มาถึงตอนจบแล้วนะคะ และคาดว่าจะยังมีตอนพิเศษต่ออีกสักสามถึงสี่ตอน จากนั้นค่อยย้ายไปอยู่กระทู้นิยายที่จบแล้วกันเนาะ ตอนนี้ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ 
ป.ล ป่วย ไม่สบายเพลียมาก อีกสองสามวันจะมาลงต่อนะคะ
++++++++++++++++++++++++
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 55
งานแต่ง...
“ถึงไหนแล้ว เร็วๆหน่อยนะคะ”
เสียงคุณวิดาพูดขึ้น เธอกำลังเร่งเร้าช่างแต่งหน้า ตอนนี้กำลังนั่งประจันหน้าอยู่กับเอย ที่ตอนนี้กำลังโดนแต่งหน้า แต้มนั่นลงนี่อยู่ตลอดมาเป็นชั่วโมงแล้ว แม้เอยจะยืนยันกับคุณวิดาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้ตน แต่คุณวิดาเธอไม่ยอม เอยจึงต้องปล่อยเลยตามเลย นั่งนิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าต่ออย่างจำยอม
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว กวินและเอยผ่านพิธีเช้ากันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพิธีนั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก แค่ตักบาตรตอนเช้า สวมแหวนและรับพรจากญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งพิธีนี้มีแต่ครอบครัวภายในเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาเลี้ยงตอนเย็น ความวุ่นวายจึงเริ่มขึ้น ตอนแรกนั้นกวินจะให้แต่งที่โรงแรม เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตระเตรียมงานเองให้วุ่นวาย แต่คุณวิดาและชมพู ยืนยันว่าจัดที่บ้านดีกว่า และทั้งสองคนจะเป็นคนจัดการเอง โดยจ้างทีมงานมืออาชีพมาเนรมิตสวนที่บ้านรวมถึงหน้าบ้านให้เป็นสถานที่สำหรับงานแต่งงาน
การตกแต่งไม่ต่างจากโรงแรมเลยทีเดียว ทั้งดูสวยงาม หรูหรา และดูอบอุ่นไปด้วยการตกแต่งสีขาวและทอง อีกทั้งยังมีเวทีเล็กๆและจ้างนักดนตรีมาสีไวโอลิน สีเชลโล่ เล่นเปียโน อีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ใช่งานเล็กๆเลยทีเดียว
ตอนนี้เอยยังคงนั่งให้ช่างจัดแต่งนั่นนี่ตามร่างกาย เอยนั้นยังไม่เห็นกวินเลยตั้งแต่มานั่งอยู่ในห้องสำหรับแขก เพื่อมาแต่งหน้าแต่งตัว โดยที่มีคุณวิดาและชมพูนั่งอยู่ไม่ห่าง
“สูทหางสีขาวนี่เหมาะกับเอยจัง ว่าไหมชมพู?” คุณวิดามองเอยพลางหันไปถามชมพูที่ยืนยิ้มอยู่
“ใช่ค่ะคุณแม่ ดูน่ารักกว่าปกติอีกนะคะ” ชมพูว่า
“ไม่หรอกครับ” เอยพูดเบาๆ ก้มหน้าลงมองเท้าอย่างรู้สึกอายๆ
“เสร็จแล้วค่ะ” ช่างแต่งหน้าซึ่งเป็นสาวประเภทสองพูดขึ้น พลางมองรอบๆอีกครั้งอย่างงตรวจทานเป็นครั้งสุดท้าย
“ถ้าอย่างนั้นไปอีกห้องเลยค่ะ” ชมพูว่า
ช่างแต่งหน้าต้องไปหากวินแน่ๆ เพราะดูจากที่คุณวิดาพูดแล้วคงจะเป็นอย่างนั้นไม่ผิด ตอนนี้ไม่มีใครเลย เหลือแค่เพียงเอยเท่านั้นที่นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องนี้
เอยนั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้น พลางมองตนเองในกระจก ไม่คาดคิด ไม่นึกฝันจริงๆว่าจะมีวันเช่นนี้ วันที่ได้แต่งงานกับกวิน วันที่จะต้องมานั่งอยู่หน้ากระจกแบบนี้ เผชิญความตื่นเต้นที่กำลังเกาะกินไปทั่งร่างกาย รู้สึกเหมือนทุกอย่างไม่ใช่ความจริง เหมือนตอนนี้เอยกำลังหลับฝันอยู่ก็ไม่ผิด เหงื่อเริ่มไหลจากฝ่ามือน้อยๆ ตื่นเต้นกว่าตอนเข้าพิธีเมื่อเช้ามาก อาจจะเพราะเมื่อเช้าไม่มีใคร นอกจากคนในครอบครัว จึงไม่ได้ตื่นเต้นมากมายขนาดนี้
“พี่เอย...”
เสียงเรียกดังขึ้น เป็นกรินนั่นเองที่เดินเข้าในห้อง กรินสวมสูททสีเทาซึ่งดูเข้ากับเจ้าตัวมาก เซ็ทผมไปข้างหลังทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เอยมองกรินพร้อมรอยยิ้มบางๆออกมา
“กริน...” เอยพูดขึ้น กรินยิ้มกว้าง ก่อนที่จะนั่งลง
“เป็นไงพี่เอย...ตื่นเต้นไหมครับ?” กรินถาม
“ข้างนอก...คนเยอะไหม?” เอยถามขึ้น
“เยอะพอดูครับ ไม่รู้แม่เชิญมาจากไหนนักหนา แต่ยังดีที่ที่บ้านรับจำนวนคนขนาดนั้นได้” กรินบอก ยิ่งได้ยินคำตอบยิ่งตกใจ ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก
“ร้อยคนขึ้นเลยหรอ?” เอยถามอีก
“น่าจะประมาณร้อยกว่าๆได้ เห็นแม่บอกว่าเป็นคนในแวดวงธุรกิจ และผู้ใหญ่ที่ต้องเชิญ...แล้วยังมีอีกคนที่ผมตกใจ” กรินพูดก่อนจะเงียบไป
“ใครเหรอ?” เอยถาม
“พี่มินตรากับครอบครัวก็มาด้วย” กรินบอก
“คุณมินตรา...” เอยตาโตน้อยๆ มองหน้ากรินเมื่อได้ยินประโยคนั้นเข้า
“แต่ก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใส แตกต่างจากตอนที่มารอบที่แล้วมาก...คงจะทำใจได้แล้ว” กรินว่า
“อย่างนั้นเหรอ” เอยนิ่งไป เพราะยังรู้สึกสงสารมินตราอยู่ไม่หาย หลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้น
“พี่เอยไม่ต้องคิดมากหรอก งานวันนี้จะต้องราบรื่น เชื่อผมสิ” กรินว่า ก่อนที่จะแตะไหล่เอยเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะกริน” เอยว่าก่อนจะยิ้มให้
“ผมไปนะครับ” กรินบอก ก่อนที่จะออกจากห้องไป
เอยนั่งคนเดียวอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ พยายามไม่ให้เสื้อผ้าเปื้อน หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ออกมา พบว่ากวินยืนอยู่ในห้องแล้ว
กวิน...ที่มาพร้อมสูทสีเทาที่ไม่วาวมานัก แม้กวินจะสวมสูทอยู่เสมอแต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป มันช่างดูเจิดจ้าจนเอยรู้สึกว่าตนเองกระพริบตาถี่ๆไปหลายครั้งติดกันเลยทีเดียว กวินยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเอย ที่ยังคงยืนค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ตะลึงอะไรกัน?” กวินถาม
“เอ่อ...คือ...” เอยพูดตะกุกตะกัก ก่อนที่จะก้มหน้าลง
“เธอ...เหมาะกับชุดนี้มาก” กวินว่า ก่อนที่จะดึงเอยเข้ามา พร้อมมองไปรอบๆตัวของเอย
“คุณเองก็...เหมาะกับชุดนี้ครับ” เอยว่า
“ตื่นเต้นรึเปล่า?” กวินถาม ก่อนที่จะแตะแก้มของเอยเบาๆ เพราะไม่อยากให้หน้าของเอยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางจะต้องเลอะเปรอะเปื้อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสคงตรงหน้า
“มากเลยครับ” เอยบอกเสียงแผ่ว ก่อนที่จะเงยหน้าสบตาของกวิน
“ฉันก็ตื่นเต้น” กวินบอกเช่นนั้น
“คุณกวิน..ตื่นเต้นเหมือนกันเหรอครับ..แต่ดูเหมือนคุณไม่เป็นแบบนั้นเลย” เอยว่า ไม่อยากจะเชื่อว่ากวินเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากตน ทั้งๆที่กวินยังคงท่าทีที่เรียบเฉยไม่ได้แปลกไปจากปกติ
“ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมา” กวินว่า
“แต่ผม....ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยครับ” เอยบอกอย่างยอมรับ ว่าตอนนี้ตื่นเต้นจนเกินกว่าจะระงับเอาไว้ได้
“ใจเย็นๆ จะไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเอง” กวินบอก ก่อนที่จะบีบมือของเอยเบาๆ แม้ใจจริงอยากจะจูบ แต่เกรงว่าช่างแต่งหน้าจะต้องมาแต่งหน้าเพิ่มอีก คงเสียเวลาไม่ใช่เล่น
“หลังงานจบค่อยว่ากัน” กวินพึมพำกับตนเองเบาๆ
“พูดอะไรเหรอครับ?” เอยถามขึ้น เพราะฟังไม่ถนัด
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” กวินว่า ก่อนจะจูงมือเอยเดินออกไปจากห้อง
“ไปตอนนี้เลยเหรอครับ?” เอยถามขึ้น
“คุณวิดาให้ฉันมารับเธอ” กวินบอก และพาเอยออกไปจากห้อง
เดินลงบันไดมา ก็พบว่าสมาชิกบ้านเศวตเจริญและแม่ของตนเองนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว ราวกับกำลังรอการลงมาของกวินและเอย
“มากันแล้ว” คุณวิดาพูดขึ้น ทุกคนแต่งตัวดูดีกันทั้งนั้น เอยรู้สึกว่าทุกคนดูจะยินดีกับการจัดงานครั้งนี้มากจริงๆ
“พร้อมแล้วใช่ไหมเอย?” แม่ของเอยถามขึ้น
“ครับแม่” เอยบอก ก่อนที่จะจับมือของแม่
“มือเย็นเชียว..ตื่นเต้นสิท่า” แม่ของเอยยิ้มพลางมองหน้าลูกชาย ที่ตอนนี้เม้มปากน้อยๆ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
“ครับ” เอยพยักหน้ารับ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกลูก คิดเสียว่าเป็นแค่หนึ่งวันธรรมดาที่ต้องผ่านไป” แม่ของเอยให้กำลังใจ หาคำพูดที่เอยจะไม่ตื่นเต้นไปกว่านี้
ทั้งหมดพูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่จะออกไปจากห้อง พบว่าตอนนี้แขกเหรื่อมากมายกำลังมาทยอยกันเข้ามา กวินและเอยจึงไปยืนยังซุ้มที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม เพื่อให้แขกที่มาได้มาถ่ายรูปร่วมกัน เมื่อกวินและเอยมายืน คนมากมายต่างพากันเข้ามาขอถ่ายรูปอีกทั้งแสดงความยินดีต่างๆนานา เอยเผลอขยับเข้าไปชิดใกล้กวินราวกับหาที่พึ่ง ความประหม่าและไม่มั่นใจทำเอาเอยหวั่นกับผู้คนตรงหน้า กวินยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนที่จะกุมมือของเอยเอาไว้
มีหลายคนเมื่อเห็นเอยต่างก็พากันจับจ้องมอง บ้างก็ซุบซิบก่อนที่จะหันมายิ้มให้ เอยไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นกำลังพูดถึงตนในแง่มุมไหน แต่เพราะความมั่นใจจากฝ่ามือของกวินที่ส่งผ่านมา ทำให้เอยรู้สึกว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคำเหล่านั้นได้
ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง กว่าจะได้ถ่ายรูปเสร็จ รับคำอวยพรต่างๆที่ทะลักล้นมาจนเอยจำไม่หวาดไม่ไหว ใครเป็นใครเอยเองก็ไม่รู้จัก และที่น่าตกใจ คนในบริษัทก็มากันด้วย นำทีมโดยพี่แปงและพี่ขาว
“เอย...ยินดีด้วยจ๊ะ มีความสุขมากๆนะ” พี่แปงแต่งเดรสยาวสีทองซึ่งเข้ากับพี่แปงมากๆ เธอปรี่เข้ามากุมมือของเอย
“ขอบคุณครับ” เอยบอก
“ท่านประธานก็ด้วยนะคะ ฝากน้องชายของพวกเราด้วยนะคะ” พี่แปงหันไปพูดกับกวิน กวินพยักหน้ารับ
คนในบริษัทต่างพากันยินดี พวกนี้เพิ่งทราบข่าวจากการร่อนการ์ดโดยคุณวิดา โดยที่เอยไม่รู้เลยว่าคนในบริษัทจะมาด้วย แต่สีหน้าของทุกคนดูจะยินดีกับตนมากจริงๆ เท่านั้นก็รู้สึกดีมากพอแล้ว
“เอย...” พี่ขาวเอ่ยเรียกชื่อของเอย หลังจากที่ทุกๆคนในแผนกมาขอถ่ายรูปเอยกันเสร็จแล้ว
“พี่ขาว...ขอบคุณที่มาครับ” เอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นพี่ขาวเดินเข้ามาหาตน
“ขอให้มีความสุขมากๆนะครับท่านประธาน...ผมยินดีด้วยจากใจจริงเลยครับ” พี่ขาวบอกเช่นนั้น
“เคนล่ะ มาด้วยรึเปล่า?” กวินถาม พี่ขาวมองกวินเพียงเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
“ผม...มาคนเดียวครับ” พี่ขาวตอบ เอยมองสีหน้าของพี่ขาว ที่ดูแปลกๆไป
“พี่ขาวเข้าไปนั่งก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปหา” เอยบอกเช่นนั้น
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับ” พี่ขาวหันไปบอกกวิน ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมไว้แล้ว
“ทำไม..คุณถึงถามหาคุณเคนกับพี่ขาวครับ?” เอยถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอก แค่คิดว่ามาด้วยกัน” กวินบอกอย่างนั้น
“ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าพี่ขาวแปลกๆไป ดูไม่ค่อยร่าเริงยังไงไม่รู้ครับ” เอยบอกกับกวิน
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น” กวินบอกอย่างนั้น ก่อนที่จะหันไปยกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ที่เดินมาต่อ
และเพียงไม่นานนัก ไทป์ดาวและโกเมนก็มา ทั้งสามแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าจากร้านของดาว ดูดีจนเอยต้องยิ้มออกมา โกเมนนั้นยิ้มน้อยๆ ก่อนที่ทักทายเอยก่อนใครเพื่อน
“คุณเอย...ยินดีด้วยนะครับ” โกเมนบอก
“ขอบคุณครับ” เอยบอก
“งานสวยจังเลยเอย โอ๊ย อิจฉาๆ” ดาวว่าก่อนที่จะจับมือของเอยมาเขย่า
“เดี๋ยวงานดาวก็แต่งให้สวยกว่านี้สิ” เอยบอกพลางยิ้ม
“ไม่รู้เมื่อไหร่นี่สิ” ดาวว่าก่อนจะยู่ปาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะ
“นี่กูไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนแรกในพวกเราสามคนที่ได้แต่งงานก่อนคือมึง” ไทป์ว่ากับเอย
“นั่นสินะ ดาวยังหลงได้ใจอยู่ตั้งนานว่าจะได้แต่งก่อนไทป์กับเอย” ดาวว่า
“เราเองยังคิดไม่ว่าจะได้แต่งเลย” เอยว่า
“เอาน่า ยังไงมึงก็ได้ผัวเป็นตังเป็นตนแล้ว ยังไงกูก็ดีใจกับมึงด้วย” ไทป์ว่า ทุกคนต่างพากันหัวเราะขึ้น เอยได้แต่ก้มหน้าลงอย่างอายๆกับคำพูดของไทป์
“ขอบคุณทุกคน” กวินที่ยืนอยู่ข้างๆเอย พูดขึ้นมา
“มึงก็นะ ฝากไอ้เอยด้วย กูรู้ว่ามึงดูแลมันได้ อย่างน้อยกูจะได้หายห่วงถ้ามันอยู่กับมึง” ไทป์ว่า
“ไทป์นี่พูดเหมือนพ่อส่งลูกสาวเข้าหอเลย” ดาวว่า
“ปากมึงนะดาว” ไทป์จิ้มหน้าผากดาวแรงๆ โกเมนจึงหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ” ไทป์ถาม โกเมนรีบเอามือปิดปากทันที
“เข้าไปนั่งข้างในเถอะ” กวินบอก ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปนั่งข้างใน
จากนั้นไม่นาน แขกอีกคนที่มาแสดงความยินดี และเป็นคนที่เอยตกใจมากที่สุดในวันนี้เลย คือกี้...อดีตประธานชมรมห้องสมุด และเป็นคนที่แอบถ่ายรูปเอยรวมถึงคอยจับตามองเอยตามคำสั่งของกวินมาตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย
กี้ดูดีกว่าตอนเรียนมาก แต่งตัวราวกับนายแบบ ผมย้อมสีน้ำตาล ดูเท่ห์เสียจนเอยตะลึง กวินและกี้กอดกันก่อนที่จะตบหลังอีกฝ่ายแรงๆ
“คิดว่าจะไม่มา” กวินว่า
“ไม่มาได้ไง เพื่อนแต่งงานทั้งที” กี้ว่า
“ไงเอย จำเราได้ใช่ไหม?” กี้ถามพลางยิ้มกว้าง
“กี้ไปอยู่ไหนมา” เอยถามขึ้น
“ก็พอเรียนจบได้สักปีก็ไปทำงานที่ญี่ปุ่นน่ะ” กี้บอก
“อยู่นานไหม?” กวินถาม
“ไม่หรอก สักสองวันก็กลับแล้ว” กี้บอก ก่อนจะหันไปมองหน้าเอย
“เอย...รู้เรื่องจากกวินแล้วใช่ไหม?” กี้ถาม
“เรื่องที่...กี้ตามถ่ายรูปเราใช่ไหม” เอยถามกลับ
“ก็เรื่องพวกนั้นแหละ ขอโทษนะ ดูโรคจิตไปหน่อย แต่คนที่สั่งมามันจิตกว่า” กี้ว่า กวินจ้องกี้เขม็งทันทีที่กี้พูดจบประโยค
“ไม่เป็นไรหรอก เราสิ ไม่เอะใจอะไรเลย ว่าโดนตามมาตั้งนานขนาดนั้น” เอยว่า
“เรามันโปร” กี้บอก พลางหัวเราะกว่าเดิม
“เข้าไปทานอะไรข้างในก่อน เดี๋ยวพวกเราจะแวะไปคุยด้วย” กวินบอก
“ได้ๆ ยินดีด้วยนะทั้งสองคน ได้เห็นว่าลงเอยกันแบบนี้ เราก็พลอยสบายใจ ว่าทำเรื่องพวกนั้นไปโดยไม่เสียเปล่า” กี้ว่า ก่อนที่จะตบไหล่เอยและกวิน จากนั้นก็เดินเข้าไปในงาน
ใกล้จะถึงเวลาที่กวินและเอยต้องเข้าไปในงานเพื่อขึ้นเวทีพูดกับแขกในงานแล้ว แต่แขกก็ยังมากันเรื่อยๆ จนคุณเกริกและคุณวิดาต้องเป็นคนรับแขกเองและให้ทั้งสองขึ้นเข้าไปในงาน
“นั่นคุณเคนนี่ครับ” เอยที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในงาน เห็นเคนวิ่งเข้ามาเซ็นชื่อหน้างาน คงจะมาสาย ท่าทางเลยดูรีบร้อน
“มาช้า” กวินพูดเท่านั้น
“โทษที เพิ่งมาจากสนามบิน” เคนบอก
“เข้าไปนั่งเถอะ โต๊ะเดียวกับไทป์ก็ได้ พวกเราต้องขึ้นเวทีแล้ว” กวินบอกเคน
“ยินดีด้วยนะครับคุณเอย” เคนบอกพร้อมยิ้ม
“ขอบคุณครับ” เอยบอก พร้อมๆกับที่กวินดันหลังเอยให้เดินเข้าไปในงาน
จนตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เอยและกวินจะต้องเดินขึ้นเวที เพื่อกล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่มางานในวันนี้ เอยยังคงรู้สึกว่าจะตื่นเต้นกว่าเดิมเข้าไปอีก มองเวทีอย่างตื่นๆ แต่จู่ๆชมพูก็ก้าวเท้าเร็วๆมาหากวินและเอย
“อย่าเพิ่งขึ้นเวทีก่อน รอเปิดวิดีโอนำเสนอก่อน จากนั้นค่อยขึ้น” ชมพูบอก
“วิดีโอนำเสนอ มีของแบบนั้นด้วยเหรอครับ?” เอยไม่เคยรู้มาก่อน เพราะคิดว่าแค่ถ่ายพรีเวดดิ้งเท่านั้น ไม่มีใครบอกเรื่องวิดีโอนี้มาก่อน เอยหันไปมองหน้ากวิน ที่ตอนนี้แสดงสีหน้านิ่งๆเพียงเท่านั้น
“แต่แม่ว่าขึ้นกล่าวขอบคุณแขกก่อน แล้วค่อยเปิดดีกว่า” คุณวิดาที่เดินมาทีหลัง บอกแตกต่างจากที่ชมพูบอก
“ทำไมละคะคุณแม่ ตามปกติแล้ววิดีโอต้องขึ้นก่อนนะคะ” ชมพูว่า
“ก็ถ้าเปิดดูก่อน เดี๋ยวก็ขึ้นเวทีพูดผิดๆถูกๆแย่น่ะสิ” คุณวิดา
“วิดีโอนี่ มันยังไงกันแน่ครับ?” เอยยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
“จริงด้วย ลืมคิดเรื่องนี้เลย” ชมพูร้องออกมาราวกับเพิ่งนึกได้
“ใช่ไหมล่ะ ไปๆทั้งสองคน ขึ้นเวทีก่อน” คุณวิดาว่า ก่อนที่จะจูงมือชมพูไปนั่งโต๊ะหน้า โต๊ะสำหรับครอบครับที่อยู่ใกล้เวทีที่สุด
เอยหายใจแรงๆก่อนที่จะหันไปมองหน้ากวิน ที่พยักหน้าน้อยๆเป็นการบอกว่าถึงเวลาต้องขึ้นเวทีแล้ว เอยเดินขึ้นเวทีพร้อมๆกับกวิน สายตากวาดไล่มองไปยังด้านหน้า รู้สึกว่าเหงื่อทำท่าจะไหลออกมาตรงขมับ มือเริ่มเย็นเฉียบ ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก กวินที่รับรู้ได้ว่าเอยกำลังเผชิญกับความตื่นเต้นมากขนาดไหน จึงเอื้อมมือไปแตะเอวเบาๆ ตบน้อยๆราวกับจะให้เอยผ่อนคลายลง และดูเหมือนจะได้ผล เอยเริ่มใจเย็นมากขึ้น รู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
“เรามาถามความรู้สึกของคุณกวินกันดีกว่าครับ ว่ารู้สึกอย่างไรกับงานในวันนี้” พิธีกรถาม ก่อนที่จะยื่นไมโครโฟนอีกอันที่ถืออยู่ในมือให้แก่กวิน
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานในวันนี้ ผมรู้สึกดีใจที่ทุกท่านเข้าใจในความรักและมาเป็นพยานให้กับพวกเราทั้งสอง ขอบคุณมากครับ” กวินที่พูดอย่างลื่นไหลไม่ติดขัด เสียงปรบมือดังไปทั่ว
“นั่นเป็นความรู้สึกของฝั่งคุณกวินนะครับ คราวนี้มาถามอีกฝั่งกันดีกว่า...คุณพีระนัมครับ วันนี้ตื่นเต้นมากไหมครับ?” พิธีกรถามเอยด้วยรอยยิ้ม กวินยื่นไมโครโฟนส่งต่อให้เอย
“เอ่อ....ครับ” เอยตอบสั้นๆ เสียงติดจะสั่นน้อยๆ
“ดูท่าจะเป็นคนขี้อายมากเลยนะครับ” พิธีกรกล่าวติดตลก เรียกเสียงหัวเราะคนในงานได้ เอยได้แต่ยิ้มเก้อๆ อายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“นอกจากตื่นเต้นแล้ว อยากจะพูดอะไรกับแขกในงานไหมครับ?” พิธีกรถามขึ้น
