Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END  (อ่าน 29650 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Lock on You 18/ 4-1-59
«ตอบ #60 เมื่อ05-01-2016 16:00:35 »

ตั้งแต่คราวที่เคย์โกะรู้เรืรองที่นัทสึเมะมีแฟนคราวนั้นก็ยังไม่ได้อ่านเลย ก็ได้แต่คิดกังวลไปต่างๆนานาว่าเรื่องใหญ่แน่ๆ แบบที่หน่วงมากๆแน่ๆ แต่พอทุกอย่างมันผ่านไปแล้วก็  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ: หมดแล้วซึ่งความหน่วงหนักใจ ตอนนี้ก็มีแต่ความน่ารักๆของฟุยุกิอย่างเดียว  :กอด1:  :กอด1: เดี๋วนี้มีการทงการเถียงกับพี่ชายด้วย ความกล้าเริ่มมีเยอะขึ้นแล้วน่ะ  :hao3:  :hao3:

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
Re: Lock on You 18/ 4-1-59
«ตอบ #61 เมื่อ08-01-2016 01:40:04 »

ต่างคนต่างติดนิสัยคิริฮาระมากันคนละนิดละหน่อยสินะ  ^^

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
Re: Lock on You 18/ 4-1-59
«ตอบ #62 เมื่อ08-01-2016 22:50:30 »

นัตสึเมะเนียนเลยนะ  :laugh:
แต่แบบนี้ก็ดีกว่าเศร้าๆจมทุกข์แหละ  o13

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Lock on You 19/ 15-1-59
«ตอบ #63 เมื่อ15-01-2016 19:43:50 »

สวัสดีครับ ทุกคน
พอดีผมป่วยครับ เลยอัพนัตสึเมะแก้ป่วย ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ไหม แต่อยากอัพ ฮะๆๆ
นิยายที่แปลไม่ค่อยได้ใจเลยมาหาความหวานกับฟุยุกิครับ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เอาตัวให้รอดกันนะครับ อย่าแพ้ภัยตัวเองแบบผม

แล้วเจอกันตอนหน้าครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Lock on You 19

“ไหนนายบอกว่าคุณเจ้าของร้านเขามีคนรักแล้วไง  ฟุยุกิ?”  เคียวยะถามขึ้นทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าวในแมนชั่นของมิโนรุ  เขาถูกมิโนรุเรียกตัวมาเพื่อคุยกันเรื่องที่อยู่ใหม่ของน้องชายคนเล็ก

ฟุยุกิรินน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ ให้พี่ชายคนโต  “อ๋อ  อันนั้นมันเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ”

“เข้าใจผิด?  แล้วเอาไปร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเนี่ยนะ”  เคียวยะยังจำเหตุการณ์ที่ฟุยุกิระเบิดอารมณ์กลางห้องพักผู้ป่วยได้ดี

“ก็...ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่”  เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ

“ไหนเล่ามาให้รู้เรื่องหน่อยซิ”

“คือ...จริง ๆ นัตสึเมะซังเขายังโสด  ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน  ส่วนคุณผู้หญิงคนนั้นเขาเป็น...เอ้อ...ญาติผู้พี่”  ฟุยุกิเลือกคำที่คิดว่าน่าจะพอฟังขึ้น  “แล้วทีนี้...คือฉันไม่รู้ไง  ฉันเห็นเขาสนิทสนมกันมากก็เลยคิดว่าเป็นคนรัก...ก็...แบบว่า...คิดไปเอง”

“คิดไปเองจนเป็นปอดบวมเนี่ยนะ”  มิโนรุทำเสียงเอือมระอา

“ก็...”  ฟุยุกิจะเถียงก็เถียงไม่ออกได้แต่หาข้ออ้าง  “ของคิริฮาระซังเป็นคนรักจริง ๆ นี่นา”

“เรื่องที่ผ่านไปแล้วช่างมันก่อนก็ได้”  เคียวยะตัดบท  “ว่าแต่เขายินดีที่จะให้นายไปอยู่ด้วยจริง ๆ น่ะเหรอ?”

“เขาว่าแบบนั้นละ”  ฟุยุกิคิดว่านัตสึเมะยินดีมากเลยละ


เย็นวันนั้นหลังจากเลิกงานแล้ว  นัตสึเมะพาฟุยุกิขึ้นไปดูชั้นสองของตัวบ้าน  ชั้นบนของบ้านนัตสึเมะเป็นเหมือนห้องใต้หลังคาขนาดใหญ่  กินพื้นที่รวมส่วนของร้านกาแฟและตัวบ้านชั้นล่างทั้งหมด  สภาพของมันตอนนี้คือห้องนอนกว้าง ๆ ห้องเดียวที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เกือบทั้งหมด  ให้อารมณ์เรียบง่ายและดูหรูหราคนละแบบกับห้องของคิริฮาระที่เขาเคยไปเยือน

“ถ้าย้ายเฟอร์นิเจอร์ออกแล้วกั้นตรงนี้ก็จะได้อีกห้องหนึ่งแล้วละครับ”  นัตสึเมะชี้ที่ทางให้ดูคร่าว ๆ

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ  แค่มุมด้านนั้นก็พอ”  ฟุยุกิชี้ไปที่ผนังด้านตรงข้ามกับเตียงของนัตสึเมะ  เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่นัตสึเมะใช้ตั้งชั้นวางของและกล่องลังอะไรเล็กน้อย

“จะไปอยู่ทำไมแคบ ๆ ครับ  อยู่ทั้งทีก็ให้สบายเนื้อสบายตัวหน่อย”

“ตะ...แต่...”

“เอาน่า  ผมตัดสินใจแล้วละ  กั้นห้องตรงนี้แหละครับ  สะดวกดี”

“เอ๊ะ...?”  อะไรคือตัดสินใจแล้ว

“อย่าคิดมากครับ  ยังมีเวลาให้คิดอีกเยอะ”  พูดแล้วนัตสึเมะก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพากลับลงมาข้างล่าง

...และส่งฟุยุกิกลับบ้านด้วยรอยจูบที่ข้างแก้ม...


“ฟุยุกิ...หน้าแดงทำไม?”

เสียงเคียวยะดึงฟุยุกิออกจากห้วงภวังค์

“เอ๊ะ?  ปะ...เปล่าเสียหน่อย”  ฟุยุกิรีบเถียงแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าร้อน ๆ ของตน

พี่ชายสองคนลอบมองหน้ากัน...โกหกได้ห่วยเหมือนเคย  แต่คราวนี้เป็นความห่วยที่คนเป็นพี่ต้องคิดเยอะ

“ยุกิ  นายยังชอบเขาอยู่ใช่ไหม?”  เคียวยะถามอีก

“เอ๊ะ  ทะ...ทำไมเรื่องมันไปตรงนั้นได้...?”  เด็กหนุ่มดูลนลานขึ้นมาทันที

“พี่มีตานะ  ดูเอาก็รู้”

ฟุยุกิก้มหน้างุด  หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงมากกว่าเก่า  เคียวยะถอนใจน้อย ๆ

“คืองี้นะ  ยุกิ...ไม่ใช่ว่าพี่จะยอมรับเรื่องที่นายชอบผู้ชายได้ทั้งหมดหรอกนะ  เพราะนายยังไม่เคยได้สัมผัสผู้หญิงมาก่อนเลย”

“เอ๋?”

“ก็ไม่ใช่ว่าพี่ใจแคบหรอกนะ  แต่ยังไงดีล่ะ...”  เคียวยะพยายามเลือกคำพูดที่จะไม่ฟังดูแย่เกินไป  “ถ้าเป็นแบบปกติมันก็น่าจะดีกว่าใช่หรือเปล่า?”

ฟุยุกิตอบคำถามนั้นไม่ได้  เขาไม่เคยสัมผัสผู้หญิงมาก่อนเลยจริง ๆ  สมัยเรียนก็มีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้หญิงอยู่บ้าง  แต่เขาซึ่งเอาแต่เรียนมาตลอดไม่ได้ให้ความสนใจเพศตรงข้ามเลย  แค่ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองก็ลำบากพออยู่แล้ว  จะว่าไปเขาจำหน้าเพื่อนผู้หญิงในห้องไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ  นอกจากหัวหน้าห้องที่มีเรื่องได้พูดคุยกันบ้างเพราะเธอเป็นหัวหน้าห้องเท่านั้นเอง

“มะ...ไม่รู้สิ  มัน...ดีกว่าจริง ๆ เหรอ?”  เรื่องของนัตสึเมะกับเคย์โกะไม่เห็นจะมีดีตรงไหนเลย

“อย่างน้อยก็อยู่ในสังคมได้ง่ายกว่านะ”

ฟุยุกิมองหน้าพี่ชายทั้งสองคน  ก็คงงั้น...เพราะเคียวยะก็มีครอบครัวที่อบอุ่น  ส่วนมิโนรุก็ดูมีความสุขกับแฟนสาวที่กำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ดี  แต่...คิริฮาระกับคิโยฮารุก็ดูมีความสุขดีนี่นา  และถ้ามองจากสายตาของคนไม่รู้จักก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าทั้งสองคบกันอยู่  แม้จะมีบรรยากาศของความเป็นครอบครัวแผ่ออกมาจาง ๆ ก็เถอะ  แต่ฟุยุกิก็ไม่เคยมีตัวอย่างอื่นให้ดูมากกว่านี้  อ้อ...มีโทโมกิ  แต่คงใช้เป็นตัวอย่างไม่ได้เพราะคนรักของโทโมกิยังนอนนิ่งเป็นมนุษย์พืชอยู่เลย  ถึงจะดูปกติดีแต่ก็เรียกว่ามีความสุขไม่ได้ละมั้ง

“แปลว่า...ฉันควรมีแฟนเป็นผู้หญิงมากกว่างั้นเหรอ?”  ฟุยุกิรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นตัวเองที่ตัดสินใจอะไรเองไม่เป็นอีกครั้ง

“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น  แค่...ถ้านายลองคบผู้หญิงก่อนหรืออะไรแบบนั้น  มันก็น่าจะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า”  เคียวยะเองก็ไม่รู้จะหาคำพูดแบบไหนมาใช้เหมือนกัน  เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบไปก้าวก่ายรสนิยมของคนอื่น

“แต่...ฉันไม่เคยชอบใครนอกจากคิริฮาระซังกับนัตสึเมะซังนี่นา”

“ความชอบของนายมันเป็นความชอบแบบเด็ก ๆ  นายก็พูดเองนี่นา  ทีนี้นายจะรู้ได้ยังไงว่าที่นายรู้สึกดีกับคุณเจ้าของร้านมันไม่ใช่ความรู้สึกแบบครั้งก่อนนั่น”

“มะ...มันไม่เหมือนนะ  ไม่เหมือนเลย”

แม้จะอธิบายไม่ได้แต่ฟุยุกิก็รู้ดีว่ามันไม่เหมือนกัน  ความรู้สึกที่เขามีต่อคิริฮาระเร่าร้อนกว่านี้  วูบไหวกว่านี้  และยึดติดมากกว่านี้  เป็นความรู้สึกว่าดีใจที่ได้อยู่ข้าง ๆ และเป็นที่สนใจ  อยากยึดเอาไว้เป็นของตน  อยากเอาชีวิตไปฝากเขาไว้  แต่กับนัตสึเมะแล้ว  เขารู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ข้าง ๆ  อยากให้นัตสึเมะรู้สึกดีที่เห็นเขายืนได้ด้วยขาของตัวเอง  อยากให้นัตสึเมะดีใจที่เห็นเขามีพัฒนาการในทางที่ดี  อยากให้นัตสึเมะคอยเฝ้าดูเขาไปเรื่อย ๆ...เขารู้สึกกับนัตสึเมะแบบนั้นแหละ

“มันไม่เหมือนกัน...คิริฮาระซังไม่ได้ชอบฉัน  แต่...นัตสึเมะซัง...”  ฟุยุกิสูดลมหายใจลึก  “นัตสึเมะซังบอกว่าชอบฉันนะ”

เคียวยะกับมิโนรุนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

“ขะ...เขาบอกว่า...ชอบฉัน...ชอบมาตั้งแต่แรก...ชอบฉันที่เป็นคนไม่เอาไหนแบบนี้...มาตลอด...”

พูดแล้วเด็กหนุ่มก็ก้มหน้างุด  มือที่กุมถ้วยชาเกร็งน้อย ๆ

“เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”  เคียวยะถาม

ฟุยุกิพยักหน้ารับ

“งั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยกับนายคนเดียวแล้วละ  ท่าทางฉันคงต้องคุยกับเขาด้วยแล้ว”

“หา?”

“ไว้ฉันจะนัดไป  ฝากบอกคุณเจ้าของร้านด้วยนะ”

...

นัตสึเมะมองท่าทางแตกตื่นของลูกจ้างแล้วก็พอจะเข้าใจ  เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน  การที่เคียวยะจะนัดพูดคุยกับเขานั้นมันออกจะใกล้เคียงกับ...การขอพบหน้าว่าที่ลูกเขย...แบบนั้นเลยทีเดียว  ฟุยุกิเป็นน้องคนเล็ก  แม้จากที่เจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังจะดูเหมือนพวกพี่ชายไม่ค่อยเป็นคนอบอุ่นสักเท่าไรนัก  แต่จากที่ดูด้วยตาคร่าว ๆ แล้วนัตสึเมะบอกได้เลยว่าพี่ชายสองคนนี้ทั้งหวงและห่วงน้องไม่น้อย  ก็คงเหมือนเขาห่วงฮารุกะนั่นแหละ  ถ้าฮารุกะจะมีแฟนเป็นตัวเป็นคนสักคนเขาก็คงอยากคุยกับคนคนนั้นด้วยเหมือนกัน

แล้วยิ่งถ้าจะไปอยู่ด้วยกัน...ยิ่งต้องคุย

“ครับ  ผมเข้าใจแล้ว  ไว้จะเตรียมอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ไว้รอนะครับ”

“ทำไมพี่เคียวยะต้องมาคุยกับนัตสึเมะซังด้วยล่ะครับ?  ทำไมดูมันเป็นเรื่องใหญ่จัง  พี่สองคนดูจริงจังมากเลยละครับ”  ฟุยุกิยังมีท่าทีตื่น ๆ

“ก็...ผมชวนน้องชายเขามาอยู่ด้วยนี่ครับ  เขาก็ต้องอยากให้แน่ใจเป็นธรรมดา”

“แค่ย้ายมาอยู่ด้วยเอง  ก็เหมือนมาเช่าห้องนี่ครับ”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ  นี่มันคือการมาใช้ชีวิตร่วมกันนะครับ”  นัตสึเมะพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ใช้...ชีวิตร่วมกัน...?”  ฟุยุกิดูงุนงงกับคำพูดนั้นนิด ๆ

“ครับ  ใช้ชีวิตร่วมกัน...แบบครอบครัว”

สมองของฟุยุกิว่างเปล่าไปชั่วขณะ  ก่อนจะรู้สึกเหมือนยืนอยู่ที่ฐานปล่อยจรวดอพอลโล  คำว่าครอบครัวกระแทกเข้ามาในสมองแล้วสะท้อนลงไปยังหัวใจเหมือนโดนไอพ่นจรวดอัดใส่หน้า  เกิดแรงสะเทือนสะท้านไปทั้งร่างระดับน้อง ๆ แผ่นดินไหวเลยทีเดียว

“ครอบครัว!?”  เด็กหนุ่มเผลอตะโกนออกมา

“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับ  ผมว่าพวกคุณพี่ของฟุยุกิคุงเขารู้กันหมดแล้วละครับ  ไม่อย่างนั้นคงไม่อยากมาคุยกับผมแน่”

ฟุยุกิรู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม

“โอ๊ะ  นั่งก่อนครับ”  นัตสึเมะประคองเด็กหนุ่มที่ยืนโงนเงนลงนั่งที่เคาน์เตอร์

“ทำไม...เรื่องมันไปขนาดนั้นได้...”

“มันไปขนาดนั้นตั้งแต่ผมชวนฟุยุกิคุงมาอยู่ด้วยกันที่นี่แล้วละครับ”  นัตสึเมะลูบหลังฟุยุกิเบา ๆ  “ไม่สิ...มันไปขนาดนั้นมาก่อนจะเกิดเรื่องเคย์โกะซังต่งหากล่ะครับ  ฟุยุกิคุงเคยบอกไม่ใช่เหรอครับว่าชอบบรรยากาศแบบครอบครัวของคิริฮาระกับคิโยฮารุคุง  แล้วผมก็บอกว่าถ้าชอบแบบนั้นผมก็โอเคนะ...น่ะ”

“ตะ...ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอ...?”

“ผมเป็นคนคิดไกลครับ”  ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฟุยุกิ  “เพียงแต่...ฟุยุกิคุงรังเกียจหรือเปล่า  ที่จะมาอยู่กับผมแบบนั้นน่ะ?”

คราวนี้เด็กหนุ่มไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ไม่...ไม่รังเกียจหรอกครับ”

ใช่...เขาดีใจเสียด้วยซ้ำ  เพียงแต่...

“แต่...ท่าทางพี่เคียวยะจะไม่ชอบใจ...”

“ก็เป็นธรรมดาครับ”  นัตสึเมะปลอบ  ความเบี่ยงเบนทางเพศของคนในครอบครัวเป็นประเด็นอ่อนไหวเสมอ...ก็แปลกที่พ่อกับอากิโตะไม่ได้พูดอะไรเรื่องที่เขาชอบฟุยุกิ  แต่คงเพราะเห็นเขาถึงขนาดยุ่งกับเคย์โกะได้  จะเป็นอะไรก็คงไม่แปลกแล้วละมั้ง

“พี่เขาว่าผมน่าจะลองคบผู้หญิงดูก่อน  เผื่อจะชอบผู้หญิง”

“แล้วฟุยุกิคุงอยากลองไหมล่ะครับ?”  นัตสึเมะถามยิ้ม ๆ

“ถึงจะอยากก็ไม่มีให้ลองหรอกครับ”  เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย

“มีสาว ๆ ในร้านมองฟุยุกิคุงหลายคนนะครับ  ถ้าเปิดโอกาสให้หน่อยเขาอาจจะจีบเอาก็ได้นะครับ”  แม้จะเป็นการแหย่เล่นแต่ก็เป็นความจริง    พวกลูกค้าสาว ๆ พูดคุยกันถึงฟุยุกิไม่น้อย  มีทั้งที่แอบมองตามแล้วกระซิบคิกคักกันก็มาก  หากฟุยุกิไม่ขี้ตื่นเกินไปนักก็อาจจะมีสาวสักคนลุกขึ้นมาจีบก็ได้

“เอ๋?...ไม่จริงหรอก  นัตสึเมะซังโกหกผมเล่นอีกแล้ว”

“เอ...ผมว่าผมไม่เคยโกหกฟุยุกิคุงนะครับ  แต่ถ้าไม่ชอบลูกค้าในร้าน...ฮารุกะยังว่างอยู่นะครับ  ยังไม่มีแฟน”

“นะ...นั่นมันน้องสาวนัตสึเมะซังนี่ครับ  ไม่เอา ๆ...ไม่เอาหรอกครับ”

“ถึงจะขี้วีนไปบ้างแต่เป็นเด็กดีนะครับ”

“ไม่เอาครับ  อะไรกัน...ผมอุตส่าห์ดีใจ...ที่นัตสึเมะซังชวนมาอยู่ด้วย...”  เด็กหนุ่มก้มหน้างุด  กำผ้ากันเปื้อนแน่น...นัตสึเมะพูดเหมือนเห็นด้วยกับเคียวยะอย่างนั้นแหละ

เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วนัตสึเมะก็ยิ้ม  กุมมือของฟุยุกิไว้เบา ๆ

“ขอโทษครับ  ผมแค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง  ผมก็ไม่ได้อยากให้ฟุยุกิคุงไปคบกับใครหรอกครับ  ถึงจะเป็นฮารุกะก็เถอะ”

“...จริงนะครับ...”  ฟุยุกิช้อนตาขึ้นมองแบบชวนให้หัวใจละลายได้

และนัตสึเมะก็ละลาย...

“จริงสิครับ”

ริมฝีปากอุ่นแนบลงที่ข้างแก้มของฟุยุกิแผ่วเบา  รู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเกร็งน้อย ๆ จากแก้มนั้นก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง  รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอ่อน ๆ ที่แทรกมากับกลิ่นน้ำหอมที่ฟุยุกิใช้เป็นประจำ...กลิ่นนี้สินะที่คิริฮาระเคยบอกว่าบริสุทธิ์จนไม่กล้าแตะต้อง

“มันก็ไม่ควรจะสวีทกันตั้งแต่เพิ่งเปิดร้านหรือเปล่า?”

น้ำเสียงไม่สบอารมณ์หน่อย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งหน้าประตู  นัตสึเมะรีบลุกพรวดผละออกจากฟุยุกิทันที

“คิ...คิริฮาระ!!?”

“ก็ท่านคิริฮาระน่ะสิ  แล้วก็นะ...จะสวีทก็แนะนำหลังเคาน์เตอร์  ไม่ใช่หน้าเคาน์เตอร์แบบนี้  เดี๋ยวเรตติ้งร้านก็พุ่งกระฉูดจนขายไม่ไหวจะทำยังไง”  คิริฮาระสะบัดผมอย่างมีมาดน่าหมั่นไส้ตามสไตล์ตัวเอง

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่เวลานี้ได้เนี่ย  นายไม่เคยตื่นเช้าไม่ใช่เรอะ?”  นัตสึเมะเกือบจะขึ้นเสียงหน่อย ๆ หน้าแดงนิด ๆ  สีหน้าแตกตื่นนั่นทำให้คิริฮาระนึกสนุก

“ตื่นเช้า?...แน่น้อน  ฉันไม่ได้ตื่นเช้า  ถ้านายจะแหกขี้ตาดูหน้าฉันบ้างนะ  นัตสึเมะ...ฉันยังไม่ได้นอน...”  คิริฮาระมองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มขวาง ๆ แบบคนสติหลุดไปครึ่งหนึ่งเพราะอดนอน  “ฉันปรับปรุงร้านใหม่  ไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว  ทั้งทำบัญชี  จัดสต็อกของ  ซื้อของใหม่เข้าร้าน  โดนจิวจังด่า...พออะไร ๆ ลงตัวจนกลับไปนอนได้ก็แวะมาหากาแฟอร่อย ๆ ดื่มก่อนเข้าบ้าน...แล้วดันมาเจอฉากสวีทน่าอิจฉาเนี่ยนะ  ฮึ่ย...”

“...พาล...สินะ”

“พาลเฟ้ย!  เอาเอสเปรสโซมา  คุกกี้ด้วย  แซนด์วิชเลยก็ได้  แล้วก็เอาฟุยุกิคุงมาเสิร์ฟด้วย”

“อะ...เอ๊ะ...ทำไมเป็นผม...?”  ฟุยุกิที่หน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกละล่ำละลัก

“ไม่รุ!  โหยหาความน่ารัก  มีอะไรไหม?”  คิริฮาระว่าพลางเดินตุบตับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์ด้านในสุดที่นั่งเป็นประจำ  “เร็ว ๆ  เอามาเร็ว ๆ เลย เร้ว!!”

“ไม่ต้องหาเหตุผลกับคนพาลหรอกครับ  ฟุยุกิคุง  เดี๋ยวคิโยฮารุซังมาก็หายบ้าเองแหละ  มาช่วยผมทำแซนด์วิชดีกว่า”
พูดแล้วนัตสึเมะก็จับมือฟุยุกิเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์  นึกด่าคิริฮาระอยู่ในใจ...เพื่อนเวร...

...

ฝนต้นฤดูร้อนยังตกพรำ ๆ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้คนที่สัญจรไปมาในเมืองหลวงแห่งนี้  แต่ความชื้นแฉะเหนอะหนะไม่ได้รบกวนสวนสวยที่ฟุยุกิกำลังนั่งมองอยู่นี่เลย  เปล่า...ไม่ใช่สวนญี่ปุ่นที่บ้านหรอก  แต่เป็นสวนของภัตตาคารญี่ปุ่นขนาดใหญ่หรูหราแบบที่ฟุยุกิไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะได้มาเยือน  ต้นหลิวในสวนส่ายกิ่งที่เต็มไปด้วยใบสีเขียวสดรับแรงกระทบของเม็ดฝน  ต้นไม้ใบหญ้าดูสดชื่นเต็มที่  ต่างจากฟุยุกิโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้ฟุยุกิกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศกดดันเป็นอย่างยิ่ง  ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คือนัตสึเมะ...และฝั่งตรงข้ามของโต๊ะไม้ตัวใหญ่สวยงามคือพี่ชายทั้งสองคน

ในขณะที่ฟุยุกินั่งตัวเกร็ง  นัตสึเมะกลับมีท่าทีสบาย ๆ  ฟุยุกิเกร็งมาตั้งแต่วันที่เคียวยะบอกว่าขอคุยกับนัตสึเมะที่ร้านอาหารแห่งนี้แล้ว  ยิ่งเห็นนัตสึเมะไม่คิดมากอะไรก็ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่  นัตสึเมะดูผ่อนคลายเหมือนเวลาอยู่ที่ร้าน  วันนี้เขาไม่ได้แต่งตัวเป็นทางการอะไรด้วยซ้ำ  แค่ใส่เสื้อเชิ้ตสีสุภาพและรวบผมเรียบร้อยกว่าปกตินิดหน่อยเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Lock on You 19/ 15-1-59
«ตอบ #64 เมื่อ15-01-2016 19:47:38 »

พี่ชายทั้งสองของฟุยุกิมาในชุดทำงาน  แม้จะเป็นการใส่สูทผูกเนกไทธรรมดาแต่ความเนี้ยบและออร่าของนักกฎหมายก็ข่มฟุยุกิจนอยู่หมัด  หากนัตสึเมะไม่สะทกสะท้านเลย  เขาทักทายทั้งสองอย่างสุภาพเหมือนเวลาพบกันที่ร้านแล้วก็นั่งรอให้เคียวยะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน  ในความคิดของฟุยุกิแล้ว...สีหน้ายิ้มเรื่อย ๆ นั่นดูจะกดดันเคียวยะเสียมากกว่า

“คุณเจ้าของร้าน...ไม่สิ  อิชิกาวะซัง”  เคียวยะเริ่มในที่สุด

“ครับ?”  นัตสึเมะยิ้มหวาน...ยิ้มหวานจริง ๆ  ฟุยุกิดูไม่ผิดแน่ ๆ  และรอยยิ้มนั้นก็ทำเอาเคียวยะอึ้งไปชั่วขณะ

“อะ  เอ่อ...ได้ยินว่าคุณชวนฟุยุกิไปพักกับคุณที่ร้านเหรอครับ?”

“ครับ  ก็เห็นว่าคุณพี่คนรองกำลังจะแต่งงานและฟุยุกิคุงจะหาที่อยู่ใหม่  แต่ดูจะมีปัญหานิดหน่อยก็เลยชวนดูน่ะครับ”

“จะสะดวกหรือครับ?”

“เรื่องที่ทางสะดวกเหลือเฟือครับ  ชั้นสองของบ้านผมเป็นแค่ห้องโล่ง ๆ ใหญ่ ๆ  กั้นห้องได้อีกตั้งสองห้องเลยละครับ”  นัตสึเมะอธิบายทั้งยังยิ้ม

“แล้ว...เรื่องอื่น...จะสะดวกหรือครับ?”  เคียวยะถามอ้อม ๆ

“เรื่องอื่น?”  นัตสึเมะทำเป็นไม่รู้ความนัยในคำถามนั้น

“ก็เช่นครอบครัว”

“ผมโสดครับ”

“ไม่ใช่ครับ  ไม่ใช่คนรัก  หมายถึงครอบครัวของคุณคนอื่น ๆ...คือ...คุณจะรับน้องชายของผมไปอยู่ด้วย...จะสะดวกหรือครับ?”

นัตสึเมะรู้ว่าเคียวยะหมายถึงอะไร  เขาเป็นผู้ชายที่กำลังจะรับผู้ชายไปอยู่ในบ้านเดียวกัน  มองจากสายตาของครอบครัวอาริโยชิยังเป็นเรื่องน่าขัดข้อง  แล้วครอบครัวของนัตสึเมะจะไม่มีปัญหาหรือ

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาครับ  พ่อกับพี่ชายผมเข้าใจดี  ส่วนน้องสาวอาจจะงอแงบ้างแต่แกก็ไม่มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมหรอกครับ”

“แปลว่าคุณพ่อกับพี่ชายของคุณรู้มาตลอดว่าคุณเป็น...เอ่อ...แบบนี้?”

มิโนรุกับฟุยุกิถึงกับออกอาการเกร็งกับคำพูดของเคียวยะ  มันดูขวานผ่าซากเกินไปยังไงก็ไม่รู้

“เปล่าหรอกครับ  ผมก็ไม่เคยเป็น – แบบนี้ – มาก่อน  เพิ่งเคยเป็นนี่แหละครับ”  คนต้นเรื่องยังดูสบาย ๆ

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“หมายความว่า...ผมไม่เคยชอบใครมาก่อนเลยน่ะครับ  ฟุยุกิคุงเป็นคนแรก”

คำตอบตรง ๆ นั่นทำเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ  ก้มหน้างุด

เคียวยะกำลังจะถามต่อก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพนักงานนำอาหารและเหล้าสาเกเข้ามาเสิร์ฟ  ไม่มีใครพูดอะไรจนเธอกลับออกไป  นัตสึเมะรีบหยิบขวดเหล้ารินใส่จอกให้เคียวยะกับมิโนรุทันที

“ดื่มก่อนเถอะครับ  กลิ่นหอมเชียว  ต้องเป็นสาเกชั้นดีแน่ ๆ”  นัตสึเมะบอกกับพี่ชายทั้งสองของฟุยุกิด้วยท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของร้านเสียเอง

“อื้ม  อร่อย”  มิโนรุพูดออกมาหลังจากยกสาเกขึ้นดื่ม

“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ”  เคียวยะพูดเสียงเข้ม

“เอ๊ะ...?”  มิโนรุชะงัก  กำลังจะเถียงว่าสาเกอร่อยย่อมไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว  แต่สัมผัสได้ถึงรังสีตึงเครียดบางอย่างของพี่ชายเลยสงบปากไว้ทัน

“เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณไม่เคยชอบใครมาก่อน?”  เคียวยะพูดกับนัตสึเมะ

“ครับ  ฟุยุกิคุงเป็นคนแรก”  เจ้าของร้านกาแฟย้ำ

“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชอบผู้ชายจริง ๆ?”

คำถามเป็นประเด็นเดียวกับที่ถามฟุยุกิ  ถ้าไม่เคยมีความรักแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน  เป็นคำถามที่ฟุยุกิตอบไม่ได้  แต่นัตสึเมะตอบทันที

“ผมไม่รู้หรอกครับว่าผมชอบผู้ชายหรือเปล่า  ผมแค่ชอบฟุยุกิคุงเท่านั้นเองครับ”

หน้าที่แดงอยู่แล้วของฟุยุกิยิ่งแดงก่ำเหมือนเลือดจะระเบิดออกทางรูหูได้  ส่วนมิโนรุก็ดีใจที่ตัวเองกลืนสาเกลงคอไปหมดแล้ว  ไม่อย่างนั้นต้องสำลักแน่...เขารู้ว่าเจ้าของร้านกาแฟคนนี้ไม่ธรรมดา  แต่ก็ไม่คิดจะว่าจะไม่ธรรมดาขนาดนี้

“แหม...ชีวิตผมมันก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ น่ะครับ  ทำร้านกาแฟมาสิบกว่าปีก็มีลูกค้าเข้ามาจีบบ้าง  มีผู้หญิงมายุ่งด้วยบ้าง  มีเพื่อนผู้ชายที่คนอื่นเข้าใจผิดว่าคบกันบ้าง  แต่ผมก็ไม่เคยชอบใครจริงจังหรอกครับ  ฟุยุกิคุงเป็นคนแรก...ยังไงดี  คือผมเป็นฝ่ายชอบฟุยุกิคุงก่อนเสียด้วยซ้ำน่ะครับ”

ตรงเกินไปแล้ว!!...กายละเอียดของเคียวยะตะโกนแบบนั้น  แถมวิธีพูดนิ่ม ๆ เรื่อย ๆ ไม่ใส่อารมณ์แต่แทงเข้าประเด็นจัง ๆ ตลอดเวลานี่มัน...ถ้าเป็นทนายความที่ต้องสู้กันในศาลจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรยากแน่ ๆ

แต่ยังหรอก...เคียวยะยังไม่แพ้  ยังมีประเด็นอื่นให้เขารุกได้อีก

“ได้ยินแบบนั้นก็พอจะดีใจหรอกนะครับ  ว่าอย่างน้อยคุณก็จริงใจกับน้องชายของผม  แต่มันเรื่องอะไรถึงได้เป็นฟุยุกิล่ะครับ?”

นัตสึเมะยิ้มก่อนจะตอบ

“ตอนแรกที่เห็นฟุยุกิคุง...เขาดูเหนื่อยเต็มทีครับ  ผมเลยอยากช่วยเป็นที่พักเหนื่อยให้เขา  แล้วระหว่างที่คอยเป็นที่พักให้เขา  ผมก็รู้สึกอยากปกป้องเขามากขึ้นทุกทีน่ะครับ  อยากเห็นเขาผ่อนคลายมากกว่านี้  อยากเห็นเขายิ้มมากกว่านี้  อยากเห็นเขามีความสุขมากกว่านี้...รู้ตัวอีกที  ความรู้สึกแบบนี้มันคงเรียกว่าชอบได้แล้วละมั้งครับ  ผมก็เลยบอกกับเขา”

“...แล้วก็เลยชวนไปทำงานที่ร้านสินะ...”  มิโนรุพึมพำขึ้นมาเบา ๆ...พวกเขาเองที่คิดไม่ทันไอ้หมอนี่

“อยู่ใกล้ ๆ ตาก็จะรู้สึกเป็นห่วงน้อยหน่อยน่ะครับ”

“แล้วทีนี้เลยคิดจะเอาไปอยู่ใกล้มาก ๆ เลยสินะ”  มิโนรุค่อน

“จริง ๆ ถ้าคุณพี่ไม่ได้จะแต่งงานผมก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอกครับ  จังหวะมันเหมาะพอดีมากกว่า”

“อ้าว  พูดเหมือนผมเป็นฝ่ายผิดที่จะแต่งงานซะงั้น...”

“เปล่าครับ  เปล่า”  นัตสึเมะหัวเราะพลางปฏิเสธแล้วรินเหล้าให้มิโนรุอีก  “ผมแค่บอกว่าจังหวะมันดีเท่านั้นเองครับ”

“เดี๋ยวสิ...ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ”  เคียวยะขัดขึ้นเมื่อเห็นบรรยากาศจะไหลไปเข้าทางนัตสึเมะ

“ครับ  ผมก็ว่าประเด็นของคุณพี่คนโตไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก”  พูดแล้วนัตสึเมะก็รินเหล้าให้เคียวยะ

ฟุยุกิดูต่างฝ่ายต่างพยายามสกัดลูกยิงซึ่งกันและกันอย่างทึ่ง ๆ...บางที  ต่อให้เป็นพ่อของเขา  นัตสึเมะก็คงรับมือได้สบายสินะ

“ที่คุณจริงใจกับฟุยุกิน่ะก็ไม่เป็นไรหรอก  แต่คุณรู้บ้างไหมว่าสังคมจะมองพวกคุณยังไง”  เคียวยะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น  “ที่ประเทศอื่นผมไม่รู้หรอกนะ  แต่สังคมญี่ปุ่นมันไม่ใช่  เราไม่ได้ยอมรับพวกรักร่วมเพศได้ขนาดนั้น  พูดตามตรงเลยว่าสังคมของเรายังใจแคบ  เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว...”

ตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น  เคียวยะชะงักคำพูดทันที  พนักงานเสิร์ฟนำอาหารชุดต่อไปมาให้  เธอวางจานลงอย่างนุ่มนวล  หากก่อนจะออกจากห้องไปเธอแอบเหลือบมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

เคียวยะรอจนแน่ใจว่าพนักงานสาวเดินพ้นไปแล้วจึงพูดต่อ

“...ก็อย่างที่เห็น  เห็นสายตาของเธอไหม  ยุกิ  แค่ได้ยินเรื่องที่พวกเราคุยกันนิดหน่อยเท่านั้น...ดูท่าทีของเธอสิ”

ฟุยุกิชาวาบไปทั้งหน้า  เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน  ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตโดยไม่ได้สนใจใคร  ลำพังเรื่องของตัวเองเขาก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว  จะมีเวลาไปใส่ใจใครได้  เขาไม่เคยมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศใด ๆ ทั้งสิ้น  ไม่เคยทั้งสนับสนุนหรือรู้สึกรังเกียจ  รู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับกันเท่านั้น  ซึ่งความรับรู้นี้เองที่ทำให้เขาเป็นทุกข์ใจในตอนแรกที่รู้ตัวว่าชอบคิริฮาระ  แต่เมื่อได้คุยกับนัตสึเมะและโทโมกิแล้วพบว่าทั้งสองยอมรับเรื่องนี้ได้  ความทุกข์นั้นก็ค่อยคลายลง

แต่พอเห็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่  ที่นัตสึเมะยอมรับได้เพราะคลุกคลีกับคิริฮาระมานาน  รู้ความเป็นมาเป็นไปในความรักของคิริฮาระมาตลอด  ส่วนโทโมกิก็มีคนรักเป็นผู้ชายอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกว่ามันแปลกอะไร  แต่กับคนอื่นมันไม่ใช่...เห็นสายตาของพนักงานสาวเมื่อกี้ก็พอจะรู้แม้เธอจะไม่พูดออกมา  ถึงที่นี่จะเป็นห้องส่วนตัว  แต่เสียงพูดคุยก็ลอดออกไปได้บ้าง  เธอคงจะได้ยินบางส่วน  และเมื่อดูสัดส่วนท่าทีของคนในห้องแล้ว  เธอคงตัดสินใจว่าคนที่จัดอยู่ในคำว่า  “รักร่วมเพศ”  ต้องเป็นเขากับนัตสึเมะแน่

สายตาที่มองมาดูตะขิดตะขวงใจ...และฉาบไว้ด้วยความรังเกียจ

“สังคมเราไม่ได้ยอมรับพวกรักร่วมเพศเลยนะ”  เคียวยะพูดต่อ  “แล้วนายจะทนกับสายตาแบบนั้นได้ไหม  เวลานายเดินไปไหนมาไหนกับอิชิกาวะซังแล้วมีคนมองแบบนั้น  นายทนได้หรือเปล่า  พี่ไม่อยากให้นายต้องถูกสังคมเหยียดหยามแบบนั้นนะ”

ฟุยุกิไม่ตอบ...เขาตอบไม่ได้  แค่สายตาของคนคนเดียวก็ทำเขาชาไปทั้งตัวแล้ว  นั่นสิ...เขาจะทนได้หรือ  ถ้าออกไปเดินตามถนนหนทางแล้วถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น  เขาจะอยู่เคียงข้างนัตสึเมะได้หรือ

แต่...มันอาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปก็ได้...

“คุณพี่ครับ”  เป็นนัตสึเมะที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ  “ผมคิดว่าเรื่องนั้นไม่มีปัญหานะครับ”

“จะไม่มีปัญหาได้ยังไง  เมื่อกี้คุณก็เห็น...”  เคียวยะเถียง

“นั่นเพราะเธอได้ยินเรื่องที่เราคุยกันครับ  ตอนเธอมาเสิร์ฟอาหารรอบแรกเธอก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรนี่ครับ”

เคียวยะกับมิโนรุนิ่งไปนิดหนึ่ง...มันก็จริง

นัตสึเมะทำท่าเหมือนจะเลือกคำพูดอยู่นิดหนึ่งจึงพูดว่า

“คือเรื่องแบบนี้มันน่าจะอยู่ที่การแสดงออกของเราด้วยละครับ  ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง...พูดตรง ๆ เลยนะครับ...เป็นเกย์  เพื่อนผมคนนี้มีคนรักที่เรียนที่เดียวกันและอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้  คนรักของเพื่อนผมเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยครับ  และไม่มีใครสังเกตเลยว่าสองคนนี้เป็นคนรักที่อยู่ด้วยกัน  เพราะเขาไม่แสดงออกครับ  ไม่เคยเดินจับมือกัน  ไม่เคยแสดงท่าทางสวีทกัน  ไม่เคยพูดอะไรให้คนจับได้ในที่สาธารณะ  ที่เดียวที่พวกเขาจะแสดงออกนอกบ้านคือในร้านของผมครับ...ดังนั้นผมถึงกล้าบอกว่าไม่เป็นปัญหา”

“อาจารย์มหา’ ลัยเลยเหรอ...?”  มิโนรุทวนคำ

“ครับ  ก็มหา’ ลัยที่อยู่ตรงข้ามร้านนั่นแหละครับ  ลูกค้าประจำที่ร้านตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา”  นัตสึเมะละความจริงที่ว่าสมัยเป็นนักศึกษา  เขารู้กันค่อนมหาวิทยาลัยว่าคิริฮาระกับคิโยฮารุคบกันเป็นแฟน

“ไม่มีใครรู้เลยจริง ๆ เหรอครับ?”  เคียวยะออกจะทึ่ง  สำหรับบางอาชีพแล้ว  การเป็นพวกรักร่วมเพศมีความเสี่ยงจะตกงานมากกว่าคนอื่นในกรณีที่เรื่องแดงออกไป

“ไม่แสดงออกเสียอย่างก็ไม่มีใครรู้หรอกครับ  ไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อ  แค่เดินด้วยกัน  คุยกัน...มันไม่ทำให้คนอื่นคิดว่าเราเป็นเกย์หรอกครับ  สองคนนั้นวางตัวดี  และผมก็คิดว่าพวกผมคงเป็นแบบพวกเขาละครับ”  นัตสึเมะเน้นคำว่า...พวกผม...ชัดเจน  “จริง ๆ แล้วผมไม่แคร์สังคมเท่าไรหรอกครับ  เพราะถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้  งานของผมอยู่ในร้านของผม  ไม่ได้มีเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่ไหนมาคอยจับผิด  ถึงจะมีลูกค้าจับสังเกตบ้างก็จะกลายเป็นแค่ข่าวลือ  เราห้ามปากกับใจคนอื่นไม่ได้นี่ครับ  ผมเองก็เคยมีข่าวลือกับเพื่อนผมคนนั้น  ก็ไม่มากมายอะไร  ผมคิดว่าผมรับผิดชอบฟุยุกิคุงในเรื่องนี้ได้ครับ  ที่ผมแคร์คือครอบครัวมากกว่า  ถ้าครอบครัวยอมรับได้  อะไร ๆ มันจะง่ายขึ้นมากทีเดียว  นี่คือเหตุผลที่ผมมาคุยกับพวกคุณพี่ในวันนี้ละครับ”

นัตสึเมะจบแค่นั้นแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม

เคียวยะกับมิโนรุได้แต่ครุ่นคิด  งั้นหรือ...ข้อสำคัญคือการยอมรับจากคนในครอบครัวงั้นหรือ  จะว่าไปแล้วพวกเขาก็ยอมรับมาตลอดตั้งแต่รู้เรื่องว่าฟุยุกิชอบผู้ชาย  แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการยอมรับนั้นมันมากแค่ไหนและมั่นคงแค่ไหน

มิโนรุเองไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก  ตอนที่รู้ครั้งแรกเขาตกใจมากก็จริง  แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากฟุยุกิและเห็นว่าคนที่ฟุยุกิชอบเป็นคนยังไง  เขาก็รู้สึกเบาใจเสียด้วยซ้ำ  และยิ่งเห็นฟุยุกิทำงานอย่างสบายอกสบายใจอยู่ในร้านกาแฟของนัตสึเมะ  ตัวเขาก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นด้วย  ที่จริงเขาก็เป็นห่วงฟุยุกิเหมือนกันตอนที่คิดจะแต่งงาน  แต่ก็คิดว่าน้องชายคงกลับไปอยู่บ้านพ่อ  ไม่คิดว่าจะดิ้นรนหาทางออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้  แต่พอนัตสึเมะเสนอให้ไปอยู่ด้วยกัน  เขาก็โล่งใจขึ้นมาทันที  ไม่ได้คิดถึงเรื่องว่านัตสึเมะเป็นคนที่ฟุยุกิชอบเลยด้วยซ้ำ  ที่เขาคิดอะไรง่าย ๆ แบบนี้ก็เพราะเขาเป็นพี่ชายของฟุยุกิ...คิดแค่แบบพี่ชายเท่านั้น

แต่เคียวยะไม่ใช่  เคียวยะดูแลฟุยุกิมาเหมือนเป็นลูก  ดูแลเรื่องการเรียนมาตลอด  กระทั่งไปงานพบผู้ปกครองแทนพ่อเสียด้วยซ้ำ  ดังนั้นความรู้สึกของเคียวยะที่มีต่อฟุยุกิจึงล้ำลึกกว่าและคิดมากกว่ามิโนรุไปมาก  ตอนแรกที่เขารู้ว่าฟุยุกิป่วยเพราะอกหัก...เขาโกรธ  โกรธที่มีใครบางคนมาทำให้น้องที่เขาดูแลมาเป็นอย่างดีต้องเจ็บปวดขนาดนั้น  แต่เมื่อตามหาตัวสองคนนั้นจนเจอแล้วเขาก็พบว่าทั้งสองเป็นคนดี  และสิ่งที่ทั้งสองคนนั้นเป็นชี้ให้เห็นความบกพร่องในการเลี้ยงดูของเขาด้วย  เขาเลี้ยงฟุยุกิมาด้วยสมอง...ไม่ได้เลี้ยงด้วยหัวใจ  แต่ในขณะที่ฟุยุกิกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องที่ไม่สามารถใช้สมองอย่างเดียวจัดการได้  นัตสึเมะกลับประคับประคองหัวใจที่เปราะบางนั้นไว้ได้  เขาเห็นนัตสึเมะเข้าใจฟุยุกิเป็นอย่างดีระหว่างที่ทำงานด้วยกันในร้านก็รู้สึกเบาใจ  ความจริงแล้วเขาไว้ใจให้นัตสึเมะดูแลฟุยุกิมากเลยทีเดียว  แต่พอได้ยินว่านัตสึเมะบอกชอบฟุยุกิ...ความรู้สึกด้านศีลธรรมจรรยาก็ตื่นตัวขึ้นมา  เขากลัว...กลัวว่าคนอื่นจะมองน้องชายของเขาผิดปกติ  ฟุยุกิเป็นเด็กดี  นอกจากเรียนไม่เก่งแล้วแทบไม่เคยทำอะไรผิดเลย  ไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนหรือผิดปกติอะไรด้วย  แต่เขากลัวว่าสังคมจะยัดเยียดความผิดปกตินั้นให้น้องชายของเขา  เพียงเพราะน้องของเขาชอบผู้ชายด้วยกัน

เคียวยะไม่อยากให้ใครมองฟุยุกิด้วยสายตารังเกียจเพราะเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้น

...เรื่องงี่เง่า...พรรค์นั้น...?

เคียวยะสะดุดคิด  เขาเรียกเรื่องที่ฟุยุกิเป็นรักร่วมเพศว่าเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้น  แปลว่าเขาไม่ได้เห็นว่ามันสำคัญสักนิดเลยสินะ  แล้วที่เขาร้อนใจจนต้องเรียกนัตสึเมะมาคุยด้วยมันเพราะอะไรกันแน่...ตัวเขาเองก็เชื่อใจและไว้ใจที่นัตสึเมะเข้าใจฟุยุกิเป็นอย่างดีถึงได้ยอมให้ทำงานที่ร้านกาแฟไม่ใช่หรือ  แล้วเพราะอะไร...ไม่ใช่เพราะเขากังวลเรื่องนัตสึเมะหรอก  เขากังวลเรื่องคนอื่นต่างหาก  คนที่ไม่เข้าใจจะไม่มีวันรู้เลยว่าฟุยุกิเป็นอย่างไร  ขนาดญาติกันเองยังบอกว่าฟุยุกิปัญญาอ่อนเพราะแม่มีเขาตอนอายุมากเกินไป  แล้วคนนอกจะเข้าใจว่าฟุยุกิเป็นอย่างไรถ้าเห็นตอนอยู่กับนัตสึเมะ  จะรังเกียจน้องชายเขาไหม  จะเหยียดหยามไหม...จะพูดใส่หน้าว่าตาย ๆ ไปซะก็ดีไหม...

เขาไม่อยากให้ฟุยุกิต้องเจออะไรอย่างนั้นทั้งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ

แต่ถ้านัตสึเมะยืนยันว่าไม่เป็นไร...เขาควรจะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้สินะ

เคียวยะถอนใจแรง ๆ  “พี่ไม่ค่อยเห็นด้วยในเรื่องนี้เท่าไรหรอก  แต่เรื่องความรู้สึกของคนแต่ละคนมันคงห้ามกันไม่ได้  ถ้ายังไงก็ต้องขอดูสักระยะก่อนละว่ามันจะไปได้ดีหรือเปล่า”

พูดแล้วเคียวยะก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมาพยักเพยิดไปทางนัตสึเมะ  ซึ่งชายหนุ่มรีบหยิบจอกของตัวเองขึ้นมารับทันที  เคียวยะพูดเบา ๆ ขณะที่รินเหล้าให้นัตสึเมะ  ซึ่งมิโนรุกับฟุยุกิฟังแล้วได้แต่อมยิ้ม

“ถ้ายังไงก็ฝากดูแลน้องชายด้วยนะครับ  ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ส่งกลับมา...ที่บ้านยังมีห้องว่างเสมอ”


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
ป.ล. ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะครับ (ยิ้มหวานแบบนัตสึเมะ)

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
Re: Lock on You 19/ 15-1-59
«ตอบ #65 เมื่อ15-01-2016 23:33:33 »

อย่างกะมาขอหมั้น 555
 :m3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Lock on You 19/ 15-1-59
«ตอบ #66 เมื่อ16-01-2016 00:20:53 »

ดูตัวชัดๆ  o13

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
Re: Lock on You 19/ 15-1-59
«ตอบ #67 เมื่อ23-01-2016 01:59:54 »

ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #68 เมื่อ07-02-2016 12:41:04 »

สวัสดีครับ ทุกคน
เมื่อต้นเดือนไม่อยู่บ้านครับ เลยไม่ได้อัพ
นี่ก็...จบแล้วละครับ
จบไปอีกเรื่อง ทีนี้ก็ครบซีรี่ส์แล้วละครับ (ตกลงมันคือซีรี่ส์งั้นเรอะ?)
ก็คาดว่าจะรวมเล่มสักปลายปีนี้น่ะครับ และยังไม่รู้เลยว่าจะได้เขียนนิยายเรื่องยาวแบบนี้อีกเมื่อไร ช่วงนี้งานแปลเข้าเยอะน่ะครับเลยไม่ได้เขียนนิยายตัวเองเลย
ถ้ายังไง สนใจติดตามเรื่องอื่นๆ หรือข่าวความคืบหน้าการรวมเล่มก็เชิญที่นี่นะครับ
https://web.facebook.com/hakuroallstory/
ขออนุญาตโฆษณานิดหนึ่งนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ

HAKURO_KOKURO
+++++++++++++++++++++++++++++++++

Lock on You 20

เข้าฤดูร้อนเต็มที่แล้ว  ที่มหาวิทยาลัยก็ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว  นักศึกษาทยอยหยุดเรียนกลับบ้าน  ทำงานพิเศษ  หรือไปท่องเที่ยวกันเยอะ  ลูกค้าที่ร้านน้อยลงไปถนัดใจ  กระทั่งคิโยฮารุกับคิริฮาระยังหายหน้าไปชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโด  ในช่วงเวลาแบบนี้เองที่ฟุยุกิกำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ที่ร้านกับนัตสึเมะ

วันพุธซึ่งเป็นวันหยุดประจำร้าน  นัตสึเมะชวนฟุยุกิไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน

“จริง ๆ ไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้นี่ครับ  ผมใช้พวกเครื่องนอนที่นัตสึเมะซังเอาไว้รับแขกก็ได้”  ฟุยุกิบอกเพราะรู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองและรบกวนนัตสึเมะมาก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงทำแบบนั้นผมก็ต้องซื้อเครื่องนอนรับแขกใหม่อยู่ดีแหละ  ฟุยุกิคุงใช้ของใหม่ไปเลยน่ะดีแล้ว...ว่าแต่ไม่เอาเตียงจริง ๆ เหรอครับ?”

“ไม่เอาหรอกครับ  ผมถนัดนอนฟูกปูพื้นอยู่แล้ว  แถมเราก็มีตู้เก็บของที่ใช้กั้นห้องมาใช้เก็บฟูกแล้วด้วยนี่ครับ  ถ้าซื้อนั่นซื้อนี้เยอะก็เกรงใจนัตสึเมะซัง  เล่นไม่ยอมให้ผมออกค่าอะไรเลยนี่นา”  เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ

นัตสึเมะอมยิ้ม  ที่จริงเขากะจะกั้นห้องชั้นบนให้เป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัวของฟุยุกิ  แต่เด็กหนุ่มกลับบอกให้ใช้ตู้เก็บของที่ตั้งชิดผนังอยู่มากั้นแทนเพื่อประหยัดค่าต่อเติมบ้าน  คนเป็นเจ้าของบ้านแอบดีใจกับไอเดียนี้  เพราะนั่นแปลว่าจะไม่มีอะไรขวางกั้นระหว่างพวกเขามากเกินไปนัก  เข้าทางเขาแบบที่ฟุยุกิไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

ซื่อบริสุทธิ์เกินไปมันก็ดีแบบนี้ละนะ...

นัตสึเมะเรียกช่างมาย้ายข้าวของ  ย้ายตู้เก็บของมายึดตรึงติดกับเพดานกลางบ้าน  และจัดการทำความสะอาดทาสีตกแต่งห้องใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว  พออะไรพร้อมสรรพเรียบร้อยจึงได้ชวนฟุยุกิมาซื้อของใช้

ฟุยุกิเลือกฟูกนอนและผ้านวมเนื้อนุ่มคุณภาพดีกับปลอกนวมลายเรียบ ๆ  รวมถึงผ้าห่มขนสัตว์สำหรับฤดูหนาวสีเข้มเรียบง่าย  นัตสึเมะยิ้มนิด ๆ กับรสนิยมการเลือกนั้น  ฟุยุกิเลือกของที่ขัดกับบุคลิกและเป็นผู้ใหญ่เกินตัว  ดูอย่างไรนั่นก็เหมาะกับเคียวยะหรือคุณพ่อเสียมากกว่า...ฟุยุกิไม่เคยเลือกของเอง  ไม่เคยมีรสนิยมของตัวเอง  แต่รสนิยมที่ซึมซับมาก็หล่อหลอมขึ้นมาเป็นตัวเขาในตอนนี้

“แน่ใจเหรอครับว่าชอบลายแบบนี้?”  นัตสึเมะลองหยั่งเชิงดู

“อืม...ไม่รู้สิครับ  ปกติใช้แต่แบบนี้มาตลอด”  คำตอบเรียบง่ายและเป็นไปตามคาด

“ไม่ลองเลือกแบบที่ตัวเองชอบดูเหรอครับ?”

“เอ๊ะ?”

“แบบที่คุณชอบไง  อะไรก็ได้  ลายอะไรก็ได้”

“เอ๊ะ...เอ่อ...”  ฟุยุกิทำหน้าลังเล  ไม่เคยมีใครบอกให้เขาเลือกเองมาก่อนเลย

“เอาพวกนี้ไว้นี่ก่อน  แล้วไปเดินหาลายที่ฟุยุกิคุงชอบกันเถอะครับ”  นัตสึเมะชวน

“...ครับ”  เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่มั่นใจ  เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบลวดลายแบบไหน

แผนกเครื่องนอนมีปลอกผ้านวมให้เลือกมากมายจนตาลาย  มีตั้งแต่แบบหวานแหววน่ารักไปจนถึงเคร่งขรึมแบบผู้ใหญ่และแบบไม่มีลาย  ฟุยุกิมองไปรอบ ๆ ตัวด้วยสีหน้าลำบากใจ  แต่แล้วก็ไปสะดุดกับผ้าผืนสวยสีขาวที่มีลายใบเมเปิ้ลสีแดงและเหลืองให้ความรู้สึกแบบฤดูใบไม้ร่วงที่นุ่มนวล

“อันนี้ครับ”  ฟุยุกิชี้หมับโดยไม่ต้องคิด

นัตสึเมะเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา  ก็ดูเหมาะกับฟุยุกิดี  มันทำให้เขาหวนคิดไปถึงคอนเสิร์ตฤดูใบไม้ร่วงกับเพลงเดี่ยวไวโอลินของคิริฮาระ  ภาพที่ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของเขา...คือฟุยุกิที่ยืนอยู่ท่ามกลางใบเมเปิ้ลสีแดง  ดังนั้นปลอกนวมผืนนี้จึงเหมาะกับฟุยุกิอย่างบอกไม่ถูก

“สวยครับ  เอาสิ”  นัตสึเมะตอบรับโดยไม่ถามราคาด้วยซ้ำ  เขาบอกความต้องการกับพนักงานแล้วพูดกับฟุยุกิต่อ  “ทีนี้ก็ผ้าห่มขนสัตว์นะครับ”

“ไม่มีลายเดียวกันเหรอครับ?”  ฟุยุกิถามพนักงาน

คำตอบคือไม่มี  ฟุยุกิจึงต้องไปเดินหาลายที่เขาน่าจะชอบเองอีกครั้ง  ผ้าห่มขนสัตว์มีลวดลายเยอะแบบกว่าปลอกนวม  แต่ฟุยุกิใช้เวลาไม่นานนักก็เลือกผ้าออกมาผืนหนึ่ง

“เอาผืนนี้ครับ”

“...วัว?”  นัตสึเมะกลั้นขำกับผ้าห่มลายขาวดำที่ดูแล้วอยากดื่มนมขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่วัวเฉย ๆ นะครับ  มีแมวซ่อนอยู่ในวัวด้วย”  ฟุยุกิชี้ให้ดูลายผ้าชัด ๆ  จริงด้วย...ถ้ามองผ่าน ๆ จะเห็นแค่ลวดลายสีดำกระจายอยู่ตามผืนผ้า  แต่พวกจุดเล็ก ๆ กลับทำเป็นรูปแมวเอาไว้

“ตาดีจังครับ  ผมไม่สังเกตเลยนะเนี่ย”  นัตสึเมะออกปากชม  “ฟุยุกิคุงนี่ช่างสังเกตนะครับ”

ฟุยุกิหัวเราะอาย ๆ  ได้มาเลือกของใช้เองแบบนี้เป็นครั้งแรกมันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ทีนี้เขาก็ได้ปลอกนวมลายสวยกับผ้าห่มขนสัตว์ลายน่ารักไว้ห่มนอนแล้ว...แต่เมื่อไรจะถึงหน้าหนาวกันนะ  ตอนนี้คงต้องกลับไปห่มผ้าผืนบางที่จะหอบหิ้วมาจากบ้านพ่อไปก่อน

“เอาละ  ทีนี้ก็ของผมบ้าง”

“เอ๊ะ  นัตสึเมะซังก็จะซื้อด้วยเหรอครับ?”

“ครับ  ผมใช้ของเดิมมานานเต็มที  อยากเปลี่ยนสีสันให้ชีวิตบ้าง”  ที่นัตสึเมะละไว้ก็คือ  ที่นอนหมอนมุ้งที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้มันผ่านเคย์โกะมาหมดแล้ว  เขาอยากจะโละมันออกจากชีวิตไปให้หมดเสียที

“แล้วนัตสึเมะซังชอบแบบไหนล่ะครับ?”

“นั่นสิครับ...ผมว่าจะให้ฟุยุกิคุงเลือกให้แน่ะ”

“เอ๊ะ!?”  เด็กหนุ่มร้อง

“คือผมไม่ค่อยเลือกของใช้เองเท่าไร  อยากรู้ว่าคนเลือกจะมองผมแบบไหนน่ะครับ”

นี่ก็เป็นความจริงเรื่องหนึ่ง  แต่ถ้าพูดให้ลึกลงไปแล้วอาจเพราะช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่นเขาไม่ค่อยมีตัวตนของตัวเองเท่าไร  เมื่อคิริฮาระเริ่มซื้อถ้วยกาแฟมาให้เขาใช้ในร้านและสำหรับแขกขาประจำคนอื่น ๆ  นัตสึเมะก็รู้สึกสนุกกับการคาดเดาและตีความบุคลิกของคนอื่นผ่านสายตาของคิริฮาระ  และสนุกกับการที่คนอื่นตีความเขาและเลือกซื้อของมาให้...อย่างผ้ากันเปื้อนส่วนมากของเขาก็ได้พวกคุณป้าขาประจำที่มาดื่มกันตั้งแต่สมัยยังเป็นร้านของคุณป้าซื้อหามาให้เสียหลายตัว

และครั้งนี้เขาอยากรู้ว่าฟุยุกิมองเขาเป็นอย่างไร

“มะ...ไม่เอาดีกว่า  เดี๋ยวผมเลือกไม่ถูกใจนัตสึเมะซัง”  ฟุยุกิรีบบอกปฏิเสธ

“เลือกเถอะครับ  แบบไหนผมก็ถูกใจทั้งนั้นแหละ”  แน่นอน...ก็เป็นของที่ฟุยุกิเลือกให้นี่นา

“เอางั้นเหรอครับ?”

“ครับ...เอาแบบที่ฟุยุกิคุงคิดว่าน่าจะเหมาะกับผม”

แล้วฟุยุกิก็ต้องเดินตีหน้ายุ่งไปตามชั้นสินค้าอีกครั้ง  ของที่เหมาะกับนัตสึเมะงั้นหรือ...พูดถึงนัตสึเมะแล้วก็ต้องกาแฟสินะ  ตัวนัตสึเมะกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟตลอดเวลา  แม้เจ้าตัวจะใช้น้ำหอมกลิ่นสดชื่นเป็นประจำ  แต่จะได้กลิ่นน้ำหอมนั่นเฉพาะเวลาที่ใกล้ชิดกันจริง ๆ เท่านั้น...คิดถึงตรงนี้แล้วฟุยุกิก็หน้าแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง  ต้องแสร้งทำเป็นเลือกผ้าห่มอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้นัตสึเมะเห็นหน้า

ผ้าห่มลายเมล็ดกาแฟหรือถ้วยกาแฟก็มีอยู่  แต่ถ้าอะไร ๆ จะเป็นกาแฟไปหมดชีวิตนัตสึเมะคงน่าเบื่อแย่  ไม่หรอก...นัตสึเมะอาจจะชงกาแฟอร่อย  แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขามีดีอยู่แค่นั้นนี่นา

แล้วสายตาของฟุยุกิก็ไปสะดุดเข้ากับผ้านวมผืนหนึ่ง  เป็นสีดำและมีลวดลายที่ยังดูไม่ออก  เด็กหนุ่มหยิบภาพตัวอย่างที่แขวนอยู่กับสินค้ามาดู...มันเป็นผ้าห่มรูปท้องฟ้าตอนกลางคืนที่มีดาวประปรายและพระจันทร์สีเหลืองดวงใหญ่  ฉากหน้าเป็นเงาต้นไม้สีเงิน

ฟุยุกิมองภาพนั้นแล้วก็คิดถึงอะไรบางอย่าง  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าคิริฮาระเหมือนดวงตะวัน  ส่วนนัตสึเมะคือดวงจันทร์...ทั้งสองส่องแสงสว่างให้ชีวิตที่มืดมนของเขา  คิริฮาระสว่างเจิดจ้าน่าหลงใหล  ในขณะที่นัตสึเมะจะส่องแสงลงมาโอบกอดเขาอย่างนุ่มนวลในเวลาที่มืดมนที่สุด

“ผืนนี้แหละครับ”  ฟุยุกิหันไปบอกกับนัตสึเมะ

“ผืนนี้เหรอครับ?”  นัตสึเมะทำหน้าประหลาดใจน้อย ๆ ก่อนจะหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาดู

“ครับ  เหมาะกับนัตสึเมะซังที่สุดเลย”  ฟุยุกิเพียงแต่ยิ้ม...ไม่ยอมอธิบายอะไร

ผ้าผืนนั้นมีปลอกนวมที่เข้าชุดกันอยู่  เพียงแต่ปลอกนวมเป็นลายท้องฟ้าราตรีที่เต็มไปด้วยดาวและดวงจันทร์เท่านั้น  ฟุยุกิเลือกมันเป็นชุดแบบไม่ต้องคิดอะไรเพิ่ม

“ผมเหมือนตอนกลางคืนเหรอครับ?”  นัตสึเมะถามยิ้ม ๆ

“แล้วแต่จะคิดครับ”  เด็กหนุ่มยิ้ม

ฟุยุกิไม่คิดจะบอกนัตสึเมะหรอกว่ามันหมายความว่าอย่างไร  เรื่องที่นัตสึเมะเป็นดวงจันทร์ผู้อ่อนโยนของเขา...ให้เขารู้เพียงคนเดียวก็พอแล้ว

...

การใช้ชีวิตร่วมกับนัตสึเมะไม่ใช่เรื่องยากอะไร  ที่ยากคือฟุยุกิรู้สึกเกรงใจนัตสึเมะเหลือเกิน  เขาเพิ่งมารู้ตัวจริงจังตอนมาอยู่กับนัตสึเมะนี่เองว่าเขาทำอะไรไม่เป็นเลย  อย่างที่มิโนรุว่านั่นแหละ  ถ้าเขาออกไปอยู่ตามลำพังเขาต้องไม่รอดแน่  ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารการกินเท่านั้น  แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็ไม่เป็นทั้งสิ้น...กระทั่งทำความสะอาดห้องน้ำก็ยังไม่เคย  นัตสึเมะทำให้เขาหมดทุกอย่างแถมไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลย  มันทำให้ฟุยุกิคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

เช้านี้ฟุยุกิย่องลงจากบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น  หมายจะทำมื้อเช้าให้นัตสึเมะกินบ้าง  ถ้าเป็นอาหารง่าย ๆ อย่างไข่ดาวกับขนมปังปิ้งและสลัดเขาก็พอจะทำได้  เด็กหนุ่มปิ้งขนมปังแล้วพยายามจะทำไข่ดาว...แต่...เขาเปิดเตาแก๊สบ้านนี้ไม่เป็น  ฟุยุกินิ่วหน้า...เอาเถอะ  ไว้ให้นัตสึเมะมาทำก็แล้วกัน  เดี๋ยวเขาทำสลัดให้ดีกว่า...อ้อ  เตรียมผักไว้เผื่อทำคลับแซนด์วิชสำหรับขายเลยแล้วกัน

ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย...สลัดตามปกติที่ฟุยุกิทำกินเองนั้นเขาไม่ได้คิดมากอะไร  มีผักอะไรก็ใช้มือเด็ด ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาลงชามไปรวม ๆ กันแล้วใส่มะเขือเทศลูกเล็กลงไป  ราดด้วยมายองเนส...ก็แค่นั้น  แต่ของจะทำขายนี่คงใช้มือเด็ดเอาไม่ได้  แถมมะเขือเทศที่นัตสึเมะใช้ยังเป็นมะเขือเทศลูกใหญ่ที่ต้องฝานเอาเสียอีก

ฟุยุกิเงอะงะอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด  หยิบเขียงและมีดออกมา...เพื่อที่จะบาดมือตัวเองตอนหั่นมะเขือเทศ

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”  นัตสึเมะตื่นลงมาตามเวลาของตัวเอง  ความจริงเขาได้ยินเสียงกุกกักมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วแต่เพิ่งจะลงมาเมื่อได้ยินเสียงร้องเบา ๆ

“มะ...ไม่มีอะไรครับ”  ฟุยุกิรีบซ่อนมือที่เป็นแผล

“เห็นนะครับ  เลือดใช่ไหม?”  กวาดตามองไปตามเคาน์เตอร์ครัวแล้วก็พอจะเดาได้  “มีดบาดใช่ไหมครับ?”

“คะ...ครับ”  ฟุยุกิตอบอ่อย ๆ

“ไหนดูซิ  ทำอีท่าไหนเข้าล่ะครับ”  นัตสึเมะจับมือฟุยุกิมาดูแล้วเอาไปล้างน้ำ

“ก็...คิดว่า...จะทำมื้อเช้าให้นัตสึเมะซัง  แล้วก็อยากเตรียมผักไว้สำหรับทำคลับแซนด์วิชด้วย...ก็เลย...เลย...มะเขือเทศลูกใหญ่นี่ลื่นจังนะครับ”

“ฟุยุกิคุงไม่เคยใช้มีดสินะครับ”  ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้

“...ไม่เคยครับ”  ฟุยุกิหน้ามุ่ย

“ไม่รู้นี่ครับว่าอยากทำ  ผมจะได้สอนให้”

“จริงเหรอครับ?”

“ครับ  ถ้าฟุยุกิคุงอยากทำอาหารน่ะนะ  ถึงผมจะทำได้แต่อาหารง่าย ๆ ก็เถอะ”

“ทำครับ  ผมอยากทำครับ  สอนหน่อยนะครับ”  เด็กหนุ่มกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“งั้นไว้จะสอนนะครับ”  นัตสึเมะจูบลงตรงแผลที่พันพลาสเตอร์แล้วของฟุยุกิเบา ๆ  “เอาละ  เรียบร้อย  เดี๋ยวก็หายครับ”

ฟุยุกิตัวแข็งทื่อ  ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันนี่นัตสึเมะทำอะไรแบบนี้กับเขาอยู่เรื่อย  เดี๋ยวก็กอด  เดี๋ยวก็โอบ  เดี๋ยวก็หอมแก้ม...ถึงจะเริ่มชิน ๆ บ้างแล้วแต่โดนเล่นทีเผลอทีไรไปไม่เป็นทุกที

“ไม่ชินอีกเหรอครับ?”  นัตสึเมะกระซิบถามเบา ๆ  น้ำเสียงนุ่มนวล

“ไม่...ชินครับ...”

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ แล้วจูบหน้าผากของฟุยุกิอีกครั้ง

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ  เดี๋ยวผมทำต่อเอง”

พูดแล้วนัตสึเมะก็สวมผ้ากันเปื้อนแล้วหันไปจัดการกับกองผักสลัดที่ฟุยุกิวางไว้

ก่อนจะถูกกอดเอวจากด้านหลังแรง ๆ

“อะ...เอ๊ะ...ฟุยุกิคุง...?”

ฟุยุกิแนบหน้านิ่งอยู่กับแผ่นหลังของนัตสึเมะชั่วขณะหนึ่งก่อนจะรีบผละออกอย่างรวดเร็ว

“เอาคืนครับ!”  เด็กหนุ่มบอกแล้ววิ่งตื๋อขึ้นบ้านไป

นัตสึเมะได้แต่ยืนงง  ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ...เอาคืนน่ารักแบบนี้  คงต้องแกล้งบ่อย ๆ แล้วสินะ...

...

“มีความสุขมากไปแล้ว  นัตสึเมะ”

“หา?...”

“หน้าตาน่าหมั่นไส้นั่นมันอะไร  ฉันแค่ไปฮอกไกโดอาทิตย์เดียว  ทำไมนายถึงทำหน้าเหมือนคนถูกรางวัลที่หนึ่งแบบนั้น”  คิริฮาระจ้องหน้าเพื่อนพลางใช้น้ำเสียงเหน็บแนม

นัตสึเมะกระตุกยิ้มที่มุมปาก  ซึ่งมันดูยียวนสิ้นดีสำหรับคิริฮาระ

“ยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งอีก  จะบอกให้”

“โอ๊ย  หมั่นไส้!”  นักดนตรีหนุ่มโวยวาย  “ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว  บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“เสียงดังเกินไปแล้ว  เกรงใจลูกค้าหน่อย”  นัตสึเมะกวาดตามองลูกค้าที่นั่งอยู่สองสามโต๊ะ  “ไม่ถึงไหนหรอก  ใสซื่อออกขนาดนั้น  ใครจะไปกล้าทำอะไร”

“แต่ฉันว่านายต้องทำไปแล้วแน่ ๆ  ไม่อะไรก็อะไรสักอย่าง”  คิริฮาระฟันธง

“ก็ทำน้อยกว่าตอนที่นายจ้องจับคิโยฮารุคุงครั้งแรกก็แล้วกัน”  นัตสึเมะยิ้มหวานพลางกระแทกถ้วยเอสเปรสโซแถมคุกกี้ลงตรงหน้าคิริฮาระ  “เอสเปรสโซเกาะเพื่อนกินได้แล้วครับ”

“นะ...นัตสึเมะรังแกเค้า...”  คิริฮาระทำท่าซับน้ำตาแต่รีบหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ

“เพื่อนไม่รักดีมีไว้ให้รังแกนะ”  เจ้าของร้านตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ

“ว่าแต่...ทุกอย่างโอเคดีใช่ไหม?”  คิริฮาระถามพลางเหลือบมองฟุยุกิที่กำลังเก็บโต๊ะ

“ดีสิ  ถึงเมื่อเช้าจะโดนมีดบาดก็เถอะนะ”

“โอ๊ย  อันนั้นเรื่องปกติ  ฉันกับคิโยะยังทำมีดบาดมือกันบ่อย ๆ อยู่เลย”

“เดี๋ยวก็ไม่เหลือนิ้วไว้เล่นไวโอลินกันพอดี  หัดทำอาหารกันซะบ้างเถอะ  ประหยัดรายจ่ายกันบ้าง”  นัตสึเมะบ่น  คิริฮาระกับคิโยฮารุไม่ยอมทำอาหารกินกันเสียเลย  เอาแต่ฝากท้องไว้ที่ร้านของเขากับร้านอาหารใกล้บ้าน

“ถ้าคิโยะมีข้าวกล่องมากินเอง...นายจะเจ๊งนะ  นัตสึเมะ”  คิริฮาระทำหน้าจริงจัง

“อืม...ก็อาจจะจริง...”  นัตสึเมะชักเชื่อตาม  เพราะตั้งแต่กลับมาสอนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้  คิโยฮารุก็ยึดร้านของเขาเป็นห้องทำงานมื้อเที่ยงทุกวัน  แถมยังกินคลับแซนด์วิชสูตรเดิม ๆ ได้ไม่มีเบื่อด้วย

“คุยอะไรกันเหรอครับ?”  ฟุยุกิถือถาดใส่ถ้วยจานใช้แล้วเดินมาวางที่เคาน์เตอร์

“กำลังคุยว่านัตสึเมะคงอยากกินอาหารฝีมือฟุยุกิคุงเต็มทีแล้วละ”  คิริฮาระตอบทันที

“อะ...เอ๋!?  ไม่ไหวหรอกครับ  ยังทำไม่เป็นหรอก”  เด็กหนุ่มดูลนลาน

“อย่าไปเชื่อมันสิครับ  ฟุยุกิคุง”  นัตสึเมะรีบเบรก  ไม่อย่างนั้นคิริฮาระต้องปั้นเรื่องอะไรไปใหญ่โตอีกแน่

“เอ๋  ไม่ได้อยากกินหรอกเหรอครับ?”

“ก็อยากกินอยู่หรอกครับ  แต่รอให้หัดก่อนก็ได้”

“อะ...อือ...ผมจะพยายามนะครับ”  ฟุยุกิก้มหน้างุด ๆ แล้วรีบหยิบถาดที่ยกมาไปล้าง

คิริฮาระมองตามฟุยุกิแล้วเลื่อนสายตากลับมาจับที่ใบหน้าของเพื่อนรัก

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #69 เมื่อ07-02-2016 12:44:02 »

“เก็บอาการบ้างได้ไหม?”

“คนมีความสุขจะให้ซ่อนยังไงก็ซ่อนไม่มิดหรอก”  นัตสึเมะตอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

“โอ้  ฉันจะอ้วก”  นักดนตรีหนุ่มทำท่าผะอืดผะอม

“อย่ามาอิจฉาฉัน  ของของนายมาโน่นแล้ว”  นัตสึเมะชี้ไปที่ประตูที่เปิดออกพร้อมกับเสียงกระดิ่ง

“คิโยฮารุ”  คิริฮาระส่งเสียงเรียกพร้อมกับโบกมือหยอย ๆ

คิโยฮารุเดินเข้าไปหาทันที  “ทำไมวันนี้ยูคุงมาเร็วจัง  ไม่ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตข้างถนนเหรอ?”

“มันร้อน  ทนเล่นนานไม่ไหว  สาว ๆ บ่นกันน่าดูเลยละ”

“ดื่มกาแฟแล้วกลับไปเล่นต่อสิ  แดดร่มลมตกแล้วนี่”  คิโยฮารุบอกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ  “ฟุยุกิคุง  ขอชาประจำวันแบบเย็นด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”  ฟุยุกิหันมายิ้มให้แล้วกระวีกระวาดชงชา

“ไม่เอาหรอก  ฉันเหนื่อยแล้ว  หิวแล้วด้วย  มื้อเย็นนายจะกินอะไร?”  คิริฮาระทำหน้างอแงใส่คนรัก

“ราเม็ง”

“ราเม็งเนี่ยนะ!?”

“ก็ยูคุงบอกให้ฉันเลือกนี่  ฉันอยากกินราเม็งละ  ราเม็งซุปกระดูกหมูใกล้ ๆ คลับก็ดีนะ  ชามใหญ่ดี  กินแล้วอิ่มถึงเช้าเลย”

“อ๋า  ร้อนจะตายยังจะกินราเม็งอีก”  คิริฮาระค่อนแม้จะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเขาก็ต้องยอมจนได้

นัตสึเมะมองดูเพื่อนทั้งสองต่อปากต่อคำกันแล้วก็ยิ้ม  ความจริงแล้วบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยคงพอจะเดาออกว่าความสัมพันธ์ของคิริฮาระกับคิโยฮารุเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน  แต่เพราะไม่เคยมีการแสดงออกที่ชัดเจนว่าเป็นคนรัก  เรื่องของทั้งคู่จึงเป็นเหมือนข่าวลือในหมู่สาว ๆ เสียมากกว่า  แต่ก็มีหลายคนพยายามมาที่ร้านช่วงเย็น ๆ แบบนี้เพื่อเสพทั้งสองเป็นอาหารตาเหมือนกัน  และแน่นอน...มีหลายคนแสดงความสนใจเขากับฟุยุกิด้วย  แต่ก็อย่างที่บอก  ถ้าไม่ทำอะไรออกนอกหน้า  ความสัมพันธ์นั้นก็เป็นแค่ข่าวลือ

“คิริฮาระซังกับอาจารย์ซาคากินี่  ดีจังเลยนะครับ”  ฟุยุกิพูดขึ้นขณะที่กำลังทำความสะอาดเพื่อปิดร้าน

“หือ?”

“เห็นบอกว่าคบกันมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว  แต่ยังดูน่ารัก ๆ เหมือนคนเพิ่งคบกันใหม่ ๆ เลยนะครับ”

“คงเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไรมั้งครับ  พอได้อยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้เลยหวานชื่นกันเยอะหน่อย”  นัตสึเมะออกความเห็น

“แต่ก็ดีนะครับ...แบบนี้ใช่ไหมครับ  ที่นัตสึเมะซังบอกว่าไม่แสดงออกเสียอย่างก็ไม่มีใครรู้น่ะ”

“ครับ  ประมาณนี้แหละ”

“อืม...ดีครับ”  ฟุยุกิเหมือนอยากพูดอะไรอีกแต่ก็เงียบแล้วถูร้านต่อ

“คิดใช่ไหมครับ  ว่าถ้าเราเป็นแบบนั้นบ้างคงจะดี”

โดยไม่ทันรู้ตัว  นัตสึเมะก็มายืนอยู่ข้างหลังเสียแล้ว  มือใหญ่เอื้อมมากอดเอวฟุยุกิไว้หลวม ๆ

“หะ...ฮะ!?  ว่าไงนะครับ!?”

“อยากเป็นแบบสองคนนั้นบ้างใช่ไหมล่ะครับ?”

เสียงกระซิบที่อยู่ใกล้แค่คืบทำเอาหัวใจของฟุยุกิเต้นระรัว

“มะ...มันก็ใช่หรอกครับ!  แต่นี่มัน...แสดงออกมากเกินไปแล้วนี่ครับ!!”

นัตสึเมะรั้งเด็กหนุ่มที่ตกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกมาใกล้ตัว

“ก็นี่ในร้านนี่ครับ  มู่ลี่ก็เอาลงหมดแล้ว  ไม่มีใครเห็นหรอกครับ”

“มะ...มันก็ใช่หรอก  แต่...แต่...”  ฟุยุกิพยายามห้าม  แต่ก็หาเหตุผลมาห้ามไม่ได้...ไม่ใช่มันไม่มีเหตุผล  แต่สมองของเขาไม่ทำงานเวลาที่อยู่แนบชิดกับนัตสึเมะแบบนี้

“ผมสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อ  แต่นี่เราอยู่ในบ้านของเรา  ปิดม่านหมดแล้ว  ไม่มีใครมาเห็น...ขอผมทำหน่อยได้มั้ยครับ?”  ชายหนุ่มกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

“ทะ...ทำอะไรครับ...?”

นัตสึเมะไม่ตอบ  หากช้อนใบหน้าของเด็กหนุ่มให้เงยขึ้น  แล้วบรรจงแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากอุ่นอย่างนุ่มนวล  ฟุยุกิสะดุ้งสุดตัวปล่อยไม้ถูพื้นล้มลง  รีบหันกลับไปหาชายหนุ่มแล้วยกมือขึ้นขึ้นดันอก  แต่นั่นเข้าทางนัตสึเมะพอดี  แขนข้างที่โอบเอวบางเอาไว้รั้งคนตัวเล็กกว่าเข้าไปหาตัวจนแนบชิด  มือที่จับปลายคางออกแรงนิด ๆ ยั้งไม่ให้หันหนีไปไหน

ริมฝีปากร้อนบดคลึงแนบแน่นนุ่มนวลโดยไม่มีท่าทีจะล่วงล้ำ  แต่แค่นั้นก็ทำให้ฟุยุกิสะท้านไปทั้งตัว  หัวใจเต้นระรัวเร็วจนแทบจะรู้สึกเจ็บปวด  กลิ่นอายกรุ่นกลิ่นกาแฟปนกับกลิ่นน้ำหอมเหมือนจะโอบล้อมเขาไว้รอบด้าน  ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง  มือที่เคยพยายามผลักไสกลับกำยึดเสื้อของนัตสึเมะไว้แน่น

แล้วสัมผัสอุ่นก็ผละออกไปอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง

“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”  เสียงนุ่มกระซิบถาม

ฟุยุกิค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองทั้งยังเกร็งร่างสั่นสะท้าน  ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของนัตสึเมะอยู่ห่างไปแค่คืบ  เด็กหนุ่มค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจและลดอาการเกร็งลง

“ขอโทษนะครับ”  นัตสึเมะบอก  ลูบแก้มฟุยุกิอย่างนุ่มนวล

“...ผม...ผมไม่...”  เด็กหนุ่มพยายามพูดออกไป  “ผม...ไม่ได้กลัว...ครับ”

“ตัวสั่นขนาดนี้  ไม่ได้กลัวหรอกเหรอครับ?”  นัตสึเมะถามยิ้ม ๆ

“ผม...ไม่...ผมแค่...ไม่รู้...ไม่รู้จะทำยังไง...ดี...”  ฟุยุกิพูดแล้วก็ก้มหน้างุด  ใบหน้าแดงก่ำและร้อนผ่าว

ชายหนุ่มยิ้ม...หากแต่ฟุยุกิจะเงยหน้าขึ้น  ก็จะได้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและมีแววเอ็นดูแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...เขาประคองใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงที่แก้มร้อนผะผ่าวนั้น

“ขอโทษนะครับ  ไว้ผมจะสอนให้ว่าต้องทำยังไงนะ”

“อะ...อือ...”

ตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ  นัตสึเมะรีบหันไปมอง...บางทีอาจจะเป็นคิริฮาระที่ชอบโผล่มาผิดจังหวะเสมอก็ได้
แต่ไม่ใช่...ที่ยืนอยู่หน้าประตูร้านคือ...มิโนรุ!!

“...!!!!”

ฟุยุกิส่งเสียงเหมือนกาน้ำเดือด  ผลักนัตสึเมะกระเด็นแล้วเผ่นขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว  นัตสึเมะมองตามฟุยุกิไปอย่างงุนงงก่อนจะหันกลับไปมองมิโนรุ

คุณพี่ชายหน้าบูดสนิท  ยกมือขึ้นชี้โซ่คล้องประตูเหมือนจะบอกว่า  “เปิดเดี๋ยวนี้นะ!”

นัตสึเมะไขกุญแจที่เพิ่งล็อกไปไม่นานให้

“นึกยังไงถึงมาเวลานี้ล่ะครับ?”  ถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นายทำอะไรน้องฉัน?”  ไม่มีคำทักทายด้วยซ้ำ  แถมยังเปลี่ยนสรรพนามเป็นกันเองสุด ๆ

“เอ้อ...ก็...เห็นตั้งแต่ตอนไหนล่ะครับ?”  นัตสึเมะยิ้มกระเรี่ยกระราด

“ตั้งแต่จูบ”  มิโนรุตอบห้วน ๆ

“งั้นก็ทำไอ้นั่นแหละครับ”

ถ้าคิ้วมันจะยังขมวดได้มากกว่านี้อีกมิโนรุก็คงทำ  แต่นี่ถึงที่สุดของมันแล้วเขาจึงได้แค่จ้องตานัตสึเมะ...ไอ้รอยยิ้มเรื่อย ๆ นั่นมันยียวนและไม่มีทางเอาชนะได้เลย  ที่จริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ต้องถามให้มันเจ็บใจก็ได้  เพราะเขาเห็นสวีทซีนตั้งแต่ต้นทั้งหมด  แต่มันหลุดปากไปตามสัญชาตญาณและความเคยชิน

“ไหนนายบอกว่าจะไม่ทำไง”  มิโนรุยังเสียงเขียว

“ผมบอกว่าจะไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อให้ใครรู้ครับ  นี่ร้านก็ปิดแล้ว  มู่ลี่ก็เอาลงหมดแล้ว  เลยคิดว่าน่าจะทำได้น่ะครับ”  นัตสึเมะตอบยิ้ม ๆ

“ประตูร้านนายมันไม่มีมู่ลี่  ไม่รู้เรอะ!?”

“แหม...ผมไม่คิดว่าใครจะมาส่องทางประตูร้านนี่ครับ”  ปกติเวลาลูกค้าเห็นว่าเอาม่านลงแล้ว  ต่อให้เห็นแสงไฟก็ต้องเข้าใจว่าร้านปิดแล้วทั้งสิ้น  ไม่คิดว่าจะมีแขกที่ไม่ใช่ลูกค้ามาเยือนเอาป่านนี้  “ใจเย็นก่อนครับ  ไปนั่งที่บ้านเถอะ  เดี๋ยวผมถูพื้นอีกนิดแล้วจะตามไปชงกาแฟให้ดื่มนะครับ”

นัตสึเมะตะล่อมพลางรุนหลังมิโนรุให้ไปนั่งรอในส่วนบ้านพักของเขา  เก็บกวาดปัดถูอีกนิดหน่อยก็เรียบร้อยตามประสาคนชำนาญก่อนจะปิดไฟแล้วกลับเข้าบ้าน

“ว่าแต่มาทำอะไรดึกป่านนี้ล่ะครับ?”  ผู้เป็นเจ้าของบ้านถามทันทีที่เห็นมิโนรุยังทำหน้าบูดอยู่

“เอาผ้าห่มบางมาให้ยุกิน่ะสิ  แล้วงานมันติดพันเลยมาช้าหน่อย...ใครจะไปคิดว่าจะมีคนทำทะลึ่งกับน้องชายฉันอยู่”

“ไม่ได้ทะลึ่งนะครับ  แค่ขอความรัก”

มิโนรุถึงกับสำลักทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มกาแฟ

“นายนี่มัน...!  ทำไมถึงได้หน้าไม่อายแบบนี้!?”

“ก็แล้วมีอะไรต้องอายล่ะครับ?”  นัตสึเมะยิ้มพลางชงกาแฟให้  “ต้องกลับไปทำงานต่อหรือเปล่าครับ  ผมจะได้ชงให้เข้ม ๆ หน่อย”

“ไม่ต้องหรอก  เอาธรรมดา ๆ ก็พอ”

มิโนรุทอดถอนใจ  มีน้องเขยหน้าไม่อายแบบนี้คงต้องทำใจสินะ...น้องเขย?...มิโนรุเอาหัวโขกโต๊ะ  นี่เขายอมรับไอ้หมอนี่เต็มที่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย

“เอาผ้าห่มขึ้นไปให้ฟุยุกิคุงก่อนก็ได้นะครับ”

“อย่าเลย  ต้องกำลังอายสุด ๆ อยู่แน่ ๆ  ขืนฉันขึ้นไปคงโวยวายไม่เป็นภาษาคน  เดี๋ยวฝากนายเอาขึ้นไปให้ด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ”

กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นไปทั้งห้อง  มิโนรุมาที่ร้านของนัตสึเมะบ่อยก็จริง  แต่เพิ่งได้เข้ามาในบ้านเป็นครั้งที่สอง  ครั้งแรกก็ตอนมาดูที่ดูทางให้ฟุยุกิเพื่อความมั่นใจ  เขาชอบบ้านของนัตสึเมะ  เป็นบ้านที่ดูเรียบง่ายและอบอุ่น  เป็นระเบียบเรียบร้อยผิดกับบ้านหนุ่มโสดทั่วไป

“ก็ดีอยู่นะ  ที่ยุกิได้อยู่ที่นี่”  มิโนรุพึมพำกับตัวเอง

“ครับ?”  นัตสึเมะวางกาแฟลงตรงหน้ามิโนรุ

“ไม่มีอะไร”

มิโนรุกับนัตสึเมะนั่งพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่งจนกาแฟหมดถ้วยจึงขอตัวกลับ

“ฝากฟุยุกิด้วยนะ”

“แน่นอนครับ  ผมจะดูแลอย่างดีเลย”

มิโนรุเหล่มองนัตสึเมะอย่างไม่ไว้วางใจ  “ดีแบบเมื่อกี้น่ะเหรอ?”

“แหม...ก็มีบ้างแหละครับ  แต่คราวหน้าไม่ทำที่ร้านแล้ว  เดี๋ยวคุณพี่มาเจอเข้าอีก”  นัตสึเมะยิ้มอย่างเคย

“เจ้าเล่ห์นักนะ...”  มิโนรุบ่นอุบอิบ  “เอาเถอะ  ไว้เจอกันนะ”

“ครับ  อย่างน้อยวันแต่งงานของคุณพี่ต้องได้เจอแน่”

“แต่งตัวน้องชายผมให้หล่อ ๆ ล่ะ”

“ครับ  จัดเต็มเท่า ๆ เจ้าบ่าวไปเลย”

มิโนรุหัวเราะเบา ๆ แล้วโบกมือให้ก่อนจะเดินจากไป

นัตสึเมะมองส่งแขกจนลับตาแล้วกลับเข้าบ้าน  เอาถ้วยกาแฟไปวางในอ่างล้างจานแล้วหยิบถุงใส่ผ้าห่มบางที่มิโนรุเอามาให้ฟุยุกิขึ้นไปชั้นบน

ห้องข้างบนปิดไฟมืด  ฟุยุกิกำลังนั่งเอาหัวยัดเข้าไปในตู้เก็บของและวางแปะอยู่บนฟูกนอน  นัตสึเมะกลั้นหัวเราะเกือบตายกับภาพนั้น

“เป็นอะไรไปครับ  ทำไมไปอยู่ท่านั้นได้”  ชายหนุ่มเข้าไปนั่งยอง ๆ ใกล้ ๆ โดยไม่ได้เปิดไฟ

เด็กหนุ่มตอบอะไรที่ฟังดูไม่เป็นภาษามนุษย์กลับมาทั้งยังเอาหน้ามุดอยู่กับฟูก

“ขออีกทีซิครับ?”

“พี่มิโนรุต้องลากผมกลับบ้านแน่เลย”  ฟุยุกิอู้อี้ตอบกลับมาในที่สุด

“ทำไมจะต้องลากกลับล่ะครับ?”  นัตสึเมะถามยิ้ม ๆ

“ก็พี่มิโนรุเห็น...เห็น...”  พูดได้แค่นั้นแล้วฟุยุกิก็ส่งเสียงเหมือนกาน้ำเดือดออกมาอีก

ชายหนุ่มตบหลังฟุยุกิเบา ๆ  “มิโนรุซังไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ”

“จริงเหรอฮะ...”

“ครับ  นี่ยังฝากให้เอาผ้าห่มขึ้นมาให้เพราะรู้ว่าฟุยุกิคุงกำลังอายด้วย”

“อ๊ะ...เอาผ้าห่มมาให้ถึงนี่เลยเหรอ  ว่าจะไปเอาเองแท้ ๆ...”  ฟุยุกิรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที

“คงเป็นห่วงแหละครับ  อยากมาดูความเป็นอยู่ด้วย...แต่ผิดจังหวะไปหน่อย”

“ก็นัตสึเมะซังนั่นแหละครับ  ทะลึ่ง!”  เด็กหนุ่มแหวเอา

“ก็ผมไม่คิดว่าจะมีใครมาโผล่ที่ประตูร้านนี่ครับ”

นัตสึเมะพูดกลั้วหัวเราะแล้วดึงร่างเล็กมากอดไว้  จูบลงข้างขมับเบา ๆ

“คราวหลังจะไม่ทำแล้วละครับ”

“จริงนะครับ...สองหนแล้วนะครับ  คราวก่อนก็คิริฮาระซัง...”  ฟุยุกิงึมงำ

“จริงครับ  จะไม่ทำที่ร้านอีกแล้ว”  นัตสึเมะบอกแล้วแนบจมูกลงกับเรือนผมนิ่มที่มีกลิ่นเหงื่อจากการทำงานจาง ๆ

ฟุยุกิถอนใจยาว ๆ แล้วเอนตัวพิงอกกว้างเต็มที่  รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด  ราวกับว่าคุ้นเคยกับแผ่นอกนี้มาตลอดชีวิต  นัตสึเมะคือที่พักใจ...ไม่ใช่แค่ร้านของนัตสึเมะ  แต่ตัวนัตสึเมะเองนั่นแหละที่เป็นที่พักใจของเขา  เช่นเดียวกับสวนญี่ปุ่นที่บ้านเป็นโลกทั้งโลกที่โอบกอดเขาไว้ด้วยความเยือกเย็นและอบอุ่น

ฟุยุกิคิดถึงตัวเองเมื่อครั้งเป็นเด็กหลงทางอยู่ท่ามกลางโลกที่สับสนวุ่นวาย  กระแสของโลกนั้นไหลไปอย่างรวดเร็วจนเขาไล่ตามไม่ทัน  ได้แต่วิ่งกระหืดกระหอบไม่รู้เหนือรู้ใต้  จนกระทั่งได้มือของคิริฮาระช่วยเอาไว้  และมือนั้นได้ส่งเขาต่อให้นัตสึเมะซึ่งรับเขาเอาไว้ในโลกที่สงบเย็นแห่งนี้อย่างอ่อนโยน  แม้การทำงานที่นี่จะต้องตื่นแต่เช้ามืดและทำงานจนค่ำ  ใช้เวลาทำงานเยอะกว่าการทำงานบริษัทมาก  แต่ฟุยุกิกลับรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนทั้งกายและใจ  ไม่ต้องวิ่งตามใครให้เหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป  ทั้งยังรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่พักใจแห่งนี้ด้วย

เด็กหนุ่มหลับตาลงแล้วเบียดกายซุกนัตสึเมะมากขึ้นอีก

“เป็นอะไรไปเหรอครับ?”  เสียงทุ้มนุ่มกระซิบถาม...ฟุยุกิชอบเสียงนี้

“เปล่าครับ  แค่...รู้สึกว่ามีความสุขจัง...ก็เท่านั้นแหละครับ”

“ดีแล้วละครับ”

ฟุยุกิไม่ได้ถามว่านัตสึเมะมีความสุขหรือเปล่า  เขารู้สึกได้จากน้ำเสียง  อ้อมกอด  และการกระทำของนัตสึเมะ...รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนคู่นั้นยังอบอุ่นเหมือนเคย  แต่มีบางอย่างที่มากขึ้น  เป็นบางอย่างที่ฟุยุกิเองก็เข้าใจแม้จะไม่ต้องพูดออกมา

แสงจันทร์ของฤดูร้อนสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง  ทำให้ห้องมืด ๆ เป็นเงาสลัวด้วยแสงสีเงินเลือนราง...นัตสึเมะก็เป็นเช่นแสงจันทร์  ช่วยสาดส่องชีวิตมืดมนของฟุยุกิช่วยนำทางให้อย่างนุ่มนวล  คอยเฝ้ามองทุกย่างก้าวของเด็กหนุ่มเรื่อยมา  ประคับประคองในยามที่ก้าวพลาดและลื่นล้ม  เป็นแสงจันทร์ที่ให้โดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด...ทุกครั้งที่หันมองมาก็จะพบเขาอยู่ที่นั่นเสมอ

และจากนี้พระจันทร์ดวงนี้จะสาดส่องเพื่อฟุยุกิเพียงคนเดียวเท่านั้น

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น  แนบริมฝีปากอุ่นเข้ากับเรียวปากที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งที่สองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  ค่อย ๆ เผยอแย้มเหมือนจะบอกว่าเขายินดียอมรับทุกอย่างที่นัตสึเมะเป็น

ชายหนุ่มตกใจกับการกระทำนั้นนิดหน่อย  ก่อนจะยิ้มกับตัวเองแล้วรั้งร่างของเด็กหนุ่มมาแนบชิด  บดริมฝีปากเข้าหาแนบแน่นและมอบจุมพิตดื่มด่ำหวานล้ำให้

ราวกับจูบสาบาน...เป็นคำสาบานใต้แสงจันทร์

ว่าทั้งสองจะเป็นของกันและกันตลอดไป...


ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-02-2016 12:44:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #70 เมื่อ07-02-2016 16:54:11 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #71 เมื่อ07-02-2016 23:52:17 »

ชอบมากๆเลย คิดหาคู่ให้นัตสึเมะมาตั้งแต่เรื่องคิโยะ แล้วก็วายะแล้ว
อ่านรวดเดียวเลย
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ san

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #72 เมื่อ08-02-2016 12:41:04 »

เป็นอะไรที่ละมุนละไม   :-[ :-[
:L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #73 เมื่อ08-02-2016 19:12:00 »

กรี้ดดดดดดดดดด ไม่รู้เลยว่าเป็นคู่นี้ แอร๊ยยยยย ดีใจที่ได้อ่าน ชอบตั้งแต่เรื่องก่อนๆแย้ว

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #74 เมื่อ08-02-2016 21:09:10 »

ชอบอ่ะ อยากให้มีต่อ แบบยาวยาวววววววว

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #75 เมื่อ09-02-2016 09:44:32 »

 :haun4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #76 เมื่อ10-02-2016 03:58:34 »

 :pig4: :pig4:  :pig4: ค่อยๆสอนค่อยๆเรียนรู้กันไปเนอะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #77 เมื่อ10-02-2016 16:34:30 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #78 เมื่อ11-02-2016 21:47:08 »

แฮปปี้เอนดิ้ง มีความสุขขข  :mew1:

ออฟไลน์ Youi_chin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #79 เมื่อ15-02-2016 20:01:10 »

 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
« ตอบ #79 เมื่อ: 15-02-2016 20:01:10 »





ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #80 เมื่อ23-03-2016 10:17:40 »

นัตสึเมะมีคู่แล้ว :mew1:

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #81 เมื่อ25-03-2016 21:50:30 »

สวีทไปได้หน่อย จบซะแล้ว  :ling1:  เข้าใจความอึดอัดของคนที่โดนตีกรอบชีวิต เรื่องนี้ไม่หน่วงเท่าไหร่ เพราะครอบครัวยอมหันหน้าเข้าหากัน  :กอด1:  เหล่าพี่ชายน่ารักดี  :hao3:

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #82 เมื่อ30-05-2016 21:51:40 »

สนุกมากกกกก
ชอบตั้งแต่เรื่องคิริฮาระแต่จำชื่อเรื่องไม่ได้
เปิดมาเจอ โหยยยย แรร์ไอเทมม
 :hao5:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #83 เมื่อ31-05-2016 13:36:56 »

ชอบมากกก ตั้งแต่ชุนแล้วววว โอ่ยย แต่งได้ดี น่ารักกกก

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 222
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #84 เมื่อ04-06-2016 03:01:30 »

ชอบมากกกก แอบซึ้งตอนฟุยุกิอกหักด้วย ฮือ
ที่จริงซึ้งทั้งเรื่องเลย ละมุนไปหมด ชอบมากๆๆๆๆ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ
 :m15:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #85 เมื่อ28-06-2020 19:50:40 »

โหหหหหหหสนุกมากกกกโอ๊ยยยยยยอะไรเพิ่งมาเจอ พลาดได้ไง สงสัยเพราะตอนแรกไม่ชอบชื่อญี่ปุ่นมั้งเลยมองข้ามไป แต่พอลองอ่านดูคือหยุดไม่ได้เลยจนจบแล้วคิดว่าเออวะมันเหมาะกับชื่อญี่ปุ่นมากกว่านะ ถ้าเรื่องนี้ตัวละครชื่อคนไทยบางทีอาจจะไม่อินแบบนี้ก็ได้ ตัวละครเด่นเป็นเทาๆกัน มีปมแต่ก็คลี่คลายได้ ตัวนายเอกฟุยุกิก็มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆก็นะโตมาแบบนี้ เลยต้องใช้เวลา ชอบที่พวกเขาพูดกันตรงๆดี โอ็ยยเคมีกันไปหมด นิยายยดีมากกกก ชอบภาษาด้วย ขอบคุณนะคะที่แต่งดีดีแบบนี้มาให้อ่าน เดี๋ยวลองหาผลงานอื่นของผู้แต่งดูค่ะ ติดใจ 5555  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Lock on You 20/ 7-2-59 IT'S THE END
«ตอบ #86 เมื่อ29-06-2020 03:43:51 »

มาอ่านอีกรอบ ชอบอีกครั้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด