ฉาวครั้งที่๒๓ผ่านไปสองวันหลังจากที่แม่เป็นลม ผมกำลังเดินเรี่องฟ้องพี่มิวและโรงแรมดังกล่าวข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนำรูปของผมมาเผยแพร่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียโดยมีพวกไอ้เจนจัดหาทนายให้ ในตอนแรกผมก็เห็นใจพี่มิวแต่เมื่อพี่เขาเล่นนอกเกมส์ผมก็จะไม่ใจดีอีกต่อไปผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดถึงแม้ว่าทนายจะบอกผมก่อนแล้วว่าหากยื่นเรื่องไปศาลจะเรียกมาไกล่เกลี่ยหรือทำได้แค่เพียงเรียกค่าเสียหายจากพี่เขาเท่านั้นแต่ก็เอาเถอ ยังไงๆภาคินก็จัดการฟ้องอีกต่ออยู่ดีและแต่ละข้อหาก็หนักเอาการอยู่ พี่เขาคงดิ้นไม่หลุดแน่ๆ ผมก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนักเพราะยังไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกับภาคินเลย มันคงวุ่นๆอยู่กับเรื่องนี้แน่ ผมก็ยังไม่อยากกวนมันเพรามันกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่เงียบๆ
“กูรู้มาเว้ยว่าเฮียจอห์นเป็นคนหาทนายให้ไอ้ภาคิน”ไอ้เจนบอกระหว่างที่ปริ้นข้อความจากกระทู้ปัญหานั้นโชคดีที่มันแคปข้อมูลเก็บไว้้เพราะตอนนี้กระทู้ปลิวเข้าหลุมดำไปแล้ว
“เห็นพี่กูบอกว่ามันกลัวจะถูกแทรกแซง ถ้าจัดการเรื่องเอง ชีวิตไอ้ภาคินนี่แม่งช่างน่าตื่นเต้นดีแท้”มันบ่นพึมพำของมันไป พี่มิวเองก็มีเส้นสายพอดูเหมือนกัน ผมไม่แปลกใจเลยที่ข่าวแย่ๆของผมถึงเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต ติ่งบ้างส่วนก็พากันแอนตี้ผม ยกเว้นพวกแฟนคลับเก่าๆอย่างพวกแป้งที่พอจะรู้อยู่บ้างว่าอะไรเป็นอะไร
“ว่าแต่ยัยแร้งมันมีปัญหาอะไรกับภาคินวะ ถึงได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ เปิดข่าวช่องไหนมันต้องมีสักช่อง กูนี่เบื่อจะแย่แล้ว”ไอ้เชษถามขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำทีเป็นสนใจเอกสารตรงหน้า
“หรือว่าข่าวลือคราวก่อนมันมีมูลวะที่ว่าภาคินเคยคบกับผจก.และใช้เส้นไต่เต้าดังขึ้นมา แต่พอภาคินดังก็เลยคิดจะสลัดรักมาจริงจังกับมึงผจก.ก็เลยแค้น”ไอ้เจนหรี่ตา
“มีข่าวลือแบบนี้ด้วยเหรอวะ”ช่างจินตนาการกันจริงๆ
“เรื่องมันไม่ใช่แบบที่พวกมึงคิดหรอก ชีวิตมันออกจะซับซ้อน”ผมถึงเคยบอกมันให้เขียนประวัติตัวเองขายซะ เพราะเหมือนบทละครเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ดีไม่ดีอาจจะขายดีก็ได้
“ข่าวจากคนคลุกวงในเชียว อย่างนี้สงสัยข่าวจริงร้อยเปอร์เซ็น”ไอ้เชษหัวเราะ ถึงแม้ว่าในส่วนคดีฟ้องร้องของผมจะทำอะไรพี่มิวไม่ได้มาก แต่ผมก็แค่ต่อสู้ในส่วนที่ทำได้ ที่เหลือก็ฝากภาคินจัดการก็แล้วกัน
“เออ แล้วมึงจะกลับไปบ้านพ่อตอนไหนวะ อยู่นานหรือเปล่า”ไอ้เจนถาม
“ก็คงหลังจากที่จัดการคดีเสร็จนั่นแหละ เรื่องเงียบเมื่อไหร่ก็คงกลับมา”โชคดีจริงๆที่เรื่องนี้มาเกิดในช่วงปิดเทอมไม่อย่างนั้นชีวิตผมคงต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
******************************************
[PK Side]
ผมรวบรวมหลักฐานที่มีให้ทนายที่ไอ้จอห์นหามาให้เรียบร้อยแล้วที่เหลือก็ยื่นฟ้องต่อศาล สำหรับผู้หญิงคนนี้ คงไม่มีคำว่า อภัยให้แล้วจริงๆ ผมไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยหากฝ่ายนั้นจะเล่นงานผมแค่คนเดียวเพราะผมชินชากับกระแสเกลียดชังพวกนี้ไปแล้ว แต่พี่เขากลับมุ่งประเด็นไปที่เมฆ คงจะใช้เรื่องนี้มาทำให้ผมแตกหักกันแน่ๆ แต่ก็ทำอะไรความสัมพันธ์ของผมกับเมฆไม่ได้หรอก ถือเป็นเรื่องดีที่เราทั้งคู่เปิดเผยต่อกันจนบอกกันแทบจะทุกเรื่อง
ผมยื่นฟ้องพี่มิวไปหลายกระทง หมิ่นประมาท ละเมิดสัญญา ฉ้อโกงปลอมแปลงเอกสาร งานนี้ถ้ายังมีหน้ามายืนอยู่ในสังคมได้อีกล่ะก็...คงหน้าด้านหน้าทนมากจริงๆ ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยกับเฮียเปรมเพราะเฮียเพิ่งจะมีข่าวบ้านแตกไปไม่กี่สัปดาห์นี่เอง และการฟ้องร้องครั้งนี้มีหลักฐานที่สาวไส้ถึงเฮียได้ชัดเจนเรื่องการโกงค่าตัวของผม คราวก่อนเฮียก็เพิ่งออกจากศาลด้วยคดีเดียวกันนี่เอง งานนี้ต้องโทษพี่มิวคนเดียว หางานให้เฮียเปรมอีกแล้ว
RRRRR
เบอร์แปลกๆโทรเข้ามาหาผมเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“สวัสดีครับ”ผมตัดสินใจรับเพราะรำคาญ
[คือ...ผมชื่อบอลนะครับ ที่เคยนอนกับเมฆ] ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดทันทีมันกล้ามากที่โทรหาผมแบบนี้
“มึงต้องการอะไร”ผมไม่สนว่ามันจะอัดเสียงไว้หรือเปล่า
[คือผมได้ข่าวมาว่าพี่จะฟ้องร้อง ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เป็นเรื่องนะครับ] น้ำเสียงละล่ำละลักดังมา ผมแค่นยิ้ม
“ไม่ได้ตั้งใจ แต่มึงภูมิใจนำเสนอเบื้องลึกเบื้องหลังเลยนี่ ถ้าจะมาขอร้องล่ะก็ หึ ไม่ได้ผล”ผมกำลังจะกดตัดสายแต่ประโยคต่อมาก็ทำให้ผมคุยต่อ
[ผมถูกสั่งให้ทำ] ผมเดาะลิ้น หยิบเบียร์ที่เหลืออีกน้อยนิดขึ้นจิบ มีลูกนกบินเข้ากับดักอีกแล้ว
“มีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีจะไม่เอาเรื่อง”ซะที่ไหน คราวนี้หลักฐานมัดตัวพี่มิวก็ยิ่งแน่นหนาขึ้น คราวนี้ข้อหาอาจจะหนักมากกว่าเดิมก็ได้ จงใจทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงแถมมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก สงสัยคงเป็นวันของผมทุกอย่างจึงดูเป็นใจไปหมด
[แน่นะครับ หลักฐานผมมีแน่อยู่แล้วแต่ขออย่างเดียวอย่าเอาเรื่องผมเลยผมไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้] ก็เพราะมันเป็นคนพิมพ์ข้อความทั้งหมดเองไม่ใช่เหรอไม่รู้ล่ะเขาเองก็ไม่ใช่คนดีตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
“ก็ได้ฉันจะไม่เอาเรื่อง ส่งหลักฐานมาสิ”ถ้ามันรู้จักคนอย่างภาคินดีพอล่ะก็มันคงจะรู้ว่าผมน่ะคือตัวแสบที่ไม่สมควรจะไว้ใจอย่างยิ่ง แต่ดูๆแล้วมันคงจะจนตรอกมากจริงๆถึงได้มาขอร้องผมแบบนี้ให้มันส่งหลักฐานมาทางอีเมลล์ ก่อนจะวางสาย
“ไอ้เพชรมีอะไรจะให้ช่วยว่ะ”
[ว่ามาเลยพ่อซุปตาร์ตกกระป๋อง]ถ้าเป็นคนอื่นพูด ผมคงปรี๊ดแตกไปแล้ว
“มึงช่วยกระจายข่าวให้หน่อยดิว่าพรุ่งนี้กูจะแถลงข่าวแฉใครบางคน”
[มึงแถลงพรุ่งนี้เหรอ ไม่ใช่อีกวันเหรอวะ]
“กูแถลงวันเดิมนั่นแหละแต่แค่อยากปั่นหัวคนเล่น ฝากบอกลูกน้ำด้วยนะเว้ยช่วยๆกันทำมาหากิน”ไอ้เพชรหัวเราะ
[ร้ายกาจ เออ เดี๋ยวจัดให้]
ผมวางสายด้วยรอยยิ้มที่หลายวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เรื่องที่เกิดขึ้นทำผมเครียดจนแสบกระเพาะไหนจะเรื่องที่เมฆจะย้ายไปอยู่บ้านพ่อ เรื่องฟ้องร้อง และเรื่องเนื้อหาการแถลงข่าวที่ใกล้จะมีขึ้น ผมตัดสินใจแล้วถึงจะเป็นเรื่องยากแต่ไหนๆชีวิตในวงการบันเทิงของผมก็เละมาขนาดนี้แล้ว ถ้าผมจะแฉให้หมดทุกเรื่องมันจะเป็นไรไป
ผมเชื่อว่าหากผมแฉจนหมดเปลือกหนทางที่ผมจะกลับมามีหน้ามีตาบนทางสายนี้คงริบหรี่เต็มทนเพราะตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมมีแต่ข่าวเสียๆ มันคงถึงเวลาที่ผมต้องพักยาวสักสองสามปี ที่ผ่านมาผมก็ทำเต็มที่แล้ว มันอาจจะจริงที่ผมเลยจุดพีคของตัวเองมาแล้วก็ได้ ผมถอนหายใจอย่างปลงตก รู้สึกอยากปลดปล่อยให้หัวมันโล่งสักที ผมออกไปหาไอ้จอห์นที่ผับ นั่งลงที่มุมเดิม สายตาจับจ้องไปยังโต๊ะตัวเดิมที่ผมเคยเห็นเมฆมากับกลุ่มเพื่อน แต่บัดนี้โต๊ะนั้นว่างเปล่า ผมยิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์คราวนั้นผมบ้าบิ่นจริงๆที่ตัดสินใจทำแบบนั้น ผมอยากให้เรื่องบ้าๆนี่จบลงเสียที ผมอยากได้ชีวิตที่สงบสุขกับคืนมา
“อีกไม่นานหรอก ภาคิน”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆสายตาจ้องมองแห้วเหล้าตรงหน้า
“เครียดจนประสาทกลับแล้วเหรอวะคุยคนเดียว”ไอ้จอห์นเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผม
“ยังเว้ย กูต้องสะสางเรื่องให้หมดก่อนดิ”ไอ้จอห์นย่นคิ้วก่อนจะยื่นเอกสารส่งให้ผม
“ไรวะ”
“ที่มึงให้กูหาไงลืมแล้วเหรอ”ผมถึงบางอ้อทันที ในซองเอกสารนี้มีหลักฐานชัดแจ้งว่าพี่มิวกับเฮียเคยกิ๊กกันมาก่อน ที่มันเป็นคนหามาให้ก็เพราะโทรศัพท์เครื่องเก่าที่พังไปเพราะฝีมือของผมดันนอนแอ้งแม้งในห้องมัน ผมก็เลยให้มันไปกู้ข้อมูลมาซะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมจะแฉ ผมมอมตัวเองอีกพักใหญ่ จนไอ้จอห์นไม่ยอมเอาเหล้ามาเพิ่มให้ผม
“กูรู้ว่ามึงอัดอั้น แต่อย่าเมาดิวะเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกหรอก”ไอ้จอห์นปราม
“ขนาดนี้แล้วมึงคิดว่ากูมีภาพลักษณ์อะไรให้ห่วงอีกหรือไง”ผมยิ้มเยาะตัวเอง
“กูไม่ได้ห่วงมึง กูห่วงว่าที่แม่ยายมึงต่างหาก เขายิ่งไม่ปลื้มที่มึงมีข่าวแย่ๆอยู่ สมองมีก็หัดคิดซะบ้าง”มันด่าได้เจ็บแสบทีเดียว ผมไหวไหล่ก่อนจะเตรียมตัวกลับ
“มึงไหวแน่นะ”
“เออดิ”ว่าจะแวะไปหาเมฆสักหน่อยไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว ผมขับรถอย่างระมัดระวังเพราะรู้ว่าตัวเองมึนๆ
