ตอนที่ 28
มันคือความสุข
หลังจากทานอาหารมื้อค่ำเสร็จไป ทั้งสามคนก็ออกจากร้านอาหารมาแล้วเดินชมบรรยากาศตอนฟ้ามืดของรีสอร์ทที่ออกมาให้เข้ากับธรรมชาติที่สุด มีแสงไฟให้สามารถมองเห็นเหล่าดอกไม้นอนหลับไปแล้ว แต่มันก็ยังให้ความสดชื่นแก่คนมองได้เช่นเดิน บรรยากาศที่เย็นตัวลงตามเวลาที่ผ่านไปของวัน ทำให้ร่างบางที่แม้จะสวมเสื้อกันหนาวที่หนาพอสมควรแล้วก็ยังหนาวอยู่อีก แต่ก็ชอบในความเย็นของมัน
หากแต่จะให้นอนอยู่ตรงนี้ท่ากลางธรรมชาติที่ชอบแล้วล่ะก็ คงจะไม่ไหวเช่นกัน...
“เพิ่งจะสองทุ่มกว่าๆ เอง”
“พูดออกมาแบบนี้อยากจะไปไหนล่ะ” ปฐพีถามออกมาอย่างรู้หัน หันมองหน้าน้องชายตัวเองที่ปากสั่น หน้าซีดหมดสภาพผู้ชายดูดีก็แทบจะหัวเราะออกมา
“ไป...”
“เช็คหน้ากูด้วย” อัคนีพูดตัดหน้าปลายฝัน จนร่างเล็กต้องหันมาสนใจ
“หึ! มึงมันอ่อนว่ะ”
“เกิดมาไม่แพ้อากาศหนาวแบบกูก็ให้มันรู้ไป”
“ก็กูเป็นคนแข็งแรง”
“เออ ไอ้ห่านี่”
“กลับห้องไหมพี่เพลิง” ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าคมซีดจนน่ากลัว
ถ้าทุกคนเห็นตอนนี้คงจะนึกกลัวมากจริงๆ เพราะมันซีดจนเหมือนผีดูดเลือดเลยล่ะ
“แม่ง! อย่าทำเหมือนกูอ่อนแอนักดิวะ” อัคนีพูดออกมา
“เอ่อ...”
“พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า แค่ไม่ถูกกับอากาศเย็นๆ เฉยๆ ไม่ได้แพ้ขนาดช็อกเสียหน่อย อยากไปเที่ยวไหนบอกมา เดี๋ยวจะพาเดินไป” บอกออกมาอย่างเหลืออด
“ถ้างั้นพี่เพลิงไม่ไหวก็บอกดรีมนะ จะได้กลับไปที่ห้องเลย”
“ประโยคนี้ฉันควรจะพูดมากกว่านะ ดูสิ ปากสั่น ตัวสั่นขนาดนี้แล้ว ไปนั่งดูดาวกันไหมล่ะ ตรงนั้นเขามีให้ผิงไฟด้วย” อัคนีถามพลางชี้ไปยังสถานที่ที่มีผู้คนนั่งผิงไฟดูดาวกัน ทั้งที่เพิ่งจะ 2 ทุ่มกว่าๆ แต่ดาวก็เต็มท้องฟ้าแล้ว
“ก็ดีนะ” ปฐพีเห็นด้วย
“เอาแบบนั้นก็ได้ จะได้อุ่นๆ เพราะดรีมเองก็ไม่ไหวแล้ว มันหนาวมากอ่ะ”
ทั้งสามคนเดินไปตรงที่นั่งว่างๆ ก่อนที่จะมีพนักงานมาก่อไฟให้ พร้อมกับมีจานใส่มันเทศที่ยังไม่สุกมาให้เพื่อที่จะได้ลองเผาทานเอง ซึมซับบรรยากาศบ้านๆ พร้อมกับมีน้ำสมุนไพรร้อนเอาไว้ให้จิบถ้าหากกระหาย และมันมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากไม่ได้นั่งรวมกัน แต่นั่งเป็นจุดๆ ที่มีพวกเก้าอี้จัดวางไว้
และที่ที่พวกเขานั่งก็ค่อนข้างไกลห่างจากกลุ่มผู้คนมาก เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว
“มันก็บรรยากาศดีเหมือนกันนะที่นี่” ปฐพีพูดออกมา
“เห็นไหมบอกแล้ว”
“พูดเหมือนเคยมาเลยนะ”
ปลายฝันเงียบเนื่องจากไปต่อไม่ได้
“เงียบทำไมล่ะ อ้อ...สงสัยตอนนี้รู้ดีกว่าแล้วน่ะสิ เพราะแอบมาเดินเล่นแล้วนี่” อัคนีแขวะ
ปลายฝันถึงกับอึกอัก อยู่ไม่เป็นสุกเลยทีเดียว เพราะที่เหมือนจะลืมในตอนแรก กลับถูกรื้อฟื้นขึ้นมาแบบนี้
“ก็พี่ไม่ได้บอกที่ไหนว่า ห้ามหนีออกมาเดินเล่นคนเดียว” เถียงกลับเสียงเบา
“ยังจะเถียงอีกนะ แล้วเป็นไง เจอไอ้คุณรามินทร์มันจีบนี่ชอบมากเลยสินะ” ปฐพีถามแบบประชดประชัน แต่ไม่ได้หาเรื่องแต่อย่างไร
แค่แกล้งปลายฝันเล่นก็เท่านั้น
“ใครชอบที่ไหนกันเล่า”
“หึ! ใครจะไปรู้เถอะ”
“หมายความยังไงพี่เพลิง” ถามอย่างหาเรื่อง
พวกเขาชอบตอนที่ปลายฝันกำลังจะวีนที่สุด เพราะมันทำให้ปลายฝันดูเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมาคอยเอาใจ เป็นห่วงความรู้สึกพวกเขา
“เปล่านี่ ก็ไม่เห็นว่าจะเคลียร์บอกเขาตรงๆ ว่าเป็นอะไรกัน”
“นี่พี่ดิน ผมบอกว่าเป็นครอบครัวเนี่ยมันผิดตรงไหนน่ะหา” หันไปโวยวายใส่อีกคน ก่อนจะหันมองอัคนีที่พูดขึ้น
“เขาถึงได้คิดว่าดรีมเป็นน้องพวกเราไง”
“แล้วมันผิดตรงไหนล่ะพี่เพลิง” ปลายฝันขมวดคิ้วแน่น
“ว่าไงนะ!” ทั้งคู่ขึ้นเสียง
“เอ่อ...ก็น้องไง พวกพี่อายุมากกว่าไม่ใช่หรือไงเล่า!”
“แล้วน้องจากน้องแล้วเป็นอะไร”
“ก็แค่นี้แหละ”
“แน่ใจ” ปฐพีถาม
“ก่ะ...ก็แน่ใจไง ไม่แน่ใจไม่พูดหรอกนะ”
“หึ!! เดี๋ยวรู้”
“รู้อะไร จะทำอะไรดรีมหรือเปล่า นี่ไม่เอาเลยนะ หนาวจะบ้าตายอยู่แล้ว” คนตัวเล็กระแวง
“ทำอะไร นี่คิดไปถึงไหนล่ะเนี่ย” ปฐพีถามขำๆ
“เออ...แล้วหนาวอะไร นี่คิดลามกอยู่ล่ะสินะ อยากได้หรือ ก็ไม่บอก จะจัดให้เลย”
ปลายฝันอ้ำอึ้ง เนื่องจากหลุดคำที่ไม่ควรพูดออกไป ใครจะไปกล้าบอกว่าปลายฝันน่ะระแวงว่าปฐพีกับอัคนีจะทำแบบนั้นกับตนอีกเมื่อไหร่ ยิ่งคิดก็ยิ่งตอกย้ำทุกสัมผัส ไม่ว่าจะยังไง
ปลายฝันก็เป็นของพวกเขาไปแล้ว ทั้งตัว...
หัวใจด้วยหรือเปล่านะ...
“บ้า! แค่คิดว่าพวกพี่จะหาเรื่องลงโทษอะไรแผลงๆ อยู่น่ะสิ ยิ่งตอนนี้มันหนาวมากๆ อยู่ด้วย ถ้าเกิดว่าพวกพี่ตีผมขึ้นมามันก็เจ็บมากน่ะสิ” คนตัวเล็กว่า
“แถเก่งชะมัดเลย” อัคนีพึมพำ
“ได้ยินนะ!!”
“อ้าวหรือ? งั้นพูดใหม่”
“ไม่ต้องเลย พี่ดิน สั่งสอนน้องตัวเองบ้างสิ” หันมาฟ้องคนข้างๆ ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุด แต่หารู้ไม่ว่า เรื่องแกล้งปลายฝันน่ะ จะผู้ใหญ่แค่ไหนก็เด็กได้เหมือนกัน
“ได้ๆ นี่ไอ้เพลิง มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ มึงจะพูดตรงเกินไป อ้อมๆ บ้างก็ได้นะ หึ” ตอนแรกปลายฝันก็ยิ้มอย่างดีใจอยู่นะที่มีคนเข้าข้าง แต่พอเจอประโยคหลังนี่ถึงกับเอื้อมมือไปทุบหลังแกร่งของปฐพีแรงๆ 1 ที
ปั่ก!!
“ทำอะไรไม่ได้ ก็ลงไม้ลงมืออย่างเดียวนะ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่ เห็นยอมหน่อยก็ได้ใจหรือไง” อัคนีถาม โดยแกล้งทำเป็นเคร่งขรึม จนปลายฝันหน้าเจื่อน เพราะกลัวร่างสูงจะหาว่าตนไม่มีสัมมาคารวะ
จากตอนแรกปฐพีกับอัคนีจะว่าตน หาเรื่องตนแค่ไหนก็ไม่แคร์ แต่พอถูกทำดีด้วยหน่อย ไม่ว่าอะไรปลายฝันก็แคร์ความรู้สึกของร่างสูงทั้งนั้น
“ขอโทษฮะ” พูดขึ้นมาเสียงอ่อย เพรารู้สึกไม่ดี ทำเอาอัคนีที่ตั้งใจจะแกล้งถึงกับเสียความรู้สึกที่ทำให้ปลายฝันคิดมากไปเลย ปฐพีเลยมองอัคนีให้เคลียร์ซะ
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่แกล้งเล่นเฉยๆ น่ะ จะทุบตี จะเอาแต่ใจขนาดไหนก็ได้ พี่ไม่ว่า แต่ก็อยู่ในขอบเขตหน่อย” รีบหันมาอธิบายทันที แต่เหมือนจะไม่ทัน เพราะสีหน้าของปลายฝันที่แสดงออกมานั้น บ่งบอกว่าตัวเองเสียใจที่สุด
“จะไม่ทำแล้วฮะ”
“เฮ้ย! พี่ไม่ได้ว่าอะไรนะ ทำได้ อย่าเป็นแบบนี้สิดรีม พี่ขอโทษ” อัคนีเริ่มง้ออย่างช่วยไม่ได้ เพราะปลายฝันไม่ยอมฟังอะไรแล้ว
“พี่ว่าดรีม” ร่างบางเสียงสั่นเครือ
อัคนีที่เห็นว่าท่าไม่ดี เพราะเหมือนปลายฝันจะร้องไห้แล้ว ถึงกับสบถคำหยาบเพราะคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะง้อปลายฝันอย่างไรดี
ก็เกิดมากูเคยง้อใครที่ไหนวะ ครั้งก่อนก็ไม่ใช่กรณีนี้นี่หว่า
“ฮึก...ขอโทษฮะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ตี จะไม่เถียง จะไม่ดื้อ จะไม่บ่น จะไม่ว่าอีกแล้วครับ” ปลายฝันก้มหน้าเอามือปิดหน้าตัวเองแน่น จนปฐพีกับอัคนีร้อนใจ
“มึงเป็นคนทำ มึงนั่นแหละเคลียร์” ปฐพีบอกเสียงเรียบ
“ชิ!!” หันไปสบถด้านข้างด้วยความโมโห
“ดรีม...พี่ขอโทษนะ อย่าร้องไห้สิวะ ปลอบไม่เป็นนะเว้ย! เอาเป็นว่าพี่แกล้งเล่น ดรีมอยากตี อยากทุบ อยากด่า อยากบ่นแค่ไหนก็ได้ พี่ไม่ว่าแล้ว แต่อย่าเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ” อัคนีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ประโยคแรกๆ จะหยาบไปนิด แต่ก็ใช้น้ำเสียงที่ยอมสุดๆ แล้ว แบบที่ไม่เคยยอมกับคนอื่นแบบนี้มาก่อน
“จริงนะ” ถามสั่นๆ แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา
“จริงสิ”
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมา มีน้ำตาไหนออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง แล้วหันไปมองหน้าปฐพีโดยไม่สนใจอัคนีเลย ดวงหน้าหวานสบเข้ากับดวงตาคม ก่อนจะยกยิ้มร้าย!!
“ยอมทุกอย่าง?” ยักคิ้วให้ปฐพีนิด จนร่างสูงอึ้ง เพราะไม่เคยเจอปลายฝันลุคนี้
“โอเคๆ ยอมทุกอย่าง” อัคนีเอาใจอย่างจำยอม
ส่วนใบหน้าหวานก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ที่ปฐพีมองแล้วมันก็น่าจับมาตีก้นเสียใจเข็ด
“ร้ายกาจ” สิ้นคำพูดของปฐพี ปลายฝันก็ลุกขึ้นวิ่งหนีจากที่ผิงไฟตรงนั้นทันทีด้วยเสียงหัวเราะสะใจ ท่ามกลางความงุนงงของอัคนี
“เกิดอะไรขึ้นวะ” ถามพี่ชายอย่างงุนงงกับสิ่งที่เกิด
คนที่ทำให้อัคนีดูเหมือนคนโง่ได้มากขนาดนี้ก็คงไม่ใช่ใครอีก ถ้าไม่ใช่ปลายฝันที่หยุดยืนห่างๆ พร้อมกับโบกไม้โบกมือล้อเลียนมาให้จากที่ไกลๆ
“มึงโดนหลอกไง”
“เชี่ย!!! ตัวแสบ จับได้พ่อจะล่อจูบให้เข่าอ่อนเลยคอยดู” ลุกขึ้นพลางคาดโทษคนตัวเล็กไปด้วย
“กูเอาด้วย แม่งเอ้ย ทำกูใจเสียเล่นๆ แสบนักนะ”
ปฐพีกับอัคนีลุกขึ้นก่อนจะวิ่งเร็วๆ ไปยังปลายฝันที่มองทั่งคู่ด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งหนีไปตามพื้นหญ้าด้วยความสนุกที่ทำให้ปฐพีกับอัคนีดูบ้าบิ่นได้ขนาดนี้
“หยุดเลยเด็กดื้อ” อัคนีตะโกน จนคนแถวนั้นหันมองด้วยความสนใจ
พวกคนที่ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครก็ต่างพากันคิดว่า พี่น้องสามคนนี้ช่างน่ารัก เล่นกันเป็นเด็กๆ ส่วนคนที่รู้จักปฐพีกับอัคนีก็คิดว่า รักกันดีนะ บ้างก็อวยพรให้ทั้งสามรักกันไปนานๆ บ้าง บ้างก็มองเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่ในเวลานี้ ปฐพี อัคนี และปลายฝันไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งนั้น
ต่างตกอยู่ในโลกที่มีแค่สามเรา
“จับได้โดนดีแน่” ปฐพีขู่
“ฮ่าๆ ไม่มีทางหรอก พี่พี่น่ะแก่แล้ว วิ่งตามวัยรุ่นอย่างดรีมไม่ทันหรอก ฮ่าๆ แน่จริงก็จับให้ได้สิ” ปลายฝันท้าทาย ส่วนร่างสูงที่โดนกล่าวหาว่าแก่ก็เริ่มเลือดขึ้นหน้า ออกแรงวิ่งให้มากกว่านี้
ต้องจับมาสั่งสอนให้ได้!!!
ร่างเล็กหลบไปมาตามต้นไม้ที่ขวางกั้น ซิกแซกไปมาจนจะเหนื่อย ทั้งสามคนลืมไปเลยว่าตอนนี้อากาศมันหนาวมาก และน้ำค้างก็ลงแรงมากด้วย แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว นอกเสียจากความสุขที่ได้รับ
พวกเขามีความสุข เมื่อได้เล่น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ อย่างการไล่จับแบบเด็กๆ นี้ สิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ทำแม้แต่ในวัยเด็ก มันทำให้เขามีความสุข
ปลายฝันไม่รู้หรอกว่า ตัวเองทำให้ผู้ชายสองคนเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
ได้ทำ ได้รับรู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“แฮกๆ เริ่มเหนื่อยแล้วอ้า พอแล้วนะ” ปลายฝันที่ยืนหอบอยู่หลังพุ่มดอกไม้บอกอย่างยอมแพ้ ส่วนปฐพีกับอัคนีที่หลอกล่อให้เหยื่อหมดแรงก็ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เอาไงดีล่ะไอ้ดิน เด็กมันบอกว่าไม่ไหวละ” ถามคนข้างๆ แต่ตาก็มองเหยื่อสายตาวาว
“ก็...ปล่อยไป แต่ว่านะ ถ้าสามารถหนีพวกพี่จนไปถึงห้องได้คนแรก ก็อาจจะรอด” ปฐพีบอก แต่ปลายฝันไม่ได้ฉุกคิดคำพูดนั้นก็รีบวิ่งหนีไป เพราะคีย์การ์ดอยู่กับตนใบหนึ่ง
“ปล่อยไปหรือวะ” หันไปถาม
“มึงไม่ได้ฟังหรือวะว่าแค่ ‘อาจ’ น่ะ” ปฐพีพูด ใบหน้าเต็มไปด้วนสีหน้าเจ้าเล่ห์
“มึงนี่มันโคตรเจ้าเล่ห์เลยว่ะ”
“หรือมึงไม่ชอบ” หันมายักคิ้วถามกวนๆ จนอัคนีหมั่นไส้ เตะไปทีหนึ่ง แต่ปฐพีก็ไม่โต้อะไร เดินนำคนน้องเพื่อกลับห้องทันที
“อ้าว? นี่ใครครับคุณดิน...ของโปรดเลยล่ะไอ้ห่า”
เท้าสองคู่ก้าวเดินตามเหยื่อช้าๆ ไม่รีบร้อนอะไร เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ ปลายฝันไม่รอดแน่ๆ อาจจะไม่ได้ทำโทษหนักขนาดนั้น แต่ก็คงจะปากบวมเจ่อล่ะนะ
บอกแล้วไง...ถ้าไม่ยอม พวกเขาก็ไม่ทำอะไร
...
...
...
“หายไปไหนวะ!” อัคนีถามขึ้นมาเมื่อมาถึงห้องแล้วไม่เจอปลายฝันอยู่เลย หันมองปฐพีอย่างต้องการคำตอบ แต่เหมือนว่าจะลืมอะไรไม่อย่าง เพราะเขาสองคนอยู่ด้วยกันตลอด จะไปรู้ได้อย่างไรว่าปลายฝันอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตามาติดๆ แบบที่เห็นแน่ๆ ว่าปลายฝันเข้าห้อง
แต่ก็ไม่น่าจะหายไปแบบนี้นี่นา
“กูจะไปรู้หรือไง แต่เห็นรองเท้านะเว้ย” ปฐพีบอก
“แล้วจะไปอยู่ไหนได้วะ”
“ไม่รู้” ยักไหล่เบาๆ
ทั้งคู่สอดส่องสายตาไปทั่วๆ ห้องอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบวี่แววของร่างบางเลยสักนิด ปฐพีกับอัคนีเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะคิดไม่ออกว่าร่างบางจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
ใช่! เขาสองคนมั่นใจว่าปลายฝันกำลังซ่อน
ตึก!
เสียงที่ดังขึ้นมานั้นเหมือนจะเป็นเสียงสวรรค์ของทั้งคู่ยิ่งนัก คอหนาของทั้งคู่เงยขึ้นไปด้านบนที่เป็นบันไดขึ้นไปห้องใต้หลังคาก็ยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“คิดว่าจะหนีเราพ้นหรือไง”
“นั่นสิวะ...เอาไงไอ้ดิน”
“แล้วจะรอเพื่อ?”
“อ้าว? ไอ้นี่ รอด้วยสิวะ” บอกไล่ตามหลังเสียงกระซิบเพราะไม่อยากให้คนด้านบนรู้สึกตัวเท่าไหร่ ร่างแกร่งเดินย่องเบาขึ้นไปด้านบนด้วยความเงียบที่สุด ราวกับเป็นโจรที่กำลังจะขโมยของบางอย่าง
“เอ่อ...” ปลายฝันที่นอนดูดาวท่ามกลางผ้าปูแสนนุ่ม กับผ้าห่มหนาที่แสนอบอุ่นหันมองคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้ม อ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ไง...หนีได้ไม่ดีเลยนะ”
“หรือพี่ดินจะให้ผมไปหาห้องใหม่นอน สามารถหาได้นะครับ พี่ก็รู้นี่ว่าเจ้าของรีสอทร์ทกำลังจีบผมอยู่” ถามแบบเจ้าเล่ห์
“เก่งนี่ เสน่ห์แรงไม่เบาเลยจริงๆ แต่คิดว่าจะได้ไปอ้อนมันหรือไง” อัคนียิ้มมุมปาก เพราะรู้ดีว่าปลายฝันไม่มีวันทำแบบนั้นแน่
“แล้วคิดว่าดรีมโง่หรือไงที่จะเชื่อมุกเกมบ้าๆ นั่น เพราะยังไงแล้วดรีมก็โดนทำโทษอยู่ดี” ยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้วทำไมไม่นอนรอที่เตียงดีๆ ล่ะครับ หรืออยากลองที่ใหม่” ปฐพีถามเสียงนุ่มทุ้ม ก่อนจะค่อยคร่อมร่างเล็กที่นอนเหมือนให้ท่าอยู่ไม่ลุกไปไหน
“แปลกนะ ไม่ดิ้น ไม่ทุบ ไม่ตีด้วย” อัคนีนั่งลงกับพื้นแล้วถามนิ่งๆ
“ก็เคยขัดขืนได้ที่ไหนล่ะ” หันหน้าไปพูดกับอัคนี ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ปฐพีก้มลงซุกไซร้ซอกคอได้ถนัด ปลายฝันเองเมื่อรับรู้กับสัมผัสวาบหวามนี้ก็เบ้ปากอย่างไม่พอใจออกมาให้อัคนีมอง แต่ร่างสูงมองยังไงมันก็น่ารักอยู่ดี ส่วนปฐพีก็เล่นอยู่กับคอสวยอย่างหลงใหล
“ฮื้อ” ครางออกมาเมื่อร่างสูงของปฐพีขบเม้มมันจนเป็นรอยแสดงความเจ้าของด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่คอ สบตาเข้ากับสายตคมของอัคนีด้วยดวงตาปรือปรอยอย่างยั่วยวนจนตัวเองต้องทิ้งตัวนอนคว่ำบดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางที่เผยออ้าครางพอดี สอดแทรกความอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากสวย ซึ่งได้รับการตอบรับสัมผัสจากร่างบางเป็นอย่างดี ปลายฝันที่แน่นอนว่าไม่เคยห้ามปรามอะไรได้อยู่แล้ว เลยเลือกที่จะตอบสนองดีกว่า
ยังไงก็รู้สึกดีอยู่แล้ว ปฏิเสธไปก็เท่ากับปฏิเสธใจตัวเอง
“อืม” อัคนีครางออกมาอย่างพึงพอใจ ส่วนปฐพีก็เลื่อนตัวลงนอนคว่ำข้างๆ แทน ทำให้ใบหน้าหวานหันตามปฐพีมาซึ่งอัคนีก็ขึ้นคร่อมแทนที่ ซุกไซร้จมูกและริมฝีปากลงที่ลำคอระหงส์อีกข้างที่ยังไม่มีรอยใดๆ ก็ทำรอยแสดงความเจ้าของ ส่วนปฐพีก็ประกบริมฝีปากเข้ากับปากบางที่เผยอออกมาเพื่อหายใจแล้วสอดแทรกเข้าไล่ดูดดุนลิ้นเล็กที่ตวัดหนีอย่างหยอกล้อ จนสามารถจับเอาลิ้นเล็กมาลงโทษได้ แลกสัมผัสกันอย่างวาบหวามและลึกซึ้ง
“ได้ไหม” อัคนีกระซิบถามเสียงพร่าพร้อมกับขบใบหูเล็กอย่างหยอกล้อ
ปลายฝันยังไม่ตอบออกมาเพราะยังมัวเคลิบเคลิ้มกับรสจูบของปฐพีที่ทั้งดุดัน เร่าร้อน และก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่
“อื้อ” ร่างเล็กผละใบหน้าออกมาเพราะหายใจไม่ออก และปฐพีก็ไม่ได้บังคับเอาไว้ด้วย หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน และแทบจะหลอมละลายจากการลงโทษที่แสนเต็มใจนี้
“ม่ะ..ไม่”
แม้จะเสียดายกับคำตอบของปลายฝัน แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะระงับความต้องการของตนเอาไว้ เมื่อร่างเล็กไม่พร้อม เขาสองคนก็ไม่คิดที่จะบังคับ ข่มเหงแน่นอน
“โอเคๆ พี่จะรอจนกว่าจะยอมนะ” ปฐพีบอก
“เออ...แม้ว่ามันจะยากในการควบคุมก็เถอะ” อัคนีสมทบ แต่ก็ไม่วายบอกให้ปลายฝันเห็นใจ และก็ได้ผลด้วย ปลายฝันเห็นใจ แต่ก็ยังไม่มั่นใจอีกด้วย
เพราะปลายฝันกลัว...
ว่าความสัมพันธ์ทางกายที่ยิ่งถลำลึกเข้าไปนั้น เมื่อหมดเวลาของตัวเองแล้ว มันจะถอนตัวออกมาได้ยาก เพราะแค่นี้ปลายฝันก็ไม่อยากที่จะจากไปจากอ้อมกอดนี้แล้ว
และถ้าหากว่ามันมีอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านี้
ถ้ามันถึงวันนั้น...ปลายฝันคงจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการทำใจ...
...
...
...
(มีต่อ)