“เอ่อ...ผม...ต้องขอขอคุณทุกๆท่านนะคะ ที่ให้เกียรติผมและคุณกวิน มาร่วมยินดีในงานของพวกเรา ขอบคุณ...แม่ ที่เข้าที่ใจผมมาตลอด และก็ขอคุณครอบครัวเศวตเจริญทุกๆคน ที่ยอมรับในตัวผม...พี่ๆทุกคนในบริษัท และแขกทุกท่าน ขอบคุณมากจริงๆครับ”
เอยพูดออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง แม้จะพูดตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาอย่างตั้งใจ และรู้สึกขอบคุณจริงๆ
“และนั่นล่ะครับ คำพูดจากปากของทั้งสองฝ่าย และหลายๆท่านคงอยากจะรู้ถึงที่มาความรักของทั้งสองท่าน เวลานั้นมาถึงแล้วครับ เชิญทุกท่านรับชม เรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้เลยครับ”
พิธีกรพูดจบ เสียงปรบมือของทุกคนก็ดังขึ้น พร้อมๆกับแสงไฟต่างๆในงานเริ่มหรี่ลงจนเกือบจะมือสนิท ใกล้ๆเวทีมีหน้าจอผืนผ้าสีขาว วิดีโอเริ่มฉายแล้ว
เป็นวิดีโอที่มีรูปของเอยและกวินตอนเด็กๆโผล่ขึ้นมา พร้อมดนตรีคลอเบาๆ เป็นรูปที่เอยรู้สึกอายเอามากๆ รูปตอนเด็กของตนเองที่ผอมแห้ง ยิ้มแป้นแล้นอย่างไร้เดียงสา โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ รวมทั้งรูปวัยเด็กของกวินที่เอยไม่เคยเห็น เด็กผู้ชายที่ดูน่ารักแต่ยิ้มน้อยๆ พร้อมข้อความที่ปรากฏขึ้น ถึงชื่อโรงเรียนอนุบาลและประถม จนมาถึงมัธยมต้นของทั้งเอยและกวิน
จนมาถึงมัธยมปีสุดท้ายอย่างม.หก มีรูปของเอยโผล่ขึ้นมา ชุดนักเรียนเสื้อสีขาวกางเกงน้ำเงินทำเอยนึกถึงเรื่องราวในวัยนั้น และตอนนั้นเอยก็มีข้อความบรรยายว่า นี่คือช่วงเวลาที่ทั้งสองได้เจอกันครั้งแรก
“แอบชอบ...” นี่คือข้อความที่ขึ้นมา เอยรู้สึกว่าหน้าของตนเองกำลังแดงมากๆ หันไปมองหน้าของกวินที่กำลังทำหน้านิ่งๆ จากนั้นเอยจึงหันไปมองหน้าจอต่อ
ภาพพวกนั้นหายไป มีอความขึ้นมาอีกครั้ง “เรามาถามเจ้าตัวกันดีกว่า” จากนั้นก็เป็นภาพเคลื่อนไหว เป็นกวินสวมสูททำงานที่ใส่เป็นปกติ นั่งอยู่ในห้องทำงานที่เอยคุ้นตา กล้องนั้นถ่ายไปที่กวินนั่งหลังตรงบนโซฟาในห้องทำงาน ก่อนที่เสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา
“เริ่มมองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” คำถามแรก กวินเงียบไปก่อนตอบ
“ไม่มั่นใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่นานนักหลังจากเข้าเรียนม.หก” กวินว่า
“ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขาคะ?” คำถามนั้นถามขึ้น กวินทำหน้านิ่งๆก่อนตอบ
“ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ ว่าคิดแบบไหนกันแน่ ถามตัวเองอยู่นานมาก พอรู้ตัวก็ไม่กล้าบอก...ใครจะบอกเรื่องแบบนั้นออกไปได้” กวินว่า
“ไม่บอกเลยหรอคะ แล้วไม่หลุดแสดงท่าทางออกไปบ้างเหรอคะ?” เสียงผู้หญิงคนนั้นถาม
“คิดว่าแสดงท่าทางไปเยอะ ไปอยู่ใกล้ๆก็หลายครั้ง...แต่เจ้าตัวไม่รู้เลย” กวินว่าก่อนจะยกยิ้มมุมปากน้อยๆ
“แล้วจากนั้นทำอย่างไรต่อไปคะ?”
“ก็ทนเก็บไปอย่างนั้นจนเรียนจบ” กวินบอกตอบ
“แล้วพอเรียนจบทำยังไงต่อไปคะ?”
“ตอนแรกขอที่บ้านเรียนต่อที่ไทย...แต่ถูกปฏิเสธ เลยต้องไปอังกฤษทั้งอย่างนั้น” กวินบอก
“ห่างจากเขาไปขนาดนั้น ไม่ติดต่อกันเลยหรอคะ?”
“ให้เพื่อนอีกคนคอยส่งข่าว ฝากดูแลแบบไม่ให้เขารู้ตัว” กวินบอก
จากนั้นภาพก็ตัดมาที่วิดีโออีกครั้ง เป็นรูปของเอยที่โดยแอบถ่ายต่างๆ ในวิดีโอนำมาแค่บางส่วนเท่านั้น เอยหันมองหน้ากวินอีกครั้ง...กวินเอาเวลาไหนไปทำวิดีโออันนี้มาได้ เอยกัดริมฝีปากตนเองเบาๆ อายมากๆอีกทั้งดีใจจนมือไม้วางไม่ถูก ภาพวิดีโอตัดมาที่กวินอีกครั้ง
“ให้เพื่อนถ่ายหรอคะ?” เสียงผู้หญิงคนเดิมถามขึ้นมาในวิดีโอ
“ครับ ชื่อกี้” กวินว่า สปอร์ตไลท์ก็ฉายไปทางกี้ กี้รีบลุกขึ้นก่อนที่จะยกมือไหว้ทุกคน เสียงปรบมือดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันไปดูวิดีโอต่อ
“นี่ทนดูรูปและข่าวจากเพื่อนที่ส่งมาไปให้ตลอดเลยเหรอคะ อดทนน่าดูเลยนะคะ”
“ครับ” กวินตอบแค่นั้น
“สุดยอดเลยค่ะ จากนั้นพอกลับมาจากอังกฤษก็มาที่ไทยเลยใช่ไหมคะ?”
“ครับ พอมาถึงก็พูดกับตัวเอง...ว่าคราวนี้ต้องบอกออกไปให้ได้ จะไม่อดทนไปมากกว่านี้แล้ว” กวินบอก
“จากนั้นก็กลายมาเป็นคนรักกันเลยใช่ไหมคะ?”
“ครับ จนมาถึงตอนนี้” กวินว่า
“สุดท้ายแล้วค่ะ อยากฝากอะไรถึงคุณพีระนัมคะ?”
“ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต ไม่เคยเสียใจที่อดทนรอมาถึงขนาดนี้ เธอทำให้รู้ว่าคุ้มแค่ไหนที่รอเธอ และก็...มีเพลงที่อยากจะให้ฟัง” กวินบอก
“ถ้าอย่างนั้นไปชมกันเลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนนั้นพูด ก่อนที่ภาพวิดีโอจะตัดไปเป็นสไลด์รูปถ่ายตอนพรีเวดดิ้ง พร้อมเพลงเพลงหนึ่งดังขึ้นมา
(มีต่อด้านล่างค่ะ)