“เอ้า เวร”ผมสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อข้างหน้ามีด่านตรวจ ปกติไม่เคยเห็นจะตั้ง มาขยันอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ ผมชะลอรถก่อนจะคว้าขวดน้ำมาดื่ม ตำรวจโบกแท่งไฟให้จอด ผมเลื่อนกระจกรถลง
“สวัสดีครับ”ผมยิ้มทักแต่ก็คิดได้ว่าไม่น่าทำเพราะกลิ่นแอลกอฮอร์หึ่งเชียว คุณตำรวจให้ผมลงมาเป่าวัดแอลกลอฮอร์ผมทำใจก่อนจะเป่า เห็นตัวเลขแล้วก็แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่เกิน ถ้าเกินนี่ผมคงเสียทั้งเงิน เสียชื่อเน่าๆอีกรอบแน่ผมเหลือบมองที่โต๊ะเห็นว่ามีหนังสือพิมพ์ที่มีรูปผมขึ้นหน้าหนึ่งพร้อมด้วยพาดหัวว่าอะไรไม่รู้เห็นแวบๆแค่คำว่าแสบ
“ผมไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป”ผมพูดเสียงแข็งเมื่อหนึ่งในนั้นยกมือถือขึ้นมาไม่รู้ว่าจะเอารูปผมไปเขียนมั่วๆหรือเปล่าผมยกยิ้มลาเมื่อเสร็จธุระแล้ว ผมจอดรถที่หน้าบ้านของเมฆที่เงียบสนิทป่านนี้คงนอนกันหมดแล้วมั้ง ผมกดโทรหาเมฆรออยู่พักใหญ่ๆ อีกฝ่ายก็รับด้วยเสียงงัวเงีย
[ฮาโหล]
“ขณะนี้คุณกำลังเข้าสู่บริการส่งความคิดถึงจากภาคิน บริการนี้ไม่คิดค่าโทร”ผมกรอกเสียงนุ่มๆลงไป
[นึกคึกอะไรขึ้นมา หืออ]ได้ยินเสียงหาวนอนดังมาแว่วๆ
“แค่คิดถึง ผิดด้วยเหรอ อยากได้กำลังใจจะได้มีแรงสู้ต่อ”
[มาหาดิ เดี๋ยวพาย่องเข้าบ้าน]เมฆกระซิบ ผมยกยิ้ม
“ถ้างั้นก็ลงมาเปิดประตูให้หน่อยสิ”ได้ยินเสียงแปลกใจดังมาก่อนที่ม่านจะแหวกออกเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายผมวางสายก่อนจะโบกมือให้ เมฆหายไปจากกรอบหน้าต่าง ครู่หนึ่งจึงโผล่มาที่หน้าบ้าน
“นายนี่ชอบมาหาฉันตอนดึกๆดสมอเลยนะ ไม่หลับไม่นอนหรือไง...”เสียงบ่นของเมฆทำให้ผมยิ้มแต่ร่างตรงหน้าเอนตัวออกห่างจากผมเมื่อผมกางแขนจะกอด
“ดื่มมาอีกแล้ว”ย่นจมูกมองผมแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรอีก เมฆค่อยๆย่องพาผมขึ้นไปบนบ้านก่อนจะชี้ไม้ชี้มือไปที่ห้องของแม่แล้วเอานิ้วแตะปาก ผมยกมือโอเคไปให้ ก่อนจะค่อยๆวางเท้าลงบนไม้กระดานให้เบาที่สุด กว่าจะถึงห้องเมฆก็เล่นเอาเกร็งไปหมด
“เครียดเหรอ”เมฆถามเบาๆเมื่อเลื่อนตัวมานอนเบียดกับผม
“ก็นิดหน่อยน่ะ”
“ไม่หน่อยแล้วมั้ง...แล้วนี่เป็นไงบ้าง”ผมมองใบหน้าที่ีมองเห็นลางๆในความมืด รู้ดีว่าอีกฝ่ายถามถึงอะไร
“ได้หลักฐานมาเพิ่มด้วยล่ะ”ผมเอามือถือออกมาเปิดอีเมลล์ที่ไอ้บอลส่งมาให้เมฆจ้องมองด้วยสายตาเรียบเฉย
“ฉันยื่นฟ้องพี่มิวไปแล้วศาลกำลังนัดให้ไปฟังข้อกล่าวหา”ผมพึมพำตอบรับในลำคอ ถึงคดีของเมฆจะทำให้อีกฝ่ายแค่เสียค่าปรับแต่ก็ยังมีไม้ต่อของผมอยู่ ฟาดทีเดียวไม่ตายหรอกผู้หญิงคนนั้นฟาดทีเดียวยังไงก็ไม่ตายหรอก
“เมฆ ฉันกำลังคิดว่าจะแฉทุกเรื่องที่เกิดขึ้น...”ผมพูดด้วยน้ำเสียงลังเล อีกฝ่ายมองหน้าผมเหมือนมีอะไรอยากพูด
“คิดดีแล้วเหรอ”
“อือ...”
“ฉันกลัวนายเสียไปด้วยน่ะสิ นายจะกลับมาดังอีกไม่ได้แล้วนะ”
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วล่ะ นายก็รู้ ฉันปลงแล้ว อีกอย่างไหนๆเรื่องก็มาขนาดนี้แล้วบางทีถ้าฉันอยู่เงียบๆไปสองสามปีก็อาจจะดีกว่าก็ได้”ถึงแม้ส่วนลึกในใจของผมจะอยากทำเพลงต่อก็เถอะ เมฆลูบแขนผมเบาๆผมเอาหน้าผากซบกับไหล่ของเมฆกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกสบายใจอย่างประหลาดแล้วที่สำคัญเริ่มจะง่วงนอนแล้วด้วย
“นอนได้แล้ว”เมฆเอื้อมมาตบหลังผมเบาๆเหมือนกำลังกล่อมเด็ก ผมยิ้มทั้งๆที่หลับตาอยู่
“นายก็นอนได้แล้ว”ผมพึมพำตอบก่อนจะหลับลงความรู้สึกที่หนักอยู่ในอกหายไปเป็นปลิดทิ้งเท่านี้ผมก็มีกำลังใจสู้ต่ออย่างไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
ผมสะดุ้งตื่นเพราะความร้อนแผดเผา ผมปรือตามองไปรอบๆม่านถูกเลื่อนเปิดออก ผมมึนเบลอเล็กน้อยดันเข่าอ่อนตกจากเตียงเสียงดังโครม ได้ยินเสียงหัวเราะจากหน้าประตู ผมเงยมองเมฆที่ส่ายหน้าระอา แม่ชะโงกหน้ามามองผมใจหายเล็กน้อยเพราะกลัวโดนว่า
“อาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานข้าวนะคิน แล้วแม่ก็ทำน้ำขิงบำรุงร่างกายไว้ให้แล้ว จะได้มีแรงสู้ไง”แม่ยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที
“ขอบคุณครับแม่”ผมเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเพราะน้ำเย็นๆผมค้นเสื้อผ้าตัวเก่าของผมที่อยู่ก้นตู้มาใส่แล้วลงไปด้านล่าง เมฆกำลังช่วยแม่จัดโต๊ะอาหาร ผมเข้าไปช่วยตักข้าวใส่จาน
“วันนี้เมฆต้องไปเดินเรื่องที่ศาลด้วย ทานกันให้เยอะๆทั้งคู่นั่นแหละ”
“นายไปกับเจนเหรอ”ได้ข่าวมาว่าเจนช่วยเป็นธุระเรื่องหาทนายให้พี่น้องคู่นี้ช่างเหมือนกันจริงๆ
“อือ กลัวจะเจอพวกตัวป่วนน่ะสิ”ตัวป่วน?คงหมายถึงนักข่าวแน่ๆ
“ถ้าเจอก็ไม่ต้องตอบคำถามอะไรทั้งนั้นแหละ”เมฆพยักหน้าก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา
“แบบนี้พี่มิวก็หัวหมุนเลยสิ เข้าออกศาลเป็นว่าเล่น”ผมหัวเราะ บรรยากาศดีขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนแม่จะไม่ได้ว่าอะไรที่ผมแอบย่องมาหาลูกชายท่าน
“แม่เองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำแบบนั้นตอนที่ให้กำลังใจกันได้ก็ทำไปเถอะ”จู่ๆท่านก็พูดขึ้นเมื่อผมกำลังคว่ำจานอยู่ในครัวคนเดียว หรือจะเดาสีหน้าของผมออก
“ผมคิดว่าแม่ไม่ค่อยจะถูกใจผมสักเท่าไหร่”ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ท่านหรี่ตามองผม
“เมื่อก่อนน่ะใช่ จู่ๆใครก็ไม่รู้มาทำให้ลูกแม่เป็นข่าวแย่ๆก็ต้องไม่ถูกชโลกเป็นธรรมดา ภาคิน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมที่ให้เมฆย้ายไปบ้านนอก”
“ผมจะโกรธทำไมล่ะครับ ผมเองก็เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี อีกอย่างผมไม่อยากให้แม่กับเมฆพลอยเครียดไปด้วยเหมือนกัน”ผมตอบตามความจริงท่านยกยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนจะลูบบ่าผมเบาๆ
ผมเช็คโทรศัพท์ มีเบอร์แปลกๆโทรหาผมได้ทั้งวัน ผมเดาว่าคงเป็นพวกนักข่าวที่พยายามติดต่อเพื่อสัมภาษณ์ผม หรือไม่แน่ก็มาถามรายละเอียดเรื่องที่ผมกุข่าวว่าจะแถลงวันนี้ ผมโพสต์ข้อความลงบนไอจีอีกครั้งบอกว่าเลื่อนแถลงเป็นวันพรุ่งนี้ ผมยิ้มเยาะเมื่อเห็นข้อความของพี่มิวที่ถามมาว่าจะแฉเรื่องอะไร หึ เตรียมรอรับระเบิดก็แล้วกัน
ผมอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับ เป็นกลยุทธ์ที่ดี ผมนึกภาพอีกฝ่ายกำลังเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจได้เลย งานนี้พี่เขาลำบากแน่ ถึงแม้ว่าจะมีเส้นมีสายเยอะแค่ไหน แต่ใครจะกล้าเสี่ยงออหมาหนุนหลังตอนนี้ แค่ได้ยินมาว่าพี่มิววิ่งวุ่นหาทนายความเก่งๆมาสู้คดีของเมฆผมก็แช่มชื่นในอกแล้ว อยากก่อเรื่องเองนะพี่มิว ตอนนี้ผมไม่เหลือความรู้สึกใดๆให้อีกแล้วที่ผ่านมาผมยอมลงให้มามากเกินพอแล้ว
ช่วงตอนบ่ายผมโพสต์ข้อความลงบนไอจีอีกครั้งบอกว่าเลื่อนแถลงเป็นวันพรุ่งนี้ เมฆบอกผมด้วยว่าพี่มิวไม่ได้มาศาลแต่ส่งทนายมาแทน ผมโทรหาพี่แต้วที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวของผมไปแล้วเพราะพี่เขาเองก็พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง
“พี่แต้วครับ วานช่วยกระจายข่าวให้ผมทีว่าพรุ่งนี้ตอนเช้า ผมจะจัดโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ พี่นัดนักข่าวมาให้เยอะที่สุดเลยครับ”
[ได้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับทางช่องN.New ให้คินก็ดูแลตัวเองดีๆนะจะได้มีแรงสู้]
“เรื่องนี้ผมฟิตปั๋งอยู่แล้วครับ”หลังจากที่ช่องN.newยืนยันผ่านไอจีว่าผมจัดแถลงข่าวโทรศัพท์ของผมก็แทบระเบิด พี่มิวส่งข้อความเดิมมาอีกรอบ คราวนี้ผมตอบกลับ
'แฉเรื่องพี่กับเฮียไง คงฉาวไปอีกนาน'
'อย่านะคิน เรื่องอื่นพี่ไม่ว่าแต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พี่กับเฮียที่เสียนะ'
'เจอกันพรุ่งนี้ครับ'
บทละครบทสุดท้ายจะจบลงแล้ว ผมตื่นเต้นกับวันพรุ่งนี้จริงๆ
***********************************************************
วันแถลงข่าวทนายมากับผมด้วย ตอนนี้นักข่าวมากันเกือบครบแล้ว แสงแฟลชสาดใส่เกือบทุกๆนาที จนผมต้องขอให้หยุดถ่ายเพราะทนายหน้านิ่งของผมไม่ชิน
“วันนี้ผมจะเคลียร์ทุกเรื่อง และผมจะพูดความจริงครับ ผมมีหลักฐานยืนยันในสิ่งที่พูด อย่างที่พวกพี่ๆคงทราบดีว่าผมและทางค่ายได้หมดสัญญาต่อกันแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยดีนัก จากที่ผมให้สัมภาษณ์ที่นิตยสาร ทางค่ายและผู้จัดการคนเก่าร่วมมือกันโกงค่าตัวและ%ของงานที่รับมาตลอด และได้มีการฉ้อโกงปลอมแปลงสัญญาเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งผมได้ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้ว”ผมพูดเท่าที่พูดได้ ทนายหน้านิ่งของผมก็อธิบายขั้นตอนการฟ้องไป
“ส่วนเรื่องที่สองที่ผมฟ้องอดีตผู้จัดการคือหมิ่นประมาท”ทนายถือรูปภาพที่ปริ้นมาจากกระทูนั้น
“และผมมีหลักฐานที่ยืนยันว่าอดีตผจก.ได้มีการว่าจ้างให้มีการใส่ความพูดบิดเบือนเกินจริงแก่แฟนของผม ซึ่งหลักฐานนั้นผมไม่สามารถเอาให้พวกพี่ๆดูได้ ถ้าพวกพีไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดล่ะก็คอยติดตามคดีนี้ของผมให้ดีก็แล้วกันครับ ฝ่ายที่โกหกไม่มีทางชนะคดีแน่นอน”หลังจากที่ผมพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น ผมใจเต้นตึกตักเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผมจะพูด ทนายได้เตือนผมแล้วเรื่องแฉความสัมพันธ์ของพี่มิวกับเฮียว่าเสี่ยงเกินไปที่จะพูด ผมอาจถูกฟ้องกลับได้ ผมเองก็ห้าสิบห้าสิบว่าจะพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่ ทางเฮียเปรมถึงจะบ้านแตกแต่ก็มีลูกสาวแล้ว...พูดออกไปนี่มันยากกว่าที่คิดอีก ผมมองหน้าทนายที่ส่ายหน้าเล็กน้อย
“อีกเรื่องที่ผมอยากจะพูดคือ...”ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าพี่มิวเองก็มาฟังการแถลงครั้งนี้ด้วยแต่สวมใส่ชุดที่ป้องกันคนจำได้ พี่เขาจ้องมองผมด้วยแววตาขอร้อง ผมส่งยิ้มเยาะให้
“ผมเคยมีความสัมพันธ์กับอดีตผจก.จริง”ผมเว้นช่วง เกิดเสียงฮือฮาขึ้นระลอกใหญ่
“แต่นั่นเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าวงการ พวกพี่จะเชื่อหรือไม่ผมห้ามความคิดของพวกพี่ไม่ได้”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันคะ”เป็นคำถามที่ชงมาให้ผมโดยเฉพาะอยู่แล้ว เพราะพี่เจนนักข่าวที่ผมเคยทำงานด้วยเป็นคนถาม ผมยกยิ้มก่อนจะหยิบซองเอกสารออกมา พี่มิวเริ่มขยับตัว สีหน้าดูหวาดหวั่นในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ คงจะกลัวว่าผมจะแฉเรื่องความสัมพันธ์แน่ๆ
“ผมไม่สามารถพูดได้ทั้งหมด มันเป็นช่วงเวลาแย่ๆน่ะครับ”ผมตีหน้าเศร้า กระพริบตาเพื่อให้มีน้ำคลอหน่วย ผมเองแสดงละครเก่งอยู่แล้ว ผมหยิบดอกกุหลาบสีเหลืองออกมาจากซองเอกสารหลายๆคนตีหน้างง แต่พี่มิวมีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด ผมถอนหายใจสุดท้ายผมก็ไม่กล้าพูด เอาเถอะเรื่องของผมกับพี่มิวคงไปเจอกันในศาล ผมกลับมาสนใจดอกกุหลาบสีเหลืองอีกครั้ง
“ผมชอบความหมายของมัน..ในอีกด้านหนึ่งน่ะครับ”คือการหลอกลวงทรยศ
“ถ้าอยากรู้ความหมายล่ะก็ เร็วๆนี้ ผมจะออกพ็อกเก็ตบุ๊ค อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ ส่วนการแถลงข่าวของผมคงมีเท่านี้ หากพูดเยอะกว่านี้จะเสียรูปคดี ขอบคุณพวกพี่ๆที่มากันนะครับ แล้วเจอกันในศาลนะครับ พี่มิว”ผมยกยิ้มให้พี่มิวที่แสดงอาการตกใจทันทีเมื่อผมพูดออกไมค์ นักข่าวก็เลยหันไปสนใจพี่มิวแทน
“ผมดีใจนะที่คุณไม่ได้แฉเรื่องนั้น”ทนายพูดขึ้นมาสีหน้าเปื้อนยิ้ม ที่ผมไม่ได้พูด ไม่ใช่เพราะว่าผมเห็นแก่พี่มิวหรือเฮียเปรม...ผมแค่นึกถึงตัวเองบ้างก็เท่านั้นเอง
******************************
หลังจากที่คดีฟ้องร้องของผมจบลงด้วยการเรียกค่าเสียหายไปห้าหมื่นบาทก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว ทนายที่ไอ้เจนหามาให้ลูกเล่นลูกชนเยอะจริง ผมนึกขำเล็กน้อยที่ภาคินมันจะทำพ็อกเก็ตบุ๊คจริงๆ แต่ช่วงนี้ผมได้ยินมาว่าตอนนี้พี่มิวเริ่มจะประสบปัญหาทางด้านการเงินเพราะพี่เขามีคดีติดตัวอยู่หลายกระทง ข่าวการฟ้องร้องของภาคินลือกระฉ่อนไปทั่ว ดังมากจริงๆ
ขนาดผมย้ายมาพักผ่อนหย่อนใจที่บ้านเก่าพ่อที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึงเท่าไหร่ ผมยังเห็นข่าวตามหนังสือพิมพ์ที่พวกป้าๆเอามาห่อผักขายตามตลาด ผมก็โทรหามันอยู่เรื่อยๆเพราะอยากรู้ความคืบหน้าคดีหมิ่นประมาทนั้นพี่มิวต้องจ่ายค่าปรับไปตามกฎหมาย
ส่วนไอ้สองคนนั่นก็โดนปรับไปเช่นกัน โชคร้ายหน่อยที่ภาคินมันจองเวร คอยเล่นงานสองคนนั่นอยู่เรื่อยๆ ก็นะ คนมีอำนาจสื่อในมือ
ส่วนคดีฉ้อโกงเป็คดีอาญา ศาลก็นัดไกล่เกลี่ยให้ยอมความและชดใช้หนี้ให้ภาคินเป็นเท่าตัว หากหามาชดใช้ไม่ได้ต้องติดคุกไม่เกินสามปี พี่มิวก็วิ่งวุ่นหายืมเงินมาชดใช้ให้ภาคินพี่มิวก็วิ่งวุ่นหายืมเงินมาชดใช้ให้ภาคินแต่ก็ค่อนข้างยากอยู่เพราะไม่มีใครมาคอยหนุนหลังให้อีกต่อไปแล้ว แต่พี่เขาก็หาเงินมาชดใช้จนได้ไม่รู้ว่าไปหาเงินมาจากไหน อาจจะกู้เงินนอกระบบมาก็ได้ใครจะรู้ ชื่อเสียๆของพี่มิวลือกระฉ่อนพอๆกับข่าวของภาคิน พี่มิวถูกแบนจากวงการอย่างถาวร คงทำงานด้านนี้ไม่ขึ้นแล้วแน่ๆ
ส่วนเฮียเปรมชดใช้ให้ภาคินไปตามกฎหมายแต่สงสัยเวรกรรมคงตามทันล่ะมั้ง เพราะภรรยาออกมาแฉเฮียแกเองว่ามีสัมพันธ์กับหญิงอื่นเล่นเอาฉาวโฉ่ไปอีกนาน จนสื่อไม่รู้จะประโคมข่าวไหนก่อนดี
และเหล่าแฟนคลับของภาคินก็ทำหน้าที่ดีมากจริงๆ คอยจิกกัดเฮียเปรมและพี่มิวโดยใช้ฉายาตลกๆ และคอยให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าภาคินจะประกาศลาวงการไปสักพักก็ตาม
ผมละสายตาจากหนังสือพิมพ์ก่อนจะช่วยแม่เลือกซื้อผักกาดขาวต่อไป การมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นักถึงแม้จะห่างไกลจากความเจริญแต่อาอากาศดีมากสบายหูเพราะไม่มีคนนินทา ส่วนแม่ผมก็ขายกับข้าวฆ่าเวลาเอา
“เมฆ แม่ให้หยิบหัวไชเท้าไม่ใช่กะหล่ำปี”เสียงดุของแม่ทำผมกลับสู่ความจริงยายคนขายหัวเราะฟันแดงๆดำๆเพราะเคี้ยวหมาก
“พ่อหนุ่มนี่ใช้การไม่ได้เลย ว่าแต่เอ็งมีเมียหรือยังล่ะ”ยายยื่นมือเหี่ยวๆมาจับแขนผม แม่ยิ้มขำก่อนจะปล่อยให้ผมกระอักกระอ่วนอยู่กับยายแก่สองคน
“ยังเลยครับ”ผมไม่ได้มีเมียน่ะสิ...ยาย
“หูย ดีเลยหลานสาวป้าปีนี้ก็สิบแปดแล้วสวยเชียวพ่อหนุ่มสนใจไหม”ผมกระพริบตางงๆ ยายทำอย่างกับกำลังขายผักแหน่ะ
“คือผมมีแฟนแล้วน่ะครับ ให้หลานยายได้คบกับคนที่ชอบเถอะครับ ผมไปก่อนนะ ขอให้ขายได้ขายดีนะยาย”ผมรีบเดินหนีออกมา ภาคินเอ๋ย รีบสะสางคดีแล้วก็โผล่หัวมาหาผมเสียที ป้าๆยายๆแถวนี้น่ากลัวเหลือเกินคอยแต่จะหาเมียให้ผมอยู่นั่นแหละ!
TBC.
เราไม่ค่อยแม่นเรื่องกฏหมาย หากมีข้อผิดพลาดไปต้องขอโทษด้วยนะคะ
P.s.อีกสองตอนจบเน้อ