ความลับที่สิบ
ผมมองนาฬิกาข้อมือไปขยี้หัวไป อีกสิบนาทีจะเริ่มคลาสแล้วครับ วันนี้ผมกะเวลาผิดไปหน่อยใครจะไปรู้ว่าทางจากโรงพยาบาลมามหาลัยรถมันจะติดได้ขนาดนี้ แต่ผมก็ว่าผมตื่นเช้าแล้วนะ ตอนนี้ไอ้เคนโทรจิกผมซะยิ่งกว่าไก่ครับ ผมยกมือขึ้นกอดอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ท่าจะไม่ทันแล้วมั้งครับ” พี่เพลิงหันมาพูดกับผมตอนที่เรากำลังติดไฟแดงรอบที่ล้านแปด เมื่อกี้ก็เพิ่งติดแท้ๆ
“ก็ว่างั้นแหละ” ผมนับตามเลขไฟแดงที่ค่อยๆลดลงออกมาเบาๆ ทำไมต้องมีไฟแดงด้วยวาร์ปไปไฟเขียวเลยไม่ได้หรอ ผมนึกถึงเกมที่วาร์ปไปวาร์ปมาได้ครับ
ครืดดดดดดด
ผมมองตามเสียงทันที ครั้งนี้ไม่ใช่ไอ้เคนโทรตามผมครับแต่เป็นเสียงโทรศัพท์พี่เพลิง พี่เพลิงยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วทำหน้าแปลกใจก่อนจะกดรับ
“ครับ ขับรถอยู่ครับ” ผมเหม่อมองกระจกรถออกไปด้านนอก อิจฉาไอ้พัดที่มันหยุดเรียนได้เลยครับ ผมอยากจะนั่งเฝ้าแพรอยู่เฉยๆเหมือนกัน
“ตอนนี้หรอครับ? ผมต้องกลับไปเฝ้าแฟนผมนะครับ หรอครับ แล้วรีนอยู่ด้วยรึเปล่าครับ” รีน? รีนนี่ถ้าผมจำไม่ผิดคือผู้หญิงที่ตามตื้อพี่เพลิง ที่พ่อพี่เพลิงบอกว่าพ่อเธอเป็นหุ่นส่วนใหญ่? อะไรก็ตามทีเถอะ แต่แพรรู้แล้วแพรคงไม่สบายใจมากแน่ แต่นั่นอาจจะเป็นเรื่องของคนสองคน เรื่องของตัวเองผมยังเอาไม่รอดเลย
“ดีแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปนะครับ” ผมขมวดคิ้วงงใส่พี่เพลิง
“คนชื่อรีนอีกแล้วนะพี่เพลิง” ผมพูดขึ้นมา ครั้งนี้คงไม่เอาบัตรทรูปิดปากผมอีกหรอกครับ สำเหนียกได้ว่าคงไปเล่นหงุ้งหงิ้งเหมือนเดิมไม่ได้หรอก แต่ผมว่าเราพูดกันได้มากขึ้นจริงๆ
“พี่ไปทำงานครับ แต่ไปคุยงานกับพ่อของรีน ปกติเธอชอบมากวนแต่วันนี้ไม่อยู่ซะงั้น” แสดงว่าเธอตามติดพี่เพลิงมาตลอด แต่เวลาที่พี่เพลิงมาหาแพรไม่ไม่ยักกะเคยมากวนหรือมายุ่งเลยสักนิดเดียว มันก็แปลกๆอยู่นะเนี่ย ผมยกมือขึ้นกัดเล็บอย่างครุ่นคิด
“เขารู้จักแพรรึเปล่า” ผมถามเรื่องที่ผมสงสัยออกไป
“พี่ก็ไม่รู้ครับ ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่” เรื่องแบบนี้มันควรไม่สนใจจริงๆหรอครับ ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นคิดไปเองเรื่อยๆมันจะเกิดอะไรตามมาก็ไม่มีใครรู้
“ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธตรงๆ พี่มีแพรทั้งคนนะ” คำพูดนี้ของผมมีผลทันทีครับ พี่เพลิงหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง และผมก็จ้องตอบอย่างไม่วางตาเหมือนกัน สุดท้ายพี่เพลิงก็ละสายตาออกไปเพราะสัญญาณไฟเขียวที่เด้งขึ้นมา
“ครับ พี่มีแพรทั้งคน” พีเพลิงพึมพำขึ้นมาเบาๆแต่ผมได้ยิน ผมยังคงจ้องหน้าพี่เพลิงนิ่งเหมือนเดิม สีหน้าพี่
เพลิงทำให้ผมตีความไปได้หลายทางและหลายอย่าง ผมหัวเราะขึ้นมาแผ่วเบา
“เดี๋ยวพี่มารับมั้ยครับ เลิกกี่โมง” ผมทำหน้างงใส่ ทำไมจะต้องมารับผมด้วยล่ะ
“ไม่เป็นไรลมไปเองได้” ผมยักไหล่
“เอาน่า เดี๋ยวพี่จะพาไปซื้อของให้แพรก่อนไปโรงพยาบาลด้วยครับ ตกลงเลิกกี่โมง” ผมลังเลอยู่สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าแพรเคยบ่นอยากอ่านนิตยสารอยู่เล่มนึงก็เลยเออออไป
พี่เพลิงขับมาส่งผมยันหน้าตึกคณะเลยครับ ตอนนี้เลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว ผมรีบวิ่งไปหอบไปหาห้องเรียนจนเจอ ยืนทำใจพักนึงก่อนค่อยๆเลื่อนเปิดประตูบานใหญ่เข้าไป จากที่อาจารย์สอนเสียงดังลั่นห้องกล้บหยุดพูดแล้วหันมามองผมช้าๆหลอนเลยครับให้ตายสิ
“มาสายอีกแล้วนะคะ แล้วจะเรียนทันเพื่อนมั้ยคะเนี่ย ไปนั่งไป” ผมยิ้มแหยะก้มหัวให้อาจารย์แล้วรีบเดินขึ้นไปหาไอ้เคนที่นั่งอยู่หลังห้อง
“เรียนถึงไหนแล้ววะ” ผมก้มหน้าหาสมุดเลคเชอร์พร้อมถามไอ้เคน ไอ้เคนหาวแล้วยื่นสมุดมันให้ผมดู ผมตวัดตาอ่านคร่าวๆก็พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างเลยถอนหายใจออกมายาวๆ
“อีลมมึงหุบรูจมูกอยู่เฉยๆได้มั้ย” เสียงมาจากอีกข้างของผมครับ มะนาว สาวเปรี้ยวจิ๊ดตามชื่อกำลังตั้งใจกรีดอายไลเนอร์อย่างเอาเป็นเอาตายแบบไม่เกรงใจอาจารย์ มันสวยครับเวลาหุบปาก พอพูดขึ้นมาทีผู้ชายแทบจะรับนิสัยมันไม่ได้เลยครับ แต่ก็มีบ้างพวกที่มาติดกับมัน
“นานๆทีมึงจะมานั่งหลังนะนาว เกิดไรขึ้นวะ” ผมถามมัน มันจิ๊ปากเล็กน้อยเหมือนผมไปจับมือมันวาดหางตาแล้วเบี้ยว
“กูทะเลาะกับเพื่อน” ผมเออออตามมันไปแล้วก็ไม่ได้สนใจมันอีก
“เคน” มันสะดุ้งเด้งตัวขึ้นมาจากโต๊ะทันทีที่ผมเรียกมันครับ
“กูฝากบอกพี่มึงได้มั้ย ว่าถ้าอยากคุยกับกูทักไลน์มาก็ได้กูจะคุยดีๆด้วย” มันทำหน้าแปลกใจสุดๆใส่ผมครับ ผมว่าผมคิดดีแล้วแหละในเมื่อพี่เอิร์ธชอบผม ผมก็จะคุยดีๆด้วย ให้ผมแกล้งลืมเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย มีคนชอบดีกว่ามีคนเกลียดครับ โอ้ย ไอ้ลมโลกสวยจังเลย เย้ๆ
“กูสวยยังอีดอก” มะนาวหันมาทำหน้าประหลาดใส่ผมพร้อมกระพือขนตาที่เธอนำเสนอเอามากๆให้ผมดู ก็อย่างที่ผมบอกครับ มันจะสวยมากถ้ามันหุบปาก
“สวยแล้วครับแม่นาง” ผมเบ้ปากแล้วฟุบลงกับโต๊ะมองหน้ามะนาวเห็นหน้ามันแล้วง่วงครับอยากจะหลับตาใส่ ว่าแล้วผมก็หลับตาลงจริงครับ เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก็เสียงไอ้มะนาวโวยวายแล้วก็เงียบไป ผมง่วงครับ สงสัยผมตื่นเช้าไป
