*****************************************
เป็นอีกวันที่ผมไม่อยากจะตื่นเลยจริงๆ ก็อากาศที่เกาะมันแสนจะเย็นสบายน่านอนอืดอยู่ในห้องมันทั้งวันนี่นา แต่ภาคินมันอยากออกไปพายเรือคายัคที่อ่าวคลองเจ้า อ่าวที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่ ภาคินสวมแค่เสื้อกล้ามสีดำกางเกงขาสั้นสีสดใสอย่างไม่กลัวแดด ผมเตรียมเอาผ้าขนหนูที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ กระเป๋าใส่ผ้าขนหนูของทางรีสอร์ทผมว่าน่ารักดี เป็นกระเป๋าสาน แต่ผมก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่ต้องหิ้วมันไป ผมเอาขนมติดตัวไปด้วย เอาไว้รองท้อง ส่วนภาคินเดินตัวเปล่าลิ่วๆไปก่อนแล้ว มันใส่เสื้อชูชีพให้ผม มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“ปกติเนี่ยถ้าน้ำลงก็เดินข้ามไปอ่างได้เลยครับ”เจ้าหน้าที่อธิบายขณะที่เอาเรือคายัคสีสีสันสดในออกมาให้ ปกติถ้าพายไม่เป็นจะมีเจ้าหน้าที่คอยสอนแต่เผอิญผมมากับภาคินก็เลยสบายปร๋อ ลองจ้วงๆดูก็สนุกดีออก พายไม่นานก็ถึง แต่ภาคินมันอยากเก็บบรรยากาศรอบอ่าว ก็เลยพายเรือไปรอบๆ ภาคินเอาไม้เซลฟี่มาก็เลยเก็บภาพได้หลายช็อต
“เงียบดีเนอะ”ภาคินส่งเสียงมา
“อือ”ผมตอบรับเบาๆก้มมองน้ำใสจนเห็นก้อนหินใต้ผืนน้ำ
“ที่ฉันพานายมาที่นี่ เพราะมีอีกเหตุผลหนึ่ง...”มันพูดด้วยเสียงลังเล สายตาจ้องมองต้นสนทะเลต้นสูงที่ขึ้นเรียงรายตรงหน้า มีฝรั่งสองสามคนนั่งอยู่บนหาด
“จะขอฉันแต่งงานหรือไง”ก็บรรยากาศออกจะโรแมนติกเป็นใจซะขนาดนี้ ภาคินหัวเราะ
“เปล่าหรอก แต่คล้ายๆอะไรแบบนั้นแหละ”มันหมายความว่าไง
“เช่นอะไรล่ะ”
“คือฉันอยากถ่ายพรีเวดดิ้งกับนายที่นี่”ผมถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ถ่ายพรีเวดดิ้ง?
“นี่พูดจริงเหรอ”
“จริงดิ ไม่ใช่แบบเป็นทางการอะไรหรอก แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากให้มีงานแต่ง ในสังคมแบบนี้ ฉันรู้ว่ามันคงแปลกๆ แค่ถ่ายด้วยกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดแต่งงานหรอก”เสียงของภาคินเงียบไป
“แต่ถ้านายไม่โอเค ฉันยกเลิกก็ได้”
“ยกเลิกอะไร”ผมเริ่มจะงุนงง อย่าบอกนะว่ามันเตรียมการมาแล้ว
“ก็ฉันจ้างช่างภาพมาแล้ว”
“แล้ว...เขาอยู่ที่เกาะนี้ด้วยน่ะเหรอ”ผมเริ่มได้กลิ่นตุๆ
“ใช่ พักที่รีสอร์ทเนี่ยล่ะ ฉันจ้างชาวต่างชาติน่ะ เพื่อนฉันเอง ตกลงนายโอเคไหม”ภาคินเริ่มจ้วงพายอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เรือหยุดนิ่งมานาน ผมก็เข้าใจความรู้สึกของภาคินมันนะ อีกอย่างบนเกาะนี้ก็ไม่มีใครสนใจพวกผม แค่ถ่ายรูปเองจะเป็นไรไป
“ก็ ไหนๆก็เสียเงินจ้างมาแล้ว...ฉันก็โอเค”ถือว่าเป็นรูปถ่ายของผมกับมันก็แล้วกัน ดูเหมือนภาคินจะตื่นเต้นมาก ผมเห็นมันโทรไปคุยกับเพื่อนมันด้วยอาการดีใจจนออกนอกหน้า สำหรับภาคินการถ่ายพรีเวดดิ้งตามสไตล์ของมันคงมีความหมายมากล่ะมั้ง หรือมันคิดว่าการแต่งงานคงไม่มีทางได้เกิดขึ้น แน่นอนคงเป็นเรื่องที่รับได้ยากสำหรับเมืองไทย แม้แต่กับแม่ของผมเอง ผมก็ไม่มั่นใจว่าแม่จะรับได้หรือเปล่า ผมเอาผ้าออกมาปู เอาลูกมะพร้าวทับชายผ้าไว้กันปลิว ลมเย็นๆตีหน้าให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ภาคินกลับมานั่งข้างๆผม มันเหลือบมองไปรอบๆก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบเร็วๆสองสามครั้งเล่นเอาผมตั้งตัวไม่ติด
“ประเจิดประเจ้อ”ผมขว้างทรายใส่มัน
“โทษที ตื่นเต้นไปหน่อย ฉันดีใจนะที่นายยอมถ่าย”มันไม่พูดเปล่าแต่เลื่อนมานอนตักผมด้วย
“ฉันหวังว่าเพื่อนนายคงไม่ได้อยู่แถวนี้นะ”เพราะผมรู้สึกเหมือนถูกจับตามองแปลกๆตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว ภาคินเลิกคิ้งมองผมก่อนจะหัวเราะด้วยท่าทางที่เหมือนปกปิดอะไรอยู่
“นายกังวลเกินไปแล้ว”ผมหันไปมองรอบๆตัว เพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ
“แน่ใจนะว่าไม่ได้โกหก”ผมก้มมองคนที่นอนมองหน้าผมอยู่ด้วยสายตาจับผิด ภาคินกลอกตามองผม
“เปล่า ไม่ได้โกหก”แต่โทนเสียงมันเบาลงเล็กน้อย ตอบไม่เต็มเสียงแบบนี้ผมว่ามันโกหกผมแน่ๆ ผมบิดจมูกมันเต็มแรงพร้อมกับตีพุงมันด้วย เดี๋ยวนี้ภาคินเริ่มมีพุงหน่อยๆแล้ว เพราะมันปล่อยเนื้อปล่อยตัว
“เฮ้ เดี๋ยวดั้งหักพอดี เสริมมาแพงนะรู้ไหม”ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ผมจะทำเป็นมองไม่เห็นช่างภาพที่แอบถ่ายรูปก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าตามถ่ายมาตั้งแต่เมื่อวานหรือเปล่า คงได้ช็อตเด็ดๆไปเยอะแน่
ผมกลับไปที่รีสอร์ทตอนบ่ายกว่า ๆ แดดไม่ร้อนมาก และผมได้รู้จักทีเคเพื่อนช่างภาพของภาคิน
“ไม่คิดว่ามันจะคบกับคุณยืด”อีกฝ่ายหัวเราะร่วน ผมขมวดคิ้ว พูดแบบนี้หมายความว่าไง
“เมื่อก่อนมันออกจะเหมือนพ่อเสือร้าย”อีกฝ่ายรีบพูดแทรกเมื่อเห็นสีหน้าของผม
“ก็บอกแล้วไงว่าคนนี้ฉันจริงจัง”ภาคินแทรกขึ้นมา ทีเคเอาอัลบั้มรูปที่ถ่ายไว้บางส่วนให้ผมกับภาคินดู ว่าแล้วเชียวว่าแอบถ่ายมานานแล้ว มีช็อตที่ผมสวมแหวนให้มันด้วย แต่ก็ยอมรับเลยว่าถ่ายออกมาได้สวยจริงๆ คงเพราะบรรยากาศแถวนี้มันสวยอยู่แล้วด้วย ภาคินชอบอกชอบใจเป็นพิเศษ ผมชอบรูปที่ผมจูบหน้าผากมันมากกว่า มันดูละมุนละไมอย่างบอกไม่ถูก ผมมองรูปนี้แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกของที่นี่จะสวยมาก สนใจถ่ายเซ็ตสุดท้ายไหม เมื่อวานฉันลองถ่ายตรงสะพานของรีสอร์ทมา แสงสวยกำลังดีเลย”ทีเคเสนอ ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะสะพานที่ทอดยาวไปสู่ทะเลให้ความหมายดีๆด้วย
ตอนเย็นประมาณห้าโมงกว่าๆ ผมกับภาคินก็มานั่งเล่นที่ตรงสะพานริมทะเล ทีเคมารอก่อนแล้วกำลังจัดแก้วไวน์ให้วางอยู่ตรงกลางโต๊ะตัวเตี้ยที่ขนาบข้างด้วยเก้าอี้ตัวยาวภายใต้ร่มผ้าใบคันใหญ่ ผมกวาดตามองไปรอบๆฟ้ายังกระจ่างอยู่ ภาคินกับผมเลยเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ม เพื่อตัดกับสีของท้องฟ้าเบื้องหลัง
“นายตื่นเต้นไหม”จู่ๆภาคินก็หันมาถามขณะที่ทีเคยังถ่ายรูปอยู่ ...ตื่นเต้นไหมน่ะเหรอ
“ไม่เลย”แต่ในอกเต้นรัวเพราะความสุขที่อาบไล้ไปทั่วร่างต่างหาก
“สงสัยฉันจะอ่อนหัดเองล่ะมั้ง”ภาคินพึมพำเบาๆ ผมยกยิ้มให้มัน และก่อนที่แสงสุดท้ายจะหมดลง ผมกับภาคินก็รับรู้โดยที่ไม่ต้องพูดออกมาสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ...มีความหมายมากแค่ไหน
ไม่ว่าภาคินจะเป็นคนแย่ๆในสายตาของใคร แต่สำหรับผมมันก็แค่ภาคิน คนที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในใจของผม ผู้ชายงี่เง่าที่ผมได้เข้ามารู้จักกับโลกของมันเพียงเพราะข่าวฉาว
TBC.
จบแล้ววค่ะ ดันมาตันๆตอนจบ อาจจบไม่ค่อยดี(ในความรู้สึกของเรา)
แต่เจอกันตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาเสมอๆ

สำหรับคู่ชล-เพชร ตามได้
จิ้มเบาๆ