ความลับที่สิบเจ็ด
“ขอโทษค่ะ แต่แพรก็ไม่เข้าใจแม่เหมือนกัน”
“แต่พี่เพลิงพาแพรไปหาพ่อพี่เพลิงได้ไหมคะ?”
ผมได้ยิน ได้ยินทุกอย่างที่แพรกับพี่เพลิงพูด สิ่งที่ผมคิดได้คือผมจะไปด้วยเพราะผมอยากรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันบ้าอะไรกัน แพรออกไปจากห้องเพราะคิดว่าผมหลับไปแล้ว แพรห่วงความรู้สึกผมทุกอย่างทั้งที่ไม่จำเป็นจะต้องห่วง และทั้งที่ผมเคยทำอะไรหลายๆอย่างโดยที่ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของแพรเลย ภาพในฝันเมื่อคืน คำบอกเลิกของพี่เพลิง คำพูดของแพร มันชัดมากจนผมยังคงหวั่น
ผมยกมือขึ้นกุมหัวที่ปวดหนึบแล้วค่อยๆฝืนสังขารตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนลงช้าๆแล้วค้นเสื้อพี่เพลิงในตู้มาใส่ ถ้าตามปกติแล้วพี่เพลิงจะพาผมกลับบ้านไปเอาเสื้อนักศึกษาแล้วพาไปส่งมหาลัยอีกที และวันนี้ผมไม่เข้าเลยไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่เสื้อพี่เพลิงบางตัวผมก็ใส่ได้นะครับ เพราะพี่เพลิงไม่ค่อยได้มานอนที่นี่บ่อยเสื้อบางตัวก็ทิ้งไว้นานแล้วเลยไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ส่วนกางเกงผมขอเน่าใส่กางเกงเมื่อคืนดีกว่า
“แล้วจะให้พี่ทิ้งน้องลมไว้คนเดียวหรอครับ” ผมเดินมึนๆแง้มประตูออกแล้วก็ต้องหรี่ตาลงงเพราะแสงที่สาดเข้ามา ในห้องนอนมันค่อนข้างจะมืดครับ ผมเลยมึนไปชั่วขณะ
“ลม… ทำไมไม่นอนพักล่ะ ออกมาทำไม” แพรเดินมาจับตัวผมหมุนซ้ายขวาแล้วเอามือแตะหน้าผากผมพร้อมทำหน้าดุ พี่เพลิงยืนมองอยู่ไม่ไกลนักแต่ก็ทำหน้าดุไม่แพ้กัน
“ลมจะไปด้วย”ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย ทุกคนชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กและปิดทุกเรื่องไม่ยอมให้ผมรู้
“พี่ว่าเราอยู่เฉยๆกันก่อนดีไหมครับ” พี่เพลิงถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเสยผม จะให้อยู่เฉยก็ไม่ใช่ไอ้ลมแล้วครับ เงินที่ผมใช้ทุกวันๆนี้มันไม่ใช่อะไรน้อยๆเลยนะครับ ถึงจะไม่ได้กดออกมาจนหมดเพราะฝั่งแม่ก็ให้มาเหมือนกันแต่การโอนมาสม่ำเสมอแบบนั้นมันออกจะแปลกไปหน่อยถ้าไม่ใช่พ่อผมจริงๆ
“ไม่”
“ไม่”
ผมกับแพรนิสัยเหมือนกันแน่นอนครับ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว ผมไม่รู้ว่าไอ้พัดมันรู้เรื่องนี้หรือยังแต่มันอาจจะไม่คิดอะไรมากก็ได้เพราะมันไม่ค่อยจะสนใจพ่อหรือแม่สักเท่าไหร่ มันบอกว่ามีผมกับแพรก็เหมือนมีพ่อแม่แล้ว ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะครับ แต่แม่ทิ้งพวกผมตั้งนานแล้วความผูกพันมันไม่มีเท่าไหร่หรอก ผมก็เหมือนกัน
“พี่พาไปได้ครับ แต่ลองคิดให้ดีนะว่าพวกเราทำอะไรได้หรือเปล่า” ผมนิ่งแต่ยังไงผมก็จะไปให้ได้ถึงมันไม่มีประโยชน์อะไรผมก็จะไป และแพรก็คงคิดเหมือนกันกับผม
“พี่ยอมแล้วครับ แต่พี่ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะครับ รอพี่แป๊บนึงแล้วกัน” พี่เพลิงยกมือขึ้นทั้งสองข้างเล็กน้อยเป็นเชิงยอมแพ้แล้วก็เดินหาเข้าห้องนอนไป น่าจะเปลี่ยนเสื้อครับ ผมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเอามือนวดขมับ
“ลมต้องทำหน้ายังไงอ่ะแพร” แพรนั่งลงข้างผมแล้วเอามือขยี้หัวผมเบาๆ
“แพรก็ไม่รู้” ลำบากใจกันทั้งคู่เลยครับ ผมคว้าตัวเล็กๆของแพรมากอดจนแน่น คนที่รับภาระมาตลอดตอนที่เราโดนทิ้งให้อยู่กันเอง ผมเสียใจกับสิ่งที่ทำแต่ผมก็อดเห็นแก่ตัวไม่ได้จริงๆ
“ลมรักแพรจริงๆนะ ลมไม่เคยโกหกเลย” รักแพรก็อยู่ส่วนรักแพร ผมรักแพรจริงๆในฐานะพี่สาวและแฝดของผม คำบอกรักแพรของผมอาจจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ และผมก็ไม่รู้ว่าแพรคิดแบบในฝันของผมด้วยหรือเปล่า แต่ผมก็อยากบอกมันอีกหลายๆครั้งด้วยซ้ำ
“แพรก็รักลม เด็กดื้อเอ๊ย…”แพรกอดผมตอบแน่นๆพอดีกับที่พี่เพลิงออกมาพร้อมกับชุดสูททำงานตามปกติ แพรบีบมือผมเหมือนให้กำลังใจกันเองแล้วลุกขึ้นยืนผมเลยลุกตาม
“พี่เพลิงขับนำนะคะ เดี๋ยวแพรขับตามไป ส่วนลม… แพรฝากด้วยค่ะ” แพรดันผมให้เซไปหาพี่เพลิงส่วนตัวเองก็เดินไปคว้ากระเป๋าแล้วออกไปเลย ผมยืนงงอยู่สักพักก็เงยหน้ามองพี่เพลิง
“ไม่โกรธลมใช่ไหม” พี่เพลิงขยี้หัวผมเบาๆแล้วส่ายหน้า
“จะโกรธเพราะไม่สบายแล้วยังดื้อแบบนี้แหละครับ” ผมทำหน้ายุ่งเลยครับ พี่เพลิงยิ้มแต่ผมรู้ว่าก็เครียดไม่แพ้กันหรอกครับ
ผมเม้มปากรวบรวมความกล้าอยู่สักพักก็ดึงเนคไทพี่เพลิงลงมา หายใจเข้าลึกๆก่อนที่ปากผมจะสัมผัสกับพี่เพลิง ไม่รู้ว่าไม่เอาความกล้ามาจากไหน หรือผมป่วยจนสมองกลับก็ไม่รู้ พี่เพลิงยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจแล้วประคองใบหน้าผมขึ้นรับสัมผัสนั้นอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาอย่างอ่อนโยนและผมก็พยายามซึมซับความรู้สึกทั้งหมดตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรอกแต่ผมกลัวจริงๆ
เราจูบกันอย่างเชื่องช้าและเนิ่นนานผลัดเปลี่ยนกันตักตวงอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วผมก็หลงมัวเมาไปกับมันมากจนแทบบ้า สองมือของผมโอบรอบคอพี่เพลิงอย่างยากลำบาก หายใจไม่ค่อยทันหรอกครับแต่พี่เพลิงคอยผละช่วยผมตลอด จะติดหวัดกันหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ
“อ่อยพี่เหรอ” ผมยกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุกแต่ด้วยตอนนี้ผมควรไปหาความจริงมากกว่าจะมาสนใจเรื่องแบบนี้
“ไปกันเถอะพี่เพลิง” ผมรูดเนคไทพี่เพลิงขึ้นจนมันอยู่ในที่ที่ควรอยู่แล้วตบมันแปะๆเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เพลิงอีกครั้งแล้วยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก
“ทำไมน้องลมต้องทำเหมือนเราจะไม่เจอกันอีกแบบนี้ล่ะครับ”ผมเงียบ ผมอาจจะทำให้พี่เพลิงคิดแบบนั้นก็จริงแต่ผมรู้สึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาลึกๆ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไรแต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอกครับ
อาจจะเป็นจูบสุดท้ายก็ได้
ใครจะรู้?
“กว่าจะลงมานะคะ” แพรยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินหายไปขึ้นรถตัวเอง ผมมองตามแพรจนพี่เพลิงต้องจูงมือผมไปที่รถพี่เขาแม่พี่เพลิงจะเหมารวมว่าผมกับแพรหรือเปล่านะ
ตอนนี้ผมอยู่ในรถของพี่เพลิง ผมยกมือขึ้นกัดเล็บอย่างครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผมจะต้องเจอ แพรบอกว่าแม่ออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้แล้วแสดงว่าแม่ต้องกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่แน่ แล้วแม่ทำอะไรล่ะ แล้วตกลงเงินที่ผมใช้มันของพ่อพี่เพลิงจริงๆหรอ ปวดหัวครับ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ลมหายใจของผมมันร้อนไปหมดเลยครับ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ พี่เป็นห่วงนะ”พี่เพลิงพูดแล้วเอามือมาขยี้หัวผมแรงๆ ผมไม่ได้ปัดออกหรือรำคาญอะไร ผมเลือกที่จะเงียบจนพี่เพลิงถอนหายใจออกมา มองออกไปนอกกระจกรถก็เห็นแต่ทิวทัศน์เดิมๆที่เคยเห็น ไอ้ความรู้สึกสับสนในอกแบบนี้มันคืออะไรครับ ทำไมผมต้องกลัวขนาดนี้ด้วย
เรามาถึงหน้าตึกที่อยู่ของบริษัทพ่อพี่เพลิงแล้วครับ ผมถอนหายใจออกมานิดหน่อยแล้วมองหน้าแพรกับพี่เพลิงสลับกัน
“ลมว่ามันจะแปลกนะ แพรเดินคู่กับพี่เพลิงเถอะ” ผมดันหลังทั้งสองคนให้เดินคู่กันไป พี่เพลิงกับแพรทำหน้างงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองคนเดินคู่กันไปเรื่อยๆโดยมีผมเดินตามอยู่ไม่ไกล รู้สึกโหวงๆแฮะ เหมือนเป็นส่วนเกินเลยครับ ผมคิดมากจริงๆกับฝันเมื่อคืนนะครับ
“สวัสดีค่ะคุณเพลิง” มีพี่คนนึงเดินมายกมือไหว้พี่เพลิงครับ พวกเราเลยหยุดเดินกันหมด
“คุณพ่ออยู่ที่ห้องไหมครับ” พี่เพลิงถามเสียงนิ่ง คนนั้นเงียบไปพักหนึ่งพอพี่เขาจะพูดขึ้นก็ดันมีเสียงแทรกเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่าตาเพลิง”
“แม่…”
แม่? แม่พี่เพลิงน่ะหรอ ผมหันไปมองก็พบว่าใช่จริงๆครับ ผมเคยเจอท่านแค่ครั้งเดียวในฐานะน้องชายฝาแฝดของแฟนพี่เพลิง ผมก้มหน้างุดลงทันที ส่วนแพรก็ได้แต่ยืนทำหน้าเลิ่กลั่ก แม่พี่เพลิงยืนยิ้มเรียบนิ่งแต่มันดูน่ากลัวแปลกๆ กลัวว่าเราจะมาเพราะจุดประสงค์เดียวกัน
“เอ่อ…ดิฉัน” พี่อีกคนพูดขัดขึ้นมาแล้วทำท่าเหมือนจะหนีไปแต่ยังเกรงใจแม่พี่เพลิงกับพี่เพลิงอยู่
“สามีฉันอยู่ไหนเหรอคะ” แม่พี่เพลิงหันไปถามพี่คนนั้น พี่เพลิงเงียบไม่พูดอะไรขัดขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ห้องประชุมเล็กค่ะ”
“แต่ฉันจำได้ว่าวันนี้สามีฉันไม่มีประชุมนะคะ” เสียงนิ่งแต่ดูทรงพลังออกมาจากปากแม่พี่เพลิงทำให้ผมเงียบจนแทบหยุดหายใจและผมเชื่อว่าคนอื่นก็เหมือนกัน นอกจากพี่คนนั้นที่กำลังโดนคาดคั้นเอาคำตอบครับ พี่เขาก้มหน้านิ่งเหมือนรวบรวมสติแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นยิ้มเล็กน้อยอย่างประหม่า
“เห็นว่าไปคุยกับคุณเลขาค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ” วางระเบิดแล้วก็เดินย่ำเท้าหนีไปเลยครับ ผมเม้มปากหลับตาแน่นพร้อมถอนหายใจออกมา แม่มาก่อนพวกเราอย่างที่แพรบอกจริงๆ แล้วแม่ต้องการคุยอะไรกันแน่
“ตายแล้ว… แม่ไม่ค่อยรู้ทางเสียด้วยสิ เพลิงนำแม่ไปหาพ่อหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องจะคุยเยอะแยะเลย แล้วหนูสองคน? ไหนบอกเลิกันแล้วไงตาเพลิง” แพรก้าวถอยหลังมาหยุดอยู่ข้างผม เรามองหน้ากันอย่างตกใจกันทั้งคู่ ผมไม่รู้ว่าแม่พี่เพลิงรู้หรือเปล่าว่าผมกับแพรเป็นลูกของแม่
“อ่า.. แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่เพลิงเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทำให้แม่พี่เพลิงหันไปสนใจพี่เพลิงแทน
“เรื่องเดิมๆ เอ้า นำทางแม่ไปสิคะ”
“ครับ” พี่เพลิงเดินเคียงข้างกับแม่ไปส่วนผมกับแพรก็มองหน้ากันแล้วก็ได้แค่เดินตามไปห่างๆ แม่พี่เพลิงจำหน้าผมได้แล้วก็รู้ว่าแพรเป็นแฟนพี่เพลิง และคงคิดว่าทั้งคู่ดีกันแล้วด้วยมั้งครับ
ป้ายหน้าห้องถูกเลื่อนให้เป็นคำว่าไม่ว่างหมายความว่ามีคนอยู่ข้างในจริงๆ แม่พี่เพลิงขมวดคิ้วนิ่งไปพักหนึ่งก่อนผลักประตูเข้าไปอย่างแรงจนผมสะดุ้งภาพที่ฉายเข้ามาคือแม่ของผมกับยินคุยกับพ่อพี่เพลิงที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บ่งบอกถึงตำแหน่งของตัวเอง
“ขอโทษนะคะฉันขอคุยด้วยคนได้ไหม” ทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ประทุขึ้นมาอย่างเงียบๆ บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันที แม่ผมกับพ่อพี่เพลิงหันมามองแล้วทำหน้าตกใจไปแวบหนึ่ง
“ลม แพร หนูมาทำไมลูก” แม่จะเดินเข้ามาหาพวกผมแต่พี่เพลิงกับแม่พี่เพลิงยืนอยู่ด้านหน้าแม่จึงหยุดแล้วเบี่ยงหน้าไปทางอื่นแทน
“หมายความว่ายังไงคะคุณ เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะที่จะมีปัญหาบ้านแตกแบบนี้ แถมยังกับคนเดิมๆ” พ่อพี่เพลิงยกมือขึ้นเท้าโต๊ะพร้อมใช้ปลายนิ้วนวดที่สันจมูกตัวเอง แม่หันมองซ้ายขวาสลับกันอย่างเลิ่กลั่ก
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ ดิฉันไม่ได้… อีกอย่างดิฉันมีลูกแล้วตั้งสามคนนะคะ” แม่ผมพยายามอธิบายแต่เหมือนคนในห้องไม่มีใครเชื่อและสนใจเท่าไหร่ ผมก็คนหนึ่งที่แอบไม่เชื่ออยู่ข้างในลึกๆแต่หวังจะให้มันไม่มีอะไร
“เพลิงพาแม่กลับบ้านไปก่อนไป” ทั้งแม่ผมและพ่อพี่เพลิงทั้งคู่ไม่ได้อายุมากอะไรเลย แถมหน้าตาก็ไม่ได้ล่วงเลยตามวัย ทั้งยังดูสุขุมและดูดีมากด้วยซ้ำ ถ้าให้พูดจริงๆผมเป็นแม่พี่เพลิงก็คงจะหวั่นไหวไม่น้อยเลยครับ
“ไม่ค่ะ คุณมีอะไรก็บอกฉันสิเงินในบัญชีส่วนตัวคุณ คุณโอนให้ใครเหรอคะ?” ยิงคำถามตรงกับคำตอบที่ผมอยากรู้เป๊ะเลยครับ ชัดเจนขนาดนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะส่งเงินให้ผมทำไม ผมมองหน้าแพรสลับกับมองเหตุการณ์ตรงหน้า
“ไว้ค่อยคุยกันที่อื่นไม่ได้หรือไงคุณ เด็กอยู่เยอะแยะ เกรงใจผมบ้าง” แม่พี่เพลิงหันมองไล่สายตาที่พวกผมทันทีครับ
“แค่แฟนลูกกับแฝดมันจะทำไมคะ”
“ขอโทษนะคะ สองคนนั้นเป็นลูกดิฉันเองค่ะ” กลับเป็นแม่ผมที่พูดแทรกขัดแม่พี่เพลิงขึ้นมา แม่พี่เพลิงหันกลับมามองผมกับแพรอีกครั้งด้วยสีหน้าตกใจ
“แม่ใจเย็นๆนะครับ” พี่เพลิงที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้เริ่มพูดปลอบแม่ตัวเอง ทำไมมันวุ่นวายขนาดนี้วะ
“โลกกลมจริงๆนะคะที่ครอบครัวฉันต้องติดพันกับทางคุณอยู่เรื่อยเลย ทั้งลูกชาย.. ทั้งสามี…” น้ำเสียงเย้ยหยั่นถูกส่งออกมาจากปากของแม่พี่เพลิง บรรยากาศที่ชวนอึดอัดจนผมไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้แล้วแต่ก็ไม่กล้าขยับไปไหนอยู่ดี ทำไมแม่ผมไม่พูดแย้งมาอีกล่ะ แบบนี้มันก็เหมือนยอมรับไม่ใช่หรอ
“เอ่อ... หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ” เป็นแพรที่พูดขึ้นมาครับ
“ทำไมต้องส่งเงินให้หนูระหว่างที่แม่ไม่อยู่ด้วยคะ ถึงหนูไม่ได้กดออกมาใช้อะไรมากมายแต่มันก็ไม่ใช่น้อยๆอยู่ดี รวมๆเป็นปีมันก็ค่อนข้างเยอะนะคะ”
“ฉันเองก็อยากรู้ค่ะ” แม่กลับเห็นด้วยกับแพรเสียอย่างนั้น แม่พี่เพลิงเลยยกมือขึ้นกอดอกรอฟังคำตอบ สายตาทุกคนกำลังกดดันไปที่พ่อพี่เพลิงอย่างช่วยไม่ได้
“ก็สามีคุณเขาขอผมมานี่ครับ” พ่อพี่เพลิงพูดขึ้นแล้วเงยหน้าสบตากับแม่ผม ผมได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ พ่อผมจะมาขอพ่อพี่เพลิงทำไมล่ะ คิดยังไงก็ไม่เข้าใจแต่แพรกลับทำหน้าเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา แล้วทำไมผมยังไม่เข้าใจอะไรเลยวะเนี่ย
“สามีคุณก็ทำงานให้ผมนะครับ ก่อนที่เขาจะหายตัวไปเขาบอกให้เอาเงินเดือนเขาทั้งหมดส่งให้ลูกๆ แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ ให้ผมเก็บเงินที่ควรให้เขาไว้เฉยๆเหรอ” ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง เงินเดือน? เหรอ? พ่อผมทำงานกับพ่อพี่เพลิงด้วยเหรอ โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรอยู่ครับ
“ทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะคะ แล้วก็เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณเลยนะ หรือเพราะเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้คุณเลยช่วยจัดการให้ฟรีๆ” แม่พี่เพลิงถามสวนไปอีกครั้งแล้ววกกลับประเด็นเดิมๆที่จ้องจะเล่นงานแม่ผมอีกครั้ง
“พอได้แล้วคุณ ผมบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรสิ เขาฝากผมมันก็คือหน้าที่ของผมไม่เกี่ยวกับคุณสาวิตรี” น้ำเสียงพ่อพี่เพลิงเริ่มแฝงด้วยอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น
“ฉันจะรีบคืนเงินให้เร็วที่สุดค่ะ” แม่พูดแล้วสบตาแม่พี่เพลิงตรงๆเพื่อให้ดูจริงใจมากขึ้น
“เดี๋ยวสิคุณ” พ่อพี่เพลิงหันไปพูดกับแม่ผมนั่นทำให้เหมือนมีระเบิดลงมากลางห้องเลยครับ แม่พี่เพลิงโกรธจนกำมือแน่น ผมเม้มปากอย่างอยู่ไม่สุข ผมไม่น่ารับฟังอะไรแบบนี้เลยจริงๆ
“นี่คุณ!”
“เพลิงพาแม่กลับบ้านไปก่อน เร็วสิ”
“แม่ไปเถอะครับ มีอะไรคุยกันที่บ้านดีกว่า”
“ฉันจะไม่ให้ลูกยุ่งกับเด็กคนนั้นค่ะ หนูรีนยังจะดีกว่า….” พี่เพลิงก้มลงคุยกับแม่แล้วพยายามดึงตัวท่านให้ออกจากห้องไป ก่อนที่พี่เพลิงจะออกไปเขาก็ก้มลงกระซิบข้างหูผม
‘เดี๋ยวพี่ติดต่อไปทีหลังนะครับ ขอโทษนะ’
แล้วก็เดินพาแม่พี่เพลิงออกจากห้องไปเลย โดยที่พ่อพี่เพลิงก็เดินผ่านผมไปติดๆกันด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่สบายอยู่ หัวที่ปวดหนึบมาสักพักเริ่มกลับมาเล่นงานอีกครั้ง ผมเซไปชนแพรที่ยืนอยู่ข้างๆ แพรก็ตกใจรับตัวผมไว้
ขนาดคำว่า ’เด็กคนนั้น’ แม่พี่เพลิงยังไม่ได้หมายถึงผมเลย ถ้ารู้ความจริงผมคงไม่มีสิทธิ์ได้เป็นใครคนนั้นหรอกมั้งครับ แล้วก็บอกว่ารีนยังดีกว่า ผมคงต้องทำใจแล้วมั้งครับ
“ลมลูก แพรน้องเป็นอะไร?” แม่เดินเข้ามาเอาหลังมือแตะหน้าผากผมแล้วขมวดคิ้วยุ่ง
“ลมไม่สบายค่ะ แพรว่าเรากลับกันเถอะนะคะ อยู่ไปก็ไม่น่าจะได้อะไร” แม่พยักหน้างึกงักตอบรับ แพรพยุงผมด้วยแรงอันน้อยนิด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเบลอๆจนยืนแทบไม่ไหว
ไม่รู้ว่าแพรกับแม่แบกผมอีท่าไหนแต่ผมก็กลับถึงบ้านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
…………………………………………………….
เกือบอาทิตย์แล้วที่พี่เพลิงไม่ได้ติดต่อผมมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่รู้ว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมไม่รู้อะไรเลย ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในโซเชียลที่ปกติก็ไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้วก็เงียบหายไป พี่เพลิงเป็นอะไรหรือเปล่า มันมีปัญหาอะไรจริงๆใช่ไหม
ผมไม่กล้าติดต่อไปเพราะกลัวว่าพี่เพลิงกำลังยุ่งอยู่ ไม่กล้าทำอะไรนอกจากรอ ทำได้แค่รอจริงๆแม้ว่าผมจะกลัวว่าพี่เพลิงจะอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อรีน พี่เพลิงไม่เคยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดสักที ยิ่งแม่พี่เพลิงเป็นแบบนั้น กลัวจังครับ กลัวพี่เพลิงจะหายไปจากชีวิตผมเฉยๆ ทั้งที่มีแค่จูบครั้งนั้น
“ลมมึงแดกเยอะไปแล้ว” ไอ้เคนดึงแก้วเหล้าในมือผมออกแล้วส่งสายตาดุผม แต่ผมก็มองค้อนมันกลับแล้วเอือมมือไปดึงแก้วเหล้าคืนจากมัน ยื้อกันไปกันมาเหล้าแม่งเทรดหัวไอ้เคนเต็มๆครับ แถมมันยังกระเด็นมาโดนเสื้อผมอีกตะหาก
“หึ”
ผมมาทำรายงานอยู่หอมันครับ โดยมีไอ้ตัวแถมอีกคนคือไอ้พีทที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ ไอ้เคนโวยวายนิดหน่อยแล้วก็เดินเซหายเข้าห้องน้ำไป ผมปรายตามองไอ้พีทที่นั่งหัวเราะเหมือนมีความสุขมากแล้วเอามือปัดเสื้อที่เปียกไปนิดหน่อยเบาๆ
“แล้วมึงจะทำไงต่อ พี่เขาไม่ติดต่อมึงหลายวันเลยนะเว้ย” ผมก้มหน้างุดสักพักก็เงยหน้าขึ้นสบตามัน
“รอไง” หึ น่าสมเพชชิบหาย
“มึงแม่งบ้าว่ะ” มันพูดแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด พอดีกับที่ไอ้เคนเดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูเช็ดผม น่าสงสงสารมันนะครับ แต่มันทำตัวมันเองนี่นา
“มันจะทำอะไรก็เรื่องของมันดิพีท” ผมเงียบไม่ได้พูดอะไรไอ้เคนก็นั่งลงข้างๆผมตรงที่เดิม ไอ้พีทยักไหล่ไม่สนใจพร้อมกับยิ้มออกมา
“งานก็เสร็จแล้วกูว่าพวกมึงกลับไปได้แล้วมั้ง กูจะได้นอน”
ผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันจะเที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมมากับมันน่ะสิครับติดรถไอ้เคนมา ถ้าจะกลับก็คงต้องกลับกับไอ้พีท จริงๆแล้วผมน่าจะเอารถที่บ้านมาใช้บ้างนะเนี่ย แต่รู้สึกมันจะติดนิสัยโหนนู้นโหนนี่ หรือไม่ก็มีคนไปรับไปส่ง... ไม่อยากนึกถึงมันเลยจริงๆ
“ว่าไง จะกลับเลยไหม” ผมพยักหน้า มันเลยดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นยืนชวนไอ้เคนเก็บของนิดหน่อยแล้วก็พากันลงมาด้านล่าง
“เอามอไซค์มาหรอ” ผมถามแบบไม่ต้องการคำตอบเพราะตรงหน้ามันก็เห็นชัดอยู่แล้ว
“เห็นเป็นอะไรล่ะ” ผมตวัดตามองค้อนมันแล้วก็ชูนิ้วกลางใส่ มันยิ้มออกมาแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผมแต่ผมปัดออกเพราะมันหนัก
“ไม่เห็นต้องไปใส่ใจเขาเลย อย่างมึงหาใหม่ได้เยอะแยะ” มันพูดพร้อมขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ทรอผมให้ขึ้นนั่ง ผมกำเสื้อบนไหล่มันแน่นแล้วขึ้นซ้อนท้ายมัน
มันขี่ออกห่างจากหอไอ้เคนมาพอสมควร ลมเย็นๆพัดใส่หน้าผมแรงจนเจ็บผมเลยก้มลงให้เสื้อและตัวมันบังหน้า มันกลับเอื้อมมือมาจับมือผมให้กอดเอวมันจนแน่นแล้วจับไว้
“เกาะกูแน่นๆเมาแบบนี้ตกไปตายห่าทำไง” ผมยิ้มขำแล้วซุกหน้าลงกับเสื้อมัน
“กูไม่อยากกลับบ้าน ไปบ้านมึงก่อนได้ไหม” ผมพูดเสียงดังพอที่จะให้มันได้ยิน ซึ่งมันก็คงรับรู้ล่ะครับ
“ได้เลย” มันพูดตอบผมมาแล้วก็ไม่ได้สนใจผมอีก ผมก็ซุกหน้าลงกับหลังมันแล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
คิดถึงพี่เพลิงจริงๆครับ ป่านนี้จะนอนสบายใจอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ คอนโดที่นั่นพี่เพลิงจะยังนอนอยู่หรือเปล่า ถ้าผมไปหามันจะเป็นอะไรไหม แล้วทำไมพี่เพลิงต้องหายไปแบบนี้ด้วย ไม่นึกถึงผมบ้างเลยหรอ แล้วช่วงนี้จะงานหนักเหมือนเดิมหรือเปล่า พักผ่อนบ้างไหม แล้ว...ลืมผมไปหรือยัง
แปลกที่แค่คิดแต่น้ำตามันก็ไหลออกมาเงียบๆ ไอ้พีทคงรู้สึกได้เพราะเสื้อของมันชื้นเพราะผม มันหันหน้ามามองผมแล้วก็กลับไปมองถนนตรงหน้าอีกครั้ง
“รักเขามากเหรอวะ” มันถามผม ผมเม้มปากแน่นแล้วกลั้นเสียงสะอื้นอยู่ในใจ
“กูไม่อยากให้เขาหายไปแบบนี้เลย” ผมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกอดเอวมันจนแน่น น้ำตาแม่งก็ไหลออกมาไม่หยุดเลยทีนี้ ผมคงรักเขามากจริงๆนั่นแหละ
“ไหวไหมมึง” มันถามผมหลังจากที่หิ้วปีกผมเข้ามาในบ้าน ผมพยักหน้างึกงักให้รู้ว่าผมไหว
“เอ้า ลมลูก ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย”
“เมาว่ะแม่ เดี๋ยวพามันไปข้างบนแป๊บนึง” ไอ้พีทหันไปพูดกับแม่แล้วดึงผมให้ขึ้นบันไดตามมันไป ผมมึนหัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ
มันโยนผมลงบนที่นอนอย่างแรงจนผมแทบจุกครับ ผมกลิ้งไปนอนอยู่กลางเตียงมองมันที่ยุกยิกจะเปลี่ยนเสื้อก่อนที่จะหลับตาลงเพราะเริ่มปวดตาครับ พักสายตาลงสักพักก็เกิดความรู้สึกยวบยาบบนเตียงเหมือนมันมานั่ง ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรก็เลยนอนหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น แต่มันคงคิดว่าผมหลับจริงๆ
“ทำไมมึงดื้อแบบนี้วะ”
“ทำไมมึงไม่รักกูบ้าง ทำไมต้องมองข้ามกูตลอด มันมาทีหลังทำไมมึงต้องรักมันขนาดนี้ด้วยวะ”
“รักกูบ้างไม่ได้เหรอ”
เอ๋อสิครับ มันพูดใส่หน้าผมแบบนี้จะให้ผมพูดอะไร ตกลงมันชอบผมจริงๆใช่ไหม แล้วทำไมมันไม่บอกผมมาเลยวันนั้น ต้องรอให้ผมนอนโง่ๆบนเตียงแบบนี้ก่อนเหรอ ผมแสร้งหายใจให้สม่ำเสมอที่สุดให้มันดูเหมือนคนกำลังหลับอยู่จริงๆเผื่อว่ามันจะล้มตัวลงนอนข้างผมนิ่งๆ แต่ที่เหี้ยกว่าคือที่รดหน้าผมมันไม่ใช่ลมหายใจของผมคนเดียว
ผมจะทำไงดีวะ???
“มึง...” หัวใจผมเต้นตุ้บๆอย่างตื่นเต้นเมื่อผมตัดสินใจลืมตาขึ้นมองหน้ามันที่อยู่ชิดกับหน้าผมจนแทบจะติดกัน ปากผมพึมพำเรียกมันขึ้นมาเบาๆ
..................................................................................................
“เอ้าว่าไงท่านรองประธาน ได้ข่าวว่าโดนกักบริเวณ” ผมหันกลับไปมองไอ้เพื่อนเหี้ยที่ก้าวเข้ามาให้ห้องทำงานของผมอย่างถือวิสาสะ จะใครล่ะครับ ก็ไอ้นัทคนว่างงานที่คอยกวนตีนผมอยู่เรื่อยๆ
“ไม่ต้องทำหน้าโหดใส่กู แล้วเรื่องน้องว่าไง ถ้าแม่มึงยังปัญหาเยอะแบบนี้กูเก็บไว้เลี้ยงเองเลยดีไหม” ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเพราะคำที่มันใช้กับแม่ผม แต่ถ้าให้พูดจริงๆแม่ผมก็ปัญหาเยอะอย่างที่ว่า
เรื่องรีนเรื่องคุณสาวิตรีกว่าจะเคลียร์ได้บ้านผมแทบแตกจริงๆเลยครับ แม่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลยจนพ่อผมต้องอยู่บ้านคอยเอาอกเอาใจแม่ตลอดเวลา แล้วไงครับ ประธานหายทีภาระงานที่ผมรับผิดชอบได้มันก็ตกอยู่ที่ผมจนหมด เหนื่อยก็เหนื่อยจะตายห่าครับ แต่ที่หนักกว่าคือผมบอกแม่ไปแล้วว่าผมคบกับน้องลม
แม่ผมรู้เท่านั้นแหละครับ ผมโดนด่าโดนห้ามสารพัด แถมบอกจะไปคุยกับบ้านนั้นด้วย แต่ผมห้ามเอาไว้แล้วแม่ยังจะมาบอกในเมื่อผมห้ามแม่ผมก็ต้องเลิกยุ่งด้วย บ้านก็แทบจะแตกอีกครั้งครับ
รายละเอียดเอาไว้ทีหลังดีกว่าครับ
“แม่กูบอกให้ลองเลิกคุยกับน้องสักเดือนนึง ลองใจกูกับน้อง” แม่ผมว่าอย่างนั้นจริงๆครับแถมมาเฝ้าผมตลอดตอนที่พ่อไม่อยู่ แค่ไม่กี่วันผมก็แทบบ้าแล้วครับ อยากกอด อยากให้น้องมาน่ารักอยู่ใกล้ๆ
“แล้วไง ถ้าเด็กมึงโดนคาบไปแดกขึ้นมามึงจะทำไงวะ” มันเลิกคิ้วกวนตีนผม นี่ผมยังไงคิดบัญชีกับมันเรื่องวันเกิดผมนะครับ เฮ้อ แค่คิดก็คิดถึงน้องแล้วครับ ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
“กูก็ไม่รู้ แม่กูตามจี้กูทำงาน กลับบ้าน ทำงาน กลับบ้าน มาเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ย” ผมบ่นไปอย่างเบื่อหน่ายเพราะแม่ผมตามจิกผมจริงๆนะครับ ตอนนี้คุณนายยังอยู่ในห้องรับรองที่ไหนสักแห่งของบริษัทนี้แน่ๆ
“มึงอยากไปที่อื่นบ้างไหม” มันทำหน้ากวนตีนใส่ผมผมได้แต่ยักไหล่
“ไปโดดให้รถชนเล่นไหมมึง ได้ที่อยู่ใหม่เลยนะ โรงพยาบาลไง” มันพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆให้กับความคิดตัวเอง ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา แต่ถ้ามันทำให้แม่ใจอ่อนลงมาได้บ้างคงดีครับ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนะเนี่ย หึ
“อย่าเสือกทำจริงนะมึง ตายห่าอย่ามาหลอกกู” มันทำท่าขนลุกแล้วก็หัวเราะออกมา ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สนใจมันอีก
_________________________________________
น้องคิดมากนะรู้ไหมมมมม อ้อ ใกล้จบแล้วนะคะเรื่องนี้เราแพลนไว้ที่20ตอนซึ่งก็น่าจะพอดี อิอิ
ขอโทษที่มาช้าค่ะเพราะว่าช่วงนี้สอบแหละ ใครสอบเหมือนเราก็สู้ๆนะคะ
แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