“ลม ลม ไอ้ลม” ผมลืมตาขึ้นมาก็เจอกับห้องที่ทุกคนกำลังยืนเก็บของอยู่ครับ ยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยครับเลิกคลาสแล้วหรอ ผมเอามือขยี้ตางงๆแล้วเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของผม
“มะนาวอ่ะ?” ที่นั่งข้างๆผมไม่มีใครนั่งอยู่เลยครับ
“หนีไปแล้วมั้ง ฮ่าๆ” ผมทำหน้างงใส่ไอ้เคน ไอ้เคนแม่งหลุดขำก้ากออกมาเลยครับ มีอะไรน่าขำวะ แล้วมะนาวมันจะหนีไปไหน ผมมองนาฬิกาแล้วก็ลุกพรวดขึ้นทันที เที่ยงแล้วครับ วันนี้คลาสตอนบ่ายอาจารย์ไม่ว่างผมเลยบอกให้พี่เพลิงมารับผมตอนเที่ยง กดโทรศัพท์ดูก็เห็นไลน์เด้งขึ้นมาว่า ‘เลิกรึยัง’ ‘พี่รออยู่ที่จอดเมื่อเช้านะครับ’
“กูไปก่อนนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนมึง!!” ไอ้เคนตะโกนไล่หลังมาแต่ผมไม่ได้สนใจ
ผมอ่านเสร็จก็ลุกวิ่งออกมาเลยครับ ขยี้ตาด้วยความงุนงง แล้วก็ต้องงงหนักกว่าเดิมเพราะคราบสีดำที่เลอะอยู่บนมือของผม แต่มันอาจจะเป็นหมึกปากกาก็ได้ครับผมเลยไม่ได้สนใจอะไร ผมเดินดุ่มๆขึ้นรถพี่เพลิงจัดการรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วก็หันไปมองหน้าพี่เพลิง แต่พี่เพลิงทำหน้าเหมือนอมขี้กลั้นขำอยู่นั่นแหละ
“หัวเราะอะไร” ผมถามพร้อมขมวดคิ้วแน่น พี่เพลิงชี้ที่แก้มตัวเอง ผมเลยเอามือลูบๆที่แก้มตัวเองดู เริ่มรู้ที่มาไอ้คราบดำๆแล้วครับ ไอ้มะนาวเอ๊ย นี่มันอายไลเนอร์ที่มันเขียนตาอยู่ในคลาสแน่ๆ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้าดู โอ้ยยย จะบ้าตายครับ ถึงมันจะเลือนลางแต่พอจะรู้ว่ามันบรรจงวาดรูปแมวอยู่ข้างแก้มผม มันน่าถีบให้หางตาเบี้ยวเลยครับ
ผมเกาหัวเพราะไม่รู้จะเช็ดออกยังไง เสื้อหรอ สีขาวแบบนี้เนี่ยนะ? ขณะที่ผมกำลังงงๆอยู่พี่เพลิงก็ยื่นกระดาษทิชชู่กับน้ำขวดเล็กมาให้ ผมรับมาพี่เพลิงก็เริ่มออกรถ ผมค่อยๆเทน้ำอย่างบรรจงครับ ลูบวนบนหน้าช้าๆคราบอายไลเนอร์สีดำเต็มไปหมดเลยครับ คอยดูเถอะมะนาวจะป่วนให้แต่งหน้าไม่ได้เลย
“โดนใครแกล้งมาหรอครับ” พี่เพลิงหันมาถามผมยิ้มๆ ผมก็ทำหน้างอใส่เลยครับไอ้เคนแม่งก็ไม่บอกกันสักคำ เออ จะว่าไปมันก็เรียกผมอยู่นี่หว่า สรุปผมผิดใช่มั้ย
“เพื่อนมันเล่นทีเผลอ” ผมบ่นอุบอิบยกกล้องขึ้นเปิดกล้องหน้าเช็คสภาพหนังหน้าตัวเองครับ ร่องรอยหายหมดแล้วผมเลยถอนหายใจออกมา
“ตรงนี้ด้วยครับ” พี่เพลิงแตะตรงคอผม ผมตกใจไปพักนึงแล้วก็ยกกล้องมองหารอยอายไลเนอร์ แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่หว่า
“ไม่เห็นมีอะไรเลย” ผมก็ส่องหาแล้วหาอีกยังไงก็ไม่เจอ เพื่อความแน่ใจผมก็เช็ดไปมั่วๆ แต่ผมว่าคอผมจะเลอะก็เพราะกระดาษทิชชู่เปื้อนๆนี่ล่ะครับ
“พี่ล้อเล่นครับ ไม่มีหรอก” ผมขยี้หัวอย่างหงุดหงิด ก็เล่นหลอกให้หาตั้งนานนี่ครับ
…………………………………………………………
ผมกับพี่เพลิงแวะห้างที่ผ่านซื้อของนู้นนี่มาเผื่อแพร แน่นอนผมซื้อนิตยสารที่แพรบ่นอยากอ่านมาด้วยครับ แต่ตอนนี้เรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านเล็กๆใกล้โรงพยาบาล พี่เพลิงบอกว่ากินไปก่อน เข้าโรงพยาบาลจะได้ไม่ต้องกินของเซเว่น ไอ้ผมก็เออออยอมกินแต่ทำไม๊ทำไมพี่เพลิงให้ผมกินคนเดียวแล้วมานั่งมองผมกินแบบนี้ บอกเลยกินไม่ลงครับ
“ลมว่าจะซื้อข้าวฝากพัดด้วยดีป่ะพี่เพลิง?” พี่เพลิงพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ ผมยังไม่ทันยกมือเรียกพี่คนขายโทรศัพท์ก็สั่นครืด ผมหยิบออกมาดูก็เห็นว่าไอ้พัดโทรมาพอดี
“พัดมึงกินอะไรมั้ย เดี๋ยวกูซื้อเข้าไป” มันเงียบไปพักนึงจนผมต้องพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
‘พี่ลมอยู่ไหน รีบมาเร็วๆเลย’ หมายความว่าอะไรวะให้รีบไป แพรเป็นอะไรรึเปล่า มันมีอะไรเกิดขึ้นรึไง
“มีอะไรหรอ” ผมเริ่มใช้น้ำเสียงร้อนรน พี่เพลิงมองผมด้วยสีหน้าสงสัยทันที
‘รีบมาเหอะเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังเอง’ แล้วมันก็ตัดสายผมไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งไว้ให้ผสงสัย และผมรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ
“มีอะไรหรอครับ” พี่เพลิงถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาแรงๆ
“ลมก็ไม่รู้อ่ะ พัดมันบอกให้รีบไป ไปกันเถอะพี่เพลิงลมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย” พี่เพลิงพยักหน้ารับก่อนยกมือเรียกพี่พนักงานมาคิดเงิน จากนั้นเราก็วิ่งครับ จริงๆไม่ได้วิ่งหรอกพี่เพลิงแค่เดินเร็วเฉยๆแต่สำหรับผมมันคือวิ่งชัดๆครับ ขาผมยิ่งยาวตัวผมยิ่งสูงโปร่งอยู่
“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจเพราะทันทีที่ผมกับพี่เพลิงเข้ามาห้องไอ้พัดมันลุกพรวดพราดขึ้นมากระชากคอเสื้อพี่เพลิงด้วยสีหน้าเหมือนโกรธใครมา แต่พี่เพลิงที่โดนกระชากเสื้อนั้นได้แต่มองด้วยความงุนงง
“พัดมึงเป็นเหี้ยอะไร” ผมด่าไอ้พัดแล้วผลักมันออกจากพี่เพลิง ไอ้พัดไม่เคยทำนิสัยแบบนี้ให้ผมเห็นเลย ผมตวัดหางตามองไอ้พัดอย่างไม่สบอารมณ์ไอ้พัดยอมปล่อยมือจากคอเสื้อพี่เพลิง
“ก็แม่งทำพี่แพรร้องไห้” หือ? แพรร้องไห้? ผมมองไปที่เตียงก็เห็นว่าแพรหลับอยู่ ใครทำแพรร้องไห้ แล้วแพรร้องไห้ทำไม แพรคนที่เข้มแข็งกับพวกผมมากๆน่ะหรอจะร้องไห้
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” พี่เพลิงส่ายหน้าแล้วโบกมือไปมาตรงหน้าไอ้พัด
“ไปคุยกันข้างนอก” ผมกลัวว่าแพรจะตื่นเพราะสองคนนี้เริ่มใช้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆเลยเอ่ยปากไล่ด้วยความหงุดหงิด แต่ผมก็ต้องตามไปฟังด้วยอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็ผมนั่งเฝ้าพี่แพรอยู่มีผู้หญิงคนนึงมาเยี่ยม ผมก็คิดว่าเพื่อนพี่แพร แต่ที่ไหนได้ไอ้ดอกไม้ที่ถือน่ะมันดอกไม้จันทน์ เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนพี่เพลิง ปาดอกไม้เหี้ยๆใส่แพรแล้วยังด่าแพรอีก” เสียงไอ้พัดเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ผมนั่งฟังนิ่งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่อรีนอะไรนั่น ต้องใช่แน่ๆ ทำกับแฝดผมแบบนั้นมันมากเกินไปรึเปล่า ทำไมผู้หญิงคนนึงทำได้ถึงขนาดนั้น ผมโทษพี่เพลิงที่ไม่ชัดเจนกับผู้หญิงคนนั้นจนทำให้แพรต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ แล้วผมก็โทษตัวเองที่ผมไม่ได้อยู่ปกป้องแพร
“แล้วมึงทำไงวะพัด” ผมเอ่ยปากถามขึ้น ลอบมองพี่เพลิงที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมขยับ หงุดหงิดที่พี่เพลิงก็คงรับผิดชอบอะไรไม่ได้
“ก็ลากเขาออกมาจากห้อง เออ เขาบอกด้วยว่าพี่เพลิงแค่เล่นๆกับพี่แพร ใครจะไปสนใจคนธรรมดาแบบพี่แพร แล้วแพรก็ร้องไห้ไม่หยุดเลย!!” ไอ้พัดกระชากคอเสื้อพี่เพลิงอีกครั้งแต่คราวนี้พี่เพลิงก้มหน้านิ่งไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
ผมทั้งหงุดหงิดทั้งโมโหอย่างบอกไม่ถูก แพรเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ใครมาทำแพรร้องไห้ผมจะไม่ยอมให้มันตายดีแน่ แต่นี่ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่พี่เพลิงต้องจัดการเองรึเปล่า ผมกับพัดไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเลย
“พัดมึงปล่อย ไม่ใช่เรื่องของมึง” ผมพูดด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นเต็มที่ ไม่ได้อยากเห็นน้องชายกับพี่เขยต่อยกันในโรงพยาบาลหรอกนะครับ
“แต่…” ผมทำหน้าเหวี่ยงใส่ไอ้พัดจนมันสบถออกมาแล้วเดินหนีเข้าห้องไป ผมรู้ว่าแพรก็สำคัญกับมันไม่ต่างจากผมหรอก
“เดี๋ยวพี่กลับมานะครับ” พี่เพลิงพูดแล้วเดินดุ่มๆออกไปเลยครับ หึ
“หวังว่าจะจัดการให้เรียบร้อยนะ ถ้าเขามาทำแพรร้องไห้อีก พี่อย่าหวังว่าจะได้เจอแพรอีกเลย” ผมพูดไล่หลังพี่เพลิงออกไปเบาๆแต่ผมรู้ว่าพี่เพลิงก็ได้ยิน
……………………………………………………………………..
“ลม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เสียงแพรแหบแห้งมากครับ ผมมองหน้าแพรอย่างพูดอะไรไม่ออก ตาแพรบวมช้ำไปหมดเลยครับ ผมนอนฟุบกับเตียงเฝ้าแพรจนแพรตื่นขึ้นมานี่แหละ
“ลมรักแพรนะ” ผมพูดไว้เพียงแค่นั้นแล้วยกมือขึ้นลูบหัวแพรเบาๆ แพรยกมือที่โดนเจาะสายน้ำเกลือขึ้นปิดปากแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมวูบไหวในอกทันทีที่เห็นน้ำตาแพรไหลอาบแก้ม ขนตายาวๆของแพรเปรอะเปื้อนไปหมด คนที่เข้มแข็งดูแลพวกผมมาตลอดกำลังอ่อนแรงแต่ผมกลับทำได้แค่อยู่ข้างๆ
“พี่ลม ผมไปหาอะไรกินนะ” ผมพยักหน้าส่งๆให้ไอ้พัด ผมรู้ครับว่ามันไม่อยากเห็นแพรร้องไห้อีกแล้ว
“แพรไม่รู้จะทำยังไงแล้วลม แพรทำผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ ฮือออ” ผมเงียบ ไม่รู้จะพูดปลอบแพรยังไงดี
“ไม่เอาสิไม่ร้องนะ” ผมเอามือปาดน้ำตาออกจากหน้าแพรลวกๆ แพรนอนป่วยขนาดนี้แท้ๆยังมีคนมารังควานได้อีก จริงๆแล้วผมไม่น่ายอมให้พี่เพลิงไปรับไปส่งเลยครับ อย่างน้อยๆก็ยังมีพี่เพลิงเฝ้าแพร แต่มันก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้วล่ะครับ ทำได้แค่ทำให้แพรรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“เขาบอกว่าแพรไปแย่งพี่เพลิงมาจากเขา ทำไมแพรไม่เคยรู้อะไรเลยอ่ะลม” คำถามที่แพรไม่ได้ต้องการคำตอบทำให้ผมสะอึกไปเล็กน้อย แพรไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆนั่นแหละ อะไรที่ผมคิดว่าจะทำให้แพรไม่สบายใจก็ปิดไว้ พี่เพลิงก็คงคิดเหมือนกัน
“แพรไม่ได้แย่งใครมาทั้งนั้นแหละ พี่เพลิงเขารักแพรมากนะ”
“แต่แพรรู้สึกไม่ดีเลย เขาทั้งสวยทั้งดูดีเหมาะสมกับพี่เพลิงมาก เขารู้จักกับพ่อแม่พี่เพลิงด้วย หรือว่า…พี่เพลิงเขาคบแพรเล่นๆจริงๆ” แพรคิดมากเกินไปแล้ว ใครมันจะมาคบเล่นๆเจ็ดเดือนกว่าแบบนี้
“อย่าคิดมากเลยแพร รอดูพี่เพลิงเถอะว่าจะจัดการยังไง”
“แต่แพรกลัว…” นัยน์ตาแพรวูบไหวอย่างประหม่า ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อรีนมาพูดอะไรหรือทำอะไรกับแพรบ้าง แต่ผมคิดว่าเธอคงจะใช้ข้ออ้างเรื่องฐานะกับครอบครัวมาพูดแน่ๆแพรถึงได้กังวลแบบนี้
“ลมเล่าอะไรให้ฟังมั้ย?”
ผมเล่าถึงวันที่ผมโดนพี่เพลิงหอบไปค้างบ้านพี่เขาให้ฟังวันนั้นที่ผมเจอผู้หญิงที่ชื่อรีนครั้งแรก และความรู้สึกที่พี่เพลิงรู้สึกกับรีน เรื่องที่ผมทำพันธสัญญาบัตรทรูลับๆ เอ้ะ ผมจะโดนโกรธมั้ยที่เอาบัตรไปเติมเกมแล้วยังมาเล่าให้แพรฟัง ช่างมันเถอะ ที่แน่ๆที่ผมเล่าคือเรื่องที่พ่อแม่พี่เพลิงก็รู้จักแพร แต่ยังไม่มีโอกาสพาไปแนะนำด้วยเพราะติดที่ลูกหุ้นส่วนใหญ่ดันอยากได้พี่เพลิง เหอะๆ
“เหมือนเด็กๆเลยพี่เพลิงกับลม” แพรนิ่งฟังผมเล่าพูดขึ้นมา
“ลมว่าพี่เพลิงต้องพาแพรไปเปิดตัวหักหน้าคนที่ชื่อรีนอะไรนั่นแน่ๆ” ผมลูบหัวแพรไปมาช้าๆ แพรก้มหน้าหลบตาผมทันที
“ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะว่าแพรอีกรึเปล่า” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ผู้หญิงที่เล่นแรงขนาดเอาดอกไม้จันทน์มาเยี่ยมไข้เนี่ยไม่น่าจะเลิกลากันไปง่ายๆหรอกมั้ง
“พี่เพลิงคงปกป้องแพรเอง” เหมือนผมจะยกความรับผิดชอบให้พี่เพลิงทั้งหมดยังไงก็ไม่รู้ ไอ้พัดที่เข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้อีกล่ะครับมันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆแล้วเอากระป๋องเป๊ปซี่เย็นๆมาแนบกับแก้มผม ผมใช้ศอกกระทุ้งสีข้างไอ้พัดทันทีครับ หน้าผมชาเป็บแถบเลย
“แพรปวดหัวจัง” แพรยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง
“เดี๋ยวเขาก็เอาข้าวกับยามาให้มั้งพี่แพร กินยาก่อนแล้วรีบนอน” ไอ้พัดพูดขึ้นมาผมพยักหน้าเออออตาม ไม่นานมากก็มีแม่บ้านเข้ามาจัดการอาหารกับยาให้แพรเหมือนเดิม
ผมนั่งเฝ้าแพรกินข้าวอยู่ข้างๆจนแพรจะไล่ผมออกจากห้องอยู่แล้วครับ พอแพรกินข้าวเสร็จก็กินยา จากนั้นผมก็ดึงดันให้แพรนอนพักผ่อน ผมกลัวว่าคืนนี้แพรจะไข้ขึ้นสูงอีกครั้งครับ ร้องไห้จนตาบวมคงจะปวดหัวแย่เลย เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของแพรทำให้ผมรู้ว่าแพรหลับไปแล้ว ผมเลยค่อยๆลุกมานั่งที่โซฟาข้างไอ้พัดที่นั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่
“เมื่อเช้าผมโคตรโมโหเลย” มันพูดขึ้นมาเรียบๆโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ผมเข้าใจมันครับ เป็นผมๆก็โกรธมากแน่ แต่อีกฝ่ายนึงเป็นผู้หญิงมันก็ทำอะไรไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมายาวๆ
“มึงเอาดอกไม้บ้าๆนั่นไปทิ้งรึยัง” ผมถามกลับ
“ทิ้งไปแล้ว นู้น” มันพยักเพยิดหน้าไปทางถังขยะในห้อง ผมพยักหน้าเออออไป
ครืดดดดดดดด
ผมเริ่มจะเบื่อที่โทรศัพท์ผมสั่นแล้วล่ะสิครับ ผมหยิบออกมาก็เป็นไปตามที่คาดไว้ พี่เพลิงโทรมาครับ ผมเลื่อนรับสายแล้วกรอกเสียงลงไปทันที
‘แพรนอนรึยังครับ’ ผมเงยหน้าขึ้นมองไปที่เตียงแล้วตอบเสียงแผ่วลง
“นอนแล้ว หลับแล้วด้วย”
‘ออกมาหาพี่หน่อยสิครับ’ น้ำเสียงพี่เพลิงฟังดูแปลกมากครับ ผมลังเลนิดหน่อย รู้สึกมีอะไรบางอย่างมันก่อตัวขึ้นมาในอก ผมเงียบไปพักนึงแล้วก็ตอบตกลงไป
ตอนนี้ผมเลยมายืนพิงกำแพงเตี้ยๆมองพื้นชั้นล่าง เป็นที่เดิมที่ผมยืนกอดไอ้พัดร้องไห้ แต่ข้างๆผมเปลี่ยนเป็นพี่เพลิงที่ยืนเงียบมองตึกอยู่ท่าเดิม ผมหันหลังพิงกำแพงมองหน้าพี่เพลิงนิ่ง
"บอกให้ออกมาหาแล้วก็เงียบใส่" ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่เพลิง พี่เพลิงหันมามองผมแว๊บนึงแล้วหันกลับไปตามเดิม
"ขอโทษครับ ขอพี่อยู่แบบนี้แป๊บนึงได้มั้ย" ผมเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย
มีแต่เสียงลมเสียงรถที่ผ่านไปมาอยู่ถนนข้างโรงพยาบาลและที่ตรงนี้มีแค่แสงไฟจากหลอดไฟเก่าๆเพียงดวงเดียวตรงประตูทางเข้า แสงสว่างจากไฟรถและไฟถนนทำให้ผมมองเห็นพี่เพลิงเลือนลาง ผมลอบมองพี่เพลิงอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยสักนิดที่มันเงียบ แต่ไม่อึดอัด พี่เพลิงทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดกับอะไรสักอย่าง
"พี่เหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่เป็นเลยครับ พี่จัดการอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง" ผมก้มหน้ามองพื้นรับฟังสิ่งที่พี่เพลิงพูดออกมาช้าๆเหมือนพี่เพลิงไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมาให้ผมได้ยินด้วยซ้ำครับ
"พี่จะพาแพรไปแนะนำกับพ่อแม่" พี่เพลิงหันมามองหน้าผมตรงๆ ผมยิ้มออกมาบางเบาเป็นไปตามที่คิดเป้ะเลยครับว่าต้องทำแบบนั้น
"ก็ดีแล้ว"
"ครับ"
พี่เพลิงเงียบไปอีกครั้ง แต่ความเงียบในครั้งนี้มันน่าอึดอัด มันอึดอัดจนผมกลัวความอึดอัดของตัวเอง ผมบรรยายความรู้สึกที่มีตอนนี้ไม่ได้ รู้แค่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยจริงๆ
ข้างในลึกๆผมกำลังอิจฉาแพรที่มีพี่เพลิงอยู่ข้างๆ
นี่มึงคิดบ้าอะไรอยู่วะลม....
“พี่เพลิง…”
----------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าอาจจะเอาเจ้ากับพัดมาคั่นเล็กๆน้อยๆค่ะ คนอ่านว่าไงคะ? กลัวว่าเนื้อเรื่องจะน่าเบื่อเกินไป แฮะๆ
ชอบที่คนอ่านอินค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากเลยค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ ขอบคุณทุกๆคนเลยค่า

ป.ล.อาจจะหายไปสักแว๊บนึงเพราะสอบไฟนอลกับซ่อมรามตรงกันค่ะ วุ่นวายอีกแล้ว
