บทที่ 9
พี่เมฆไม่ยอมผละออกจนผมเสร็จ ปล่อยน้ำออกมาเต็มปากพี่เขา เขาจัดการจนเกลี้ยงผมนอนหอบแฮ่กก่อนจะลุกหยิบกระเป๋าไปให้ปูเป้ เธอขอโทษขอโพยใหญ่แล้วก็กลับบ้านไป
ผมเดินเข้ามาจัดการคนในบ้าน ซึ่งตอนนี้ถือโอกาสนอนหลับปุ๋ยบนเตียงผมเสียแล้ว
เฮ้อ~~ เนียนตลอด
ผมไม่ไหวจะสู้รบปรบมือเลยก้าวขึ้นไปบนเตียงแล้วก็นอนหลับ มีอะไรพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน
ผมตื่นขึ้นมาพบว่าเตียงว่างเปล่า บนโต๊ะหัวเตียงมีเงินกองไว้เช่นเดิม ผมหยิบเงินพวกนั้นมาปาลงพื้น ก่อนจะวิ่งไปเก็บมาไว้ที่เดิม
เงินยังไงก็คือเงินต่อให้ยับยู่ยี่หรือเปอะเปื้อนแค่ไหนมันก็มีค่า แต่ตัวผมตอนนี้สิ รู้สึกตัวเองไร้ค่าชะมัด
ผมเดินเข้าฉี่แล้วก้เตรียมตัวอาบน้ำเมื่อวานเหนียวตัวมากๆก่อนจะพบว่า
ไอ้เชี่ย!!!!!!!!!!
บนตัวผมมีปากกาเมจิกเขียนว่า
‘จองแล้วนะ’ตัวใหญ่มาก แล้วเขียนเซ็นต์กำกับไว้มุมล่างซ้ายว่า
เมฆ เมธาผมเอาแอลกอฮอลล์มาลบกว่าจะออกแสบไปหมดทั้งตัว วันนี้จะเผาพริกเผาเหลือแช่งอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ เลวที่สุดแสบอ่ะ
สตูดิโอของพ่อถูกเก็บกวาดอย่างดี ผมรวบรวมงานที่ต้องส่งลูกค้าแยกไว้ในห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนพ่อ ผมทำความสะอาดแล้วก็เอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปไว้ข้างใน พวกรูปของสะสมพ่อผมเอาไปตบแต่งในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ติดไว้ทั่วบ้านเลย ผมจะได้รู้สึกว่ามีพ่ออยู่ด้วย
สตูดิโอของพ่อเป็นลานโล่งๆ มีหลังคายื่นออกมาจากตัวบ้านเท่านั้น ตอนนี้มันไม่มีอะไรเหลือเลยสะอาดตาดี ผมว่าจะเอาไว้ทำโรงรถให้น้องสนิม ลืมบอกไปอู่บอกว่าน้องสนิมซ่อมเสร็จพรุ่งนี้เย็นๆ ให้ผมเข้าไปเอารถได้ เยี่ยมมาก
บ่ายนี้ผมไม่มีอะไรทำเลยนอนดูบอลแล้วก็อ่านหนังสือเตรียมเรียน ก่อนปิดเทอมได้ชีทจากรุ่นพี่มาตั้งหนึ่ง เอาไว้อ่านจะได้เรียนตามเพื่อนทัน
ผมหาวแล้วหาวอีก ลุกขึ้นเอาสตอเบอรี่แล้วก็อะโวคาโด้ที่เป้เอามาให้เมื่อวานล้างแล้วก็มานั่งกิน ผมลุกไปรดน้ำต้นไม้ พรวดดิน เก็บจานล้าง กวาดลานหน้าบ้าน ซักผ้า เก็บผ้า กวาดใบไม้
เหงาครับ
เหงามากๆ
ผมมองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่า ผมอยู่คนเดียวบนโลก ไม่มีพ่อให้คุย ไม่มีแม่ให้กอด ไม่มีพี่หรือน้อง ไม่มีปู่ยาตายาย
