือคำตอบ...

และเพราะเหตุนี้ทุกๆ อย่างทุกการกระทำจึงมีแต่เรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นที่ตั้ง จริงอยู่ที่เขาไม่ได้เอาตัวเองไปผูกไว้กับคนๆ หนึ่งจนเสียความเป็นตัวเองเพียงแต่ถ้าเขาจะมองอนาคตร่วมกัน มันไม่ใช่แค่ข้ามผ่าน ‘ความเป็นเด็ก’ ไม่ใช่แค่ต้องวิ่งตามคนที่นำหน้าอยู่สิบปีให้ทัน แต่เขาต้องดีมากพอที่จะไปยืนเคียงข้างให้ปาวัสม์ไม่ต้องรู้สึกอายใคร และกุมมือเดินเคียงกันไปบนหนทางที่ย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

แต่ตอนนี้สิ่งนั้นมันยังดูห่างไกลเหลือเกิน เขาคิดอย่างท้อแท้และผล็อยหลับไปในที่สุดด้วยความเหนื่อยล้า

ถ้าเพียงแค่ได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจแม้ตัวจะอยู่ไกลสุดสายตา เขาจะสามารถยิ้มออกและมีแรงสู้ต่อไหมนะ

OOOOOO

“เรื่องเมื่อวันก่อนขอโทษนะ อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง อ่านหนังสือถึงไหนแล้ว ไม่ล่ะ... วันนี้ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องหนังสือ แต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องนาย พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนายช่วยไปที่หอไอเฟลหน่อยได้ไหม ไม่ต้องถามนะว่าทำไม เดี๋ยวจะบอกให้ฟังทีหลัง แค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้”

ภาวัฒน์อ่านทวนข้อความซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างชั่งใจ พรุ่งนี้ที่ปาวัสม์พูดถึงมันคือวันคริสต์มาสอีฟ การเข้าไปเบียดเสียดในเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศหวานๆ ของคู่รักไม่ส่งผลดีต่อหัวใจเหี่ยวๆ เลย อีกทั้งเขาควรจะต้องกลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบซ่อมที่จะมีขึ้นทันทีหลังปีใหม่ แต่อีกใจเขาก็อยากรู้เหลือเกินว่าปาวัสม์มีอะไรจะบอกหรือให้เขาทำ

และในที่สุด ‘ความคิดถึง’ ก็เป็นฝ่ายชนะ

“ได้ครับ”

OOOOOO

“ตอนนี้อยู่ที่หอไอเฟลแล้ว หมอปืนบอกผมมาได้แล้วว่ามีอะไร”

“ไม่เชื่อหรอก ถ่ายรูปตัวเองกับหอไอเฟลมายืนยันให้ดูก่อน ถ่ายเองนะห้ามให้คนอื่นถ่าย”

ภาวัฒน์ถอนหายใจกับคำสั่งเจ้ากี้เจ้าการแปลกๆ การถ่ายภาพตัวเองคู่กับหอไอเฟลในยามเย็นซึ่งตกแต่งด้วยหลอดไฟหลากสีสันจนมันดูคล้ายต้นคริสมาสต์เรืองแสงขนาดยักษ์ที่บรรดานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากมายถึงเพียงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาเดินขยับอยู่หลายมุมจนกระทั่งได้ภาพคู่กับหอไอเฟลที่แลเห็นฐานเหล็กสีเงินอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่ความหม่นเศร้าที่ฉายชัดบนใบหน้าในรูปจนไม่มีแอปพลิเคชั่นใดลบได้ทำให้เขาต้องเดินวนเวียนเพียรกดถ่ายใหม่อีกหลายรอบและเลือกรูปที่คิดว่าดีที่สุดส่งไปให้

แต่ผ่านไปหลายนาทีเสียงเตือนข้อความเข้าก็ยังไม่ดัง ภาวัฒน์กดรีเฟรซแล้วรีเฟรซอีกเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นความผิดพลาดของระบบการสื่อสาร

“อะไรของหมอปืนเนี่ย ให้รอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

ภาวัฒน์บ่นพลางซุกมือลงในกระเป๋าเสื้อโอเวอร์โคตสีน้ำตาลเข้ม ลมหนาวพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ตีเรือนผมสีน้ำตาลที่ปกติก็ไม่ค่อยจะเรียบอยู่แล้วให้ยุ่งขึ้นไปอีก พวงแก้มที่เริ่มกลับมาขาวเนียนตามพิมพ์นิยมหนุ่มเมืองเหนือเพราะไม่ต้องออกไปทำงานกรำแดดแดงเป็นริ้วเพราะถูกความเย็นกัด มือทั้งสองข้างเริ่มชา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เพียงเพื่อพบกับความบอบช้ำที่ยิ่งตอกย้ำให้หัวใจเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้รอบตัวรายล้อมไปด้วยคู่รักที่ออกมาเที่ยวชมความงามและทัศนียภาพของหอเหล็กแห่งนี้ เสียงเพลงท่วงทำนองทุ้มหวานดังมาจากร้านรวงโดยรอบยิ่งพาลให้ใจว้าเหว่

...หนาวกายไม่เท่าหนาวใจ...

“นี่เรามัวทำอะไรอยู่เนี่ย รีบกลับไปอ่านหนังสือดีกว่ามั้ง”

ภาวัฒน์รำพึงกับตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอีกครั้งและหมุนตัวกลับ ขายาวๆ กำลังจะก้าวจากไปอยู่แล้วเมื่อเสียงข้อความเข้าที่รอคอยดังขึ้น

มือหยาบรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู รูปภาพรูปหนึ่งที่ถูกแนบมาพร้อมกับอีเมลทำหัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก นัยน์ตาสีดำขลับเหลียวมองซ้ายขวาก่อนจะออกวิ่งสุดแรงกลับไปยังจุดที่เขาถ่ายภาพตัวเองเมื่อสักครู่

ภาวัฒน์เปิดภาพขึ้นดูอีกครั้ง มันคือภาพปาวัสม์ที่ถ่ายคู่กับฐานเหล็กสีเงินของหอไอเฟลที่เหมือนกันกับของเขาไม่มีผิด เด็กหนุ่มเหลียวมองรอบกายรวดเร็ว หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุดทั้งสับสนและเต็มไปด้วยความหวังแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เห็นแม้เงาของคนที่อยากพบ เขาก้มหน้าลงมองภาพนั้นอีกครั้งและเริ่มอ่านข้อความยาวเหยียดที่คุณหมอหนุ่มส่งมา

“ขอโทษที่ให้รอนานนะพลุ นายก็รู้ว่าฉันถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง ตอนนี้นายคงกำลังมองหาฉันสินะ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ผิดหวังเพราะว่าฉันยังอยู่ที่อเมริกา ที่โรงแรมปารีสบนถนนสตริปของลาสเวกัส

ฉันแค่อยากให้นายมองภาพนี้ ภาพที่คล้ายกันนี้และรับรู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่การคิดไปเองหรือหลอกตัวเองแต่ฉันอยู่ข้างนาย อาจไม่ใช่ร่างกายแต่ฉันส่งใจไปอยู่กับนายเสมอนะ ลองเงยหน้ามองฟ้าสิ เพราะฉันกำลังมองอยู่ นายเห็นดาวไหม คืนนี้ดาวสวยนะเหมือนคืนนั้นที่เราอยู่ด้วยกันที่ระเบียงบ้านเทมส์ที่เชียงใหม่ จำได้ไหมว่าตอนนั้นที่ฉันจับมือนายไว้แล้วบอกนายว่าอะไร

‘สู้ๆ นะพลุ ตราบใดที่นายยังสู้ฉันจะสู้เป็นเพื่อนนาย’

ไม่เห็นหน้านายสี่เดือนฉันรู้สึกเหมือนสี่ปี แล้วนี่ฉันยังต้องทนไปอีก 46 เดือนเลยนะ ไม่ได้มีแค่นายหรอกที่เหงา ฉันเองก็คิดถึงนายเหมือนกัน พยายามเข้านะ แต่ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็บอกมาฉันจะบินไปหา ไปปลอบนายเพราะจริงๆ แล้วฉันเองก็อยากจะไปใจแทบขาดแล้ว แต่เพราะนายน่ะแหละที่ห้ามไม่ให้ฉันไป นายเป็นแฟนคนแรกเลยนะที่ฉันยอมให้ทำตามใจและทำให้ฉันคิดถึงได้มากมายถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรีบๆ เรียนให้จบแล้วกลับมาให้ฉันกอดเร็วๆ เลยนะ
คิดถึงมากถึงมากที่สุด

                                                                                                                                   ปืน”


“คุณหมอบ้า” ภาวัฒน์รำพึงกับโทรศัพท์ “เล่นอะไรแบบนี้เนี่ย แล้วยังข้อความนี้อีก โคตรน้ำเน่าเลย” ปากพูดไปแบบนั้นแต่กลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหมึกที่ประดับด้วยดวงดาราสีทองส่องประกายวับแวมสู้แสงไฟนีออนของเมืองใหญ่ มุมปากกระตุกขึ้นอมยิ้มน้อยๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เมื่อนึกถึงภาพร่างสูงในชุดโอเวอร์โคตตัวยาวสีดำเหมือนในภาพวิ่งวุ่นหามุมถ่ายรูปให้เหมือนกับเขาอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนคนขี้หนาวจะไปยืนหลบมุมกดพิมพ์ข้อความด้วยหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นแต่ก็คงไม่ได้ลดความคมเข้มของเครื่องหน้าหล่อเหลาที่เขาจำได้ติดตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกได้เลย

“ดาวสวยจังเลยครับ”

มันไม่ใช่แค่ข้อความให้กำลังใจที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอิ่มเอม แต่มันเติมเต็มด้วยความนัยของคำว่า ‘รัก’ ที่เขาเป็นคนสร้างข้อตกลงนี้ขึ้นมาในวันที่จากกันว่าห้ามพูดจนกว่าจะได้เจอกันอีกครั้งผ่านตัวอักษรที่เรียกว่า ‘แฟน’ ถ้อยคำที่เขาไม่เคยใช้กับใครมาก่อนในชีวิต และในที่สุดวันนี้มันก็ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้โดยคนที่เขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต

ภาวัฒน์หลับตา มือกำโทรศัพท์แน่นและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เนิ่นนานหลายนาทีกว่าเขาจะลืมตาขึ้นอีกครั้งและพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

“ขอบคุณมากครับ อีก 46 เดือนเจอกันนะครับ คิดถึงคุณหมอมากกว่าที่คุณหมอคิดถึงผม

                                                                                                           พลุ”

ใช่แล้วพลุ... นายจะมาท้อแท้ทำไมกับเรื่องแค่นี้ ในเมื่อครั้งหนึ่งนายได้ตัดสินใจแล้วว่าจะสู้ ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด มันคงไม่มีอะไรน่ากลัวและยากลำบากไปกว่าความตายที่เคยผ่านมาได้แล้วครั้งหนึ่งหรอก และอีกสี่ปีนับจากนี้นายจะได้กลับไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา และเดินเคียงข้างไปพร้อมๆ กับเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ร่างสูงในโอเวอร์โคตตัวยาวสีดำสนิทอมยิ้มกับข้อความที่ส่งมา เขาขยับนิ้วพิมพ์กลับไปอย่างเชื่องช้าก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบปาก ปาวัสม์กดส่งเป็นครั้งสุดท้ายและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหมึกเมื่อรับรู้ถึงปุยสีขาวนวลที่ลอยละล่องอยู่รอบตัว หิมะแรกของปีในลาสเวกัสกำลังโปรยปรายลงมาราวกับของขวัญจากสรวงสวรรค์

น่าแปลกที่เหตุการณ์นี้ก็กำลังเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับอีกเมืองที่อยู่ไกลออกไป

เสียงเตือนที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนผมน้ำตาลที่กำลังอมยิ้มกับตัวเองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน มันก็แค่ประโยคสั้นๆ ที่เขียนว่า “มีอะไรจะบอก” แต่เพราะข้อความเสียงที่แนบมาทำให้รอยริ้วสีแดงจัดราวกับถูกหิมะสาดใส่พาดเต็มแก้มขาวหากอุณหภูมิใบหน้ากลับพุ่งสูงจนแทบไหม้

“สุขสันต์วันเกิดเจ้าเด็กแสบ”

“รู้ได้ยังไงเนี่ยไอ้คนแผนสูงเอ๊ย!” ภาวัฒน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับของขวัญวันเกิดที่คนต่างแดนส่งมาเซอร์ไพรส์โดยไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อกลับไปถึงหอพักเขาจะได้พบกับของขวัญจริงๆ ที่ถูกบรรจงเลือกสรรและส่งมาโดยคำนวนให้ถึงในวันนี้พอดิบพอดี

OOOOOO

เมื่อปีใหม่ผ่านไปหิมะที่เริ่มตกตั้งแต่คริสต์มาสก็ถมตัวหนาจนแม้แต่การเดินบนทางเท้าปูอิฐสีน้ำตาลแดงระหว่างอาคารเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยที่ได้รับการกวาดอยู่ตลอดยังเป็นเรื่องลำบาก แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่คลุมกายด้วยโอเวอร์โคตสีน้ำตาลเข้มกำลังออกวิ่งสุดฝีเท้าโดยไม่กลัวว่าจะลื่นล้ม ร่างโปร่งหยุดวิ่งเมื่อมาถึงห้องพัก เขารีบควานหาโทรศัพท์ที่วางลืมไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าบนโต๊ะหัวเตียง

นิ้วเรียวสไลด์ปุ่มปลดล็อคพลันภาพหน้าจอซึ่งเป็นรูปของเขาและปาวัสม์ที่ถ่ายกับหอไอเฟลถูกตัดต่อมาอยู่ในเฟรมเดียวกันปรากฏขึ้นสู่สายตา รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มริมฝีปากพร้อมกับรัวนิ้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาคนในภาพ

“ผมสอบผ่านแล้วนะ”

ครู่ใหญ่ๆ ก็มีคำตอบกลับมา

“ให้มันได้อย่างนี้สิคนเก่ง ทำให้ได้แบบนี้ไปอีก 45 เดือนเลยนะ อ้อ! เขาบอกปีนี้จะหนาวกว่าทุกปี ดูแลตัวเองดีๆ อย่าปล่อยให้มือเย็นล่ะ”

ภาวัฒน์วางโทรศัพท์และล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโคตหยิบเอาถุงมือหนังสีดำที่ข้างในบุขนแกะอย่างดีขึ้นมาสวมก่อนจะวางทาบแนบอก หลับตาลงพลางนึกถึงลายมือขยุกขยุยสไตล์นายแพทย์ที่พยายามบรรจงคัดใส่การ์ดอวยพรวันเกิดมาให้เขาว่า

                                               คิดถึงแต่บินไปหาไม่ได้ เลยฝากสิ่งนี้มาจับมือนายไว้แทน  

ยิ้มหวานคลี่เต็มริมฝีปาก มือที่ว่าอุ่นแล้วยังเทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นในหัวใจ... อีกสี่สิบห้าเดือนทำไมมันนานขนาดนี้นะ

                                                                              The End


*********************************************************************************************

หายไปนานเลย ยังไม่ตายนะคะแต่เกือบๆ ล่ะ555
ซุ่มทำวิทยานิพนธ์ภาคสองอยู่ค่ะ ได้ 40% แล้ว >.<
แต่ก่อนจะลงให้อ่าน ขอทำ 'เลกกี้โพล' สักเล็กน้อยนะคะ ...กรุณาตอบเค้าหน่อยน้า :impress2:

อยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับอะไร ของใคร หรือคู่ไหนเป็นพิเศษไหมคะ แค่นี้แหละค่ะ

*สปอยตอนพิเศษในเล่ม มี 5 ตอน + ของแถมอีก 1เรื่อง*

ขอบคุณทุกๆ คำตอบนะค้า^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-08-2015 05:19:06
อุ่นไปทั้งใจ จนอยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 29-08-2015 08:47:45
น่ารักจริงๆ เลยคู่นี้ จะหวานไปไหน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 29-08-2015 09:22:48
ชอบเรื่องนี้ เดี๋ยวตามไปเก็บ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 29-08-2015 09:31:01
คิดถึงหอมปืนน้องพลุที่สุดเลยยยย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 29-08-2015 09:34:48
น่ารัก อบอุ่นจริงๆค่ะ
เป็นคู่ที่ละมุนจริงๆ
 :o8:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 29-08-2015 21:32:15
หวานแบบไม่เลี่ยน หวานแบบแมน ๆ  อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 29-08-2015 21:53:18
เต้าเด็กพลุ นอยด์ซินะทหมอปืนน่ารักให้กำลังใจน้องพลุด้วย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: ovam ที่ 29-08-2015 22:48:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 29-08-2015 23:37:25
 :-[ หวานนนน น้ำตาลท่วมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 30-08-2015 09:34:25
 :m1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-08-2015 14:36:50
ดีใจที่มีตอนพิเศษตอนนี้ เพราะจากเรื่องหลัก
ทำให้คิดว่าตลอดที่พลุเรียน ทั้งคู่ได้ติดต่อกันหรือไม่
เพราะไม่ได้เจอกันเลยน่ะ แต่ตอนนี้กระจ่าง
อ่านไปอมยิ้มไปกับความรักและคิดถึงของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-08-2015 23:15:15
โอ้ยยย น่ารัก อบอุ่นเกิ๊นนนหมอปืน
อยากเห็นตอนพลุเรียนจบ โมเมนต์อยู่ด้วยกัน
เซอร์ไพร์อีกไรงี้ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 31-08-2015 04:21:15
อุ่นอีกแล้ว เมื่อไหร่ทั้งคู่จะได้เจอกันสักทีน้ออ  :กอด1: ตอบที่ถามนะคะ : อยากเห็นภาคอนาคตตอนเค้าอยู่ด้วยกันจังค่ะ แล้วก็อยากเห็นเทมส์อีก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 31-08-2015 06:05:40
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ  o13

แล้วมาต่ออีกเรื่อย ๆ นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-08-2015 22:42:25
รู้สึกได้ว่าเขารักกันจริงๆ นะ

อ่านแล้วซึ้ง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 01-09-2015 01:29:50
 อบอุ่นดีจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 16-09-2015 23:52:52
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกก อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนหลายๆความเห็นที่ว่า
โชคดีจังที่มีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้. พล็อตเรื่องก็ดีมาก ไม่ซ้ำใคร เป็นควิามรักที่ไม่หวือหวาแต่อบอุ่นและยิ่งใหญ่
นับถือหัวใจที่ภักดีของพลุจริงๆ ความรักที่บริสุทธิ์ รักที่เทิดทูล อบอุ่นหัวใจจริงๆค่ะ
เนื้อเรื่องในแต่ละตอนมีมาให้ลุ้นบ่อยๆ ช่วงทำcprนี่ลุ้นไปกับทุกเคสเลย โดยเฉพาะเคสหมอจิว อ่านไปน้ำตาไหลไป

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน ถ้ามีเวลามีแรงบันดาลใจก็อยากให้แต่งเรื่องใหม่ๆมาให้อ่านอีก
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอ่านตอนพิเศษของเรื่องนี้อีกหลายๆตอน นิยายนี้จะเป็นหนึ่งในนิยายที่ตราตรึงในความทรงจำค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 17-09-2015 22:29:18
 :pig4: ก็นะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: sebaspote ที่ 23-09-2015 12:34:21
อ่านนิยายรื่องนี้จบในหนึ่งวัน กับหนึ่งคืนค่ะ ติดมากไม่เป็นอันทำอะไรเลย
คนเขียน วางโครงเรื่องได้ดีค่ะ แปลกใหม่ไม่เหมือนคนอื่น
และอ่านแล้วรู้สึกว่าชอบความรักในเรื่องนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นความรักที่พลุมีให้หมอปืน
ความรักที่เพื่อนมีให้กัน และความรักของพ่อ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น และยิ้มได้ค่ะ

หมอปืนเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น ใจดี แต่ก็ขี้เหงา และโลเล อยู่ใกล้ใครก็โอนอ่อนเข้าหาเค้าง่ายๆ
และยังแอบซื่อบื้อด้วย แถมตอนจบคงกลัวกลายเป็นลุงแก่ลงพุง เลยฟิตหุ่นมาซะกล้ามแน่นเลย
หมอปืนยังไม่ทันกินเด็กก็เตรียมเป็นอมตะซะแล้ว 555

พลุเป็นคนที่มุ่งมั่นเพื่อความฝัน และก็รั้นด้วย แต่เราดีใจที่สุดท้ายน้องพลุก็ยอมมองความจริง
และกลับไปเรียนต่อ แอบขำตอนจบที่พลุบอกหมอว่าผมจะดูแลหมอปืนหลังเกษียณเอง 555

คู่ของหมอจิวกับนายน์ นี่รวบรัดตัดความมากค่ะ ถ้ากล่าวถึงคู่รองมากกว่านี้ ความฟินคงเพิ่มขึ้น

หมอนิว เธอช่างเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ที่นิสัยร้ายกาจมาก กลัวใครจะมาแย่งแฟนไป จนต้องทำร้ายคนอื่น
ทั้งให้น้องชายมาจีบหมอจิว จ้างคมาจัดฉากเป็นพ่อลูกที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วยังจะให้พ่อใช้อำนาจกลั่นแกล้งหมอปืนอีก
อยากบอกหมอนิวว่า ถ้าผู้ชายเค้าไม่รักก็ปล่อยเค้าไปเถอะ รั้งไว้ได้แต่ตัวมันไม่มีความหมายหรอก

อุ้มเป็นตัวละครที่เราชอบมากค่ะ เป็นคนที่รักเพื่อนมาก และแสดงความรู้สึกแบบตรงไปตรงมา
ขอให้อุ้มได้เจอหนุ่มเกาหลีแสนดีสักคนนะคะ

ความสมจริงของเหตุการณ์ทางการแพทย์ก็ทำได้ดีค่ะ คนเขียนหาข้อมูลมาได้ดีมากค่ะ
ทั้งการทำงาน และศัพท์ที่พูดกัน ชอบคำว่าอิเพิ้งเซิ้งยันเช้ามากค่ะ
เราเคยเลิกอ่านนิยายบางเรื่อง หรือเลิกดูละครบางเรื่อง
เพราะเจอฉากกู้ชีพ ต้องทำ CPR แต่ดันใช้หน้ากากออกซิเจนครอบ
(อาการหนักขนาดนั้นใส่ท่อช่วยหายใจเถอะ)

จะมีความไม่สมจริงอยู่บ้างก็ตอนหมอจิว คือหลังผ่าตัดถึงจะเริ่มหายใจต้านเครื่องช่วยหายใจ
แต่ในความจริงอาการหนักขนาดนั้นยังไม่น่าปิดเครื่องช่วยหายใจ และถอดท่อได้
แต่น่าจะให้ยานอนหลับเพื่อให้หมอจิวหลับจะได้ไม่หายใจต้านเครื่องช่วยหายใจ

หลังหมอปืน CPR เสร็จส่งหมอจิวเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ไม่น่าว่างไปนั่งเฝ้าหน้าห้องค่ะ
หมอปืนอยู่เวรไม่ใช่เหรอ ถึงเกิดเรื่องก็ต้องทำงานต่อไปนะ ไม่งั้นใครจะอยู่เวนแทน

โรงพยาบาลที่พวกหมอปืนทำงานอยู่เป็นโรงพยาบาลรัฐ เพราะงั้นหมอนิวไม่ใช่ลูกเจ้าของโรงพยาบาลนะคะ
และตำแหน่ง ผอ.ก็คงส่งต่อให้หมอปืนไม่ได้ด้วย ต่อให้หมอปืนเก่งแค่ไหน อายุแค่ 30 ปี
นี่น่าจะเพิ่งจบแพทย์ประจำบ้านมาทำงานเป็นแพทย์เฉพาะทางได้ไม่เกิน 1 ปี
อายุราชการน้อยแบบนั้นให้ตายก็เป็น ผอ.โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ไม่ได้ค่ะ

ตอนที่หมอปืนได้ทุนไปเรียนต่อแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ค่ะ
การจะไปเรียนแพทย์ประจำบ้านต่อยอดที่อเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย (เอาแค่เรียนต่อในไทยยังยากเลยค่ะ)
ทั้งต้องไปสอบสัมภาษณ์ ติดต่อโรงพยาบาล ติดต่ออาจารย์ที่จะไปเรียนด้วย
หมอปืนต้องติดต่อเอง คุยเอง ไม่ใช่อยู่ๆ ผอ.ยื่นเอกสารให้ว่าไปสิ เรื่องจริงนี่โรงพยาบาลที่อเมริกาไม่รับหมอปืนไปเรียนแน่คะ
ขนาดแค่ไปดูงานระยะสั้นไม่กี่เดือนยังลำบากเลย


มีหลายครั้งที่บอกว่านายน์เป็นหลานหมอนิว แต่คู่นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องก็น่าจะเป็นน้อชายนะคะ

ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดนั่นเป็นแค่รายละเอียดยิบย่อยที่เวลาอ่านแล้วเรารู้สึกว่ามันสะดุดเฉยๆ ค่ะ
ไม่ได้ทำให้โครงเรื่องหลักเสียไปแต่อย่างใด แต่ถ้าสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้จะทำให้การอ่านนิยายลื่นไหลขึ้นค่ะ

จะไปซื้อนิยายแน่นอนค่ะ อยากอ่านตอนพิเศษด้วย จะคอยติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 25-09-2015 14:54:40
อ่านนิยายรื่องนี้จบในหนึ่งวัน กับหนึ่งคืนค่ะ ติดมากไม่เป็นอันทำอะไรเลย
คนเขียน วางโครงเรื่องได้ดีค่ะ แปลกใหม่ไม่เหมือนคนอื่น
และอ่านแล้วรู้สึกว่าชอบความรักในเรื่องนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นความรักที่พลุมีให้หมอปืน
ความรักที่เพื่อนมีให้กัน และความรักของพ่อ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น และยิ้มได้ค่ะ

หมอปืนเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น ใจดี แต่ก็ขี้เหงา และโลเล อยู่ใกล้ใครก็โอนอ่อนเข้าหาเค้าง่ายๆ
และยังแอบซื่อบื้อด้วย แถมตอนจบคงกลัวกลายเป็นลุงแก่ลงพุง เลยฟิตหุ่นมาซะกล้ามแน่นเลย
หมอปืนยังไม่ทันกินเด็กก็เตรียมเป็นอมตะซะแล้ว 555

พลุเป็นคนที่มุ่งมั่นเพื่อความฝัน และก็รั้นด้วย แต่เราดีใจที่สุดท้ายน้องพลุก็ยอมมองความจริง
และกลับไปเรียนต่อ แอบขำตอนจบที่พลุบอกหมอว่าผมจะดูแลหมอปืนหลังเกษียณเอง 555

คู่ของหมอจิวกับนายน์ นี่รวบรัดตัดความมากค่ะ ถ้ากล่าวถึงคู่รองมากกว่านี้ ความฟินคงเพิ่มขึ้น

หมอนิว เธอช่างเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ที่นิสัยร้ายกาจมาก กลัวใครจะมาแย่งแฟนไป จนต้องทำร้ายคนอื่น
ทั้งให้น้องชายมาจีบหมอจิว จ้างคมาจัดฉากเป็นพ่อลูกที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วยังจะให้พ่อใช้อำนาจกลั่นแกล้งหมอปืนอีก
อยากบอกหมอนิวว่า ถ้าผู้ชายเค้าไม่รักก็ปล่อยเค้าไปเถอะ รั้งไว้ได้แต่ตัวมันไม่มีความหมายหรอก

