ตอนที่ 39
หนีไปเพื่อลืม
เวลาตี 4 โดยประมาณ ผู้คนยังคงนอนหลับใหล แต่ร่างบางก็ตื่นขึ้นมาหลังจากที่ร้องไห้จนหลับไปตั้งแต่เมื่อวาน นี้ ปลายฝันลุกขึ้นเปิดไฟในห้องเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัว แต่จังหวะที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ปลายฝันก็เหลือบมองกระเป๋าเดินทางที่ตัวเองเก็บเสื้อผ้า ของใช้เข้าไปตั้งแต่เมื่อวานเพื่อจะหนีออกไปจากที่นี่ ถอนหายใจแล้วตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไป
คิดดีแล้วล่ะปลายฝัน ช่วงปิดเทอมนี้เราควรที่จะไปให้ไกลจากที่นี่ ไปให้ไกลจากพวกเขา ไปเพื่อลืม เพื่อทำใจ และเพื่อตัวเอง...
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วปลายฝันก็ไม่ลังเลและอาลัยอาวรณ์กับการจากไปเลยสักนิด เพราะท้ายที่สุด เปิดเทอม เขาก็ต้องกลับมา
เผชิญหน้ากันอยู่ดี...
ปลายฝันที่เดินออกจากบ้านมาแล้วหันไปมองบ้านใหญ่อีกทีอย่างรู้สึกเศร้า ร่างบางไม่อยากทิ้งไป โดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ แต่
ถ้าบอกดีๆอิสระกับคุณหญิงคงจะไม่ให้ออกไปแน่ๆ เลยทิ้งแค่จดหมายไว้แค่บนหัวเตียงเท่านั้น ใบหน้าหวานหันกลับมามองถนน
อย่างตัดใจ และตัดสินใจก้าวเดินต่อไปยังหน้าซอย เพื่อโบกแท็กซี่ไปยังสถานีขนส่ง
ถ้าทุกคนตื่นมาแล้ว และไม่เจอปลายฝัน ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาจะไปไหน เพราะจดหมายไม่ได้บอกอะไรไว้เลยนอกจากคำว่า
ขอโทษ
“ขอให้การไปของดรีมครั้งนี้ ทำให้ดรีมสามารถเลิกรักพวกเขาด้วยเถอะ”
“อย่าให้ดรีมต้องเจ็บปวดอีกเลย สูญเสียมามากพอแล้ว”
“ดรีมขอให้พี่ดินพี่เพลิงมีความสุขมากๆ นะฮะ ดรีมรักพวกพี่”
…
…
…
ปฐพีกับอัคนีเดินทางมาที่บ้านใหญ่ของอภิหชัยบดินทร์เพื่อมาหาปลายฝัน เพราะกลัวว่าร่างบางคิดมากจนโกรธข้ามวันข้ามคืน
และก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อที่จะปกปิดความลับต่อไป แต่ทั้งนี้ สาเหตุที่แท้จริงของการมาหาปลายฝันที่บ้านไม่ใช่
เพราะกลัวร่างบางคิดมาก แต่ทนคิดถึงไม่ไหวแล้วต่างหาก
“แม่ครับ ดรีมตื่นหรือยัง” อัคนีถามผู้เป็นแม่ยิ้มๆ
แต่ใบหน้าของพ่อกับแม่ และคนสนิทของแม่ต่างก็ทำหน้าเครียด ไม่มีอาการดีใจที่เห็นพวกเขากลับมาบ้านเลยสักนิด เพราะปกติ
แล้วจะต้องวิ่งต้อนรับเป็นอย่างดี
“ยังจะมาถามอีกหรือ” อิสระถามเสียงเรียบ จนปฐพีกับอัคนีหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ปฐพีถาม
“พร เอาให้เขาดูหน่อย” คุณหญิงหันไปสั่งคนสนิทของตน ซึ่งหัวหน้าแม่บ้านก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับปฐพี ซึ่งร่างสูงก็กาง
ออกเพื่ออ่าน
แต่ข้อความด้านในทำให้ปฐพีล้มทั้งยืน
“ดรีม” ร่างสูงพึมพำ จนอัคนีกระชากเอาไปอ่านด้วยความอยากรู้ แต่เมื่อได้รับรู้ เขาก็ขยำกระดาษนั้นแล้วปาทิ้งทันที
“ตอนไหน!” อัคนีถามเสียงเครียด
“ฉันไม่รู้” อิสระตอบ
“โธ่เว้ย!!”
“คิดจะหนีพี่หรือดรีม” ปฐพีคำรามลอดไรฟัน
“มันไม่ง่ายแบบนั้น” อัคนีพึมพำเสียงเข้ม
ร่างสูงเตรียมตัวหันหลังให้ เพื่อที่จะออกไปตามตัวร่างบางกลับมา แต่เสียงเข้มของอิสระก็ห้ามปรามเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรล่ะครับพ่อ” อัคนีหันมาถามเสียงหงุดหงิด
“แกไปตอนนี้ก็ไม่เข้าใจกันเปล่าๆ แกรู้ไหมว่าเมื่อวานหนูดรีมร้องไห้หนักขนาดไหน คิดมาก เสียใจและเจ็บปวดแค่ไหนที่พร่ำ
บอกว่าแกสองคนไม่รัก บอกว่าแกกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมกว่า หนูดรีมเขาก็เห็นดี และเสียสละขอถอยไปเอง แก
รู้ไหมว่าหนูดรีมให้คำตอบแล้วว่าเขาจะไม่แต่งงานกับพวกแก เพราะมันเป็นเงื่อนไขที่ตกลงกับพวกแกตั้งแต่แรกแล้ว”
“แต่ดรีมเขาใจผิดนะพ่อ” อัคนีเถียง
“แกสองคนก็รู้ว่าเข้าใจผิด แล้วทำไมไม่มาอธิบาย”
“ผมไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้”
“ตาดิน พ่อเคยบอกแล้วไง ว่าไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ควรที่จะพลาด แล้วเป็นไง จากที่จะได้เมียดีๆ กลับจะได้น้องซะงั้น” อิสระ
บอกด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“หมายความว่ายังไงครับ” อัคนีถาม
“แกสองคนมีข้อตกลงกับหนูดรีม ฉันก็มีข้อตกลงเหมือนกัน ถ้าไม่แต่งก็ต้องเป็นลูกบุญธรรม และหนูดรีมก็เลือกแล้วด้วย”
“ผมไม่ยอม!!” ทั้งคู่ตะโกนพร้อมกัน
“เพราะ?”
“ผมไม่มีทางที่จะให้เมียของตัวเองมาเป็นน้องหรอก” ปฐพีบอกเสียงจริงจัง
“หมายความว่ายังไง” อิสระถามลูกชายเสียงเข้ม
“ก็หมายความว่าพวกผมได้ดรีมเป็นเมียมาหลายครั้งแล้วไงพ่อ” อัคนีตอบ
“พวกแกมัน...” อิสระทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดการลูกชาย แต่คนเป็นภรรยาก็คว้าตัวเอาไว้ได้ก่อน
“ใจเย็นๆ สิคะคุณพี่”
“เย็นได้ยังไงล่ะคุณหญิง ดูมันสองคนทำกับหนูดรีม ไม่รักเขาแต่ดันไปทำแบบนั้นกับเขานี่นะ ฉันบอกแกแล้วไงว่า ถ้าไม่รักก็อย่า
ทำร้าย!!” อิสระตะคอก
“แล้วใครบอกว่าพวกเราไม่รัก” ปฐพีถาม
“นี่รักจนจะบ้าตายแล้วนะพ่อ” อัคนีพูด
“แล้วเพราะอะไรหนูดรีมเขาถึงร้องห่มร้องไห้ บอกว่าพวกแกจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่น”
“คืออย่างนี้ครับพ่อ...”ปฐพีที่เห็นทีว่าไม่ควรจะปิดพ่อกับแม่ของตนก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ท่านทั้งสองฟัง ซึ่งท่านทั้งสองก็
ตกใจเหมือนกันที่พวกเขาคิดจะทำอะไรแบบนี้ แต่ก็ยินดีและเห็นด้วยกับลูกชายของตนขึ้นมาแทน ฝ่ายผู้เป็นมารดาที่เครียดมา
ตั้งแต่เมื่อวานก็ยิ้มออก
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับพ่อ” อัคนีที่ช่วยปฐพีเล่าเรื่องเมื่อวานบอก
“หนูดรีมไปที่นั่นมาสินะ” อิสระคาดเดาสถานการณ์
“ประมาณนั้นแหละครับพ่อ แล้วนี้พวกผมไปตามดรีมได้หรือยัง” ปฐพีถามอย่างร้อนใจ
กลัวว่าคนตัวเล็กจะไปไหนไกล ไกลเกินกว่าที่พวกเขาไปถึง...
กลัวว่าระหว่างทางจะเจอคนไม่ดีทำร้ายเอา กลัวไปหมด...
“แล้วพวกลูกรู้หรือจ้ะว่าหนูดรีมเขาอยู่ที่ไหน” คนเป็นแม่ถามอย่างสงสัย
“ผมตรวจดูจากสัญญาณ GPS จากโทรศัพท์น้องเอาครับ” อัคนีตอบ
“ดีจ้ะ” คนเป็นแม่ยิ้ม
“แต่ฉันว่าพวกแกอย่าเพิ่งไปวันนี้ดีกว่า ทำทุกอย่างที่แกคิดว่ามันถูกให้เสร็จไปเสียก่อน ยังไงก็จัดการเรื่องธารากับวาโย แล้ว
เปลี่ยนแผนใหม่ซะ เพราะจะให้หนูดรีมมาที่นี่ มันก็ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้...หาสถานที่ที่หนูดรีมอยู่ให้เจอ แล้วก็ใช้ตรงนั้นเป็น
สถานที่ซะ!” อิสระแนะนำ
เพราะเห็นทีว่าจะต้องช่วยเสียแล้ว ไม่ช่วยไม่ได้ เพราะปลายฝันเป็นคนที่หัวแข็งอยู่พอสมควร กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้มาอยู่ด้วย
ให้มาเป็นคู่หมั้นของลูกชายได้
“ผมจะทำตามพ่อครับ” ปฐพีบอก
“แล้วผมก็จะหาตำแหน่งของน้องให้เร็วที่สุด” อัคนีพูด
“ก็ดี! ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกแกก็ทำเรื่องรับธารากับวายมาเป็นลูกบุญธรรมซะ แล้วรับมาอยู่กับพวกฉัน” อิสระสั่ง
“ผมก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะครับ” ปฐพีบอก
“ว่าแต่สำหรับพ่อกับแม่ จะไม่เสียใจแน่ๆ ใช่ไหมครับที่ผมสองคนไม่มีทายาทมาสืบทอด” อัคนีถามเพื่อความแน่ใจ
เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาสองคนก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากปลายฝัน
“พ่อกับแม่เลือกแล้ว แล้วใครว่าเราจะไม่มีหลานล่ะจ้ะ ธารากับวาโยก็น่ารักนะ แม่ว่าต้องเป็นเด็กดี กตัญญูแน่ๆ” คุณหญิงบอกลูก
ตัวเองยิ้มๆ
“พวกแกเองนั่นแหละ มั่นใจแล้วใช่ไหม” อิสระถาม
พวกเขาสองคนมองหน้าสบตาคมของบิดาของตนอย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่ ก่อนจะตอบพร้อมกันออกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“มั่นใจที่สุดครับ!!!”
…
…
…
ปลายฝันเกิดที่กรุงเทพฯ ไม่เคยเดินทางไปต่างจังหวัดเลยสักครั้ง เว้นเสียแต่ว่าทางโรงเรียนพาไปทัศนะศึกษา แต่นั่นก็ไปเป็น
หมู่คณะ จึงไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนดี คิดได้อยู่แค่ที่เดียว ที่ที่เขาเคยมากับปฐพีและอัคนี
‘เพชรบูรณ์’
“อากาศตรงนี้เขาบอกว่าเย็นตลอดทั้งปี ทั้งๆ ที่ตอนนี้เป็นฤดูร้อน” ร่างบางพึมพำ มองไปรอบๆ อย่างเหนื่อยใจ เขาเดินทางขึ้นมา
ที่ได้ โดยจ้างรถประจำทางมายังสถานที่ที่เคยมีความสุขร่วมกันอีกครั้ง ปลายฝันคิดถึงที่นี่เป็นที่แรก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นบ้าน
เกิดของแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ...
ครั้งหนึ่งเขาเคยมากับบุคคลซึ่งเป็นที่รักทั้งสอง อย่างปฐพีกับอัคนี
ปลายฝันเลือกที่จะพักที่เดิม โดยที่ติดต่อรามินทร์เจ้าของรีสอร์ทไปเมื่อเช้านี้ ซึ่งรามินทร์เองก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง
พร้อมกับให้ปลายฝันทำงานในร้านอาหารตามที่ปลายฝันขอด้วย นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่รามินทร์คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ประหนึ่ง
ว่าเขาไม่ใช่พนักงานแต่เป็นลูกค้าคนสำคัญ
“พักที่บ้านหลังเดิมก็ได้นะครับ” รามินทร์บอก
“ว่างอยู่หรือครับ” ปลายฝันถาม
“ว่างสิครับ”
“ถ้างั้นก็เอาห้องเดิมก็ได้นะครับ”
“แล้วนี่จะอยู่นานแค่ไหนล่ะครับเนี่ย” เจ้าของรีสอร์ทถามยิ้มๆ
“ก็ประมาณเดือนกว่าๆ น่ะครับ”
“โอเคครับ ส่วนเรื่องทำงาน แล้วแค่คุณดรีมเลยนะครับ อยากไปตอนไหนก็ไป อยากจะออกกี่โมงก็ออก ไม่ต้องจริงจังมากก็ได้
นะครับ เพราะพนักงานก็เยอะอยู่แล้ว ค่าตอบแทนก็จะได้เท่ากับพนักงานนะครับ ส่วนค่าที่พัก ก็แบบเหมาที่คุณจ่ายมาล่วงหน้า
แล้ว พักตามสบายไปเลยนะครับ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ว่าแต่ทำไมมาคนเดียวล่ะครับ” ถามอย่างสงสัย
“เอ่อ...พอดีว่าพวกพี่เขางานยุ่งน่ะครับ” รามินทร์ไม่ถามอะไรต่อ เพราะสังเกตท่าทีอึดอัดของร่างบางได้เป็นอย่างดี คิดในใจว่า
ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
จนตอนนี้เขาไม่ได้สนใจปลายฝันไปมากว่าคำว่าเพื่อนแล้ว เพราะตอนนี้รามินทร์มีอะไรที่สนุกและน่าสนใจกว่าเยอะอยู่แล้ว
“ไอ้ราม!! มึงมันชั่ว...นี่มึงสั่งให้กูไปล้างห้องน้ำลำบากๆ แต่มึงมาม่อหนุ่มหน้าตาน่ารักๆ แบบนี้นี่นะ อย่าทำเหมือนกูเป็นขี้ข้ามึง
นะเว้ย!” หนุ่มหล่อร่างสูง ผิวขาว ราวกับลูกครึ่งจีนเดินเข้ามาด่ารามินทร์ด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ
“เรื่องของกู มึงไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่กู” รามินทร์หันไปตะคอกใส่
“ทำไมๆ กูจะด่ามึง จะตะโกนใส่มึง จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามึงมันชั่วแค่ไหนที่จับกูมา!!” หนุ่มหล่อพูดขึ้นมาจนปลายฝันขมวดคิ้ว
อย่างสงสัย
“อะไรนะครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกคุณดรีม ลูกน้องของผมมันค่อนข้างก้าวร้าว ไม่ค่อยมีใครสั่งสอน” รามินทร์หันมาอธิบาย
“มึงมันชั่วไอ้ราม ฮึ่ย! กูเกลียดมึง! ส่วนนาย...ระวังมันจะหลอกเอาอีกคนล่ะ” ชายหนุ่มพูดเตือนจบก็เดินหนีไปทันที ทำให้ปลาย
ฝันรู้ว่าด้านหลังของผู้ชายคนนี้เหมือนผู้หญิงมากเพราะมีผมยาวประบ่าแต่มัดเอาไว้ และสูงกว่าในแบบผู้ชายเท่านั้นเอง และสูง
พอๆ กับรามินทร์ หากแต่ความหนาของลำตัวไม่เท่ากัน คนที่เพิ่งเดินออกไปนั้นค่อนข้างจะดูเป็นคุณหนูอยู่มาก
ทำไมมาคราวที่แล้วเราไม่เห็น
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตามผู้ชายคนนั้นไปด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์จนปลายฝันอดที่จะกลัวไปได้ แต่
ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาก็เดินไปยังห้องที่เขาเคยมาพักที่นี่ทันที
หวังว่า...การมาอยู่ที่นี่ของเขา มันจะสามารถลืมความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ปฐพีและอัคนีไปได้...
ปลายฝันเดินเล่นอยู่แถวๆ ลำธารที่เขาเพิ่งจะรู้ว่าที่นี่มี เลยคิดว่ามาเดินเล่นเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน ซึ่งรามินทร์บอกว่าตรงลำธาร
นี้ไม่ได้เปิดให้ใครมาท่องเที่ยว แต่เป็นที่ส่วนตัวที่อยู่ลึกลงมาอีกจากรีสอร์ท ซึ่งมันจะมีบ้านพักไม้สวยๆ ที่เข้ากับธรรมชาติอยู่
หลังหนึ่ง และมันก็เป็นบ้านพักของรามินทร์ด้วย
“เอ่อ...มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ปลายฝันถามผู้ชายที่ไปต่อว่ารามินทร์เมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเห็นว่า
ร่างสูงกำลังซักผ้าที่เยอะมากๆ อยู่ตรงโขดหินใหญ่ คนถูกถามหันมามองปลายฝันอย่างตกใจ
“นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“เอ่อ...คุณรามินทร์ให้ผมมาเดินเล่นได้น่ะครับ”
“เฮอะ!! คงสำคัญกับมันล่ะสิ” หันไปซักผ้าต่อ
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมก็แค่เคยเป็นลูกค้าของที่นี่น่ะครับ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรหรือครับ” ปลายฝันถามอย่างต้องการตีสนิท เพราะอย่าง
น้อยก็อยากมีเพื่อนที่นี่ แม้ว่าเขาจะไม่อยากเป็นเท่าไหร่ก็ตาม
“พี่?” หันมาขมวดคิ้วสงสัย
“ก็ผมอายุแค่ 20 กว่าๆ เองนะครับ” ปลายฝันบอกยิ้มๆ ซึ่งคนตรงหน้าก็พยักหน้าน้อยๆ
“ถามชื่อฉันแต่ไม่คิดจะแนะนำตัวเองนี่นะ”
“เอ่อ...ขอโทษนะฮะ ผมชื่อดรีมครับ ปลายฝัน สุขสวัสดิ์” ร่างเล็กแนะนำตัว
“ปลายฝัน สุขสวัสดิ์” พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะคิดได้ว่าชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อน และนึกออกว่าเคยเห็นตามข่าวและใน
โทรทัศน์
คู่หมั้นของผู้สืบทอดอภิหชัยบดินทร์
“ฉันชื่อ อินทัช เรียกว่า ‘อิน’ ก็ได้” แนะนำตัวเองออกมาน้อยๆ ไม่เชิงกับว่าจะเป็นศรัตรู และไม่เชิงว่าจะเป็นมิตร
“ครับพี่อิน”
ตีสนิทเลยนะ แต่ช่างเถอะ เป็นเด็กไมมีพิษมีภัยอะไร
“แล้วไอ้รามล่ะ” ถามหาอีกคน
“ไม่รู้สิครับ คุณรามินทร์แค่บอกว่ามาเดินเที่ยวที่นี่ได้ ผมก็ลองมาแล้วมาเจอพี่อินกำลังซักผ้าอยู่นี่ล่ะฮะ ว่าแต่ทำไมเสื้อผ้าพี่เยอะ
จังเลย”
“เยอะบ้าอะไรล่ะ นี่ของคนงานทั้งหมดเลยเถอะ” ตอบเสียงแค้น
“อ้าว? ทำไมพี่ถึงได้เอาของคนอื่นมาซักล่ะครับ” ปลายฝันถามอย่างสงสัย
“ก็มันสั่งไง ถ้าไม่ทำตามมันเดี๋ยวมันจะซ้อมเอา”
“คุณรามินทร์โหดขนาดนี้เลยหรือครับ” ถามออกไปอย่างกลัวๆ
“ไม่กลัวหรอก มันทำกับฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ”
ถ้าปลายฝันสังเกตไม่ผิด เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาเห็นสายตาเศร้าๆ มาจากอินทัชด้วย แต่ก็เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น จนมันทำให้เขา
เริ่มรู้สึกแปลกๆ ระหว่างรามินทร์กับอินทัชขึ้นมา
แต่มันเป็นเรื่องของพวกเขา ปลายฝันก็จะไม่เข้าไปยุ่ง
“ให้ช่วยไหมฮะ” ถามด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องหรอก ขืนให้นายมาช่วยฉันจะโดนทำโทษหนักน่ะสิ กลับไปเถอะ หรือเดินเล่นต่อก็ได้ แต่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันก็พอ” คน
ตัวสูงกว่าไล่
“แต่ว่า...”
“ใช่แล้วล่ะครับคุณดรีม อย่าไปช่วยคนอย่างนั้นเลยล่ะครับ ขึ้นไปหาอะไรทานกับผมดีกว่าไหม มีเรื่องงานจะพูดด้วยน่ะครับ” รามิ
นทร์ที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน เดินเข้ามายืนข้างๆ กับปลายฝัน แล้วมองอินทัชอย่างเยาะเย้ย
“อ่า...งานอะไรหรือครับ”
“งานสำคัญมากๆ เลยน่ะครับ”
“โอเคครับ งั้นพี่อิน เดี๋ยวคุยกันใหม่นะฮะ” ปลายฝันหันไปพูดกับอินทัช แต่คนที่ร่างบางพูดด้วยก็ไม่สนใจ หันไปซักผ้ากองใหญ่
ต่ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
จะพากันไปไหนก็ไป...
รามินทร์พาปลายฝันไปนั่งที่ศาลาในสวนดอกไม้ของรีสอร์ท ก่อนที่ปลายฝันจะเริ่มถามถึงงานที่รามินทร์จะให้เขาทำอย่างตื่นเต้น
“จะให้ผมทำงานอะไรหรือครับ”
“คืออย่างนี้ครับคุณดรีม อาทิตย์หน้าจะมีการจัดงานแต่งงานของเศรษฐีคนหนึ่ง แค่คนรักของเขายังไม่รู้ แต่แอบหนีมาที่นี่น่ะครับ
เลยอยากจะเซอร์ไพรส์และจัดงานแต่งงานไปเลย อยากจะให้คุณดรีมช่วยเป็นแม่งานให้หน่อยน่ะครับ ถึงเขาจะมีทีมงานอยู่แล้ว
แต่เขาก็อยากให้ทางเราช่วยออกแบบอีกแรงหนึ่ง” รามินทร์พูดบอกยิ้มๆ
“งานแต่งที่นี่หรือครับ ท่าทางจะโรแมนติกมากเลย” ร่างบางพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปนอิจฉานิดๆ แต่คิดแล้วว่าเรื่องระหว่างพวกเขามันคงเป็นไปไม่ได้
“ครับ งานท่าทางจะใหญ่มาก เพราะเขาโทรมาจองสถานที่ไว้แล้ว ประมาณ 4 วันก่อนวันงานจริงทีมงานเขาจะมาเซ็ทฉาก อุปกรณ์ต่างๆ แล้วล่ะครับ”
“แล้วงานนี่วันไหนครับ”
“วันอาทิตย์หน้าครับ” รามินทร์ตอบยิ้มๆ
“อีกตั้ง 1 อาทิตย์กว่าๆ น่ะครับ แล้วอย่างนี้ผมจะทำได้หรือครับ” ถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“ผมเชื่อมั่นในตัวคุณนะครับ คุณอยากให้มันเป็นแบบไหนก็จัดการได้เลยนะครับ”
“ให้ผมออกแบบนี่นะ”
“ครับ”
“มันจะดีหรือครับ ผมไม่เคยทำงานแบบนี้นะครับ”
“แต่ผมเชื่อว่าเจ้าของงานจะต้องชอบมากแน่ๆ เอาเป็นว่าให้คิดเสียว่าเป็นงานของตัวเอง รับรองว่าคุณจะต้องตั้งใจขึ้นมาอีกแน่ๆ
เลยล่ะครับ” รามินทร์ให้กำลังใจ
เขาคิดว่ามันคงไม่มีวันนั้น แต่ก็จะนำความต้องการของตัวเอง ไปใส่ในงานแต่งงานของคนอื่นก็ได้ เพราะยังไงแล้ว เขาคงจะไม่มี
โอกาสนั้นแน่ๆ
“ก็ได้ครับ ผมจะลองดู”
“ถ้างั้นเมื่อทีมงานของเขามาถึง เดี๋ยวผมจะติดต่อคุณดรีมให้มาพูดคุยรายละเอียดอีกทีนะครับ ประมาณวันพุธนะครับนะครับ ก่อน
วันจริง 4 วันคงจะทัน”
“โอเคครับ” พยักหน้าตอบรับไปด้วย
รามินทร์มองหน้าปลายฝันยิ้มๆ ซึ่งร่างบางเองก็ส่งยิ้มน้อยๆให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งคุยเรื่องราวจิปาถะมากมายอย่างสนุกสนาน เข้า
กันได้ดีแม้ว่าจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
เพราะอย่างน้อย เขาก็พูดคุยกันถูกคอในเรื่องของธรรมชาติ...
...
...
...
(มีต่อ)