ญาติติที่ไหนก็ไม่มี
รู้งี้ผมไปเที่ยวกับเป้ดีกว่า ดีกว่าอยู่เหงาๆแบบนี้
ผมกลับมานั่งถอนหายใจทิ้งแล้วหยิบชีทขึ้นมาอ่านต่อ เย็นๆผมออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านแล้วก็ซื้อกับข้าวมานั่งกิน มันฝืดคอชะมัดกินไปได้สามสี่คำผมก็วางช้อนเก็บจานล้าง
ผมกลับมานั่งแหมะกับกองชีทอีกจนดึก ก่อนจะขึ้นนอน
เมื่อสองสามวันก่อนผมยังมีคนนอนกอดอยู่เลย คืนนี้ผมต้องนอนคนเดียว ทั้งๆที่นอนคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ทำไมมันไม่ชินไม่รู้ สามเดือนที่แล้วไม่มีพ่อผมก็นอนคนเดียว แต่ตอนนี้ผมไม่อยากนอนคนเดียว
ผมรับรู้สึกความเย็นที่ไหลออกมาเปอะแก้ม
ผมบอกตัวเองมาตลอดว่า
ไม่เป็นไร
เราอยู่ได้
อย่าเสียใจ
พ่อไปสบายแล้ว พ่อมีความสุข พ่อไม่อยู่ตรงนี้แต่พ่อยังอยู่ในใจ
พ่อมีความสุขเราต้องอยู่ได้
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียงลมหายใจรดอยู่ที่คอ ผมลืมตาขึ้นมองในความมืดพยายามขยับตัวแต่ถูก
กอดตรึงเอาไว้ ผมหยิกตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้ฝันไป หรือผีหลอก
เจ็บ
กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขา ทำให้ผมรู้ว่าคนที่กอดผมอยู่เป็นใคร ผมขยับดฃเพื่อให้นอนสบายขึ้นก่อนจะหลับตาแล้วนอนฝันดี
ดวงอาทิตย์สาดแสงเข้ามาทางหน้าต่าง ผมขยี้ตาตื่นอย่างัวเงีย ตัวของผมยังโดนกอดอยู่ ผมจับมือพี่เขายกออก ก่อนจะลุกก้าว
ข้ามลงจากเตียง
นอนหลับสบายเลย แอบเข้ามาในบ้านได้ไงวะ เมื่อวานก็ล็อกประตูแล้วนี่หว่า
โทรเรียกตำรวจมาจับฐานบุกรุกดีไหมเนี่ย ผมยืนใคร่ครวญคิดสักครู่ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับปากกาเมจิกข้างเตียง ที่เมื่อคืนก่อนเขาเอามาเขียนแกล้งผม
หึหึหึหึ ผมหัวเราะอย่างชั่วร้ายก่อนจะปีนขึ้นเตียงแล้วจรดปากกาบนหน้าพี่แก
ดีมาก อื้อน่ารักที่สุด หนวดแมวๆ คิ้วเข้มๆ มีหนวดด้วย ขอบตาคล้ำๆ ใส่แว่นตา นั้นแหละ ฮี่ๆๆๆ
เสร็จ!
ผมเก็บปากกาไว้ในลิ้นชัก แล้วเดินตัวปลิวลงมาจากบ้าน
คอยดูนะตื่นขึ้นมา มีฮา
ผมล้างหน้าล้างตาแล้วก็ยืนรดน้ำต้นไม้พักหนึ่งก่อนจะเข้าไปหุงข้าวทำกับข้าวในครัว ทำไรดีวะข้าวต้มแล้วกันง่ายดี ผมต้มข้าวรอ
มันเดือดแล้วก็โยนๆหมูสับ คนอร์ กระเทียมพริกไทใส่ลงไป ปรุงรส โรยหน้าด้วยผักชีเป็นอันเสร็จ ทำถ้วยเดียว กินเองไม่เผื่อแผ่ใคร
เฮ้ย!!
ผนยกข้าวมานั่งกินในห้องนั่งเล่น นั่งเปิดข่าวกีฬาดูผลบอลก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนมาจากบนบ้าน
ฮ่าๆๆ ผมนั่งขำกลิ้ง ตื่นแล้วแน่ๆเลย ฮาวะ หัวเราะจนแทบกินข้าวไม่ได้ เสียงพี่เขาเดินตึงตังลงมาจากในบ้านเขามองหน้าผม
อย่างคาดแค้น จากนั้นก็เข้าห้องน้ำไป
ซวยแล้วตู พี่เมฆ เข้าห้องน้ำนานมาก สงสัยขัดหน้าอยู่
ผมรีบกินข้าวแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำตรงห้องครัวอาบน้ำ เดี๋ยวจะไปรับน้องสนิมที่อู่ ถ้าผมอยู่บ้านมีหวังตายแน่ๆ หน้าพี่เขาแบบโหดสุดๆ ผมก้าวบันไดลงจากบ้านอย่างเงียบกริบไม่รู้พี่ออกจากห้องน้ำหรือยัง
ผมค่อยๆเดินไปที่ประตูบ้านเปิดแง้มเบาๆ
“จะไปไหน”
ไอ้เหี้ย
ผมสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันไปปะทะพี่เมฆที่ยืนระยะประชิด แกพันผ้าขนหนูไว้ตรงเอว ด้านบนเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเกาะพราวตัว
ใบหน้าแกซึ่งถูกผมละเลงปากกาเมจิกตอนนี้เกลี้ยงเกลาหล่อเหลาเหมือนเดิม
“ผมจะไปรับรถน่ะครับ พี่ออกจากบ้านล้อกบ้านให้ด้วยนะ”ผมรีบตัดบทแล้วหันไปเปิดประตูบ้าน
“ยังไปไม่ได้”พี่เมฆเอามือดันประตูไว้ไม่ให้ผมออกไปไหน
“ประเทศไทยเป็นประเทศเสรีนะพี่ ผมไปไหนก็ได้ผมอายุยี่สิบแล้ว”ชักแม่น้ำทั้งห้ามาแบบงงๆ
กูตายแน่ ตายแน่ๆ ไอ้ดินสอ ฮือ ฮือ
“สนุกไหม”พี่แกถามเสียงเหี้ยม
“อ-อะไรครับ ผมจะไปเอารถ”พยายามพูดเบี่ยงประเด็น ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าพี่เมฆเลยยืนหันหลังคุยด้วย
แกค่อยๆจับไหล่ผมแล้วหมุนตัวไปหา ผมหลับตาปี๋แล้วก้มหน้า ถ้าสบตาผมจะแข็งทื่อเหมือนจ้องตาเมดูซ่าไหม ผมกลัวตาย แง้ๆ
พี่แกคงโกรธมากอจับมือผมแล้วบีบแน่น แกเอามือเดียวรวบสองมือผม อีกมือเชยคางผมขึ้นให้มองหน้าพี่แก
“ลืมตา”พี่เมฆสั่งเสียงแข็ง ผมส่ายหน้าไปหา ไม่เอากลัว
“พี่บอกให้ลืมตา”เสียงสั่งเรียบ เย็นแยบจนผมกลัว
“จะลืมหรือไม่ลืม”พี่เขาขึ้นเสียง
ลืมก็ได้ ลืมแล้วๆ ผมเปิดตาขึ้นมอง พี่เมฆขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็ดึงตัวผมขึ้นไปบนห้อง
“เอ้ยๆ พี่จะพาผมไปไหนปล่อยนะ ปล่อย”ผมดิ้นสุดชีวิต
“คนทำผิดต้องโดนลงโทษ”
ไม่นะไม่เอา
“เมื่อวานพี่ยังแกล้งผมเลย”ผมเถียงออกไป
พี่เมฆหันมาตาเขียวใส่ผม แล้วก็อุ้มผมเข้าใปในห้องนอน
โอ๊ยแบบนี้มันไม่ฮาแล้ว
“อ๊ากกกกกก ผมเกลียดพี่”
.................................................
คำหยาบคายประจำวันนี้คือ
วันนี้วันจันทร์
อาทิตย์นี้มีเรียนเต็ม พรีเซ้นต์งาน งานกลุ่ม เยอะแยะมากมาย
TT^TT ซิกๆๆๆ อยากเอาสมองน้องดินมาสักครึ่งหนึ่ง
เจอกันตอนหน้านะคะ ลงวันละนิดจิตแจ่มใส ฮ่าๆๆ
เงินๆๆๆ >O<