ตอนที่ 32
ออกงาน
หลังจากวันที่ไปเที่ยวครั้งนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ปลายฝันเองก็เรียนภาคเรียนที่สองมาได้เกือบจะจบปีหนึ่งแล้วซึ่งมีเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทั้งสามคนจะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตแบบปกติมาเรื่อยๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นมาก สุดแสนจะธรรมดา ทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งแต่แน่นแฟ้นเข้าไปอีก
ตกเย็นหลังจากที่ปลายฝันกลับมาจากมหาวิทยาลัย ปฐพีกับอัคนีก็อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยอย่างกับจะไปงานอะไรสักอย่าง จนปลายฝันต้องถามออกมาอย่างสงสัย
“จะไปไหนกันหรือฮะ”
“ไปงานวันเกิดของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทน่ะ”
“บริษัทพี่ดินหรือ”
“ก็ทั้งของพี่และก็ของไอ้เพลิงนั่นแหละ เขาเป็นนักธุรกิจที่นำเข้ารถเหมือนอย่างพี่นี่แหละ และก็ธุรกิจโรงแรมด้วย แต่ไม่ได้มีฐานลูกค้าเท่าของพวกพี่หรอก เพราะเขานำเข้าผ่านบริษัทพี่”
“ส่วนธุรกิจโรงแรมของเขา บริษัทพี่ก็สร้างและออกแบบให้น่ะ”
“ก็แล้วทำไมต้องไปล่ะฮะ”
“ก็เขาเชิญมาน่ะสิ แล้วไอ้พัฒน์มันก็ตอบรับไปน่ะ แต่เพื่อเป็นการสร้างพันธมิตรก็ต้องไป” ปฐพีตอบ
“ที่จริงพี่ก็ไม่ได้ชอบอะไรนักหรอก แต่ลูกค้ารายใหญ่เขาเชิญมาก็ต้องไปเป็นมารยาท” อัคนีบอก
“ดีแล้วล่ะฮะ...ถ้างั้นวันนี้ก็ไม่ทานข้าวเย็นใช่ไหมฮะ”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละ”
“แล้วงานเลิกกี่โมงล่ะครับ”
“ก็ดึกอยู่นะ” อัคนีตอบ
“อ่อ...ถ้างั้นดรีมก็ไม่ต้องรอใช่ไหมฮะ”
“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง” ปฐพีถามกลับ ไม่ตอบคำถาม
“ก็เรียนเช้าน่ะ”
“ถ้างั้นจะพยายามออกมาก่อนสี่ทุ่มก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้พี่ดิน ดรีมนอนก่อนก็ได้”
“แล้วใครบอกว่าพี่จะไปกันแค่สองคน” อัคนีพูดขึ้น
“อ้าว? เอาดรีมไปด้วยหรือ?” ถามด้วยความไม่เข้าใจ สมองประมวลอะไรไม่ค่อยได้
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แล้วพาดรีมไปนี่ไม่กลัวเสียหน้าหรือไง ไม่เคยไปงานอะไรแบบนั้นด้วย แล้วนี่ต้องเป็นพวกไฮโซทั้งนั้นด้วย ไม่เอาหรอก ดรีมไม่
ไป ตีสองหน้าไม่เป็น” คนตัวเล็กปฏิเสธแบบเด็ดขาด
ก็เขาไม่อยากไปในที่แบบนั้น รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของตัวเอง
“ต้องไป!! ไม่หัดแล้วมันจะเป็นไหม” ปฐพีบอกเสียงดุ
“พี่ดิน ไม่เอานะ ยังไงก็ไม่ไป” คนตัวเล็กเถียง
“ดรีมอย่าดื้อ พี่บอกให้ไปก็ต้องไป”
“พี่เพลิงอ่ะ นี่ไม่อยากไปจริงๆ นะ อย่างบังคับกันได้ไหม”
“ไม่มีการใจอ่อนอะไรทั้งนั้นนะวันนี้ ดรีมต้องฟังพวกพี่บ้างแล้ว ปล่อยมามากไปแล้ว พี่บอกให้ไปก็ต้องไป ไม่มีต่อรอง”
เมื่อเจอปฐพีดุเข้าให้ ปลายฝันก็เม้มปากบางของตัวเองแน่นอย่างไม่กล้าเถียง เพราะรู้ดีว่า ถ้าหากปฐพีโมโหเป็นยังไง แต่ถ้าตัวเองเถียงหรือไม่ยอมตอนนี้ สู้พวกเขาไม่ได้แน่ๆ
“ไปก็ได้ ชิ!!”
“ก็ไปแต่งตัวเลย เตรียมชุดไว้ให้แล้วในห้องนั่นแหละ” อัคนีบอก
“คอยดูจะฟ้องคุณพ่อ”
ปลายฝันพูดไป เดินกระทืบเท้าไปยังห้องตัวเองอย่างโมโห ก่อนที่อัคนีจะตะโกนตามหลังมา เล่นเอาปลายฝันแพ้หมดรูปเลย
“ก็พ่อนี่แหละที่ให้พวกพี่พาดรีมไป”
พอรู้แบบนี้แล้ว ก็โกรธอะไรไม่ลง เพราะว่าเป็นคำสั่งของผู้มีพระคุณ ยังไงปลายฝันก็ต้องทำตามอยู่แล้ว แม้จะไม่เต็มใจก็เถอะ เพราะท่านคงมีเหตุผลที่ให้พาไป
…
…
…
ร่างบางที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเข้ารูปเดินเข้าไปในงานวันเกิดลูกค้ารายใหญ่ของอภิหชัยบดินทร์ โดยเดินอยู่ตรงกลางระหว่างชายสูงใหญ่ทั้งสองอย่างปฐพีและอัคนี นักข่าวที่มาทำข่าวจากหลายๆ ที่ก็ถ่ายภาพพวกเขารัวๆ เพราะกลัวจะพลาดภาพเด็ดๆ นี้ไป
เพราะตั้งแต่ที่มีการหมั้นและผ่านมาแล้วเกือบ 8 เดือน นี่ก็ถือว่าเป็นการออกงานครั้งแรกของทั้งสามคนเลย และไม่ใช่เพียงแค่นั้น หลังจากนั้น ปฐพีและอัคนีก็ไม่เคยออกงานเลย ปฏิเสธที่ร่วมงานทางสังคมมาโดยตลอด แต่คราวนี้พวกเขาได้มีโอกาสเห็นทั้งสามคนมาร่วมงานด้วยกัน ก็พากันถ่ายรัว จนไม่สนไฮโซคนอื่นๆ เลย
“สวัสดีครับคุณปกรณ์” อัคนีเอ่ยทักเจ้าของวันเกิดด้วยสีหน้านิ่งๆ
“สวัสดีครับคุณปฐพี คุณอัคนี ดีใจจริงๆ ที่คุณสองคนมาร่วมงานวันเกิดผมในวันนี้” เจ้าของวันเกิดผู้สูวัยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีครับ นี่ปลายฝัน คู่หมั้นของเราครับ” ปฐพีแนะนำคนตัวเล็ก
“สวัสดีครับ” ร่างบางยกมือไหว้คนอายุมากกว่าด้วยความนอบน้อม เจ้าของวันเกิดก็รับไหว้ยิ้มๆ
“หน้าตาดีขึ้นนะครับ เพราะตอนงานหมั้นนี่ยังดูเป็นผู้ชายมากกว่านี้เลย มาเห็นครั้งนี้ หน้าตาสวยขึ้นนะ” ปลายฝันยิ้มแห้งๆ ให้กับชมนั้น
ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาหน้าปฐพีกับอัคนีล่ะก็ ปลายฝันคงด่าไปแล้ว
“ขอบคุณครับ”
“นี่เป็นของขวัญของพวกเราสามคนนะครับ ไม่รู้ว่าจะคุณจะชอบหรือเปล่า” อัคนีบอกพลางยื่นกล่องของขวัญขนาดพอดีมือไปให้เจ้าของวันเกิด
“ขอบคุณมากเลยครับ ผมว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็น่ายินดีที่คุณสองคนเลือกให้”
“ไม่ขนาดนั้นครับ”
“อย่าถ่อมตัวเลยครับคุณปฐพี”
“ยังไงก็หวังจะชอบของขวัญนี้นะครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ยินดีครับ”
“ยังไงเชิญคุณปฐพีกับคุณอัคนีและคู่หมั้นเชิญนั่งที่โต๊ะที่ทางเราจัดไว้ได้เลยนะครับ” ปกรณ์บอก ก่อนจะเรียกลูกน้องตนให้มาพาทั้งสามคนไปที่โต๊ะ
เมื่อทั้งสามเดินไปนั่งยังโต๊ะที่มีป้ายเล็กปักอยู่ในแจกันดอกไม้ตรงกลางของโต๊ะว่าเป็นโต๊ะสำหรับอภิหชัยบดินทร์โดยเฉพาะ พร้อมด้วยอาหารหรูมากมายเต็มโต๊ะไปหมด ปลายฝันที่เกร็งตั้งแต่เดินลงจากรถก็ยังเกร็งไม่หาย เพราะสายตานับร้อยคู่ที่มองมายังตนอย่างสนอกสนใจ แม้แต่ที่ตนนั่งแล้วก็ยังมีคนมองอยู่ดีจนทำอะไรไม่ถูก
ฮือ...อึดอัดชะมัด
“เป็นอะไร” ปฐพีถาม
“อยากกลับบ้าน”
“อีกแป๊บเดียวน่า ไม่มีอะไรหรอกเชื่อพี่”
“อือ...เชื่อก็เชื่อ”
“ทำไมว่านอนสอนง่ายจังเลยวันนี้” อัคนีถาม
“แล้วทำอะไรได้ไหมละพี่เพลิง”
สายตาสวยสอดส่องไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก็เจอแต่สายตาที่มองมาที่เขาคนเดียวก็หันกลับมาที่โต๊ะคืนด้วยความประหม่า
“หน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“ทำไมเขาต้องมองดรีมด้วย” ปลายฝันถามออกมา
“หืม...ใครมอง”
“พี่ดินกับพี่เพลิงก็ลองหันไปมองรอบๆ สิ” สิ้นคำบอกกล่าวของร่างผอม ปฐพีกับอัคนีก็หันไปมองรอบๆ อย่างสงสัยทันที ก็พบกับสายตานับร้อยคู่มองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว ทำให้ทั้งสองคนต้องส่งสายตาดุๆ ไปให้ เพราะบังอาจมาทำให้คู่หมั้นของเขาไม่สบายใจ และอึดอัดขนาดนี้ ไฮโซเหล่านั้นก็ต่างพากันหลบสายตาดุของปฐพีกับอัคนีทันที
ก็ใครกล้าที่จะหือกับอภิหชัยบดินทร์ล่ะ
“ทีนี้ก็ไม่มีแล้วนะ”
“ห๊ะ? ไม่มี” ถามอย่างงๆ ก่อนจะหันมองก็พบว่ามีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่มองเขาอยู่ ซึ่งมันก็ทำให้ปลายฝันสบายใจไปได้อีกหน่อยแล้ว
แต่ก็ยังอึดอัดอยู่ที่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ออกไปจากงานนี้
“หิวไหม?” อัคนีถาม
ปลายฝันพยักหน้าเบาๆ โดยเลี่ยงที่จะตอบออกมาเป็นน้ำเสียง
“อาหารบนโต๊ะนี่ กินได้เลยนะ”
“จะดีหรือพี่ดิน” ถามคนบอกอย่างไม่แน่ใจ
“ก็มันเป็นของเรา กินไปเถอะ”
“ไม่กล้าอ่ะ”
“หรือต้องให้พี่ป้อน”
“โหพี่เพลิง แบบนี้ยิ่งไม่กล้าใหญ่เลยล่ะ” ร่างบางรีบส่ายศีรษะไปมา
“งั้นก็กินไป ไม่ต้องกลัวหรอก กินไปตามปกติ เป็นตัวของตัวเองไปนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวว่าพวกพี่จะไม่พอใจด้วย” ปฐพีบอกด้วยประโยคยาวเพราะเดาสีหน้าปลายฝันออกว่าคิดอะไร
“ใช่แล้วดรีม ต่อให้เขาว่าดรีมก็ให้เขาว่าไป เพราะพี่สองคนไม่มีทางปล่อยให้ดรีมถูกว่าเฉยๆ อยู่แล้ว”
ปลายฝันมองหน้าปฐพีกับอัคนีอย่างรู้สึกขอบคุณ เพราะจริงๆ แล้ว ร่างบางเองก็คิดว่าทำอะไรไม่ดีออกไป หรือไม่เหมาะสมแล้วปฐพีกับอัคนีจะอาย และยิ่งในงานของลูกค้ารายใหญ่ด้วย ปลายฝันก็เลยไม่รู้ว่าควรวางตัวแบบไหน แต่พอได้ยินทั้งสองคนพูดแบบนั้น ก็มั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที แต่ก็ทานเรื่อยๆ ไม่ได้สื่อให้คนอื่นมองว่าตะกละตะกลามได้
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พนักงานที่ถูกจ้างมาก็เข้ามาเก็บของที่วางอยู่บนโต๊ะออก เพราะจะมีการแสดงจากนักร้องชื่อดังมาแสดงต่อ
“อาหารอร่อยไหมครับ” เจ้าของวันเกิดเดินมาถาม
“ก็ดีครับ” ปฐพีตอบ
“ถ้างั้นผมขอแนะนำลูกสาวผมให้รู้จักนะครับ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกทั้งคู่”
“ครับ”
“หมิว ไหม มานี่หน่อยลูก” สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อ ร่างผู้หญิงสมส่วนในชุดราตรีสวยงามก็เดินมาหาด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ก่อนจะยกมือไหว้ปฐพีกับอัคนีอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะ” สองสาวทักทายเสียงอ่อนหวาน
ปลายฝันเองที่เห็นผู้หญิงสองคนนั้นก็อึ้งไปในทันทีด้วยความสวย มารยาทดีของเธอทั้งคู่ พอหันไปดูปฏิกิริยาของร่างสูงก็พบแต่ใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้สึกอะไร
วางตัวได้ดีมาก...ปลายฝันคิด
“ครับ”
“นี่ลูกสาวคนโตชื่อ มัณฑิตา ชื่อเล่น หมิว กับคนเล็ก มาธวี ชื่อเล่น ไหมครับ แกเพิ่งเรียนจบจากเมืองนอก ถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ผมให้เรียนพร้อมกันน่ะครับ นี่คุณปฐพี กับคุณอัคนีที่เล่าให้ฟังไงลูก” ปกรณ์แนะนำ
“สวัสดีอีกครั้งค่ะ”
“ครับ”
“แล้วนั่นใครคะ น้องชายหรือคะ” หมิวถาม เพราะไม่เห็นจะมีคนน่ารักที่นั่งอยู่ตรงกลางเลย
ไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวทั้งสองคนจะไม่รู้จักปลายฝัน เพราะทั้งคู่เพิ่งจะเรียนจบจากเมืองนอก ข่าวๆ ต่างๆ เลยไม่ค่อยได้รู้เกี่ยวกับเมืองไทยเท่าไหร่
“นี่ปลายฝันหรือดรีม คู่หมั้นของพวกผมน่ะครับ” อัคนีแนะนำ
“สวัสดีครับ” ปลายฝันไหว้ เพราะอายุน่าจะมากกว่าตน
“ไม่เห็นคุณพ่อเล่าให้ฟังเลยว่าคุณสองคนหมั้นแล้ว” ไหมถามอย่างสงสัย
“พ่อลืมน่ะลูก” ปกรณ์บอก
“ยังไงเชิญนั่งก่อนก็ได้นะครับ” ปลายฝันชวน เพราะเห็นว่ายืนนานแล้ว และเก้าอี้ก็ยังว่างอีกหลายตัว
และสามพ่อลูกก็นั่งลงทันที ปฐพีกับอัคนีก็เลื่อนเก้าอี้มาประกบปลายฝัน เพราะไปนั่งข้างผู้หญิงก็ดูไม่ดี ปกรณ์เห็นแบบนั้นก็หน้าเจื่อนเพราะดูท่าทางแล้ว ความสวยของลูกสาวตนไม่ทำให้ปฐพีกับอัคนีสนใจเลยสักนิด
ทางด้านปฐพีกับอัคนีเองก็พอจะเดาทางออกว่าปกรณ์ต้องการอะไร ก็เลยไม่เล่นตามเกมเพราะกลัวร่างบางจะเสียความรู้สึก
“เสน่ห์แรงจังนะ” ปลายฝันแขวะเบาๆ แต่มันก็ทำให้ร่างสูงทั้งคู่ว่าร่างบางเองก็รู้ทันเรื่องนี้เหมือนกัน
สมกับเป็นเมียพี่จริงๆ
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พี่ให้จัดการ” อัคนีบอกยิ้มๆ
“จะบ้าหรือไง อยากขึ้นหน้าหนึ่งว่างั้นสิ” ปลายฝันกระซิบเสียงเครียด
“ก็ดีนะ หึ!”
“ดูสนิทกันจังเลยนะคะทั้งสามคน แต่ดรีมสนิทกับคุณอัคนีนี่ปกตินะคะ แต่สนิทกับคุณปฐพีด้วยหรือ” หมิวถามยิ้มๆ
ใบหน้าสวยของทั้งสองสาว ไม่ได้บอกให้รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่ร่างบางรู้สึกได้ คือ มันไม่ดี ไม่ดีจริงๆ ที่จะต้องรู้จักผู้หญิงสองคนนี้
“สงสัยคุณยังไม่เข้าใจคำว่าคู่หมั้นของพวกผม” ปฐพีเน้นคำพวกเสียงชัดเจน ร่างสวยครุ่นคิดตามคำพูดที่ต้องการสื่อเล็กน้อย ก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
“เอ่อ...ทั้งสามคนหรือคะ” ไหมถามเมื่อได้สติก่อน
“ครับ” ปฐพีกับอัคนีรับคำพร้อมกัน
นี่ถ้าเป็นแต่ก่อน ปฐพีกับอัคนีคงจะควงเล่นสักวันไปแล้ว เพราะไม่ว่าใครที่เสนอมา เขาก็สนองกลับ แต่ก็ไม่ได้ให้เวลามากมาย เพียงแค่ควงเล่นไม่กี่ชั่วโมงก็ปล่อยไป แต่ตอนนี้...เขามีปลายฝันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดิ้นหาอะไรที่มันไม่ใช่อีกต่อไป
เอาง่ายๆ คือ สันดานเดิมมันหายไปหมดแล้ว
จงรักภักดีกับปลายฝันแค่คนเดียว และคนแรกด้วย
“ไม่จริงน่า” สองสาวพึมพำเบาๆ แต่ทั้งสามคนก็ยังได้ยินอยู่
ปกรณ์ที่เห็นว่าลูกสาวช็อกไปแล้ว ก็เริ่มคุยออกมา เพราะตัวเองไม่ได้บอกว่าปฐพีกับอัคนีหมั้นแล้ว เพราะต้องการเอาตำแหน่งนั้นมาให้ลูกสาวตน แต่ไม่คิดว่าทั้งคู่จะพาปลายฝันมาด้วยในวันนี้
ไม่มีวันที่ปฐพีกับอัคนีจะถอดเขี้ยวเล็บหรอกน่า
“คือผมอยากจะขอร้องคุณปฐพีกับคุณอัคนีหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
“เรื่องอะไรครับ” ปฐพีถามเสียงเข้ม
“คือผมอยากจะให้ลูกสาวทั้งสองเข้าไปฝึกงานที่บริษัททั้งสองของคุณสองคนน่ะครับ เพราะผมอยากจะให้แกบริหารงานต่อจากผม”
“ก็แล้วทำไมคุณไม่สอนลูกคุณเองล่ะครับ พอดีว่าผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นด้วยสิ” ปฐพีพูดอย่างเลือดเย็น จนหญิงสาวหน้าเสียไปรวมถึงปกรณ์ด้วย
“ถ้าให้ผมสอน กลัวว่าแกจะไม่ตั้งใจน่ะสิครับ เลยอยากจะไหว้วานคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวช่วยสอนให้ เผื่อลูกของผมจะตั้งใจเรียน”
“ถ้างั้นตอนนี้ลูกคุณก็ดื้อมากเลยสินะ” อัคนีถามตรงๆ จนสามพ่อลูกสะอึก ฝั่งผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าปฐพีกับอัคนีมีนิสัยแบบไหน ก็แทบจะอดกลั้นไม่ไหว ส่วนปกรณ์ที่รู้ดีว่าทั้งคู่เป็นแบบไหนก็ได้แต่พูดออกไปตามแผนที่วางมาแล้ว
เพื่อที่จะได้ปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกับอภิหชัยบดินทร์ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำให้ได้ ส่วนเรื่องปลายฝันไม่เห็นจะเครียดอะไร
ความรักของผู้ชายด้วยกันสามคนไม่มีทางยั่งยืนหรอกน่า
“ก็ไม่ดื้อเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมกลัวว่าแกสองคนจะไม่ได้อะไรมากกว่า เลยอยากให้นักธุรกิจไฟแรงอย่างคุณช่วยสอนแกหน่อย หรือว่าหวงเคล็ดลับความสำเร็จ” ถามจี้จุดไป
“คนอย่างผมไม่ต้องหวงอะไรหรอกครับ แต่มันจะดูไม่ดีที่จะให้ผมสอนผู้หญิง ที่สำคัญ ตารางงานผมค่อนข้างยุ่ง ไม่ได้ว่างนะครับคุณปกรณ์” อัคนีบอก
“ถ้าอยากจะบริหารก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง ขนาดผมมาสืบทอดผมยังต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเลย จากการเป็นยามจนมาถึงผู้บริหาร” ปฐพีพูดให้ฟัง
ปลายฝันที่นั่งฟังอยู่ก็ทึ่งไปด้วย เพราะเพิ่งจะรู้ว่ายาม ทั้งคู่ก็ไปเป็นมาแล้ว
“ก็จริงนะครับ แต่จะให้ผู้หญิงไปเป็นยามก็คงจะไม่เหมาะ”
“คุณคิดเองไปคนเดียวต่างหาก บริษัทผมมีผู้หญิงเป็นยามเยอะเลยนะครับ ถ้าคิดจะเก่ง ก็อย่ากลัว” อัคนีพูด
“เราสองคนไม่กลัวนะคะ” หญิงสาวเถียงออกมา
“ถ้าอย่างนั้น การสอนของผมคุณจะรับมันได้ไหมล่ะ ยอมได้หรือเปล่าที่มือของคุณต้องเปื้อน ต้องเหงื่อออกเพราะออกพื้นที่ รองรับอารมณ์ของเจ้านายได้ เพราะถ้าคุณจะเข้ามาฝึก คุณจะต้องเป็นลูกน้องพวกเรา และต่อให้เป็นผู้หญิง แต่งานพลาด พวกเราก็ด่านะครับ”
พี่เพลิงนี่โหดดีนะ...
สองหญิงสาวหน้าเสีย คิดตามว่าต้องลำบากมากแน่ๆ ก็เกิดลังเล แต่ก็มองหน้าสองแฝดตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้มเช่นกัน
“ผมขอแค่ให้ลูกผมได้เรียนรู้ทฤษฏีงานต่างๆ ก็พอครับ ให้มันเกี่ยวกับงานบริหารก็พอ”
“เฮ้อ...คงต้องถามคู่หมั้นของเราแล้วล่ะครับว่าจะยอมหรือเปล่า”
อ้าวพี่ดิน? ทำไมโยนมาให้กันแบบนี้ล่ะ
“ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ ยังไงก็ได้ แล้วแต่พี่ดิน พี่เพลิงเลย”
“ได้ไงล่ะดรีม ยอมหรือหืม” อัคนีกระซิบถาม
“ก็ถ้าแค่ไปฝึกงานก็ไม่ว่าอะไร แต่ล้ำเส้นเมื่อไหร่ก็ไม่รับประกันนะครับ” ปลายฝันหันไปพูดกับปกรณ์ด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ก็เคลือบไปด้วยยาพิษ
ร้ายกาจมาก เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
(มีต่อ)