อุ้มเป็นตัวละครที่เราชอบมากค่ะ เป็นคนที่รักเพื่อนมาก และแสดงความรู้สึกแบบตรงไปตรงมา
ขอให้อุ้มได้เจอหนุ่มเกาหลีแสนดีสักคนนะคะ

ความสมจริงของเหตุการณ์ทางการแพทย์ก็ทำได้ดีค่ะ คนเขียนหาข้อมูลมาได้ดีมากค่ะ
ทั้งการทำงาน และศัพท์ที่พูดกัน ชอบคำว่าอิเพิ้งเซิ้งยันเช้ามากค่ะ
เราเคยเลิกอ่านนิยายบางเรื่อง หรือเลิกดูละครบางเรื่อง
เพราะเจอฉากกู้ชีพ ต้องทำ CPR แต่ดันใช้หน้ากากออกซิเจนครอบ
(อาการหนักขนาดนั้นใส่ท่อช่วยหายใจเถอะ)

จะมีความไม่สมจริงอยู่บ้างก็ตอนหมอจิว คือหลังผ่าตัดถึงจะเริ่มหายใจต้านเครื่องช่วยหายใจ
แต่ในความจริงอาการหนักขนาดนั้นยังไม่น่าปิดเครื่องช่วยหายใจ และถอดท่อได้
แต่น่าจะให้ยานอนหลับเพื่อให้หมอจิวหลับจะได้ไม่หายใจต้านเครื่องช่วยหายใจ

หลังหมอปืน CPR เสร็จส่งหมอจิวเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ไม่น่าว่างไปนั่งเฝ้าหน้าห้องค่ะ
หมอปืนอยู่เวรไม่ใช่เหรอ ถึงเกิดเรื่องก็ต้องทำงานต่อไปนะ ไม่งั้นใครจะอยู่เวนแทน

โรงพยาบาลที่พวกหมอปืนทำงานอยู่เป็นโรงพยาบาลรัฐ เพราะงั้นหมอนิวไม่ใช่ลูกเจ้าของโรงพยาบาลนะคะ
และตำแหน่ง ผอ.ก็คงส่งต่อให้หมอปืนไม่ได้ด้วย ต่อให้หมอปืนเก่งแค่ไหน อายุแค่ 30 ปี
นี่น่าจะเพิ่งจบแพทย์ประจำบ้านมาทำงานเป็นแพทย์เฉพาะทางได้ไม่เกิน 1 ปี
อายุราชการน้อยแบบนั้นให้ตายก็เป็น ผอ.โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ไม่ได้ค่ะ

ตอนที่หมอปืนได้ทุนไปเรียนต่อแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ค่ะ
การจะไปเรียนแพทย์ประจำบ้านต่อยอดที่อเมริกาไม่ใช่เรื่องง่าย (เอาแค่เรียนต่อในไทยยังยากเลยค่ะ)
ทั้งต้องไปสอบสัมภาษณ์ ติดต่อโรงพยาบาล ติดต่ออาจารย์ที่จะไปเรียนด้วย
หมอปืนต้องติดต่อเอง คุยเอง ไม่ใช่อยู่ๆ ผอ.ยื่นเอกสารให้ว่าไปสิ เรื่องจริงนี่โรงพยาบาลที่อเมริกาไม่รับหมอปืนไปเรียนแน่คะ
ขนาดแค่ไปดูงานระยะสั้นไม่กี่เดือนยังลำบากเลย


มีหลายครั้งที่บอกว่านายน์เป็นหลานหมอนิว แต่คู่นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องก็น่าจะเป็นน้อชายนะคะ

ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดนั่นเป็นแค่รายละเอียดยิบย่อยที่เวลาอ่านแล้วเรารู้สึกว่ามันสะดุดเฉยๆ ค่ะ
ไม่ได้ทำให้โครงเรื่องหลักเสียไปแต่อย่างใด แต่ถ้าสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้จะทำให้การอ่านนิยายลื่นไหลขึ้นค่ะ

จะไปซื้อนิยายแน่นอนค่ะ อยากอ่านตอนพิเศษด้วย จะคอยติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ

ตอบข้อสงสัย
ก่อนอื่นขอบคุณมากๆ เลยที่ชี้จุดบกพร่อง จริงๆ เรามีคำแก้ตัวทั้งหมดนั้นไว้แล้วแต่เราใส่รายละเอียดไม่ลงลึกเองในบางจุดเพราะกลัวว่าถ้ามากเกินไปจะดูจริงจังไปหรือเปล่า บางจุดคือเราลืมใส่ทั้งที่หาข้อมูลไว้แล้ว(ยอมรับแบบแมนๆ)

1. คุณพ่อนิวไม่ใช่เจ้าของ.รพ. แต่จะให้หมอปืนรับช่วงต่อในตำแหน่ง ผอ.รพ.ได้แน่ๆ ค่ะ ถ้าต้องการ(เพราะนิวไปคุกเข่าขอร้องเชียวนะ) ในระบบที่เรียกว่า 'เส้นสาย' ไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้แน่ๆ ค่ะแต่เป็นในอนาคต
2. เรื่องไปเรียนต่อ ผอ.ไม่ได้เป็นคนติดต่อค่ะ คนที่ติดต่อเป็นพ่อของจิวที่เป็นผู้นำเข้าเครื่องมือแพทย์รายใหญ่ของไทยที่ค่อนข้างมีอิทธิพลมาก และช่วงที่ใช้ติดต่อคือ 1 เดือนนับจากนอนรพ.โดยประมาณ และคอร์สที่ไปเรียนคือสำหรับพ.ที่จะกลับมาเป็นอาจารย์สอน ATLS (Advance Trauma life support)เป็นคอร์สซึ่ง Emergency medicine หรือพ.ประจำห้องฉุกเฉินทุกคนต้องเรียน จะว่าติดต่อง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก แต่ในกรณีนี้คือ พ่อจิวใช้เส้นค่ะ+โปรไฟล์ปืนดี เค้าเลยรับง่ายๆ
3. คุณคำนวณได้เป๊ะมากค่ะว่าประสบการณ์การทำงานของปืนคือ 1ปี(สุดยอดอะ)หลังจบเฉพาะทางมาแล้ว ดังนั้นตำแหน่งของปืนตอนนี้คือ Young staff ค่ะ ถ้าหากจะไปนั่งเฝ้า staff ด้วยกันที่ป่วยหนักแล้วให้น้องๆ เดนท์ที่มีอยู่มากมายดูเคสไปเราจึงคิดว่าไม่น่าเกลียด มีเคสหนักจริงๆ น้องตามค่อยลงไปเพราะห้องฉุกเฉินอยู่ชั้น 1 ห้องผ่าตัดอยู่ชั้น 2 และ ICU อยู่หน้าห้องผ่าตัดวิ่งลงบันไดไปแป๊บเดียวค่ะ
4. วินิจฉัยโรคของหมอจิวคือ Fracture neck of femur กระดูกfemur บริเวณโคนขาหักค่ะ(เราใส่ไว้อยู่นะ) ตัวโรคไม่หนักหนาแต่บังเอิญไปโดนเส้นเลือดใหญ่ที่โคนขา(ใส่ไว้เช่นกัน) femoral vein ทำให้เกิดภาวะเสียเลือดมาก หรือ hypovolemic shock ถ้าเติมเลือดได้ทันและเพียงพอจะช่วยผู้ป่วยได้ทัน และจิวไม่ได้เอาท่อช่วยหายใจออกทันทีใน24 ชั่วโมงค่ะ เราใช้วิธีตัดฉากจริงๆ เวลาในเรื่องมันผ่านไป 2-3 วัน ขอโทษจริงๆ ค่ะ (และจากประสบการณ์ตรงประมาณ 24 ชั่วโมง ถ้าตื่นดีก็เอาท่อช่วยหายใจออกได้ค่ะ) (ในส่วนของการผ่าตัดทำเป็น External fixation with repaired vascular โดยพ.กระดูกและพ.ศัลยกรรมเส้นเลือด)
5.เรื่องนิว-นายน์ นายน์เป็นลูกของน้องชายพ่อนิว... เป็นลูกพี่ลูกน้องถูกแล้วค่ะ เป็นหลานของพ่อนิว คงมีจุดที่เรามึนบ้าง ขอบคุณมากมายค่ะ

สุดท้าย
ขอบคุณมากมายค่ะสำหรับข้อติ-ชม เราจะเก็บไว้พัฒนาเรื่องต่อไปนะคะ^^
ปล.ในส่วนของตอนพิเศษ 5 ตอนมีตอนของ นายน์-จิว ด้วยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง และเราจะได้รู้กันว่ากล้ามที่หมอปืนอุตส่าห์ฟิตมามีไว้ทำอะไรค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: sebaspote ที่ 26-09-2015 03:27:21
ดีใจมากค่ะ ที่คนเขียนมาตอบ ขอชี้แจงในส่วนที่ทำให้เราสงสัยค่ะ

1.เนื่องจากในเรื่องมีบางตอนที่มีคนพูดว่าหมอนิว ทั้งเก่ง สวย รวย แถมยังเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลอีกด้วย
ทำให้เราไม่แน่ใจว่าคนเขียนลืมรึเปล่าว่านี่โรงพยาบาลรัฐนะ ไม่ใช่เอกชน
ส่วนตำแหน่งผอ. จริงอยู่ว่าระบบเส้นสายมีจริงแต่ด้วยอายุตอนนี้หมอปืนอายุ 30 ปี
หมอนิวจบเฉพาะทางแล้ว และเป็นรุ่นน้องหมอปืนถ้าจบเฉพาะทางได้แสดงว่าต้องเป็นแพทย์ใช้ทุนไม่ครบ 3 ปี
หรืออาจไม่ได้ใช้ทุนเลย แสดงว่าหมอนิวต้องอายุ 27-29 ปี คุณพ่อหมอนิวคงอายุ 54-59 ปี
อีกไม่กี่ปีคุณพ่อก็เกษียณ ซึ่งตอนนั้นหมอปืนจะอายุไม่เกิน 36 ปี ด้วยอายุขนาดนั้นเป็นผอ. ไม่ได้แน่ค่ะ
และกว่าจะถึงอายุที่เหมาะสมคุณพ่อหมอนิวก็เกษียณไปนานแล้ว ซึ่งคุณพ่อคงไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจในการเลือกผอ. แน่นอน
ตามความคิดของเรา เพราะการจะเลือกผอ. มันต้องดูทั้งอายุราชการ วัยวุฒิ และผู้สนับสนุนที่ยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาล
และโรงพยาบาลที่พวกหมอปืนทำงานอยู่น่าจะเป็นโรงเรียนแพทย์ ก็คงมีพวกอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
อันนี้เป็นความโรคจิตส่วนตัวของเราค่ะที่จะชอบเดาอายุตัวละครแล้วคิดไปไกล

2.เรื่องเรียนต่อ เราเข้าใจดีถึงเรื่องเส้นสายของพ่อหมอจิวค่ะ แต่ที่เราแปลกใจคือ คุณพ่อหมอจิวน่าจะให้ทุนส่งไป
และเป็นแบ็คอัพในการติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลในอเมริกาให้ แต่หมอปืนควรต้องเป็นคนติดต่อเองด้วย
เพราะมันน่าจะต้องใช้เอกสารหลายอย่าง เช่นคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน
แต่ตอนอ่านเราเข้าใจว่าอยู่ๆ ผอ. ก็ยื่นเอกสารมาให้หมอปืนเลยว่าโรงพยาบาลที่อเมริกาให้หมอปืนไปเรียนต่อนะ
ทั้งที่หมอปืนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วผอ. กับพ่อหมอจิวเอาเอกสารส่วนตัวของหมอปืนจากไหนไปยื่นให้โรงพยาบาลที่อเมริกา

3.อันนี้เราลืมนึกไปว่าน่าจะมีสต๊าฟคนอื่นเข้าเวรอีกด้วยค่ะ พอดีเห็นหมอปืนกับหมอจิวเข้าเวรทั้งคู่ เลยสงสัยว่าใครจะอยู่เวรแทน

4.เราเข้าใจเรื่องที่หมอจิวกระดูกหัก และกระดูกที่หักไปโดนหลอดเลือดใหญ่ แล้วทำให้เกิดภาวะช็อคเนื่องจากการเสียเลือดมากค่ะ เราแค่แปลกใจเฉยๆ ว่าอาการหนัก ขนาดหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น แค่เริ่มฟื้นหายใจต้านเครื่องจะรีบถอดท่อแล้วเหรอ แต่นั่นน่าจะเพราะคนเขียนตัดฉาก แต่เราเข้าใจผิดไปเองว่ามันยังเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องอยู่ และเห็นด้วยค่ะว่าถ้า CPR ได้ดี และไม่มีข้อแทรกซ้อนอะไร อาจเอาท่อช่วยหายใจออกได้ใน 24 ชั่วโมง

5.อันนี้เป็นประเด็นใหม่ค่ะ ถ้ามีพยาบาลเรียกหมอเฉพาะทางว่าอาจารย์จะยิ่งดีค่ะ เห็นส่วนมากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันว่าจะเรียกหมอที่จบเฉพาะทางแล้วว่าอาจารย์

จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ อยากเห็นหมอปืนกับน้องพลุมุ้งมิ้งหวานกันบ้างอะไรบ้าง ในเรื่องพอยอมรับว่ารักกันก็ต้องแยกจากกันซะแล้ว ที่สำคัญรอดูกล้ามหมอปืนอยู่ค่ะ 555 คู่นายน์กับหมอจิวก็รออ่านค่ะอยากให้กล่าวถึงคู่นี้เยอะหน่อย เพราะในเรื่องได้ออกนิดเดียวเอง ตอนนี้นับวันรอให้หนังสือมาส่งอยู่ค่ะ

ปล.เราค่อนข้างคิดอะไรยิบย่อยไปหน่อยหวังว่าคนเขียนคงไม่รำคาญนะคะ พอดีนิยายเรื่องนี้หาข้อมูลมาดี และเขียนค่อนข้างสมจริงมาก เราเลยอยากช่วยดูจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่เรารู้สึกว่ามันดูไม่จริง เพราะเราชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 27-09-2015 00:48:57
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ  อ่านแล้วลุ้นมาก ๆ เลย
เขียนเก่งจริงๆเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 27-09-2015 10:17:22
ดีใจมากค่ะ ที่คนเขียนมาตอบ ขอชี้แจงในส่วนที่ทำให้เราสงสัยค่ะ

1.เนื่องจากในเรื่องมีบางตอนที่มีคนพูดว่าหมอนิว ทั้งเก่ง สวย รวย แถมยังเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลอีกด้วย
ทำให้เราไม่แน่ใจว่าคนเขียนลืมรึเปล่าว่านี่โรงพยาบาลรัฐนะ ไม่ใช่เอกชน
ส่วนตำแหน่งผอ. จริงอยู่ว่าระบบเส้นสายมีจริงแต่ด้วยอายุตอนนี้หมอปืนอายุ 30 ปี
หมอนิวจบเฉพาะทางแล้ว และเป็นรุ่นน้องหมอปืนถ้าจบเฉพาะทางได้แสดงว่าต้องเป็นแพทย์ใช้ทุนไม่ครบ 3 ปี
หรืออาจไม่ได้ใช้ทุนเลย แสดงว่าหมอนิวต้องอายุ 27-29 ปี คุณพ่อหมอนิวคงอายุ 54-59 ปี
อีกไม่กี่ปีคุณพ่อก็เกษียณ ซึ่งตอนนั้นหมอปืนจะอายุไม่เกิน 36 ปี ด้วยอายุขนาดนั้นเป็นผอ. ไม่ได้แน่ค่ะ
และกว่าจะถึงอายุที่เหมาะสมคุณพ่อหมอนิวก็เกษียณไปนานแล้ว ซึ่งคุณพ่อคงไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจในการเลือกผอ. แน่นอน
ตามความคิดของเรา เพราะการจะเลือกผอ. มันต้องดูทั้งอายุราชการ วัยวุฒิ และผู้สนับสนุนที่ยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาล
และโรงพยาบาลที่พวกหมอปืนทำงานอยู่น่าจะเป็นโรงเรียนแพทย์ ก็คงมีพวกอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
อันนี้เป็นความโรคจิตส่วนตัวของเราค่ะที่จะชอบเดาอายุตัวละครแล้วคิดไปไกล

2.เรื่องเรียนต่อ เราเข้าใจดีถึงเรื่องเส้นสายของพ่อหมอจิวค่ะ แต่ที่เราแปลกใจคือ คุณพ่อหมอจิวน่าจะให้ทุนส่งไป
และเป็นแบ็คอัพในการติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลในอเมริกาให้ แต่หมอปืนควรต้องเป็นคนติดต่อเองด้วย
เพราะมันน่าจะต้องใช้เอกสารหลายอย่าง เช่นคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน
แต่ตอนอ่านเราเข้าใจว่าอยู่ๆ ผอ. ก็ยื่นเอกสารมาให้หมอปืนเลยว่าโรงพยาบาลที่อเมริกาให้หมอปืนไปเรียนต่อนะ
ทั้งที่หมอปืนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วผอ. กับพ่อหมอจิวเอาเอกสารส่วนตัวของหมอปืนจากไหนไปยื่นให้โรงพยาบาลที่อเมริกา

3.อันนี้เราลืมนึกไปว่าน่าจะมีสต๊าฟคนอื่นเข้าเวรอีกด้วยค่ะ พอดีเห็นหมอปืนกับหมอจิวเข้าเวรทั้งคู่ เลยสงสัยว่าใครจะอยู่เวรแทน

4.เราเข้าใจเรื่องที่หมอจิวกระดูกหัก และกระดูกที่หักไปโดนหลอดเลือดใหญ่ แล้วทำให้เกิดภาวะช็อคเนื่องจากการเสียเลือดมากค่ะ เราแค่แปลกใจเฉยๆ ว่าอาการหนัก ขนาดหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น แค่เริ่มฟื้นหายใจต้านเครื่องจะรีบถอดท่อแล้วเหรอ แต่นั่นน่าจะเพราะคนเขียนตัดฉาก แต่เราเข้าใจผิดไปเองว่ามันยังเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องอยู่ และเห็นด้วยค่ะว่าถ้า CPR ได้ดี และไม่มีข้อแทรกซ้อนอะไร อาจเอาท่อช่วยหายใจออกได้ใน 24 ชั่วโมง

5.อันนี้เป็นประเด็นใหม่ค่ะ ถ้ามีพยาบาลเรียกหมอเฉพาะทางว่าอาจารย์จะยิ่งดีค่ะ เห็นส่วนมากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันว่าจะเรียกหมอที่จบเฉพาะทางแล้วว่าอาจารย์

จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ อยากเห็นหมอปืนกับน้องพลุมุ้งมิ้งหวานกันบ้างอะไรบ้าง ในเรื่องพอยอมรับว่ารักกันก็ต้องแยกจากกันซะแล้ว ที่สำคัญรอดูกล้ามหมอปืนอยู่ค่ะ 555 คู่นายน์กับหมอจิวก็รออ่านค่ะอยากให้กล่าวถึงคู่นี้เยอะหน่อย เพราะในเรื่องได้ออกนิดเดียวเอง ตอนนี้นับวันรอให้หนังสือมาส่งอยู่ค่ะ

ปล.เราค่อนข้างคิดอะไรยิบย่อยไปหน่อยหวังว่าคนเขียนคงไม่รำคาญนะคะ พอดีนิยายเรื่องนี้หาข้อมูลมาดี และเขียนค่อนข้างสมจริงมาก เราเลยอยากช่วยดูจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่เรารู้สึกว่ามันดูไม่จริง เพราะเราชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ

555 ไม่ค่ะไม่ว่าเราดีใจด้วยซ้ำแสดงคุณตั้งใจอ่านจริงๆ

ในข้อ 1-2 เรายังยืนยันนะว่าเป็นไปได้ จากBase on true story ที่เราได้มีโอกาสเจอมามันยิ่งกว่านี้อีก... ผอ.ที่มีแต่ชื่อไม่เคยเห็นหน้าจนกระทั่งวันย้ายไปตำแหน่งสูงกว่า หรือแม้แต่ผอ.ที่เป็นคนละคนกับคำสั่งที่แต่งตั้งขึ้นไป (ความจริงมันโหดร้าย)
ข้อ 3-4 จริงๆ เรามีฉากที่จิวตื่นมาแล้วโวยวายจะดึงทิวป์ ขอกินน้ำ ไอขย้อนทิวป์ด้วยนะ ต้องให้อุ้มกับพลุช่วยจับกดลงเตียง พยาบาลไอซียูจับมัดมือ ปืนสั่งยาsedate แล้วตามพ.ศัลย์มาออฟทิวป์ แต่เราตัดทิ้งเพราะจากฉากซึ้งๆ มันดูน่ากลัวไปเลย
ข้อ 5 เรื่องเรียก อาจารย์... ตัวละครที่เป็นพบย.ในภาคนี้คืออุ้ม=> เพื่อนสนิทมากปกติก็ไม่เรียกอยู่แล้ว ถ้าเรียกก็จะเป็นตอนอยู่ต่อหน้าน้องๆ ในสถานการที่ดูเป็นทางการหน่อย
น้องมิลค์ นางโผล่มาสองฉากจู่ๆ จะให้เรียก อาจารย์ปืนขา กลัวว่าจะอธิบายกันยาว แต่ในภาคต่อ(ถ้าได้เขียนนะคะ) หมอปืนได้เป็นอาจารย์ปืนแน่ค่ะ(ดูเป็นลุงหมอมากอะ555) (ส่วนนิวเป็นหมออายุกรรมยังเรียนไม่จบเฉพาะทาง)

ปล.(hard sale) สั่งยกเซ็ตได้เรื่องแถมของคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าด้วยนะคะ เรารับประกันความแซ๋บของนักเขียนท่านนี้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-09-2015 21:17:55
สนุกมากเลย อ่านแล้วติดใจจนวางไม่ลง   รวดเดียวจบ  สุดยอดดดดด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 30-09-2015 23:15:39
กรี๊ดดดดดดด อยากได้อีกสักตอนจริงๆๆๆ
ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 04-10-2015 10:06:18
ขอบคุณนะคะ เรื่องนี้น่าอ่านและน่ารักมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 04-10-2015 15:26:00
ตอนแรกลังเลว่าจะอ่านดีไหม เพราะเรน่าอยู่ในวงการที่เกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกัน งานเครียดพอแล้ว ตามมาหลอกหลอนต่อถึงในนิยายเห็นท่าจะไม่ไหว 555

ลองอ่านดู อืมๆ เรื่องไม่เครียดมาก สำนวนใช้ได้ มีสาวอุ้มออกมาเบรคให้ขำเรื่อยๆ โอเคๆ พอไหวๆ  :ruready

เรื่องนี้ขัดใจอย่างเดียว ทำไมหมอปืน(ที่น่าจะฉลาด)ถึงดูแฟน(หมอนิว)ไม่ออก! ทานอาหารเสริมบ้างนะคะ อย่าทานแต่หญ้า // อุ้ปส์ ใส่อารมณ์เกินไป ไม่งามๆ 555

อยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับอะไร ของใคร หรือคู่ไหนเป็นพิเศษไหมคะ  << อืมมม จริงๆเรื่องก็สมบูรณ์ดีแล้วนะคะ งั้นยกให้ตาเพื่อนวิดวะ(เทม?)แล้วกัน จะได้ไม่เหงาปล่าวเปลี่ยวเกินไป  :hao3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-10-2015 17:16:16
ตอนพิเศษแบบหวานๆ ขออีกค่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: lighttenning ที่ 27-10-2015 20:36:30
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 27-11-2015 13:18:14
รักเรื่องนี้แรงง  :hao3: :hao3: :mew1: รอเก็บเงินอุดหนุนหนังสืออยู่น้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 29-11-2015 23:03:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 02-12-2015 00:42:39
แปะไว้ก่อน เด่วมาตามอ่าน  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 02-12-2015 20:17:43
อ่านมา 10 ตอนแล้ว จะได้รักกันเมื่อไหร่เนี่ย ลุ้นซะเหนื่อย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 03-12-2015 00:27:03
ใช้เวลา 1 วันในการอ่านเรื่องนี้ บอกเลยว่า รู้สึกดีมากกกก และมีความสุขมากที่ได้อ่าน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

กว่าพลุ กะ หมอปืน จะได้รักกันได้ลุ้นนานมาก ไม่เสียแรงที่พลุรักมา 10 ปี  :impress2: :impress2: :impress2:

คู่ นายน์ กะ หมอจิว ก็ชอบนะ เริ่มมาแบบมีแผนร้าย แต่กลายเป็นรัก มาที่หลังแต่นำไปก่อนเฉยเลย  :hao7: :hao7: :hao7:

ชอบเรื่องราวความรักระหว่างเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น ฝั่งหมอปืน หรือ ฝั่งพลุ มันดูเป็นความรักที่สวยงามและยั่งยืนดี รักพี่อุ้มมากกก :z2: :z2: :z2:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่แต่งมาให้อ่านกันนะครับ รักมากเลยเรื่องนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: [x]-SayHi ที่ 06-12-2015 12:16:09
ดีคับ กำลังดี ลงตัวทุกอย่าง ชอบหมอนิวนะคับร้ายแบบเนียนๆ ที่สำคัญไม่มีใครสาวแตกอันนี้ OK มากสำหรับผม แต่ฉากอัศจรรย์นี่ผมบอกเลยว่าผมไม่รู้ว่าใครทำอะไร แต่นั่นละคับเหมือนว่าเราแอบรู้เรื่องเพื่อนนั่นละคับ รู้แค่ว่าเขารักกันแต่ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครรุกใครรับรู้แค่รักกันก็พอ

แต่หมอจิวน่าจะญาติมีพ่อแม่มาเยี่ยมบ้างนะคับ ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 16-12-2015 08:21:51
ชอบหมอปืน แน่บื้ไปาดนะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: รักในสายหมอก ที่ 21-01-2016 23:21:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: o13 o13 o13   ชอบมากคะ มีหลากหลายอารมณ์ดีคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment part 0 : One nihgt in winter [29/08/58] p.19
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-02-2016 23:06:11
Special Moment : You are my Valentine

“หมอปืน~ รู้ไหมวันนี้ วันอะไร?” เสียงคำถามกรอกเข้ามาในโทรศัพท์

“วันพุธ”
 
แอบได้ยินเสียง ‘หึ’ ดังมาตามสายทันทีที่พูดจบ คนในชุดกาวน์อีกฝั่งของโทรศัพท์อมยิ้มมุมปาก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการได้ยินคำตอบว่าอะไร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องตามใจให้เคยตัว

ปาวัสม์นั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานก่อนจะเหยียดขาออกเต็มที่เพื่อไล่ความเมื่อยล้า ทำงานมาตั้งแต่เช้าเพิ่งจะมีเวลาว่างก็ตอนนี้แล้วคนบางคนก็โทรมาได้จังหวะพอดี

“ไม่เอา ตอบดีๆ สิ วันนี้วันอะไรครับ”

ปาวัสม์เงยหน้าขึ้นมองวันที่บนปฏิทินของเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเขาใช้ปากกาไฮไลท์เขียนรูปหัวใจทับไว้ “อ๋อ! วันนี้วันวาเลนไทน์”
 
“แล้ว...”

“มิน่าสิ เช้ามามีแต่คนเอาช็อคโกแลตมาให้ เรามันก็คนไม่กินหวานไม่รู้จะทำยังไงดี” คุณหมอหนุ่มแกล้งทำเสียงหนักใจพลางหยิบกล่องขนมหลากสีหลายขนาดบนโต๊ะขยับวางซ้อนกันไปมาให้เกิดเสียงกุกกักประกอบเรื่องเล่าของตน

“ไม่กินแล้วรับมาทำไมล่ะ”

“กลัวเขาเสียน้ำใจ”

“ว่าแต่ผมปากหวานอัธยาศัยดี แต่รู้สึกว่าคนบางคนจะใจดีมากกว่าผมอีกนะ”

“แล้วพ่อคนอัธยาศัยดีได้มากี่กล่องล่ะ”

“ถึงมีคนให้ก็ไม่รับหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ก็รอคนบางคนให้”

ปาวัสม์หัวเราะลงคอ “ที่นู่นมืดแล้วเหรอทำไมฝันไวจัง... ตกลงโทรมามีอะไร คงไม่ได้จะแค่โทรมาถามว่าวันนี้วันอะไรใช่ไหม”

“เอ่อ... คือ...”

“อ้าว เงียบไปทำไมล่ะมีอะไรก็พูดมาสิ”

“ผมแค่...”

“เร็วสิ รอฟังอยู่นะ”

“ผมแค่จะบอกว่า...” ภาวัฒน์ลุกจากโต๊ะหนังสือเดินไปนั่งลงบนเตียง ริมฝีปากเม้มสนิทรวบรวมความกล้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอ่ยออกไป “ผมคิด...”

ยังพูดไม่ทันจบเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกเข้ามาในสาย

“Excuse me Dr.Pawat , we need you immediately.”

“I’m coming.” ปาวัสม์หันไปตะโกนตอบพลางหนีบโทรศัพท์เข้าข้างหูพร้อมกับคว้าหูฟังคล้องรอบคอและออกวิ่งเหยาะๆ ตามหลังพยาบาลสาวไปห้องฉุกเฉิน “ว่าไง”

“ผมแค่จะบอกว่า อาทิตย์หน้ามีสอบและผมคิดว่าผมต้องทำได้คะแนนดีไม่สอบตกแบบคราวที่แล้วแน่ๆ เลย”

“ดีมาก มีอะไรอีกไหม”

“ผม... ไม่มีแล้วครับ”

“งั้นแค่นี้นะ”

“โธ่เอ๊ย!” ภาวัฒน์มองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้วก่อนจะใช้มือขยี้ผมน้ำตาลจนยุ่งแล้วล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง นัยน์ตาสีดำเหม่อมองฝ้าเพดานเหนือหัว แต่ใจกลับลอยไปไกลถึงคนที่เพิ่งวางสาย ก่อนจะถอนหายใจเสียงดังให้กับความไม่ได้เรื่องของตัวเอง อุตส่าห์รวบรวมความกล้าเป็นวันๆ คิดคำสวยๆ เตรียมไว้มากมายเพื่อใช้สิทธิ์พิเศษของวันวาเลนไทน์เพื่อที่จะบอกความในใจแต่สุดท้ายเขาก็พูดไม่ออกอยู่ดี

 เมื่อก่อนก็ยังแซวกันขำๆ เรื่องเรียกคำแสดงความเป็นเจ้าของหรือแกล้งหยอดคำหวานใส่ได้ไม่อายปาก แต่ครั้นพอได้ขยับสถานะขึ้นมาอีกขั้นนี่แค่คำพื้นๆ อย่าง ‘คิดถึง’ ยังตบปากตัวเองแทบตาย คำว่า ‘รัก’ นี่ลืมไปได้เลยต่อให้พ้นสัญญาสี่ปีก็ไม่ยอมพูดให้ได้ยินหรอกแค่คิดก็เขินจะตายอยู่แล้ว

ภาวัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์โทรออกที่ยังคงค้างอยู่ ภาพโปรไฟล์ที่ตั้งไว้เป็นภาพถ่ายคู่กันตอนไปเที่ยวดอยสุเทพด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว

...คิดถึง อยากเจอ...

สองคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก มือหยาบดึงโทรศัพท์มาแตะที่ริมฝีปากก่อนจะวางลงแนบอก อยากบอกว่ารัก อยากตะโกนให้ได้ยินดังๆ ว่าคิดถึง แต่ด้วยระยะทางตอนนี้คงทำได้แค่คิดสินะ

ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน รายงานการบ้านก็ทำจนเสร็จหมดแล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อ ครั้นจะออกไปเดินเล่นในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครแห่งความรักในวันแห่งความรักเช่นนี้ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายเดี่ยวแบบน่าอดสูสุดๆ คิดได้ดังนั้นภาวัฒน์ก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหน้าพร้อมกับปิดตาลง ตื่นมาอีกทีขอให้เป็นเช้าวันพรุ่งนี้เลยละกัน

ภาวัฒน์มาสะดุ้งรู้ตัวอีกก็ตอนเสียงโทรศัพท์ดัง เขารีบคว้ามากดรับพลางเหลียวมองรอบกายที่มืดสนิทมีเพียงแสงไฟสีอมส้มจากไฟดวงกลมริมถนนที่หน้าหอพักส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเท่านั้น นึกสงสัยจับใจว่าคนโทรมีธุระสำคัญอะไรดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้

“สวัสดีครับ”

“ทำไมรับช้าจังโทรตั้งนานแล้วนะ”

“ผมหลับอยู่ ขอโทษทีครับ หมอปืนมีอะไรโทรมาซะดึกเชียว” ถามพลางใช้หลังมือขยี้ตาและลุกไปเปิดไฟ

“โทษทีลืมไป ก็ที่นี่มันยังไม่มืดนี่นา” ปาวัสม์ว่า “มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”

“เรื่องอะไรครับ”

“พอดีเพื่อนหมอที่นี่บ้านอยู่ฝรั่งเศส แล้วทีนี้เขาส่งไปรษณีย์ไปให้แม่แต่ดันจ่าหน้าผิดไปส่งอีกที่น่ะ เพิ่งติดตามของได้ ที่อยู่มันใกล้ๆ มหา’ลัยนายพอดี นายช่วยออกไปเอาแล้วส่งไปให้ใหม่หน่อยได้ไหม”

ภาวัฒน์เหลือบตาดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว “ไว้พรุ่งนี้ได้ไหมครับ ผมเกรงใจเจ้าของบ้านแล้วรถเที่ยวสุดท้ายที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยของผมมีแค่เที่ยงคืนด้วย”

“ไปตอนนี้เลยไม่ได้เหรอของสำคัญจริงๆ นะ เดี๋ยวฉันจะส่งเมลไปบอกเขาให้ว่าจะมีคนไปเอาคืนนี้ แล้วที่นั่นก็ห่างไปแค่ช่วงถนนเดียวเองต่อให้รถหมดก็เดินไปก็ได้นี่ เดี๋ยวส่งที่อยู่ไปให้ดูนะ” 

เสียงข้อความเข้าดัง ภาวัฒน์ลดโทรศัพท์ลงเปิดดูบ้านเลขที่ที่ปาวัสม์ส่งมาให้และพบว่ามันอยู่บนถนนเส้นที่เขารู้จัก กะคร่าวๆ น่าจะใช้เวลาเดินแค่สิบห้านาทีจึงยอมรับปาก เขาเดินไปคว้าโอเวอร์โคตมาสวมทับพลางอ่านรายละเอียดที่แนบมาให้อีกครั้ง ก่อนสายตาจะไปหยุดลงตรงบรรทัดสุดท้ายที่เป็นภาษาฝรั่งเศสที่เขาไม่เข้าใจ เขามาเรียนภาคอินเตอร์ ภาษาที่ใช้เป็นหลักคือภาษาอังกฤษ อาศัยครูพักลักจำทำให้ตอนนี้พอรู้ภาษาฝรั่งเศสแค่ซื้อข้าวและถามทางได้

Tu me manques.

“อะไรน่ะ... ชื่อคนเหรอ ไม่ใช่มั้งสงสัยจะเป็นชื่อร้าน”

ร่างโปร่งในโอเวอร์โคตสีน้ำตาลพันผ้าพันคอไหมพรมหนาจนถึงครี่งหน้าออกมายืนบนถนนตากลมหนาวของเดือนกุมภาพันธ์กับความหวานของวันวาเลนไทน์ซึ่งเต็มไปด้วยชายหนุ่มหญิงสาวที่ออกมาเดินพลอดรักกันในยามราตรีดูร้านรวงและสองข้างทางที่ประดับประดับด้วยดอกไม้ซึ่งเน้นกุหลาบแดงที่เป็นตัวแทนของความรักเป็นหลัก หัวใจและกามเทพแผลงศรมีอยู่ให้เห็นทุกหัวมุมถนน เสียงเพลงท่วงทำนองหวานดังมาจากลำโพงหน้าร้านขายซีดี

I wonder how
I wonder why
I wonder where they are
The days we had
The songs we sang together
Oh yeah
And oh my love
We’re holding on forever
Reaching for the love that seems so far
*My Love - Westlife https://www.youtube.com/watch?v=ulOb9gIGGd0

ทั้งที่เป็นเพลงรักแต่ทำไมยิ่งฟังหัวใจยิ่งเหงา สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดตรงคู่รักคู่หนึ่งที่ยืนจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่หน้าร้านอาหาร ทั้งคู่เป็นผู้ชาย หนึ่งในนั้นลืมตาขึ้นมาสบตาเขาพอดีแต่แทนที่จะหยุดกลับยักยิ้วให้แถมยังรุกเร้าคู่ของตน ภาวัฒน์รีบก้มหน้ามองถนนและเร่งฝีเท้าเดินผ่านไป

ทั้งที่ไม่ไกลแต่ดูใช้เวลายาวนานเหลือเกินกว่าจะมาถึงที่หมาย ภาวัฒน์เงยหน้ามองที่อยู่ที่ตั้งค่าไว้ใน GPRS สลับกับสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าซึ่งเป็นร้านขายต้นไม้ขนาดสองคูหาตกแต่งหน้าร้านสวยงามด้วยกระถางต้นคริสมาสต์สีแดงสดสวยกับกุหลาบขาวทำเป็นซุ้มรูปหัวใจ เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวผมบรอนด์หน้าตายิ้มแย้มผูกผมหางม้าสวมผ้ากันเปื้อนดูทะมัดทะแมง เธอกำลังทยอยเก็บกระถางต้นไม้เข้าด้านในเมื่อใกล้ถึงเวลาปิดร้าน เขาจึงวิ่งเข้าไปหา

“Excuse me, I come for receive my friend’s post. He writes wrong address and postman sent it to your home” (ขอโทษนะครับ ผมมารับพัสดุให้เพื่อนเขาจ่าหน้าที่อยู่ผิดบุรุษไปรษณีย์เลยมาส่งให้ที่บ้านคุณน่ะครับ”

อธิบายเสียยาวเหยียดแต่เจ้าของร้านสาวกลับเอียงคอมองเขางงๆ ภาวัฒน์จึงเปิดหน้าจอโทรศัพท์ที่ปาวัสม์ส่งมาให้ดู

“This is your address.” (นี่ใช่ที่อยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ)

เธออ่านอยู่อึดใจก่อนจะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “Are you Mr. Pawat” (คุณภาวัฒน์ใช่ไหมคะ)

“yes madam.” (ใช่ครับ) ถอนหายใจอย่างโล่งอกดูท่าเธอคงได้รับข้อความของปาวัสม์แล้ว

เจ้าของร้านกวาดตามองเขาทั้งรอยยิ้มก่อนจะบอกให้รอแล้วเดินหายเข้าไปหลังร้าน ห้านาทีต่อมาเธอก็กลับออกมาพร้อมกระถางต้นไม้ผูกโบอันใหญ่สีแดงและวางมันลงบนโต๊ะ

ภาวัฒน์พินิจดูดอกไม้แสนสวยในกระถางเซรามิคใบโตตรงหน้า ลักษณะของมันเป็นต้นเดี่ยวมีใบยาวเรียวสีเขียวสดตรงโคนต้นออกดอกเล็กๆ เป็นช่อยาวสีม่วงอมน้ำเงิน มันไม่น่าใช่พัสดุที่เขาต้องมารับไป “I think we have something wrong. I don’t want to buy any flower.”(ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้มาซื้อดอกไม้)

“No”(ไม่ผิดหรอกค่ะ) เจ้าของร้านยืนยัน “This is a gift for you from Dr.Pawat” (นี่ของขวัญของคุณจากคุณหมอปาวัสม์) พลางส่งใบสั่งซื้อของออนไลน์ที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วให้ดู

“Ahh”

เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจเธอจึงชี้ไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขาและอ่านออกเสียงประโยคที่ลงท้ายในข้อความให้ฟัง

“ตู เมอ มองก์” แล้วชี้ไปที่ดอกไม้ในกระถาง “Blue Salvia… I think someone want to say ‘I miss you’. Happy valentine day.” (ดอกบลูซัลเวีย... ฉันคิดว่าใครบางคนคงอยากบอกคุณว่า ‘คิดถึง’ น่ะค่ะ สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ)

แก้มขาวซับสีเลือดฝาดขึ้นทันทีที่รู้ความหมายของคำลงท้ายที่พ้องกับภาษาดอกไม้ของดอกไม้ชนิดนี้ ภาวัฒน์ค้อมศีรษะขอบคุณ เขาเซ็นรับของบนใบเสร็จแล้วรีบคว้ากระถางต้นไม้เดินออกจากร้าน ทันทีที่ขายาวก้าวพ้นกรอบประตูโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นพอดี

“เล่นอะไรเนี่ย” ไม่ต้องดูชื่อคนโทรหรือรอให้อีกฝ่ายพูดเขาก็รู้ว่าเป็นใคร

“ทำเสียงแบบนี้แสดงว่าได้รับแล้ว” ปลายสายหัวเราะคิกคักและฟังดูมีความสุขมากทีเดียว ปาวัสม์ถอดหูฟังวางลงบนโต๊ะที่ตอนนี้กล่องช็อคโกแลตเมื่อเช้าอันตรธานไปหมดแล้ว อันที่จริงเขาไม่ได้รับมาสักกล่องหรอกทั้งหมดนั่นเป็นของที่ตัวเองซื้อไว้หลอกล่อเด็กที่มาห้องฉุกเฉินในวันนี้ต่างหาก “ชอบไหม”

“หนัก” ภาวัฒน์แกล้งทำเป็นบ่นทั้งที่ยิ้มจนแก้มแทบปริ เขาประคองกระถางต้นไม้ไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่งเพื่อคุยโทรศัพท์ให้ถนัด

“ก็ต้องหนักสิ นั่นความคิดถึงของฉันนี่นา”

ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอาคนฟังหยุดฝีเท้า หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำก้าวขาแทบไม่ออกในขณะที่คนพูดยังจ้อไม่หยุด

ร่างสูงในชุดกาวน์ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้ประตูและทอดสายตามองผ่านหน้าต่างหลังโต๊ะทำงานออกไปยังท้องฟ้ากว้างด้านนอก ก่อนจะจุดยิ้มกว้างขอบคุณสายลมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่รับฝากข้อความจากหัวใจส่งไปถึงคนไกลที่อยู่อีกฟากของขอบฟ้า

“นี่แค่เสี้ยวเดียวนะ อันที่จริงอยากจะส่งไปให้ทั้งสวนด้วยซ้ำแต่กลัวคนบางคนจะรับไปไม่ไหว... พลุ... อ้าว... เงียบไปซะล่ะ ไม่มีสัญญาณเหรอ พลุ เฮ้! ได้ยินไหม”

คนอีกฝั่งของโทรศัพท์สะดุ้งเบาๆ นัยน์ตาสีดำคู่สวยละจากหมู่ดาวสีทองบนแผ่นฟ้าก่อนจะกะพริบถี่ๆ สามสี่ครั้ง “ฟะ ฟังอยู่ครับ”

“แล้วเงียบทำไม นึกว่าสายหลุด”

“ไม่ได้เงียบเสียหน่อย ออกจะดังไม่ได้ยินเหรอ” ภาวัฒน์กระซิบอ้อมแอ้ม อุณหภูมิที่ลดลงเหลือแค่เลขหลักเดียวทำให้ลมหายใจกลายเป็นไอจางๆ ลอยวนขึ้นในอากาศ เขาดึงผ้าพันคอขึ้นปิดจนถึงสันจมูกแกล้งทำเป็นซุกหน้าหนีความหนาวเพื่อไม่ให้คนเดินผ่านไปผ่านมาสังเกตเห็นแก้มที่แดงไปจนถึงใบหู

“อะไรดัง ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”

“เสียงหัวใจผมไง” ภาวัฒน์ได้ยินเสียงครางเบาๆ ในลำคอคาดว่าคนฟังก็คงกำลังเขินไม่แพ้กันก่อนเสียงทุ้มจะปรับให้เป็นปกติและตอบกลับมา

“แล้วมันพูดว่าไง”

“คิดถึง... เหมือนกันครับ” พูดได้เท่านั้นก็ยกมือปิดหน้าอายตัวเองที่พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ สงสัยจะเป็นเพราะบรรยากาศหวานๆ รอบตัว ที่มอบความกล้าให้เขาพูดความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในใจนี้ออกไป

คู่รักที่เขาเจอหน้าร้านอาหารเดินสวนมาทั้งสองเดินแนบชิดอิงไหล่ให้พ้นจากความหนาว ภาวัฒน์ส่งยิ้มกว้างให้พวกเขาพลางกระชับ ‘ความคิดถึง’ ในอ้อมแขนของตนแน่นขึ้นอีกพร้อมกับออกเดินอีกครั้ง

“ทำไมหมอปืนเลือกต้นนี้ล่ะ วาเลนไทน์ต้องเป็นกุหลาบสิ”

“ก็ไม่อยากเหมือนใครนี่นา เอางี้ นายอยากได้อะไรล่ะ”

“ลองทายดูสิครับ”

เสียงหัวเราะร่วนดังแว่วออกมาจากโทรศัพท์เคล้าคลอไปกับสายลมหนาวสุดท้ายที่พัดมาต้องผิวเนื้อให้เย็นยะเยือกแต่อุณหภูมิหัวใจกลับอบอุ่น เสียงเพลงเดิมดังแว่วมาและเป็นฮุกสุดท้ายพอดี

So I say a little prayer
And hope my dreams will take me there
Where the skies are blue, to see you once again… my love.
Overseas from coast to coast
To find the place I Love The Most
Where the fields are green, to see you once again…
To hold you in my arms
To promise you my love
To tell you from the heart
You’re all I’m thinking of

   ริมฝีปากจุดรอยยิ้มกว้างมากขึ้นอีก

...ไม่ใช่แค่นับวันแต่ผมนับทุกวินาทีที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง และเมื่อวันนั้นมาถึงผมจะกอดคุณให้แน่นด้วยสองแขนของผมและจะบอกความในจากใจทั้งหมดนี้ให้คุณฟังแต่เพียงผู้เดียว...


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 13-02-2016 23:30:23
(ต่อตรงนี้)


แล้วลมหนาวก็พัดมาอีกครั้งและอีกครั้งจนหมุนเวียนมาเป็นครั้งที่สี่

บนคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทยที่ขึ้นว่าเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหล หากตอนนี้ใครบางคนใต้ผ้าห่มผืนหนายังนอนหลับอุตุทั้งที่นาฬิกาปลุกหัวเตียงร้องเตือนเป็นครั้งที่ห้าแล้ว

“หมอปืนตื่นได้แล้ว” คนผมน้ำตาลที่กำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำตะโกนเรียกออกมาหลังจากเสียงปลุกดับลงอย่างอ่อนแรง

“ขออีกห้านาที”

เสียงงัวเงียของคนที่ยังไม่ตื่นดีดังออกมาจากโปงผ้าบนเตียง ทำให้ภาวัฒน์ต้องเดินเข้ามากระชากผ้าห่มออก

ร่างสูงในชุดนอนลายทางนอนกอดหมอนข้างแน่นช่างเป็นภาพที่น่ารัก จนเขาอดขำไม่ได้ว่านี่เป็นคนๆ เดียวกับคุณหมอหนุ่มสุดเท่ประจำห้องฉุกเฉิน มันนานเหลือเกินจนเหมือนกับฝันไปว่าในที่สุดจะมีวันที่พวกเขาสามารถข้ามผ่านเส้นอายุและระยะทางหลายร้อยไมล์มาอยู่ด้วยกันจนได้

ภาวัฒน์คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียงและรั้งแขนคนขี้เซาให้ลุกขึ้นมานั่ง “เดี๋ยวไปทำงานสายนะครับ”

“รู้แล้วน่า” ปาวัสม์งึมงัมอ้าปากหาวพลางใช้หลังมือขยี้ตา ถึงเมื่อคืนจะไม่ได้เลิกงานดึกแต่คนบางคนก็พายุ่งจนได้นอนเมื่อตอนใกล้รุ่งสางนี่เอง

“วันนี้จะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่า”

“ไม่ล่ะวันนี้อยู่เวร แล้วนี่ก็วันหยุดด้วยสงสัยจะโต้รุ่ง” บ่นพลางคลำมือไปรอบๆ เพื่อหาแว่นตา

ภาวัฒน์หันไปหยิบแว่นตาบนโต๊ะข้างเตียงที่เขาเป็นคนถอดออกเองเมื่อคืนมาวางลงบนสันจมูก “แต่เสาร์อาทิตย์นี้อาจจะไม่ยุ่งก็ได้นะครับ ก็พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์นี่”

คิ้วเข้มตวัดฉับเข้าหากัน “คนป่วยเขามีเลือกวันได้ด้วยเหรอ”

“อ้าววว วันสำคัญแบบนี้ ถ้าเป็นผมนะต่อให้ป่วยใกล้ตายก็ไม่ไปโรงพยาบาลหาหมอหรอก ไปหาแฟนดีกว่า” คนหน้าเป็นลอยหน้าลอยตาตอบ

“จะดีกว่าได้ไง ไปหาแฟนช่วยอะไรได้ ป่วยก็ต้องไปหาหมอสิถึงจะหาย”

“โธ่! แล้วหมอให้อ้อนได้เหมือนแฟนป่ะล่ะ” ภาวัฒน์เป่าลมเข้าแก้มจนป่องดูน่าหมั่นไส้

คนอายุมากกว่าอดใจไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมๆ แล้วดึงเข้ามากดริมฝีปากหนักๆ ลงบนหน้าผากไล่ลงมาตามแนวสันจมูก “แต่ถ้าเป็นแฟนหมอก็จะยอมให้อ้อนอยู่หรอกนะ” เขากระซิบกับริมฝีปากคนตรงหน้า ในขณะที่มือใหญ่รุกรานเข้าหาความอบอุ่นของผิวกายใต้สาบเสื้อ

ภาวัฒน์ขืนตัวออกห่างเพราะถ้าเขายอมตามน้ำอีกฝ่ายได้ไปทำงานสายแน่ๆ “ตกลงวันนี้ไม่กลับบ้านแน่นะ”

“ไม่”

“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ”

ปาวัสม์นิ่งคิดอยู่อึดใจ “ก็อยู่เวรต่อเลย กลับกี่โมงเดี๋ยวจะบอกอีกที”

ภาวัฒน์โบกมือส่งคุณหมอหนุ่มไปทำงานที่หน้าลิฟต์ แล้วรีบวิ่งกลับเข้าห้องไปสลัดชุดอยู่บ้านออกเปลี่ยนจากเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเป็นกางเกงส์ยีนส์สวมทับด้วยแจ๊คเก็ตหนังตัวเก่ง เขาไม่สนใจหรอกว่าปาวัสม์จะเข้าเวรอะไรหรือเลิกงานกี่โมงกี่ยามเพราะเขามีแผนการที่เตรียมไว้ตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว

น่าเสียดายดอกบลูซัลเวียต้นนั้นที่เขาไม่อาจเอามันข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาด้วยได้ ภาวัฒน์จึงย้ายมันออกจากกระถางไปปลูกลงดินไว้ในสวนหลังหอพักที่มหาวิทยาลัยก่อนเดินทางกลับมาเมืองไทย

วันนั้นปาวัสม์เซอร์ไพรส์เขาโดยไม่ทันตั้งตัว วันนี้แหละเขาจะขอเป็นฝ่ายชิงลงมือทำเซอร์ไพรส์ก่อน

ภาวัฒน์ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไปร้านดอกไม้ เพราะเป็นช่วงวันแห่งความรักทุกๆ ร้านจึงมีแต่ดอกกุหลาบหลากสีขายยากนักที่จะหาดอกไม้ที่ต้องการซึ่งไม่เป็นที่นิยม ทว่าเขาก็ไม่ละความตั้งใจ หลังจากขับวนรถหาอยู่หลายร้านจนบ่ายคล้อย ในที่สุดก็เจอร้านที่ขายดอกบลูซัลเวียสีม่วงอมน้ำเงินเหมือนต้นนั้น

จะให้ดอกกุหลาบก็คิดว่าหวานเกินไปสำหรับคุณหมอ ER หน้าดุ ดอกไม้ชนิดอื่นความหมายดีๆ ก็มีอีกเยอะ แต่เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าวันนี้เมื่อสี่ปีก่อนเขาดีใจมากแค่ไหนที่ได้รับของขวัญชิ้นนี้มา

เพราะไม่มีแบบเป็นต้นขาย ภาวัฒน์จึงให้ทางร้านจัดเป็นช่อห่อด้วยถุงกระสอบผูกโบสีฟ้าดูสวยเก๋เข้ากับสีของกลีบดอกไม้... และที่สำคัญหมอปืนชอบสีฟ้า... น่าจะนะ เขาเดาจากที่เจ้าตัวชอบโดเรมอน

“จะรับการ์ดด้วยไหมคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากบอกกับเจ้าตัวเองมากกว่า”

พนักงานสาวประจำร้านดอกไม้เสใช้มือทัดผมเหน็บข้างหู นัยน์ตาเปื้อนยิ้มกับรอยยิ้มละมุนบนริมฝีปากลูกค้าหนุ่มตรงหน้าทำเอาเธออายม้วนและนึกอิจฉาคนที่จะได้รับความรักของเขาไป

ภาวัฒน์รับช่อดอกไม้มาไว้ในอ้อมแขน เขาก้มลงแตะปลายจมูกโด่งข้างกลีบบางสูดกลิ่นหอมอ่อนจางแล้วเดินออกไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับออกไป

ก่อนกลับก็แวะซื้อของสดสำหรับทำเมนูโปรดของปาวัสม์ที่แอบศึกษาจากยูทูปมาหลายวัน

“ไข่ทรงเครื่อง ห่อหมกทะเล ปีกไก่อบซอส กุ้งเทมปุระ” ภาวัฒน์นึกทวนเมนูในใจพลางนับนิ้วเมื่อเห็นว่าไม่มีผักเลยคิ้วเรียวก็มุ่นเข้าหากัน ...วันนี้เป็นวันพิเศษจะละเว้นให้วันนึงละกัน

พอตกเย็นอาหารทั้งของคาวและขนมที่ไม่ได้หวานมากเพราะปาวัสม์ไม่กินหวานก็ถูกจัดใส่กล่องเรียบร้อยวางคู่กันกับช่อดอกไม้เตรียมออกเดินทางไปห้องฉุกเฉิน

เขาอมยิ้มภูมิใจกับผลงานของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องหยุดหรือออกไปเที่ยวไหนๆ แค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้วแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

แต่ก่อนจะออกรถ เขาก็ต้องแน่ใจว่าเป้าหมายจะไม่ยุ่งจนเกินไปและไม่เป็นการรบกวน ภาวัฒน์เปลี่ยนไปสวมชุดนอน ขยี้ผมให้ยุ่งแล้วมุดขึ้นเตียง ถึงจะเผื่อใจไว้แล้วว่าจะไม่รับแต่ถ้าเกิดรับแล้วกดเป็นวีดีโอคอลขึ้นมาจะได้ไม่เสียแผน จัดแจงต่อสายเพียงแค่อึดใจปาวัสม์ก็กดรับ

“หมอปืนทำอะไรอยู่”

“ทำงานน่ะสิถามได้”

...ถ้ายังรับโทรศัพท์ได้แสดงว่าไม่ยุ่ง...

“มีอะไร”

“แค่จะโทรมาถามว่าวันนี้ไม่กลับแน่นะ”

“อือ”

“งั้นผมนอนแล้วนะ”

“นอนเร็วจังเพิ่งจะสองทุ่มเอง”

“ก็เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนนี่นา วันนี้ว่างเลยต้องซัดให้เต็มอิ่ม”

“ดีแล้ว อย่าให้จับได้นะว่าแอบออกไปไหนกับเจ้าเทมส์น่ะ”

“จะไปได้ไง หมอนั่นไปเที่ยวกับแฟนแล้ว”

“อ้าว หมอนั่นหนีไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็ตอนที่หมอปืนไม่รู้น่ะแหละ... หาววว ไม่เอาไม่คุยแล้ว แค่นี้นะครับ” ภาวัฒน์แกล้งทำเสียงงึมงัมเหมือนคนง่วงจัดแล้วกดวางสาย

ล็อกเป้าหมายเรียบร้อย เขาก็กระโดดลุกจากเตียงเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค หวีผมเรียบร้อย จัดของใส่เป้แล้วคว้ากุญแจรถเดินผิวปากฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี

OOOOOO

“สวัสดีครับพี่สาวคนสวย วันนี้งานยุ่งไหมครับ” ภาวัฒน์เท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์พลางส่งยิ้มหวานให้พยาบาลสาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่กับงานเอกสาร

   นัยน์ตากรีดอายไลเนอร์คมกริบที่กำลังจับจ้องอยู่บนหน้ากระดาษตวัดมองเขียวปัดให้คนปากกล้า แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครแววตาก็กลับอ่อนโยนลงทันที “อ้าว น้องพลุมาทำอะไรจ๊ะ ไม่สบายเหรอ”

   “เปล่าครับ” ภาวัฒน์รีบบอก “ผมสบายดีแค่ผ่านมาทางนี้เลยอยากแวะมาทักทายน่ะครับ”

ชโลธรขมวดคิ้วพลางพินิจดูร่างสูงโปร่งตรงหน้า หลังกลับมาจากเรียนต่อภาวัฒน์ก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยๆ ถึงจะคุ้นเคยกับมาดทนายหนุ่มใส่สูทผูกไทแต่รู้สึกว่าวันนี้จะดูหล่อเป็นพิเศษ ไหนจะยังดอกไม้ช่อสวยในมืออีก “มาหาใครจ๊ะ”

“หมอปืนอยู่ไหมครับ”

ชโลธรย่นย่นคิ้วก่อนจะหันไปดูตารางแพทย์เวรบนบอร์ดที่ด้านหลังให้แน่ใจว่าไม่ได้จำผิด “วันนี้หมอปืนไม่อยู่เวรนะ เห็นรีบเก็บข้าวของออกไปกับหมอจิวตั้งแต่สี่โมงแล้วคงนัดไปกินเหล้ากันละมั้งท่าทางลัลลาน่าดู แล้วพรุ่งนี้ก็หยุดด้วยเห็นว่าจะไปธุระนะ มาเวรอีกทีก็วันจันทร์เลย”

“ไม่อยู่เวรเหรอครับ?” ภาวัฒน์ทวนคำอย่างไม่เชื่อหูในเมื่อเขาเพิ่งจะวางสายไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี่เอง

“ใช่จ๊ะ” นัยน์ตากรีดอายไลเนอร์คมกริบเหลือบมองซ้ายขวาก่อนพยาบาลสาวจะชะโงกตัวข้ามเคาน์เตอร์มาป้องปากกระซิบกระซาบ “สงสัยจะไปเที่ยวกับแฟนน่ะ หมู่นี้หมอปืนอินเลิฟน่าดู ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นใครแต่เลิกงานนี่รีบตรงดิ่งกลับบ้านทุกวันเลย”

“เหรอครับ"

“น้องพลุกับหมอปืนสนิทกันไม่เคยได้ยินเลยเหรอ”

“ไม่ครับ”

“ว้า แย่จัง พี่ก็นึกว่าเราจะรู้ซะอีก แอบถามกับหมอจิวก็ไม่ยอมบอก”

“ผมไปก่อนนะครับ” ภาวัฒน์กระซิบ “ขอโทษนะครับ พอดีไม่รู้ว่าพี่มิลค์อยู่เวรเลยไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาฝาก”

“ไม่เป็นไรจ้าแฮปปี้วาเลนไทน์ เที่ยวให้สนุกเผื่อพี่ด้วยน้า~... อ้าว ก็กำลังจะไปหาแฟนไม่ใช่เหรอ” รีบต่อตอนท้ายเมื่อเห็นชายหนุ่มชะงักและหันมาทำหน้างงๆ

ภาวัฒน์ก้มลงมองดอกไม้ในมือ “ครับ”

“อิจฉาคนได้หยุดจังมีฉลองล่วงหน้าด้วย พรุ่งนี้พี่ต้องอยู่เวรเช้าบ่าย นี่ตั้งใจว่าจะโทรตามให้แฟนเอาข้าวมาส่งที่นี่จะได้กินด้วยกัน เวลาเรามีน้อยก็แบบนี้แหละต้องใช้ให้คุ้มค่า”

“ครับ”

“แล้วนี่น้องพลุจะพาแฟนไปไหน”

“ไม่รู้สิครับ เห็นเขาบอกว่าต้องทำงาน แต่ก็เหมือนจะโกหก สงสัยคงไม่อยากอยู่กับผม”

หน้าหวานเจื่อนไปเล็กน้อย “คิดมากไปหรือเปล่า ทั้งหล่อแถมยังนิสัยดีอย่างน้องพลุมีใครบ้างไม่อยากอยู่ด้วย”

“จริงเหรอครับ” ภาวัฒน์พยายามฝืนยิ้มให้ดูดีที่สุดก่อนจะบอกลาอีกครั้ง “ผมไปนะครับ”

“ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”

ภาวัฒน์เดินกลับมายืนพิงรถมอเตอร์ไซค์ เขาวางช่อดอกไม้ลงบนอานแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ปลายสายรับโทรศัพท์ทันทีซ้ำยังตอบเสียงใส

“ว่าไง”

“ตอนนี้หมอปืนอยู่ไหนครับ”

“ก็อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะสิ ทำงานอยู่”

นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองป้ายที่เขียนว่า ‘ห้องฉุกเฉิน’ ตรงหน้า “จริงเหรอครับ”

ปลายสายเงียบไปอึดใจ “ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”

‘ผมยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินออกมาหาหน่อยสิ’

ได้แต่คิดในใจและตอบออกไปว่า “เปล่าครับ หมอปืนทำงานเถอะผมไม่กวนแล้ว” ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากบอกเขาก็ไม่อยากถาม

ภาวัฒน์ก้าวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และขับออกไป แต่เขาไม่ได้กลับไปห้องที่คอนโดของปาวัสม์ จะไปทำไมในเมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่ เขาบิดเร่งเครื่องยนต์ให้ดังเพื่อกลบเสียงกระซิบลึกๆ ที่แสนอ่อนแอในหัวใจแล้วเลี้ยวรถไปยังหอพักของตัวเอง

OOOOOO

เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำๆ กันทำให้ภาวัฒน์สะดุ้งลืมตามองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้วและคนที่จะโทรมาหาเวลานี้ก็มีแค่คนเดียว เขาหยิบโทรศัพท์มามองดูชื่อคนโทรเข้าอยู่อึดใจก่อนจะกดรับ “มีอะไรครับ”

“ไม่ต้องมาถามว่ามีอะไร!” เสียงทุ้มดุมาตามสายจนเขาต้องยกหูออกห่าง “ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วเสียงแบบนั้นคืออะไร... เมา? ไหนบอกว่าจะนอนอยู่บ้านไงแล้วนี่ออกไปกินเหล้ากับใคร ทำไมต้องโกหกด้วย”

“ใครกันแน่ที่โกหก” ภาวัฒน์ย้อนถามเสียงห้วน

“นายพูดเรื่องอะไร”

“ผมอยู่ที่ห้อง ไม่ได้ไปไหน เหล้าก็กินอยู่ที่ห้องคนเดียวนี่แหละ”

“แล้วกินทำไม”

“แค่อยากกิน” ตอบเสียงดังฟังชัด “ผมตอบคำถามแล้วนะ ถึงตาหมอปืนตอบผมบ้างแล้วว่าโกหกผมทำไม”

“ฉันโกหกนายเรื่องอะไร”

“วันนี้หมอปืนไม่ได้อยู่เวร” คำตอบที่ส่งไปทำเอาคนฟังเงียบไปทันที “พรุ่งนี้ก็หยุด”

“นายรู้ได้ไง”

“เพราะผมไปหาหมอปืนที่โรงพยาบาลมาน่ะสิ... มีธุระ อยากไปเที่ยวกับคนอื่นหรือแค่ไม่อยากอยู่กับผมก็บอกกันดีๆ ก็ได้ครับ ทำไมต้องโกหกแล้วให้ผมจับได้ด้วย”

ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับมา “นายอยู่หอใช่ไหม”

“ทำไมครับ”

“เอาให้แน่นะ อยู่ตรงนั้นเลยนะห้ามไปไหนอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปหา” แล้วปาวัสม์ก็กดตัดสาย

“เดี๋ยวหมอปืน... โธ่! อะไรเนี่ยยังคุยไม่รู้เรื่องเลย” ภาวัฒน์ยกมือขึ้นเสยผมที่ลู่ลงปรกหน้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งนวดข้างขมับ ยังมึนๆ อยู่เล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเมื่อหัวค่ำเพราะอยากนอนให้หลับจะได้ไม่ต้องคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พลางกวาดตามองกระป๋องเบียร์เปล่าที่ล้มกลิ้งอยู่บนโต๊ะ เขาดื่มไปแค่ไม่กี่กระป๋องก็จริงแต่เป็นเพราะท้องว่างเลยเมาเร็วและเผลอหลับไปบนโซฟานั่นเอง

นั่งงงๆ ยังไม่ทันจะลุกไปไหน เสียงออดที่หน้าประตูก็ดังรัวขึ้นติดๆ กัน

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

“มาเร็วจัง”

ร่างโปร่งรีบเดินไปเปิดประตู ในใจคิดหาคำต่อว่าไว้ร้อยแปด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีคำไหนได้ใช้จริงสักคำ

เพราะเมื่อประตูเปิดออกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ร่างสูงที่คุ้นเคย แต่กลับกลายเป็นดอกกุหลาบจำนวนนับไม่ถ้วนที่อัดแน่นอยู่เต็มกรอบประตูจนมองไม่เห็นคนถือ กลีบเนียนละเอียดดั่งกำมะหยี่สีแดงสดชูช่อไสวกรุ่นกลิ่นหอมฟุ้งและถูกจัดเป็นช่อด้วยกระดาษแก้วสีฟ้าอ่อนผูกโบสีน้ำเงินเข้ม

“อะไรเนี่ย”

“ยังจะถามอีก” เสียงของปาวัสม์ดังมาจากหลังช่อกุหลาบ เขาต้องใช้สองมือเพื่อประคองมันไว้ในอ้อมแขน “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”

ภาวัฒน์ดึงประตูเปิดจนสุดและเบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาและปิดประตู

“หมอปืนซื้อมาทำไมเยอะแยะ”

“แล้ววันนี้มันวันอะไรล่ะ”

แม้จะรู้อยู่เต็มอกแต่ภาวัฒน์ยังเหลือบตามองปฏิทินให้แน่ใจ

“ให้อุ้มกับจิวพาไปซื้อที่ปากคลองตลาดมา” ปาวัสม์ขยายความ

“ทำไมต้องลงทุนถึงขนาดนั้น ร้านขายดอกไม้แถวนี้ก็มีนี่ครับ”

“ฉันกลัวซื้อแบบที่อยากได้ไม่ถึงจำนวนที่ตั้งใจไว้น่ะ”

จริงอยู่ว่าปาวัสม์เป็นคนง่ายๆ แต่เพราะงานที่หนักทำให้แค่ห้างสรรพสินค้ายังขี้เกียจไปเดิน ถ้าไม่ใช่เพราะสำคัญจริงๆ บางทีเขาคงไม่รู้ดวยซ้ำว่ามันมีตลาดสด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณวิทยาที่พาไป แล้วก็อีกคนที่ลืมไม่ได้เลยก็คือนุชนันท์ที่อุตส่าห์สละเวลาปั่นยอดMV โอป้าไปเดินเลือกเป็นเพื่อน 

“แล้วซื้อมากี่ดอกครับ”

“อยากรู้ก็เอาไปนับเองสิ”

“ให้ผมหมดนี่เลยเหรอ” ภาวัฒน์ถามย้ำให้แน่ใจ “ไม่ได้จะเอาไปแจกใครที่ไหนนะ”

“จะบ้าเหรอ ดอกกุหลาบเขาเอาไว้ซื้อให้แฟน ถ้าไม่ให้นายแล้วจะฉันจะเอาไปให้ใครล่ะ” ปาวัสม์ว่าก่อนจะเว้นวรรคไปเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกนะ ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นาว่าจะซื้อเสร็จกี่โมงไหนจะต้องริดหนามจัดช่ออีก... ขอโทษนะที่ทำให้ไม่สบายใจ”

ภาวัฒน์ไม่ตอบ ตาก็เหลือบไปมองมือใหญ่ ที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้จนเกือบครบทุกนิ้ว เขาเบียดตัวแทรกผ่านกลุ่มดอกกุหลาบเข้าไปยืนตรงหน้าเพื่อสบตากันให้ชัดๆ อยู่อึดใจก่อนจะโถมทั้งตัวเข้ากอดคนถือเต็มวงแขนเมื่อบทสนทนาที่น่าจะปลิวหายไปกับสายลมดังขึ้นในหัว

‘เอาไว้อีกสี่ปีมาอยู่ด้วยกันฉันจะซื้อกุหลาบให้นายนะ’

ไม่ใช่แค่ไม่คาดหวังว่าจะได้รับ แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำเรื่องที่คุยเล่นกันวันนั้นได้ด้วยซ้ำ ไหนจะความตั้งใจที่สัมผัสได้ จริงอยู่ว่าเรื่องที่กำลังโกรธมันคนละเรื่องกัน แต่เขาก็ยอมยกโทษให้ทั้งหมดตั้งแต่เห็นมายืนอยู่หน้าประตูแล้ว

ปาวัสม์กดศีรษะเข้าแนบแก้มแล้วเลื่อนมือข้างที่ว่างอยู่โอบรอบแผ่นหลังพลางลูบหนักๆ “หายโกรธแล้วนะ”

“เห็นแบบนี้แล้วใครมันจะไปกล้าโกรธล่ะครับ” ภาวัฒน์สอดแขนเข้ารอบเอวแล้วซุกหน้าลงบนบ่ากว้างเพื่อซึมซับความรู้สึกให้ทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกาย ทั้งที่เพิ่งจากกันเมื่อเช้าแต่ทำไมนะถึงรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกินที่ห่างจากไออุ่นของอ้อมกอดนี้

เนิ่นนานหลายนาทีที่ปล่อยให้เสียงเต้นของหัวใจพูดแทนกัน แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าจะได้เอ่ยผ่านริมฝีปากให้ได้ยิน ปาวัสม์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อกระซิบถามที่ข้างหู “ชอบไหม”

“ชอบครับ”

“แล้วชอบอะไรมากกว่ากัน ระหว่างฉันกับกุหลาบ”

“กุหลาบ”

“อะไรกันนี่ฉันแพ้กุหลาบเหรอเนี่ย” ปาวัสม์แกล้งถอนหายใจเสียงดังเมื่อเสียงอู้อี้ดังออกมาจากไหล่

“แต่ชนะใจผมนะ” ทันทีที่สิ้นเสียงศีรษะที่ประกอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลก็แทบจะจมหายลงไปในอ้อมอก

ปาวัสม์กรีดยิ้มกว้างแล้วกดริมฝีปากเข้าข้างขมับคนปากแข็งหากอีกฝ่ายก็ไม่ยอมน้อยหน้าผงกศีรษะขึ้นมาขโมยหอมแก้มคืนไปฟอดใหญ่

“หมอปืนอะ ทำเอาเซอร์ไพรส์ของผมเป็นเด็กๆ ไปเลย”

ปาวัสม์นึกขึ้นได้ เขาเบี่ยงศีรษะออกเล็กน้อยเพื่อสบตาคนในอ้อมแขน “เออใช่ นายไปหาฉันที่โรงพยาบาลมานี่นา ไหนมีอะไรจะให้ขอฉันดูหน่อยสิ”

ภาวัฒน์หน้าเจื่อนไปทันที “ผมทิ้งไปแล้ว”

“จริงเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ คนมันโกรธนี่นาเรื่องอะไรจะเก็บไว้ล่ะ”

“นายเอาไปทิ้งที่ไหน” ปาวัสม์เสียงเข้มขึ้นทันที “ถังขยะหน้าหอหรือเปล่า”

“ใช่ครับ”

สิ้นคำตอบคุณหมอหนุ่มก็ปล่อยอีกฝ่ายออกจากวงแขนแล้วเดินไปที่ประตูพลางพับชายแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก

“หมอปืนจะไปไหน”

“ก็จะลงไปหาไง ฉันอยากรู้ว่านายจะเซอร์ไพรส์อะไรฉัน ทิ้งไปเมื่อหัวค่ำใช่ไหมนี่เพิ่งตีหนึ่งกว่าๆ รถเก็บขยะคงยังไม่มาเอาไปหรอก”

“เดี๋ยวครับ” ภาวัฒน์เดินตามมาคว้าตัวไว้ได้ทัน “ผมโกหก”

“ยังไงเอาให้แน่”

“ยังไม่ได้ทิ้ง... แต่มันคงใช้ไม่ได้แล้วล่ะ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม

“เอามาดูก่อน คนที่จะตัดสินว่าเป็นยังไงมันฉันต่างหาก”

ภาวัฒน์คว้ามือจูงเดินเข้าไปในโซนทำครัว ที่ๆ เขาวางของทั้งหมดกองรวมกันไว้ ปาวัสม์หยิบช่อดอกบลูซัลเวียขึ้นมาดู

นัยน์ตาสีดำขลับหลุบลงต่ำเมื่อเห็นดอกไม้น่าสงสารที่ตรงปลายกลีบเริ่มช้ำเป็นสีน้ำตาลเพราะโดนลมแรงตอนเขาขี่มอเตอร์ไซค์กลับมา คุณหมอหนุ่มวางมันลงแล้วเปิดดูข้าวกล่องทีละชั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ดอกไม้มันเหี่ยวแล้ว แล้วกับข้าวนี่ก็ชืดหมดแล้ว ถึงจะกินได้แต่ก็ไม่อร่อยแล้วล่ะ”

ปาวัสม์ไม่ว่าอะไรแต่หยิบกุ้งเทมปุระใส่ปากเคี้ยวหยับๆ “รสชาติไม่เลวนี่”

   “หมอปืนไม่ต้องฝืนกินหรอกเดี๋ยวผมทำให้ใหม่” ภาวัฒน์ห้ามเมื่อคุณหมอหนุ่มหยิบตัวที่สองยัดตามเข้าไปจนแก้มตุ่ยแล้วดึงเก้าอี้นั่งลงทำท่าเตรียมจะกินข้าวเต็มที่

“หน้าตาฉันดูเหมือนคนฝืนเหรอ” ถามยิ้มๆ พลางหยิบช้อนส้อมขึ้นมา “มานั่งกินด้วยกันสิ ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นกำลังหิวพอดีเลย” แล้วกัดกุ้งให้ขาดกลางตัวก่อนจะยื่นไปจ่อที่ริมฝีปาก

นัยน์ตาคมพราวระยับกับปลายนิ้วโป้งที่แกล้งแตะสะกิดมุมปากให้รีบชิมทำให้ภาวัฒน์ต้องงับกุ้งเข้าปากแล้วเสมองไปทางอื่น

“งั้นก็เอาไปอุ่นก่อน”

“ให้ไวเลย หิวจะแย่แล้วเนี่ย” คุณหมอหนุ่มดูดนิ้วที่ติดเศษแป้งดังจ๊วบ หากสายตาไม่ได้มองอาหารสักนิด

ภาวัฒน์วางช่อกุหลาบที่ได้รับมาลงเคียงข้างกับช่อดอกบลูซัลเวียบนโต๊ะก่อนจะลำเลียงอาหารเข้าไมโครเวฟจนครบแล้วนำมานั่งทานด้วยกัน และเพียงแค่อึดใจอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดการเรียบ

“แล้วไม่มีของหวานเหรอ” ปาวัสม์ยกมือลูบท้อง

“มีเยลลี่ผลไม้ผมเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็น เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”

ร่างสูงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางเฝ้ามองภาวัฒน์เดินไปก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าประตูตู้เย็น เรือนผมสีน้ำตาลด้านหลังยุ่งเหยิงเป็นตูดเป็ดของคนเพิ่งตื่นนอนดูน่ามันเขี้ยวจนนึกอยากเดินเข้าไปช่วยลูบให้เรียบ ชายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยจากขอบกางเกงและถูกจับยัดลวกๆ เข้าไปใหม่ทำให้เห็นเนื้ออ่อนวับแวมตอนก้มตัวลงจนนึกอยากจะ...

ริมฝีปากเม้มสนิทอยู่อึดใจก่อนปาวัสม์จะผุดลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังเงียบๆ

“หมอปืนจะเอาอะไรครับ”

“วาเลนไทน์ใครเขากินเยลลี่ มันต้องช็อคโกแลตสิ”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน “หมอปืนไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอ”

“แต่ของหวานบางอย่างฉันก็กินนะ อย่างอันนี้ไง” ปาวัสม์ดันประตูปิดตู้เย็นปิด ก่อนจะสอดมือใหญ่เข้ารั้งรอบเอวสอบแล้วซุกหน้าลงบนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มสูดกลิ่นแชมพูที่แสนชอบ “ขอบใจนะพลุ”

ภาวัฒน์ใช้สองมือโอบทับท่อนแขนถือเป็นการอนุญาตให้คนที่กอดไว้โถมน้ำหนักหนักตัวใส่เต็มที่ “ผมก็เหมือนกัน”

“แล้วตกลงนายอยากได้อะไร” ปาวัสม์วางคางเกยลงบนไหล่แล้วกระซิบถามคำถามที่ยังคงไม่ได้รับคำตอบตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว “นายสัญญาว่าถ้าเจอหน้ากันแล้วจะบอกไง”

ภาวัฒน์ย่นคิ้ว คนอะไรความจำดีชะมัด “อยากรู้จริงๆ เหรอครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ไม่บอก”

“ขี้โกง” ปาวัสม์บ่นก่อนจะแกล้งงับแรงๆ ลงบนซอกคอขาวจนเป็นรอยฟัน “บอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่บอกจะกินแล้วนะ”

ภาวัฒน์หัวเราะคิก “งั้นไม่บอกดีกว่า”

“บอกมาเร็ว” แล้วเปลี่ยนไปกดริมฝีปากเข้าข้างแก้มจนบุ๋มแต่คนบางคนก็ยังคงเล่นตัว

“ไม่!”

“บอกมานะ!” ปาวัสม์แกล้งเป่าลมอุ่นเข้าหูแล้วขบเม้มเล่นตรงปลายจนขึ้นสี

“หมอปืนอย่ามันจั๊กจี้” ภาวัฒน์พยายามดิ้นหนีแต่ฝ่ามือใหญ่กลับรัดแน่นขึ้นอีก “ไม่เอา”

“งั้นก็บอกสิ” แล้วหันไปเป่าลมใส่หูอีกข้างอย่างเท่าเทียม

เพราะหัวเราะจนเหนื่อย เขาจึงยอมตอบคำถามในที่สุด “หมอปืนก็ให้ผมมาแล้วไง”

“อะไร” ปาวัสม์ถามย้ำ “ตกลงนายอยากได้กุหลาบจริงๆ ใช่ไหม”

ภาวัฒน์ส่ายหน้า

“ตกลงมันอะไรเล่า” คนรอฟังคำตอบหน้ามุ่ย

“เอาหูมาสิครับ”

ปาวัสม์เขยิบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นอีก และเงี่ยหูรอฟังอย่างใจจดใจจ่อเมื่อมือหยาบเลื่อนมากุมที่ข้างแก้มก่อนที่ภาวัฒน์จะเอียงหน้ามากระซิบคำตอบที่ได้จะยินกันแค่สองคน

นัยน์ตาคนฟังพราวระยับในขณะที่คนพูดยั่วยิ้มมุมปาก มือใหญ่จับตัวร่างโปร่งพลิกตัวกลับมาเบียดกับอกกว้างพร้อมกับกดจูบลงบนริมฝีปากที่ตอบรับสัมผัสทันที ต่างฝ่ายต่างเริ่มต้นแตะอยากหยอกเย้าคล้ายจะละเลียดชิมก่อนจะค่อยแทะเล็มด้วยคำที่ใหญ่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะละลายอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

“ช็อคโกแลตชิ้นนี้หวานจัง”

ภาวัฒน์คล้องมือลงรอบคอร่างสูงแล้วประสานกันไว้ด้านหลังศีรษะ “กินให้หมด อย่าให้เหลือนะครับ”

OOOOOO

ลมหนาวที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาต้องผิวเนื้อที่ไร้อาภรณ์ปกปิดทำให้ร่างสูงบนเตียงนุ่มพลิกตัวหาหมอนข้างอุ่นข้างกาย แต่เมื่อพบว่าใครบางคนไม่นอนอยู่ตรงนั้นเปลือกตาก็เปิดพรึ่บขึ้นทันที

ปาวัสม์เหลียวมองซ้ายขวารวดเร็วครั้นเห็นร่างโปร่งนั่งกองอยู่บนพื้นข้างเตียงจึงค่อยเบาใจ เขาเอื้อมมือไปหยิบแว่นมาสวมเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัด

ภาวัฒน์กำลังง่วนทำอะไรบางอย่าง ในแสงสลัวของยามเช้าทำให้เห็นผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อนอนตัวหลวมซึ่งเจ้าตัวสวมไว้ลวกๆ โดยไม่ติดกระดุมสักเม็ดตัดกับสีแดงอ่อนนุ่มของกลีบกุหลาบที่กองอยู่เต็มหน้าตัก

“ทำอะไรอยู่น่ะ”

“ก็หมอปืนบอกให้นับว่ามีกี่ดอกผมก็กำลังทำอยู่นี่ไงครับ” ตอบโดยไม่หันมา

คุณหมอหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคงข้างใช้มือหนุนต่างหมอนเฝ้าดูคนผมน้ำตาลค่อยพลิกช่อดอกไม้ไปมาและนับอย่างตั้งใจ “แล้วเสร็จหรือยังล่ะ”

“หมอปืนอย่างเพิ่งขัดสิ” ภาวัฒน์ว่า “ถึงไหนแล้วนะ... 996 997 998 ทั้งหมดมี 999 ดอกครับ”

“เยอะเนอะ”

“ครับ เยอะมากเลย”

“พลุ” ปาวัสม์เอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จิ้มนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์และเงียบไปนานสองนาน

“ครับ”

“กุหลาบแดง 999 ดอกมันแปลว่า ‘รักนะ’ นายรู้ใช่ไหม”

ภาวัฒน์วางโทรศัพท์ในมือลงและค่อยหันหน้ามา “ไม่ใช่สักหน่อย” เว้นวรรคไปเล็กน้อย นัยน์ตาสองคู่สบกันนิ่งก่อนเขาจะพูดต่อ “กุหลาบไร้หนามคือ ‘รักแรกพบ’ และจำนวน 999 ดอกหมายถึง ‘ผมจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย’... ตอนนี้ผมรู้แล้ว แล้วหมอปืนล่ะรู้หรือยัง”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “ตกลงว่านั่นเป็นประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำถาม”

ภาวัฒน์ลุกขึ้นจากพื้น วางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะหัวเตียงก่อนจะใช้มือดันไหล่ปาวัสม์ให้นอนหงายแล้วตวัดขาขึ้นนั่งคร่อมลงบนหน้าอก

มือใหญ่เลื่อนขึ้นวางบนหน้าขา นัยน์ตาคมพราวระยับขึ้นจนน่าหมั่นไส้ ในขณะที่คนหน้าเป็นจุดยิ้มทะเล้นลงบนมุมปาก ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความภาวัฒน์คว้าผ้านวมดึงขึ้นคลุมตัวทั้งคู่เพื่อหนีให้พ้นจากแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาพร้อมกับก้มลงกระซิบที่ข้างหู

“เป็นประโยคบอกรักครับ”

คำว่า ‘รัก’ ไม่ว่ามันจะอยู่ในประโยคแบบใด มันก็ดีทั้งนั้นถ้าได้เอ่ยบอกออกไปกับใครสักคน~




Thank you all for your LO❤E
Happy Valentine Day Ka
leGGyDan
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 14-02-2016 00:10:02
Happy Valentine's Day❤❤
คิดถึงหมอปืนกับพลุมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2016 01:07:41
 HVD  :mew1: :hao7: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2016 01:38:13
หวาน~~~~ สุขสันต์วันแห่งความรัก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 14-02-2016 08:47:35
 :mew1:  :L2: อือหือออ หวานมาก อิอิ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 14-02-2016 10:14:45
โอ๊ยๆๆ หวานเฟร่อ~~ ขอบคุณมากน้า

 :pig4: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-02-2016 11:00:29
หวานนนนนนนนเว่อร์
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 14-02-2016 11:59:32
หวานน่ารักม๊ากกกกกกก ตายๆๆๆๆ ทำไมเค้าหวานกันแบบเน้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: nootopazzz ที่ 14-02-2016 12:21:06
ตื่นมายิ้มได้กับหมอปืนและพลุเลย หวานๆ น้ำตาลอาย  :impress2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-02-2016 13:28:19
ขอบคุณค่ะ  หวานมากกกกกกกกกกกที่สุด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-02-2016 17:08:35
 :L2: :pig4:

“เป็นประโยคบอกรักครับ” อร๊าาาาางงงง

็Happy Valentine's Day :3123:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 14-02-2016 17:37:43
หวานมากกกกก ~
 :mew1: :o8:
หมอจะละมุนไปถึงไหนนนนนนน~
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 14-02-2016 19:47:11
อ่านตั้งแต่เช้าจนค่ำกันเลยทีเดียว
ชอบความน่ารักของหมอกับพลุมากๆ ตอนพิเศษยิ่งน่ารัก
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆแบบนี้นะคะ
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 14-02-2016 20:16:39
ตายไปเลยจ้าาา เขิลลลลลล :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 14-02-2016 20:20:36
โอ้ยยยย อ้ากกกก ทำไมมันหวานนนนนนน พาฟินได้ขนาดนี้เนี่ย คิดถึง หมอปืน กะ น้องพลุ  :impress2: :impress2: :impress2:

Happy valentine คร้าบบบ  :L1: :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-02-2016 20:46:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 14-02-2016 20:48:11
หวานอะไรเบอร์นั้นค่ะ :L2:

หวานๆิย่างนี้มันดีกับใจจริงๆค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 14-02-2016 22:01:38
หวานมากกก โอ้ยยย น้ำตาลขึ้นหลอดเลือด -///-  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-02-2016 22:33:39
ปืนกับพลุแข่งกันน่ารัก

โอย....หัวใจทำงานหนักมาก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 15-02-2016 10:21:12
เป็นวาเลนไทน์ที่หวานจริงๆ
เขินแทนหมอปืนเลยนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 15-02-2016 12:39:04
อ่านไปยิ้มไป ยิ้มจนแก้มปริแล้ว หมอปืนน่ารักมาก ส่วนพลุน่ารักกว่า  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 15-02-2016 13:05:37
กรี๊ดดดดดดดดดด น่ารักมากกกกกกกกกก ครบรสจริง ๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 16-02-2016 15:45:38
โอ๊ยเขินนนนน หวานมากๆๆๆๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-02-2016 08:34:17
หมอปืนกับพลุหวานทำน้ำตาลคนอ่านขึ้นตาเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 19-02-2016 10:17:37
อ่านช้าไปหน่อยแต่ความหวานก็ไม่ได้ลดลงเลยนะ.....ชอบมากมาบ่อย ๆ นะน้องพลุ...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 20-02-2016 01:06:47
หวานรับวาเลนไทน์จริงๆ นานๆจะเห็นคู่พลุกับหมอปืนหวานกัน น่ารักจริงกุหลาบ999 ดอก น้องพลุก็ยังอุตส่าบ้าจี้นับอีกนะ อะไรจะขนาดนี้ หวานจริงๆ


ขอบคุณค่ะสำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 22-02-2016 01:22:55
ขอบคุณ สำหรับตอนของวาเลนไทน์นะฮะ เห็นตอนพิเศษ เลยกลับไปอ่านตั้งแต่เริมใหม่

แอบสงสัยจุดนึงคือ พลุ ตาบอดสีแดง ทำใบขับขี่ไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ โดยเฉพาะ สีแดงแล้วยังมองเป็นสีเขียวอีก แบบนี้มันอันตรายในการขับรถนะครับ ถ้ามองสีแดงผิดเป็นสีเขียวอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กับพลุที่ผ่านการเกิดอุบัติเหตุจนเกือบจะเสียชีวิตแบบนี้ด้วยแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นตาบอดสี สีอื่นดีมั้ยครับ แล้วพลุยังเรียนกฎหมาย เป็นทนายอีก น่าจะรู้ข้อกฎหมายดีกว่าใคร
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 22-02-2016 01:54:23
ขอบคุณ สำหรับตอนของวาเลนไทน์นะฮะ เห็นตอนพิเศษ เลยกลับไปอ่านตั้งแต่เริมใหม่

แอบสงสัยจุดนึงคือ พลุ ตาบอดสีแดง ทำใบขับขี่ไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ โดยเฉพาะ สีแดงแล้วยังมองเป็นสีเขียวอีก แบบนี้มันอันตรายในการขับรถนะครับ ถ้ามองสีแดงผิดเป็นสีเขียวอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กับพลุที่ผ่านการเกิดอุบัติเหตุจนเกือบจะเสียชีวิตแบบนี้ด้วยแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นตาบอดสี สีอื่นดีมั้ยครับ แล้วพลุยังเรียนกฎหมาย เป็นทนายอีก น่าจะรู้ข้อกฎหมายดีกว่าใคร

ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ(ตอบแบบนางงาม555) เราค่อนข้างทำการบ้านกับจุดนี้หนักทีเดียว เพื่อหาเหตุให้คนที่ไม่ยอมแพ้แบบพลุต้องยอมแพ้ ขออนุญาตอธิบายคร่าวๆ ตามนี้เนอะ

ตาบอดสีสามารถขับรถได้ตามกฏหมายค่ะถ้าก ารบอดสีนั้นไม่ร้ายรายถึงขั้นเห็นแค่ขาวกับดำ แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์มายืนยันกับกรมขนส่งและให้พิจารณาอีกครั้ง

ของพลุ อย่างที่เราพยายามให้เจ้าตัวให้อธิบายว่าเขาเป็นมาตั้งแต่กำเนิด เขาจึงแยกสีได้ค่ะแค่ 'แดงของเขาไม่เหมือนคนอื่น' อาจเป็นเขียวเข้ม ถ้าแค่แยกสีเด่นๆ ที่รู้แน่ๆว่ามันคือน้ำเงิน เหลือง แดงจะแยกได้ แต่ถ้าเป็นการแยกสีละเอียดแบบต้องมีเฉดอันนี้เป็นปัญหาแน่ ดังนั้นจะมีข้อกำหนดในหลายๆ อาชีพที่'ห้าม' และ 'อนุโลม' ให้ตาบอดสีทำงานได้ ขึ้นกับความรุนแรงของโรคค่ะ
จริงๆ อยากเขียนเกี่ยวกับโรคนี้มากกว่านี้แต่กลัวออกจากพล็อตหลักไปไกลเราเลยเขียนแค่สั้นๆ

ปล.ตอนเกิดอุบัติเหตุเพราะถนนลื่นล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับสัญญาณไฟ และเราแนบลิงค์เว็บเกี่ยวกับโรคนี้ที่คิดว่าละเอียดและอ่านง่ายที่สุดมาให้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของนิยายเรา(รัก)

http://haamor.com/th/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B5/

http://www.dek-d.com/education/28049/ 
ปล.2 แอบโฆษณาภาคต่อ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: rasblurry ที่ 23-02-2016 20:56:51
ว้าก มาอ่านช้าไปหน่อย
หวานนนนนนนนนนนนนมากกกค่ะะ
ทั้งเพลง ทั้งดอกไม้ คุณหมอ
ตัวน้องพลุก็คงหวานมากสินะคะหมออ //ดิ้น  :katai2-1:
รักเรื่องนี้มากกกเลยค่ะ ซื้อไว้เก็บขึ้นหิ้ง ใส่กรอบ 555
อยากให้มีสเปทุกเทศกาลเลย ภาคต่อเลยจะดีใจมากค่ะะะะ ฮรืออ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 24-02-2016 06:55:57
หมอปืน ทำไมน่ารีกแบบนี้ละ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 09-03-2016 14:12:43
ยินดีกับหมอปืนด้วยที่ได้เป็นอมตะ ฟินมากเรื่องนี้

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ ❤Special Moment:You are my Valentine❤ 13/02/59] p.20
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 14-03-2016 22:20:46
Special Moment : 10 Out of 10 points คะแนนรักเต็ม10คิดเท่าไหร่?

“เนื่องด้วยเป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยว ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงจัดโครงการ ‘สยามรำลึก’ โดยจะมีขึ้นตั้งแต่...”

ยังไม่ทันที่ดาบหมีผู้ซึ่งรับหน้าที่อ่านรายงานในที่ประชุมประจำเดือนจบก็เกิดเสียงโอดครวญและบ่นเสียงขรมขึ้นมาจากทุกคนในห้องประชุมไม่มากก็น้อย ด้วยว่าที่นี่คือ ‘ฝ่ายสืบสวนสอบสวน’ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งฟังแค่ชื่อก็พอจะทราบแล้วว่าไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องแน่นอน แต่การที่หนังสือคำสั่งหลุดมาถึงที่นี่ได้นั่นหมายถึงต้องมีงานนอกมาให้ปวดหัวเป็นแน่แท้

“ผมจะสรุปให้นะ” พันตำรวจเอกพิเศษจารุวัฒน์หัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวนผู้ซึ่งนั่งหน้าเครียดไม่แพ้ใครชิงยกมือขึ้นชี้แจงก่อนลูกน้องตนจะโวยวายยังผลให้ห้องประชุมเงียบเสียงในทันที “หม่อมจะให้เราแต่งชุดทหารไทยโบราณ... ผมขอย้ำอีกครั้งนะว่า ‘ไทยโบราณ’ ไปเข้าเวรตรวจตราเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ป้องกันการก่อจราจลและ... เพื่อเป็นสีสันของงาน”

“หัวหน้าาาา!!!"

“ทำไมทำกับพวกผมแบบนี้!”

ด้วยภาระเดิมที่ล้นมือใครล่ะจะอยากได้งานเพิ่ม แต่ก็คงทำได้แค่บ่นในเมื่อหัวหน้าใหญ่ยังทำได้แค่นั่งกุมขมับเมื่อเห็นเครื่องแบบที่ฝ่ายคอสตูมของกระทรวงวัฒนธรรมส่งมาให้ใส่

“งานมันจัดอยู่ข้างบ้าน ถ้าไม่เยี่ยมหน้าออกไปดูแลก็เห็นจะไม่ได้ เดี๋ยวผมจะจัดเวรให้พวกคุณไปคนละสามวัน แล้วก็เริ่มมาลองชุดกันได้ตั้งแต่วันนี้เลยนะ ใส่ได้ไม่ได้ยังไงจะได้แก้ไขได้ทัน”

คนที่นั่งแถวหน้าทยอยเดินคอตกออกไปเอาตัวทาบๆ กับชุดในหุ่น ในตอนนี้ก็คงจะมีแค่คนเดียวละมั้ง ที่นั่งไขว้ห้างกอดอกอมยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะถ้าคิดว่านี่เป็นงานก็คืองานแต่ถ้าคิดว่าเป็น ‘โอกาส’ เขาก็จะกอบโกยคะแนนจากคนรักของเขาได้เป็นกระบุงเลยทีเดียว

...ได้ทั้งงาน ได้ทั้งเที่ยว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวมีแต่คุ้มกับคุ้ม...

OOOOOO

“วันนี้ไม่ว่าง”

วิทยาตอบอย่างไร้เยื่อใยทันทีที่ฟังคำชวนจบ

“โธ่คุณ~ งานเขามีตั้งเจ็ดวันใจคอคุณจะอยู่เวรทุกวันเลยเหรอ”

“ก็...” วิทยาเว้นวรรคไป นัยน์ตาเล็กตี่เหลือบมองปฏิทินตั้งโต๊ะ เพราะจริงๆ แล้ววันนี้เขาว่าง เกือบนาทีที่เขาไม่ยอมพูดอะไรออกมาแต่คนที่แกล้งทำเป็นนั่งทำงานทั้งที่แอบฟังอยู่ข้างๆ กันกลับเข้าใจดี

“ไปเถอะ” ปาวัสม์กระซิบ “ปีใหม่หมอนั่นก็มานั่งเฝ้านายเข้าเวร วาเลนไทน์ก็ขับรถให้นายที่พาฉันไปซื้อกุหลาบโดยไม่บ่นสักคำ”เรื่องที่นัดโดยไม่ทันตั้งตัวนั่นก็ส่วนหนึ่งแต่เขาบังเอิญรู้ว่าวันนี้มีอะไรที่สำคัญมากกว่านั้น

“ก็...” เอาโทรศัพท์ออกห่างเพราะไม่อยากให้ปลายสายได้ยิน
ปาวัสม์จึงชิงพูดขึ้นเสียก่อน “เพราะนายน์มันไม่หวังเซอร์ไพรส์จากนายไงมันถึงชิงลงมือก่อนแบบนี้”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากันอยู่อึดใจก่อนวิทยาจะกรอกเสียงลงไป “ก็ได้”

“เย้! งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับคุณที่...”

“เดี๋ยวไปเอง” วิทยาตัดบทขืนปล่อยให้มาหาที่ ER หมอนั่นคงได้ทำวุ่นวายไปทั้งโรงพยาบาล

“ตกลงครับ งั้นหกโมงผมจะไปยืนรอคุณที่ประตูเมืองนะอาบน้ำปะแป้งให้ตัวหอมๆ แต่งตัวหล่อๆ นะครับ”

OOOOOO

ถนนอังรีดูนังต์ซึ่งเป็นถนนสามเลนใหญ่ที่รถเคยวิ่งสวนกันขวักไขว่ถูกปิดและเนรมิตรย้อนกลับไปสมัยอยุธยายังไม่เสียกรุง ทั้งกำแพงก่ออิฐมอญสีส้ม บ้านทรงไทย และร้านค้าจำลองวิถีชีวิตชาวบ้าน กองฟางวางเรียงเป็นฟ่อนคู่กับเกวียนที่หาดูไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน มีเจ้าทุยเขาโง้วยืนเคี้ยวเอื้องตุ้ยๆ เฝ้าอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทุกคนรวมไปถึงพ่อค้าแม่ขายสวมใส่ชุดไทยสวยงามตามแต่จะสรรหากันมาได้ มีริ้วขบวนทหารจากกองพลทหารม้ามาเดินแถวแปรขบวนเดินตรวจตราทุกสองชั่วโมงสร้างความคึกคักและตื่นตาตื่นในให้นักท่องเที่ยว 

นอกจากนั้นยังมีแสดงการละเล่นเด็กไทยและการฟ้อนรำจากนักเรียนและนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ในกรุงเทพที่ต่างจัดกันมาเต็มที่ ผู้ร่วมงานที่มาก็ให้ความร่วมมือแบบไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร ขนาดผู้ชายยังแต่งชุดราชปะแตนเต็มยศ น้อยนักที่จะแค่ใส่เสื้อคอปาดคาดผ้าขาวม้า ฝั่งสาวๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงมีตั้งแต่กระโจมอก ห่มสไบเฉียงไปจนถึงจัดเครื่องเต็มใส่มงกุฏสวมชฎา

งานที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายพลอยทำให้บรรดาหนุ่มๆ จากฝ่ายสอบสวนที่ทำหน้าซังกะตายตอนรับคำสั่งค่อยกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นบ้างเพราะมีทั้งสาวและไม่สาวมาเข้าคิวขอถ่ายรูปกันแบบไม่ว่างเว้น แต่ละคนยืนยิ้มกรามค้างจนต้องผลัดกันพักไปทำโยคะหน้า

เพราะหน้าที่หลักคือสร้างสีสันให้งาน พวกเขาจึงไม่ต้องยืนประจำตามจุดเนื่องจากจะมีพลทหารปฏิบัติหน้าที่นี้แล้ว เพียงแค่เดินดูรอบๆ งานถ้ามีความผิดปกติก็เข้าไปจัดการหรือรายงานไปตามขั้นตอน

เมื่อใกล้ถึงเวลานัดรติพัทรก็แยกตัวออกจากกลุ่มมายืนรอที่หน้าซุ้มประตูเมือง

เรือนร่างกำยำที่ได้รับการดูแลอย่างดีดูสง่าในชุดเกราะอ่อนสีน้ำตาลเข้มคาดดาบยาวที่ข้างเอว ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาทำให้เขาเป็นจุดเด่นให้ใครๆ ต่างพากันมองเหลียวหลัง

“พี่คะ ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”

สาวน้อยกลุ่มใหญ่ร่วมสิบคนคาดวัยไม่เกินมัธยมเดินเข้ามาทักหลังจากแอบมองและกระซิบกระซาบกันอยู่นานสองนาน

“ได้ครับ”

“พี่คะขอไลน์ได้ป่าววว~” สาวน้อยคนหนึ่งที่ดูจะก๋ากั่นที่สุดในกลุ่มแกล้งกระเซ้าหลังจากพวกเธอผลัดกันถ่ายรูปจนเสร็จ

“คงไม่ได้นะครับ”

“ทำไมล่ะค้าาา~”

“แฟนหวงครับ”

“ว้ายยยย” ทั้งกลุ่มพากันกรีดร้องและอายหน้าแดงประหนึ่งเป็นตัวจริงที่ชายหนุ่มกำลังยืนรอ

“แฟนหวงแล้วทำไมปล่อยมายืนคนเดียวล่ะคะ”

“เขากำลังมาครับ”

“อุ๊ย! ที่แท้พี่เหมก็มารอรับคุณลำดวนนี่เอง”

“ลำดวนไม่มา เอาอิแย้มไปก่อนไหมคะ”

“ผิดเรื่องแล้วมั้งแก”

แล้วพวกเธอก็หัวเราะไปด้วยกัน พาให้เขายิ้มตามไปด้วย รติพัทธมองข้ามศีรษะของเด็กสาวเข้าไปในกลุ่มคนตรงหน้า และเสี้ยวนาทีนั้นเองที่ราวกับเวลาหยุดหมุนและฝูงชนพร้อมใจกันหลีกทางให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา

เขาไม่ได้สูงใหญ่ ตัวก็ผอมบางแต่กลับดูโดดเด่น เพราะเป็นหนุ่มหน้าตี๋เชื้อสายจีนแท้ๆ แต่กลับนุ่งผ้าไทยใส่โจงกระเบนได้อย่างเหมาะเจาะอย่างนั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะพวงแก้มขาวที่อมแดงระเรื่อ จากการออกแรงเดิน หรือเป็นเพราะมุมปากอมยิ้มอ่อนๆ อย่างเขินอายที่ต้องสวมชุดไม่คุ้นชิน หรือเพราะเป็น...

อ๋อ! ใช่แล้ว เพราะเป็นแฟนเขานี่เองถึงได้ดูน่ารักขนาดนี้
ริมฝีปากกรีดรอยยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัวจนเด็กสาวที่ยืนรุมล้อมอยู่สะกิดถาม

“พี่ยิ้มอะไรคะ”

“เขามาแล้วครับ”

“ใครคะ”

“แฟนครับ” พูดไปแล้วก็ให้เขินหน่อยๆ รติพัทรค้อมศีรษะน้อยๆ เป็นการขอตัวแยกออกมา

“ถ้าเปลี่ยนใจไปเดินกับพวกหนูได้นะคะ” ไม่วายจะมีเสียงร้องแซวตามหลัง

“ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ” ผู้กองหนุ่มหันไปโบกมือให้พลางวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาคนที่เพิ่งมองเห็นเขาเช่นกัน ร่างสูงไปหยุดยืนตรงหน้าพลางกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“หล่ออะ คุณไปเอาชุดมาจากไหน”

“เช่าสิ” วิทยาตอบห้วนๆ เพราะชุดนี้ชุดเดียวแท้ๆ ทำเอาวุ่นวายไปทั้งบ้าน ไม่ใช่ว่าหายากอะไรหรอกแต่พี่จุ้ยน่ะสิดันเดินผ่านมาเห็นตอนกำลังจะย่องขึ้นรถพอดี แล้วปากสว่างเรียกคนทั้งตระกูลออกมาดู เขาเลยต้องกลายเป็นสแตนดี้ชั่วคราวให้บรรดาอาม่า อากงและป๋ากับม้าถ่ายทั้งรูปกลุ่มรูปเดี่ยวแถมด้วยเซลฟี่จนพอใจจึงปล่อยตัวมาได้

“ทำคุณลำบากแย่เลย เดี๋ยววันนี้ผมจะชดใช้ให้นะ”

“อะไรล่ะ”

“คุณอยากได้อะไรล่ะ”

“ขอคิดก่อน”

“งั้นก็คิดให้ออกก่อนผมนะ” รติพัทธยิ้มมีเลศนัยน์ “แล้วคุณว่าผมเป็นไงใส่ชุดนี้แล้วหล่อไหม ให้กี่คะแนน”

วิทยากวาดตามองคนตรงหน้าที่ยืนเก๊กท่าหมุนไปรอบๆ อยู่อึดใจ “ก็...”

“ความหล่อให้ห้าแต่มั่นหน้าให้สิบ”

“เหยยย คุณเอาดีๆ สิตกลงดีไหมผมไม่ค่อยมั่นใจ” รติพัทธโอดครวญก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเสียงหวานที่ดังตอบมานั้นไม่ใช่เสียงของวิทยา

ทั้งสองหันไปเจ้าของร่างอวบอิ่มในชุดสไบเฉียงสีชมพูนุ่งโจงกระเบนสีม่วงทัดดอกดาวเรืองนั่งพับเพียบเคี้ยวขนมครกแจ้บๆ อยู่บนแคร่ด้านหลัง

“พี่อุ้ม!”

“แกมาได้ไงน่ะ”

เพราะปากไม่ว่างพยาบาลสาวร่างอวบจึงชี้มือขึ้นไปที่ป้ายเหนือหัวซึ่งทำจากใบจากสานทาสีแดง เขียนว่า ‘โรงหมอ’

รติพัทธทำเสียงในลำคออย่างขัดใจที่เจอกขค.ในขณะที่วิทยารีบเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนรัก

“ออกอีเวนท์บ่อยนะช่วงนี้”

“คนมันสวยช่วยไม่ได้” นุชนันท์ว่า

“ท่าทางน่าอร่อย ชิมมั่งสิ”

“เอ้า” นุชนันท์ใช้ไม้แหลมจิ้มขนมครกป้อนใส่ปากวิทยาที่อ้าปากรอรับอยากเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คนซึ่งยืนดูอยู่มองตาเขม็ง
รสกะทิหวานมันซ่อนรสเค็มติดปลายลิ้นนิดๆ “อร่อยดี ซื้อร้านไหนน่ะ”

“นู่น” นุชนันท์พยักเพยิดไปทางร้านค้าที่มีคนมุงกันเต็ม

“มีใครเป็นอะไรมาเหรอครับน้องอุ้ม” คุณหมอหนุ่มที่มาออกหน่วยด้วยกันสวมชุดเสื้อแขนยาวสีขาวกับโจงกระเบนสีม่วงเข้ากันกับของนุชนันท์เยี่ยมหน้าออกมาจากด้านหลังม่าน

“ไม่มีอะไรค่ะพี่ปอ เพื่อนอุ้มแค่แวะมาทักน่ะค่ะ”

“ตามสบายนะครับ” คณิณยิ้มให้วิทยาที่พยักหน้ารับ พวกเขาเคยเจอหน้ากันผ่านๆ ตอนที่คณิณมาช่วยดูเคสโรคหัวใจที่ ER

“ฉันพอรู้เหตุผลล่ะว่าทำไมเธอถึงมา” วิทยากระซิบ

“ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ‘ทำไมเขาถึงมา’ ต่างหากย่ะ”

“จ้า~ แม่สาวเนื้อหอม” พูดไปวิทยาก็แกล้งบีบต้นแขนขาวอวบของเพื่อนรักเบาๆ

“มาถ่ายรูปกันเถอะนานๆ ทีฉันจะแต่งตัวสวย” นุชนันท์ชวนพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำให้ผู้กองหนุ่มหน้ามุ่ย ยิ่งวิทยาเดินนั่งลงเกาะบ่าพยาบาลสาวแล้วเบียดหน้าเข้าไปจนชิดเพื่อให้กล้องหน้าเก็บภาพได้หมดอย่างไม่เคอะเขินเขายิ่งอยากกระโจนเข้าไปร่วมวง

“เดี๋ยวฉันอัพลงเฟสนะ แล้วจะส่งเข้าไลน์กลุ่มด้วย ให้ปืนมันอิจฉาเล่นได้ข่าววันนี้อยู่เวรนี่”

“เธอนี่ร้ายจริงๆ” วิทยาหัวเราะคิกคัก

“รีบไปเถอะแก หมอนั่นค้อนฉันตาจะหลุดแล้ว” นุชนันท์กระซิบพลางพยักเพยิดไปทางผู้กองหนุ่ม

“อือ” หนุ่มหน้าตี๋เหลือบมองก่อนจะหันมาพยักหน้าให้อย่างรู้กันและลุกขึ้นยืน

“ไปกันเถอะครับ” รติพัทธบอกพลางถือวิสาสะคว้ามืออีกฝ่ายมาจับไว้และรั้งให้มาเดินใกล้ๆ กัน

นัยน์ตาเล็กตี่เหลือบมองมือที่จับแน่นก่อนจะตวัดขึ้นสบตาคนที่ส่งยิ้มกว้างตอบกลับมา

“คนเยอะ เดี๋ยวหลง” ผู้กองหนุ่มบอกและออกแรงดึงให้เดินคู่กันไปบนถนนที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน พลางชี้ชวนให้ดูซุ้มไฟและดอกไม้ต่างๆ ที่เป็นจุดถ่ายรูปสำคัญ ปากก็บรรยายสรรพคุณไปด้วย

“นายต้องมาเดินแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” วิทยาถามเมื่อเห็นผู้กองหนุ่มดูชำนาญเส้นทาง และร้านรวงเป็นอย่างดี

“เปล่าครับนี่เพิ่งมาเป็นครั้งที่สอง แต่ผมต้องเรียนรู้และจดจำผังงานให้ได้ทั้งหมดเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไง จะได้รู้ทางหนีทีไล่”

“เป็นตำรวจนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะ” วิทยาพยักหน้าเข้าใจ “ที่โรงพยาบาลก็มีอะไรแบบนี้เหมือนกัน พวกทางหนีไฟหรือจุดรวมพลน่ะ แต่ไม่เห็นซ้อมจริงจังสักที ที่ฉันก็รู้แค่ต้องขนย้ายผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง”

“แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่คุณต้องวิ่งก่อนเลยนะไม่ต้องเป็นห่วงผม”

“ของมันแน่อยู่แล้ว ก็นายต้องไปจัดการคนร้ายนี่ ฉันจะอยู่ถ่วงแข้งถ่วงขานายทำไม”

“โหย~ คุณอะ ไม่รับมุกเลย พอถึงตอนนี้คุณต้องแสดงความเป็นห่วงผม หรือไม่ก็ถามว่า ‘ทำไมล่ะ’ สิ”

“ทำไมต้องถาม”

“แหมมมม~ ถามสิถามมม~ ผมอยากตอบ นะ นะ”

วิทยากรอกตาแต่ก็ยอมเอ่ยออกไป “ทำไมล่ะ”

“ถ้าคุณปลอดภัย ผมก็ปลอดภัยเพราะใจผมอยู่กับคุณไง... เป็นไงมุกนี้ผ่านไหม” รติพัทธถามอ้อมแอ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปและจ้องตาเขาปริบๆ

“สองคะแนนความพยายาม”

“โธ่!” รติพัทธครางในลำคอ “แล้วมีอะไรที่ผมจะทำแล้วคุณให้สิบคะแนนเต็มบ้างเนี่ย” เขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะไปหยุดลงที่ร้านยิงปืนอัดลมล่าของรางวัล สมองคิดแผนการรวดเร็วพร้อมๆ กับที่คว้ามืออีกคนดึงให้เดินไปด้วยกัน “เห็นตุ๊กตานั่นไหม” ชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนตัวใหญ่ยักษ์สูงประมาณสองเมตรที่นั่งถือหัวใจดวงโตสีแดงเขียนว่า ‘I❤U’ อยู่บนชั้นวางของรางวัลด้านหลัง ป้ายกระดาษแปะบนฟิวเจอร์บอร์ดที่อยู่ข้างๆ บอกให้รู้ว่ามันคือรางวัลที่หนึ่ง

“ทำไม”

“ผมจะเอามาให้คุณ”

“อย่าดีกว่าน่า เดี๋ยวแพ้ไปจะอายเด็กมันนะ” วิทยาว่าเพราะข้อแม้ของการเอาชนะคือยิงต้องยิงเป้าให้ได้100คะแนนโดยใช้ลูกกระสุนแค่สิบเอ็ดลูก นั่นหมายความว่าสิบนัดต้องเจาะกลางเป้าแบบพลาดได้แค่นัดเดียว

“เอางี้ เรามาพนันกันดีกว่า”

วิทยาไหวไหล่ “ว่ามา”

“ถ้าผมทำได้คืนนี้คุณต้องยอมตามใจผมทุกอย่าง”

“แต่ถ้านายทำไม่ได้ก็เท่ากับฉันชนะใช่ไหม งั้นฉันจะได้อะไรล่ะ”
“ผมก็จะยอมให้คุณทำอะไรกับผมก็ได้ไง”

วิทยานิ่วหน้าคิด ถึงจะฟังดูเสียเปรียบทั้งสองทางแต่วันนี้เขาจะยอมให้วันนึงละกัน “เอางั้นก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเล่นได้แค่ตาเดียวนะ พลาดคือจบ ตกลงไหม”

“ตามนั้น!” รติพัทธรับคำพร้อมกับดึงแบงค์ร้อยส่งให้อาแปะเจ้าของซุ้มมือปืนเป็นค่าเล่นเกมพร้อมกับแจ้งความจำนง

จังหวะเดียวกันนั้นเองที่ใครอีกคนก็ทำเช่นเดียวกัน

“รางวัลที่หนึ่ง แปะ”

รติพัทธเหลียวมองเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก่อนจะอุทานลั่น “พี่ก้อง!”

“ไอ้นายน์!” ร่างสูงใบหน้าคมสันในชุดเครื่องแบบแบบเดียวกันร้องทักพลางเหลือบมองธนบัตรสีแดงในมืออีกฝ่าย “แกก็จะเล่นเหรอ”

“ขอโทษนะเฮียแต่งานนี้ผมขอนะ พอดีเดิมพันไว้สูง” เขาบอกกับรุ่นพี่ร่วมสถาบันและเจ้านายตามสายการบังคับบัญชา

ร้อยตำรวจเอกก้องภพเหลือบมองคนที่มาด้วยกันเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตารติพัทธเต็มที่ “เห็นทีทางนี้ก็ยอมไม่ได้ว่ะ”

“จะเอางั้นเหรอเฮีย บอกก่อนนะว่าในสนามผมไม่ออมมือให้หรอกนะ”

“แล้วไง” ก้องภพว่าพลางรับปืนอัดลมมาตรวจดูความเรียบร้อยและใส่ลูกกระสุน “ต่อให้ฉันไม่เล่น แต่ถ้าแกไม่มีปัญญาก็ทำไม่ได้อยู่ดีนี่นา ได้ข่าวว่าท่านมทบ.อนุมัติให้เล่นแค่ตาเดียวนี่”

“พูดอย่างกับของตัวเองมีเวลาทั้งคืน” รติพัทธเองก็ทำเช่นเดียวกันและยกปืนขึ้นเล็งไปยังเป้าวงกลมที่ถูกติดอยู่บนฝาหนังไกลออกไปราวห้าสิบเมตร

“ก็ไม่รู้สินะ” ก้องภพยกปืนขึ้นบ้าง “งั้นเรามาดวลกันทีละลูกไปให้เห็นกันจะๆ ไปเลยเป็นไง”

“ผมรับคำท้า”พูดจบรติพัทธก็เป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน เขาหลับตาลงข้างหนึ่งเพื่อเล็งเป้าก่อนจะกลั้นลมหายใจพร้อมกับลั่นไก

ลูกกระสุนอัดลมพุ่งออกจากปากกระบอกปืนเจาะเข้าตรงกลางเป้าสีแดงพอดิบพอดี เขาหันไปผายมือให้อีกฝ่าย

ก้องภพตอบโต้โดยการยิงสองนัดติดกันเข้าที่รูเดิมและหันไปยักคิ้วให้รุ่นน้องตัวดีที่ได้แต่กัดฟันกรอดแล้วยกปืนขึ้นอีกครั้ง

ถึงการดวลจะเป็นไปอย่างสูสีจนทั้งเด็กและผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาเริ่มให้ความสนใจและมามุงดูพร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์กันสนุกสนาน

ทว่า ชายหนุ่มสองคนกลับปลีกตัวจากกลุ่มไทยมุงออกมาเงียบๆ และหันมามองหน้ากัน

“แล้วนี่นายไม่ต้องแต่งแบบคนอื่นเขาเหรอวี” วิทยาถามคนที่มากับรุ่นพี่ของรติพัทธ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเสื้อผ้าลื่นสีดำขับให้ผิวที่ขาวซีดยิ่งดูเหมือนกระดาษและแนบเนื้อเห็นมัดกล้ามนิดๆ  ทั้งสองเรียนรุ่นเดียวกันแต่ยศวีร์ที่เรียนจบเฉพาะทางด้านนิติเวชวิทยามาเลือกจะไปสมัครอยู่ฝ่ายชันสูตรศพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เขาให้แต่งเฉพาะฝ่ายสืบสวน ส่วนคนอื่นจะใส่อะไรก็ได้” ยศวีร์บอก “ว่าแต่คุณหนูแบบนายเถอะจิว มาเที่ยวงานวัดอะไรแบบนี้เป็นกับเขาด้วย”

“ก็หมอนั่นชวน”

ยศวีร์พยักหน้าเขารู้มานานแล้วแฟนรติพัทธเป็นใครถึงจะไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครๆ รู้อย่างเป็นทางการแต่เวลาคุยกันก็มักจะแอบแทรกเรื่องของวิทยาให้ได้ยินเสมอๆ ไหนจะท่าทีแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนนั่นอีกจนเขาแอบนึกสงสัยว่าคนที่ไม่ชอบความยุ่งยากอย่างวิทยาทนได้ยังไง แต่ที่แปลกใจมากกว่าคือการที่เพื่อนของเขาจับเจ้าพ่อปลาไหลนี่อยู่หมัดน่ะสิ

“แล้วนายกับ...”

“เปล่า” ยศวีร์รีบตอบ “แค่บังเอิญเจอกันแล้วหมอนั่นอยากอวดฉันเลยจัดให้น่ะ ถ้าฉันชนะหมอนั่นต้องห้ามเข้ามายุ่มย่ามในห้องทำงานของฉัน”

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “มีคนกล้าแหย่เท้าเข้าไปในเขตหวงห้ามของนายด้วยเหรอ”

“ก็หมอนั่นน่ะแหละ ตัวดีเลย เช้าสายบ่ายเย็นไปเร่งผลชันสูตรเหยงๆ แถมยังชอบมายุ่มย่ามกับลูกๆ ของฉันด้วย” ยศวีร์พ่นลมออกจมูกก็พอดีกับที่เสียงเฮดังสนั่น

ทั้งสองหันไปมอง ดูเหมือนจะถึงนัดตัดสินแล้วและตอนนี้รติพัทธกับก้องภพก็คะแนนเสมอกันอยู่ที่ 100 คะแนน

“ตัดสินล่ะนะเฮีย” รติพัทธกระซิบ

เสียงปัง! จากปืนคนละกระบอกดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กันก่อนที่ ทั้งสองจะวางปืนลงบนโต๊ะแล้วหันมาสบตากันระหว่างที่รออาแปะเจ้าของร้านเดินเข้าไปเก็บป้ายคะแนนมาส่งให้ดูกันชัดๆ และประกาศให้ได้ยินโดยทั่วกัน

“110 กับ 109 คะแนน”

ก้องภพชูหมัดขึ้นในอากาศ ในขณะที่รติพัทธหน้าจ๋อยไปถนัดและเดินคอตกไปหาวิทยา

“เท่านี้นายก็ไม่มีสิทธิ์บ่นล่ะนะ” ก้องภพส่งของรางวัลให้ยศวีร์ที่กวาดตามองตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะอ้าแขนรับมาและเดินเอาไปให้รติพัทธ

“นายเอาไปเหอะ”

“เฮ้ย! มันเรื่องอะไร ฉันให้นายนะ”ก้องภพโวยวาย

“ฉันไม่ชอบอะไรที่มันมีขนปุยๆ น่ะ” ยศวีร์บอก “จับแล้วมันคันมือแปลกๆ เพราะฉะนั้นนายเอาไปเถอะ” หันไปยืนยันกับรติพัทธอีกครั้ง “109คะแนนมันก็ชนะเหมือนกันนี่ แต่ฉันแค่ขอเลือกของรางวัลเป็นอย่างอื่น”

“ขอบคุณครับพี่วี” รติพัทธรับมาแต่ก็ไม่รู้สึกดีใจสักนิด เพราะยังไงเขาก็แพ้ก้องภพอยู่ดี หนำซ้ำคนที่มาด้วยกันยังไม่มีท่าทียินดียินร้ายสักนิด

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะก็ชนะนี่” วิทยาถาม “หรือว่าเซ็งที่โดนเขาแย่งซีน”

“ก็ใช่น่ะสิ ผมอุตส่าห์ไปฟิตซ้อมมาทั้งอาทิตย์ ตั้งใจมาอวดคุณเต็มที่เลยนะ”

วิทยาขำในลำคอ “ที่แท้ก็วางแผนไว้แล้วนี่เอง”

รติพัทธยิ่งหน้างอหนักกว่าเก่า

วิทยาเหลือบตามองคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเรียกเบาๆ “นายน์”

“ครับ”

“อ้ำ”

สิ้นเสียงผู้กองหนุ่มก็อ้าปากงับขนมที่ยื่นมาตรงหน้าไปโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรก่อนจะร้องเสียงหลง “ระ... ร้อนนน” เขาอ้าปากระบายความร้อนเห็นเป็นละไอควันสีขาวจางๆ ลอยออกมา

“ค่อยๆ เคี้ยวสิ” วิทยาเอ็ดเบาๆ พลางดึงคอเสื้อคนตัวสูงกว่าให้หันมาและยกมือขึ้นช่วยพัด

เมื่อขนมในปากเริ่มเย็นลงรติพัทธก็เริ่มรับรู้ได้ถึงรสหวานมันของกะทิสดกับกลิ่นจางๆ ของต้นหอม เขาเหลือบมองกระทงใบตองใส่ขนมในมือเรียวที่อีกฝ่ายอุตส่าห์เดินย้อนกลับไปซื้อมาจากเจ้าอร่อยที่นุชนันท์แนะนำ

“มองอะไร” วิทยาถามเพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเขาเขม็ง “คิดไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะทำแบบนี้

“ก็ใช่น่ะสิครับ คุณเล่นมาจู่โจมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ผมตั้งรับไม่ทันนะ หัวใจนี่เต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกนะรู้ไหม” พร้อมกับยกมือขึ้นตรงหน้าอกทำท่าประกอบ

“แล้วมีความสุขไหม”

“สุดๆ เลย”

“ชอบไหม”

“เรียกว่ารักเลยดีกว่า”

“ทำไมล่ะ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามแผนของนายสักหน่อย”
รติพัทธถึงบางอ้อในที่สุด เขาสบตาอีกฝ่ายอยู่อึดใจก่อนจะกระซิบคำตอบที่ปรากฏอยู่ในใจ “เพราะเป็นคุณ”

...ไม่สำคัญว่าจะทำอะไร ไม่สำคัญว่ามันจะดีหรือร้ายแค่ไหน แต่มันสำคัญตรงที่ ‘มากับใคร’ และนั่นต่างหากคือความสุขที่แท้จริง...

“เหมือนกัน” หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มบาง “เอาอีกไหม”

“ครับ”

“ฉันเห็นมันอร่อยดีเลยอยากให้นายกินด้วย แล้วตอนที่อุ้มให้ฉันกินนายก็จ้องเขม็งท่าทางอยากกินนี่”

รติพัทธคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ที่ผมมอง ผมไม่ได้อยากกินขนมครกสักหน่อย”

“อ้าว แล้วนายอยากกินอะไรล่ะ”

“นี่” ผู้กองหนุ่มตอบพลางแตะปลายนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากล่างของคนตรงหน้าก่อนจะเกลี่ยเช็ดเศษขนมที่ติดอยู่แล้วดึงกลับมาแตะริมฝีปากตัวเอง “ขอแบบนี้กลับบ้านที่นึงได้ไหมครับ”

“ทะลึ่ง!” วิทยาว่าพร้อมกับฟาดเข้าที่แขนล่ำๆ นั่นครั้งหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีจนรติพัทธต้องรีบแบกตุ๊กตาหมีวิ่งเหยาะๆ เพื่อตามให้ทัน

“รอด้วยสิคุณ” ในที่สุดเขาก็ตามทันเมื่อร่างโปร่งหยุดยืนมองวงล้อขนาดใหญ่ประดับไฟหลากสีที่กำลังหมุนไปช้าๆ ตามจังหวะเพลง “ชิงช้าสวรรค์... ขึ้นไหม”

“ไม่เอาหรอก ฉันเคยขึ้น London eye มาแล้ว แค่เห็นมันติดไฟสวยดีเลยหยุดมองน่ะ”

“แต่อันนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย”

“ไม่เหมือนตรงไหน”

“ตรงที่มีผมไง มาเร็ว” พร้อมกับคว้ามือดึงให้เดินไปเข้าแถวต่อคิว

แก้มขาวซับสีเสือดฝาดจางๆ เมื่อกวาดตามองไปรอบตัวเห็นมีแต่เด็กตัวเล็กตัวน้อย จะมีผู้ใหญ่บ้างก็แค่ไม่กี่คนที่มานั่งเป็นเพื่อนลูก  แต่คนที่มาด้วยกันดูท่าจะไม่สนใจแม้คนคุมกระเช้าจะมองด้วยสายแปลกๆ ที่ผู้ชายตัวโตสองคนขึ้นไปด้วยกันหนำซ้ำยังหนีบตุ๊กตาหมีตัวเท่าบ้านมาอีกหนึ่งตัว



(ต่อข้างล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 14-03-2016 22:48:13
(ต่อตรงนี้)


ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันในกระเช้า

“วิวสวยเนอะ” รติพัทธแกล้งพูด เมื่อคนที่ปากบอกว่าไม่อยากขึ้นเอาแต่มองออกไปข้างนอกตาเป็นประกายเมื่อกระเช้าค่อยๆ ไต่ความสูงขึ้นไปในอากาศเห็นบรรยากาศภายในงานโดยรอบชัดเจนโดยไม่มีอะไรมาบดบัง และแม้จะอยู่ท่ามกลางตึกที่สูงระฟ้าแต่ดวงดาราก็ยังกะพริบแสงสู้ไฟนีออนเห็นจุดแสงสีทองวับแวบอยู่บนพื้นสีกำมะหยี่

“อือ” ตอบโดยไม่หันมามอง

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง รติพัทธแกล้งทำเป็นชะเง้อคอมองตามออกไปอย่างสนอกสนใจก่อนจะตีเนียนลุกย้ายมานั่งข้างๆ กัน

“อะไรเนี่ย! กลับไปนั่งฝั่งโน้นเลยนะมันเอียงแล้วเห็นไหม” วิทยาเอ็ดพลางกระเถิบตัวหนี

“อยู่นิ่งๆ สิคุณเดี๋ยวก็ตกหรอก” รติพัทธว่าพลางเอื้อมมือโอบรอบไหล่ร่างโปร่งให้นั่งนิ่งๆ เพราะกระเช้าเริ่มแกว่งแรงขึ้นทุกที

วิทยานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนแกร่งเพราะวัสดุที่ทำแอบดูเก่า มีสนิมเกาะเขรอะและตามข้อต่อก็ส่งเสียงร้องดังเอี๊ยดอ๊าดน่าขนลุก จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้ แต่เขาไม่ชินนี่นา

เมื่ออีกฝ่ายนิ่งไปรติพัทธจึงลดมือลงประคองหลวมๆ ไว้ที่รอบเอว และชวนคุยเรื่อยๆ “ขนมครกหมดแล้วเหรอ”

“ยัง” วิทยาบอกพลางยกกระทงใบตองในมือขึ้นตรงหน้า

“ผมไม่กินแล้ว คุณกินสิ”

“ทำไมล่ะ นี่ชิ้นสุดท้ายแล้วนะหมดแล้วหมดเลยฉันไม่เดินไปซื้อให้ใหม่หรอกนะ”

“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าชิ้นสุดท้ายแฟนหล่อ คุณกินผมจะได้หล่อ”

หนุ่มหน้าตี๋ย่นปาก “งั้นทิ้งไปดีกว่า” พร้อมทั้งทำท่าจะโยนทิ้ง ผู้กองหนุ่มจึงต้องรีบคว้ามือหมับ

“อย่านะคุณเสียดายของ”

“ก็ฉันไม่กินนี่”

“งั้นคนละครึ่งนะ”

“ไม่!”

“ไม่เป็นไร งั้นผมกินเองก็ได้ ผมกินคุณก็หล่อ”

หนุ่มหน้าตี๋เอียงคอมองคนตรงหน้าที่ยัดขนมครกใส่ปากทั้งชิ้นแล้วเคี้ยวหยับๆ อยู่อึดใจ “ถามจริง มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้นายดู ‘พยายาม’ แปลกๆ แล้วก็เล่นมุกอะไรตลอดเลย”

“ไม่ขำเหรอ”

วิทยาส่ายหน้า

ผู้กองหนุ่มผ่อนลมหายใจออกจมูก “ว่าแล้วเชียววิธีนี้ใช้กับคุณไม่ได้ผลจริงๆ ด้วย... ผมแค่อยากเห็นคุณยิ้มน่ะ”

“หมายความว่าไง ฉันก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรนี่ หรือว่าหน้าตาฉันมัน...”

“ผมไม่ได้ว่าคุณนะ” รติพัทธรีบพูด “ผมรู้คุณสนุก ผมเห็นคุณยิ้ม คุณหัวเราะ”

“แล้วนายยังต้องการอะไรอีก”

“ต้องการเป็นเหตุผลของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั่นไง” รติพัทธบอก “คุณหัวเราะกับพี่อุ้ม คุณยิ้มกับพี่วี คุณมีความสุขกับขนม แต่ไม่มีอันไหนเลยที่เป็นเพราะผม... แม้แต่ตุ๊กตาหมีนี่ก็... ขอโทษนะที่ผมคิดอะไรไร้สาระ”

“มากด้วย” วิทยาว่า “ถ้าปืนมาก็คงพาลมันด้วยอีกคนใช่ไหม”

“ผมขอโทษ”

ความเงียบอึดอัดโรยตัวลงมาพร้อมๆ กับกระเช้าที่ขยับไปอย่างเชื่องช้า วิทยาไม่ได้โกรธคนตรงหน้า อันที่จริงเขาแค่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้อีกฝ่ายเข้าใจ

นัยน์ตาเล็กตี่เหลือบมองตุ๊กตาหมีที่นั่งตาแป๋วมองพวกเขาอยู่ตรงข้ามราวกับจะให้กำลังใจก่อนจะละสายตากลับมายังคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง ฝ่ามืออุ่นประคองหลวมๆ อยู่รอบเอว ใบหน้าด้านข้างเห็นเพียงเลือนลางเมื่อแสงไฟจางด้านนอกเริ่มน้อยลงเพราะกระเช้าเคลื่อนตัวขึ้นจนเกือบถึงจุดสูงสุด

เขาขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูหน้าอีกฝ่ายให้ชัดอยากรู้ว่ากำลังทำหน้าแบบไหน กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่เจ้าตัวชอบใช้ประจำลอยมาแตะจมูก วิทยาขยับตัวอีกครั้ง แต่เขาคงจะขยับตัวมากไปหน่อยเมื่อปลายจมูกแตะลงข้างแก้มจนอีกฝ่ายสะดุ้งเบาๆ และเหลียวมามอง

“คุณ”

“เงียบสิ” วิทยากระซิบ นัยน์ตาเล็กตี่กวาดมองสีหน้าตกประหม่าของอีกฝ่ายอยู่อึดใจก่อนจะยกมือขึ้นคว้าคอเสื้อพร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้อีกครั้ง

ภายใต้แสงสลัวของจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า รติพัทธเห็นเพียงเงาของคนที่อยู่ข้างๆ ทาบทับลงบนตัวก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะประทับลงบนหน้าผากและกดจูบซ้ำๆ ราวกับจะย้ำให้แน่ใจ ก่อนจะถอนออกหากยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากปลายสันจมูกโด่งที่ไล้ไปตามผิวแก้มก่อนที่เจ้าตัวจะฝังใบหน้าลงข้างซอกคอ

“คุณ” ผู้กองหนุ่มกระซิบกับเรือนผมที่คลอเคลียอยู่ปลายจมูก เมื่อคนข้างๆ ขยับซุกหน้าพร้อมกับสอดแขนเข้ารอบเอวเบียดตัวแนบกับอกกว้าง

“ไม่ห็นต้องทำอะไรเลย แค่อยู่เฉยๆ แล้วให้ฉันกอดไปเงียบๆ ก็พอ” วิทยาบอก และเขาต้องการแค่นั้นจริงๆ แค่ได้อยู่ข้างๆ กันแบบนี้ก็พอแล้ว

ผู้กองหนุ่มนั่งตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ หัวใจเต้นแรง ไม่เคยมีใครทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ ผู้ชายที่คาดเดาอะไรไม่ได้และเพราะแบบนี้แหละเขาถึงกลายเป็นเสือสิ้นลาย เหมือนลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตายจะคลายก็ไม่มีแรงคลานหนีไปไหนอยู่ดี

“กอดได้ไหม” พร้อมกับยกมือขึ้นแตะที่กลางหลัง

“ก็บอกให้นั่งเฉยๆ”

เสียงเอ็ดเบาๆ ทำเอารติพัทธวางมือกลับลงบนตักแทบไม่ทัน
วิทยาหลุดขำออกมาเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นแตะริมฝีปากที่แนวกรามก่อนจะซุกหน้าลงบนบ่าตามเดิม “แค่กอดอย่างเดียวนะ”

มือใหญ่โอบเข้ารอบเอวแทบจะทันทีที่สิ้นคำอนุญาต พร้อมกับวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะ สอดเข้าใต้เรือนผมนุ่มพลางลูบไล้เบาๆ

นึกอยากให้เวลาเดินช้าลงสักร้อยพันเท่า แต่มันคงเป็นไม่ได้เมื่อกระเช้าเริ่มไต่ระดับลงต่ำเรื่อยๆ

“ปล่อยได้แล้วมั้งครับ เดี๋ยวคนอื่นเห็นนะ”

“ช่างเขาสิ” วิทยาว่า “ไหนว่าแฟนหวงไม่ใช่เหรอ แล้วยังกล้าไปก้อร่อก้อติกกับสาวๆ อีก”

รติพัทธตาโต “เห็นด้วยเหรอครับ”

“ฉันแค่ตาตี่นะไม่ได้ตาบอดสักหน่อย เด่นซะขนาดนั้น” หนุ่มหน้าตี๋คว้ามือใหญ่ที่ขยุ้มอยู่บนศีรษะตนลงมาวางบนตักแล้ววางมือของตนทับ ถึงจะดูบอบบางกว่าแต่ขนาดก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ “นายชอบคนตัวเล็กๆ ขาวๆ ที่อายุน้อยกว่าสินะ”

“จู่ๆ ก็พูดเรื่องอะไรเนี่ย”

“น้องแม็กซ์นั่นก็ตัวเล็กเหมือนลูกกระต่าย”

“นั่นแกล้งจีบเพราะไปทำคดีครับ”

“สาวๆ กลุ่มเมื่อกี้ก็เหมือนลูกนก หยิกแกมหยอกกันน่ารักเชียว”

“นั่นน้องเขาแค่มาขอถ่ายรูปด้วย”

“น่าเบื่อชะมัด”

“ตกลงอยากจะพูดอะไรกันแน่ครับ หึง?” คุณหมอหนุ่มสอดเรียวนิ้วเข้าระหว่างนิ้วใหญ่แล้วกุมไว้ “ฉันก็ขาวนะ ตัวไม่เล็กแต่ก็กอดเต็มมือ แต่เรื่องอายุนี่ฉันคงโกงให้ไม่ได้จริงๆ”

“แก่กว่านี้ก็รักครับ” รติพัทธขโมยหอมแก้มไปอีกครั้งพร้อมกับสะกิดไหล่ “เดี๋ยวชิงช้าจะถึงพื้นแล้วเราเตรียมลงกันเถอะ ชักช้าเดี๋ยวไอ้หนุ่มนั่นจะบ่นเอา”

“เขาไม่กล้าบ่นหรอก” วิทยาว่า “เพราะฉันแถมไปอีกห้าร้อย ค่าขึ้นกระเช้าคนละยี่สิบใช่ไหม ฉันยังนั่งได้อีก12รอบครึ่งเชียวนะ”
“คุณนี่มันจริงๆ เลย”

“ก็มันร้อนนี่ ชุดก็หนา ขี้เกียจเดินแล้วด้วย วันนี้ก็ยุ่งเดินจนขาแทบหลุดแล้ว อุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีฉันก็แค่อยากนั่งสบายๆ ให้นายกอดแบบนี้... ไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับนัยน์ตาเล็กที่ตวัดมองขึ้นมาอย่างออดอ้อนทำเอาคนที่กอดอยู่เผลอกดริมฝีปากเข้าข้างแก้มไปฟอดใหญ่

“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ ผมก็หลงคิดวางแผนนู่นนี่นั่นซะมากมาย เพราะแทบไม่เคยพาคุณไปเที่ยวไหนเลยก็กลัวจะเบื่อ”

“ฉันจำไม่ได้นะว่าเคยบ่นสักคำว่าเบื่อน่ะ มีแต่นายน่ะแหละที่ชอบคิดเองเออเอง”

“งั้นกลับบ้านกันไหมครับ”

“แต่นายยังพาฉันเดินไม่ทั่วงานเลยนะ เดี๋ยวไม่เป็นไปตามแผนก็มาบ่นฉันอีก”

ผู้กองหนุ่มหัวเราะลงคอพร้อมกับบิดจมูกคนช่างย้อนครั้งหนึ่ง “เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ กลับกันเถอะ”

ทั้งสองกลับมายืนบนถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนอีกครั้ง รติพัทธเอาเจ้าหมียักษ์เข้าข้างเอวเพื่อถือให้ถนัด ชักรู้สึกว่าคิดผิดนิดๆ ที่ไปชนะเดิมพันเอาเจ้าตัวนี้มา

“คุณจอดรถไว้ที่ไหนผมจะเดินไปส่ง”

“ฉันไม่ได้เอามา”

“แล้วคุณมายังไง”

“โบกแท๊กซี่จากบ้านมาต่อสถานีรถไฟฟ้า แล้วก็เดินมา” วิทยาอธิบายการเดินทางของตน “ก็รถมันติดนี่นา ฉันไม่รู้จะจอดรถตรงไหน แล้วก็...” จู่ๆ แก้มขาวแต้มสีเข้มขึ้นเล็กน้อยจนรติพัทธนึกประหลาดใจแต่พอวิทยาต่อประโยคจนจบก็กลับกลายเป็นเขาเองที่เขินจนแทบมุดดินหนี “วันนี้นายไม่ได้ตั้งใจจะไปส่งฉันที่ห้องหรอกเหรอ... พรุ่งนี้ฉันหยุดนะ”

“คุณ!” รติพัทธพูดเพียงเท่านั้นแล้วคว้าข้อมือบางก่อนจะดึงจนตัวปลิวทำให้วิทยาต้องออกวิ่งเหยาะๆ เพื่อตามให้ทัน

“ช้าๆ ก็ได้จะรีบร้อนไปไหนเนี่ย”

“กลับบ้าน”

“รู้แล้ว ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนี้เลย”

“ก็ผมอยากกอดคุณ และผมจะไม่รออะไรอีกแล้ว!”

OOOOOO

“ใจเย็นๆ สิขอฉันถอดเสื้อก่อน” คุณหมอหนุ่มดุคนที่แทบจะอุ้มเขาขึ้นมาถึงห้อง และพอเปิดประตูเข้ามาได้ก็ระดมจูบใส่ไปทั่วโดยไม่ยอมให้หยุดพักหายใจหายคอ

“มาถึงขนาดนี้แล้วใครมันจะไปเย็นลงล่ะครับ” ไม่พูดเปล่ายังสอดมือใหญ่เข้าใต้ขอบโจงกระเบน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจนคนที่ถูกสัมผัสสะดุ้งเฮือกเผลอฟาดเข้าที่ต้นเแขนล่ำๆ นั่นไปครั้งหนึ่ง

“นายน์!”

เสียงที่เข้มขึ้นทันทีทำเอาผู้กองหนุ่มหน้าจ๋อยไปถนัด “นั่นสินะ ชุดนี้คุณเช่ามานี่นา ถ้าเปื้อนไปล่ะแย่เลย”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเสียหน่อย”

คิ้วเข้มย่นเข้าหากันและโดยไม่ทันตั้งตัว มือเรียวยันเข้าที่กลางอก ผลักร่างสูงให้หงายหลังล้มลงนอนแผ่หราบนเตียง ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวตามขึ้นมาคุกเข่าคร่อมอยู่บนปลายขา

“ฉันแค่อยากจะชวนอาบน้ำด้วยกันก่อน แต่ถ้านายไม่แคร์ว่าจะเหม็นเหงื่อฉันก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ”

ยังไม่ทันจะกะพริบตา เสื้อตัวนอกก็ถูกถอดออกโยนลงมากองข้างตัว นัยน์ตาของผู้กองหนุ่มพราวระยับและกวาดไล่ไปทั่วเรือนร่างขาวเนียนที่ทาบทับอยู่บนตัว

“เหล้าก็ไม่ได้กินแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้ทำตัวน่ารักจัง”

“แล้วไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ครับ”

“เอ๊ะ...”

คำตอบจริงจังทำเอาวิทยาหน้าเจื่อนไปถนัด เมื่อคนที่นอนอยู่คว้าเข้าที่หัวไหล่แล้วพลิกกลับเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมไว้แทน

“ไม่ปฏิเสธ” รติพัทธต่อคำพูดสุดท้ายจนจบแล้วก้มลงปิดปากคนที่นอนยั่วยิ้มอยู่ข้างล่าง
...

...

...

“หนัก”

เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากคนที่นอนอยู่ใต้ร่างทำให้ผู้กองหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย หากยังไม่ยอมเปลี่ยนอิริยาบทและสอดแขนกอดแน่นขึ้นอีก

“ขอผมอยู่แบบนี้อีกแป๊บไม่ได้เหรอ”

วิทยาทั้งตีทั้งข่วนเข้าที่แผ่นหลังก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือพยายามดันอกคนตัวโตกว่าออกไป แต่ยิ่งผลักแรงเท่าใดคนที่กอดไว้ยิ่งรัดวงแขนแน่นซ้ำยังแกล้งซุกไซร้ลงบนหน้าอกที่เจ้าตัวฝากร่องรอยไว้เต็มไปหมด

“นายน์ ฉันหายใจไม่ออก”

เมื่อเสียงคนที่อยู่ข้างล่างเหมือนจะเริ่มขาดใจจริงๆ ผู้กองหนุ่มจึงยอมพลิกตัวกลับพร้อมทั้งดึงร่างเขาตามขึ้นมานอนทับอยู่บนแผงอกกว้าง รู้สึกไม่เสียชาติเกิดที่เข้ายิมเน้นกล้ามอกเป็นพิเศษ เพราะถึงไม่เคยเอ่ยให้ได้ยินแต่เขาสังเกตได้ว่าคนรักของเขาชอบที่จะหนุนนอนแทนหมอนจนหลับไปทุกคืน

วันนี้ก็เช่นกัน ทั้งที่บ่นว่าอึดอัด แต่พอได้พลิกมาอยู่ข้างบนกลับเป็นฝ่ายก่ายเกยขึ้นมาบนตัวเขาเต็มที่ ทิ้งศีรษะซุกไว้แถวๆ แนวไหปลาร้า แล้วแกล้งปล่อยให้เขาอดทนกับเรือนผมนุ่มที่คลอเคลียอยู่ปลายจมูกกับลมหายใจอุ่นที่รดลงเหนือยอดอกพอดิบพอดี

“ไม่ร้อน ไม่อึดอัดแล้วนะครับ”

ศีรษะที่ประกอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลทองขยับเบาๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนที่เสียงทุ้มจะกระซิบตอบกลับมา “หนาว”

รติพัทธหัวเราะหึอย่างเอ็นดู ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ถึงต้นคอแล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก “ดีขึ้นไหมครับ”

“อือ”

“ให้กี่คะแนน”

“ยังไม่เลิกถามอีก”

“ไหนๆ วันนี้ก็เลือกมาทางนี้แล้ว เห็นทีผมต้องเอาให้สุด ว่าไงครับ ตกลงผมได้กี่คะแนน”

“สิบ”

“จริงอะ”

“จริงสิ แต่คะแนนเต็มร้อยนะ”

“ปากดีจัง แฟนใครเนี่ย” แล้วรติพัทธก็ก้มลงงับข้างหูครั้งหนึ่งข้อหาหมั่นไส้ “แล้วเมื่อกี้ใครกันนะ ที่กอดผมซะแน่นเลยน่ะ หืมมม ตอบมาสิครับ”

“อ้าว นี่คบกันมาตั้งนานฉันไม่เคยบอกนายเหรอว่าจบเอกแพทยศาสตร์ โทการแสดงน่ะ”

“ดูพูดเข้า”

“ก็จริงๆ นี่ไม่งั้นฉันจะเล่นละครหลอกเป็นเพื่อนกับใครคนหนึ่งมาได้ตั้งเกือบยี่สิบปีเหรอ”

“แล้วตอนนี้ล่ะ คุณกำลังเล่นละครหลอกว่ารักผมอยู่หรือเปล่า” ถามพลางไล้ปลายนิ้วเบาๆ ไปบนแก้มนิ่มราวกับจะตัดพ้อ

หนุ่มหน้าตี๋ตะแคงหน้าขึ้นมามอง “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ”

“ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากคิดเองเออเอง คุณบอกมาเลยดีกว่า”
วิทยาเงียบไปอึดใจ “นายถามว่าต้องทำยังไงฉันถึงจะให้คะแนนเต็มใช่ไหม งั้นลองทายดูสิ ถ้าทายถูกนายก็จะรู้คำตอบเอง”

รติพัทธย่นปากครุ่นคิดอยู่อึดใจ “ไม่พูดมากแล้วยอมให้คุณกอดเฉยๆ”

“แปดคะแนน”

“งั้นจูบอะ”

“ห้าคะแนน”

“บอกรักคุณทุกวัน”

“สามคะแนน”

“เอ้า! ไหงยิ่งทายคะแนนยิ่งลดละคุณ แกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย”

“ช่วยไม่ได้ ก็นายทายไม่ถูกเอง”

“ไม่เอาผมไม่ทายแล้วคุณเฉลยมาเลยดีกว่า”

“ไปเอาน้ำให้หน่อย”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง “แล้ว...”

“ก็แค่นั้นแหละ ไปเอาน้ำให้หน่อย ฉันคอแห้งไปหมดแล้วเนี่ย”

“มันน่าตีจริงๆ เชียว” แล้วผู้กองหนุ่มก็ลงโทษด้วยการใช้ริมฝีปากตีแรงๆ เข้าที่กลางหน้าผากครั้งหนึ่ง “เอาน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นครับ”

วิทยาหลับตารับรอยจูบก่อนจะพลิกตัวลงนอนบนหมอนอีกใบ “น้ำเย็น” แล้วเฝ้ามองดูร่างสูงลุกขึ้นพันผ้าเช็ดตัวเข้ารอบเอวก่อนจะเดินออกประตูห้องนอนไป

“ใส่น้ำแข็งมาด้วยนะ”

“รับทราบคร้าบบบ” รติพัทธหยิบแก้วทรงสูงจากชั้นวางแล้วดึงประตูตู้เย็นเปิดออก

เขาเอื้อมมือเข้าไปควานหาถาดใส่น้ำแข็ง กำลังจะบิดมันออกมาจากบล๊อกเมื่อสังเกตเห็นว่ามันถูกทำให้เป็นรอยตัวอักษรภาษาอังกฤษบนผิวหน้าน้ำแข็ง ช่องละ 1 ตัวอักษร

ผู้กองหนุ่มมองกลับไปยังทางที่ทอดนำสู่ห้องนอน ก่อนจะหยักยิ้มมุมปากครั้งหนึ่งแล้วยกถาดน้ำแข็งขึ้นส่องกับแสงไฟเพื่อดูข้อความให้ชัด

T-E-R-R-A-C-E

“ระเบียง?” เมื่อได้คำตอบก็แกะน้ำแข็งใส่แก้วจนเต็มแล้วเดินออกไปตามคำใบ้ นึกสนุกว่าวิทยาวางแผนอะไรไว้นี่เอง... ถึงว่าสิ ปกติต้องไปคอนโดเขาแต่วันนี้กลับยืนกรานจะกลับมาห้องตัวเอง

ร่างสูงดันบานประตูเลื่อนเปิดออกแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ระเบียงแคบๆ เพียงแค่อึดใจเขาเห็นขวดแก้วใบหนึ่งวางแอบไว้ตรงมุมในสุด

 ถึงตรงนี้ก็อดจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ด้วยว่ามันเป็นแบล็ค เลเบิล หนึ่งในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาโปรดปรานมากที่สุด

“รู้ใจซะด้วยนะว่าชอบกินกับน้ำแข็งเยอะๆ”

ผู้กองหนุ่มหยิบขวดเหล้าเดินกลับเข้ามาในห้องและเปิดเทลงไปแบบเพียวๆ ใช้ปลายนิ้วคนเบาๆ ให้เข้ากัน ก่อนจะยกขึ้นจิบ พลันสายตาเหลือบไปเห็นฉลากใบน้อยที่ห้อยอยู่ตรงคอขวดเหมือนจะเขียนอะไรไว้จึงจับพลิกดู

ลายมือหวัดๆ ที่เขาจำได้ดีเขียนไว้ว่า

เลิกกินแล้วเดินไปเอากับแกล้มในตู้มาด้วย

“นี่เป็นญาติฝ่ายไหนกับริวจิตสัมผัสหรือเปล่าเนี่ย”

รติพัทธเดินกลับไปในครัวและเปิดชั้นวางของทีละตู้ ๆ แต่ก็ไม่เจออะไรสักอย่าง เขาพลิกฉลากใบนั้นมาอ่านอีกครั้ง

“ฉลาก... label?... หรือมันจะเป็นคำใบ้... ของอยู่ใน ‘ตู้’... Black label... หมายถึงตู้หรือกล่องอะไรสีดำเหรอ”

เขากวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง และเจอสิ่งที่ตามหาทันที ถึงจะดูไม่น่าใช่แต่มันก็มีลักษณะตรงกับคำใบ้พอดี

รติพัทธเดินไปนั่งยองๆ ลงหน้าตู้อบขนมที่อยู่ใต้เตาไฟฟ้า และดึงฝาเปิดออก

แล้วคำตอบที่ตามหาก็วางอยู่ข้างใน

เขายิ้มกว้างอย่างควบคุมไม่ได้

มีการ์ดใบเล็กวางไว้ด้านข้าง  มันเป็นแค่กระดาษโน้ตสีขาวเรียบๆ หากตัวอักษรที่เขียนไว้มีความหมายมากมายนัก

Happy Birthday
(อย่ามัวแต่ยิ้ม ไม่ต้องเชลฟี่ แล้วรีบกลับมาที่เตียงได้แล้ว)

อ่านจบ มือใหญ่ก็ค่อยประคองถาดใส่เค้กครีมสดที่ใครบางคนซ่อนเอาไว้ออกมา หนีบขวดเหล้าไว้ที่ข้างแขนแล้วหยิบแก้วใส่น้ำแข็งเดินกลับไปที่ห้องนอน

“เล่นอะไรครับเนี่ย”

ยิ้มจนตาหยีได้พอๆ กับหนุ่มเชื้อสายจีนที่นั่งอมยิ้มอยู่บนเตียง ในมือถือกุหลาบแดงดอกโตไว้หนึ่งดอก แต่กลีบและใบของมันแห้งกรอบจนออกสีน้ำตาล

“หายไปนานจัง นึกว่าจะคิดไม่ออกซะแล้ว”

ผู้กองหนุ่มวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วนั่งลงเคียงข้าง “ขอบคุณนะครับที่ยังจำกันได้”

“ฉันจะลืมวันเกิดนายได้ยังไง แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ร้องเพลงให้เด็ดขาด” วิทยาว่า

“แล้วกุหลาบดอกนั้นล่ะครับ นั่นที่ผมให้เมื่อตอนวาเลนไทน์หรือเปล่า”

คุณหมอหนุ่มพยักหน้า

“แล้วเอาออกมาทำไมครับ”

“ก็นอกจากจะเป็นวันเกิดนายแล้ววันนี้ยังเป็นวันไวท์เดย์ด้วยนี่นา อะ! เอาไปสิ”

“ตามธรรมเนียมเขาให้ให้ของขวัญคืนกับคนที่ให้ครับ ไม่ใช่ให้คืนของขวัญ”

“แต่ไหนๆ ฉันก็เอามาแล้วนายก็รับไปเถอะน่า”

เพราะรอยยิ้มเขินที่กว้างไปถึงตาทำให้เขาไร้สิ้นถ้อยคำจะขัดขืน รติพัทธยื่นมือออกไปตรงหน้าส่งดอกกุหลาบคืนมาพร้อมกับที่มือเรียวปล่อยวัตถุสีเงินไหลตามก้านกุหลาบลงมาใส่มือ

หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก เขามองแหวนเงินสองวงในมืออย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าเต็มที่ “มันคืออะไรครับ”

“อ้าว ไม่รู้จักแหวนเหรอ” แล้วแก้มขาวก็แต้มสีแดงระเรื่อก่อนจะเห่อลามไปจนถึงใบหู

“ผมรู้ครับว่ามันเป็นแหวน แต่ว่ามันมีสองวง แถมยังคนละขนาด แบบนี้มันมีความหมายพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ”

“จะมีความหมายพิเศษอะไรล่ะ ก็แค่แหวน” วิทยาว่า “แต่ถ้านายอยากให้มีก็ใส่สิ” ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือของตนออกมาตรงหน้า

รติพัทธหยิบแหวนวงที่เล็กกว่าขึ้นมาสอดผ่านเข้าไปในเรียวนิ้วนาง

“ทำไมถึงใส่นิ้วนั้น”

“เหตุผลเดียวกับที่คุณส่งมือซ้ายให้ผมแหละครับ” พร้อมกับกดริมฝีปากย้ำลงไปบนหลังมือครั้งหนึ่ง “ใส่ให้ผมบ้างสิ”

วิทยาใส่แหวนให้อีกฝ่ายที่ตำแหน่งเดียวกัน “ใส่แล้วห้ามถอดนะ”

“นี่คือการใส่ปลอกคอให้ผมเหรอครับ” ปากแซวไปอย่างนั้นทั้งที่ใบหน้าระบายยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง

“ใครๆ จะได้รู้ไงว่านายมีเจ้าของ แล้วเจ้าตัวก็จะได้รู้ตัวด้วยว่าไม่ควรหนีไปเพ่นพ่านที่ไหนอีก”

เขามองกวาดมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกท่วมท้น และมันไม่ใช่แค่คำว่าความสุข แต่เขาก็ไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำไหนมาอธิบายได้ดีว่านี้อีกแล้ว “จิว รักนะครับ”

“คนเดียวด้วยนะ”

“ครับ”

นัยน์ตาเล็กตี่เหลือบดูคนที่มองเขาตาไม่กะพริบ รู้ดีว่ารติพัทธกำลังรออะไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดคำนั้นออกมาแล้ว ถ้าพูดตามก็เดี๋ยวจะโดนกล่าวหาว่าเลียนแบบสินะ “แล้วตกลงรู้หรือยังว่าต้องทำอะไรถึงจะได้คะแนนเต็ม”

รติพัทธส่ายหน้าเบาๆ ครั้งหนึ่ง

“งั้นจะบอกให้ก็ได้” วิทยาบอกพลางชูสองแขนขึ้นพาดบนบ่ากว้างของคนตรงหน้า “ก็ทำทุกอย่างที่นายว่ามาไงล่ะ”

“แล้วเค้กล่ะครับ” รติพัทธแสร้งทำเป็นลังเล

“โตแล้วก็หัดคิดเองบ้างสิ ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง หรือว่า...” แล้วใช้ปลายนิ้วปาดครีมสดบนหน้าเค้กแตะลงบนริมฝีปาก “ถ้านายอยากจะกินพร้อมๆ กันฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ”

The End


Talk
ทันวันwhite day แบบฉิวเฉียด! (ปรบมือให้เค้าหน่อยยยย~)
สำหรับแม่ยกคู่ นายน์×จิว โดยเฉพาะหวังว่าจะถูกใจทุกคนนะคะ

ปล.เราเปิดเรื่องใหม่แล้วนะ เป็นภาคต่อของ ER (เน้นว่าภาคต่อไม่ใช่ภาคสอง พระ-นาย คู่ใหม่นะคะ)
ลองแวะเวียนไปเยี่ยมชมกันได้น้าาาาา❤
Text_book (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51214.0;topicseen)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-03-2016 22:58:51
 :z13:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-03-2016 23:09:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 15-03-2016 00:23:26
ทำไมรู้สึกว่า หวานกว่าคู่หลักมากเลย ชอบมากเลยค่า  ละมุนและนุ่มนวล
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2016 02:49:23
ดูร้อนแรงมากๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 16-03-2016 11:28:15
หวานมากกกกก
ดีใจกับจิวที่มีความสุข :L1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-03-2016 03:06:13
หวานมากๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: 182x406 ที่ 17-03-2016 09:56:16
ชอบหมอปืนเวอร์ชั่นนี้จังแฮะ หวานมาก555555
อ่านรวดเดียวตั้งแต่วาเลนไทน์เลยค่ะ
คิดถึงคู่นี้มากกกกๆ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2016 10:14:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 17-03-2016 16:43:23
กรี๊ดดดดดดดด จิวเซ็กซี่มากกกก ตั้ลล้าคคคคค :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-03-2016 19:25:58
จิวร้อนแรงมาก
นายน์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามคำสั่งนางพญา ฮ่าฮ่าฮ่า

รักทุกคู่ ทุกคน

ปล. คิดถึงอุ้มที่สุด!
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 19-03-2016 23:05:40
น่ารักมาก กกกก คู่จิวกับนายย์  ถูกใจค่ะ  ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 20-03-2016 18:19:48
เพิ่งได้อ่าน น่ารักมากค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 02-04-2016 23:35:46
ชอบมากเลยเรื่องนี้ ได้มาอ่านเอาก็ตอนที่เรื่องแต่งจบแล้ว ดำเนินเรื่องได้ดีมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 03-04-2016 18:38:15
อร๊ายยยยย ผู้กองนายน์ หมอจิว อ่านแล้วยิ้มแก้มจะแตก ฟินกันให้ตาย จะหวานไปไหน หวานกว่าคู่หลักอีก

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 06-04-2016 17:02:48
อ่านจบแล้ววว ชอบอ่ะ  อ่านจนจบทีเดียวรวด สนุกค่ะ ภาษาดี
ตัวร้ายก็ไม่ร้ายแบบวี๊ดว๊าย ค่อนข้างอยู่ในโลกความเป็นจริง

หมอปืน..  เราเข้าใจนะ คนเคยรักผู้หญิง จะมารักชาย คิดเยอะ
ต้องก้ามข้ามเพศให้ได้ ต้องอยู่ให้ได้จริงๆ ไม่ฉาบฉวย ชั่ววูบ
พลุ..  เป็นคนที่มั่นคงสุดๆ ยอมตามฝันแม้ว่าไม่รู้จะได้อะไรกับฝันนี้
อุ้ม..  เป็นเพือนที่ดีมากได้ใจสุดๆ ทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน
จิว.. เมื่อถึงทางตันเค้าก็เลือกที่จะหาทางไปที่ดี ไม่ทำร้ายใคร

จบ happy  ending  รอผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 07-04-2016 12:59:36
หนังสือเรื่องนี้มีเนื้อหาเท่าในเล้าเลย หรือว่ามีตอนพิเศษที่ไม่มีในเล้าด้วย ใครพอรู้บ้างอ่ะ บอกที  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 07-04-2016 13:13:14
ตอนพิเศษ 5 ตอนที่ไม่ได้ลงในเว็บค่ะ

sp.1 Summer secret ปืน×จิว
sp2. One night stand นายน์ ×จิว
sp.3 Best friend forever ปืน× จิว×อุ้ม
sp.4  P=P ปืน×พลุ
sp. 5 คืนข้ามปี ปืน×พลุ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: boyhoy001 ที่ 08-04-2016 23:59:23
น่ารักโคตร   :-[
ตามอ่านรวดเดียวจบเลย  ฟินนนน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment:10 Out of 10 points [14/03/59] p.21
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 12-04-2016 23:01:03
Special Moment : สงกรานต์

เนื่องในวาระดิถีวันปีใหม่ไทย บุคลากรของห้องฉุกเฉินจึงใช้โอกาสนี้รดน้ำดำหัวขอพรผู้อาวุโสในหน่วยงาน

และถึงจะไม่อยากแต่ด้วยอายุอานามที่ไม่น้อยกับตำแหน่งอาจารย์ที่พ่วงมาตอนนี้จึงทำให้ปาวัสม์ถูกน้องๆ แพทย์ประจำบ้านและนักศึกษาแพทย์เรียนเชิญ…

ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกคืออัญเชิญมากกว่าเพราะเจ้าพวกตัวดีจับแขนขาเขาคนละข้างแล้วดันหลังไปนั่งที่เก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำเสร็จแล้วก็เอากะละมังที่ใช้สำหรับเช็ดตัวคนไข้มาวางแล้วต่อแถวรดน้ำ โดยอาวุธที่แต่ละคนใช้ก็สุดแสนจะสร้างสรรค์ทั้งแก้วน้ำ แก้วใส่ยา ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นกระบอกฉีดยาขนาด 50cc ที่ใส่น้ำเต็มแม๊กซ์ ฉีดแรงสะใจจนเขาชักไม่แน่ใจว่าเจ้าพวกนี้จะมารดน้ำขอพรหรือจะมาแก้แค้นส่วนตัวกันแน่

“ขอให้ปีใหม่นี้พี่ปืนล้างอาถรรพ์ยุ่งเป็นอีเพิ้งเซิ้งยันเช้าสำเร็จนะครับ”

“มีแฟนสักทีนะพี่”

“พี่ครับ คำอวยพรไม่ต้องขอAชัดๆ บนหัวกระดาษคำตอบก็พอครับ”


แหม… แต่ละคน น่ารักซะไม่มี

นุชนันท์กับวิทยายืนจับกลุ่มกันหัวเราะอยู่ห่างๆ ไม่รู้จะหัวเราะอะไรกันนักหนา โธ่! แล้วเปียกแบบนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย

คิดยังไม่ทันจบดี ร่างโปร่งในชุดสูทเต็มยศสีน้ำตาลเข้มขนเกือบดำรับกับสีผมก็เดินผ่านหน้าประตูเข้ามา

ภาวัฒน์ไม่ลืมแวะส่งขนมพยาบาลที่เคาน์เตอร์เหมือนที่ทำเป็นประจำทุกครั้งที่มา จนบางทีปาวัสม์ก็แอบคิดเหมือนกันว่านี่คนรักของเขาหรือแฟนของใครกันแน่

“ของฝากครับพี่มิลค์คนสวย”

“ขอบใจจ๊ะน้องพลุ” ชโลธรยิ้มหวานพร้อมทั้งรับถุงใส่ขนมไทยที่มีทั้งบัวลอยไข่หวาน แกงบวดฟักทองและกล้วยบวดชีซึ่งยังอุ่นๆ ดูน่ากิน

“ผมเข้าไปหาหมอปืนได้ไหมครับ จะไปรบกวนหรือเปล่า”

“ไม่กวนหรอกจ๊ะ เข้าไปเลยเขากำลังรดน้ำกันอยู่”

“รดน้ำ?” ภาวัฒน์ทวนคำ

“วันนี้วันสงกรานต์ไงพวกน้องหมอเขาก็เลยแห่ไปรดน้ำขอพรกัน นี่พี่เลยพลอยได้อานิสงค์แอบไปปะแป้งหมอปืนมาด้วย ผู้ชายอะไรไม่รู้แก้มนิ๊มนิ่ม แต่แหม คิวงี้ยาวชะมัดนี่ขนาดทำกันเล่นๆ นะแต่ไม่รู้คนมาจากไหนตรึมเลย หมอปืนนี่เนื้อหอมจริงๆ”

“อ้อ” ภาวัฒน์ส่งเสียงในลำคอ “ไม่ได้การล่ะเห็นทีผมต้องรีบไปต่อคิวบ้างแล้วสิ”

ปาวัสม์หันมาสบตาพอดีและพยักหน้าให้เข้าไป

แต่ภาวัฒน์ยังยืนรีรออยู่อีกนิดให้คนซาลงจนคนสุดท้ายผละจากไปจึงเดินไปหา

ร่างสูงในเสื้อกาวน์สีขาวเปียกชุ่มตั้งแต่ไหล่ไปจนถึงชายเสื้อซึ่งส่งกลิ่นหอมน้ำอบอ่อนๆ  และแทบไม่มีผิวเนื้อส่วนไหนที่โผล่พ้นขอบผ้าจะไม่เปื้อนดินสอพองและมีกลีบดอกไม้อย่างมะลิหรือดาวเรืองติด

“ขำอะไรฮึ” ปาวัสม์ถามคนหน้าเป็นที่เอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“เปล่า” ทำเสียงสูงพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกลีบดอกมะลิที่ติดอยู่ตรงข้างแก้มออก “ขอผมรดน้ำหมอปืนมั่งสิ”

“มาๆ เปียกมาถึงขั้นนี้แล้วจะทำอะไรก็รีบทำ” ปาวัสม์ว่าพร้อมทั้งมือเรียกนุชนันท์กับวิทยา “พวกนายด้วย แล้วก็เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้ว มันน่ากลัว”

ได้ยินดังนั้นเพื่อนรักทั้งสองก็หันมายิ้มให้กันพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ใส่น้ำของตนที่แอบไว้ด้านหลังขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาหา

“นายพูดเองนะปืน” นุชนันท์เหยียดยิ้มกว้างได้พอๆ กับแก้วใส่น้ำแข็งใบใหญ่ในมือ

“นี่ฉันอุตส่าห์เอาไปแช่เย็นรอไว้เลยนะเนี่ย” ในมือของวิทยาคือกระบอกฉีดยาแช่เย็นแต่น้ำเสียงของหนุ่มหน้าตี๋นั้นดูจะเย็นกว่าหลายองศา

“เฮ้ย!” ปาวัสม์ร้องเสียงหลง “ใจเย็น ไม่เอาเว้ย!”

“อะไร นายบอกว่าได้นะปืน” วิทยาว่า

ปาวัสม์ทำท่าจะลุกหนี นุชนันท์จึงร้องขึ้น “จับเขาไว้พลุ”

“พลุ!” ปาวัสม์หันไปทำเสียงดุ

ภาวัฒน์เหลือบมองคุณหมอหนุ่มที่มีสถานะเป็นแฟนสลับกับพยาบาลสาวร่างอวบ โดยไม่รอช้าเขารีบกระโดดล็อกตัวปาวัสม์จากทางด้านหลังกดให้นั่งลงไปบนเก้าอี้ทันที

“จัดการเลยครับพี่อุ้ม”

“พลุ! ไม่เอา ปล่อยน่า นี่ฉันโกรธแล้วนะ”

“ไม่ครับผมไม่ปล่อย” ภาวัฒน์บอกแล้วโอบรอบไหล่ใช้น้ำหนักตัวกดไว้ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับมืออีกฝ่ายประกบกันแล้ววางบนขอบกะละมัง

“เตรียมใจแล้วใช่ไหม” นุชนันท์กระหยิ่มยิ้มย่อง

“โอ๊ย! มันเย็นนะเว้ย พวกแกอย่าให้ฉันเอาคืนนะ เฮ้ย!” ปาวัสม์ร้องเสียงหลงเมื่อน้ำเย็นจัดและก้อนน้ำแข็งไหลผ่านคอเสื้อลงไปตามหน้าและแผ่นหลัง ส่งผ่านความยะเยือกแสนจั๊กจี้ไปตามทางที่มันเคลื่อนผ่าน “อุ้ม! จิว! เฮ้ย! ไม่รักฉันก็เกรงใจน้องๆ ที่มันดูอยู่บ้าง”

เจ้าหน้าที่ทั้งห้องฉุกเฉินพากันหัวเราะครืน

“พอๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” นุชนันท์บอกเมื่อน้ำแข็งหมดจนก้อนสุดท้าย

“แหม แค่นี้ทำร้องเป็นเด็กอนุบาล” วิทยาว่า

แล้วทั้งสองก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วน

“ไอ้พวกนี้นี่ทำวัฒนธรรมดีๆ เขาเสียหมด” ปาวัสม์บ่นอุบ แล้วจึงหันไปหาคนหน้าเป็นที่ยิ้มเผล่อยู่บนหัวไหล่ “กลับไปเตรียมโดนลงโทษเลยนะ”

“ได้ครับ” ภาวัฒน์รับคำเสียงใส “แต่ที่แน่ๆ หมอปืนยังติดเรื่องที่จะให้ผมรดน้ำอยู่นะ”

“เอ้า! จะทำก็รีบทำอย่ามัวแต่ลีลา” เพราะมัวแต่บ่นเขาจึงไม่ทันสังเกตรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยน์

ทั้งที่ยังโอบอยู่ด้านหลัง ภาวัฒน์ใช้ปลายนิ้วแตะแป้งดินสอพองที่ยังติดก้นขันจิ้มลงกลางหน้าผากปาวัสม์และทั้งที่ประกบมือค้างไว้ เขาวักน้ำในกะละมังรดทั้งมือของเขาและปาวัสม์พร้อมๆ กัน

“อยู่กับผมไปนานๆ นะครับพี่ปืน” กระซิบเบาๆ ข้างหูที่จะได้ยินกันแค่สองคน

ปาวัสม์ไม่ว่าอะไรเพียงแค่บีบมือที่กุมไว้แรงๆ ครั้งหนึ่ง

รอยยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูคลี่เต็มเรียวปาก นานๆ ทีภาวัฒน์มีช่วงเวลาที่ดูสงบเสงี่ยมและขี้อ้อนแบบนี้บ้าง และเขาก็เกือบจะวางแผนหาอะไรตอบแทนหวานๆ คืนนี้ หากปาวัสม์ไม่บังเอิญเห็นรอยยิ้มมีพิรุธกับเสียงหัวเราะคิกคักจากน้องๆ หมอและพยาบาลที่เคาน์เตอร์ ซึ่งเขาก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้จนกระทั่งเดินมาขึ้นรถแล้วมองไปที่กระจกมองหลังเห็นรอยเปื้อนแป้ง 3 จุดที่กึ่งกลางหน้าผาก

และทำไมไม่รู้มันถึงดูคลับคล้ายคลับครากับงานมงคลที่ไม่ใช่วันปีใหม่ไทยยังไงชอบกล

ปาวัสม์เหลือบมองคนข้างตัวที่ทำเป็นนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างไม่รู้ไม่ชี้

“พลุ”

“อะไรครับ”

“เนียนนะเราน่ะ”

“อะไรครับที่เนียน” ภาวัฒน์ถามกลับ “แก้มเหรอ?” พร้อมทั้งทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้ามาใกล้

ปาวัสม์ใช้มือดันหัวกลมๆ นั่นออกไปให้พ้นทางก่อนจะสตาร์ทรถ “นั่นน่ะสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่เนียน”

พูดจบก็ขับรถออกไป เห็นทีคืนนี้คงไม่หวานซะแล้ว ก็เป็นคืนส่งตัวนี่นา และก็ต้องขอบคุณนุชนันท์กับวิทยาเพราะเขารู้แล้วว่าจะลงโทษจอมแสบคนนี้ยังไงดี

ช่วยไม่ได้นะที่อากาศมันร้อน คงต้องหาอะไรเย็นๆ มาดับซะหน่อย


************************************************


สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะ ขอให้สุข สดชื่น สดใส สมหวัง สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าเลยนะคะ

เดินทางกันด้วยความระมัดระวังแล้วกลับมาเจอกันอีกทีหลังสงกรานต์นะคะ

ปล. ขอโทษนะคะที่ตอนนี้มาสั้นไปหน่อย

ปล2. ฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

 Text_book  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51214.0)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2016 00:38:45
 :mew1: สวัสดีปีใหม่
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: rasblurry ที่ 13-04-2016 01:00:47
สวัสดีวันปีใหม่นะคะ !
คิดถึงคู่นี้ที่สุดด รีบกดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ความเนียนของพลุมันทำเราเขินนนมากกค่ะ  :hao5:

ปล.มีสเปคืนส่งตัวต่อมั้ยคะ ?? 55555555
ปล2.อยากได้สเปคู่นี้ทุกเทศกาลเลยยย 55
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 13-04-2016 04:13:25
สวัสดีวันปีใหม่ไทยด้วนนะคะ

พลุคืนนี้จะเข้าหอเหรอออ o18
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-04-2016 08:34:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 13-04-2016 08:58:15
สุขสันต์วันสงกรานต์
เข้ามารดน้ำหมอปืนด้วยคน
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 13-04-2016 09:41:34
สงกรานต์นี้พลุคงเย็นฉ่ำ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 13-04-2016 11:06:00
รักน้องพลุคิดถึงหมอปืน.........มาบ่อยๆนะจ้ะ...
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-04-2016 12:31:37
โย้ยย ทำไมเราเขินนน 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 13-04-2016 15:36:54
โอ๊ยยยยย  อยากอ่านต่อออออออ คืนส่งตัวจัง  :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 13-04-2016 16:19:53
อ่านซ้ำไปสองรอบแล้วค่ะ เป็นตอนที่ทำให้เย็นขึ้นมานิดหนึ่ง เหมาะกับสงกรานต์จัง พลุน่ารักมาก ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-04-2016 17:04:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 13-04-2016 23:10:02
สวีทมากเลย น้องพลุอย่างเนียนค่ะ 55555555555 เราเป็นพยาบาลแถวนั้นต้องกรี๊ดหนักมากแน่นอน = ., =
แต่งแล้วก็ส่งตัวเข้าหอด้วยนะคะะะ ฮิๆ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-04-2016 00:12:29
งื้ออออ   คิดถึง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-04-2016 00:30:21
รักพลุ รักปืน
ขอให้รักนี้ยืนยง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 14-04-2016 07:06:27
อร๊ายยยยยย หมอปืนจะลงโทษไงเนี่ย จะดับร้อนหรือจะร้อนกว่าเก่ากันแน่ คึคึคึ  :hao6: :hao6: :hao6:

สวัสดีวันปีใหม่ไทยคร้าบบบบบบ  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-04-2016 18:21:46
หมอปืนจะทำโทษอะไรน้องพลุน้า  :-[
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 14-04-2016 19:26:08
รู้สึกถึงความเอาน้ำแข็งถู....  :jul1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-04-2016 22:21:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 15-04-2016 22:25:57
พออ่านบรรทัดสุดท้ายจบภาพหมอปืนใช้พลุถูน้ำแข็งบนหลังลอยมา 5555
" ปืน เอาน้ำแข็งมาถูหลังให้ฉันซิ"
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 15-04-2016 22:44:41
เป็นนิยายที่ก้ำกึ่ง แบบน่ารัก แต่ก็หน่วง แบบใสๆ แต่ก็ผู้ใหญ่มาก อ่านแบบยิ้มๆ อยู่ดีๆ ก็แบบ เอ้ย มันจะมีเรื่องเครียดอีกไหมวะ? 555 แต่ชอบนะคะ อ่านแล้วอยากจะกอดปลอบคุณหมอคุณพยาบาลและบุคคลทำประโยชน์ให้สาธราณะ มากๆ เลยค่ะ ถึงเหนื่ิอยพวกคุณก็ไม่เคยย่อท้อ :) ขอบคุณนักเขียนที่นำเสนอเรื่องออกมาได้ดีและน่ารักขนาดนี้มากๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 17-04-2016 09:26:39
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ พี่ปืนน้องพลุแต่งงานกันในวันสงกรานต์  ว้าวววฟิน เบาๆ ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-04-2016 20:04:04
หมอปืนกับน้องพลุน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 01-05-2016 14:22:26
กลับไปเข้าหอกันสินะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 12-05-2016 04:35:05
อยากอ่านตอนคืนเข้าหอจัง  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 22-05-2016 08:41:30
รวดเดียวจบค่ะ บอกเลย มันหลากหลายความรู้สึกมาก ยิ้ม หัวเราะ ลุ้นระทึก เศร้าใจไปด้วยในทุกๆตอน รักทุกคน รักพี่ปิน รักพลุ รักหมอจิว  รักพี่อุ้มสุดสวย         รักเทมส์  รักนายน์ เอ่อ....รักนิวด้วยนิ้สสสสนุงก็ได้ ที่สำคัญรักไรท์มากค่ะ มันดีต่อใจมากจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 05-06-2016 21:57:06
เพิ่งได้อ่าน ติดหนึบงอมแงมเลย
ชอบปมของเรื่องมากๆค่ะ น้องตามมาใกล้ชิดพี่ปืนเพราะช่วยชีวิตไว้ตอนนั้น
ชอบบบ ฮือออออ ชอบความแมนๆคุยกันด้วย
ความทะเล้นของทั้งสองคนดี๊ดี ภาษาก็สวย ตอนหน่วงก็หน่วงจริงๆ ขัดใจพี่ปืนไปหลายยก
ยิ่งยัยนิวยิ่งน่าหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ชิชะ
อีกอย่างขอเป็นแฟนคลับพี่อุ้มด้วยนะคะ สาวแกร่งขนาดนี้ รักเพื่อนมากๆด้วย
แล้วก็หมอจิวของน้อง เป็นคนเย็นชาที่น่ารักม้ากกกกก โง้ยยยยยย ดีกับใจ
เราจะตามไปติดตามเรื่องใหม่นะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 05-06-2016 22:18:10
ต้องจุดพลุฉลอง
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-06-2016 01:16:43
น่ารักมากมายยยยย 

ขอบคุณมากครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 15-06-2016 01:17:35
อยากจะได้จิวกับนายน์สักตอน :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 19-06-2016 17:21:37
 :mew4:

สนุกมากๆเลย อ่านรวดเดียวจบเลย

ชอบมากๆเลยคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 22-06-2016 01:01:08
ตอนของ นายจิว คือจิกหมอนมาก อ่านแล้วเขิลกว่าคู่หลักเบาๆ ส่วนวันสงกรานต์นั่น ชวนให้านต่อมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-06-2016 17:47:13
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ
ขอบคุณกับเรื่องราวแสนน่ารัก แม้หมอปืนจะบื้อไปหน่อยแต่ก็รักนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 21-07-2016 01:44:51
ตามมาจากพี่วินทร์กะหมอฮาร์ฟ แล้วก็ไม่ผิดหวัง หมอปืนกับพลุน่ารักจริงๆ แอบสงสัยว่ามีเรื่องราวของรุ่นพี่ของนายน์กับวีเพื่อนหมอจิวหรือเปล่า อยากอ่านแนวสืบสวนสอบสวนกับหมอนิติเวชเหมือนกันค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-07-2016 11:50:03
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: thaiboyskif ที่ 21-07-2016 18:25:42
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
คนที่ขาดอากาศหายใจเกิน4นาที ถึงหัวใจกลับมาหายใจอีกครั้งแต่สมองก็ตายไปแล้ว หรือที่เขาเรียกกันว่าผัก หายใจไปมีแต่ความเจ็บปวด
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-08-2016 01:35:42
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
สนุกมากจริงๆสนุกจนตัวอักษรสุดท้าย
เราคงคิดถึงหมอปืน กับ พลุ พยาบาลคนสวยพี่อุ้ม หมอจิวและนายน์แน่ๆอ่านจบแล้ว :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 24-08-2016 19:12:56
อ่านจบแล้วสงสารนิวนะ เหใือนกับอยากได้อะไรก็ต้องได้

แต่พี่ปืนกับหนูพลุน่ารักที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 21-09-2016 17:03:32
คนอื่นเขาอ่านER ก่อนอ่านเทกซ์บุค แต่เราอ่านเทกซ์บุคก่อนมาอ่าน ER กรี้ดมากกค่าาา อ่านแล้วก็เขินนนนนนนมากกก น่ารักไปหมดทั้งเรื่อง แต่ตอนบอก ER เป็นนิยายฟีลกู้ดนี่ถึงกับทำเสียงหื้ม นี่ฟีลกู้ดแล้วหรอ555555555 ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 22-09-2016 18:08:41
ขอบคุณมากครับ สำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ การดำเนินเนื้อเรื่องและภาษา สละสลวยพอสมควรครับ ยิ่งภาษาในการใช้ดี การติดตามอ่านยิ่งราบรื่น ทำใหัยิ่งรู้สึกดีกับเรื่องมากยิ่งขึ้น

รายละเอียดในสายอาชีพ ไม่ขอออกความเห็น เนื่องจากไม่มีความรู้เท่าที่ควร หากผู้เขียนจะใส่ ถ้าได้แหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือมาประกอบจะดีมากครับ จะทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าทำตามพล็อตเพื่อให้เกิดการต่อเนื่อง ก็แจ้งไว้ตอนต้นของ ตอนนั้น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนก็ดีครับ

จะติดตามผลงานต่อไปครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 25-09-2016 20:33:19
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
สนุกและน่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ
การเขียน สำนวน ภาษาดีงาม^^
เดี๋ยวไปตามหาหนังสือมาครอบครองนะคะ
แล้วจะตามไปอีกเรื่องด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: zatannn ที่ 30-09-2016 14:58:19
ตามมาจาก TEXT BOOK ค่ะ ฮืออ เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้มาก่อน จนอ่านเรื่องโน้นจบแล้ว เสียดายอ่า

เดี๋ยวอ่านจบแล้วจะมาเม้นอีกรอบนะคะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆหน๊า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 24-10-2016 22:32:12
หนูอยากอ่านก้องวีค่ะ!

โอ๊ะ ผิดๆๆๆ แฮะๆ

ตามมาจาก พลิกตำราฯค่ะ

ก่อนอ่านพลิกตำราฯก็ตามมาจากเซ็งเป็ดอวอร์ดฯที่คุณ ถธปทฟ โหวตไว้อีกทีค่ะ

สารภาพว่าเคย "จะ" อ่านเรื่องนี้หลายรอบแล้ว

แต่พออ่านถึงแค่เจอหมอนิวก็ยอมแพ้ทุกที ลำไยนางมาก

คราวนี้ได้อ่านจนจบ ชอบตอนท้ายๆนี่แหละค่ะ ชอบคู่นายน์จิวด้วย

เคะราชินีเป็นอะไรที่โปรดปราน

ขอบคุณนิยายดี มีสาระ ได้ความรู้ด้านการแพทย์เพียบ

จะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ "เรามาสู้ด้วยกันนะ"
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: MOLI ที่ 18-12-2016 14:40:09
ชอบบบบ
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: PrInCeZzAoFz ที่ 10-02-2017 04:34:23
พลุน่ารักกกกกกก
ตอนยังไม่เป็นกัน
นี้ก็ทั้งมีความสุขกับความน่ารัก
และแอบเศร้าตามกับการแอบรัก
แอบขัดใจหมอปืนเบาๆ
กว่าจะรู้ตัว พอรู้ตัวยังลีลา
นี่ต้องขอบคุณหมอจิวเลยนะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หมอจิวก็น่ารักมากกกกกก
ฉลาดอ่ะ
รู้ทันวางแผนเก่ง
แต่คนที่ฉลาดกว่าหมอจิวก็อุ้มนี่เอง
ตอนทำ cpr ให้หมอจิวนี่ทั้งลุ้นทั้งเครียด คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 10-04-2017 22:13:16
 o13 สนุกมากเลยค่ะ  ได้ความรู้เยอะมากเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น โคตรลุ้น
ยิ่งอ่านตอนที่ 13 นาทีชีวิตของหมอจิวนี่อ่านไปน้ำตาไหลไป   :m15:
มิตรภาพระหว่างเพื่อน สวยงามเสมอ พระเอกนายเอก หมอปืนกับพลุก็น่ารัก ชอบพลุมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายคุณภาพค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-04-2017 15:08:07
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ ต้องไปหาซื้อหนังสือซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 12-04-2017 12:16:45
เราอ่านเรื่อง Text_book ก่อนแล้วตามมาอ่านเรื่องนี้
เราชอบสำนวนการแต่งมากๆ ชอบเรื่องแนวนี้มากๆ
ขอบคุณนะคะ เรื่องราวสองเรื่องราวนี้เป็นความสุขของเราในช่วงนี้เลย :)
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 07-05-2017 18:24:38
ุหุหุ :hao6:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 14-06-2017 02:02:25
ขอบคุ ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ

 ชอบปืนกับพลุมาก   น่ารักทั้งคู่เลย

จิวกับนายน์ก็ ก็น่ารักเหมือนกัน

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: pwstz ที่ 15-10-2017 18:19:00
ปืนกับพลุน่ารักมาก ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ แต่ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-12-2017 22:42:33
 :L2:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 03-12-2017 20:56:50
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 07-12-2017 02:53:03
มาตามอ่านแบบทีเดียวจบ เราโคตรชอบเลยยยยย คนเขียนบรรยายได้ดีมากเลย ชอบที่มาที่ไปของตัวละคร ❤
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 07-12-2017 13:30:54
โอ้ยยย ชอบบบ อ่านกี่ทีก็ชอบ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้า
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 17-12-2017 23:27:56
Special น่ารักทุกอันเลย
เราชอบนิยายเรื่องนี้มาก ถึงแม้ว่าจะมาอ่านช้าไป ชอบความละเอียดของหมอ ในแผนกฉุกเฉินมากๆ
ชอบความมีปมของเรื่องตั้งแต่แรก ทำให้ตัวละครมาเจอกัน
เราชอบความสนิทของเพื่อนซี้สามคนมากๆ แต่อยากด่าควายเผือกใส่หมอปืนมากๆ 55555 ตอนนั้นอารมณ์มันได้จริงๆ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ สนุกๆ มาให้อ่านกันนะคะ
เราต้องคิดถึงหมอปืนกับพลุมากแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 01-01-2018 20:41:25
ขอบคุณมากๆคร๊าบ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 28-01-2018 08:29:40
กลับมาอ่านเรื่อยๆ ก็ยังอ่านไม่เบื่อสักที ชอบมากกกกกก ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน o13
ปล.ตามอ่านทุกเรื่องอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 28-01-2018 17:10:03
ชอบเรื่องนี้มากๆ ค่ะ อ่านหลายรอบก็ไม่เบื่อ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 23-02-2018 14:41:26
ตามมาอ่านหลังอ่าน text book จบแล้วเรื่องนี้ให้คนละฟีลกันเลยเนอะ  อ่านเพลินๆดีค่ะสนุกดีค่ะเทียบกันแล้วเรื่องนี้ไม่ดราม่าเลยนะแค่หน่วงๆนิดหน่อยเอ๊งงง(จะเสียงสูงเพื่อ.....555)

ยังคงได้ความรู้จากการอ่านนิยายของคุณเหมือนเดิม  ขอบคุณนะคะแล้วจะติดตามผลงานของคุณต่อไปแน่นอนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 29-04-2018 00:16:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 30-05-2018 22:37:28
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 01-06-2018 22:54:33
น่ารักจริงๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 03-07-2019 00:04:06
คนหนึ่งก็รักแรกพบ อีกคนก็แรงบรรดาลใจ จุดพลิกพันในการเป็นหมอ รอกันมาตั้งหกปี

ตอนพิเศษนี่หวานปานน้ำผึ้งจริงๆเลย ทั้งสองคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 24-08-2019 20:49:41
กลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังสนุกกับการได้อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ ชอบมากๆเลย เราซื้อเล่มไว้อ่านด้วย ไม่เสียใจเลยค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-08-2019 23:32:06
คุณนักเขียนเขียนดีจังเลย ตามมาจากอีกเรื่องนึงค่ะ ชอบข้อมูลด้านการแพทย์ที่ใส่มาในนิยายมากเลยค่ะ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลด้วยเลย
ชอบน้องพลุมากเลย ชอบคาร์แรคเตอร์น้อง แมนๆคุยกัน55 บุคลิกกวนโอ๊ยดีค่ะ น่ารักกก หมอปืนถึงจะบื้อไปบ้างแต่ตอนพิเศษหวานมากกกก
พี่อุ้มและหมอจิวนี่ได้ใจมากเลยค่ะ ความฉลาดฉับไว บอกเลยถ้าหมอปืนไม่มีเพื่อนอย่างสองคนนี้ไม่รู้ป่านนี้ตาลุงจะเป็นยังไงน้าา 555
หัวข้อ: Re: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 10-12-2019 20:45:06
 :pig4: