เดือนเกี้ยวเดือน #2
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
วันต่อมาผมถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู ใครกันนะบังอาจมาปลุกตอนที่ท่านโยหลับ กิจกรรมเริ่มตอนเก้าโมงนี่มันก็เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะเฟ้ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
คราวนี้ดังอีกรอบ กำลังจะแหกปากตะโกนด่าอยู่แล้วเชียว(เดาจากใจจริงว่าเป็นไอ้มิ่งเพื่อนบังเกิดเกล้า)แต่พอฟังดูดีๆเสียงนั้นมันไม่ได้เคาะประตูห้องผมนี่หว่า เขาเคาะห้องข้างๆ ไม่ก็ห้องตรงข้าม สงสัยผนังห้องหอนี้จะบางไปหน่อย ใครเคาะห้องใครทีสะเทือนกันทั้งชั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
จะว่าไปพวกเอ็งๆก็รีบเปิดประตูและก็รีบคุยกันซะให้เรียบร้อยก่อนที่ข้าจะเหวี่ยง...
ผมหลับตาพริ้มอีกรอบ เสียงประตูเปิดดังขึ้นและนั่นก็ทำให้ผมยิ้ม ไม่มีอีกแล้วเสียงเคาะประตูที่สุดแสนจะน่ารำคาญ
“อ้าว แต่เช้าเลย มีไรเนี่ย” เสียงผู้หญิงครับ
“ขอดูชีทนิวโรหน่อยดิ ลืมจดไปสามสไลด์น่ะ หลับ”
เสียงที่สองแม่งโคตรคุ้น...เสียงกวนประสาทพูดเหมือนขี้เกียจพูดแต่ก็นุ่มทุ้มดี...นี่มันเสียงไอ้พี่ป่าชัดๆ
“แป๊บนะ ตกใจนะเนี่ย นึกว่าจะมารับพาไปกินข้าว”
ผู้หญิงหัวเราะออกมานิดหน่อย ฟังดูกระหนุงกระหนิงดีราวกับคนกิ๊กกั๊กกันแน่ะ ตอนนี้ผมลุกพรวดขึ้นมานั่งกัดเล็บบนเตียง และเนื่องด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์(เอ็งเรียนจบแล้วเหรอ?) สงสัยอะไรก็ต้องรู้มันให้ได้ เพราะฉะนั้นเดินไปแง้มประตูเปิดแล้วแอบดูดีกว่า
ผมเอามือลูบหน้าให้ตัวเองสดชื่น หลังจากนั้นผมก็เปิดประตูแง้มออกมาดูนิดหน่อยว่าไอ้คนหน้าห้องมันใช่ไอ้พี่ป่าหรือเปล่า
และทันทีที่ผมเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามห้องผม
“ไอ้เหี้ย!”
เท่านั้นแหละครับผมปิดประตูแทบไม่ทัน...
เปล่าครับไม่ได้สัตว์เลื้อยคลานครับที่อยู่หน้าห้องผม มันคือไอ้พี่ป่าตัวจริงเสียงจริง ผมอุทานออกไปแบบนั้นมีหลายเหตุผลมาก ซึ่งนั่นก็คือหนึ่ง พี่ป่าเอาหลังพิงผนังตรงข้ามและนั่นทำให้เขามองมาที่ประตูห้องผมและสองก็คือ...
…มันแต่งตัวหล่อมาก
เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เป็นเดือนมหาลัยปีที่แล้วเพราะมันออร่าจับส่งแสงแยงตาผมแต่เช้าซะจนผมตาสว่าง เสื้อเชิ้ตสีน่้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปและก็ผมที่เซ็ทตั้งแบบไม่ได้ตั้งใจ ให้ตายเถอะ ผมใจเต้นตุบๆนึกอยากขอบคุณเจ้าที่หอนี้ที่ทำให้ผมเซอร์ไพรส์ทุกที เวลามองหาไม่เคยจะเจอ เวลาไม่มองหาตื่นจากการหลับน้ำลายยืดดันโผล่ให้มาเจอแถมยังปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้อง ท่านเจ้าที่หอพักนี้ขอรับ ท่านอยากดื่มน้ำแดงกี่ลังดี...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
คราวนี้เป็นเสียงเคาะประตูห้องผม มันสะเทือนไปถึงตัวผมที่นั่งสงบสติอารมณ์พิงประตูอยู่
“ไอ้คุณหนูกูเห็นมึงนะเมื่อตะกี้ มึงตั้งใจด่ากูใช่มั้ย มึงออกมานี่เลย”
พี่ป่าตอนอยู่โรงเรียนเก่าไม่ชอบให้รุ่นน้องไปหาเรื่องเพราะมันคือมวยคนละชั้น ตอนนี้ก็คงจะเหมือนกันสินะ...
…แต่จะพูดตรงๆล่ะก็ ไอ้พี่ป่า กูอุทานเว้ย กูไม่ได้ด่าเมิงงงง...
“จะออกหรือไม่ออก ไม่ออกกูพังประตู”
“เชี่ยอะไรเล่า” ผมร้องสวนไป ถ้าจะให้มองมุมพี่ป่าก็คือผมเป็นเด็กที่พูดจาก้าวร้าวแอบเปิดประตูไปด่าเขาแล้วก็นั่งหลบ แต่ถ้าจะให้มองในมุมผมก็คือผมจะไม่มีวันให้คนที่ผมชอบมาเห็นผมในสภาพนี้เด็ดขาด
เสื้อยืดตัวโคร่ง บ็อกเซอร์ยานๆ หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรง เมาขี้ตาชิบหาย
“กูบอกให้เปิด”
กัดไม่ปล่อยเลยว่ะคนอะไร...ท่าทางจะชอบกวนประสาทคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียวและไม่ยอมให้คนอื่นมากวนตอบสินะ ผมทำหน้ามุ่ยอยู่อีกพักหนึ่งจนกระทั่ง
“ป่าคุยกับใครน่ะ” พี่ผู้หญิงห้องตรงข้ามคงหาชีทเจอแล้ว...
“กระทิง” พี่ป่าตอบไปแบบนั้น กระทิงอะไรของมึงวะไอ้พี่ป่า “อยู่ห้องนี้ระวังกระทิงขวิดนะพริ้ง เราไปล่ะ”
“พูดอะไรตลกอีกแล้วนะ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง เป็นคุณหนูไม่พอแถมนิสัยยังเด็ก อย่าให้กูเจออีกนะ”
ผมกัดเล็บเครียด ประโยคบรรทัดบนนี่พี่ป่าไม่ได้พูดกับพี่พริ้งแน่นอน(ใครจะพูดล่ะเอ็งก็...) เจอพี่เขาทีไรเละทุกทีครั้งนี้ก็เหมือนกัน
แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้...คนบ้าอะไรด่าว่าผมเป็นกระทิง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้นระลอก นี่อย่าบอกนะว่าแค้นฝังหุ่นเดินกลับมาหาเรื่องผมอีกรอบน่ะ
“ไอ้โย ไอ้สัด ไม่รับโทรศัพท์ เดี๋ยวกูเตะ” ไอ้มิ่งนี่หว่า ผมรีบเปิดประตูให้มันทันที เพราะมันกับผมโตมาด้วยกันเคยเห็นกันมาหมดแล้วผมไม่จำเป็นต้องอายสภาพตอนเพิ่งตื่นนอนกับมัน “อ้าว ตื่นแล้วนี่ ไรของมึงเนี่ย”
“กูต้องถามมึงต่างหากว่าไรของมึง มาหากูเช้าขนาดนี้ มึงบ้าเหรอ”
“ไม่บ้า เขานัดดาวเดือนเจ็ดโมงครึ่งแล้วมึงทำแป๊ะอะไรอยู่ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ”
“จริงเหรอ” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที ห้าสายไม่ได้รับเป็นของไอ้มิ่ง สองสายไม่ได้รับเป็นของ ‘เจ๊กิ่ง’ พี่เลี้ยงดาวเดือนของคณะผม และอีกหนึ่งสายเป็นของ ‘เนตร’ ดาวคณะผมแต่เธอเรียนเอกเคมี “กูว่าจริงแล้วล่ะ มึงรู้ได้ไงเนี่ย”
มันเกาหัวเก้อๆ “คือ…”
“มึงได้เป็นเดือนวิศวะ?”
“เออ! เพราะกูอยากเสือกเรื่องของมึงกับพี่ป่าทำให้กูต้องเก๊กชิบหายตอนเขาคัด เกือบตายแน่ะ คณะกูแม่งคนหล่อเยอะเกินไป”
“มึงทำเพื่อกูหรือมึงทำเพื่อความเสือกของมึง”
“อย่างหลังอ่ะ”
“ไอ้เชี่ยยยยยย” ผมจะเข้าไปตบหัวมันแต่ไอ้มิ่งจับหัวผมเอาไว้ซะก่อน
“ปากเหม็น ไปอาบน้ำไป”
“…”
“วันนี้พี่ป่าไปดูนะมึง”
มิน่า…แต่งตัวหล่อแต่เช้าแต่ก็เดินมาขอชีทคนอื่น...ผมเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำทันที รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีไอ้มิ่งเป็นเพื่อนประกวดแถมยังรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผมและก็ไอ้พี่ป่าอีก
ความสัมพันธ์อาจจะคืบหน้ามากกว่าคนที่แอบมองเขาฝ่ายเดียวกับคนที่ไม่เคยมองเห็นผมในสายตา...
แม้ว่าเขาจะมองว่าผมเป็นกระทิงก็เถอะ...
มาถึงกองประกวด(ขอเรียกอย่างงี้ก็แล้วกันเพราะเต็มไปด้วยดาวและเดือนปีหนึ่ง) เจ๊กิ่งตุ๊ดร่างท่วมก็สวดผมเป็นการใหญ่เพราะผมไม่รับโทรศัพท์ แต่พอเห็นคนที่เพิ่งล็อครถเสร็จและเดินตามมาเท่านั้นเจ๊แกกลืนคำด่าลงไปในคอแทบจะในทันที
ไอ้มิ่งสเปกตุ๊ดครับ...หล่อคมผิวสองสีคิ้วเข้มสูงชะลูดแถมยังล่ำ
มันมาเป็นเพื่อนผมที่หล่อสไตล์ขาวใสตาโตขนตายาวได้ยังไง(แล้วทำไมสไตล์ผมดูเกย์ควีนไปซะฉิบ)
“เป็นเพื่อนกันเหรอเนี่ย” เจ๊กิ่งมองผมกับมิ่งสลับกันไปมา “หรือว่าเป็นแฟนกัน”
“ฮ่าๆๆ” ไอ้มิ่งเอาแต่หัวเราะ ในใจมันคงคิดว่าถ้ามันเอาผม มันไปเอาหมาดีกว่า
แต่คนอื่นมองว่ามันไม่ปฏิเสธ...ไอ้เชี่ยนี่
“ไม่ใช่ครับพี่ เพื่อนผมๆ” ผมรีบแก้ข่าว
“ดีแล้วล่ะโยจะได้มีเพื่อน เห็นต้องอยู่กับกองนี้นานเลยนี่เพราะปีนี้ยิ่งใหญ่อลังการมาก แค่อัดคลิปพรีเซ้นต์ก็ต้องไปอัดกันไกลโพ้นแล้วไม่รู้จริงจังกันไปไหน” เจ๊กิ่งบ่นอุบ “แต่ก็ดี ปีนี้คนหล่อเยอะดี” พี่ลืมดาวไปหรือเปล่าครับเนี่ย “ว่ากันตรงๆนะน้องโย ตัวเต็งคือเพื่อนน้องนี่แหละ เดือนวิศวะคนนี้”
ไอ้ตัวเต็งที่โดนพูดถึงเอาแต่มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้ตัวว่ากำลังโปรยเสน่ห์ใส่ดาวหลายคณะและก็พี่เลี้ยงดาวเดือนหลายคนอยู่ “ไอ้พี่ป่ายังไม่มาอีกวะ”
“สาด มึงชอบพี่เขาเหรอ กูนี่สิควรถามหา”
“ก็ถามหาเผื่อมึงไง กูเห็นมึงมองไปรอบๆตั้งหลายครั้งล่ะนะ”
เกลียดเพื่อนรู้ใจว่ะ...
ดีนะที่เจ๊กิ่งไม่ได้ยิน “เอาล่ะเข้าไปข้างในกัน...ดูเหมือนวันนี้จะถ่ายรูปทำโปรไฟล์โฆษณาลงเพจและก็เว็บไซต์ ไม่ยาก แค่แต่งหน้าเซ็ทผมและก็โพสต์ท่าหล่อๆก็พอ”
ผมถูกจับแต่งตัวเป็นชุดนิสิตถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเทียบจากเดือนคณะอื่นๆแล้วถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปผมก็ไม่ได้ด้อยที่สุดนี่หว่า เอาเป็นว่าผมอยู่ในระดับกลางๆละกัน ระดับสูงจริงเห็นจะเป็นเพื่อนผม เพราะลือกันให้แซ่ดว่าคนนี้เหมาะเป็นหน้าเป็นตาให้มหาลัยมาก เอาเถอะ มีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัยปีนี้ด้วยก็ดีเพราะผมกำลังจะมีแฟนเป็นเดือนมหาลัยปีที่แล้ว ทุกอย่างจะได้เข้ากัน...
ถุย…
เสียงใครเหรอครับ...
ไม่ทันที่ความคิดของผมจะมโนและเพ้อเจ้อมากไปกว่านี้ จู่ๆสายตาของคนทั้งห้องแต่งตัวก็หันไปหาผู้มาใหม่ที่มากันเป็นกระจุก ให้ตายเถอะ หนังหน้าหรืออะไรวะนั่นน่ะทำไมมีแต่คนหล่อๆงี้วะ...
เขาว่ากันว่าเป็นแก๊งเดือนปีที่แล้ว...คนตรงกลางเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ป่า เขายังทำหน้าเหมือนเบื่อโลกอย่างเคยและเหมือนจะถูกบังคับมายังไงชอบกล
ผมนี่แทบมุดโต๊ะหนีเลยครับ...อายเขามากไม่รู้ทำไมต้องอายด้วย...เพราะเรื่องเมื่อเช้าหรือว่าเพราะผมเป็นเดือนคณะกันแน่ มันไม่มีอะไรให้น่าอายหรอกครับ แต่กว่าผมจะหน้าดีขึ้นมาขนาดนี้ได้ ผมผ่านมาเยอะมาก...
…คุณๆจะรู้รายละเอียดลงลึกในตอนต่อไป
เอาเป็นว่า...ผมเคยขี้เหร่มาก่อน...
และการที่ผมถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องซะหล่อขนาดนี้ จู่ๆผมก็ไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาต่อหน้าพี่ป่า แม้ว่าเขาจะไม่มองมาที่ผมก็ตาม แต่ผม...ไม่มั่นใจ!
“อ้าวๆน้องๆเดือนทั้งหลาย” พี่คนหนึ่งคล้ายๆผู้จัดการกองประกวดพูดขึ้น พอดีดาวรวมตัวกันอยู่อีกห้องหนึ่งนะครับ “สวัสดีพี่ๆเดือนหลายคณะปีที่แล้วหน่อย”
“สวัสดีครับ”
“มีอะไรปรึกษาพวกพี่เขาได้ เข้าใจใช่มั้ย”
“ครับ”
“ป่า มีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
“ไม่มีอ่ะ ถามคนอื่นดูสิ” ไอ้พี่ป่าโบ้ยไปให้เดือนปีสองคนอื่นๆที่ส่ายหน้าพรืด...โคตรไม่เป็นการเป็นงานเลยให้ตาย
แต่ก็...น่ามองดีเหมือนกันนะ...
ถ้าผมไม่มาเป็นเดือน...คงต้องรอความบังเอิญเผื่อจะเดินสวนกันหรือไม่ก็ความเมตตาจากท่านเจ้าที่หอพักแน่ๆ...เพราะไลฟ์สไตล์ผมกับพี่ป่าไม่มีทางเดินทางมาเจอกันได้เลย
คนหนึ่งเรียนหมอ ชอบเล่นบาส
ส่วนอีกคนเรียนอีกคณะ เป็นโอตาคุติดการ์ตูน...
“มึง…” ไอ้มิ่งเลื่อนเก้าอี้มาสะกิดสีข้างผม “…พี่ป่าแม่งหล่อว่ะ ไม่ได้เจอกันเป็นปีหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“ไม่รู้สิ”
“แล้วหน้าอย่างงี้จะรอดมาถึงมือมึงได้ไง...กูอยากจะรู้” มันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยจริงๆ
ขอบคุณมึงมากไอ้เวรมิ่ง...กำลังใจที่ไม่มีอยู่แล้วตอนนี้ติดลบเรียบร้อยก็เพราะมึง...
หรือว่า...พี่ป่าจะกิ๊กกับพี่พริ้งคนที่อยู่ห้องตรงข้ามผม...
ทำไมผมลืมนึกไปนะ...ว่าหน้าอย่างงี้น่ะโสดยากขนาดไหน...
“ชื่ออะไร...” อาจเป็นเพราะผมก้มหน้าก้มตานานไปหน่อย รู้ตัวอีกทีคนที่อยู่ในความคิดก็มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าซะแล้ว
ไอ้พี่ป่าจ้องมาที่ผมเขม็งดูก็รู้ว่ามาหาเรื่อง...ผมอ้าปากพะงาบๆ...ในขณะที่ไอ้มิ่งเลื่อนเก้าอี้ออกไปให้ผมได้คุยกับไอ้พี่ป่าได้สะดวก
ขอบใจมากแต่กูต้องการมึงมากในเวลาแบบนี้เพื่อน...
“กูถามว่าชื่ออะไร”
ผมควรดีใจใช่มั้ยที่เขาอยากรู้ชื่อผม... “โย” ผมตอบสั้นๆ
พี่ป่าตวัดสายตามองไปที่น้ำสีชมพูที่วางอยู่ข้างๆผม “แดกน้ำสีชมพูอย่างกับตุ๊ด”
เชี่ยอะไรเนี่ย...ชาตินี้ผมคงจะไม่ได้พูดดีกับไอ้พี่คนนี้หรอก “เรื่องของกูมั้ย ยุ่งไรด้วยวะ”
“มึงหาเรื่องกูใช่มั้ยเมื่อเช้า ทำไมต้องแอบ มีอะไรก็ด่าตรงๆดิ แม่งขี้ขลาด”
กูไม่ได้แอบร้องด่ามึง กูอุทานโว้ยยยยยยยย... “กู…”
“คณะไหนล่ะมึงน่ะ” พี่ป่ายืนกอดอกรอคำตอบจากผม
“วิทย์”
“คณะนี้ตกรอบ เอาคนเตี้ยมาเป็นเดือน ตกรอบ”
มันกวนตีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน...
“ไอ้เชี่ย...” ผมชอบมันก็จริงครับ แต่ก็ใช่ว่าผมจะทนความกวนตีนของมันได้ มันตั้งใจจะมาหาเรื่องผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ายันครั้งนี้ หาเรื่องมาเท่ากับหาเรื่องกลับ เอางี้ใช่มั้ยไอ้พี่ป่าเขาลำเนาไพร! “ถ้ากูไม่ตกรอบล่ะ...”
“เสียใจ…กูมีส่วนช่วยเรื่องการให้คะแนน”
“เอาอคติมาบังตาน่ะสิมึงน่ะ”
“ว่าไงนะ...”
“ตัดสินให้มันยุติธรรมหน่อย รอดูกูก่อนว่ากูเหมาะเป็นเดือนมหาลัยป่าว” ผมทำหน้ายียวน “ดีไม่ดีกูอาจเหมาะกับการเป็นเดือนมหาลัยมากกว่าไอ้เดือนมหาลัยปีที่แล้วซะอีก”
พี่ป่าหน้าบึ้ง...
ผมกับเขาเถียงกันอย่างกับเด็ก...
ไอ้มิ่งขำแล้วขำอีก...ในขณะที่พี่ป่าจ้องผมเขม็ง
“กูจะคอยดูมึงละกัน ไอ้โย คณะวิทย์”
“ไอ้เหี้ยพี่ป่าแม่งโคตรกวนตีนอ่ะ...กูชอบมันเข้าไปได้ยังไงวะ...กูอยากย้อนเวลากลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว และกูจะเปลี่ยนคนที่กูชอบใหม่...แม่งกวนตีน ชอบมาหาเรื่องกู...”
“ไอ้ห่าโย”
“อะไรเชี่ยมิ่ง”
“มึงบอกว่าไม่น่าชอบเขาเลยแต่มึงก็พูดถึงเขามาชั่วโมงกว่าแล้วนะ” ไอ้มิ่งทักท้วง “เบื่อจะฟังโว้ย ทำไมมึงต้องมีความสุขอะไรขนาดนั้น”
“อะไรที่บ่งบอกว่ากูมีความสุขวะ”
มันเอามือจับหน้าผม “หน้ามึงไงสาดดดดด แป้นแล้นชิบหาย...ฟินล่ะสิเขามาถามชื่อ เขามาถามคณะ ฟินเข้าไปอีกสิ”
“กู…” ผมพูดไม่ออกเท่าไหร่ “กู…กูไม่ได้แป้นแล้นนะ”
“หึ ไอ้เหี้ย” ไอ้มิ่งยื่นจานข้าวมาให้ผม “แดกข้าวบ้างเอาแต่พูด เดี๋ยวต้องถ่ายรูปรวมอีก”
“มึง…และเราจะไม่ได้เข้ากิจกรรมกับเพื่อนในคณะคนอื่นเลยเหรอวะ”
“ได้เข้าสิ แต่บางกิจกรรมเท่านั้นแหละ” มิ่งตอบ “ทนไปละกัน ประกวดจบเมื่อไหร่ มึงจะคบแก๊งกระเทยเพื่อนมึงวันละคนก็ยังได้”
ผมกับไอ้มิ่งมาทานข้าวที่โรงอาหารในสภาพที่หล่อเฟี้ยวรองพื้นโคตรหนา ดึงดูดสายตาของคนอื่นๆชิบหาย ผมไม่ชมตัวเองก็ได้ครับแหม่ ชมไอ้มิ่งก็ได้ว่ามันเหมาะกับการเป็นเดือนมากขนาดไหน ไม่น่าเลือกมาทานที่นี่เลย คนก็เยอะ แบบนี้ก็เป็นเป้าสายตาไปอีกสิ
“เขาบอกเขาจะจับตาดูมึง”
“อืม”
“ไม่ว่ามึงจะทำดีหรือทำเหี้ยในกองประกวด เขาก็จะมองมึงอยู่”
“…”
“สาด แต่งงานกันเลยเถอะ”
“พ่องดิมิ่ง” ผมด่าเพื่อน “จะไปซื้อน้ำ มึงเอาอะไร”
“โค้ก”
“เออ”
ผมลุกขึ้นยืนไปซื้อน้ำที่สุดทางเดิน รู้สึกอายชิบหายที่คนอื่นมากินข้าวในสภาพชุดนอนเพิ่งตื่นแต่ผมนั้นสภาพนั้นเกินกว่าคำว่าเต็ม...
แต่แล้วจู่ๆผมไม่ได้ตั้งใจเลยครับ มันเป็นเรื่องบังเอิญ...ไอ้พี่ป่าก็เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนและก็ซื้อน้ำเหมือนกัน ผมเพิ่งรู้ว่าเขาก็มาทานอาหารเที่ยงที่นี่!
ทำตัวไม่ถูกเลย...คุณเจ้าที่โรงอาหาร...ผมขอบคุณมากเลยครับ!
“ป้าครับ เอาชาเย็นแก้วหนึ่ง”
ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้พี่ป่า(อนาถจิต 178 เซนติเมตรเตี้ยตรงไหน ทำไมต้องได้เงยหน้ามองไอ้พี่ป่าด้วยฟะ...) น้ำสีส้มกับน้ำสีชมพูถ้าจะมองให้ดีมันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างมากมายนักหรอก
“มึงก็แดกน้ำตุ๊ดเหมือนกันล่ะวะ” ผมรำพึง
ตาขวางๆของพี่ป่ามองมาที่ผมทันที “ยอกย้อน?”
“แล้วแต่จะคิด...”
“เอานมเย็นอีกแก้วครับป้า” พี่ป่าไม่ได้สนใจผมแต่หันไปสั่งป้าอีกรอบ
“นี่ไง...มึงก็จะแดกน้ำสีชมพูเหมือนกันอ่ะ!” ผมไม่ยอมโดนด่าว่าตุ๊ดคนเดียว ผมไม่ยอม!
“ของมึงไอ้สัด ไม่ใช่ของกู จะแดกมั้ย” เขาเลื่อนแก้วสีชมพูที่เพิ่งได้มาให้ผมแล้วก็เดินดูดชาเย็นของตัวเองไปกลับไปนั่งที่หลังจากที่จ่ายเงินให้ป้าไปสำหรับสองแก้ว...
อึ้งอ่ะดิไอ้โย อึ้งไปเลย...
ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้...ผมไม่คิดว่าพี่ป่าจะเป็นคนแบบนี้...
กวนตีนแบบประหลาดๆ...แต่ก็มีอะไรให้แปลกใจเหมือนกันนะเนี่ย...
“ยังๆ ยังไม่รีบอีก ไปไม่ทันถ่ายรูปมึงตกรอบแน่” พี่ป่าหันมาหาผมพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“กูไม่ตกรอบแน่ๆ”
“ให้มันจริงเหอะ”
ไอ้การที่ผมบอกว่าผมควรจะย้อนเวลาไปสี่ปีแล้วเปลี่ยนคนที่ชอบใหม่ซะเลย...ผมขอเปลี่ยนคำพูดนั้นอีกทีได้มั้ยครับ...
…ไม่ว่าจะยังไงผมก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก...
ไอ้พี่ป่า...ไอ้ความรักของผม
chiffon_cake talk : ทุกคนอยากรู้ว่าน้องโยตอบคำถามยังไงถึงได้เป็นเดือน 5555 เดี๋ยวจะมีบอกนะคะ อยู่ในเรื่องตอนต่อๆไปนะ แต่งไปแล้วรู้สึกมึนอึนงงกับคาแร็คเตอร์หมอป่ามาก ตกลงนางเป็นคนยังไงกันแน่ 5555 ดูมึนๆกวนๆประหลาดดี ถ้ายังไงก็ขอฝากสองคนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ปล.ขอบคุณคนอ่านหลายคนเลยที่ตามเข้ามาอ่านทั้งมาใหม่และก็จากเรื่องเก่า ซาบซึ้งใจมากๆเลยนะคะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดควบคู่ไปกับการเรียนปีสี่ที่หนักแสนหนัก T^T ฟฟฮ เจ้คิดถึงหนูนะลูก...