#อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#...Special Part...(21/12/15) P.136
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#...Special Part...(21/12/15) P.136  (อ่าน 1458647 ครั้ง)

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มีสารบัญแล้วนะคะ ขอบคุณน้องมิ้นต์ monetacaffeine นะคะที่ทำให้ อิอิ
  o13


ตอนที่ 1 แรกพบ?
ตอนที่ 2 ยาวนานเท่าไหร่ ยังไม่ลืม?
ตอนที่ 3 เป็นเหตุให้พบเจอ?
ตอนที่ 4 เหตุใดถึงต้องเจ็บปวด?
ตอนที่ 5 ค่อยๆเรียนรู้เรื่องเขา?
ตอนที่ 6 หรือว่า...กำลังหวั่นไหว?
ตอนที่ 7 คนไม่มีหัวใจ?
ตอนที่ 8 หรือเพราะความบังเอิญ?
ตอนที่ 9 จดหมายรัก
ตอนที่ 10 เมื่อเขาโทรมา...
ตอนที่ 11 นายแบบฝึกหัด
ตอนที่ 12 คำสั่ง...
ตอนที่ 13 โต๊ะเดียวกัน
ตอนที่ 14 เหตุใดถึงกล้า
ตอนที่ 15 มันคืออะไร?
ตอนที่ 16 คำถามของไทป์
ตอนที่ 17 ความรู้สึกที่แท้จริง
ตอนที่ 18 สูงเกินเอื้อม
ตอนที่ 19 การ์ดปีใหม่
ตอนที่ 20 วันงานเดินแบบ
ตอนที่ 21 เข้าใจหรือยัง?
ตอนที่ 22 คำสารภาพของพี่ขาว
ตอนที่ 23 ระหว่างเราคืออะไร?
ตอนที่ 24 แน่ใจแล้ว
ตอนที่ 25 ไม่เคยเห็นหรือไง?
ตอนที่ 26 ข้อตกลง
ตอนที่ 27 อาบน้ำด้วยกัน
ตอนที่ 28 ยังไม่ถึงเวลา...
ตอนที่ 29 อยากรู้...
ตอนที่ 30 พลาดท่า...
ตอนที่ 31 การต่อรอง...
ตอนที่ 32 อยากกอด...
ตอนที่ 33 จนกว่าจะไม่ต้องการ...
ตอนที่ 34 โกรธ...
ตอนที่ 35 คำขอโทษของเอย...
ตอนที่ 36 ดูหนัง...
ตอนที่ 37 ของขวัญวันเกิด...
ตอนที่ 38 บ้านเศวตเจริญ...
ตอนที่ 39 ของขวัญอีกชิ้น...
ตอนที่ 40 มื้อเที่ยงที่แสนอึดอัด...
ตอนที่ 41 ชมรมบาสเก็ตบอล...
ตอนที่ 42 ไว้จะบอก...
ตอนพิเศษที่ 1
ตอนที่ 43 ความจริงที่ปิดบัง...
ตอนที่ 44 ความปรารถนาที่ไม่มีสิ้นสุด
ตอนพิเศษที่ 2
ตอนที่ 45 ภาพนั้น...
ตอนที่ 46 ความจริงของภาพนั้น...
ตอนที่ 47 วันสุดท้าย...
ตอนที่ 48 ออกตามหา...
ตอนพิเศษที่ 3
ตอนที่ 49 โปรดรับฟัง...
ตอนที่ 50 ในกล่องใบนั้น...
ตอนที่ 51 บทลงโทษ...
ตอนพิเศษที่ 4
ตอนที่ 52 โกเมน...
ตอนที่ 53 ทำแหวนแต่งงาน
ตอนพิเศษที่ 5
ตอนที่ 54 คำสัญญา
ตอนพิเศษที่ 6
ตอนที่ 55 งานแต่ง...จบ
ตอนพิเศษที่ 7
ตอนพิเศษที่ 8 จบ
Special Part : When I met you
Special Part : Sweet honeymoon 1
Special Part : Sweet honey moon 2
Special Part : ตำแหน่งใหม่
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 07:47:32 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ ชื่อกิมนะคะ เพิ่งลงนิยายในเล้าครั้งแรก ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยค่า


ติได้ ชมได้ รับฟังทุกอย่าง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ




# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#

ตอนที่ 1

แรกพบ?



          เสียงจอแจวุ่นวายของเหล่าอาจารย์ ที่พากันต้อนเด็กหัวเกรียนและหัวรองทรง ให้นั่งเป็นระเบียบบนเก้าเหล็กพับที่ส่งเสียงเอียดอาดไปทั่วห้องประชุม วันนี้เป็นวันแรกของการปฐมนิเทศของโรงเรียนมัธยมหนึ่งถึงหกชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จึงดูวุ่นวายสมกับวันเปิดเรียนวันแรก เด็ก ม.หนึ่งหลายร้อยคนพากันตื่นเต้นที่ได้เข้าเรียนวันแรก ซึ่งแตกต่างจากรุ่นพี่ที่ดูจะหน่ายๆกับการที่ต้องฟังผู้อำนวยการสาธยายยืดยาวอยู่เช่นนี้


“เฮ้อ ผอ.พล่ามยาวกว่าปีที่แล้วอีกว่ะ ว่ามั้ย?”


          น้ำเสียงเบื่อหน่ายหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ พวกเขาอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ ม.หนึ่งแล้ว จึงไม่แปลกที่จะต้องฟังซ้ำซากเช่นนี้
 

“นั่นสินะ...” เสียงพึมพำออกมาอย่างเห็นด้วย แต่ก็เบาเสียจนคู่สนทนาเกือบไม่ได้ยิน

“พูดดังๆก็ได้ เค้าไม่ยึดทุนมึงกลับหรอกน่า” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะปนเอ็นดูคนข้างๆ

“นี่ก็ดังมากแล้วนะ” ไม่วายแอบส่งเสียเบาๆเถียงกลับมา

“เออๆ ดังก็ดังวะ” พูดตัดบทพร้อมหาวเสียงยาวจนเพื่อนร่วมรุ่นที่นั่งรอบๆหันมาหัวเราะกับท่าทีไม่ยี่หระเช่นนั้น



          ในที่สุดชั่วโมงแห่งความน่าเบื่อก็ผ่านไป ปีนี้พวกเขาขึ้นชั้น ม.หกกันแล้ว โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนหลากหลาย แต่พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะอยู่ในฐานะระดับกลางขึ้นไปจนถึงลูกหลานเศรษฐี เด็กทุนมีน้อยจนแทบหาไม่เจอว่าคนไหนได้ทุนเรียน แต่ถ้าจะหาเจอก็หนึ่งคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่แม้จะเปิดเรียนวันแรก ชุดนักเรียนก็ไม่ได้ใหม่ถอดซองเหมือนของคนอื่นๆ กางเกงสีกรมที่ออกจะซีดไปสักหน่อย อีกทั้งเสื้อก็ขาวขุ่นไม่ผ่องเหมือนใครเขา รองเท้ามีรูโบ๋ตรงหัวแม่เท้า โดยรวมแล้วเหมือนรับมรดกต่อจากคนอื่นไม่มีผิด


“เอย...ทำไมไม่ใส่ชุดที่กูซื้อให้?” เสียงตึงๆถามคนข้างๆที่เดินตัวลีบแบนเหมือนรู้สึกผิดเมื่อเจอคำถามนั้น

“ชุดนั้นใหญ่ไป เลยกะว่าจะเก็บไว้ใส่เทอมหน้า”

“แล้วมึงคิดว่าเทอมหน้ามึงจะตัวโตกว่านี้?” คำถามสบประมาทที่ทำเอาต้องหยุดเดิน

“ไทป์คิดว่าเราจะตัวเตี้ยแบบนี้ไปตลอดเลยหรอ...เราจะไม่สูงขึ้นอีกแล้วหรอ?” ดูท่าจะกังวลเอามาก มากกว่าจะรู้ตัวว่าโดนแหย่

“กูแซวมึงเล่น มึงก็ไหลตามน้ำซะไกลเชียว” ไม่พูดเปล่าผลักหัวคนข้างๆด้วย

“ไทป์ก็” รอยยิ้มกว้างส่งให้ ไม่เคยโกรธเพื่อนคนนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ได้รู้จักกันตั้งแต่ ม.หนึ่งมาแล้ว



          เอย หรือนายพีระนัม เด็กชายยากจนที่สอบเข้าโรงเรียนแห่งนี้ได้ ฐานะที่บ้านไม่มีอันจะกินหรือแม้แต่เงินเก็บสักก้อน แม่ของเอยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงรถเข็นในตลาดสดใกล้บ้าน เอยเป็นลูกชายคนเดียวไม่มีพี่น้องที่ไหน หากถามถึงพ่อ พ่อเอยเป็นคนไทยเชื้อสายจีน บ้านทั้งบ้านมีรูปพ่อดูต่างหน้าแค่ใบเดียวเท่านั้น รายละเอียดเอยเคยถามแม่ พ่อเสีย หรือพ่อไปไหน เพราะอะไรพ่อถึงไม่อยู่ แม่กลับตอบเอยว่า


“พ่อไปในที่ที่เค้าต้องไปน่ะลูก”



          จากนั้นเอยไม่เคยถามถึงอีกเลย ไม่ว่าพ่อจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เอยก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นแล้ว แค่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ตนและแม่มีกินมีใช้โดยไม่ไปเดือดร้อนใคร ลำพังรายได้จากขายข้าวแกงนั้นน้อยนิด พอให้มีเงินหมุนใช้ในแต่ละวัน เอยจึงต้องขอทุนตอนที่สอบเข้าที่นี่ได้ และด้วยผลการสอบเข้าคะแนนสูงที่สุด เอยจึงได้ทุนเรียนจบมัธยมปลายโดยมีข้อแม้ว่าผลการเรียนและความประพฤติต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเท่านั้น ถึงจะยังคงใช้ทุนเรียนต่อไปได้


          สำหรับไทป์ หรือนายทศกรณ์ ลูกชายเจ้าของห้างทองหลายสาขา เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบที่สาวๆในโรงเรียนใฝ่ฝัน ฐานะที่รวยมั่งคั่งอีกทั้งหน้าตารูปร่างคล้ายดารานายแบบ แต่นิสัยและการพูดจาดูเกกมะเหรกเกเรพร้อมหาเรื่องคนไปทั่ว ที่รู้จักกันได้เพราะรายนี้เจอหน้าเอยครั้งแรกก็ดักขาจนหน้าล้มคะมำ จากนั้นมาไม่รู้เพราะความถูกชะตาหรือรู้สึกว่าต้องเป็นเพื่อนที่ดีกันได้ ทั้งสองจึงได้เป็นเพื่อนสนิทกัน แม้นิสัยจะต่างกันสุดขั้วก็ตาม ในหลายๆครั้งไทป์ยื่นมือมาช่วยเหลือเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องโดนเพื่อนคนอื่นแกล้ง หรือเรื่องเงินๆทองๆ อย่างครั้งหนึ่งตอน ม.สอง ที่พบว่าตัวเองสายตาสั้นและถึงเวลาต้องใส่แว่นแล้ว เอยจำได้ดี ตอนนั้นแม่ขายข้าวแกงแบบไม่หยุดพักไปถึงสองอาทิตย์จนป่วย เพื่อจะหาเงินตัดแว่นให้ ก็ได้ไทป์นี่แหละพาไปตัดให้เสร็จสรรพแถมออกค่าใช้จ่ายให้โดยไม่เอ่ยถามเขาสักคำ แม้เอยจะปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่ไทป์ก็ไม่ยอมฟัง


“เอาๆไปเหอะมึง มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาคืนกูล่ะกัน”


          ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ สิ่งที่เอยทำได้คือการทำเอากับข้าวที่แม่ทำขาย มาเผื่อไทป์ทุกเช้าจนถึงตอนนี้ เอยพูดกับตัวเองเสมอ ไทป์คือเพื่อนที่ตัวเองจะตายแทนได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ไทป์คือคนที่เอยเรียกได้ว่าเพื่อนอย่างเต็มปากตั้งแต่จำความได้ และไม่เคยทิ้งกันเลย


“แล้วนี่มึงเอาชุดใครมาวะเอย?” เอยสะบัดหน้าเบาๆออกจากภวังค์

“เป็นชุดพี่ชายข้างบ้านให้มา”

“เออๆ มึงก็อย่าลืมเอาออกมาใส่ล่ะ ปลวกแดกอดใส่กูช่วยไม่ได้นะเว้ย”

“อืม” เอยได้แต่พยักหน้า



          ทั้งสองเดินไปยังห้องเรียน ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ทั้งสองได้เรียนห้องเดียวกัน แถมนั่งติดกันตามความต้องการของไทป์ พอก้าวเข้าห้องเรียน เสียงทักทายโหวกเหวกดังลั่นไปทั่ว สาวๆในห้องพากันมาหาไทป์ ถามไถ่เรื่องระหว่างปิดเทอม ตอนปิดเทอมไทป์ไปเที่ยวญี่ปุ่นมา ซื้อขนมข้าวของมาฝากแม่กับเอยซะเต็มบ้าน ส่วนเอยไม่ได้เที่ยวเหมือนไทป์หรือเพื่อนคนอื่นๆ เอยช่วยแม่ขายข้าวแกงและทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านฟาสท์ฟู้ดส์ในห้าง


          ไทป์เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของทุกคนในห้อง เป็นคนที่น่าดึงดูดและใครๆก็ชอบคุยกับไทป์  แม้จะโดนไทป์ตวาดใส่หลายครั้งก็ยังมีสาวๆชื่นชอบ เมื่อเห็นอย่างนั้น เอยที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าเพื่อนๆชอบเมินที่จะคุยกับตัวเองเหมือนทุกๆครั้ง เลยดึงหนังสือเคมีของปีการศึกษานี้ขึ้นมาเริ่มตั้งต้นอ่านทำความเข้าใจ เพราะเคมีและฟิสิกส์เป็นวิชาที่เอยออกจะทำความเข้าใจกับมันยากกว่าวิชาอื่นๆ เอยเริ่มงมกับสูตรเรียนต่างๆจนไม่ได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้เสียงจอแจทั้งหลายหยุดลงแล้ว ทุกคนพากันวิ่งกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ไทป์ที่ถอนหายใจออกมาเหมือนโล่งอกที่เพื่อนผู้หญิงกลับไปนั่งที่ได้เสียที


          อาจารย์เดินเข้ามา พร้อมกับเด็กนักเรียนชายตัวสูงคนหนึ่ง เดินตามห่างๆ อาจารย์เข้าห้องมา และนั่นทำให้ทุกคนในห้องต้องพากันตะลึง...มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามา ม.หก ปีสุดท้ายของมัธยมอย่างเวลานี้? โรงเรียนที่รับเฉพาะนักเรียนสอบตรง ม.หนึ่งเท่านั้นแบบนี้นะหรือ? ดูท่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว เด็กใหม่คนนี้


“แหมๆ พอมาถึงก็เม้าเสียงดังนะพวกเธอ นี่...เพื่อนใหม่ ย้ายมาจากอังกฤษ แนะนำตัวกับเพื่อนๆซะสิ” บ่นๆใส่นักเรียนที่คุ้นเคย ก่อนจะหันไปบอกกับนักเรียนใหม่คนนั้น



          เอยที่มัวแต่อ่านหนังสือ ถึงจะเงยหน้ามองหน้าเพื่อนร่วมห้องใหม่คนนั้นตามคำบอกของอาจารย์  ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆจากเพื่อนผู้หญิงในห้องหลายคน นักเรียนใหม่คนนี้ เป็นเด็กร่างสูงชะลูดแต่กล้ามเนื้อนั่นพาลให้นึกถึงพวกนักกีฬา ดวงตาคมกริบที่รู้สึกว่าหากได้มองแล้วจะโดนสแกนทะลุร่างกายได้


“กวิน ยินดีที่ได้รู้จัก” สั้นๆ...สั้นจริงๆ สีหน้าคล้ายไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น  สายตานั้นก็มองไปที่ไหนสักแห่งอย่างจับจุดไม่ได้

“กวิน ไปนั่งข้างหน้าต่างหลังสุดไป” อาจารย์ให้กวิน นักเรียนใหม่มานั่งข้างไทป์ ที่ว่างที่ไทป์ชอบนั่งบ่อยๆ

“อาจารย์ครับนี่โต๊ะผมนะ” ไทป์โพล่งขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแบบกวนๆ เชิงหาเรื่องกวิน แต่ความเมินเฉยและนิ่งเงียบของกวินไม่อาจจะทำให้ไทป์ทำอะไรกวินได้เลย


“จ้าๆ โต๊ะในห้องนี้เป็นของเธอหมดแหละจ้ะพ่อคุณ” คำสุภาพแกมประชดของอาจารย์ทำเพื่อนในห้องหัวเราะโห่ฮาใส่ไทป์  เอยรู้สึกได้ว่าตัวเองเปิดหน้าหนังสือเคมีค้างอยู่อย่างนั้น ออกจะแปลกใจกับตัวเองที่รู้สึกว่าสายตาคู่นั้นดูน่ากลัวปนน่าค้นหาไปพร้อมๆกัน

“ของมันแน่อยู่แล้ว” ไทป์ยักคิ้วข้างเดียวก่อนที่จะยกนิ้วโป้งให้เอย ที่ตอนนี้นั่งนิ่งจนไทป์รู้สึกผิดสังเกต

“เอย...เฮ้ยเอย เป็นไรวะ?”  ไทป์ถามพลางโบกมือที่หน้า เอยสะดุ้งตัวก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือเคมีต่อ โดยที่กวินนั่งลงตรงโต๊ะข้างไทป์แล้ว

“เปล่าๆ ไม่เป็นอะไร” เอยตอบเบาๆ

“แน่ใจ?” ไทป์ถามย้ำ เอยพยักหน้ารับ เลยไม่มีการเซ้าซี้อะไรอีก



          วันนี้ทั้งวัน เด็กใหม่อย่างกวินดูเป็นหัวข้อสนทนาของสาวๆในโรงเรียน ใครๆต่างอยากรู้ประวัติของกวินหน้าหล่อแต่นิ่งขรึมคนนี้กันทั้งนั้น แม้กระทั่ง ดาวหรือดาริกาอยู่ ม.หกเหมือนกับทั้งสองคน แต่คนละห้องเท่านั้น พ่อแม่ของดาวและพ่อแม่ของไทป์เป็นเพื่อนกัน ทั้งสองจึงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดาวเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของไทป์ที่ชอบคุยกับเอย  เป็นเด็กหมวยที่น่ารักและพูดเก่งเอามากๆ เอยชอบคิดเสมอว่าทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดี แต่ไทป์กลับบอกว่า...

“ถ้าเอามันเป็นแฟน กูเอาลิ้นไปเลียเสายังจะดีกว่า”


“ไทป์ ชั้นขอร้องเหอะ ช่วยชั้นหน่อยสิ” ดาวเขย่าแขนไทป์อย่างอ้อนวอนสุดชีวิต ไทป์ที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเอยถึงกับกลืนไม่ลงเลยทีเดียว

“อะไรของมึงวะดาว ก็บอกแล้วไม่ยุ่งด้วย” ไทป์ตัดอย่างไร้เยื่อใย ดาวเลยหันขวับมาทางเอยที่นั่งกินขนมปังแล้วอ่านหนังสือฟิสิกส์ไปด้วย

“เอย...ช่วยพูดให้ดาวหน่อยสิเอย



                  ดาวยังตั้งหน้าตั้งตาขอร้องไทป์อย่างไม่ลดละ ขอร้องให้ไทป์ช่วยสืบประวัติของกวินเห็นแบบนี้เอยก็อดจะสงสารขึ้นมาไม่ได้ เลยเริ่มหันไปมองหน้าไทป์บ้างแล้ว


“อย่าหันมามองกูแบบนั้นนะเอย ต่อให้ดาวคุกเข่ากูก็ไม่ยุ่งกับไอ้กวินนั่น” ไทป์พูดเหมารวบเลยทีเดียว เอยได้แต่หัวเราะแห้ง

“ช่วยดาวสักหน่อยไม่ได้หรอไทป์ เราเชื่อว่าไทป์ทำได้” เอยว่าแบบนั้น ไทป์ที่ทำหน้านิ่งหวังจะให้ดาวถอย ก็แอบกระตุกยิ้มตรงมุมปาก

“อย่ามายอกูซะให้ยาก ไม่ช่วยหรอกคราวนี้น่ะ” ไทป์พูด ก่อนจะคีบลูกชิ้นลูกสุดท้ายในถ้วยเข้าปาก พอเห็นแบบนั้น เอยก็หันกลับไปอ่านหนังสือต่อ ไม่สาวความให้ยืดยาวอีก

“ทำไมล่ะไทป์ ที่ผ่านมาแกช่วยชั้นตลอดเลยนะ คราวนี้ทำไม?”

“แล้วมึงจะเอาไปทำไม?” ไทป์ขอเหตุผลกลับ

“ก็...แอน เพื่อนชั้นคนนั้นไง เค้าอยากรู้เรื่องของกวิน ดูท่าจะชอบเอามากๆเลยอยากช่วยมัน” ดาวบอกเสียงเบาๆ

“เพื่อนมึงนี่บ้าผู้ชายกันทั้งนั้น” ไทป์ขำปนเอือม

“จะบ้าผู้ชายยังไงก็ช่างเขาเหอะ แต่แกต้องช่วยชั้นนะไทป์” ดาวยังไม่ลดละในการขอร้อง

“ เออๆ จะหามาให้ แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้เยอะเท่าไหร่.....เอย กินเข้าไปเยอะๆ ผอมจะตายห่าละมึง” ไทป์ว่าพลางโยนขนมให้เอย ที่หน้าแทบจะจมหนังสือ ดาวมองทั้งสองคนแบบยิ้มๆ

“แกกับเอยเหมือนเป็นแฟนกันเลยอะไทป์” ดาวพูดขึ้นมา เอยถึงกับชะงัก ไทป์เอาถุงขนมโยนใส่ดาวแทบจะทันที

“จะเอาไอ้เอยทำเมีย หมดอารมณ์พอดี ตูดลีบซะขนาดนี้” ไทป์ว่าพลางบีบก้นเอยไปทีนึง คนโดนกระทำหน้าแดงจางๆ แล้วบ่นกระปอดกระแปดออกมา

“เล่นไรเนี่ยะไทป์” ดาวได้แต่หัวเราะกับคนทั้งสอง




ตี๊ดๆ  ตี๊ดๆ  ตี๊ดๆ



          เสียงนาฬิกาปลุกร้องขึ้น เรียกให้คนที่กำลังหลับลึกแต่กลับฝันถึงเรื่องราวเมื่อนานผ่านมาหลายปี หัวฟูยุ่งเหยิงค่อยๆสะบัด ก่อนที่จะดันร่างตัวเองลุกขึ้นมานั่ง เรียกสติให้พร้อมรับเช้าวันใหม่แบบนี้ เมื่อสมองประมวลผลแล้วถึงจะพึงนึกขึ้นได้เรื่องความฝัน ฝันที่ชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน อดตกใจกับตัวเองไม่ได้ที่ยังคงชัดเจนไม่มีตกหล่น เรื่องราวเมื่อครั้งสมัยมัธยม...




          เอย ในตอนนั้นกับเอยในตอนนี้ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ ยังคงใส่แว่นสายตา ร่างกายผอมแห้งอยู่เช่นนั้น เอยจบมหาวิทยาลัยมาได้สองปีกว่า มุ่งมั่นทำงานตามสายที่จบมาคือเศรษฐศาสตร์ ทำงานในบริษัทเอ็นจิเนียริ่งยักษ์ใหญ่ติดอันดับของประเทศ แผนกวางแผน ในส่วนงานงบประมาณ งานที่ทำมีแต่ตัวเลขและประสานงานจนชวนปวดหัว แต่ก็ไม่ได้หนักหนาจนทำไม่ไหว ใจจริงเอยอยากเรียนแพทย์ เพราะคะแนนมากพอและอยากได้อาชีพที่มั่นคง แต่การเงินของแม่ไม่มากพอที่จะส่งเรียนแพทย์ เอยจึงต้องเบนเข็มมาด้านนี้แทน แม้ระหว่างเรียนไปต้องทำงานพิเศษไปด้วย หนักหน่วงพอควรแต่ก็จบออกมาได้อย่างมีคุณภาพ


          ตอนนี้เอยขอให้แม่เลิกขายข้าวแกงแล้ว แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าทำขายพอให้หายเบื่อ ชีวิตการเป็นอยู่ดีขึ้น เงินเก็บพอมีให้ชื่นใจ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครบอกไว้ เพราะตัวเอยเองก็ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเหมือนคนอื่น เอยรู้จักคุณค่าของเม็ดเงินมากจนไทป์บ่นเสมอว่าเอยขี้เหนียวจนน่ากลัว


          ถ้าจะถามถึงไทป์ รายนั้นบินไปเรียนต่อที่มอสโคว์ตอนปีสี่ เพราะอยากศึกษาเกี่ยวกับเพชร พลอย อัญมณีต่างๆจึงไปเรียนเสริมกับสถาบันด้านนี้โดยตรง โดยตั้งความหวังว่า...


“กูอยากจะเปิดร้านเพชรแข่งกับที่บ้านว่ะเอย”


          แล้วก็ดูเหมือนจะทำสำเร็จ พอกลับมาเมื่อสองปีที่แล้ว ก็เปิดร้านเพชรสองสาขาขึ้นมา ที่ไม่น่าเชื่อไปกว่านั้น คือประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ไทป์ได้ลงนิตยสารหลายฉบับอยู่ช่วงหนึ่งว่าเป็นคนเจ้าของร้านเพชรที่หล่อและไฟแรงน่าจับตามอง แต่กระนั้นก็ยังคงความเกเรห้าวเป้งไม่มีเปลี่ยน หน้าตา การเงิน เสน่ห์มีพร้อมสาวก็มากันเพียบ เอยแทบจะจำหน้าจำชื่อสาวๆของไทป์ไม่ทันเพราะเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน


“ตื่นยังเอย มากินข้าวได้แล้วลูก”


          เสียงแม่ตะโกนเรียกขึ้นมาจากชั้นล่าง บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กสองชั้นที่ซื้อต่อมาจากเจ้าของบ้านที่ได้แต่งงานกับสามีฝรั่ง เลยประกาศขายบ้านราคาถูกๆและย้ายไปกับสามียังต่างประเทศ เอยและแม่จึงย้ายจากบ้านเช่าหลังเก่าที่อยู่หมู่บ้านถัดไปมาอยู่บ้านหลังนี้แทน สภาพบ้านดี ราคาถูกมาก เอยพอมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเลยยอมเทหน้าตักซื้อบ้านหลังนี้มา เงินหมดเกลี้ยงแต่ก็ภูมิใจ ตอนนี้เลยเร่งทำโอทีพัลวันเพื่อเก็บเงินใหม่


          เอยอาบน้ำด้วยความไวแสง ก่อนที่จะลงมากินข้าวเช้าที่แม่ทำไว้ วันนี้แม่ทำผัดวุ้นเส้นกับแกงพริกหมูใส่กล่องข้าวพร้อมกระเป๋าให้ไปกินที่ทำงานตามที่เอยขอแม่ไว้ มื้อเช้าก็ของง่ายๆกาแฟกับขนมปังปิ้ง


          เอยเดินทางมาทำงานด้วยรถเมล์ ราคาถูก ส่งตรงจุดป้ายรถเมล์หน้าบริษัทที่ทำงานพอดิบพอดี เอยวิ่งไปสแกนบัตรพนักงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังแผนกของตัวเองโดยเร็ว เพราะต้องการมาเคลียร์งานที่ได้รับมาเมื่อวานให้เสร็จก่อนจะเข้าประชุมในวันนี้

          นาฬิกาฝาผนังเรือนใหญ่บอกเวลาแปดโมงสิบห้า เข้ามาก็ไม่เจอใครทั้งนั้นเพราะนี่ยังเร็วไปที่จะมาทำงาน เอยลงมือปั่นงานอย่างเร็วชนิดไม่รอเวลา ผ่านไปไม่นานงานพร้อมประชุมเสร็จลงพร้อมๆกับที่พี่ๆร่วมงานทยอยกันมา

“น้องเอย ขยันแต่เช้าเลย” พี่แปง คนสวยประจำแผนกทักทาย เป็นพี่ที่ทำงานที่เอยสนิทด้วยมากที่สุด พี่แปงนั่งถัดไปจากโต๊ะของเอย

“ครับ” เอยยิ้มให้ ก่อนจะเอนตัวกับพนักพิงเป็นการคลายความเมื่อยล้า

“นี่น้องเอย รู้ข่าวเรื่องการเปลี่ยนผู้บริหารของบริษัทเรารึยัง?” พี่แปงเลื่อนเก้าอี้มากระซิบถาม

“สรุปเรื่องจริงหรอครับพี่?” เอยออกจะตกใจ ทีแรกคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือที่พนักงานเม้ากันเองเสียอีก

“เรื่องจริงสิจ๊ะน้อง วันนี้วุ่นวายแน่ ได้ข่าวว่ามีเรื่องทุจริตการเงินด้วย” พี่แปงเสริม

“แล้วพวกเราจะโดนเด้งมั้ยครับพี่?”

   ใช่จะไม่รู้เรื่องการทุจริตที่ผ่านมา เพราะเอยทำงานในส่วนงบประมาณ รับรู้เรื่องพวกนี้ดีแต่ก็ไม่สามารถติเตียนหรือเห็นแย้งกับคำสั่งของพวกผู้บริหารไม่ได้


   แล้วถ้าหากโดนรื้อความขึ้นมา พวกตนในส่วนงานอาจจะโดนหางเลขด้วยก็เป็นได้ แล้วตอนนี้ก็เพิ่งปล่อยเงินก้อนเดียวที่มีไปกับการซื้อบ้านแล้ว ยังไม่พร้อมจะเป็นคนตกงานเตะฝุ่นเดินเล่นเลยสักนิด


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ ตัวบิ๊กที่ออกคำสั่งน่ะโดน แต่พวกเราไม่น่ามีปัญหา” พี่แปงว่า


          อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจไปเปราะหนึ่ง ไม่ต้องตกงาน พอมีเงินเลี้ยงแม่และตัวเองได้ต่อไป ส่วนใครจะมาใครจะไป ใครจะมา เอยเองก็ไม่อยากรับรู้ซะเท่าไหร่

“พอได้ยินแบบนี้ก็โล่งสินะเอย”

          พี่แปงแอบกัดเบาๆ เอยได้แต่หัวเราะออกมาเป็นคำตอบ ทั้งสองคุยสัพเพเหระกันได้นิดหน่อยก่อนที่เอกภพ ผู้จัดการแผนกวางแผนอีกทั้งควบตำแหน่งหัวน้าฝ่ายงบประมาณ ซึ่งก็คือหัวหน้าของเอยนั่นเอง เดินฉับๆเข้ามาพร้อมเสียงประกาศดังฟังชัด

“เอาล่ะๆ มีเรื่องจะมาบอก การประชุมวันนี้เลื่อนไปพรุ่งนี้นะ แต่จะมีการประชุมทั้งบริษัทแทน” เสียงพึมพำอย่างสงสัยดังหึ่งไปทั่วแผนก

“ฟังให้จบก่อน วันนี้คงพอมีคนรู้ข่าวบ้าง จะมีการเปลี่ยนแปลงประธานบริหารของบริษัทเรา วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อทำความรู้จักกับท่าน ขอให้ทุกคนเตรียมตัว เดี๋ยวจะประชุมสลับกับแผนกอื่น” เอกภพพูดจบก็หันหลังออกไปทันที ดูท่าจะวุ่นวายจริงอย่างที่พี่แปงบอก
...
..
.
   
          ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่ง ดูเหมือนจะเหลือแผนกวางแผนที่ต้องเข้าประชุมพบปะผู้บริหารคนใหม่ ทุกคนถูกเรียกตัวให้เข้าห้องประชุม เอยนั่งลงข้างๆพี่แปง เมื่อทุกคนนั่งลงครบกันแล้ว คนกลุ่มหนึ่งเดินกันเข้ามาพอดี มีกันประมาณห้าหกคน พอจะคุ้นหน้าเพราะคนพวกนี้คือบอร์ดบริหารของบริษัท และ...คนสุดท้ายที่เดินเข้ามา ยืนด้านหน้าและแนะนำตัว

“สวัสดี ผม...กวิน เศวตเจริญ ประธานผู้บริหาร จะมารับตำแหน่งงานในวันนี้ หวังว่าทุกท่านจะให้การตอนรับผมเป็นอย่างดี”

++++++++++++++++++++++++++

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2014 10:12:02 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
รอดูว่าถ้ากวินเจอเอยจะเป็นยังไงบ้าง  :katai2-1:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ข้ามมาตอนเรียนจบ ว่าแต่รักใคร กวินใช่มิ๊ เอยชอบกวินอ๋อ ไม่มีแบบเพื่อนรัก รักกันเองใช่ไหม แบบนั้นเค้าเจ็บปวด ฮืออ

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2

# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#

ตอนที่ 2

ยาวนานเท่าไหร่ ยังไม่ลืม?



“สวัสดี ผม...กวิน เศวตเจริญ ประธานผู้บริหาร จะมารับตำแหน่งงานในวันนี้ หวังว่าทุกท่านจะให้การตอนรับผมเป็นอย่างดี”

เดจาวู...

นี่มันเดจาวูชัดๆ

เคยเจอมาแล้ว

เหตุการณ์แบบนี้

เคยผ่านมาแล้วครั้งนึง...




         ตั้งแต่กวิน เด็กใหม่เข้ามา ใครๆก็ต่างพูดถึง ใครๆก็คอยมองหา และใครๆก็ต่างพากันอยากรู้เรื่องของเขา เวลามาเรียน จะเห็นรถยนต์ยุโรปคันหรูมาจอดเทียบ และมารับกลับทุกครั้งอย่างตรงเวลา ใบหน้าที่สาวๆพากันหลงใหล แต่ไม่ยอมปริปากพูดกับใครเลยทั้งนั้น แม้ว่าจะมีคนใจกล้าเข้าไปทักทาย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือสีหน้าที่เมินเฉยไร้ความรู้สึก ราวกับรูปปั้นที่มีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น จึงไม่แปลกที่สุดท้ายกวินจะไม่มีเพื่อนเลยสักคน

“เอ้า...เท่าที่หามาได้” ไทป์โยนกระดาษสองแผ่นให้ดาว ที่นั่งทำการบ้านอยู่กับเอย

“ได้มาแล้วหรอ น่ารักจริงไทป์” ดาวชมเปราะ ก่อนที่จะคว้ากระดาษเหล่านั้นมาอ่านทันที

“อย่ารบกวนกูบ่อยๆแล้วกัน ขี้เกียจ” ไทป์ว่า พลางหย่อนตัวนั่งข้างเอย เตรียมลอกการบ้านของเมื่อวานที่ลืมทำมา

“กวิน เศวตเจริญ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษและไต้หวัน แม่เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ส่วนพ่อเป็นคนไต้หวันเพียวๆล่ะ” ดาวที่อ่านไปพลางเล่าให้อีกสองคนฟัง

“อย่างนั้นหรอ” เอยมองหน้าดาวที่อ่านอย่างตั้งใจ ไทป์หันมองขวับ

“มึงก็สนใจด้วยหรอเอย ร้อยวันพันปีกูเห็นไม่ยุ่งเรื่องใคร”

“เปล่าสน แค่ฟังดาวต่างหาก” เอยบอก

“ผู้ฟังที่ดีเค้าต้องหือต้องอือกับเราย่ะ” ดาวหันไปแขวะไทป์ ก่อนจะอ่านประวัติของกวินต่อ

“เรียนที่อังกฤษตั้งแต่ประถมจนถึงไฮสคูลปีสิบ ก่อนจะย้ายกลับมาไทยเพื่อเตรียมตัวบริหารธุรกิจของตระกูล...ว้าว ยังกะละครแน่ะแก” ดาวเล่าไปเพ้อไป ไทป์ได้แต่ส่ายหน้า

“มึงจะเยอะไปแล้วดาว ไปๆเตรียมเข้าแถวไป ออดจะดังแล้ว” ไทป์ไล่ดาว ดูจะรำคาญเรื่องของกวินพอดู

“ไปก็ได้ เชอะ.....เอย เที่ยงนี้ดาวมากินข้าวด้วยนะ” ดาวว่าก่อนจะรีบเก็บของ

“อ้าว มากินกับไอ้เอยทำไม ไปกินกับเพื่อนมึงสิดาว”

“ก็เพื่อนชั้นมันไปกินกับแฟนกันหมดแล้วหนิ ไปนะ” ดาวหอบการบ้านวิ่งออกไปแล้ว

“ทำไมใครๆต่างสนใจไอ้กวินนั่นจัง กูหล่อมากกว่าเหอะ”

“หลงตัวเอง” เอยหัวเราะคิกคัก ไทป์ได้แต่ยักไหล่

“พอพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ ไอ้ขี้เก็กเอ้ย”



          กวินเดินหลังตรงดูผึ่งผ่าย สายตาแน่นิ่งจ้องไปข้างหน้า ไทป์มองพลางยิ้มเยาะ ดูท่าจะไม่ชอบหน้ากวินอย่างจริงจัง เอยหันมองคนผ่านมาด้วยสายตาที่ขบคิด...ความเป็นลูกครึ่งของกวินคงจะเป็นส่วนสูง ผิวขาว ความกำยำและสีผมน้ำตาลเข้มๆนั่นกระมัง เพราะดวงตาดำสนิทไม่ได้สีน้ำข้าวเหมือนของฝรั่งอังกฤษแต่อย่างใด ทุกอย่างดูลงตัวจนคิดว่าละสายตาได้ยากจริงๆ

“เอย ไอ้เอย มึงมองอะไรวะ?” ไทป์ถาม

“กำลังคิดว่าจะทำยังไงให้สูงและบึกบึนได้เท่าเค้าน่ะ” เอยยิ้มแหยๆ ก็จริงที่รู้สึกชื่นชมหุ่นของกวิน คิดว่าจะมาดแมนขึ้นมากหากหุ่นตัวเองได้แบบของกวิน

“ฝันกลางวันแล้วมึง อย่างมึงเข้าฟิตเนตวันละพันหนก็ไม่มีทางได้อย่างไอ้กวิน” ไทป์หัวเราะสะใจก่อนที่จะลุกขึ้นลากเอยให้ไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ไม่รอให้คนถูกว่าตั้งตัวติด...




          เอยรู้สึกว่าตัวเองแข็งทื่อไปหลายนาที กวิน เศวตเจริญ ชื่อนี้ยังคงติดแน่นอยู่ในใจ เพื่อนร่วมชั้นที่ย้ายมาตอน ม.หก คนที่ไม่ยอมคุยกับใครเลย นิ่งขรึม เย็นชา และที่สำคัญ.....

“เอย เอย เป็นอะไร?”


          พี่แปงสะกิดอยู่หลายครั้ง กว่าเอยจะรู้ตัวก็แอบเสียมารยาทไปในระหว่างการแนะนำตัวของท่านประธานไปเสียแล้ว สายตาของหลายๆคนหันมามองทั้งสอง เอกภพใช้นิ้วแตะปากตัวเองเป็นเชิงเตือนว่าอย่าเสียงดัง ทั้งเอยและพี่แปงก้มหน้าขอโทษ ก่อนที่จะฟังผู้ประธานคนใหม่คุยต่อถึงเรื่องวิสัยทัศน์และการพัฒนาบริษัทไปในทิศทางใด เอยจดจ้องมองกวิน เศวตเจริญ หรือต่อไปนี้จะต้องเรียก “ท่านประธาน” อย่างใจเต้นรัว ท่านประธานจะจำได้ไหมว่าเขาคือพีระนัม คนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ไม่น่าจดจำซะเท่าไหร่ คือเด็กแว่นที่จืดจางราวกับอากาศ แต่อย่างว่า...เอยเป็นคนไม่น่าจดจำเลยสักนิด อีกทั้งกวินไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองใครทั้งนั้น และที่แปลกใจกว่า อายุเท่านี้เอง ได้เป็นถึงประธานกรรมการเลยหรือ จะว่าไปยังจำที่ดาวบอกได้ ว่ากวินกลับมาอยู่ไทยเพื่อเตรียมตัวบริหารธุรกิจของตระกูล แล้วบริษัทนี้ไม่เห็นจะมีนามสกุลเศวตเจริญในบอร์ดบริหารเก่าเลย ตอนนี้เอยมีแต่คำถามเต็มไปหมด เป็นครั้งแรกที่เริ่มอยากรู้เรื่องราวของคนอื่นๆถ้าไม่นับตอนนั้นล่ะก็นะ



          คิดสะระตะก็เท่านั้น เอยเก็บพับความคิดทั้งหมดลง แล้วตั้งหน้าตั้งตาฟังกวินพูดต่อไป สายตาแอบมองภาพโดยรวมแล้ว ดูเปลี่ยนไปมาก ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูเคร่งขรึมและเข้าถึงได้ยากยิ่งกว่าตอนมัธยม ราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็น เป็นปราการสร้างกันผู้คนขึ้นมา และสิ่งที่พัฒนาอย่างชัดเจน หรือร่างกายที่กำยำและความสูง สูงมากชนิดที่ว่าถ้าเอยไปยืนเทียบคงได้รักแร้ของกวินเท่านั้น ดวงตาสีดำสนิทคมกริบคล้ายจะเชือดเฉือนหากทำให้โกรธเคือง แต่สีผิวที่ขาวใสในอดีต แปรเปลี่ยนเป็นสีแทนหน่อยๆเสียแล้ว โดยรวมมองแทบไม่ออกว่าอายุเท่าเอย กวินตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเกรงขามสมกับเป็นท่านประธาน

“หวังว่าพวกเราจะได้รับความร่วมมือต่อจากนี้ และสุดท้าย ผมขอคุยกับส่วนงานงบประมาณต่อ มีเรื่องที่จะชี้แจงให้ทราบ นอกนั้นขอบคุณครับ” กวินพูดพลางสอดตามองมายังกลุ่มของเอย แปลว่ากวินทำการบ้านก่อนจะมาแล้ว ว่าใครคนไหนคือส่วนงานฝ่ายไหนบ้าง



          แผนกวางแผนเกือบจะทั้งหมดลุกขึ้น ยกเว้นส่วนงานงบประมาณและเอกภพหัวหน้างานงบประมาณ  เอยรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คล้ายสายตาของกวินจับจ้องมาที่ตน แต่เอยคงจะคิดไปเอง กวินไม่ได้เห็นถึงความสำคัญของพนักงานตำแหน่งเล็กๆเสียเท่าไหร่ 

“สวัสดีอีกครั้ง ฝ่ายงบประมาณ ผมจะไม่ให้เสียเวลาถึงเรื่องที่จะชี้แจงให้ทราบ” มาถึงก็เปิดประเด็นชนิดไม่ทันตั้งตัว เอยกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกกว่ากวินกำลังปล่อยรังสีกดดันทุกคนในห้องประชุม ไม่เว้นแม้กระทั่งบอร์ดบริหารเองก็ตาม

“ที่ผ่านมาพบว่ามีการทุจริตในสเปคของสินค้ามาหลายครั้งแล้ว และส่วนที่รับผิดชอบตรงนี้มากที่สุดคือแผนกวางแผน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... มีการรู้เห็นเป็นใจของฝ่ายงบประมาณด้วย ไม่ทราบว่าจะมีข้อชี้แจงอย่างไรครับคุณเอกภพ?” ยิงคำถามแรกแบบตรงๆใส่เอกภพ

“ผมพอทราบถึงเรื่องนี้ครับ แต่ทั้งหมดเป็นคำสั่งตรงที่มาจากเบื้องบนทั้งสิ้น เราทำตามคำสั่งเหล่านั้นครับ” เอกภพว่า แม้จะดูหวาดหวั่นกับแรงกดดันของกวิน แต่คำตอบก็ดูจะสร้างความพอใจให้กวินได้พอควร แต่ที่เห็นจะไม่พอใจคือบอร์ดบริหารที่เก้าอี้เริ่มร้อน นั่งไม่สุขกันแล้ว

“และนี่คือสิ่งที่ผมจะชี้แจง ต่อไปนี้ฝ่ายงบประมาณจะขึ้นตรงกับผม จะไม่มีใครในบอร์ดบริหารเข้ามาแทรกซึมได้เหมือนเมื่อครั้งก่อน และที่สำคัญ....หากพบว่ามีการทุจริต ผมเชือดไม่เลี้ยง!”



          น้ำเสียงต่ำๆ เนิบๆ ไม่ได้เกรี้ยวกราดหรือตะคอกอย่างใด แต่กลับให้ความรู้สึกขนลุกชันทั้งตัว คำพูดทั้งหมดไม่ใช่แค่คำขู่ แต่กวินเอาจริง และเชื่อว่าถ้าใครลองดีคงศพไม่สวยแน่

“เอาล่ะ ผมมีเรื่องแจ้งให้ทราบเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจที่ผมพูด ขอตัวก่อน ขอบคุณครับ” กวินลุกขึ้นดึงเสื้อสูทให้กระชับตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นออกไปจากห้องประชุมโดยไม่เหลียวกลับมามอง เอยและคนอื่นๆ ยกมือไหว้บอร์ดบริหารที่เหลือ ก่อนที่พวกเขาจะลุกตามกวินไป

“เด็กนี่ไม่ไว้หน้าพวกเราเลย” เสียงหนึ่งในบอร์ดผู้บริหารวัยกลางคนบ่นอย่างหงุดหงิด ในขณะที่เดินออกไป

“อย่าเสียงดังไป” มีเสียงสั้นๆปรามออกมาจากอีกคน ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปไกลเสียจนไม่ได้ยินอะไรแล้ว ปล่อยให้ฝ่ายงบประมาณอย่างพวกเอยนั่งระทึกตามๆกันไป

“พี่ว่างานนี้บริษัทเรามีเรื่องให้วุ่นกว่าเดิมแน่” พี่แปงถอนหายใจเสียงยาว

“นั่นสินะ ท่านประธานคนใหม่โหดใช่ย่อย” พี่ขาว พี่ร่วมงานของอีกคนของเอยเสริมขึ้นมา

“ต่อไปนี้พวกเราต้องทำงานให้รอบคอบกว่าเดิมเข้าใจใช่มั้ย?” เอกภพว่า ก่อนที่จะขอตัวกลับไปจัดการงานของตัวเองต่อไป ทั้งหมดจึงกลับไปยังแผนก
...
..
.
   

              นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง พนักงานทุกคนพร้อมใจกันลุกออกจากที่นั่งเพื่อไปจับจองร้านอาหารใกล้บริษัทกัน บางคนก็ขี้เกียจหน่อยเลือกที่จะกินในส่วนของแคนทีนพนักงาน

“ไปนะเอย วันนี้พี่ว่าจะไปกินส้มตำหน่อย” พี่แปงโบกมือหยอยๆไปกับพี่ขาว สองคนนี้น่าจะกำลังคบกันในความรู้สึกของเอย ถ้าเป็นจริงก็คงต้องแสดงความยินดีกับทั้งสองล่ะนะ


          เอยเอาข้าวกล่องของตัวเองพาไปยังห้องกาแฟของพนักงาน ในห้องนั้นมีเตาไมโครเวฟ เอยกะว่าจะเอาข้าวไปอุ่นสักหน่อย ก่อนจะยัดลงท้อง ก้าวเดินช้าๆปากก็ฮัมเพลงยอดฮิตที่ฟังจากวิทยุมา รู้สึกว่าวันนี้อารมณ์ดีกว่าวันไหนๆ

          เสียงกุกกักดังมาจากห้องกาแฟ แม้เอยจะไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่กลัวเรื่องสิ่งลี้ลับ แม้กลางวันแสกๆก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เอยค่อยๆย่องไป ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป

          ภายในห้องไม่ได้เจอสิ่งลี้ลับหรืออะไรทำนองนั้น พบแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่ตัวฟิตเปรี๊ยะล้มกองลงกับพื้น ข้างกันมีถ้วยกาแฟตกอยู่ ผงกาแฟหกระเนระนาด เอยแทบจะโยนกล่องข้าวลงพื้น วิ่งเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นทันที

“คุณครับ คุณๆ”


          ไม่มีเสียงตอบรับ ดูเหมือนเธอจะเป็นลม หน้าซีดเผือดจนน่ากลัว เอยพยายามเขย่าเธอแต่ก็ไม่ได้ผล โตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยปฐมพยาบาลเบื้องต้นใครมาก่อน เอยจึงพยายามดึงตัวเธอขึ้น ให้อุ้มคงไม่ไหวเพราะผู้หญิงคนนี้สูงกว่าเอยเสียอีก แต่ถ้าจะให้พยุงกึ่งลากยังพอไหว เอยพาเธอมายังเก้าอี้หน้าห้อง ก่อนที่จะกดมือถือเครื่องเก่าปุ่มเลือนรางหาลุงยามให้ตามรถพยาบาลมา

“เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงที่เหมือนจะเคยผ่านหูแว่วขึ้นมา เอยเงยหน้าไปก็พบว่า...

“ท่าน...ประธาน?”

++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2014 10:10:02 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอ่ะ ใช่เลขาของ"ท่านประธาน"รึเปล่า
เจอกันซึ่งๆหน้าแล้ว กวินจะจำได้มั้ยนะ มาต่อเร็วๆนะจ๊ะคนเขียน  :call:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โอ๊ะ เรื่องใหม่ น่าสนใจๆ ว่าแต่สมัยเรียน 2 คนนี้ไม่มีปฏิกริยาอะไรกันเลยจริงๆเหรอ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยยยย กำลังลุ้นเลย
อยากอ่านอีกกกกกกก
มาต่อเร็วๆนะคนเขียน

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็ติดหงึบเลย

เนิ้อเรึ่องสนุกและน่าสนใจมาก  ตอนแรกเราคิดว่าจะเกิดการสปาร์คกับไทป์เสียอีก  แต่คุณกวินนี่มาแรงขนาดพูดแค่ชื่อกับแนะนำตัวไม่กี่คำออร่าพระเอกมาแต่ไกล  อยากรู้ว่าช่วงมัธยมนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กำลังลุ้นเลย

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ  :-[


# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 3
เป็นเหตุให้พบเจอ?



“ท่าน...ประธาน?


          ยอมรับว่าตกใจที่เจอกวินเดินผ่านมาแถวนี้ เอยตะลึงงึนงันอยู่พักใหญ่ จนเกือบลืมไปว่าตอนนี้มีคนเป็นลมอยู่ข้างๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงต่ำๆถามย้ำเป็นครั้งที่สอง

“เอ่อ...คือ คุณคนนี้เค้าเป็นลมอยู่ในห้องกาแฟครับ ผมเลยพาเธอออกมา ตอนนี้รอรถพยาบาล” เอยรีบบอกสถานการณ์ทันที

“รออยู่ตรงนี้” กวินเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีก็พบว่ามีบุรุษพยาบาลหามเปลขึ้นมา พาเธอคนนี้ไปยังโรงพยาบาล

“เฮ้อ....” เอยถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกเบาไปเยอะเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กวินหายไปแล้ว เอยจึงลากขาตัวเองไปยังห้องกาแฟอีกครั้ง เอากล่องอาหารใส่ไมโครเวฟ ก่อนที่จะลงมือเก็บแก้วและทำความสะอาดพื้นที่เลอะไปด้วยผงกาแฟ

 “ทำไมไม่ให้แม่บ้านทำ?” กวินโผล่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำเอาเอยสะดุ้งโหยง

“มะ...ไม่เป็นไรครับท่าน” เอยเก็บทั้งหมดโดยไม่ฟังคำบอกของกวิน

“ตามใจ” กวินพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้เอยจมกับความรู้สึกของตัวเอง

“คงจำกันไมได้จริงๆสินะ....”



           เวลาเย็นหลังเลิกเรียนวันนี้ โรงเรียนไม่ได้เงียบสงบอย่างที่ผู้ปกครองเข้าใจ สาเหตุเพราะวันนี้มีการประกาศเลือกชมรมหลังเลิกเรียน เหล่าน้องๆที่เพิ่งสอบเข้ามาได้ ต่างก็พากันตื่นเต้น มองดูแผ่นประกาศตามบอร์ดและเสียงเรียกเชียร์ของแต่ละชมรม ในฐานะรุ่นพี่ ม.หก อย่างเอย ได้รับโอกาสจากคณะอาจารย์ให้สร้างชมรมขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับน้องๆ ดาวได้รับเลือกจากอาจารย์ให้เป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน ซึ่งตอนนี้กำลังตะโกนเรียกน้องๆบอกถึงความน่าสนใจของชมรมหนังสือพิมพ์ ส่วนไทป์ถูกขอร้องกึ่งบังคับให้ช่วยเข้าชมรมฟุตบอล ตอนนี้ไทป์เลยใส่ชุดบอลยืนหน้าหงิกให้เรียกน้องๆเข้าชมรม ซึ่งน่าตกใจที่สาวๆดันอยากเตะบอลมากกว่าผู้ชายเสียอย่างนั้น



          ส่วนเอย ซึ่งเล่นกีฬาก็ไม่เก่งจะเข้าชมรมเดียวกับไทป์ก็ลำบาก ครั้นจะไปอยู่กับดาว ก็ตามข่าวสารใครๆไม่ทัน เป็นภาระของดาวเปล่าๆ ชมรมที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเอยคือชมรมบรรณารักษ์ ชมรมที่ช่วยเหลืองานภายในห้องสมุดของโรงเรียน เอยได้รับตำแหน่งรองประธานชมรม ช่วยเหลือน้องๆ อบรมน้องๆในการทำงานบรรณรักษ์


          ปีนี้สรุปแล้วมีน้องๆ ม.หนึ่ง มาสมัครสิบห้าคน ซึ่งเกินเป้ามาห้าคนเลยทีเดียว เพราะแต่ละชมรมมีกฎว่าหากชมรมไหนมีน้อง ม.หนึ่งสมัครไม่ถึงสิบคน ชมรมนั้นจะถูกยุบ ปีนี้ถือว่ารอดหวุดหวิด รวมๆสมาชิกทุกชั้นก็ราวสามสิบคน อาจจะเพราะงานบรรณารักษ์น่าเบื่อ สมาชิกจึงไม่ได้มากมายเหมือนชมรมอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่งานหนักหนาอะไร คนที่เข้าชมรมนี้เลยเป็นพวกสบายๆดูออกจะเอื่อยเฉื่อยเสียด้วยซ้ำ

“ต้อนรับสมาชิกใหม่นะครับ พี่ชื่อกี้เป็นประธานชมรม และนั่นพี่เอยเป็นรองประธานชมรม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

          กี้หรือกีรติ เป็นเพื่อนของเพื่อนดาวอีกที และเป็นคนชวนเอยมาเข้าชมรม กี้จัดได้ว่าหน้าตาดีพูดจาเล่นหูเล่นตาพอสมควร ตอนเรียกสมาชิกเข้าชมรม กี้ดันไปทำธุระนอกโรงเรียนเลยไม่ได้มาเรียก ถ้าหากกี้ยืนอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าน้องๆผู้หญิงต้องมาสมัครกันเพียบ

“วันนี้พี่ของ่ายๆครับ จับกลุ่มกลุ่มละสามคนนะครับ นับหนึ่งถึงสามแล้วแบ่งกลุ่มกัน”


          กลุ่มถูกแยกครบเรียบร้อยแล้ว เอยจึงแจกกระดาษให้น้องๆเขียนชื่อกลุ่มและสมาชิก เพื่อรวบรวมทั้งหมดมาให้กี้

“ชมรมเราไม่มีอะไรมากครับ ทำงานบรรณรักษ์ ดูแลความสะอาดรวมถึงจัดเก็บหนังสือของห้องสมุด และงานอื่นๆด้วย นอกจากนี้คะแนนจิตพิสัยเต็มในวิชาเลือกเสรีด้วยนะครับ” เสียงน้องๆฮือฮาด้วยความสนใจ

“ตกใจใช่มั้ยครับ ปีนี้เป็นปีที่ ผอ. เค้าให้เป็นพิเศษเกี่ยวกับชมรมเรา อาจจะเพราะมีการขยายห้องสมุดเมื่อปีที่แล้ว งานในนี้จึงเยอะขึ้น แต่มีข้อแม้ น้องๆต้องเค้าครบทุกคาบชมรมนะครับ ถึงจะได้”

“วันนี้พี่จะปล่อยให้น้องๆแนะนำตัวกันเอง และก็เดินดูภายในห้องสมุดก่อน ครั้งต่อไป พี่จะเตรียมงานให้ทุกคนนะครับ ใครมีข้อสงสัยอะไรมั้ย?”

“ไม่ค่ะ/ไม่ครับ”

“งั้นก็ตามสบายนะครับ ถ้าใครมีปัญหาอะไร มาถามพี่ไม่ก็พี่เอยได้เลยนะครับ” กี้พูดจบน้องๆก็ลุกออกไปยังตามุมต่างๆของห้องสมุด บางคนก็ถามไถ่ชื่อแนะนำตัวกัน ดูจากมุมของรุ่นพี่อย่างเอย รู้สึกว่าเป็นภาพที่ดีจริงๆ

“เอย เดี๋ยวกี้จะเตรียมแผนงานให้น้องๆนะ เอยช่วยไปหาอาจารย์สุธี เอาเอกสารงานของชมรมได้มั้ย?”

“ได้สิกี้ ที่ไหน?”

“ที่อาคารห้องประชุมน่ะ เห็นว่าไปคุยธุระกับอาจารย์เมฆ”

“งั้นเราไปเอาให้นะ”


          เอยออกจากห้องสมุดไปยังอาคารห้องประชุม เป็นห้องโถงประชุมสำหรับนักเรียน อีกทั้งเป็นสนามในร่มสำหรับกีฬาบางชนิด เช่นบาสเกตบอล วอลเล่ย์บอล เป็นต้น เอยเดินเข้าไปก็พบว่ามีการประชุมจากคนกลุ่มย่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็นชมรมใดชมรมหนึ่งกำลังใช้สถานที่ เอยมองหาอาจารย์สุธีที่นั่งข้างๆอาจารย์เมฆ อาจารย์วิชาพละ เลยเดินดุ่มๆเข้าไปแม้ว่าจะรู้สึกกลัวที่เข้าไปในชมรมคนอื่นเขาแบบนี้

“อาจารย์สุธีครับ?” เอยเรียกเบาๆ

“ว่าไงพีระนัม?”

“ผมมาเอาเอกสารแผนงานชมรมห้องสมุดครับ”

“เออนั่นสิ แล้วนี่ประชุมกันเสร็จแล้วหรอ?”

“ครับ แบ่งกลุ่มแล้ว ตอนนี้พวกเราจะวางแผนเตรียมงานให้น้องๆแล้วครับ”

“เอาไปๆ วันนี้อาจารย์ไม่เข้าชมรมนะ ครั้งหน้าก็แล้วกัน”

“ครับ”


          เอยรับเอกสารไม่กี่สิบแผ่นจากอาจารย์สุธี ก่อนที่จะเดินออกมา พร้อมๆกับที่ชมรมในห้องประชุมเลิกพอดี ทั้งหมดต่างวิ่งกรูกันออกมาโดยไม่สนว่าเอยจะเดินไปทางไหน ถูกชนถูกผลักเสียจนหันซ้ายหันขวาไม่ถูก จนสุดท้ายรุ่นน้อง ม.ต้นตัวโตๆ คนหนึ่งวิ่งชนเอยซะล้มก้นจ้ำเบ้าเลยทีเดียว

“โอ๊ย!!”


           เอยได้ต้องร้องออกมา โดยที่ไม่มีใครช่วยอะไรเลย ตอนนี้ทั้งหมดหายไปหมดแล้ว โดยที่เอยเองก็ลุกขึ้นแทบจะไม่ไหว รู้สึกได้ว่าก้นต้องฟกช้ำแน่ๆ

“เป็นไรมั้ย?” เสียงที่ไม่คุ้นหูเอ่ยถาม พร้อมยื่นมือมา เอยเงยหน้ามองพบว่าเป็น...กวิน นักเรียนใหม่นั่นเอง

“เอ่อ...” เอยตอบไม่ถูกเลยทีเดียว กวินยื่นมือค้างอยู่อย่างนั้น

“จะลุกหรือนั่งต่อ?”

“ขอบ...คุณ” เอยจึงยอมจับมือนั้นเพื่อดันตัวเองให้ลุกขึ้น รู้สึกมีกระแสไฟไหลผ่านมือนั้น แปลบปลาบจั้กกะจี้พิกล   

   
          กวินไม่พูดอะไรทั้งนั้น ก่อนที่จะหันหลังกลับไปโดยไม่รับคำขอบคุณหรืออะไรทั้งนั้น เอยแตะก้นตัวเองเบาๆ แล้วก็รู้สึกสะดุ้งโหยง ไม่ใช่ไปแตะเข้าที่จุดเจ็บ แต่นึกขึ้นได้ว่ามือนี้เมื่อครู่จับมือของกวินมา

“บ้าไปแล้วเอย” เอยได้แต่บ่นตัวเอง ก่อนที่จะเดินแบกก้นเดี้ยงๆกลับไปยังห้องสมุด...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความประทับใจในวัยเรียน

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อืม เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กันบ้างแล้ว
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เอยเริ่มมีปฏิสนธิความรักตรงจุดนี้นี่เอง

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เด๋ยวกวินก็ไปค้นประวัติ เจอว่าเป็นรุ่นน้องที่ร.ร.เก่า

(มโน 555555+)

กวินจำน้องเอยไม่ได้เลยเหรอ แบบว่าคุ้นๆหน้าไรงี้  :katai4:

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ น่ารัก น้องเอย พี่กวิน  >//////////////<

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 4
เหตุใดถึงต้องเจ็บปวด?



“เอย มึงว่างมั้ย มาหากูด่วนเลย”

          ครึ่งชั่วโมงที่แล้วปลายสายคือไทป์โทรมา โทรมาในช่วงสายของวันอาทิตย์อย่างนี้ วันหยุดเพียงวันเดียวที่เอยมี


          ไทป์โทรมาว่ามีเรื่องด่วนจะคุยด้วย และต้องการให้ไปหาให้เร็วที่สุดที่ห้างพารากอน ห้างใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเพชรสาขาสองที่ไทป์ไปเปิด เอยจึงได้แต่งัดตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอน อาบน้ำบอกแม่ว่าไปทำธุระกับไทป์ ข้าวปลาก็ไม่กินเพราะต้องการทำเวลาให้ไวที่สุด


          หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เอยก็ไม่ได้เจอกวินอีกเลย พี่แปงบอกว่าตอนนี้บอร์ดบริหารกำลังถูกตรวจสอบถึงเรื่องการทุจริต และที่สำคัญข่าวที่พี่แปงไปสืบรู้มา ผู้หญิงคนที่เอยช่วยนั้นคือเลขาของท่านประธานคนก่อน และที่น่าตกใจคือเธอกำลังตั้งท้องได้สามเดือนกับหนึ่งในบอร์ดผู้บริหาร ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีส่วนรู้เห็นเรื่องบอร์ดบริหารทำการยักยอกทุจริตเงินไปด้วย ไม่มีข่าวไหนที่น่าตกใจมากไปกว่านี้แล้ว เธอคนนั้นจึงต้องถูกไล่ออกจากบริษัทอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนชะตากรรมของคนในบอร์ดจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้


          เอยเดินไปคิดไปถึงเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน จนเดินมาถึงหน้าร้านเพชรสุดหรูของไทป์ พอก้มมองชุดของตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระดาก เสื้อยืดคอกลมสีขาวหมอง กางเกงเดินป่าขาสั้นเท่าเข่า รองเท้าแตะธรรมดา นี่เอยลืมไปจริงๆว่าต้องมาห้างพารากอน ไม่ใช่เพียงเพราะมาหาไทป์

“เอย กว่าจะมานะมึง” ไทป์ว่าพลางลากเข้าไปในร้าน

“ไทป์...เราว่าชุดเราไม่เหมาะจะคุยที่นี่หรอก ไปคุยที่ฟู้ดส์คอร์ดดีกว่ามั้ย?”

“มึงจะเรื่องมากเพื่อ? มาเลยๆมีคนรอมึงอยู่” ไทป์ลากเอยโดนไม่สนคำขอร้อง เมมื่อเดินเข้าไปในร้านเพชร ก็พบผู้หญิงผมยาวยืนหันหลังอยู่ แล้วเธอก็หันมาพอดีกับที่เอยหยุดต่อหน้าเธอพอดี

“เอย...” เอยมองผู้หญิงคนตรงหน้าอย่างคุ้นๆ สาวหมวยที่สวยและเปรี้ยวจนเข็ดฟัน ผมยาวถึงเอวใส่มินิเดรสสั้นมาก ยิ่งมองยิ่งคุ้น

“ดาวหรอ?” แค่นั้นแหละเธอก็วิ่งโผกอดเอยทันที

“ว้ายๆ คิดว่าจะจำกันไม่ได้ คิดถึงเอยมากๆเลย”


          ดาวนั่นเอง ดาวที่เอยได้เห็นครั้งสุดท้ายตอนปีสอง ก่อนที่เธอจะบินไปเรียนต่ออังกฤษเพราะอยากเก่งภาษาและเรียนเกี่ยวกับแฟชั่นดีไซน์เนอร์อะไรทำนองนั้น ตลอดมาเลยแค่ส่งอีเมลถามไถ่ ไม่ค่อยได้เล่าเรื่องราวส่วนตัวเท่าไหร่นัก

“ดาวจริงหรอเนี่ยะ สวยมากเลย เกือบจะจำไม่ได้จริงๆนะ”

“ก็แน่สิ เอยเถอะ ทำไมผอมอย่างนี้ ดูสิ กินอะไรเข้าไปบ้าง โหมงานหนักอย่างเคยละสิ ไทป์ทำไมแกไม่ดูแลเอยบ้างห๊ะ?” ดาวซัดยาวจนไทป์และเอยแทบจะฟังไม่ทัน 

“ทีละอย่างสิแม่คุณ กูตอบไม่ทัน”ไทป์ยังคงพูดกับดาวเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีคำสุภาพให้รื่นหูสักนิด

“ว่าแต่ดาวเป็นไงบ้าง นี่กลับมาอยู่ยาวเลยรึเปล่า?”

“ยาวจ้ะเอย เพราะตอนนี้ดาวมีแพลนจะเปิดห้องเสื้อล่ะ” ดาวตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“จะเปิดจริงๆหรอ เมื่อไหร่ เราจะอุดหนุนเลย”

“มึงนี่อะนะจะซื้อผ้าของไอ้ดาว กูเห็นขี้เหนียวซะจนไม่ให้หมาแดก”

“อะไรไทป์ เพื่อนเปิดร้านก็อุดหนุนสิ ดูอย่างนี้ก็ซื้อเสื้อผ้าเป็นนะ” เอยพยายามลบคำสบประมาทไทป์น่าดู

“ถุย ทำมาพูด แต่งตัวแบบนี้ยังจะมาพูดนะมึง กูบอกกี่หนแล้วว่าหัดอ่านซะบ้างไอ้นิตยสารแฟชั่นอะไรเทือกๆนั้นน่ะ จะได้ดูดีเหมือนกู”

“พอเลยๆไทป์ อ่านทำไม ดาวอยู่ทั้งคนดาวจะจับแต่งตัวเอง” ดาวพูดไปพลางยิ้มกระหยิ่มแปลกๆ คล้ายดาวกำลังจะเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ชอบกล

“เรื่องนั้นค่อยว่าเถอะ นี่คือเรื่องด่วนที่ไทป์เรียกเรามาใช่มั้ย?”

“ก็ใช่อะดิ ไอ้ดาวมันอยากเซอร์ไพรส์มึง กูเลยทำเป็นมีเรื่องด่วนไง” ไทป์เฉลย

“เฮ้อ โล่งไป คิดว่าเรื่องไม่ดีซะอีก”

“ไปกินข้าวกัน มีเรื่องเม้าเยอะแยะเลย” ดาวลากแขนทั้งสองคนออกไปจากร้าน ตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่น โซนส่วนตัว ก่อนจะสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ

“อัพเดทกันหน่อยเพื่อนๆ ใครทำอะไรที่ไหนยังไง?” ดาวถามไปกินไป ดูๆแล้วนิสัยยังไม่เปลี่ยนแปลงยกเว้นเรื่องความสวยเซี้ยวนั่น

“กูเปิดร้านขายเครื่องประดับเน้นเพชร ซึ่งมึงก็น่าจะรู้อยู่แล้วเหอะดาว” ไทป์บอกอย่างหน่ายๆ ก่อนจะคีบปลาดิบเข้าปาก

“แล้วเอยล่ะ?” ดาวหันไปถาม

“ก็มนุษย์เงินเดือนธรรมดาที่บริษัทจีเอสเอ็นจิเนียริ่ง ทำส่วนงานงบประมาณน่ะดาว”

“จีเอสเอ็นจิเนียริ่ง บริษัทใหญ่เลยหนิเอย เก่งนะเข้าที่แบบนั้นได้น่ะ” ดาวว่า

“ก็ตอนฝึกงานได้ฝึกที่นั่นด้วย ทางนั้นเห็นว่าเราทำงานได้ในระดับที่เค้าพอใจ เลยรับเราเข้าทำงานโดยไม่ต้องสัมภาษณ์น่ะ”

“ว่าแต่บริษัทนี้มีสาขาที่อื่นอีกมั้ย คุ้นๆชื่อบริษัทเหมือนเคยเห็นที่อื่นที่ไม่ใช่ในไทย” ดาวว่าพลางนึก

“ไม่หรอกมั้งดาว มึงก็เพ้อไป” ไทป์เคี้ยวหยับๆอย่างไม่สนใจ

“แต่คุ้นจริงๆ ชั้นเคยเห็น..แต่ไม่ใช่ที่ไทยแน่นอน” ดาวยืนยัน

“มึงแน่ใจหรอวะ ไม่ใช่เห็นผ่านทีวีที่อังกฤษหรอกหรอ?” ไทป์ว่า

“ไม่หรอกๆ คุ้นจริงๆ”ดาวยังไม่ยอม

“ค่อยๆนึกก็ได้” เอยตัดปัญหาให้ ดาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“อ่อๆ  นึกออกแล้ว ดาวเห็นบริษัทนี้ที่ลอนดอนล่ะ แล้วก็เจอกวินที่นั่นด้วย” เอยร้องเสียงดังจนเอยสะดุ้ง โดยเฉพาะชื่อที่ดาวเอ่ยออกมา กวิน...

“ไอ้ขี้เก๊กที่ย้ายมากลางคันตอน ม. หก นั่นเหรอ ทำไมมึงกิ๊กกับมันอยู่หรอ?” ไทป์ว่า ตาเหลือกแบบไม่อยากจะเชื่อ

“กิ๊กกับผีนะสิไอ้ไทป์ ชั้นแค่จะบอกว่าไปเจอกวินที่อังกฤษเมื่อเดือนที่แล้ว แกเอ๊ย...หล่อลากดินแล้วหน้าโหดกว่าเดิมด้วย”

“มึงยังจำหน้ามันได้หรอวะ กูเลือนๆแล้วว่ะ” ไทป์ว่า

“จำได้สิยะ หน้าแบบนั้นไม่เหมือนใครหรอก นึกออกเลยว่ากวินเดินออกมาจากบริษัทนี้น่ะ แต่ชั้นเรียกเค้าไม่ทัน เลยไม่ได้ทักทาย” ดาวพูดพลางจิบชา

“เดี๋ยวนะ ถ้ามันออกมาแปลว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้อง...เอย มีชื่อไอ้กวินอยู่ในบริษัทนั้นมั้ยวะ?” ไทป์เริ่มหันมาถามเอยบ้าง เอยนิ่งไป ไม่รู้จะตอบไทป์อย่างไรดี

“มึงอึกอัก แปลว่ามึงเจอมัน? บอกกูมาซะดีๆไอ้เอย” ท่าทางเลิ่กลักแบบนี้ ไทป์ไล่บี้ได้ไม่ยาก

“ก็...กวินเป็นถึงประธานกรรมการ แล้วเพิ่งเข้าบริษัทมาเมื่อวันจันทร์นี้เอง” เอยจำยอมบอก

“ชั้นว่าแล้วไง ไม่ผิดจริง” ดาวตบหัวเข่าฉาด

“มันใช่เรื่องจะมาพูดตอนนี้มั้ยวะดาว แต่ที่แน่ๆไอ้กวินนั่นมันอยู่ที่เดียวกับมึง แล้วมันจำมึงได้มั้ย?” ไทป์หรี่ตาถาม เหมือนจะจับผิด

“ไม่หรอก เค้า...จำเราไม่ได้” เอยบอก รู้สึกเจ็บแปลบๆในใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

“กูคิดอยู่แล้วล่ะ ถ้าคนอย่างมันจำมึงได้แล้วทักมึงก่อนก็แปลกแล้วล่ะ”

“ช่างเรื่องนั้นเหอะ เราเป็นแค่พนักงาน เค้าเป็นถึงประธาน ไม่ได้เจอกันง่ายๆหรอก มากินกันต่อดีกว่า” เอยจบเรื่องของกวิน ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วจริงๆ

“งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันมั้ย วันนี้ดาวว่างนะเอย”

“แต่กูไม่ว่างว่ะดาว เดี๋ยวกูต้องไปโรงงานที่เมืองกาญ ไปดูพลอยตัวใหม่ที่เค้ากำลังจะเจีย” ไทป์ปฏิเสธ

“ชั้นชวนแกตอนไหนไทป์ ชั้นชวนเอยต่างหาก”

“อ้าวไอ้นี่ เดี๋ยวเหอะ” ไทป์เอานิ้วผลักหน้าผากดาว

“ก็นะ ชั้นรู้แล้วว่าแกไม่ว่าง งั้นวันนี้ชั้นไปกับเอยก่อนละกัน รอบหน้าค่อยพร้อมกันสามคนนะ โอเค๊?”

“เออๆ งั้นกูไปก่อนล่ะกัน ไปนะเอย เดี๋ยวกูโทรหา”

“อืม ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาด้วยนะ เป็นห่วง” เอยบอก ดาวนั่งมองเอยสลับกับไทป์ที่เดินออกไปแล้วพร้อมกับไปจ่ายเงินค่าอาหาร สรุปวันนี้ไทป์เป็นเจ้ามือ

“ดาวยังยืนยันนะว่าเอยกับไทป์เหมาะกันจริงๆ” ดาวยิ้มเชิงล้อ

“ว่าไปดาว ฮ่าๆ” เอยหัวเราะ นึกสภาพตัวเองเป็นแฟนกับไทป์ไม่ออก ตลกพิกล

“งั้นเราไปดูหนังกันนะ ว่าแต่มาที่นี่ยังไง?”

“นั่งรถเมล์แล้วต่อด้วยบีทีเอสน่ะ”

“งั้นเดี๋ยวดาวไปส่งที่บ้านนะ แต่ก่อนอื่นเราไปซื้อตั๋วหนังแล้วช๊อปปิ้งฆ่าเวลากันดีกว่า”


          ดาวเดินควงแขนเอยเดินออกไปจากร้านอาหารญี่ปุ่น เดินไปดูโปรแกรมหนังที่เข้าฉายในวันนี้ ตอนเดินออกมากับดาว มีแต่คนมองมาตลอด มองดาวที่สวยมากไม่ก็มองเอยที่แต่งตัวปอนๆไม่เหมาะจะเดินกับดาวสักนิด

“เป็นอะไรเอย?” ดาวถามหลังจากที่เอยเดินมาพร้อมตั๋วหนังสองใบ งานนี้เอยควักเงินเอง ไม่ได้ขี้เหนียวไร้สาระอย่างที่ไทป์ว่าเสียหน่อย นานๆทีเท่านั้นเอง

“คนมองแปลกๆนะ สงสัยเราแต่งตัวแบบนี้”

“แต่งตัวแบบนี้แล้วไง สิทธิใครสิทธิมัน” ดาวเริ่มแหวๆ มองซ้ายขวาด้วยสายตาหาเรื่องคนรอบข้าง

“ช่างเถอะ เราแค่ไม่มั่นใจนิดหน่อย ก็มาเดินกับดาวที่สวยซะขนาดนี้นี่หน่า”

“ปากหวานจังนะเอย นี่หนังอีกตั้งสองชั่วโมงกว่า งั้นเราไปซื้อของกัน เดี๋ยวดาวจะพาเอยไปซื้อของแต่งตัวเอง”

“ไม่ดีกว่าดาว” เอยส่ายหน้าสุดชีวิต

“ไม่รู้แหละ จะโชว์ฝีมือแฟชั่นนิสต้าคนนี้ให้ดู”



          ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดาวก็ลากเอยเข้าห้องร้านเสื้อผ้า ตั้งแต่ถูกสุดยันร้านแบรนด์ดังราคาแพงหูฉี่ เอยถูกจับลากไปลากมา ลองเสื้อตัวนั้น กางเกงตัวนี้ รองเท้าก็ยังโดนให้ลอง ส่วนทรงผมนั้น ดาวบอกเอยว่าไม่จำเป็นต้องตัดแค่เซ็ทเอาก็พอ เลยพาไปซื้อน้ำยาเซ็ทผมแทน

“ดาว นี่ใกล้จะถึงเวลาดูหนังแล้วนะ”เอยเตือน ดาวดูจะสนุกกับการจับเอยแต่งตัวจนลืมเวลา

“โอเคๆ งั้นไปเปลี่ยนชุดจะได้ดูมั่นใจขึ้น แล้วสุดท้ายไปเปลี่ยนกรอบแว่นนะจ๊ะ มีร้านนึงกำลังลดราคา เอยจะได้ไม่ต้องบ่นดาวไง” ดาวออกจะรู้ใจเอย ร้านที่พาไปมีแต่กำลังลดราคาอีกทั้งดาวยังใช่ส่วนลดจากบัตรสมาชิกอีก งานนี้เอยเลยอุ่นใจกระเป๋าไม่แบนอย่างแน่นอน


          สุดท้ายท้ายสุด เอยต้องตัดแว่นใหม่ เพราะสายตาของเอยสั้นลงแต่เนื่องจากความประหยัดเกินไปเอยจึงทนใช้ไปแบบนั้น

“ทำไมเอยปล่อยไว้แบบนี้ได้ รู้มั้ยว่ามันไม่ดีนะ สายตาพังจะทำยังไง?” ดาวบ่นซะหูชา นี่ถ้าไทป์อยู่คงจะโดนไทป์ด่าอีกคน

“ก็นิดหน่อยเอง ยังพอทนไหว ก็ว่าจะเปลี่ยนเดือนหน้าน่ะดาว”

“เปลี่ยนตอนนี้เลย เอากรอบอันนี้ด้วย” ดาวชี้ไปที่กรอบแว่นแฟชั่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ดัง เอยกลืนน้ำลายลงคอ ราคาหลายพันเลยทีเดียว
“ดาว...เราว่า...มันแพงไปนะ”

“ไม่แพงหรอก ดาวมีส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ที่แน่ๆเอยต้องเอาอันนี้ ไม่งั้นดาวไม่ยอม”

“ก็ได้ๆ เอาอันนี้ครับ” เอยจำยอมอย่างไม่ต้องสงสัย

“ดีมาก งั้นเอยไปเปลี่ยนชุดซะ แล้วไปดูหนังกัน จากนั้นค่อยมารับแว่น”


          เอยเดินไปห้องน้ำ เปลี่ยนชุดที่ดาวเลือกมาให้ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีเทาดำ กับเสื้อคอวีสีขาวแขนสั้นธรรมดา รองเท้าเป็นรองเท้าหนังกึ่งผ้าใบ พอใส่ออกมาเอยก็อดตกใจตัวเองไม่ได้เมื่อเดินออกมาหน้าอ่างล่างหน้าที่มีกระจกยาวเต็มตัวอยู่ ลืมลูกเจ๊กที่เดินเข้ามาเมื่อกี้ไปได้เลย

“เชื่อฝีมือดาวยัง?” ดาวยืดอกอย่างภูมิใจ

“ครับๆ” เอยยิ้ม ก่อนที่ดาวจะควงแขนแล้วเดินเข้าไปโรงหนัง


          หนังแอคชั่นเผ็ดมันส์ที่ฉายประมาณสองชั่วโมง เพิ่งจบลงไป ทั้งสองพูดถึงหนังกันอย่างสนุกสนาน นานแค่ไหนแล้วที่เอยไม่ได้มาดูหนังแบบนี้ วันๆทำแต่งานหาเงิน วันนี้รู้สึกสนุกจริงๆ ถ้าไม่นับที่ดาวจับแต่งตัวล่ะก็นะ

“ไปรับแว่นแล้วกินข้าวเย็นกันนะเอย” เอยมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เวลารวดเร็วจริงๆ นี่จะปาไปหกโมงแล้ว

“งั้นไปรับแว่นกันก่อนนะ”


          เมื่อไปรับแว่น เอยต้องใส่เลยตามคำบอกของดาว รู้สึกว่าไม่ปวดตาอย่างที่ผ่านมาในช่วงหลายเดือนนี้ เบาสบายตาอีกทั้งมองชัดเจนขึ้นด้วย

“ภารกิจสำเร็จ ไปกินข้าวกันเอย”


          ดาวพาเข้าร้านอาหารอิตาลี แน่นอนราคาแพงแทบกระอักเลือด เอยมองซ้ายขวา การตกแต่งหรูหราจนรู้สึกมือสั่น ร้านหรูที่สุดในชีวิตที่กินก็คือร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อเที่ยงนั่นแหละ พอมาเจอร้านแบบนี้ชักจะวางตัวไม่ถูก

“ไม่ต้องห่วงเอย มื้อนี้ดาวเลี้ยงเอง อีกอย่างร้านนี้น่ะ...กิ๊กดาวเอง”

“กิ๊กหรอ ใคร ชื่ออะไร รู้จักกันได้ยังไงดาว?” คำถามรัวซะจนดาวหัวเราะก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะมุมสวยของร้าน

“ก็เจอกันที่อังกฤษน่ะ กินฟรียังได้เลยนะ ฮ่าๆ”

“ว่าไป...ของซื้อของขาย เกรงใจเขา” เอยยังคงตกใจนิดๆ ที่ดาวเอ่ยปากว่ากำลังคบหากับผู้ชายคนอื่น เพราะยังไงรู้สึกว่าดาวก็เหมาะกับไทป์อยู่ดี

“นั่งเหม่อแบบนี้คิดอยู่ล่ะสิว่าทำไมไม่เป็นไทป์?” ดาวเหมือนจะรู้ทัน

“เอ่อ..ก็คิดบ้าง”

“เอย...ความเป็นเพื่อนบางครั้งมันมากเกินกว่าจะเปลี่ยนได้ ไทป์เองก็คิดแบบนั้น เพราะเรารู้จักกันมานานและรู้จักอีกฝ่ายมากเกินไป การที่จะมาเป็นแฟนหรือคบกันมากกว่านั้นมันยาก”

“ก็หมายความว่าไม่ใช่ไม่ชอบ?” เอยถาม

“ชอบแบบไหนเอย ชอบที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีก็ใช่ แต่ถ้าชอบให้รักกันแต่งงานเป็นคู่ตุนาหงันคงไม่มีทาง ก็เหมือนกับที่ดาวเชียร์ไทป์กับเอยเป็นแฟนกันนั่นแหละ เอยเองก็เข้าใจความรู้สึกนี้หนิ”

“เข้าใจอยู่หรอก แต่ของเราแค่เรื่องตลกนี่นา ผู้ชายกับผู้ชายความเป็นไปได้มันไม่มี ไม่เหมือนของดาว ทุกอย่างลงตัวจะตายไป”

“ใครว่าล่ะเอย เดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายได้กันเองมีถมไป บ้านเราก็ออกจะเสรีอยู่ถึงจะไม่เท่าโซนยุโรปแต่ก็เปิดรับเรื่องแบบนี้ ว่าแต่เอยเถอะ ป่านนี้แล้วยังไม่มีใครคุยด้วยหรอ?”

“ไม่มีหรอกดาว วันๆเอาแต่ทำงาน สาวที่ไหนจะมอง”

“แล้วหนุ่มๆล่ะมีมองมั้ย?”

“ตลกแล้วดาวจะไปมีได้ไง ฮ่าๆ” เอยหัวเราะขำไปตามเรื่องตามราว

“ไม่สนใจใครเลยหรอ แบบแอบมองหรือรู้สึกดีๆด้วยน่ะ?” ดาวยังคงเซ้าซี้ถามต่อ

“...ไม่มี” เอยตอบแบบไม่เต็มปากเท่าไหร่

“เฮ้อ...มองโลกให้กว้างนะเอย มองหาบ้างอะไรบ้างเผื่อจะเจอ”

“รับทราบครับคุณดาริกา”


          ทั้งสองสั่งอาหารมาไม่กี่อย่าง เพราะยังอิ่มๆกับอาหารญี่ปุ่นอยู่ กินไปคุยไปไม่ได้มีพิธีรีตรองเหมือนโต๊ะอื่นเขา คุยเรื่องเก่าๆเรื่องสมัยมัธยมและมหาวิทยาลัย

“เอยๆ นั่นกวิน แต่เอ๊ะ...มากับใครล่ะนั่น?” ดาวอุทานพร้อมกับสะกิดเอยให้หันดู เอยหันไปข้างหลังก็เห็นกวินจริงๆ มากับสาวชุดสีดำรัดรูป หุ่นราวกับนางแบบ ควงแขนเดินกันเข้ามายังร้านอาหารแห่งนี้

“ช่างเขาสิ กินต่อเถอะดาว”

“อ้อ...ผู้หญิงคนนั้นเป็นนางแบบชื่อดังเลยนะ ชื่อแมรี่อะไรนั่นแหละ ดาวยังเห็นหล่อนขึ้นปกเมื่อวีคที่แล้วเอง ตัวจริงก็ดูดีใช้ได้หนิ” ดาวดูไปพลางวิจารณ์สมกับที่เรียกตัวเองว่าแฟชั่นนิสต้า

“กินต่อดีกว่าดาว” เอยตัดบท อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลบปลาบในอก เพียงแค่เห็นกวินควงนางแบบ ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก


          ทั้งสองวางมีดกับส้อมลง ก่อนที่จะเช็คบิลแล้วออกจากร้าน ฉับพลันสายตาเหลือบหันไปมองคนทั้งสองที่กำลังจะเริ่มทานอาหาร ดวงตาคมกริบของกวินก็ตวัดมองมาอยู่แล้ว และมองอย่างไม่วางตา ทั้งสองสบตากันเพียงครู่ จากนั้นกวินก็เป็นฝ่ายตัดบทด้วยการหันกลับไปมองหน้านางแบบที่ควงมา...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2014 09:57:50 โดย kimjuy_o »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 มันต้องจำกันได้บ้างละน่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เย้...อัพเร็วทันใจ  :pig4:

กวินจะจำเอยได้ไหมเนี่ย?  แรกๆก็คิดว่าเป็นไทป์ - เอยนะ แต่ปากพ่อคุณนี่แบบ.............

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอยชอบกวินเหรอ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.ใส่วันที่ที่อัพด้วยก็ดีนะ จะได้รู้ว่าอัพตอนใหม่แล้ว  :katai2-1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กวินจำเอยคนเดิมไม่ได้ไม่เป็นไร
แต่มีสบตากันในลุ๊คใหม่ของเอยด้วย
ปิ๊งเพราะลุ๊คใหม่มันโอเค แต่ถ้าจำกัน
ไม่ได้จริงๆ มันก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไรเหมือนกัน

ขออีกตอนซิ กำลังน่าติดตาม

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
สนุกๆ รอตอนหน้านะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
แต่งได้ละมุนดี

ดีใจที่เอยมีเพื่อนดีๆ :)

ออฟไลน์ nabby

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกๆ ชอบๆ มาต่อเรื่อยๆนะครับ อ่านแล้วลื่นไหลดีคับ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มาอัพอีก นะๆ :ling1:

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะคะ




# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#

ตอนที่ 5

ค่อยๆเรียนรู้เรื่องเขา?




          วันนี้ฝนตกพรำๆตั้งแต่เช้าตรู่ โชคยังดีที่เอยพกร่มติดมาเพราะแม่บอกว่าวันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เอยหาวไปสองสามครั้งแล้วในระหว่างที่นั่งอยู่บนรถเมล์ กลิ่นฝนบนถนนชวนให้รู้สึกไม่อยากทำงาน อยากกลับบ้านไปนอนเสียมากกว่า

          วันนี้เอยมาเร็วกว่าปกติเสียอีก เพราะคิดว่าสภาพอากาศเช่นนี้การจราจรอาจจะติดขัดได้ เลยเร่งเวลาอาบน้ำทานอาหารเช้าไวกว่าเดิม เอยกดลิฟต์ขึ้นมายังแผนก สแกนบัตรทำงาน พอเข้ามาก็เห็นแม่บ้านกำลังดูดฝุ่นอยู่

 “สวัสดีครับน้า”

“ทำไมวันนี้มาเร็วจังคุณเอย” แม่บ้านออกจะตกใจที่เห็นเอยมาเวลานี้

“วันนี้เห็นว่าฝนตกน่ะครับ เลยรีบออกจากบ้านมาไวกว่าปกติ”

“คุณเอยรอก่อนได้มั้ยคะ น้าทำอีกนิดหน่อยไม่ถึงยี่สิบนาทีก็น่าจะเสร็จค่ะ”

“งั้นผมเดินเล่นแถวๆนี้นะครับ”


          เอยยิ้มก่อนที่จะเดินออกจากแผนก เช้าแบบนี้จะไปไหนได้ อีกทั้งฝนก็ตก พี่ๆร่วมงานก็น่าจะกำลังออกจากบ้านมา เอยไม่รู้จะไปที่ไหน สุดท้ายก็มาจบที่ห้องกาแฟ ในห้องกาแฟถือว่าเป็นห้องนั่งเล่นของพนักงานช่วงพักเบรค โต๊ะไม้กลมขนาดพอดีกับเก้าอี้ไม้เข้าชุดสองสามชุดตั้งอยู่ในห้อง อีกทั้งยังมีทีวีจอแบนสี่สิบสองนิ้วแขวนตรงฝาผนัง ให้ดูเล่นบันเทิงใจ

“ฮ้าว...” ยังไม่วายแอบหาววอดๆ วันนี้รู้สึกง่วงจริงๆ เมื่อคืนก็นอนไม่ดึกเท่าไหร่ หรือเพราะบรรยากาศฝนตกแบบนี้กันนะ

   
          เมื่อรู้สึกง่วงขนาดนี้แล้ว ไม่รอช้าเอยจึงลุกไปชงกาแฟ พบว่าแม่บ้านยังไม่ได้เสียบถังต้มน้ำร้อน เอยเลยจัดการแทน ไม่ทันจะหนึ่งนาทีเครื่องก็แสดงไฟเขียวว่าพร้อมใช้แล้ว

“เร็วจังแหะ” เอยชงกาแฟใส่นมข้น ดื่มพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง ความเงียบที่อยู่โดยรอบทำให้รู้สึกวังเวงอยู่บ้าง เอยเลยหันไปเปิดทีวีฟังข่าวยามเช้าเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป



          ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา ลิงโลดในใจว่าคงจะเป็นแม่บ้านมาบอกว่าทำความสะอาดเสร็จแล้ว แต่กลับไม่ใช่แม่บ้านอย่างที่เอยคิด

“ท่านประธาน!” เอยรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองดูจะดังพอสมควรเพราะความตกใจ รีบลุกขึ้นยืนและพับหนังสือพิมพ์ลงโดยทันที

“ส..สวัสดีครับ”

“สวัสดี”

          กวินเช้านี้ดูอิดโรยมาก ขอบตาคล้ำ คล้ายกับว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน สภาพเหมือนไม่ได้กลับไปบ้านยังไรอย่างนั้น


          กวินเดินตรงไปหยิบแก้วกาแฟ ดูเหมือนจะชงกาแฟดื่มเรียกพลังยามเช้า เอยได้แต่แอบมอง ตอนนี้เลขาก็ยังไม่มี คงเรียกใช้ใครไม่ได้ เห็นแบบนี้แล้วดูเหมือนว่านิสัยที่ไม่ยอมให้ใครช่วยเหลือยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“......” กวินพึมพำมองหาอะไรสักอย่าง

“เอ่อ...ท่านประธาน หาอะไรครับ?” อีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามไถ่อีกแล้ว

“กาแฟ”

“ถ้าไม่รบกวน..ผมชงให้ดีกว่าครับ” เอยบอก

“สามช้อนไม่ครีมไม่น้ำตาล” ไม่ชอบกินหวานสินะ

“ครับ”


          กวินเดินไปนั่งลงบนเก้า ถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้วคลายเนคไทเล็กน้อย เอนหลังพิงอย่างหมดแรง แค่เห็นก็รู้สึกได้ว่ากวินดูเหนื่อยมากจริงๆ แต่ก็ยังไม่หยุดทำงาน สงสัยนางแบบคนนั้นคงจะเป็นกำลังใจให้สินะ ถึงทำงานได้หามรุ่งหามค่ำไหว คิดแล้วก็ปวดแปลบในอก

“นี่ครับ กาแฟ” เอยวางลงก่อนที่จะถอยออกมา ยืนรอดูกวินชิมกาแฟที่ตัวเองชง

“บอกว่าไม่ใส่น้ำตาล นี่อะไร?” น้ำเสียงไม่ดุซะทีเดียว คิ้วขมวดเล็กน้อย ดูจะไม่ชอบใจเสียมากกว่า

“คือ...ผมเห็นท่านเพลีย น้ำตาลจะช่วยให้ท่านกระปรี้กระเปร่าได้ครับ ผมเลย...” เว้นช่วงอย่างรู้สึกผิด กวินก็เงียบไปแต่ก็ดื่มกาแฟต่อโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ชื่ออะไร?...พีระนัมหรอ” ถามก่อนจะเหลือบดูมองบัตรพนักงานที่ห้อยคออยู่

“ครับ พีระนัม”

“ฝ่ายงบประมาณสินะ นั่งลงหน่อย ชั้นมีเรื่องอยากถาม” เอยจึงนั่งลงตรงกันข้ามกับกวิน

“ปกติใครเป็นคนสั่งดำเนินงาน?”

“หัวหน้าเอกภพครับ” เอยตอบ

“คุณเอกภพรับคำสั่งใครต่อมาอีก?”

“อันนี้ผมไม่ทราบครับ ผมทำตามที่หัวหน้าสั่งเท่านั้น ตามขั้นตอนการทำงาน”

“อย่างนั้นหรอ?” ดวงตาคมกริบเหลือบมองผ่านถ้วยกาแฟ

“คะ...ครับ” ใจเต้นผิดจังหวะเสียได้ แค่โดนมองด้วยสายตาแบบนั้น

“ทำงานมากี่ปีแล้วพีระนัม?” ถามก่อนที่จะวางถ้วยกาแฟลง ลักษณะการนั่งเปลี่ยนไปจากดูหมดเรี่ยวแรงตอนนี้กลับกลายเป็นนั่งไขว่ห้างวางมือประสานท้าวคาง ดวงตาจดจ้องมาที่เอยคล้ายจะพิจารณาคนตรงหน้า

“เอ่อ..จะปีที่สามแล้วครับ” รู้สึกเหมือนโดนคุกคามทางสายตาพิกล

“อย่างนั้นหรือ แล้วคิดยังไงกับบริษัทนี้?” ราวกับกำลังโดนสัมภาษณ์เข้าทำงานอีกครั้ง

“ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ผมเลยสนใจในบริษัทนี้ครับ”

“ตอบคำถามได้ดี” ได้รับคำชมแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนกวินไม่ได้ตั้งใจจะชมตั้งแต่แรก

“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในฐานะที่ชั้นเป็นประธานผู้บริหาร และงานของเธอขึ้นตรงกับชั้น คำสั่งคือจับตาดูพฤติกรรมหัวหน้าของเธอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”


          ราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ ฝนตกเข้ามาในบริษัทได้ด้วยหรือ ทำไมถึงมีคำสั่งสายฟ้าแลบมายังเอย และเป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านประธานเสียด้วย เอยนิ่งงึนงันไปก่อนที่จะขยับปากถามเบาๆ

“ท่านประธาน...พูดอีกครั้งได้มั้ย....ครับ?”

“จับตาดูคุณเอกภพตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นี่คือคำสั่ง”

“ผม...คือ ผมขอเหตุผลได้มั้ยครับ?” รู้ว่าไม่สมควรซอกแซกคำสั่งของท่านประธาน แต่นี่มันกะทันหันเกินไป

“แลกกับอะไรล่ะ?” กวินขอข้อแลกเปลี่ยน ทั้งที่ตัวเองมีแต่ได้กับได้ นิสัยนักธุรกิจจริงๆ

“ผะ..ผมไม่มี”

“ไม่มีของฟรีในโลกหรอกนะพีระนัม” สายตาฉายแววสนุกออกมาโดยที่เอยไม่รู้ตัว

“คือ...ผม” เอยได้แต่จนมุม เสียงหัวเราะในลำคอแว่วมาให้ได้ยิน

“ท่านประธาน!”


          เอยเงยหน้าขึ้นมา พบว่าเจ้าของสายตานั้นยื่นหน้ามาใกล้แล้ว ใกล้มากซะจนแว่นของเอยเป็นฝ้าเพราะลมหายใจของกวิน รู้สึกได้ว่าใบหน้าตัวเองร้อนวูบเมื่อสบตาคมนั้นอย่างจัง

“นึกออกว่าจะเอาอะไรมาแลกก็ค่อยมาบอก” พูดแค่นั้นก่อนจะลุกเดินออกไปพร้อมกับหันมาพูดทิ้งท้าย

“แล้วอย่าลืมคำสั่ง ก่อนเลิกงานทุกวันเสาร์มารายงานความเป็นไปของคุณเอกภพด้วย”


          เดินจากไปพร้อมคำสั่ง ปล่อยให้เอยนั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ตรงนั้น สายตาคมที่แฝงไปด้วยความสนุกเมื่อได้แกล้ง สวนทางกับคำพูดคำจาที่ดูนิ่งขรึม นี่กวินกำลังปั่นหัวเอยหรืออย่างไร
...
..
.
   
               วันนี้ทั้งวัน มีแต่การรื้อเอกสารเก่ามาจัดการ ตามคำสั่งของกวินที่สั่งผ่านมายังเอกภพ เอกสารที่ดูไม่ชอบมาพากล ดูมีอะไรผิดแปลก มีแม้กระทั่งเอกสารก่อนที่เอยจะเข้ามาทำเสียอีก เรียกได้ว่ารื้อค้นหาต้นตอของการทุจริตกันเลยทีเดียว

“เอย...นี่พี่เพิ่งรู้นะ ว่าเอกสารที่เราทำมีการตกแต่งตัวเลขก่อนหน้าจะถึงมือพวกเรา นี่พวกเค้าจ้างสำนักงานบัญชีที่ไหนทำกันนะ”


          พี่แปงเป็นอีกคนที่ต้องมาจัดการเอกสารพวกนี้กับเอย และก็พบว่าหลายต่อหลายฉบับมีการตกแต่งตัวเลขเกินจริง เบิกงบประมาณมากกว่าปกติ แต่สเปคของสินค้าหรือวัสดุที่โรงงานผลิตส่งออกไปยังต่างประเทศกลับด้อยมาตรฐานไม่สมงบประมาณ

“พี่ว่ากลิ่นแปลกๆแล้วล่ะเอย” ยิ่งรื้อยิ่งเจอ ยิ่งค้นยิ่งเห็นความผิดปกติ

“เอกสารพวกนี้หัวหน้าให้พวกเรากับมือนะครับพี่”

“มันก็ใช่ไง จะผ่านก็แค่มือพวกเรา นี่ถ้าสาวความผิด พวกเราอาจจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดได้นะเอย”

“เอ๊ะ....หรือว่ามีเกลือเป็นหนอน?”


          จู่ๆคำถามของพี่แปงทำเอยสะดุด คำสั่งของกวินที่สั่งมาเมื่อเช้ายังดังอยู่ในหัว ดูท่าเอกภพ หัวหน้าของเอยมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แน่ หากเอยปล่อยผ่านไปไม่ช้าก็เร็วความผิดทั้งหมดเอกภพอาจจะโยนใส่เอยกับพี่แปงก็เป็นได้ เพราะส่วนงานเอกสารสเปคสินค้ามีแค่เอยกับพี่แปงเป็นคนจัดการ ส่วนงานงบประมาณอื่นๆพี่ขาวและพี่ๆอีกสามคนเป็นคนจัดการ ถ้าใครจะถูกกล่าวหาในเรื่องที่ท่านประธานเพ่งเล็งคือเรื่องสเปคสินค้า ก็ต้องเป็นเอยกับพี่แปงเท่านั้น

“ต้องมีแน่ๆครับพี่แปง เราคงต้องหาคนทำแล้วล่ะ ไม่งั้นพวกเราโดนหางเลขแน่”

“พี่ก็ว่างั้น ว่าแต่เอย...สงสัยใครเป็นพิเศษ?” คำถามที่เอยฉุกคิด ชั่วโมงนี้ไม่สงสัยใครเท่ากับเอกภพแล้ว

“ถ้าผมพูดไป พี่แปงคงตกใจแน่ๆ”

“อย่าบอกนะว่าหัวหน้า?” เอยมองหน้าพี่แปงอย่างมีนัยยะ

“อย่าว่าแต่เอยเลย ตอนนี้พี่ก็สงสัยเค้า พี่จำสีหน้าตอนที่มาสั่งงานเมื่อเช้าได้เลย ดูลนๆยังไงก็ไม่รู้”

“พี่คิดเหมือนผมหรอครับ แต่เรื่องแบบนี้ทำคนเดียวยากนะครับ ไม่ใช่ง่ายๆเลยที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”

“แต่พี่ว่า เค้ามีตัวช่วยที่ไว้ใจได้นะ” พี่แปงทำท่านึกๆ

“พี่ว่าใครครับ ในแผนกเรามีใครที่ท่าทางไม่น่าไว้ใจ?” ทั้งสองสุมหัวกระซิบกันอย่างหวาดระแวง

“ก็อุ้มไง พี่ได้ยินพวกคนงานสต๊อกพูด ว่าเห็นอุ้มยืนกอดกับคุณเอก แต่มันก็แค่เรื่องเม้า พี่ไม่ค่อยปักใจเชื่อ แต่ว่าวันก่อนขาวบอกพี่ว่าเจออุ้มไปกินข้าวกับหัวหน้าแถวทองหล่อ”

“สองคนนั้น...เค้าเป็นแฟนกันหรอครับ?” หากมีความสัมพันธ์กันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน แน่นอนว่าความลึกซึ้งต้องเป็นตัวเชื่อมให้ทั้งสองร่วมมือกันได้ไม่ยาก

“พี่ก็ไม่เห็นกับตานะเอย พูดยาก เดี๋ยวพี่จะลองดูอุ้มนะว่าท่าทีแปลกๆมั้ยเวลาเจอหัวหน้า ถ้าสองคนนั้นกิ๊กกันจริง เปอร์เซ็นต์ก็สูงขึ้นที่จะร่วมมือกัน”

“แล้วพี่กับพี่ขาวละครับ จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมั้ย?” เอยถามตรงๆ ไม่ได้อยากละลาบละล้วง แต่หากเกี่ยวพันกับงานแล้ว จำต้องถาม

“พี่กับขาวเป็นแค่เพื่อนกัน พี่มีแฟนอยู่แล้ว และอีกอย่าง...ขาวมันไม่ชอบผู้หญิงจ้ะ” เอยตกใจพอสมควร เพราะพี่ขาวดูเป็นผู้ชายปกติ ไม่มีเค้าลางของพวกไม้ป่าเดียวกัน

“ผมขอโทษครับพี่แปง ที่ถามไปแบบนั้น”

“ไม่ผิดหรอก ถามแบบนั้นก็ดี เพราะถ้าสงสัยกันเองก็ลำบากเปล่าๆ”

“งั้นเราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวมาจัดการเรื่องนี้อีกที” เอยขอพัก รู้สึกเริ่มหิว วันนี้ไม่ได้พาข้าวกล่องมาด้วย สรุปเอยเลยไปกินกับพี่ขาวและพี่แปง...
...
..
.


          กลับจากมื้อเที่ยงก็ลุยงานอีกครั้ง คราวนี้มั่นใจเต็มร้อยว่าเอกสารถูกตกแต่งตัวเลข และมีการหลีกเลี่ยงภาษีเสียด้วย เอยและพี่แปงรู้สึกปวดหัวมากขึ้น ดูท่าถ้าจับคนทำผิดไม่ได้ ทั้งสองต้องเจอปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแน่ๆ

“เอย...ส่วนของเอยเสร็จยัง?” พี่แปงถามพลางรื้อเอกสารปึกสุดท้าย

“ของผมแผ่นนี้สุดท้ายก็เสร็จแล้วครับ”

“งั้นมาช่วยของพี่หน่อย หมดนี่คือจบแล้วมาสรุปส่งรายงานเลย...แต่เดี๋ยวนะ...ถ้าเราสงสัยหัวหน้า ส่งไปก็เท่ากับทำลายหลักฐานเลยนะสิ” ทั้งสองมั่นใจแล้วว่าเอกภพต้องมีส่วนรู้เห็นนี้ และหลักฐานพวกนี้ก็พอที่จะเล่นงานเขาได้ด้วย เอยนั่งคิดไปสักครู่ก่อนจะคิดขึ้นได้

“เอาตัวสำเนาส่งให้หัวหน้า เอาตัวจริงส่งให้ท่านประธาน แบบนั้นจะดีมั้ยครับพี่แปง?”

“เออ จริงด้วย งั้นรีบทำ เดี๋ยวพี่จะไปถ่ายสำเนาส่งหัวหน้านะ แล้วตัวจริงเอยไปส่งให้ท่านประธาน” เลขมาออกที่เอย

“ว่าไงนะครับ? เอยว่า...เอยเอาไปส่งหัวหน้าดีกว่า” ไม่อยากเจอหน้ากวินตอนนี้เลย รู้สึกว่าใจยังเต้นตึกตักเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า

“ไม่ได้หรอกเอย เอยจะโดนไล่บี้ เดี๋ยวความแตก พี่จัดการเองดีกว่า” ก็จริงของพี่แปง เพราะถ้าเอยไปส่งเอกสารเอกภพ ต้องโดนซอกแซกต้อนไปไม่ถูกแน่ๆ

“งั้นตามนี้นะ” พี่แปงสรุป จึงเร่งมือทำเอกสารปึกสุดท้ายจนเสร็จ


          ตอนนี้เอกสารสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่แปงจัดการทำสำเนาออกมาสามชุด ตัวจริงเอยจะต้องไปส่งให้กวิน ฉบับที่สองพี่แปงจะพาไปส่งให้เอกภพ ส่วนฉบับสุดท้ายสำรองไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

“ตายแล้ว นี่จะห้าโมงแล้วหรอ งั้นพี่จะรีบไปหาหัวหน้า ไว้พี่จะโทรหานะ” พี่แปงนำเอกสารไปส่งคุณเอกและเตรียมกระเป๋าพร้อมกลับบ้าน ห้าโมงสิบห้าเป็นเวลาเลิกงาน

“นี่ต้องไปจริงๆใช่มั้ย?” เอยได้แต่ถามตัวเอง ก่อนจะไปเก็บกระเป๋า กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดไปยังห้องของประธานผู้บริหาร



          ชั้นนี้ดูเงียบวังเวง ไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนชั้นอื่นๆ เอยเดินงมๆไปยังประตูห้องที่มีอยู่ไม่กี่ประตู ก็เจอเข้ากับสาวสวยคนหนึ่งที่เดินมาพอดี

“มาพบใครคะ?”

“เอ่อ...มาพบท่านประธานครับ”

“ไม่ทราบแผนกไหนคะ ได้นัดท่านล่วงหน้ารึเปล่า? ดิชั้นเป็นเลขาของท่าน ต้องขอทราบเหตุผลในการพบท่านด้วยค่ะ” เธอบอกแบบนั้น แปลว่ากวินหาเลขามาทำงานให้ได้แล้ว เร็วดีจัง

“ไม่ได้นัดครับ เอ่อ...รบกวนบอกท่านว่าพีระนัมจากงานงบประมาณมาขอพบครับ”

“อ่อ คุณพีระนัมหรอคะ ท่านบอกให้เข้าพบได้ตลอดค่ะ เชิญตามดิชั้นมาทางนี้ค่ะ”เอยเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป ก็พบว่าเธอพามายังห้องที่ติดป้ายว่า Gavin Sawettjarern CEO.

“เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ”


          เธอบอกแบบนั้น หลังเคาะประตูแล้วเดินกลับไปยังที่นั่งประจำของตนเอง เอยได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ หวั่นที่ต้องมาเจอหน้ากวินตอนนี้

“เข้ามา”


          เอยเดินเข้าไปในห้องทำงานที่กว้างหลายเมตร แอร์เย็นฉ่ำกว่าห้องทำงานชั้นล่าง กระจกใสเป็นผนังเบื้องหลัง มองเห็นวิวการจราจรไกลสุดตา

“พีระนัม นั่งก่อนสิ” คำทักทายคำแรกเมื่อเอยเดินเข้ามา

 “ขอบคุณครับ” เอยนั่งลงตรงข้ามกวิน

“ว่ามา” กวินวางปากกาลง ตั้งใจมองมาที่เอยเพื่อฟังธุระที่เข้ามาพบ

“นี่คือเอกสารสรุปทั้งหมดครับ” กวินรับเอกสารไปอ่านคร่าวๆ

“เอกภพสั่งงานว่ายังไง?”

“สั่งว่าท่านประธานให้ตรวจเอกสารทั้งหมด แล้วทำสรุปเอกสารแล้วไปให้หัวหน้าครับ”

“อย่างหลังชั้นไม่ได้สั่ง...แล้วนี่พบความผิดแปลกเยอะมั้ย?”

“ถือว่าเยอะพอสมควรครับ จากที่ตรวจสอบ เอ่อ...มีการตบแต่งตัวเลขก่อนจะถึงมือพวกเราครับ?”

“แล้วเรื่องที่ให้จับตามอง มีข่าวอะไรมาบ้างมั้ย” กวินจ้องมองเอยด้วยสายยากจะคาดเดา

“คือ...พอมีครับ แต่ยังไม่น่าเชื่อถือพอเพราะยังไม่แน่ชัด?”

“ว่ามา ชั้นฟังทุกเรื่อง” กวินดันหลังพิงเก้าอี้ตัวสูงด้วยท่าที่ผ่อนคลาย รอฟังเรื่องราวที่เอยจะเล่า

“พี่แปง...เอ่อคุณปาริตาเองก็สงสัยหัวหน้าครับ และคิดกันว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าทำเอง ที่สำคัญ..” เอยเว้นจังหวะ กำลังคิดว่าสมควรพูดเรื่องต่อไปนี้ออกไปดีหรือไม่

“เรื่องอะไร? ว่ามาเลย” กวินย้ำอีกครั้ง

“คุณปาริตาเธอบอกว่าหัวหน้าและคุณอุมาวดีน่าจะมีความสัมพันธ์เกินเพื่อร่วมงาน เพราะมีคนงานฝ่ายสต๊อกบอกเธอว่าเจอทั้งสองคนกอดกัน และยังมีคุณชินภัทร บอกว่าเจอทั้งสองคนไปทานข้าวกันสองต่อสองแถวทองหล่อด้วยครับ” เอยจำเป็นต้องบอกถึงแหล่งข่าว

“ทั้งหมดที่เอ่ยมา ก็เป็นคนในฝ่ายงานงบประมาณทั้งนั้นหนิ” กวินขมวดคิ้วถามเอย

“ชะ...ใช่ครับ ผมกับคุณปาริตาเราทำงานดูและงบประมาณด้านสินค้าผลิตภัณฑ์ ส่วนคุณชินภัทรทำงานส่วนงบจัดซื้อ คุณอุมาวดีทำงานส่วนงบจัดขายครับ” เอยแจกแจงหน้าที่งานของแต่ละคน

 “ที่ปาริตาพูดมาก็ถูก เรื่องแบบนี้ทำคนเดียวไม่ใช่ง่ายๆ และถ้าร่วมมือกับอุมาวดี น้ำหนักความน่าจะเป็นก็สูง”

“ตอนนี้คุณปาริตาเลยคิดจะจับตาดูคุณอุมาวดีครับ ว่ามีความสัมพันธ์ยังไงกับหัวหน้า”

“แล้วเรื่องที่ชั้นให้เธอจับตามองคุณเอกภพ?”

“ผะ..ผมไม่ลืมครับ และไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครครับ”

“เสาร์นี้ชั้นคงได้รับอะไรคืบหน้านะพีระนัม”

“ผมจะพยายามครับ” โดยคาดหวังแบบนี้ รู้สึกกดดันจริงๆ

“แล้วนี่เลิกงานแล้ว?” กวินถาม มือนั้นเริ่มเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม

“ครับ งั้นผมขอกลับเลยนะครับ” เอยใช้จังหวะนี้ขอตัวกลับบ้านเสียเลย

“กลับยังไง?”

“เอ่อ...รถเมล์ครับ”

“...เดี๋ยวจะไปส่ง”

“ว่ายังไงนะครับ?”

++++++++++++++++++++


ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
หูย...เอยจะมีอันตรายอะไรไหมเนี่ย

ท่านประธานดูแลลูกน้องด้วยนะย่ะ

chaichan

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด