[เรื่องสั้น] เรื่องของผม กับเขา ... ที่ใต้เงาแห่งร่มไม้ [END] นิยายแฝงธรรมะล่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เรื่องของผม กับเขา ... ที่ใต้เงาแห่งร่มไม้ [END] นิยายแฝงธรรมะล่ะ  (อ่าน 11821 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย
หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบกรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿❀✿


          เรื่องสั้นของคนที่บังเอิญผ่านมาเจอกันในวันเจอโจร ท่ามกลางเงาไม้บรรยากาศเป็นใจในซอยเปลี่ยว มิตรภาพกวนๆ ก็เลยถือกำเนิด ก่อเกิดเป็นความคำนึงโดยไม่รู้ตัว

น้องขุนกับพี่รุกข์ คนสองคนที่บังเอิญแวะมาคุยกันใต้ต้นไม้
ขุน:ทำไมคุณถึงชอบทำผมตกใจนะ อย่าโผล่มาแบบนี้บ่อยๆ สิ
รุกข์:เพราะใครบางคนทำให้ข้าเผลอใจก่อนทำไมล่ะ


http://www.youtube.com/watch?v=OoTu6WyiR3E ⇐ เพลงประจำเรื่องจ้า ความหมายเข้ากันมากเลยแหละ

Solitary Hide & Seek Envy <独りんぼエンヴィー>ver.Alke
Lookin' the other way when you trick me.
Sheaddin' a tear is to make an excuse.
Lonliness, I wanna be free.
It's like a flowin' honey, you know why?
Maybe, for you and you too.
I realized you all don't need me.
This fuckin' world, flatty and blunt.
It's such a funny celebration!!
Well, "tootsy, tootsy" come on! Here I am.
Clap your hands and step "la-ta-ta".
Don't like it, hate it. Lookin' the other way.
I'm a naughty boy and no one craves for me.

Dreamin' of a garish colored world.
Woke up and I see my hands drownin' in ash.
My ears shatter in ecstasy.
Hear all those envious shouts around me.
I'll take you this night to the promised place.
If you wanna come, run with me "la-ta-ta".
Envy, envy, justfeelin' jealousy.
I see the kid dancin'on the street.
Time passin' and leavin'.
One two three and four, hiding from me?
Little boy, little girl, I found you.
Playin' tag and loose my breath, you reach for me.
You caught me but not my feelings.
Now, "tootsy, tootsy" come on HERE i am!!!
Clap your hands and step "la-ta-ta".
Don't fear, just come, take another step.
Say adieu to my own past.

Hey, LOVE me! GIVE me! Come on HERE i am!!
Feel my hands its burnnin, hot you see.
Can I? Really? Open these eyes.
Spending all my time with you.
Forever GIVE ME YOUR TIME!!
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2014 22:28:10 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
การพบกันครั้งที่ 1

          ผมชื่อขุน โปรดอย่าถามชื่อเต็มผม ผมอาย เอาเป็นว่าแม่ผมบ้าละครก็แล้วกัน ท่านบอกว่าชื่อเต็มผมมันฟังแล้วฮึกเหิมดีก็เลยเอามาเป็นชื่อเล่น บอกว่าคงน่ารักดีถ้าใครๆ เรียกลูกชายท่านว่า "ท่านขุน"  แต่แม่ผมลืมคิดไป เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเรียกคนอื่นว่า "ท่าน" แล้ว ยกเว้นว่าผมจะเป็น สส. ผมเลยมีสรรพนามว่า "ไอ้ขุน" แทน
          ผมเดินกลับหอพักเหมือนทุกวัน วัยรุ่นอย่างผมเมื่อเสร็จภารกิจหลับในคาบเรียนแล้วก็ควรรีบตรงดิ่งกลับห้องเพื่อเปิดจอต่อเกมไม่ใช่หรือครับ?
          ผมจ้ำอ้าว อยากรีบกลับห้อง อยากกลับไปเล่นเกม อยาก.. อ๊ะ! หา? สะกิดผมทำไมครับ?
          คุณอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวผม? ก็บอกไปแล้วไงครับว่าผมชื่อขุน
          ให้ผมบรรยายหน้าตาตัวเอง เรียกคะแนนจากนักอ่าน? จะบรรยายไปทำไมละครับ ให้คนอ่านเขาหาตั๋วไปฟินแลนด์เอาเองเถอะ ถึงบรรยายหน้าตาผมไปใช่ว่าคนอ่านเขาจะฟินเพิ่มขึ้นซักหน่อย ผมคนไทยนะครับ ไม่มีผมสีทองผิวขาวจัดหรืออะไรๆ แบบที่ตัวเอกนิยายวายเขาควรมีหรอก แล้วผมก็ไม่ได้เกาหลี๊เกาหลีด้วย เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง มีหูมีตามีจมูกมีปาก ไม่หล่อ ไม่สวย ไม่หน้าหวาน ไม่ดูแล้วน่ารัก สภาพแบบผมมีอะไรให้น่าฟินครับ?
          อ๋อ! โอเคๆ เรื่องส่วนตัวเรื่องอื่น ครับ ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาการคอม มหาวิทยาลัยของรัฐระดับกลาง ค่อนไปทางล่างๆ เกรดไม่ค่อยดีแต่ก็น่าจะไปรอดจนจบ มีชีวิตห่วยแตก ไร้แฟน ติดเกม มาจากภาคใต้ อาศัยอยู่หอนอก เช่าห้องอยู่คนเดียวเพราะเพื่อนย้ายไปอยู่กับหญิง พอใจยังครับ มีอะไรสงสัยอีกมั้ย?
          คุณช่างสงสัยจนผมเสียเวลา สองทุ่มกว่าแล้วด้วย เกมเริ่มกิจกรรมคูณสองไปแล้วแน่ๆ ผมต้องรีบกลับหอครับ แม้ระยะทางจะไกลมากแต่ผมก็ไม่หวั่น จะเก็บตังค์ไว้เติมค่าไอเท็มในเกม
          ชิบ! เรือหาย! ผมรู้สึกถึงอะไรซักอย่างปะทะเข้ากับกกหูของผม มึนๆ ยังไงไม่รู้ครับ ผมว่าผม...


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

          “ไอ้หนู ตื่นๆ ตายยัง?”
          ผู้ชาย... ประหลาดจัง บ้านมันใช้โอโม่รึไงนะ ขาววิ้งมาทั้งตัวเลย
          โอ้ย! ผมพยายามจะขยับตัวแต่รู้สึกเจ็บตรงหัวมากๆ พอลุกขึ้นนั่งถึงได้เห็นว่าเสื้อผมมีรอยเลือดเต็มเลย นี่ผมหัวแตกเหรอเนี่ย มิน่าเจ็บๆ ตรงขมับใกล้ๆ กกหู
          “ไหวมั้ยไอ้น้อง?”
          คำแรกก็ไอ้หนู คำที่สองก็ไอ้น้อง การเรียกคนอื่นแบบนี้มันไม่สุภาพเอาซะเลย เรียกผมว่าน้องเฉยๆ ก็ได้
          ผมเหลือบตาขึ้นมองผู้ชายในชุดขาวคนนั้น
          แต่... พอมองดีๆ แล้วมันหล่อจังครับ! ถึงโดยรวมแล้วแต่งตัวโคตรประหลาดแต่ออกมาดูดีมากครับ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังต้องชมว่ามันหล่อเลย
          คนบ้าอะไรใส่ชุดขาวทั้งตัว ไล่ตั้งแต่รองเท้าบูทหุ้มข้อสีขาวเชือกสีดำ กางเกงแบบที่มีกระเป๋าเยอะๆ แต่สีขาวจั๊วะ เสื้อยืดอย่างกับพวกนักร้องญี่ปุ่นที่มันดูลิเกหน่อยๆ แต่ไอ้บ้านี่ใส่แล้วเท่มากครับ สกรีนลาย “RUKH” สีทองไว้ด้วย มีผ้าพันคอสีเงินๆ แต่ที่เด็ดที่สุดคือ ไอ้บ้านี่มันทำผมสีเขียวทั้งหัวครับ แต่ไม่ใช่เขียวอ่อนเฉดแฟชั่นหรอกนะครับ เป็นเขียวเข้มอย่างกับสีของใบไม้สดแน่ะ
          “เอ้าๆ ตาลอยๆ ไหวมั้ยไอ้น้องชาย”
          “ผมชื่อขุนครับ ถ้าคุณเรียกผมว่าน้องอย่างสุภาพไม่ได้ก็เรียกชื่อผมเถอะครับ”
          ไอ้หมอนี่ทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วก็หัวเราะร่วนเชียวครับ มันจะหัวเราะหาพ่อมันรึไง
          “เออดีๆ ปากเก่งแบบนี้ได้ก็รอดแล้วล่ะไม่เสียแรงที่ช่วยไว้”
          “ช่วย?”
          “เออสิวะ ข้าอุตส่าห์ช่วยเอ็งไว้นาไอ้หนู ขอบคุณข้าซะล่ะ”
          นั่นมีทวงบุญคุณ! ผมสาบานเลยว่าถ้าคุณได้มาเห็นท่าของไอ้หมอนี่ตอนพูดประโยคเมื่อกี้ออกมานอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณมันแล้วยังอยากกระโดดถีบหน้ามันแบบผม! มันยืนล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างแล้วเอียงคอมองต่ำลงมาหาผมที่ยังนั่งอยู่บนพื้นถนน ดูยังไงก็กวนตีนครับ!
          แต่ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
          “ช่วยผมจากอะไรครับ?”
          “ก็ช่วยเอ็งจากโจรไง ไม่งั้นป่านนี้เอ็งตายไปนานแล้ว”
          มิน่าละ ผมก็เคยได้ยินอยู่นะว่าแถวนี้มีโจรขี่มอเตอร์ไซค์ออกอาละวาด แต่ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างผมจะโดนเข้ากับตัว
          “ละโจรมันไปทางไหนแล้วครับ”
          “จะไปรู้เหรอ นั่งเฝ้าเอ็งอยู่เนี่ย”
          ไอ้... แม่ง กวนว่ะ!
          ผมสำรวจตัวเองแล้วไม่ได้เป็นอะไรมากข้าวของผมก็ไม่หาย ลาขาดกับไอ้บ้านี่ซักทีครับ แต่งตัวอย่างกับจะไปงานคอนเสิร์ตที่ไหน เอ... มันอาจจะเป็นนักร้องผับแถวนี้ก็ได้นะครับ
          “ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ ถ้ามีโอกาสผมจะตอบแทนบุญคุณให้แน่ๆ ครับ แต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อน”
          “เออ ไม่เป็นไรหรอก ข้าเห็นเอ็งแล้วนิ่งดูดายไม่ได้เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากสร้างบุญคุณไรกับเอ็งหรอก เดี๋ยวมันจะผูกพันกันไปเปล่าๆ”
          ผมว่าผมทนมานานแล้วนะ คำก็ไอ้หนู สองคำก็ไอ้น้อง เดี๋ยวก็เอ็ง ไม่สนิทกันอย่าลามปามสิครับพี่!
          แล้วไหนจะยังคำพูดคำจาโอ้อวดนั่นล่ะ ฟังแล้วหมั่นไส้ตงิดๆ เลยครับ อยากสวนมันกลับไปเหมือนกันว่าผมพูดไปตามสคริปต์เด็กกตัญญูหรอก ในใจผมไม่อยากเจอมันอีกซักนิด!
          “ผมชื่อขุนศึกครับ คุณจะเรียกผมว่าขุนก็ได้ แต่ผมไม่ใช่ไอ้หนูแน่ๆ ผมยังไม่ทันนับญาติเป็นพี่น้องกับคุณด้วย แล้วที่สำคัญ ไม่สนิทอย่าสะเออะมาขึ้นเอ็งขึ้นข้ากับกูครับ!”
          ผมเห็นมันตะลึง เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยล่ะสิมึง! แต่ก่อนที่ผมจะได้ยิ้มสะใจที่เอาคืนสำเร็จ มันก็หัวเราะลั่นซะก่อนครับ แม่ง! หัวเราะอย่างกับคนบ้า!
          นานเหมือนกันครับกว่ามันจะหยุด แต่พอมันหยุดหัวเราะเท่านั้นละครับ ผมรู้สึกแปลกๆ ทันที เสียงหวีดหวิวของลมมันน่าขนลุกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ แถมจู่ๆ ตรงที่ๆ ผมยืนอยู่ก็เหมือนจะครึ้มผิดปกติขึ้นมาด้วย
          “ได้ ข้าจะจำชื่อเอ็งไว้ไอ้ขุน เอ็งจงดีใจเถอะว่าเอ็งเป็นคนแรกที่ข้าจะจำชื่อไว้”
          นั่นไง มันรู้จักชื่อผมซะที แต่มันก็ยังเรียกผมว่าไอ้เหมือนเดิม
          เอ่อ... ทำไมผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับดวงตาของมันนะ? ตาของไอ้บ้านี่อย่างกับใส่คอนแทคเลนส์เรืองแสงมาเลยครับ อ๊ะ! ว่าแต่บิ๊กอายสมัยนี้มันมีแบบเรืองแสงแล้วเหรอครับ? ไม่ดิ! ตอนแรกผมก็เห็นตามันเป็นสีน้ำตาลชัดๆ แล้วทำไม... ช่างเถอะครับคิดไปก็ปวดหัว กลับห้องดีกว่า จะสามทุ่มแล้วด้วย
          “ครับ แล้วแต่คุณละกันครับ ถ้าไงผมขอตัวก่อน”
          “ข้าชื่อรุกข์ แล้วเราจะได้เจอกันอีกแน่ๆ ขุน
          ชั่วขณะที่ไอ้หมอนี่พูดประโยคนี้ขึ้นมาผมรู้สึกอย่างกับขนลุกไปทั่วร่าง! อย่างกับมีไฟฟ้าสถิตแล่นแปล๊บๆ ไปทั่วตัวยังไงอย่างงั้นเลย แถมยังหนาวๆ เย็นๆ ยะเยือกที่ผิวอีก
          ไม่เอาอ่ะ ผมรีบกลับห้องดีกว่า รู้สึกซวยๆ ไงไม่รู้ เจอโจร ถึงไม่โดนชิงอะไรไปแต่ก็โดนทำร้าย แถมยังเจอคนโรคจิตพูดจาไม่รู้เรื่องอีก เซ็งครับ รีบกลับห้องดีกว่า
          แต่พอผมเดินมาได้ซักพัก ... คือซอยมันเป็นซอยตรงยาวๆ เลยอ่ะครับ แถวนี้ถนนมันตัดลัดไปมามีทั้งบ้านคนทั้งอพาร์ทเม้นท์ ทั้งร้านอาหาร ผับ กระจายเต็มไปหมดครับ คนไม่ชินพื้นที่มีหลงประจำ บางซอยก็นานๆ ทีมีรถผ่าน
          นั่นแหละๆ คือพอผมเดินมาได้ซักพักก็เกิดอาการอยากรู้เลยหันหลังกลับไปดู ไม่น่าเชื่อ! ขนาดอยู่ไกลกันเกินร้อยเมตรผมยังเห็นมันยืนเต๊ะท่ายิ้มมาทางผมอยู่เลย
          คือทั้งๆ ที่ไกลขนาดนั้นแต่ทำไมผมยังรู้สึกถึงสายตาไม่น่าไว้วางใจนั่นอย่างกับมันมามองใกล้ๆ เลยล่ะครับ บ้าชะมัด! ทั้งๆ ที่ไกลกันขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ผมยังหงุดหงิดอยู่เลยไม่รู้ทำไม ผมลบภาพของดวงตาสีทองที่พราวระยับไปด้วยประกายวิบวับของหมอนั่นไม่ได้...
          ชื่อรุกข์สินะครับ แย่จัง ผมไม่ได้ถามว่าเขาเรียนที่ไหน อยู่แถวนี้หรือเปล่า หรือแค่ผ่านมา...
          เอ้ย! คือผมหมายถึงว่าผมจะได้รู้ไว้เผื่อตอบแทนเขายังไงละครับ คือ... เขาช่วยผมไว้ผมก็ต้องตอบแทนเขาไม่ใช่เหรอ
          จริงๆ นะครับ
          เหมือนในสมองผมแว๊บนึงดันนึกถึงสีหน้าอวดดีแล้วก็เสียงกวนๆ นั่นว่า “เอ็งจะได้ตอบแทนข้าแน่ ขุน” ของหมอนั่นขึ้นมา ผมคงคิดมากไปแล้วแน่ๆ เลย
          ไม่เอาละ! ผมรีบกลับห้องดีกว่า
          และแล้วผมก็จ้ำจนถึงห้องตัวเอง ผมรีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าทันที เลือดแห้งไปแล้วแต่ไม่รู้บาดแผลจะเป็นไงบ้าง แต่คงไม่มีอะไรมากเพราะผมไม่เจ็บแล้ว
          เฮ่ย! หัวผมไม่มีแผล มีแค่รอยแดงๆ เอ่อ... อยากบอกนะครับว่าไอ้เลือดที่เป็นคราบอยู่ข้างขมับจนหยดเปื้อนเสื้อผมนี่ไม่ใช่ของผม หรือจะของโจร?
          ต้องเป็นของโจรแน่ๆ เลยครับเพราะรุกข์ยังดูขาวสะอาดอยู่เลย ว่าแต่รุกข์เขาจัดการโจรยังไงน้า ถึงได้ถึงขั้นเลือดตกยางออกแต่ตัวเองไม่เปื้อนเลยแม้แต่น้อย
          เอ้ย! แล้วผมจะคิดถึงไอ้หมอนั่นทำไมกันละเนี่ย แถมยังเรียกมันว่า “รุกข์” อีก
          บ้าๆ บ้าๆ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
          นอนดีกว่าครับ ไม่ลงไม่เล่นเกมมันแล้ว วันนี้ผมเพลีย
          ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีครับ


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2014 19:07:02 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
การพบกันครั้งต่อ(ๆ)มา

          คุณเชื่อในโชคชะตารึเปล่า? ผมเลิกเชื่อไอ้สิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาตั้งแต่ที่ผมตีบวกแหกแล้วแหกอีกแต่คนในกิลด์ผมมันดันบวกสิบสองได้ทั้งตัว เหตุที่ผมเลิกเชื่อก็เป็นเพราะว่าถ้าโชคชะตามีจริงมันก็ต้องมีโชคดีหล่นมาให้ผมบ้างสิ ชีวิตผมดันมีแต่โชคร้ายมาเยือนซะงั้น แล้วสิ่งที่เฮงซวยที่สุดที่โชคชะตามันเล่นตลกกับผมก็คือรุกข์!
          นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับผม ผมเป็นโรคหวาดระแวงทุกครั้งที่เดินอยู่ในซอยแล้วมีคนขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาใกล้ นอกจากนี้ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงใบไม้ไหวทีไรผมจะรู้สึกขนลุกแล้วก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง... คือจะบอกว่าเป็นสายตาก็ไม่ใช่ ใบไม้ที่ไหนจะมีลูกตาละครับ? ถึงต้นไม้จะหายใจได้แต่มันเป่าลมใส่หลังคอผมไม่ได้แน่นอน แถมยังลมที่พัดผ่านตัวผมพวกนั้นอีก ขนลุกเป็นบ้า!
          เอาเป็นว่าผมเองก็บรรยายไม่ถูกว่าสิ่งที่ผมคิดไปเองว่ารู้สึกได้นี่มันคืออะไร จะบอกว่าเป็นอีเว้นท์ที่ตัวเอกในเกมได้รับญาณทิพย์สัมผัสที่ห้าหกเจ็ดแปดหลังผ่านพิธีกรรมอะไรบางอย่างเหรอครับ?
          บ้าไปแล้ว! นี่มันชีวิตจริงๆ นะคุณไม่ใช่นิยาย เชื่อเถอะถึงผมจะติดเกมแต่ผมก็รู้จักแยกแยะมองโลกตามความเป็นจริงครับ ผมไม่ใช่พวกโลกสวยที่มองทุกสิ่งสวยงามก็จริง ออกจะเป็นมนุษย์ขั้วลบหน่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ใช่พวกเกรียนคีย์บอร์ดหรือไอ้เด็กติดเกมประเภทไม่รู้ว่าควรจะทำตัวในโลกแห่งความเป็นจริงยังไงได้แต่ด่าว่าชาวบ้านอยู่ในโลกไซเบอร์ อ๊ะ... เหมือนผมจะหลุดปาก อย่าถือสาเลยครับ ผมไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครในบอร์ดเกมเรื่องที่มันใช้บัคให้เป็นประโยชน์แล้วออกมาดิ้นตอนโดนแบนแน่ๆ ผมไม่ใช่พวกชอบดราม่าซักหน่อย โอเคๆ คือ... จริงๆ ก็นิดหน่อย แต่ผมไม่ได้ไปร่วมด่ามันหรอกนะครับ แค่อ่านเฉยๆ แล้วก็นึกสมเพชอยู่ในใจ  ใช่แล้วละผมมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ที่ได้แต่ดูถูกคนอื่นอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกมา คนอย่างผมไม่มีปัญญาไปตอบโต้ใครหรอก
          ทว่านับตั้งแต่ได้เจอรุกข์ ทั้งๆ ที่ผมพยายามสุภาพกับมันสุดๆ แล้วแต่ผมกลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลยซักครั้ง เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ผมไม่สามารถปิดกั้นความรู้สึกตัวเองได้ ผมก็เลยโดนไอ้หมอนี่พูดแทงใจดำแล้วหลุดโมโหสวนกลับไปบ่อยๆ ทั้งที่ปกติแม่ผมสอนมาว่าอย่าไปมีเรื่องกับใคร โดยเฉพาะกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าให้ผมนอบน้อมเข้าไว้ เพราะเด็กไทยที่ดีควรมีสัมมาคาราวะ ซึ่งปัจจุบันนี้มันหายาก อันที่จริงตอนแม่ผมสอนผมยังแอบคิดอยู่ในใจเลยว่าผู้ใหญ่สมัยนี้มันน่าเคารพซะที่ไหน โดยเฉพาะไอ้พวกหน้าไหว้หลังหลอกที่มันแทบจะคลานมากราบขอคะแนนแต่พอได้เข้าไปนั่งในสภาแล้วก็ลุกขึ้นต่อยกันซะงั้น
          โลกทุกวันนี้มันสกปรกครับ ผมเลยไม่สามารถคิดบวกได้ ผมทำตัวโลกสวยไม่ไหวจริงๆ ผมไม่โทษแม่ผม เพราะรู้ว่าท่านพยายามเลี้ยงผมมาอย่างดีแล้ว แต่ผมขอโทษโลกห่วยๆ ใบนี้ได้มั้ย? เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวมันเฮงซวยผมถึงได้หันไปหาความบันเทิงจากการเก็บเลเวลในเกมไปวันๆ เพื่อนที่คุยกันแต่เรื่องแทงบอล ดื่มเหล้า แล้วก็จีบหญิงน่ะเหรอ ตรงไหนที่พวกมันทำแล้วมีคุณค่ามากกว่าการเล่นเกมของผมละครับ? อย่างน้อยในเกมผมก็ไม่ใช่ No Body ที่ไม่มีใครรู้จัก อย่างน้อยในเกมผมยังมีเพื่อน
          เอาละสิ ผมเดินคิดอะไรเพลินๆ จนใกล้ถึงจุดอันตรายซะแล้ว ผมมองซ้ายมองขวาพยายามเพ่งดูซอยข้างๆ ว่ามีมุมไหนให้ไอ้บ้านั่นมันแอบได้บ้างมั้ย แต่ว่าไม่มีครับ วันนี้ผมน่าจะปลอดภัยจากมัน
          ไอ้บ้าที่ว่าผมหมายถึงรุกข์ครับ นับตั้งแต่รู้จักมัน บางครั้งเวลาเดินผ่านตรงจุดที่เคยเกิดอุบัติเหตุผมมักจะเจอมันมารอกวนตีนผมเสมอ ไม่รู้ไม่มีงานทำรึยังไง ตอนสายๆ หรือตอนบ่ายนี่ไม่ค่อยเจอแต่ถ้าเป็นเวลาโพล้เพล้หรือหัวค่ำละก็โผล่มาทุกที ผมจะเลี่ยงก็ไม่ได้ด้วยเพราะหอผมต้องเดินผ่านทางนี้ ถ้าอ้อมไปอีกทางมันไกลจนเดินไม่ไหวครับ แล้วที่สำคัญทางที่ผมเลือกเดินผ่านนี่มีต้นไม้ร่มรื่นตลอดทาง เพราะเป็นที่ดินร้างที่ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างเลยมีพวกต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด
          แต่ที่ผมชอบสุดๆ คือมีต้นหูกวางที่ใหญ่มากๆ อยู่ต้นนึง แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาดีทีเดียว หน้าฝนผมสามารถยืนหลบใต้ต้นไม้โดยไม่กางร่มยังได้เลย ใบหูกวางช่วยกันหยาดฝนให้จนแทบไม่เปียก แต่นั่นมันเรื่องก่อนที่ผมจะเจอมัน นับตั้งแต่ที่เจอมันบ่อยๆ ตรงต้นหูกวางสุดที่รักผมก็ไม่อยากเดินผ่านแถวนี้อีก แต่ผมหนีไปทางอื่นไม่ได้นี่หว่า ผมก็เลยต้องผ่านแนวต้นหูกวางพวกนี้ด้วยอารมณ์ลุ้นยิ่งกว่าตอนตีบวกอีกครับ ลุ้นว่าจะเจอมันรึเปล่า
          แต่วันนี้คงไม่เจอหรอกครับ ยังบ่ายสามอยู่เลย รุกข์ไม่ค่อยโผล่มะ เหวอ!
          “ว่าไงจ้ะน้องขุน เห็นหน้าพี่แล้วต้องตกใจขนาดนี้เลยหรือจ้ะ”
          ผมพึ่งบ่นถึงมันอยู่ในใจไม่ทันขาดคำ! หมอนี่มันโผล่มาจากไหนเนี่ย?
          “อ้าว! ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนท้องผูก เมื่อเช้าถ่ายไม่ออกหรือไร ต้องการคนช่วยรึไม่?”
          “ไอ้!” ตั้งสติครับ ผมควรตั้งสติ! “หลีกทางให้ผมด้วยครับ ผมรีบ”
          “โธ่ จะรีบกลับไปทำไม กลับไปก็นั่งเหงาเอาแต่เล่นเกม อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อนดิ”
          มันรู้ได้ยังไงว่าผมกลับไปแล้วเอาแต่เล่นเกม ผมพยายามไม่สนใจแล้วเดินหนีมัน แต่มันกลับเดินตามผม ก้าวที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ไอ้หน้าด้านเอ้ย!
         “คุณจะตามผมมาทำไม”
          “ข้าเหงา เอ็งก็เหงาไม่ใช่หรือ เอ็งอาจจะโกหกข้าได้ว่าเอ็งไม่เหงา แต่ข้าโกหกไม่ได้”
          รุกข์เขาพูดอะไร ผมน่ะเหรอเหงา? บ้านมันดิ! ผมไม่เหงาหรอก เดี๋ยวพอกลับไปเล่นเกมผมก็ไม่เหงาแล้ว
          “ผมไม่ได้เหงา!”
          “เอ็งแน่ใจรึว่าของพวกนั้นมันช่วยคลายเหงาให้เอ็งได้จริง เอ็งรอใครสักคนในนั้นมาสนใจเอ็งต่างหาก วันไหนที่ไม่มีใครข้าเห็นเอ็งหงอยจะตาย ตั้งแต่ที่เพื่อนเอ็งไม่ได้กลับทางเดียวกันข้าไม่เห็นเอ็งหัวเราะอีกเลย”
          ไอ้บ้านี่มันรู้ละเอียดเกินไปแล้ว! ผมแน่ใจว่าผมไม่เคยเล่าอะไรให้มันฟังแน่ๆ อย่าบอกนะว่ามันเล่นเกมเดียวกับผมถึงได้รู้มากขนาดนี้
          “ข้าไม่ต้องรู้อะไรเยอะแค่มองหน้าเอ็งก็รู้แล้วว่าเอ็งมันขี้เหงา ยอมรับเถอะหน่า อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อน อย่าทำตัวเป็นพวกซึ่นๆ ซึนอะไรนะที่เด็กสมัยนี้ชอบพูดกัน?”
          “ผมจะเหงาหรือไม่เหงามันก็เรื่องของผม แต่ถึงผมจะเหงา ผมก็ไม่คุยกับคนบ้าครับ!”
          ผมตอกกลับแล้วก็เดินหนี แต่ได้ยินเสียงหัวเราะมันไล่หลังมา อีกแล้วไอ้บ้านี่ชอบหาเรื่องยั่วโมโหผมอยู่เรื่อย ชอบพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ ไม่สิเพราะผมเข้าใจดีนั่นแหละผมถึงได้โมโห แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือมันรู้ได้ยังไง แล้วมันต้องการอะไรถึงได้พูดเรื่องพวกนั้น


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

          หลังจากวันนั้นผมก็มีเหตุให้เจอมันบ่อยๆ น่ารำคาญแต่ไม่ยักจะเบื่อ วันไหนที่เจอกันก็มักได้ต่อปากต่อคำกันซักสองสามประโยคแล้วแต่ความกวนของมันนั่นแหละครับ กวนมากก็คุยกันไม่มาก กวนน้อยก็คุยกันยืดหน่อย
          จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือน รู้ตัวอีกทีผมก็เรียกชื่อมันสะดวกปากไปซะแล้ว ทำไงได้รู้จักกันมาก็นาน โดนทักบ่อยๆ มันก็ต้องมีโต้ตอบบ้าง พอเถียงกันนานๆ เข้ามันก็คุ้นเคยกันไปเอง
          แต่บางช่วงผมก็ไม่เจอรุกข์เลยครับ วันไหนที่เดินผ่านแล้วไม่มีเสียงทักทายมันก็ชวนให้คิดถึงเจ้าของเสียงกวนๆ เหมือนกัน ก็ไม่ได้เหงาหรอกนะแค่แปลกใจเฉยๆ ว่ารุกข์หายไปไหน จริงๆ นะครับ
          ทว่าพักนี้เจอกันบ่อยครับ ช่วงมรสุมเข้าแบบนี้ทำให้ผมต้องแวะพักใต้ต้นหูกวางสุดที่รักของผมบ่อยๆ รุกข์เองก็คงเหมือนกัน วันนี้ฝนตกหนักมากซะด้วย อย่างกับฟ้ารั่วเลย
          “ยืนซะไกล เข้ามาใกล้ๆ ข้าก็ได้ เอ็งจะได้ไม่เปียก”
          “ตรงนี้ก็ไม่ค่อยโดนฝน ไม่เป็นไรหรอกครับ”
          “อย่าดื้อน่าขุน เสื้อเอ็งเปียกหมดแล้ว”
          รุกข์พูดแบบนั้นแล้วก็ดึงผมเข้าไปใกล้ตรงโคนต้นที่เขายืนอยู่ ให้ตายดิผมไม่อยากอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้เลย ผมพยายามไม่คิดฟุ้งซ่านในหัวตัวเอง
          “หนาวหรือไม่?”
          หือ? ผมหูฟาดเหรอครับ? ผมหันไปมองหน้ารุกข์ให้แน่ใจก่อนจะตอบ ผมอยากรู้ว่าตอนที่เขาถามผม เขาถามด้วยสีหน้าแบบไหน
          “ขุนหนาวหรือเปล่า? ข้าเห็นเอ็งสั่นราวกับคนเป็นไข้”
          ฝนตกหนักขนาดนี้บ้านพ่อแกสิไม่หนาว! ผมร้อนจนสั่นมั้ง! ถามทำไมก็ไม่รู้ ถามแล้วถ้าผมตอบว่าหนาวจะกอดให้ไออุ่นผมรึไง เอ้ย! ผมแค่คิดประชดเท่านั้นนะ จริงๆ นะครับ
          แต่อยู่ๆ เสื้อแขนยาวสีขาวมีฮูดตัวที่รุกข์ใส่อยู่ก็คลุมลงมาบนหัวผม
          “เอ้า ข้าให้ยืม เอ็งจะได้ไม่ต้องยืนสั่นเป็นลูกนกแบบนี้”
          โชคดีชะมัดที่เสื้อคลุมผมทั้งหัว รุกข์จะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าผม!
          “ผมตัวเปียกนะ”
          “ข้ารู้ ข้าเห็นเอ็งวิ่งตากฝนมาแต่ไกล ตั้งใจมาหลบใต้ต้นไม้นี้”
          “เป็นพวกโรคจิตรึไงครับ แอบดูผมอยู่ได้ ยุ่งกับชีวิตผมจัง”
          ผมพยายามพูดตามปกติ หวังว่าเสียงของผมคงไม่สั่นนะครับ ถ้าเสียงผมเปลี่ยนไปละก็ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่าเป็นเพราะผมคัดจมูกเลยเสียงสูงขึ้น ไม่ได้เป็นเพราะผมเขิน
          “เออ ถ้าข้าไม่ช่วยไว้เอ็งตายไปแล้วไอ้ขุน หึๆ”
          ไม่เห็นต้องทวงบุญคุณกันเลยครับ เหอะ! รุกข์ก็ยังเป็นรุกข์อยู่วันยังค่ำ ไอ้คนปากเสียเอ้ย!
          ผมมองไปทางอื่นแก้เก้อ คงเพราะฝนที่ตกหนักทำให้ไม่มีคนผ่านมาเลย มอเตอร์ไซค์ซักคันยังไม่มี แม้แต่รถเก๋งก็นานๆ ถึงผ่านมาคันครับ
          “คนอื่นข้าไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นเอ็งข้ายอมรับว่าสนใจ”
          “เป็นพวกโรคจิตจริงๆ ด้วย”
          ทั้งๆ ที่ปากผมตอบไปแบบนั้นแต่ผมกลับรู้สึกอุ่นไปทั้งตัว เสื้อของรุกข์มันติดฉนวนนาโนเทคโนโลยีไว้รึไงนะผมถึงได้ร้อนวูบวาบแบบนี้ โดยเฉพาะแถวๆ แก้ม
          ผมรู้ว่านี่มันผิดปกติ แต่ว่าไม่รู้ทำไมผมถึงมีความคิดประหลาดๆ ว่าขอให้ฝนตกนานกว่านี้อีกนิด อาจจะเพราะผมเมื่อยขา เพราะผมอยากให้คืนนี้อากาศมันเย็นๆ ห่วงประเทศชาติที่ประสบภัยแล้ง ผมอยากจะอ้างอะไรก็ได้เพราะผมอายที่จะบอกว่าผมรู้สึกดีที่ได้ยืนหลบฝนอยู่ใต้ต้นหูกวางต้นนี้กับรุกข์
          คือ... ต้องเป็นเพราะว่าผมยังไม่อยากคืนเสื้อสุดอุ่นตัวนี้ให้รุกข์แน่ๆ ครับ ก็ผมยังไม่หายหนาวเลย ผมแค่ชอบเสื้ออุ่นๆ ตัวนี้ ไม่ได้สนใจเจ้าของเสื้อเลยซักนิด ถึงแม้กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนใบไม้ผลิจางๆ บนเสื้อจะทำให้ผมรู้สึกดีก็เถอะ
          เอาเป็นว่า ผมขอหลบฝนตรงนี้อีกซักพัก(ใหญ่ๆ)ก็แล้วกันครับ
          บ๊ายบาย


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
การพบกันครั้งที่ผม...(เฝ้ารอ)

          วันนี้ฝนตกอีกแล้วครับ แต่ผมคงไม่ได้แวะพักที่ใต้ต้นหูกวางอย่างเคยเพราะวันนี้ผมเดินกลับกับเพื่อนของผม เพื่อนสนิทที่ห่างกันไปเพราะเหตุผลบางอย่าง เราสองคนเดินเบียดกันใต้ร่มของผมเอง
          ตอนเดินผ่านต้นหูกวางผมอดไม่ได้ที่จะมองหารุกข์ ทั้งๆ ที่ผมรำคาญมันมาตลอดเพราะชอบหาเรื่องกวนตีนผม แต่พอไม่ได้ยินเสียงทักทายของมันแล้วผมกลับ... เหงา
          “เฮ้ยรีบเดินเหอะมึง กูว่าแถวนี้โคตรเปลี่ยวเลยว่ะ วังเวงด้วย”
          เพราะถูกเร่งผมก็เลยต้องรีบเดินให้ทันช่วงขาที่ยาวกว่าของเซน เขาเคยเป็นเพื่อนที่คุยกันถูกคอจนเราตกลงใจหารค่าห้องอยู่ด้วยกันตอนเข้ามหาลัยใหม่ๆ ครับ แต่พอเซนมีแฟนเขาก็ย้ายไปอยู่กับแฟน
          เซนไม่ได้ย้ายออกไปเพราะอยากไปอยู่กับแฟนหรอก ผมรู้ เขาย้ายออกไปเพราะผมต่างหาก เพราะข่าวลือที่ว่าผมชอบผู้ชาย ไม่มีผู้ชายปกติคนไหนอยากอยู่กับคนเป็นเกย์สองต่อสองหรอกครับต่อให้สนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม ต่อให้เราบริสุทธิ์ใจยังไงสังคมก็ไม่สนใจหรอก เสียงหัวเราะเยาะมันก็ยังคงดังอยู่ร่ำไป ผมมันก็แค่ตัวประหลาดของสังคม
          “ซอยนี้โคตรน่ากลัวเลย มึงน่าจะย้ายหอนะขุน”
          “ไม่ว่ะกูขี้เกียจ หอใกล้ๆ มอแม่งแคบ เน็ทกาก แถมแพงด้วย”
          “งั้นมึงก็ซื้อรถมอไซค์ซักคันดิวะ เดินไกลชิบหาย”
          “กูไม่มีตังค์”
          “ลงเกมหมดสิมึง”
          ทีมันแทงบอลมากกว่าผมอีกผมยังไม่ด่ามันซักคำ สัสเซนเอ้ย! มันเงียบไปไปพักนึงแล้วก็ชวนผมคุยต่อ ปกติมันก็ช่างคุยนะ แต่วันนี้มันพูดมากผิดปกติชะมัด
          “มึงเดินไกลขนาดนี้ทุกวันได้ไงวะ แถมตอนค่ำๆ ยัง... บรื๋ย! มึงไม่กลัวเหรอ เขาว่าเมื่อก่อนมีคนตายในซอยนี้ด้วยนะเว้ย เด็กมอเราโดนแทงตายเพราะช่วยคนถูกจี้อ่ะมึง”
          “ไม่เห็นมีไรน่ากลัว คนตายแม่งมีอยู่ทุกที่อ่ะ”
          ดึกกว่านี้ผมก็เคยกลับมาแล้ว เกือบตายแถวนี้ก็โดนมากับตัว มีอะไรที่ผมต้องกลัวอีกครับ?
          เพราะวันนี้ผมมีงานที่ต้องทำให้เสร็จเลยอยู่ที่มหาวิทยาลัยจนค่ำ เซนที่ทะเลาะกับแฟนเลยขอตามมานอนด้วย เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาไปแต่เช้ามันเลยขี้เกียจกลับหอแถวเกษตรไปตีกับแฟนต่อ
          “โหมึงนี่เจ๋งว่ะ” เซนมันชื่นชมผมแบบที่ฟังดูก็รู้ว่าประชด “แต่อีกหน่อยแถวนี้ก็ไม่น่ากลัวละว่ะ เห็นพี่ที่ร้านเหล้าปั่นหลังมอบอกว่าจะมีคอนโดมาลง”
          “คอนโด? ตรงไหน แถวนี้อ่ะเหรอ?”
          “กูจะไปรู้เหรอ สมัยนี้คอนโดขึ้นเยอะจะตาย แต่กว่าจะสร้างเสร็จพวกเราก็จบกันแล้วชัวร์”
          “ไม่แน่หรอก เดี๋ยวนี้บางที่สองปีก็สร้างเสร็จแล้ว”
          ผมเดินคุยกับเซนไปเรื่อยๆ จนถึงหอ อาบน้ำเข้านอนเพื่อเตรียมตัวตื่นเช้าไปลุยงานต่อ ผมดำเนินกิจวัตรประจำวันตามปกติแต่ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกไป ในอกข้างซ้ายของผมมันรู้สึกโหวงๆ ผม....
          ผมสั่งตัวเองให้หลับทั้งที่กระสับกระส่ายอยู่บนเตียงมานานกว่าสองชั่วโมง เซนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมหลับไปตั้งแต่หัวถึงหมอน ผมไม่ได้ตาค้างเพราะเซน มันไม่ใช่ความตื่นเต้นที่ได้นอนข้างๆ คนที่ตัวเองชอบ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นกับเซน ผมก็แค่... มีใครบ้างละครับที่จะไม่หวั่นไหวไปกับคนที่ทำดีกับคุณ ไม่รังเกียจคุณ ไม่แปลกใช่ไหมที่ผมจะเคยชอบเซน
          มีความกังวลฝังรากลงในอกผมแต่ผมไม่กล้าสำรวจมัน ผมไม่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วความไม่สบายใจนั้นมันคืออะไร แต่ผมรู้ดีว่าผมกำลังนึกถึงดวงตาสีทองเรืองแสงนั่น ผมโหยหาร่มเงาของอะไรซักอย่าง สิ่งที่ทำให้ผมสงบ ผมไม่เจอเขามาหลายวันแล้ว


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

          เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตของนักศึกษาอย่างผมก็ต้องดิ้นรนกันไปจนกว่าจะเรียนจบ เรื่องราวบางอย่างมันก็มีค่าแค่ผ่านมาแล้วผ่านไป ต่อให้ผมโดดเดี่ยวมากแค่ไหนผมก็คงไม่ฆ่าตัวตายเพราะเหตุผลบ้าๆ อย่างดีผมก็แค่ตะโกนอยู่ในใจอย่างไร้สุ้มเสียง ผมอยากมีใครซักคนที่ได้ยินเสียงในใจของผม...
          “ข้าได้ยิน”
          เหวอ! ผมตกใจ ไม่ดิผมควรจะบรรยายอะไรก่อนกันดี? ระหว่าง ‘ผมตกใจที่จู่ๆ ก็มีเสียงตอบกะทันหัน’ หรือ ‘ผมตกใจเมื่อได้พบกับรุกข์อีกครั้ง’
          รุกข์ยืนอยู่ตรงหน้าผม เขายังใส่ชุดสีขาวเหมือนเดิม สีเขียวบนหัวก็ยังดูสดเช่นเคย โดยเฉพาะรอยยิ้มกวนๆ นั่นไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ส่วนดวงตานั่น... ผมก้มลงมองรองเท้ามันดีกว่า รู้สึกหน้ามันร้อนๆ ยังไงไม่รู้ครับ
          “คุณทำผมตกใจ อย่าโผล่มาแบบนี้สิ”
          “ก็นึกว่าเอ็งชินแล้ว”
          “ก็เคยชินอยู่พักนึง แต่ไม่คิดว่าคุณจะโผล่มาวันนี้”
          ผมตอบพร้อมเดินไปพิงต้นหูกวางเล่นเพราะจู่ๆ ก็เกิดเมื่อยขากะทันหัน อยากยืนพักตรงนี้ซักหน่อย รุกข์ยิ้มให้ผมแล้วก็เดินมาหยุดข้างๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงต้นหูกวาง มันไม่กลัวกางเกงเลอะรึไงนะ
          “ข้าขอโทษ”
          ผมหูฝาดไปรึเปล่า? รุกข์ขอโทษผม รุกข์ขอโทษผมเรื่องอะไร? หรือเขาจะขอโทษที่ทำให้ผมตกใจ หมอนี้ต้องหัวฟาดพื้นมาแน่ๆ
          “ข้าขอโทษที่ปล่อยให้เอ็งเหงา”
          “ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้เหงา!”
          “แต่เอ็งคิดถึงข้าไม่ใช่หรือ”
          “ผมไม่ได้... ผมแค่แปลกใจว่าคุณหายไปไหน แค่นึกถึง ไม่ได้คิดถึง”
          “นั่นแหละเรียกว่าคิดถึง เอ็งอยากเจอข้าไม่ใช่รึขุน?”
          จะให้ผมตอบอะไรละครับ? ขนาดจะบรรยายความรู้สึกตัวเองผมยังไม่กล้าเลย ผมรู้แต่ว่านิ้วมือทั้งสิบของผมมันบิดกันแน่นแล้วครับ บ่ายนี้แดดแรงจนผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
          “เอาเถอะ ถึงเอ็งไม่พูด ข้าก็ได้ยิน ข้าได้ยินเสียงเอ็งตลอดนั่นแหละขุน”
          ผมบอกไปแล้วใช่มั้ยครับว่าวันนี้แดดแรง เพราะงั้นการที่ผมยืนหลบแดดอยู่ใต้ต้นหูกวางนี้ก็เป็นเพราะผมขี้เกียจเดิน ตากแดด ผมแพ้แดดครับ หน้าที่แดงๆ ของผมนี่ก็เป็นเพราะแพ้แดด
          “คุณหายไปไหนมา? งานยุ่งเหรอ”
          ไหนๆ ก็ยืนหลบแดดด้วยกันแล้ว ชวนเพื่อนร่วมชายคาร่มหูกวางคุยหน่อยละกันครับ แม่ผมสอนให้มีอัธยาศัยที่ดีต่อเพื่อนร่วมโลก
          ผมแค่ชวนคุณคุยตามหน้าที่ ไม่ต้องหันมายิ้มให้ผมแบบนั้นก็ได้นะรุกข์ ผมเกลียดรอยยิ้มรู้ทันนั่นจริงๆ
          “ใช่ช่วงนี้ข้ายุ่ง ต้องทำเรื่องโยกย้ายเลยไม่มีเวลามาหาเอ็งมากเท่าไหร่”
          “คุณงานยุ่งแล้วเกี่ยวไรกับผม”
          “ต่อไปข้าคงมาหาเอ็งที่นี่ไม่ได้แล้ว”
          หมอนี่มันว่าอะไรนะ?!? ผมหันไปมองดูว่ารุกข์พูดเล่นรึเปล่า เป็นจังหวะที่รุกข์ยืนขึ้นแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผมพอดี มือข้างหนึ่งของเขาวางทาบไว้บนต้นหูกวาง ผมเผลอมองดวงตาสีน้ำตาลที่เรืองแสงหน่อยๆ จนกลายเป็นสีทองของรุกข์เข้าจนได้ แทนที่ผมจะนึกสงสัยว่ารุกข์ใส่คอนแทคเลนส์ยี่ห้ออะไร ผมกลับสัมผัสได้ถึงอย่างอื่นถ่ายทอดออกมาจากสายตาเปี่ยมปรารถนานั่น ผมอยากให้เวลามันหยุดชั่วกัปชั่วกัลป์!
          “หากข้ามาพบเอ็งแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เอ็งจะคิดถึงข้าหรือไม่? ขุน”
          ผม...
          “อย่าโกหกข้า เอ็งก็รู้ว่าเอ็งโกหกข้าไม่ได้ ข้ารู้ว่าเอ็งคิดอะไรแต่ข้าอยากได้ยินความจริงจากปากเอ็ง การโกหกจะทำให้เอ็งไม่ได้เจอข้าอีก”
          รุกข์ไม่เคยใช้น้ำเสียงจริงจังแบบนี้กับผมมาก่อน ผมถูกความจริงใจของรุกข์สะกดเอาไว้จนไม่กล้าหนี
          “แค่พูดความรู้สึกของเอ็งออกมามันไม่ตายหรอกน่า”
          มันจริงจังได้ประโยคเดียวแล้วมันก็กวนตีนผมเหมือนเดิม ไอ้!
          “หรือแม้แต่ข้าก็ยังไม่มีค่าพอให้เอ็งเปิดใจ?”
          “คุณจะไปจริงๆ เหรอรุกข์?”
          “เบื้องบนสั่งมา ยังไงข้าก็ต้องไป”
          “แล้วผมจะได้เจอคุณอีกมั้ย?”
          “นั่นขึ้นกับคำตอบของเอ็ง คำพูดของเอ็งคือสิ่งที่จะผูกมัดข้าไว้ ถ้าเอ็งไม่ต้องการข้าก็ยุ่งกับเอ็งไม่ได้”
          “คุณทำอะไรกับผมกันแน่? คุณเป็นใคร?”
          “เอ็งเป็นคนฉลาดขุน เอ็งรู้ดี เอ็งรู้ว่าข้าเป็นอะไร แต่ไม่ว่าข้าจะเป็นอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับว่าเอ็งจะมองข้าเป็นใคร ถ้าเอ็งมองว่าข้าเป็นเพียงสิ่งที่เอ็งคิดข้าก็เป็นได้แค่นั้น แต่ถ้าเอ็งพันธนาการข้าไว้ ข้าก็ไปไหนไม่ได้เพราะข้าต้องรับผิดชอบเอ็ง”
          “ผมไม่ได้อยากให้คุณมารับผิดชอบ ผม...”
          เฮ่ยเดี๋ยวสิ! คือผมแค่จะบอกว่าผมใช้ชีวิตต่อไปได้แน่นอนเขาไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทำไมคำพูดมันถึง... อ๊าค!
          “พูดให้ดีขุน จงคิดก่อนพูด ทุกอย่างมันจะถูกกำหนดตามการตัดสินใจของเอ็ง”
          “ถ้าผมบอกว่าผมอยากเจอคุณอีก คุณจะมาได้จริงเหรอ?”
          “ได้สิ ถ้าเอ็งเรียกหาไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องมา เราสองคนผูกพันกันด้วยความคะนึงหาของเอ็ง แล้วเอ็งจะคิดถึงข้าหรือไม่?”
          “แบบนั้นมันก็เหมือนผมบังคับคุณ”
          “ทำไงได้ ข้าทำลงไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ เอ็งเป็นคนพิเศษขุน ข้าถึงได้สนใจเอ็ง หาไม่แล้วข้าคงไม่ช่วยเอ็งตั้งแต่แรก”
          “ถ้าคุณสนใจผมขนาดนั้นจะตามตอแยผมๆ ก็ไม่ว่าไรหรอกนะ ถือซะว่ามีผีคุ้ม”
          “นั่นมันขึ้นกับว่าเอ็งอยากให้ข้าอยู่ข้างๆ เอ็งตลอดไปรึเปล่าล่ะ?
          ตอนที่รุกข์พูดขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำเสียงหรือสายตาของเขากันแน่ที่สะกดผมไว้ ผมรู้แต่ว่าผมขัดขืนรุกข์ไม่ได้...


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
การพบกันครั้งสุดท้าย

          หลังจากวันนั้นผมได้เจอรุกข์บ้างนิดหน่อย ส่วนใหญ่มักเป็นเวลาที่ผมเดินใจลอย มันมักจะโผล่มาแกล้งให้ผมตกใจเสมอ แต่วันที่ผมอยากเจอมัน วันที่ผมเหงาอยากมีใครซักคนอยู่ข้างๆ มันกลับไม่อยู่ ผมรู้ว่ามันได้ยินเสียงผม แต่มันชอบแกล้งผม     
          ไอ้บ้านี่! อย่ามายืนยิ้มแบบนี้นะโว้ย!
          “เอ็งเรียกข้า ข้าก็มาแล้วไง”
          “ผมไม่ได้เรียกคุณ แค่... นึกถึง”
          “ถึงเอ็งจะคิดว่าเอ็งไม่ได้โกหก แต่ปากไม่ตรงกับใจเช่นนี้เอ็งไม่เหนื่อยบ้างหรือขุน?”
          “รู้ได้ไง”
          “ก็ข้าได้ยินเสียงที่แท้จริงของเอ็ง”
          ยังมีหน้ามายักไหล่กวนตีนผมอีก ให้ผมเถียงกับมันเหรอครับ ไม่เอาหรอก ผมยอมแพ้ กวนชะมัด!
          “แล้ววันนี้ว่างงานรึไงครับ? ถึงได้โผล่มาหาเรื่องผมได้”
          “เปล่า ข้าตั้งใจมารอเอ็ง”
          “รอ?”
          “ข้ามาพบเอ็งได้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วขุน”
          รุกข์พูดว่าอะไรนะ? ไหนมันบอกว่าถ้าผมต้องการมันจะอยู่กับผมตลอดไปไง ไอ้สัมภเวสีขี้หกเอ้ย!
          “เรียกข้าซะเสียเลยไอ้ขุน ข้าเป็นรุกขเทวดา ข้าไม่ได้โกหกเอ็ง ข้าก็อยู่กับเอ็งตลอดนั่นแหละ แต่ข้ามาพบเอ็งแบบนี้ได้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
          มันก็คือไม่ได้พบกันอีกไม่ใช่รึไง? จู่ๆ ก็จะไปไม่บอกไม่กล่าว บ้าเอ้ย! ทำไมผมต้อง... ตั้งสติครับตั้งสติ ผมพยายามหันไปมองรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามแทน รุกข์มันจะได้ไม่เห็นหน้าผม! อาการระคายเคืองที่ขอบตาหนักขึ้นแต่ผมไม่กล้ายกมือขึ้นมาเช็ด
          “ข้าไม่ได้จากเอ็งไปไหน เพียงแต่ข้าคงมาปรากฏกายพูดคุยกับเอ็งเช่นนี้ไม่ได้อีก”
          “คุณจะไปไหน? แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยผมไว้คนเดียวไม่ใช่เหรอ?”
          ไม่มีรุกข์แล้วผมจะอยู่ยังไง? อย่างน้อยๆ รุกข์ก็เป็นที่พึ่งให้ผมได้ รุกข์ได้ยินเสียงของผม เขาไม่ได้รังเกียจผม ผมรู้ว่าเขาจะรอผมที่ใต้ต้นหูกวางนี้ รุกข์ทำให้ผมรู้สึกว่า... ผมไม่ได้โดดเดี่ยวหายใจไปวันๆ อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง
          “ถ้าเอ็งอยากให้คนอื่นรับฟังในสิ่งที่เอ็งพูดก็จงเปิดใจพูดความจริง คนเขาจะฟังหรือไม่หาได้สำคัญ อย่างน้อยเอ็งก็ได้พูดแล้ว แต่ถ้าเอ็งไม่พูดใครเขาจะเข้าใจเอ็ง เอ็งจะสื่อถึงคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อเอ็งเอาแต่เงียบ”
          “ขนาดผมเงียบๆ ไว้แบบนี้ ผมยังเป็นตัวตลกเลย ถูกคนอื่นรังเกียจทั้งๆ ที่ไม่เคยไปทำอะไรให้ ถูกล้อถูกแซว ผมอึดอัด”   
          เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วรึเปล่านะ ผมถึงได้พูดมากแบบนี้? ถ้าอีกหน่อยจะไม่ได้เจอรุกข์แล้วผมจะมัวทิฐิไปทำไม?   
          ก็ผมกลัวนี่! ถ้ารุกข์ไม่อยู่แล้วจะมีใครเข้าใจผมอีก ผิดเหรอที่ผมจะยึดติดกับรุกข์เพียงเพราะเขาเข้าใจผมโดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา ผมผิดเหรอที่ยึดมั่นกับคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่า!
          ผมอดไม่ได้ที่จะแอบมองเขา ดวงตาของรุกข์ยังคงเป็นสีน้ำตาลทอแสงจางๆ เหมือนแดดที่ส่องผ่านร่มไม้ ผมเห็นความเอ็นดูฉายชัดอยู่ในนั้น ผมมันก็แค่เด็กน้อยในสายตาของรุกข์ ก็แค่ตัวปัญหาที่รุกข์ต้องรับผิดชอบ
          “เอ็งเป็นปัญหาที่ข้าเต็มใจก่อและเต็มใจรับผิดชอบนะขุน”
          รุกข์ยิ้ม ผมเห็นมุมปากของเขายกขึ้นนิดหน่อยต่างจากยิ้มกวนๆ ยามปกติ รอยยิ้มกับสายตาที่ก้มมองมาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน มันเหมือนมีพลังบางอย่างหมุนวนอยู่ในอก พลังที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน พลังที่ช่วยเติมเต็มผม เหมือนกับจะปลอบว่า... ผมจะต้องไม่เป็นไรเพราะผมเข้มแข็งพอ บ้าชิบ! ขอบตาผมร้อนอีกแล้ว
          “ข้าเลือกไม่ผิดหรอก บารมีที่ข้าเสียไปเพื่อช่วยเอ็ง ข้ายินดีมอบมันให้เอ็ง ข้ารู้ว่าเอ็งจะอยู่ได้ ต่อไปเอ็งจะทำสิ่งดีๆ อีกมาก เอ็งเป็นคนดีขุน ไม่มีอะไรทำลายความดีในตัวเอ็งได้ ขอแค่เอ็งอย่าหวั่นไหว จงใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง เอ็งทำได้ ข้าเชื่อ”
          คำพูดของรุกข์ทำให้ผมรู้สึกดี เหมือนถูกรัก ได้รับความสำคัญ ผม... ไม่! ผมคิดแบบนั้นไม่ได้! หมอนี่มันต้องแอบฟังอยู่แน่ๆ แต่พอผมหันไปมองก็พบว่ารอยยิ้มอันอ่อนโยนเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกวนๆ ตามปกติของมันซะแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย!
          “ข้าบอกเอ็งแล้ว ไม่ว่าเอ็งคิดอะไรเอ็งปิดข้าไม่ได้หรอก ต่อให้ปากของเอ็งพูดโกหกข้าก็รู้ใจเอ็งอยู่ดี”
          “ผมไม่ได้คิดอะไร”
          ผมต้องไปฝึกนั่งสมาธิควบคุมจิตใจตัวเองซะแล้ว ให้ตายสิ! ผมไม่ควรฟุ้งซ่านเลย บ้าเอ้ย! หวังว่าผมคงไม่ได้หน้าแดงอยู่นะ แล้วนั่นมันจะขำอีกนานมั้ย? ผมเกลียดสายตานั่นชะมัด! ประกายระยิบระยับแบบนั้นมันทำให้ผมร้อนไปทั้งหน้า!
          “เอาเถอะ มนุษย์อย่างเอ็งจะมี รัก โลภโกรธหลงก็ไม่แปลก ข้าเข้าใจ”
          เข้าใจแล้วทำไมต้องล้อผมแบบนั้นด้วย ถ้าเข้าใจแล้วไม่ต้องเน้นจังหวะแบบนั้นก็ได้ ไอ้รุกขเทวดาจอมกวนเอ้ย! รุกข์ มันหันมายักคิ้วให้ผมตอนที่พูดคำว่ารัก กวนตีนชัดๆ แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าถ้าผมด่ามันในใจต่อแล้วจะเสี่ยงอะไรอีกมั้ยมันก็ก้มลงเก็บใบหูกวางเล็กๆ ขึ้นมา ไม่รู้ว่ารุกข์ทำอะไร แต่ผมสาบานได้ว่าแว๊บนึงผมเห็นแสงเรืองรองออกมาจากใบหูกวางนั่น! สีหน้าท่าทางของรุกข์ในตอนนี้อย่างกับรูปปั้น ดูไร้อารมณ์ราวกับไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่รุกข์ของผมคนนั้น
          “เก็บมันไว้ ข้าให้เอ็ง?”
          “คือ?”
          ทั้งๆ ที่สงสัยแต่ผมก็ยังยื่นมือไปรับ รุกข์หย่อนใบไม้เล็กๆ นั่นใส่อุ้งมือผม ผมไม่เคยแม้แต่จะ...
          “มนุษย์อย่างเอ็งชอบของที่ระลึกไม่ใช่รึ? อ้อ เอ็งจะเรียกว่าของแทนใจจากข้าก็ได้”
          แทนใจบ้านมันสิ! ให้ตายเหอะ รุกข์หัวเราะผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมโคตรหมั่นไส้ท่าทางกวนตีนแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมกลับพยายามมองภาพนี้เอาไว้ เพราะผมกลัว ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้วใช่มั้ย?
          “ถูกแล้ว จำข้าไว้ขุน จดจำข้าไว้เหมือนที่ข้าจองจำเอ็ง ข้าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปสำหรับเอ็ง ข้าไม่ได้หายไปไหนจะอยู่กับเอ็งตลอดไป ข้าสัญญา”
          “ถึงจะอยู่จนผมตาย แต่ถ้าอยู่ข้างๆ โดยที่สัมผัสถึงกันไม่ได้มันจะไม่มีความหมายอะไร ต่างไรกับการอยู่คนเดียวแค่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่”
          “อ้อ... เอ็งอยากสัมผัสข้า”
          ไอ้! สงบครับ สงบ! แต่ก่อนที่ผมจะได้ด่าอะไรมันมากไปกว่านั้น รุกข์ก็พูดต่อเสียก่อน
          “ต่างสิ อย่างน้อยเอ็งก็รู้ว่าข้ามองเอ็งอยู่ตลอด เอ็งไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วข้าก็ไม่ได้บอกว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกเสียหน่อย”
          “แต่คุณบอกว่าจะมาพบผมเป็นครั้งสุดท้าย!”
          “ก็ครั้งหน้าเราจะพบกันแบบอื่น”
          รุกข์พูดพลางยักไหล่กวนๆ ผมขอประทุษร้ายมันได้มั้ย! แล้วมาหลอกให้ผมเสียใจเป็นวรรคเป็นเวร ไอ้บ้าเอ้ย!
          “ที่แท้เอ็งก็มีเยื่อใยให้ข้า นึกเสียใจหากไม่ได้เจอข้าอีก ได้ยินแล้วข้าตื้นตันนัก”
          พูดอะไรไม่ออกครับ ผมโดนรุกขเทวดาหลอก!
          “ข้าไม่ได้หลอก ข้าแค่ลองใจเอ็ง เทวดาที่ดีโกหกไม่ได้หรอก”
          “แต่แกล้งคนได้สินะครับ กวนโมโหคนอื่นได้ด้วย”
          “อ้าว เอ็งไม่เคยได้ยินรึรักดอกจึงหยอกเล่น”
          เอาเถอะครับ ... อย่าไปเถียงกับมันเลย ยิ่งเถียงยิ่งเข้าตัว ผมยอมให้รุกข์ซักวันก็ได้
          “แล้วเราจะพบกันได้ยังไง?”
          “ถึงเวลาแล้วเอ็งก็จะรู้เอง เก็บมันไว้ให้ดีล่ะ ข้าต้องไปแล้ว”
          “เดี๋ยวดิ! คุณจะไปเลยจริงๆ เหรอ? แล้วเมื่อไหร่”
          ผมยังมีคำพูดอีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่ได้พูด แต่ว่านิ้วชี้ของรุกข์ที่ยกขึ้นแตะริมฝีปากทำท่าห้ามนั้นทำให้ผมรู้ว่ารุกข์ ต้องไปแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่รุกข์แตะริมฝีปากของตัวเองแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายถูกสัมผัส รุกข์ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน
          “รอข้านะขุน แล้วเมื่อถึงเวลาข้าจะมาหาเอ็งแน่นอน เอ็งไม่ได้โดดเดี่ยวขุน จำไว้ว่าข้าได้ยินเสียงของเอ็งเสมอ”
          แล้วรุกข์ก็หายไปทั้งอย่างนั้น ภาพของรุกข์ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าผม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมักเป็นฝ่ายหันหน้าหนีจากเขาก่อนเสมอ ผมไม่เคยอยู่ดูเขามีแต่เขาที่มองตามผม แต่วันนี้ผมกลับต้องเป็นฝ่ายมองส่งเขา ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่ร่างของรุกข์ค่อยๆ พร่าไปนั้นเป็นเพราะธรรมชาติของเขาหรือเพราะน้ำตาของผม
          ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับถึงหอตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ นอนตอนไหน กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปหลายวัน ผมก็ยังเป็นเด็กมหาวิทยาลัยใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม สิ่งที่แตกต่างไปก็คือ ผมเก็บใบหูกวางเล็กๆ นั่นไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา
          เวลาหลายวันผ่านไปเป็นหลายเดือน รู้ตัวอีกทีผมก็ใกล้จะเป็นนักศึกษาฝึกงานแล้ว ไร้ร่องรอยของรุกข์ แม้ทุกครั้งที่ผมเดินผ่านต้นหูกวางต้นนั้นจะยังคงแผ่กิ่งก้านสร้างร่มเงาให้ผมเหมือนเคย แต่ทว่ามันกลับไร้ซึ่งความอบอุ่น จนกระทั่งถึงวันที่โครงการมาปรับพื้นที่ พอผมเดินผ่านอีกที ต้นหูกวางต้นนั้นก็ถูกโค่นไปซะแล้ว น้ำตาผมไหลจนผมต้องยกมือขึ้นมาเช็ด คนงานคงคิดว่าผมบ้าที่อยู่ๆ ก็มาหยุดยืนร้องไห้แบบนั้น
          รุกข์หายไปจากชีวิตผมจนในที่สุดเขาก็ถูกเก็บใส่ลิ้นชักความทรงจำชั้นที่ลึกที่สุด เรื่องของรุกข์ราวกับความฝันที่ผมจำเป็นต้องตื่น ผมใช้ชีวิตตามปกติ ถึงตอนนี้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นอะไรแล้ว ผมพยายามไม่คิดมากปล่อยวางกับคำล้อเลียนได้มากขึ้นจนพวกมันหมดสนุกไปเอง เพราะผมวางตัวดีไม่ต่างจากพวกมัน รุกข์พูดถูกว่ามนุษย์นั้นหลายหลาก ถึงพวกมันไม่ชอบผมก็ใช่ว่าคนทั้งโลกจะรังเกียจผม ผมยังมีเพื่อนคนอื่นๆ ยังสนิทกับเซนเหมือนเดิม และใครจะรู้ว่าอยู่ๆ ผมก็มีแฟน
          ผมถูกเด็กปีหนึ่งจีบ รุ่นพี่ปีสี่ที่โผล่หน้าไปให้รุ่นน้องเซ่นไหว้วันรับน้องอย่างผมโดนเด็กจีบ เป็นธรรมดาที่ผมมักจะถูกล้อในสิ่งที่รู้กัน มุขปัญญาอ่อนมาขอความรักจากรุ่นพี่ที่เป็นเกย์คงสนุกสะใจพวกมัน ได้แกล้งเด็ก ได้แซวผม ปีที่แล้วผมอาจจะเซ็งมีหงุดหงิดบ้างแต่ปีนี้ผมเฉยมาก ตั้งแต่รุกข์หายไปผมก็เฉยชากับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ไม่รู้ทำไมจากมุขมันกลายเป็นเรื่องจริง เด็กมันมาตามจีบผมจริงๆ ซะงั้น แม้แต่เซนยังยุให้ผมรับรักเด็ก มันหาว่าผมเป็นเกย์บ้าเกม มัวแต่สนใจเกมมากกว่าคนจริงๆ มันไม่รู้หรอกว่าผมแทบไม่ได้แตะเกมแล้ว ...
          ผมควรสนใจคนจริงๆ มากกว่าสินะ? และแล้วผมก็เลยมีแฟน เราคบกันก็จริงแต่ผมก็แค่คุยกับเด็กมันไปงั้นๆ ตอนที่ผมเรียนจบเราเลยมีปากเสียงกันนิดหน่อย เขาถามว่าผมเคยรักเขาบ้างรึเปล่า? เขาขอพิสูจน์ความรักของผมแล้วก็บอกว่าจะมาค้างด้วย แต่ตอนนั้นมันดึกแล้วผมเลยบอกให้คุยกันอีกทีวันรุ่งขึ้นแทน แล้วตอนที่ผมหลับ ในฝันคืนนั้นผมก็ได้ยินเสียงที่ผมไม่ได้ยินมานาน
          “โบราณว่าสามวันจากนารีเป็นอื่น ข้าจากเอ็งไปไม่ถึงสามปีเอ็งก็ลืมข้าเสียแล้วหรือขุน?


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
การพบกันที่ไม่สิ้นสุด

          หลังจากคืนนั้น ไม่ดิ ชีวิตผมยุ่งเหยิงไปหมดตั้งแต่ได้พบมันครั้งแรกที่ใต้ต้นหูกวางวันเจอโจรนั่นแหละ!
          เอาเป็นว่าหลังจากแฟนคนแรกที่เลิกกันไปผมก็ไม่ได้คบกับใครอีกเลย คุณจะมีแฟนได้ยังไง? ถ้าหากว่าคุณหลับแล้วต้องฝันถึงรุกขเทวดาจอมกวนทุกคืน!
          ขอประท้วงไว้ตรงนี้เลยครับ! มันนั่นแหละเป็นสาเหตุทำให้ผมโดนทิ้ง! เพราะมันทำให้ผมหลับยาวไม่ตื่น ขังผมไว้ในความฝันนั่นอ้างว่าฉลองที่ไม่ได้พบกันนาน มีเรื่องมาอัพเดทข่าวสารให้ผมฟัง แล้วก็อย่างที่คุณรู้ ผมต้องอยู่คนเดียวมาตั้งนาน มันอึดอัดจนแทบบ้า! ผมก็เลยเผลออยู่กับรุกข์เพลินจนหลับข้ามวัน รู้ตัวอีกทีโทรศัพท์ผมก็โชว์สายที่ไม่ได้รับจากแฟนไปสี่สิบแปดสาย!
          ผมทำให้แฟนเป็นห่วง ผมทำให้แฟนเสียใจ ผมลืมให้ความสำคัญแฟน แต่มันจะสำคัญอะไรในเมื่อผมมีรุกข์อยู่ข้างๆ ผมแล้ว ผมไม่ได้รักแฟนมาตั้งแต่ต้นจึงไม่แปลกที่ผมจะถูกเขาบอกเลิกด้วยข้อหา “พี่เคยรักผมบ้างมั้ย?”
          หลังจากนั้นใช่ว่าไม่มีคนมาจีบผม มันก็มีบ้างนะครับ แต่... คุณจะคบกับคนอื่นได้ยังไงในเมื่อคุณรู้ตัวว่ามีไอ้โรคจิตมันรับรู้ทุกการกระทำของคุณ กับอีแค่ผมยิ้มให้คนที่มาจีบ เขินตอนโดนแซว ละพอนอนหลับก็ดันเจอสายตาล้อเลียนไม่น่าแปลความหมายจากคนในฝัน ผมถูกรุกขเทวดาโรคจิตตามสตอล์กเกอร์อยู่ทุกคืน แค่ไม่บ้าไปก่อนก็ถือว่าผมเข้มแข็งมากแล้วครับ
          แค่จะคุยกับใครยังต้องระวังตัวแล้วผมจะมีแฟนได้ยังไง? ไม่มีแฟนผมก็ไม่ได้... ไม่ได้.. นั่นแหละครับ ผมก็เป็นผู้ชายที่มีความต้องการนะ แต่ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันในเมื่อ... ผมต้องเจอรุกข์ทุกคืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้แต่การช่วยตัวเองผมยังไม่กล้าทำ
          ต่อให้มันพูดว่า “ข้าเข้าใจ มนุษย์อย่างเอ็งจะมีความต้องการบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” แต่ไอ้สายตาชวนครั่นเนื้อครั่นตัวนั่นมันไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจเลย! ผมจะต้องเป็นเกย์คนแรกในโลกที่ใช้ชีวิตได้บริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดแน่ๆ
          “การถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิตก็ได้บุญเช่นกันนะ”
          นั่นไง แค่ผมหลับปั๊ปมันก็โผล่มาเลย โผล่มาอยู่ได้ทุกคืน ผมคงทำอะไรๆ สะดวกหรอก
          “แล้วคิดว่าผมต้องเป็นแบบนี้เพราะใครกัน มีหวังผมได้ซิงไปตลอดชาติ”
          รุกข์ในฝันของผมยังคงหัวเราะได้กวนตีนเหมือนเดิม รุกข์ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ฉากของสถานที่ๆ เราพบกันก็ไม่เปลี่ยน ผมยังคงอยู่คุยกับรุกข์ใต้ต้นหูกวางต้นนั้นเหมือนเมื่อก่อน ต่างกันที่ทั้งท้องฟ้า อากาศ ผืนดิน มันสดชื่นกว่ากันมากครับ ถึงจะเป็นภาพของซอยเดิมๆ แต่ก็ไม่ใช่บรรยากาศในซอยเหมือนของเดิม แถมยังมีแคร่ไม้เพิ่มมาให้ผมนั่งเพลินๆ อีกด้วย
          “อ้าว? เอ็งอยากถูกรักมากขนาดนั้นเลยรึ ฮ่าๆ แต่ชาตินี้ของเอ็งคงไม่ได้... งั้น ข้าฝากเอ็งไว้ก่อนก็แล้วกัน ไว้ชาติหน้าละข้าจะมาเอาไปให้ดีไหม?”
          “ไอ้!”
          เพราะรุกข์แท้ๆ เลยทำให้ผมรักใครไม่ได้ เอ้ยไม่ใช่! อย่าเข้าใจผิดนะครับ คือ ผมหมายถึงว่า มันก่อกวนจนผมรักใครไม่ได้ต่างหาก จริงๆ นะ ไม่ใช่เพราะผมรักมันซะหน่อย...


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

          นอกเหนือจากเรื่องความรักแล้ว ชีวิตของผมราบรื่นดีมากๆ ครับ ผมเรียนจบกลับมาช่วยกิจการของครอบครัว อีท่าไหนไม่รู้มีคนหนุนหลังผม โดยเฉพาะสมาคมสายรุ้งสีม่วง ผมได้เล่นการเมืองท้องถิ่น ได้เป็น “ท่าน” ไปซะงั้น สมใจแม่ผมมากครับที่ไปไหนก็มีแต่คนเรียกผมว่า “ท่านขุน” ถึงแม้ว่าท่านจะรู้แล้วว่าผมจะไม่มีวันมีหลานให้ท่านได้ก็ตาม
          คนทั่วไปก็ไม่ได้รังเกียจผม กลับกันกลับชื่นชมด้วยซ้ำเพราะผมวางตัวดี แน่ละครับมีคนคอยจับตาดูอยู่แบบนี้ผมจะมีเวลาไปคิดอะไรนอกจากเรื่องงานในแต่ละวัน ตำบลผมเลยเจริญเอ๊าเจริญเอา แถมผมยังเข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ผมพยายามถือศีลแม้จะหย่อนในข้อสี่นิดๆ หน่อยๆ แต่ผมไม่ได้ทำไปเพื่อใครหรอกนะครับ ผมก็แค่ทำสิ่งดีๆ เพื่อตัวผมเองก็แค่นั้น ไม่ได้หวังเพิ่มบารมีให้ใคร หรือเพื่อเพิ่มระดับศีลตัวเองให้เสมอใครเลยแม้แต่น้อย อ๊ะ... แย่ละ ผมพลาดข้อสี่อีกแล้ว
          ผมได้ยินเสียงหัวเราะกวนๆ ดังมาอีกแล้ว ให้ตายเถอะ!
          “ข้าว่า เอ็งนี่ท่าจะรักษาศีลห้าข้อสี่ลำบากนะขุน ตราบใดที่เอ็งยังคงปากไม่ตรงกับใจเช่นนี้”
          ถ้าพูดแล้วถือเป็นการโกหก พักหลังๆ ผมมีวิธีใหม่รับมือรุกข์แล้วครับ นั่นคือไม่ต้องพูด!
          “ต่อให้เอ็งไม่พูดข้าก็ได้ยินอยู่ดี คนฟุ้งซ่านเช่นเอ็ง ให้ไม่คิดคงยาก”
          นั่น! มาว่าผมอีก ผมว่าผมดีขึ้นมากแล้วนะ อุตส่าขจัดขั้วลบไปตั้งเยอะ แถมผมยังหัดคิดบวกเป็นแล้วด้วย
          “ถึงผมจะชอบฟุ้งซ่านแต่พักหลังๆ ก็น้อยลงตั้งเยอะ อุตส่าเข้าวัดฟังธรรมนั่งสมาธิมันต้องได้ผลบ้างแหละ”
          “ข้ารู้ เอ็งเก่งมากขุน ข้าชื่นชมในความพยายามของเอ็ง กุศลนี้จะส่งผลดีต่อตัวเอ็งเอง โชคดีนักที่เอ็งเป็นไม้อ่อนดัดง่าย หาไม่แล้วข้าคงลำบาก”
          ไม้อ่อนไม้แก่บ้าอะไร! ขัดใจจริงๆ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อยทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมปาเข้าไปสามสิบแล้วนะครับ จะว่าไปแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน รู้ตัวอีกทีผมก็อยู่กับรุกข์แบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว สิบปีจะว่านานก็นาน จะว่าเร็วก็เร็ว แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ต้องกังวลอะไรเพราะมันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คิดแล้วก็รู้สึกดีจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และรุกข์ก็ยิ้มให้ผมด้วยเช่นกัน
          “แล้วเอ็งอยากอยู่กับข้าไปอีกกี่ปีล่ะ เบื่อข้าหรือไม่?”
          “เบื่อไม่เบื่อมันเรื่องของผม ไหนคุณบอกจะอยู่กับผมตลอดไปไง ผมจะรู้สึกยังไงก็เป็นเรื่องของผม คุณแค่รักษาสัญญาของคุณก็พอ”
          “ฮ่าๆ เอ็งนี่น้าขุน หึๆ ข้าต้องเปลี่ยนท้องฟ้าในวิมานข้าให้เป็นทางช้างเผือกเพื่อเอ็งด้วยรึเปล่า?”
          “วิมานคุณ เรื่องของคุณ”
          “โบราณท่านว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน เอ็งมาอยู่เรือนข้า ข้าก็ต้องตามใจเอ็ง
          เถียงไม่ออกครับ เกิดมายังไม่เคยเจอรุกขเทวดาที่ไหนกวนขนาดนี้มาก่อนเลย! ไม่ดิ ผมก็เห็นแต่รุกข์คนเดียวนี่แหละ นี่ผมต้องอยู่กับรุกขเทวดากวนประสาทแบบนี้ไปจนตายเลยรึไง? เมื่อไหร่รุกข์จะเลิกแกล้งผมซักที
          “ก็ข้าเห็นเอ็งถูกแกล้งทีไรหัวใจสูบฉีดเลือดดีมิใช่รึ? ออกกำลังอย่างอื่นเอ็งก็ไม่ได้ทำ ข้าอุตส่าช่วยเอ็งบริหารหัวใจ หึๆ”
          ยอมแพ้ครับ ผมจะไม่เถียง ไม่พูด ไม่คิดอะไรแล้ว!
          สงครามระหว่างผมกับรุกข์ก็ดำเนินไปแบบนั้นทุกคืนนั่นแหละครับ แอบบอกพวกคุณก็ได้ว่าใจจริงแล้วผมก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะครับ เถียงกันไปเรื่อยๆ มันก็สนุกดี เพียงแต่ว่าบางครั้งผมก็เกลียดคำพูดบางอย่างของรุกข์เป็นบ้า! แต่เอาเถอะครับ ชาตินี้ที่เหลืออยู่ของผมมีได้เพราะรุกข์ ผมควรจะพอใจกับสิ่งที่ผมได้รับจากเขา เพราะถึงยังไงผมก็รู้ดีว่าผมเรียกร้องมากไปกว่านี้ไม่ได้ และรุกข์เองก็ให้ผมได้เท่านี้
          เห็นมั้ยล่ะผมบอกคุณแล้ว ผมน่ะปลงได้ตั้งเยอะ ผมมีความสุขกับชีวิตปัจจุบันของผมแล้วครับ ต้องขอบคุณรุกข์จริงๆ ผมโชคดีมากๆ ที่ได้เจอกับรุกข์


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁

          จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิตผม ... รถพ่วงที่เสียหลักพุ่งข้ามเลนส์มาประสานงานกับรถกระบะที่ผมขับไปทำธุระ ผมเจ็บหนัก หมอพยายามยื้อผมไว้แต่สุดท้ายก็ช่วยไม่ไหวเพราะผมเสียเลือดมากและมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป
          เฮ้ย! เดี๋ยวดิ ผมพึ่งจะอายุสี่สิบเองนะ กำลังเป็น ส.ส. เลือดใหม่อนาคตไกลประจำพรรคเลย ทำไมผมถึงตายแล้วล่ะ?
          ไอ้ผมก็อยากจะซึ้งตั้งแต่เมื่อกี้หรอกนะครับ แต่ทำใจไม่ได้จริงๆ ผมจะตายง่ายตายเร็วไปหน่อยรึเปล่า?
          ผมหันไปถามรุกข์ด้วยสายตา ผมเห็นรุกข์มาตลอดนั่นแหละตั้งแต่ที่ผมรู้สึกถึงแรงกระแทกแล้วก็โดนอัดก็อปปี้ ถูกงัดออกมาจากซากรถจนกระทั่งโดนนำตัวส่งโรงพยาบาล เห็นแบบเห็นจริงๆ เหมือนคราวนั้นที่ใต้ต้นหูกวาง ไม่ใช่เห็นในฝันอย่างทุกคืน รุกข์อยู่ข้างๆ ผมตลอดเวลา ยืนยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนจนผมไม่กลัวอะไรแม้แต่ความตาย
          “เอ็งน่ะตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ถ้าข้าไม่ยื้อเอ็งไว้”
          “แล้วยื้อละทำไมได้แค่นี้เองล่ะ? ผมเพิ่งจะสี่สิบเองนะ เพิ่งฉลองวันเกิดไปเมื่อวานเอง”
          “ก็ข้าบารมีน้อยไง เลยได้แค่ยี่สิบสามปี”
          รุกข์ตอบสบายๆ แถมยักไหล่แบบโคตรกวนให้ผม ผมไม่ได้โกรธอะไรรุกข์หรอกนะ ไม่ได้อาลัยอาวรณ์หรือมีห่วงอะไรด้วย เพียงแต่...
          “ผมอุตส่าทำใจว่าจะต้องเวอร์จิ้นไปจนอายุหกสิบแล้วแก่ตายเงียบๆ กับคุณสองคนในความฝันนะ อารมณ์แบบนอนหลับแล้วไม่ตื่น กว่าจะมีคนมาพบก็ผ่านไปสามวันเพราะผมไม่มีลูกหลาน”
          รุกข์ถอนหายใจให้ความฟุ้งซ่านแก้ไม่หายแม้ตายแล้วของผมก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้มตอบ
          “แล้วข้าไม่ได้อยู่กับเอ็ง ตรงนี้ ตอนนี้ ตั้งแต่เมื่อกี้ หรือไงเล่าขุน?
          พอเป็นวิญญาณได้มายืนใกล้ๆ กันแบบนี้แล้วรู้สึกฟูลเฮชดีกว่าเดิมเยอะเลยครับ สายตากับรอยยิ้มของรุกข์ทรงพลังกว่าเดิมเยอะเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าวิญญาณก็เขินได้ ไอ้ความรู้สึกร้อนวูบวาบพวกนั้นไม่มีหรอกครับ รู้แต่ว่า “เขิน”
          “ไม่ดีหรือไร รอบนี้ข้าจะได้ไปเกิดพร้อมๆ เอ็งเชียวนะ”
          รุกข์พูดว่าไรนะ? เขาหมดอายุขัยแล้วเหรอ? ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่เบิกตามองเพื่อดูว่าเขาลองใจผมเล่นรึเปล่า?
          “โทษฐานที่ข้าเข้าไปแทรกแซงชะตามนุษย์บางคนในชาตินี้กะทันหัน ข้าจึงต้องตามไปชดใช้ให้เขา จะบอกว่าไปคอยรับผิดชอบดูแลก็คงได้ เอ็งลองทายดูสิว่าข้าเผลอไปผูกบ่วงเข้ากับใคร?”
          หมอนี่ดูไม่สลดเลยซักนิด กลายเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาแพรวพราวนั่น แถมรอยยิ้มกวนๆ ที่มุมปากอีก เขินครับ!
          “คนที่โดนคุณตามไปวุ่นวายด้วยคงซวยน่าดู”
          “แล้วเอ็งเต็มใจซวยหรือไม่ ขุน?
          สาบานนะครับว่ามันพูดกับผมเรื่องไปเกิดใหม่ ชีวิตในชาติใหม่ ไม่ใช่ชีวิตหลังแต่งงาน เวรเอ้ย! ดีชะมัดที่วิญญาณหน้าแดงไม่ได้
          “ก็ซวยมาตั้งชาตินึงแล้วจะซวยอีกซักชาติจะเป็นไรไป
          ถึงแม้ชาตินี้ผมจะตายโดยปราศจากคนรัก แต่ผมก็อิ่มใจว่าผมมีคนที่ผมรัก และเขาก็อยู่เคียงข้างผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต(ยันชาติหน้า)


☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁ =END= ☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁



          เอ้ย! เดี๋ยวๆๆๆ ผมขอถามอะไรคุณหน่อย นี่มันนิยายวายใช่มั้ยครับ?
          เดี๋ยวเด่ะ! นี่ผมจะได้เป็นตัวเอกคนแรกในประวัติศาสตร์นิยายวายที่ตั้งแต่เปิดเรื่องจนจบ(แถมผมตายตอนจบ) ผมยังไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสคู่จิ้นของผมแม้แต่ปลายนิ้วอย่างงั้นเหรอ? แถมผมยังบริสุทธิ์ตลอดชีพด้วยอ่ะ!
          เวรเอ้ย! ยัยคนแต่งมันเขียนชีวิตผมรันทดเกินไปแล้ว!
          “ไปเกิดกับข้าได้แล้วขุน ให้ตายสิ เอ็งนี่ฟุ้งซ่านไม่เลิก”
          รุกข์พูดแบบนั้นแล้วก็จับมือผม ลากผมเดินตามเขาไป ... ผมฟินแล้วครับ ขอฟินนิชเรื่องไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ ลาล่ะ
          (มีเสียงตะโกนในใจของใครบางคนดังลั่นว่า “เชรี่ย โคตรเขินเลยโว้ย!”)



 
☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁☀☁



จบแล้ว  :L2:
แหะๆ มันคือนิยายที่แต่งประกวดเล่นๆ ในสมาคมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อบังคับว่า 5ตอนจบ ตอนละไม่เกิน3หน้าA4 ก็เลยได้ออกมาสั้นๆ แบบนี้

อ่านแล้วคิดยังไงบอกเขาได้น้า
น้องขุนจะให้อารมณ์หนุ่มขี้เหงาเคะจอมซึ่นเนอะ พกความน่ารักมุ้งมิ้งมาเต็มที่ แตกต่างจากคุณน้องต้นน้ำลิบลับ เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าถ้าสองคนนี้เจอกันจะเป็นยังไง คงเงียบและเงียบมั้งเพราะขุนก็ไม่สนใจใคร ต้นน้ำก็หยิ่ง แต่คงน่าสนุกพิลึกถ้าต้นน้ำเจอกับพี่รุกข์ หึๆ
โทนอารมณ์ของเรื่องนี้จะออกแนว Bitter Sweet แหละ แต่อบอุ่นและอุดมธรรมะแตกต่างกับอารมณ์เรียลหนักหน่วงปวดตับของดราม่าควีนฯลิบลับ (แต่ตอนจบเรื่องนั้นก็วางไว้ Bitter Sweet พอกันน้า)
นั่นก็เพราะพี่รุกข์เป็นรุกขเทวดา จะทำอะไรก็ทำไม่ได้เลยออกแนวกั๊กไปเรื่อย ได้แค่กวน หึๆ ได้อารมณ์รักนะแต่บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาตรงๆ ทำนองนั้น ตอนที่แต่งตั้งใจกับบทพูดม๊าก! หวังว่าคงมีคนอ่านแล้วอมยิ้มเขินตามน้องขุน ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
เรื่องราวของผม
 
          ผมชื่อพฤกษ์ ผมกำลังจะรับปริญญาแล้วครับ วันนี้ผมแวะมามหาวิทยาลัยเพื่อพบกับแฟนของผม เพราะพรุ่งนี้ผมมีซ้อมใหญ่คงไม่ว่างมาพบเธอ ผมเลยตั้งใจแวะมาหาเธอก่อน เรานัดกันไปฉลองที่ร้านอาหารใกล้ๆ มหาวิทยาลัย มีเพื่อนๆ ผมและเพื่อนของเธอไปด้วยอีกสามสี่คน
          ผมกับแฟนเป็นสายรหัสกัน เธอชื่อน้องแข แม้ว่าแฟนผมจะไม่สวย แต่ใบหน้ากลมๆ จิ้มลิ้มนั่นก็คล้ายพระจันทร์ดีไม่หยอก ผมชอบล้อเธอ และเธอก็จะงอนเผลอทำแก้มป่องทุกครั้ง ส่งผลให้หน้ากลมๆ ของเธอยิ่งกลมดิ๊กเข้าไปใหญ่ ผมชอบนะครับ น่ารักดี ถึงแฟนผมจะขี้งอนก็ไม่เป็นไรเพราะผมง้อเก่ง
          ผมวางแผนเอาไว้ว่าจะขอทำงานเก็บเงินซักสามปี ถึงตอนนั้นแฟนผมก็จะเรียนจบพอดี ผมจะขอเธอแต่งงาน ถ้าเธอยังไม่อยากแต่งผมก็จะขอหมั้นกันไว้ก่อน แต่ผมคงต้องฝ่าด่านพ่อตาให้ได้ก่อน เขายิ่งว่าคนใต้ดุอยู่ด้วย ไม่รู้เขาจะยกลูกสาวให้ผมรึเปล่า?
          เพราะแฟนผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เธอก็เลยต้องอยู่หอ แฟนผมเช่าหออยู่กับเพื่อน พอพวกเราเลี้ยงฉลองกันเสร็จแล้วผมก็เลยอาสาไปส่งพวกเธอสองคน ดึกแล้วถนนก็เปลี่ยว ให้กลับกันเองมันอันตรายครับ
          เราเดินผ่านซอยลัดที่ตัดใหม่เพื่อตรงไปยังหอพักพวกเธอ แต่เดินกันสามคนแบบนี้น้องเรไรเธอคงกลัวว่าตัวเองจะเป็นกขค. เลยแกล้งเดินนำหน้าพวกเราห่างไปพอสมควร ปล่อยให้ผมกับแขได้คุยกัน
          ในขณะที่ผมกำลังมีความสุขที่สุดในชีวิต กำลังเกี้ยวสาวว่าจะไปขอให้รอผม น้องเรไรเธอก็กรีดร้องขึ้น มีโจรกระชากกระเป๋าเธอ
          โชคดีที่ผมไหวตัวทัน ผมพุ่งเข้าไปขวางไอ้โจรนั่นไว้แล้วต่อยมันไปหนึ่งหมัด โจรกระจอกท่าทางผอมแห้งเหมือนคนติดยา ผมจัดการมันได้ไม่ยากแน่ๆ ผมถีบมันแล้วก็ต่อยซ้ำจนมันลงไปกองกับพื้น มันสู้ผมไม่ได้
          น้องเรไรเธอวิ่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ สีหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความตกใจ ส่วนแขแฟนผมก็รีบตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย
          ไอ้โจรนั่นโดนผมจัดการจนนอนกองอยู่บนพื้น ผมย่ามใจคว้ากระเป๋าจะส่งคืนให้น้องเรไร ผมหันไปหาน้องเขา แต่เสียงร้องตะโกนนั่นก็ทำให้ผมชะงัก
          “พี่พฤกษ์ระวัง!”
          และเมื่อผมหันกลับไป ความเจ็บแปลบตรงชายโครงก็ทำให้ผมชะงัก ผมถูกแทง มันถอนมีดออกก่อนจะกะซวกเข้ามาอีกหลายครั้ง ผมไม่เห็นอะไรนอกจากสีแดงที่ซึมอยู่บนเสื้อสีขาวของตัวเอง ความเจ็บปวดทำให้สติสัมปชัญญะผมเสียศูนย์ แต่หูผมยังได้ยินเสียงกรี๊ดของเรไรกับแขอยู่
          แต่เพียงไม่นานผมก็เริ่มไม่ได้ยินอะไรนอกจากความรู้สึกเย็นเฉียบที่ลามไปทั่วทั้งตัว น่าแปลกที่ผมหนาวแต่ผมรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อ เหงื่อผมหรือน้ำตาของใครกันแน่? ผมมองอะไรไม่ชัดแล้วครับ
          ตอนนี้คงเป็นผมเองที่นอนอยู่บนพื้น เพราะภาพที่ผมเห็นคือภาพของท้องฟ้าไร้ดาว มีเพียงต้นหูกวางที่กำลังผลัดใบเท่านั้นที่ขวางกั้นระหว่างผมกับฟ้า และสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ก็คือ ใบหูกวางสีน้ำตาลนั่นร่วงหล่นลงมาพร้อมๆ กับที่เปลือกตาผมปิดลง


✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃✾❃

 :heaven  สงสารพี่พฤกษ์  :heaven



ผมชอบพี่ขุน

          ครั้งแรกที่ผมเห็นพี่ขุนคือวันรับน้อง พี่ขุนเป็นผู้ชายที่ดูแล้วไม่มีอะไรสะดุดตาผมเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่สิ่งที่ทำให้ผมจำพี่ขุนได้คือสีหน้าเย็นชาที่มองมาทางผมแล้วพูดว่า “จะเอาลายเซ็นเหรอ เอาสมุดมาสิ” ทั้งที่ผมพึ่งลงทุนวิ่งไปตะโกนสารภาพรักพี่แกต่อหน้าคนทั้งโรงอาหารเพื่อล่าลายเซ็นพี่รหัสผม พี่ขุนสำคัญตัวเองผิด พี่ขุนไม่ได้สนใจผม พี่ขุนไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยด้วยซ้ำ พอแกเซ็นให้ผมเสร็จก็นั่งกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น ไม่แสดงอาการอะไรเลย จะว่าแกเขินแล้วเก๊กก็ไม่ใช่ สายตาแกไม่ได้มองผมเลยแม้แต่น้อย เล่นเอาผมเงิบไปพอสมควรเพราะมั่นใจว่าความหล่อของตัวเองคงทำให้พี่แกออกอาการได้บ้าง ผมนึกว่าเกย์จะกรี๊ดคนหล่อๆ ซะอีก ไหนพี่รหัสผมมันบอกว่าพี่ขุนเป็นเกย์ยังไงละ? แล้วทำไมพี่เขาเหมือนหุ่นยนต์แบบนี้ละคร้าบ?
          พี่ขุนแกมามหาลัยไม่ค่อยบ่อยเพราะแกติดฝึกงาน แต่หอพักแกอยู่หลังม. บางทีผมเลยได้เจอแกบ้าง ทั้งๆ ที่ผมอุตส่าห์ทักแกแต่แกกลับจำผมไม่ได้ซะงั้น แกทำหน้างงๆ แล้วก็พยักหน้าส่งๆ ให้รับรู้ว่าผมเป็นรุ่นน้องแกแค่นั้น เฮิร์ทนะครับนั่น ผมเคยบอกรักพี่เขาแท้ๆ พี่คร้าบคนหล่อมายืนตรงหน้าแล้วก็ช่วยกรี้ดหน่อยสิครับ พี่เป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ! ผมว่าพี่รหัสผมมันต้องโกหกแน่ๆ เกย์ที่ไหนทำไมมันถึงได้ไร้อารมณ์ยิ่งกว่ารูปปั้นแบบนี้ละคร้าบ? ไหนมันบอกว่าพี่ขุนแกล้งสนุกเพราะขี้หงุดหงิดชอบชักสีหน้าเวลาโดนล้อยังไงละครับ
          รู้ตัวอีกทีผมก็ชอบไปตามตื้อพี่แกเล่นซะแล้ว ถึงหลังๆ แกจะจำหน้าผมได้บ้างแต่ก็ยังไม่เคยจำชื่อผมได้ซักที เรียกผิดเรียกถูกตลอด ผมว่าพี่ขุนต้องสมองมีปัญหาแน่ๆ ครับ ต้องเกิดเออเร่อไรซักอย่างชัวร์ คนหล่อแบบผมคนนี้มีคนเดียวในโลกพี่แกยังจำไม่ได้อีก เวลาผมเข้าไปคุยก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างทำท่าเหมือนคนใจลอยตลอดเวลา ไม่สนใจผมเลย ผมต้องทำยังไงพี่แกถึงจะมองผมบ้าง? ซักวันผมจะทำให้สายตานั่นมาหยุดอยู่ที่ผมให้ได้!
          และแล้วผมก็รู้ข้อมูลเด็ดๆ บางอย่างมา พี่ขุนยังซิงครับ! เหลือเชื่อ! นึกว่าเสร็จพี่เซนไปแล้วซะอีก ผู้ชายอายุตั้งยี่สิบแล้วแต่ยังซิง แถมเป็นเกย์ด้วย ตามข่าวเขาว่าพี่แกไม่เคยมีแฟน มันแปลกมั้ยละครับ ทั้งๆ ที่แกก็ไม่ได้ปกปิดตัวเอง หน้าตาพี่แกก็ดี ถึงไม่ใช่แนวขาวตี๋หล่อล่ำแต่พอมองดีๆ แล้วตาโตๆ กับแก้มป่องๆ นั่นก็ออกจะน่ารัก ยิ่งเวลาแกชักสีหน้าใส่นี่แก้มจะยุ้ยมากครับ ผมอ่ะอยากจับแก้มพี่ขุนชะมัด แถมพี่แกยังตัวเล็กอีกด้วย ทำไมไม่มีใครนึกสนใจพี่เขาบ้างเลยน้า รอดมาได้ยังไงเนี่ย? เอาล่ะ! ผมตัดสินใจแล้วถึงพี่จะรอดมือคนอื่นแต่ไม่รอดมือผมแน่ๆ  ผมจะจีบพี่ขุน พูดให้ถูกคือผมอยากฟันพี่ขุน ถึงผมไม่เคยลองกับผู้ชายมาก่อนแต่ผมอยากเปิดซิงพี่ขุน!
          โชคเข้าข้าง! ผมเจอแกที่เซเว่นหลังมอพอดี ผมเดินเข้าไปทักพี่ขุน พี่แกจำผมได้แล้ว แต่ยังใช้เวลาสามวิในการนึกชื่อผม หน้าตอนขมวดคิ้วนึกชื่อผมโคตรน่ารักเลยครับ เพราะแกเตี้ยกว่าผมเยอะแกเลยต้องเงยหน้ามองผม มุมแบบนี้ชวนให้ผมอยากก้มลงไปจูบพี่แกจริงๆ ถ้าผมทำแบบนั้นผมจะได้เป็นเฟิร์สคิสของแกด้วยป่ะ?
          “อิฐ... ใช่มั้ย?”
          “โหยพี่ไรอ่ะ ทักกันกี่ทีพี่จำชื่อผมผิดทุกครั้งเลย อิคคร้าบ อิค”
          “ก็ชื่อน้องมันจำยากนี่”
          “แหม ใครจะชื่อแนวชื่อเท่แบบพี่ละคร้าบ ทักกันผิดแบบนี้ผมน้อยใจนะพี่ เลี้ยงน้ำผมเลย”
          พี่ขุนชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอึ้ง
          “ตลกแดกละนะ น้องไม่มีตังค์รึไงครับมาให้พี่เลี้ยงเนี่ย”
          “ใจร้ายอ่ะเพ่! ผมเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกับพี่นะ”
          “ผมมีรุ่นน้องรวมปีหนึ่งอย่างคุณด้วยก็ปาไปเกือบร้อยชีวิตละครับ สายกันก็ไม่ใช่ อย่ามาเนียนขอร้อง”
          “โอเค งั้นผมให้พี่เลือกก็ได้”
          “เลือกไรของน้องครับ”
          “หนึ่ง คือให้ผมเป็นผัวพี่ หรือสอง ให้พี่เป็นเมียผม พี่จะเลี้ยงน้ำผมด้วยฐานะไหนก็ตามใจเลย”
          “ไอ้เหี้ย!
          พี่ขุนตะโกนลั่นร้านเลย ฮ่าๆ สะใจจริงเว้ย! ผมว่าต่อไปนี้แกคงจำชื่อผมได้แน่ๆ สายตาตอนที่แกมองมาทางผมตาเขียวปั้ดแล้วก็หน้าแดงเถือกถึงคอแบบนั้นโคตรน่ารักเลย คอยดูเหอะ ผมจะต้องทำให้แกมองแต่ผมคนเดียวให้ได้!


❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴❄✴

 :impress2:  คุณน้องอิคข้ามรุ่นเยอะนะนั่น เกรียนใช้ได้เลย มิน่าพี่รุกข์รีบกลับมาขังน้องขุนไว้ทั้งคืน เหอๆ  :impress2:



แถมตอนพิเศษอีกสองตอน จะมีคนอ่านมั้ยน้อ จะมีคนชอบมั้ยน้อ  :mew2:
ถึงมันจะจบแล้ว แต่ก็ฝากพี่รุกข์น้องขุนไว้ในใจด้วยน้า มีคนแอบอมยิ้มตามเขาก็ดีใจละ
ป.ล. เขาไม่ได้แต่งแต่นิยายดราม่าปวดตับจริงๆ นะเออ แบบโลกสวยเขาก็มีนะ ฮ่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2014 23:03:50 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อยากจะขอตอนพิเศษชาติหน้าซักเล็กน้อยจะได้มั้ย  :o8:

พี่พฤกษ์กลายมาเป็นพี่รุกข์ อิคนี่จะมีบทในชาติหน้ามั้ยนะ

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :hao5: ง่ะะะะ อยากอ่านอีกกกกกก ได้โปรด  :mew2:

ออฟไลน์ luv_khun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบเนื้อเรื่องค่ะ เขียนดี แม้จะเป็นเรื่องสั้น
ขอตอนพิเศษ เป็นตอน ท่านรุกข์และขุนไปเกิดใหม่แล้วได้ไหม๊ค่ะ  นะนะ
 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อา... คนแต่งก็อยากเขียน แต่ยังนึกพล็อตไม่ออกเลยจ้า ขอให้เสร็จธุระกับพี่ชัชน้องต้นก่อนเนอะ อาจจะพล็อตแล่น ตอนสั้นๆ หรือตอนยาว ยังคิดไม่ออกเลยอ่า

แต่ขอบคุณทุกคนที่รักพี่รุกข์น้องขุนจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารักมว๊ากกกก

ขุนแบบซึนมากกก

แต่สงสารน้องอิคนะ น้องดูน่ารักดี ขอให้เจอคนดีๆน้าา

คุณรุขท่านขุนไปเกิดเป็นคู่กันแล้วก็อย่าทะเลาะอย่ากวนกันนะค้าา รักกันยาวๆเลยย

 :pig4:

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกดีครับ เนื้อเรื่องแปลกดี รุกข์ เท่ ขุน น่ารัก

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่าจะมาต่อเรื่องชาติหน้าอีกสักนิดดดด  อยากกอ่าน :ling1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce


มาแจ้งว่า AzureICE เปิดเพจใหม่แล้วเน้อ เชิญไปกดไลค์กันได้ตามอัธยาศัย

"แค่ 1like ของท่านก็เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนได้อื้อเลยจ้า"


ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ เล็กต้มยำพิเศษไม่ไส่ผัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบคะขอตอนพิเศษ อิคกับเซนนะคะ :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ฮ่าๆ แปลกแหวกแนวสุดๆ ซึ้งแบบแปลกๆอะ แต่ชอบนะครับผู้แต่ง

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
เพิ่งมาเจอเรื่องสั้นน่ารักมากเลย
อยากอ่านชาติหน้าอ่ะจะมาเจอกัน
ในรูปแบบไหนนะเนี่ยคู่นี้

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
กราบขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะมาอ่านนิยายเรื่องนี้ของกระผม ยิ่งถ้าหากท่านติดตามกระผมมาจากเรื่องอื่นแล้วไซร้กระผมมีความปรีดีเป็นอย่างยิ่ง คือปลื้มอ่ะขอรับ
 o1 :pig4:

แวะมาฝากข่าวว่า ใครที่รออวยพี่รุกข์ อย่าลืมแวะไปอ่าน เมื่อผม เห็นเขา ..... อุ้มท้อง!(?) ถือชะลอม เข้ากรุง นะขอรับ พี่ท่านอาจจะได้กลับมาเร็วๆ นี้
เริ่มปฏิสนธิแล้วล่ะขอรับ (ก็ "จุติ" แปลว่า "ตาย" อ่ะ)

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อ่าาาาาาาาาาาาา  ขอตอนพิเศษในชาติหน้าได้มั้ยอ่าาา อยากรู้จังว่าขุนจะได้เสียพรหมจรรย์สมใจมั้นนนน :m26: :m26:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักกกกกอะ
ชูป้ายไฟFCพี่รุกข์

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ Sunset and Eeyore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักนะคะ ขอให้เกิดมาคู่กัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด