[JGV FanFic] "The Company - บริษัทสร้างรัก" (SS1 end) ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [JGV FanFic] "The Company - บริษัทสร้างรัก" (SS1 end) ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 30819 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora


     คอลเล็คชั่นเสื้อผ้าชุดล่าสุดของแบรนด์ Aki ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงน่าจับตามองยิ่งกว่าใครในปีนี้เพราะนอกจากเสื้อผ้าจะแปลกตาและเป็นเอกลักษณ์แล้วยังได้นายแบบชื่อดังสองคนมาประชันกันบนรันเวย์
     ฮิคารุกับไดจิ
     สองนายแบบที่ภาพลักษณ์ต่างกัน แต่มีเสน่ห์เหลือล้นด้วยกันทั้งคู่
     ฮิคารุ นายแบบหนุ่มหน้าสวย ผิวสีเข้ม ผู้มีรอยยิ้มจับตา
     ไดจิ นายแบบหนุ่มหน้าคม ผู้เย็นชาและเคร่งขรึม
     เมื่ออากิ มิสุชิมะ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์เปิดตัวนายแบบประจำคอลเล็คชั่นก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาดังกระหึ่มไปทั้งวงการทันที เพราะยังไม่มีใครสามารถจับนายแบบดังสองคนนี้มาทำงานร่วมกันได้สักทีและการเดินแบบเปิดตัวคอลเล็คชั่นในวันนี้ก็จบลงอย่างสวยงาม
     อากิ มิสุชิมะยิ้มกว้างขวางอยู่ตรงกลางระหว่างฮิคารุและไดจิ ขณะให้สื่อมวลชนถ่ายรูปหลังจากการเดินชุดฟินาเล่สิ้นสุดลงและดีไซเนอร์ถูกเชิญขึ้นมาบนเวที ต่อจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของการให้สัมภาษณ์ กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาใกล้วันใหม่เต็มที แต่ยังไม่มีใครเหนื่อยหรือง่วง ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ในงานปาร์ตี้ที่จัดเพื่อฉลองความสำเร็จ
     “สึโยชิซัง” ฮิคารุผละจากคนอื่น ๆ ในงานมาหาคนรักทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในงาน สึโยชิไม่ได้มาดูฮิคารุเดินแบบหรือจะมาร่วมปาร์ตี้ แต่เขามารับฮิคารุกลับบ้าน
     “อยากกลับรึยัง หรือถ้าเธอจะอยู่ต่อ ฉันจะไปรอข้างนอก” สึโยชิถามคนรักที่เอาแขนมาคล้องแขนเขาอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
     “กลับเลยก็ได้ครับ ผมไม่ยอมให้คุณไปรอข้างนอกหรอก เดี๋ยวออกมาแล้วไม่เจอ มีใครไม่รู้มาจิกตัวไปล่ะแย่เลย”
     ฮิคารุแหย่ แล้วเขย่งตัวขึ้นจุ๊บคนรักเร็ว ๆ สึโยชิมองตอบด้วยสายตาอ่อนโยน ทั้งสองคนแทบไม่รู้ตัวว่ามีใครเดินเข้ามาหาจนกระทั่งได้ยินเสียงทักอยู่ข้างตัว
     “คู่นี้หวานอย่างที่เค้าลือกันจริง ๆ ด้วย”
     “อากิซัง” ฮิคารุยิ้มหวานให้สาวใหญ่วัยไล่เลี่ยกับคนรัก สึโยชิก้มศีรษะทักทายเช่นเดียวกัน
     “มิสุชิมะเซนเซย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
     ชายหนุ่มรู้จักสาวใหญ่คนนี้เพราะฮิโคอิจิเป็นผู้แนะนำ ตอนนั้นอากิยังทำงานเป็นฝ่ายแฟชั่นในนิตยสารชื่อดัง ยังไม่ได้ลาออกมาทำแบรนด์ของตัวเองอย่างทุกวันนี้
     “สบายดีนะคะสึโยชิซัง”
     หลังจากทักทายกันตามมารยาทแล้วก็สนทนากันต่อด้วยความสนุกสนานซึ่งภาพความสนิทสนมของทั้งสามคนนี้ก็อยู่ในสายตาคนทั้งงาน
     สไตลิสต์ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่สะกิดถามเพื่อนช่างแต่งหน้าที่นั่งโต๊ะเดียวกันว่า
     “ใครน่ะคนนั้น แฟนฮิคารุคุงใช่ไหม แต่ทำไมดูสนิทสนมกับมิสุชิมะเซนเซย์จังเลย”
     คนถูกถามตอบว่า
     “ใช่ แฟนฮิคารุคุง ชื่อสึโยชิซัง เขาเป็นเจ้าของค่ายหนังจีวีนะเธอ ส่วนที่สนิทกับอาจารย์คงเพราะเคยทำงานกับพ่อของฮิคารุคุงมาก่อน พ่อของฮิคารุคุงรู้จักกับอาจารย์ก็คงทำให้สองคนนั้นรู้จักกันไปด้วยแหละ”
     “พูดแล้วอิจฉาฮิคารุคุงเนอะ เกิดมาทั้งหล่อทั้งรวย มีแฟนก็ยังหน้าตาดีอีกต่างหาก ไม่หมดแค่นั้นนะ ลองสนิทสนมกับอาจารย์ขนาดนี้ล่ะก็เตรียมตัวรับงานต่อทุกซีซั่นได้เลย”
     สไตลิสต์คนนั้นเปรย แต่แล้วก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นแค่เพียงสองคนกับเพื่อน หากยังมีคนอีกหลายคนนั่งอยู่ด้วย รวมทั้งไดจิ ซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่เงียบ ๆ แต่ก็คงจะได้ยินทุกคำแน่นอนเพราะไม่มีใครในโต๊ะนั้นพูดอะไรเลย
     ไดจิได้ยินจริง ๆ
     ชายหนุ่มเองก็รู้ดีถึงความสนิทสนมระหว่างฮิคารุและมิสุชิมะเซนเซย์ ในวงการนี้เรื่องเส้นสายเป็นเรื่องสำคัญ การจะได้งานดี ๆ บางทีก็ต้องอาศัยคนรู้จัก แต่สำหรับไดจิ เขาเชื่อว่าเรื่องฝีมือสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และที่เขามาจนถึงจุดนี้ได้ก็เพราะฝีมือของตัวเองทั้งนั้น งานของ Aki ครั้งนี้ก็เช่นกัน มิสุชิมะเซนเซย์ติดต่อมาเพราะเห็นฝีมือของเขา หากเขาจะได้ทำงานนี้ต่อหรือไม่ได้ เขาก็อยากจะให้วัดกันที่ฝีมือ ไม่ใช่เส้นสาย ด้วยเหตุนี้ ไดจิจึงไม่ค่อยชอบใจใครก็ตามที่ใช้แต่เส้นสาย แต่ไม่มีฝีมือ
     ฮิคารุเป็นคนเก่ง แต่ก็ไม่พ้นเรื่องเส้นสาย เขาจึงไม่ค่อยถูกชะตาด้วยนัก แม้ว่าระหว่างที่ทำงานด้วยกัน ฮิคารุจะพยายามมาคุยทำความรู้จักด้วย แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจและเมินไปอย่างจงใจเสมอ ไดจิไม่สนใจว่าคนถูกเมินจะรู้สึกอย่างไร ชายหนุ่มมีสมญาว่าหมาป่าโดดเดี่ยว เขาไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ไม่สนใจใคร ไม่ค่อยคบกับใคร ชีวิตของเขาโดดเดี่ยวสมฉายาที่ได้รับนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะคบใคร แต่เขาอยู่คนเดียวจนชิน การจะเปิดรับใครบางคนเข้ามาในชีวิตก็เลยเป็นเรื่องยาก
     ไดจิไม่อยากจะฟังต่อ เขาลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งอยู่เดินออกไปนอกงาน
     “ฝนตก” ชายหนุ่มพึมพำเมื่อก้าวออกมาที่เทอเรซด้านหลัง ฝนฤดูใบไม้ร่วงโปรยปรายลงมาเป็นสาย อากาศที่เย็นอยู่แล้วยิ่งเย็นมากขึ้น ไดจิยืนพิงผนังจิบเบียร์เงียบ ๆ พลางมองสายฝนสีเงินที่ตกลงมาไม่หยุด
     ท่ามกลางสายฝนและแสงไฟสลัว ๆ ในสวนสาธารณะขนาดเล็กด้านหลังที่มองเห็นจากเทอเรซที่เขายืนอยู่ ชายหนุ่มคิดว่าเขาเห็นใครคนหนึ่ง
     ไดจิขมวดคิ้ว เขาวางแก้วเบียร์ลงบนพื้น แล้วเดินออกไปชะโงกหน้ามอง
     นางไม้
     ไม่ใช่... ร่างนั้นเป็นผู้ชายต่างหาก
     ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางสายฝน ผู้ชายคนนั้นอายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขาหรือไม่ก็น้อยกว่า สวมสเว็ตเตอร์ขนาดบางสีขาวที่เปียกน้ำจนชุ่มโชกเปียกลีบแนบตัว กางเกงสีเข้มกลมกลืนกับความมืดรอบตัว ผิวของชายหนุ่มขาวโพลนทำให้ดูเหมือนตัวของเขามีแสงสว่างเรืองออกมาจากความมืดที่รายล้อมอยู่
     ใบหน้าของผู้ชายที่เหมือนนางไม้คนนั้นเศร้าโศก เสี้ยวหน้าด้านข้างที่เห็นดูเหมือนจะมีน้ำตา แต่ก็ไม่แน่ใจ มันอาจจะเป็นสายฝนก็ได้
     “ร่ม”
     เขาหันมองรอบตัว ก่อนจะหันไปมองร่างที่ยังยืนอยู่กลางสายฝน ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งกลับเข้าไปในงาน เขาเสียเวลารอพนักงานให้เอาร่มมาให้เขา แต่เมื่อเขาไปถึงบริเวณที่คิดว่าชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ เขาก็ไม่เห็นร่างนั้นแล้ว
     “นี่เราทำอะไรลงไปวะ”
     ไดจิอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยเป็นห่วงใคร แต่เขาไม่สามารถสลัดเสี้ยวหน้าอันโศกเศร้านั้นออกจากสมองได้เลย...




     .........
     เริ่มคู่ที่ห้าแล้วค่ะ ใกล้จบเต็มทีแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
แรกพบ น่าประทับใจมาก

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora (ต่อ)



     ไดจิยังคงไม่ลืมชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางสายฝน
     เป็นครั้งแรกในชีวิตกระมังที่เขามาทำงานโดยไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เมื่อการถ่ายแฟชั่นชุดสุดท้ายเสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไดจิเปลี่ยนชุดและขอตัวกลับทันที เขาตั้งใจจะกลับไปที่ร้านที่จัดงานอีกครั้ง เผื่อจะมีใครรู้จักผู้ชายคนนั้นบ้าง แต่พนักงานที่ร้านก็ไม่มีใครรู้จักหรือจำได้เลยสักคน
     ไดจิกำลังจะหมดหวังอยู่แล้ว เขาขับรถกลับแมนชั่นของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ แต่ตอนที่ขับผ่านสวนสาธารณะใกล้แมนชั่นนั้น ชายหนุ่มก็ต้องเหยียบเบรกจนตัวโก่ง เมื่อจู่ ๆ ก็เห็นคนเดินตัดผ่านหน้ารถ
     “คุณ เป็นยังไงบ้าง โดนชนรึเปล่า” ไดจิรีบลงมาจากรถ เขาส่งเสียงถามผู้ชายที่นั่งอยู่บนพื้นถนน ห่างจากหน้ารถของเขานิดเดียว
     ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ไดจิตัวชา
     คนที่เหมือนนางไม้คนนั้น!
     “เป็นอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มคุกเข่าลงข้าง ๆ เขามองหน้าผากขาว ๆ ที่มีเลือดไหลซิบอยู่ด้วยความตกใจ ก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง พยายามจะซับเลือดให้
     “โอ๊ย” คนเจ็บร้องออกมาเบา ๆ พร้อมกับเบนศีรษะหนี ไดจิชะงัก ดวงตาของเขาสบกับดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกแก้วของเด็กหนุ่ม เขากะผิดไปหน่อยที่ว่าอายุไล่เลี่ยกัน ดูแล้วผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้อายุน่าจะสักยี่สิบต้น ๆ หรือไม่ก็อาจจะอ่อนกว่านั้น
ใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวขาวมากจนราวกับจะส่องแสงได้
     “ฉันจะพานายไปทำแผล” ไดจิพูด เขาขยับตัวจะช่วยพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าหมดสติลงในอ้อมแขนของเขาเสียก่อน

     ไดจิตัดสินใจพาเด็กหนุ่มคนนั้นมาที่ห้องของเขาแทนการพาไปโรงพยาบาล เขาอุ้มร่างของเด็กหนุ่มมาวางลงบนเตียง แล้วทำแผลที่หน้าผากให้ แผลไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แค่ล้างแผล ใส่ยา และติดพลาสเตอร์ก็เรียบร้อย ไดจิไขน้ำอุ่นจากก๊อกใส่ลงในอ่างแก้ว แล้วยกมาตั้งที่โต๊ะหัวเตียง เขาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าให้เด็กหนุ่มอย่างเบามือ
     ถ้ายังไม่ฟื้น เขาคงจะต้องพาไปโรงพยาบาล ชายหนุ่มคิด
     เขาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามซอกคอและแขนให้เด็กหนุ่ม ครู่ต่อมา เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัว
     ดวงตาเหมือนลูกแก้วกะพริบปริบ ๆ เหมือนกำลังงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เด็กหนุ่มไม่มีทีท่าตกใจที่ตื่นมาเจอคนแปลกหน้าเลย เขาแค่มองด้วยความสงสัยเท่านั้น ไดจิจึงบอกว่า
     “นายเดินตัดหน้ารถฉัน จำได้ไหม ฉันเกือบชนนายแล้ว แต่เบรกได้ทัน”
     เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะแผลที่หน้าผากโดยอัตโนมัติ
     “ตอนที่หลบรถฉัน นายล้ม อาจจะเจ็บตอนนั้น ฉันทำแผลให้แล้ว นายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง อยากจะไปตรวจที่โรงพยาบาลรึเปล่า”
     ตลอดเวลาไดจิพูดอยู่คนเดียวซึ่งมันผิดวิสัยของคนเคร่งขรึมอย่างเขามาก แต่พอเห็นหน้าเด็กหนุ่ม เห็นดวงตาใสเหมือนลูกแก้วของอีกฝ่ายแล้ว เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาคุ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
     เด็กหนุ่มส่ายหน้า เขามองไปรอบ ๆ
     “ที่นี่ห้องฉันเอง” ไดจิบอก
     ห้องของชายหนุ่มเป็นห้องแบบหนึ่งห้องนอน มีห้องครัวและห้องนั่งเล่น ขนาดของห้องกว้างขวาง แต่ก็โล่งมากเช่นกัน ในห้องของชายหนุ่มไม่มีของมากมาย มีเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น ของประดับตกแต่งอะไรก็แทบไม่มีเลย นอกจากรูปพอร์เทรตขาวดำขนาดเท่าตัวจริงที่เขาวางพิงผนังห้องด้านหนึ่งเอาไว้เท่านั้น
     “นายชื่ออะไร”
     ไดจิถาม และเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้ยินเสียงพูดของเด็กหนุ่มที่เหมือนนางไม้
     “โซระ”

     เด็กหนุ่มที่ชื่อโซระกำลังนั่งกินซุปที่เขาทำอย่างเอร็ดอร่อย
     ไดจิรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยที่ห้องที่เงียบเหงาของเขามีแขกมาเยือน แล้วก็เป็นแขกที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับ
     เหมือนเด็กหนีออกจากบ้าน ชายหนุ่มคิด
     เขารอจนโซระกินซุปจนหมดถ้วย แล้วก็เริ่มตั้งคำถาม
     “เมื่อคืนฉันเห็นนายที่โรงแรม นายยืนตากฝนอยู่ตั้งนาน ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะ”
     เด็กหนุ่มไม่ตอบ
     “แล้วคิดยังไงจู่ ๆ มาเดินตัดหน้ารถคนอื่น อยากฆ่าตัวตายรึไง”
     เด็กหนุ่มยังคงเงียบ
     ไดจิถอนหายใจ
     “นายหนีออกจากบ้านใช่ไหมเนี่ย”
     “ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว”
     โซระพูดขึ้นมาในที่สุด ในน้ำเสียงมีความดื้อดึงเล็ก ๆ ที่ไดจิรู้สึกได้
     “หนีออกจากบ้านจริง ๆ สินะ”
     “ผมไม่ได้หนี แค่ออกมาค้างข้างนอกสักพัก”
     “แล้วนอนตามสวนสาธารณะด้วยรึเปล่า”
     โซระนิ่งเหมือนคำพูดของอีกฝ่ายจี้ใจดำเข้าพอดี ไดจิจึงถือโอกาสนี้ “อบรม” เด็กหนุ่มตรงหน้าทันที
     “นายยังเป็นเด็ก ไม่ควรทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่านายมีปัญหาอะไรกับที่บ้าน แต่ทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง พ่อแม่นายคงกำลังเป็นห่วงอยู่แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าลูกชายออกมาเร่ร่อนอยู่ข้างนอกแบบนี้ แล้วเที่ยวไปนอนตามที่แบบนั้น นายคิดว่ามันปลอดภัยรึไง”
     โซระไม่ตอบโต้อะไร เขานั่งฟังนิ่ง สายตาเท่านั้นที่แสดงความรั้นออกมา
     ดื้อเงียบ ไดจิสรุป
     แล้วเมื่อไดจิพูดจบ เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน
     “ขอบคุณสำหรับซุปนะครับ”
     “เดี๋ยวก่อน นายจะไปไหน มีที่ไปแล้วเหรอ” ไดจิลุกขึ้นมาขวางไว้ โซระก้มหน้า ไม่ตอบอะไร เขาก้าวหลบไปทางด้านข้าง แต่ไดจิคว้ามือเด็กหนุ่มไว้ได้ แล้วพูดสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ยังคาดไม่ถึงว่า
     “ถ้ายังไม่มีที่ไป คืนนี้ค้างที่นี่แหละ”

     ไดจิเอาฟูกออกมาปูที่หน้าเตียง เขาบอกโซระที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วว่า
     “นายใช้เตียงฉันก็แล้วกัน”
     “ผมนอนบนฟูกเองก็ได้ครับ” โซระค้าน
     “ไม่เป็นไร นายเป็นแขก นอนบนเตียงไปแหละ”
     ไดจิยืนยัน แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกที่ปูอยู่บนพื้น หันหลังให้ หูได้ยินเสียงพึมพำของเด็กหนุ่มจากด้านหลัง 
     “ขอบคุณครับไดจิซัง” 
     ไดจินอนไม่หลับ แล้วดูท่าโซระก็คงนอนไม่หลับเหมือนกันเพราะเขาได้ยินเสียงพลิกตัวไปมาอยู่แทบจะทุกนาที ชายหนุ่มยังคงนอนหันหลังให้ แต่สักพักหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงโซระลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินมานอนลงข้าง ๆ เขาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
     “โซระ” ไดจิหันมาเรียก เด็กหนุ่มนอนหันหลังให้เขา
     “โซระ นายไปนอนที่เตียงสิ”
     ไดจิเขย่าตัว แต่เด็กหนุ่มนอนนิ่ง หายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว หลับไปได้อย่างง่าย ๆ แค่มีคนนอนเป็นเพื่อนเนี่ยนะ ไดจิถามตัวเอง
     เขาเอื้อมมือไปลูบผมโซระ
     เด็กแท้ ๆ เลย
     ผมของโซระนุ่ม ตอนนี้เขานึกออกแล้วว่าเด็กคนนี้เหมือนใคร อ้อ ต้องบอกว่าเหมือนอะไรมากกว่า
     โซระเหมือนกระต่ายขนฟูตัวสีขาวที่เขาเคยเลี้ยงสมัยเด็ก ๆ ไม่มีผิด เขาตั้งชื่อให้ว่า ชิโระ เพราะขนของมันสีขาว เจ้าชิโระมันเป็นกระต่ายหัวดื้อ ถ้ามันอารมณ์ไม่ดีมันจะไม่ให้เขาอุ้ม แต่ถ้ามันอารมณ์ดีมันจะเข้ามาหาเขาเอง ยอมให้อุ้ม ให้กอด และขนของมันก็นุ่ม ไม่ผิดอะไรกับผมของโซระที่เขากำลังลูบเล่นอยู่ตอนนี้เลย
     คงเพราะแบบนี้สินะที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยและยอมให้เด็กหนุ่มคนนี้มาค้างที่ห้องด้วย
     รู้สึกเหมือนได้เลี้ยงกระต่ายอีกครั้งหนึ่งเลย
     แล้วไดจิก็ผล็อยหลับไป

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ตาของนายแบบเย็นชากับกระต่ายน้อย

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora (ต่อ)


     ดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกแก้วเป็นสิ่งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเจอในเช้าวันนั้น ไดจิตกใจนิดหน่อย เขากระถดตัวถอยห่างออกมาเล็กน้อย โซระคงตื่นนานแล้วเพราะในดวงตาไม่มีร่องรอยงัวเงียเลย เด็กหนุ่มนั่งมองเขาอยู่เงียบ ๆ นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
     “เอ้อ...อรุณสวัสดิ์”
     “สวัสดีครับไดจิซัง” เด็กหนุ่มทักเสียงใส ไดจิไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เขาเสมองนาฬิกา พอเห็นว่าสายแล้ว เขาก็เลยถามเด็กหนุ่มว่า
     “นายกินอะไรแล้วยัง”
     โซระส่ายหน้า
     “ยังครับ ผมอยากกินซุปที่ไดจิซังทำให้เมื่อคืนอีก แต่ลองทำดูเองแล้วมันไม่เห็นจะเหมือนเลย”
     “ลองทำเองเหรอ” ไดจิทวนคำ สังหรณ์ทำให้เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินไปดูในครัวทันที
     คำว่า เละ เป็นคำเดียวที่เขาพอจะใช้อธิบายสภาพห้องครัวของเขาได้ในตอนนี้
     “ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลังพูดเสียงอ่อย
     “ช่างเหอะ นายไปนั่งรอที่โต๊ะไป เดี๋ยวฉันเก็บครัวเสร็จจะทำซุปให้” ไดจิบอก
     “ให้ผมช่วยนะ” โซระเสนอตัว เขาตรงไปหยิบผ้าจะมาช่วยเช็ดเคาน์เตอร์ครัวที่เปื้อน แต่มือก็ไปชนแก้วน้ำและจานที่อยู่แถวนั้นหล่นลงมาแตกดังเพล้ง โซระเงยหน้าขึ้นมาสบตาดุ ๆ ของไดจิ
     “ไป-รอ-ที่-โต๊ะ”
     โซระเดินคอตกไปที่โต๊ะตามที่นิ้วของไดจิชี้

     ซุปของเขามันอร่อยขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย ชายหนุ่มอดถามตัวเองไม่ได้ขณะที่มองโซระกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ตรงหน้าของไดจิมีแค่กาแฟถ้วยเดียว ปกติเช้า ๆ เขาก็ไม่ได้กินอะไรมาก งานนายแบบต้องควบคุมน้ำหนัก ทำให้ชายหนุ่มเป็นคนกินน้อยไปโดยอัตโนมัติ และจะกินอะไรแต่ละทีก็ต้องแน่ใจว่ามีประโยชน์และไม่มีผลต่อน้ำหนัก แต่อาจจะยกเว้นกาแฟไว้อย่างหนึ่ง ชายหนุ่มติดกาแฟดำรสเข้ม ๆ มันช่วยให้ตื่นตัวและไม่ง่วงงุนเวลาที่อาจจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
     “ตอนบ่ายฉันมีงาน อาจจะกลับค่ำ ๆ หน่อยนะ” ไดจิบอกเมื่อเห็นโซระกินซุปจนหมดชามแล้ว
     “แล้ววันนี้นายจะทำอะไร”
     โซระส่ายหน้าเบา ๆ
     “ผมยังไม่รู้เลย”
     “เอาเถอะ ค่อย ๆ คิดไปก็แล้วกัน นายจะอยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ แต่นายต้องสัญญากับฉันว่านายจะติดต่อกลับไปที่บ้าน ไปบอกพ่อแม่นายว่านายปลอดภัยดี”
     “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ
     ชายหนุ่มวางคีย์การ์ดกับกุญแจดอกหนึ่งลงตรงหน้าโซระ
     “คีย์การ์ดกับกุญแจสำรอง ส่วนนี่เบอร์โทรศัพท์มือถือของฉัน มีอะไรก็โทรมา อ้อ เกือบลืม” เขาเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรสองใบออกมายื่นส่งให้
     “เผื่อนายจะซื้ออะไร ข้าวเย็นก็ไม่ต้องรอฉันนะ กินไปก่อนเลย ฉันไม่รู้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่”
     โซระไม่ยอมรับเงิน
     “ผมพอมีเงิน” เด็กหนุ่มบอก “เงินจากงานพิเศษ”
     ไดจิขมวดคิ้ว
     “ฉันให้ก็รับไปเถอะน่า เงินที่นายมีก็เก็บเอาไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”
     ชายหนุ่มยัดเงินใส่มือของโซระทำให้เด็กหนุ่มจำต้องรับเอาไว้ทั้งที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เขาเดินมาส่งไดจิที่หน้าประตู
     “ไปดีมาดีนะครับ”
     ไดจิเห็นสีหน้าของโซระไม่ค่อยดีนัก เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ เอื้อมมือไปจับศีรษะเด็กหนุ่มพร้อมกับบอกว่า
     “ไม่ต้องคิดมากแล้วรู้ไหม”
     โซระพยักหน้า ไดจิจึงยิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

     “เหนื่อยหน่อยนะคะ”
     เจ้าหน้าที่ในกองถ่ายส่งแก้วน้ำให้ไดจิหลังจากการถ่ายแบบชุดสุดท้ายเสร็จ ไดจิกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องแต่งตัว เขารับแก้วน้ำแล้วยิ้มให้นิด ๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เจ้าหน้าที่สาวน้อยตาโตและเก็บเอาไปคุยกับเพื่อนอย่างตื่นเต้นว่า
     “ไดจิซังยิ้มด้วยล่ะเธอ ปกติไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่เลย”
     “นั่นสิ วันนี้ไดจิซังดูอ่อนโยนขึ้นด้วยนะ ไม่เห็นเคยเป็นมาก่อน”
     ฮิคารุอยู่ในกองถ่ายด้วย เขายิ้มนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงสนทนานั้นเข้าพอดี อุทานเบา ๆ กับตัวเองว่า 
     “อู้หู”
     สายตาของชายหนุ่มมีร่องรอยของความสนุกสนาน เขารอจนเห็นไดจิเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วจึงเดินเข้าไปหา
     “ไดจิคุง เหนื่อยหน่อยนะ”
     ไดจิไม่ตอบอะไร เขาแค่ก้มศีรษะให้เล็กน้อย แล้วก็รู้สึกรำคาญใจที่ฮิคารุยังคงตื๊อเขาไม่ยอมหยุด
     “วันนี้ไปดื่มกันไหม ฉันรู้จักร้านดี ๆ ล่ะ ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ไปด้วยกันนะ”
     “ฉันไม่ว่าง ขอโทษที”
     “เอ หลังจากนี้นายก็ไม่มีงานแล้วนี่นา แล้วนี่ก็เพิ่งหัวค่ำเองนะ ไปด้วยกันเถอะ”
     “ฉันบอกว่าไม่ว่างไงล่ะ” ไดจิเริ่มโมโห ชายหนุ่มใช้มือดันตัวฮิคารุที่ขวางทางเขาอยู่ให้ถอยออกไป แต่ดูเหมือนว่าฮิคารุจะไม่ละความพยายาม ยังคงเดินตามหลังเขามา ชายหนุ่มไม่สนใจ เขาเร่งฝีเท้าจนเกือบชนกับฝ่ายเสื้อผ้าที่ขนกล่องหลายใบเดินสวนมา แต่สตาฟคนนั้นก็ตกใจจนทำกล่องที่ขนมาหล่นจากมือลงบนพื้น ของข้างในกระจายออกมา
     “ขอโทษ” ไดจิพูดพร้อมกับคุกเข่าลงช่วยเก็บของที่ตก ส่วนใหญ่เป็นของที่ใช้ประกอบฉากและจัดเซ็ตสำหรับถ่ายแบบ ไดจิหยิบตุ๊กตากระต่ายถือแครอทตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้น ตุ๊กตาตัวอ้วนกลมทำให้นึกถึงหน้าคนที่รอเขาอยู่ที่บ้าน
     “เอ้อ...ผมขอนี่ได้ไหม”
     สตาฟคนนั้นพยักหน้าอย่างงง ๆ
     ไดจิลุกขึ้นยืน แล้วก็ชะงักเมื่อหันมาเจอกับรอยยิ้มหวานบาดตาของฮิคารุ
     “นายชอบกระต่ายเหรอ”
     “ไม่เกี่ยวกับนาย” ไดจิหน้าบึ้งแล้วรีบเดินหนีไปทันที แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของฮิคารุดังตามหลังมา

     ไดจิเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เขารู้สึกแปลกใจที่ห้องของเขาดูเงียบอย่างผิดปกติ คือปกติมันก็เงียบอยู่แล้ว แต่นั่นคือก่อนที่เขาจะมีคนมาอยู่ด้วย
     หรือโซระออกไปข้างนอก
     “กลับมาแล้ว” เขาส่งเสียงบอก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ไดจิกดสวิตช์เปิดไฟ เขาไม่เห็นโซระอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินต่อไปที่ห้องครัวซึ่งก็ปิดไฟมืดเช่นกัน
     “โซระ?” ไดจิเรียก เมื่อเขาเปิดไฟก็เห็นเด็กหนุ่มนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะข้างตัวมีถ้วยซุปสองถ้วยตั้งอยู่โดยมีพลาสติกห่อไว้ ข้างถ้วยซุปคือจานใส่ขนมปังธัญพืชที่มีพลาสติกห่อไว้เช่นกัน
     ซุปแบบเดียวกับที่เขาทำเมื่อเช้า
     ชายหนุ่มมองโซระที่ยังคงหลับไม่รู้ตัวด้วยสายตาเอ็นดู
     ดื้อจริง ๆ ด้วยสิ
     “โซระ” ไดจิเขย่าปลุก โซระงัวเงียลืมตาขึ้นมา
     “อ๊ะ ไดจิซัง กลับมาแล้วเหรอครับ”
     “กลับมาแล้ว” ไดจิยิ้มให้ เขานั่งลงตรงข้ามก่อนจะบ่นขึ้นลอย ๆ ว่า “หิวจัง”
     “หิวเหรอครับ ผมทำซุปไว้ให้คุณด้วยนะ ทานเลยไหมครับ”
     โซระถามด้วยความกระตือรือร้น เมื่อไดจิพยักหน้า เด็กหนุ่มก็กุลีกุจอแกะพลาสติกที่ห่อชามซุปอยู่ออกแล้วเอาซุปไปอุ่นในไมโครเวฟ
     “นายก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอ”
     ไดจิถาม
     “ครับ ผมรอกินพร้อมกับคุณ”
     “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ”
     “ก็ผมทำซุปแบบเดียวกับที่ไดจิซังทำได้แล้ว ผมอยากให้คุณชิม”
     ไดจิมองซุปในชามตรงหน้า ดูท่าทางน่ากินและกลิ่นก็หอมดี ชายหนุ่มตักขึ้นมาชิม
     “เป็นยังไงบ้างครับ”
     ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ให้โซระที่จ้องเขาเขม็งด้วยท่าทางตื่นเต้น
     “ใช้ได้”
     “โล่งอกไปที” โซระร้อง แล้วเขาก็ยิ้มกว้างให้ไดจิ ก่อนจะถามว่า
     “แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างครับ เหนื่อยรึเปล่า”
     “นิดหน่อย” ไดจิตอบ เขาทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก แล้วก็ลุกออกจากครัวไปก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับตุ๊กตาตัวเล็กในมือ เขาวางตุ๊กตากระต่ายลงตรงหน้าโซระแล้วบอกว่า
     “ของฝาก”
     “ของผมเหรอ” โซระถามด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเอานิ้วจิ้มตุ๊กตานุ่ม ๆ เล่น “น่ารักจังเลย ขอบคุณมากนะครับ”
     “แล้วนายล่ะ วันนี้เป็นไงมั่ง โทรไปหาที่บ้านรึยัง”
     โซระนิ่งไปนิด ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
     “โทรไปแล้วครับเมื่อตอนบ่าย แต่ไม่มีใครรับสาย ผมเลยฝากข้อความไว้”
     ไดจิพยักหน้ารับรู้ เขาพูดต่อว่า
     “ถ้าคุยกันได้เร็ว ๆ ก็ดีสินะ”
     โซระไม่ตอบ เด็กหนุ่มก้มหน้ากินซุปของเขาต่อไปเงียบ ๆ

     ไดจิดูเหมือนจะไม่แปลกใจแล้วที่โซระขนหมอนลงมานอนข้าง ๆ เขาอีกในคืนนี้ เขาเปิดผ้าห่มให้เด็กหนุ่มสอดตัวเข้ามา โซระนอนหันหลังให้เขาและนิ่งจนไดจิคิดว่าเด็กหนุ่มนอนหลับไปแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโซระพูดขึ้นว่า
     “ผมจะกลับไปทำงานพิเศษนะครับ”
     “งานอะไร”
     “พนักงานบริษัทครับ” เด็กหนุ่มตอบ “ที่เดียวกับที่ผมเคยทำ ผมไม่อยากรบกวนไดจิซังนาน ๆ พอมีเงินสักก้อน ผมก็จะไป”
     “ตกลงนายจะไม่กลับบ้านเหรอ”
     “ไม่ครับ ผมอายุสิบแปดแล้ว เรียนจบแล้ว ผมอยากทำงานและอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผมจะพูดให้พ่อกับแม่เข้าใจอย่างแน่นอนครับ”
     “งั้นเหรอ” ไดจิทวนคำพูดของเด็กหนุ่ม “เก็บเงินได้แล้วก็จะไปสินะ”
     ชายหนุ่มเงียบไป เช่นเดียวกับโซระ แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะไม่มีใครหลับตาได้ลงเลยในคืนนี้



     ...........
     ต่อค่ะ วันนี้ว่าง  :ling2:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
แล้วไงต่อ ต่อมเผือกพลุ่งพล่าน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ละมุนละไมมาก

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora (ต่อ)


     ขนมกระต่าย
     ไดจิมองซองขนมที่ถูกวางลงตรงหน้าอย่างงง ๆ แล้วเงยหน้ามองคนให้
     ฮิคารุยืนยิ้มหวานให้เขา
     “ดูเหมือนว่าจะเลี้ยงกระต่ายอยู่สินะนายน่ะ”
     “พูดอะไรของนาย”
     ไดจิไม่สนใจ เขาหันข้างให้ เปิดนิตยสารออกอ่านต่อ ช่วงนี้เขาต้องมาซ้อมเดินแบบเพื่อแฟชั่นโชว์ชุดต่อไปของแบรนด์ Aki และแน่นอนว่าฮิคารุก็เป็นนายแบบคนหนึ่งด้วย เขาเลยเจอหมอนี่บ่อยหน่อย และทุกครั้งเจ้าหมอนี่ก็จะคอยมาป้วนเปี้ยนรบกวนเขาแบบนี้
     “อย่าปิดเลยน่ะ เลิกงานปุ๊บนายก็รีบร้อนกลับบ้านแบบนี้ นายต้องเลี้ยงอะไรสักอย่างไว้แน่ ๆ เลย ฉันเดาว่าเป็นกระต่าย ดูเหมือนนายจะชอบกระต่ายนี่ใช่ไหมล่ะ”
     “พูดมาก”
     ไดจิพูดเสียงห้วน แต่เขาก็ทำแบบที่ฮิคารุพูดจริง ๆ นั่นแหละ ทันทีที่งานเสร็จเขาก็รีบกลับบ้าน เพราะที่บ้านของเขามีคนรออยู่
ไม่ใช่กระต่าย แต่ก็เหมือนกระต่าย
     โซระ
     ดูเหมือนเขาจะชินเสียแล้วกับการที่เปิดประตูห้องแล้วจะไม่ได้เจอแต่ความเงียบและความมืดอีกต่อไป แต่เป็นรอยยิ้มของโซระพร้อมกับเสียงใส ๆ ที่ทักเขาว่า
     “กลับมาแล้วเหรอครับ เหนื่อยไหมครับ ไดจิซัง”
     ไดจิก็จะยิ้มตอบทุกครั้ง แล้วรับน้ำชาที่โซระชงให้มาดื่ม
     “นี่อะไรเหรอครับไดจิซัง”
     โซระหยิบถุงขนมขึ้นมาดู เป็นขนมกระต่ายที่ฮิคารุยัดเยียดให้เขามา
     “เพื่อนนายแบบให้มา มันนึกว่าฉันเลี้ยงกระต่าย” ไดจิตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แต่โซระยังคงพลิกถุงในมือดูอย่างสนใจ ปากก็ชวนคุย
     “ทำไมล่ะครับ”
     “ไม่รู้สิ แต่เจ้านั่นมันก็ชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” ไดจิตัดบทเพราะไม่อยากจะอธิบายสาเหตุให้เด็กหนุ่มรู้
     “สนใจเหรอ” ไดจิถามเมื่อเห็นโซระยังมองถุงขนมกระต่ายอยู่
     “ว่าไงนะครับ”
     “กระต่ายน่ะ” ไดจิชี้ไปที่ถุงขนม โซระพยักหน้ารับ
     “ผมชอบกระต่ายตัวอ้วน ๆ ขนฟู ๆ สีขาว น่ารักดี”
     “งั้นไว้จะซื้อมาให้” ไดจิสัญญา

     โซระนอนหลับไปแล้ว นอนขดตัวหันหลังให้เขาอย่างทุกที ไดจิเลื่อนผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้โซระอย่างเบามือ
     เขาคิดยังไงกับโซระกันนะ
     ไดจิถามตัวเอง
     ถ้าเด็กหนุ่มไปจากเขา ถ้าวันหนึ่งเขาเปิดประตูห้องมาแล้วไม่เจอโซระ
     วันนั้นเขาจะรู้สึกยังไงนะ

     “ขอบคุณมากนะทุกคน”
     อากิ มิสุชิมะกล่าวพร้อมกับโค้งให้ทุกคนเมื่อการซ้อมใหญ่สำหรับแฟชั่นโชว์สิ้นสุดลง
     “งานในวันมะรืนก็ขอฝากทุกคนด้วยนะคะ”
     “ขอบคุณมากครับ/ค่ะ”
     สตาฟทุกคนรวมทั้งนายแบบและนางแบบพูดพร้อมกัน แล้วก็แยกย้ายกันไป อากิเดินมาหาไดจิพร้อมกับส่งซองสีฟ้าสดใสให้เขา
     “บัตรเชิญงานวันมะรืนของไดจิคุง ซองเดียวเหมือนเดิมใช่ไหม”
     ไดจิรับมาถือไว้ เขายังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรต่อ ฮิคารุที่ไม่รู้มาจากไหนก็ยื่นหน้าข้ามไหล่เขามาบอกอากิว่า
     “ปีนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วน้าอากิซัง ของไดจิคุงต้องสองซองครับ”
     “อ้าว ไดจิคุงมีคนที่จะเชิญมาแล้วเหรอ” อากิหันมาถาม
     ไดจิพูดไม่ทันฮิคารุตามเคย แค่เขาอ้าปาก ฮิคารุก็ชิงพูดออกมาก่อนว่า
     “ไดจิคุงเลี้ยงกระต่ายเอาไว้ครับ คุณต้องให้บัตรเชิญกระต่ายของไดจิคุงเขาด้วยนะ”
     ไดจิกลอกตา อากิหัวเราะเบา ๆ แล้วก็ส่งซองอีกซองหนึ่งในมือให้ไดจิ
     “งั้นนี่สำหรับกระต่ายของไดจิคุงนะ วันงานก็พามาดูด้วยล่ะ”
     เมื่ออากิไปแล้ว ไดจิก็หันมาถามฮิคารุเสียงห้วนว่า
     “เล่นอะไรของนาย”
     ฮิคารุยักคิ้วให้ด้วยท่าทางกวน ๆ แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฟังกวนประสาทอย่างที่สุด
     ไดจิก้มลงมองซองบัตรเชิญในมืออย่างตัดสินใจไม่ถูก

     “เอ๋ งานเดินแบบวันมะรืนนี้ของไดจิซังเหรอครับ”
     โซระอ่านบัตรเชิญที่จู่ ๆ ไดจิก็ยื่นให้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
     “ฉันเชิญแขกไปได้หนึ่งคน นายว่างไหมล่ะ”
     “งานเดินแบบเหรอครับ” โซระทำหน้ายุ่ง
     “ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้” ไดจิรีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่ม แต่ในใจของเขากลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าโซระทำท่าเหมือนไม่อยากไปร่วมงานของเขา
     “วันนั้นผมมีงาน” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มบอก
     “งั้นก็ไปทำงานเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า” เขาพูดเมื่อเห็นสีหน้าของโซระยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม้กระทั่งตอนที่เข้านอนก็ดูเหมือนว่าโซระยังมีอะไรที่ติดอยู่ในใจ
     “โซระ นายยังคิดเรื่องงานวันมะรืนอยู่อีกเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
     “แต่ไดจิซังอุตส่าห์ชวน” โซระพลิกตัวกลับมาหาเขา ทำหน้ายุ่ง
     ไดจิเห็นแล้วอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ เขาใช้นิ้วชี้ลูบที่รอยย่นระหว่างคิ้วของโซระ
     “ฉันพูดอะไรนายก็ไม่เคยเชื่อเหมือนเดิมเลยนะ บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เลิกทำหน้าอย่างนี้ได้แล้ว”
     โซระคลายคิ้วที่ขมวดยุ่งลงได้ในที่สุด เขานิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังคิดใคร่ครวญ ก่อนจะถามว่า
     “ไดจิซัง ถ้าวันหนึ่งผมทำอะไรที่คุณอาจจะไม่ชอบลงไป คุณจะโกรธผมไหม”
     “ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องอะไร”
     ไดจิตอบ เขาพยายามสบตากับโซระ แต่เด็กหนุ่มหลุบตาลงต่ำตลอดเวลา
     “ถ้าผมโกหกหรือหลอกลวงคุณ”
     “ก็คงจะโกรธมาก” ไดจิตอบ เขาเห็นใบหน้าของโซระสลดลง ชายหนุ่มถอนใจ เขาใช้สองมือจับหน้าของเด็กหนุ่มให้เงยขึ้นมามองสบตากับเขา
     “ถึงนายจะทำเรื่องอะไรร้ายแรงแค่ไหนก็ขอให้บอกฉันมาตรง ๆ เถอะ ฉันอาจจะโกรธ แต่ไม่โกรธเท่ากับที่นายโกหกหรอกนะ จำไว้”
     โซระไม่พูดอะไร แต่เป็นครั้งแรกที่โซระไม่นอนหันหลังให้เขา เด็กหนุ่มเขยิบเข้ามาชิด สองมือจับสาบเสื้อของเขาไว้แน่น แล้วก็หลับตาลง
     “โซระ”
     ไดจิเรียก แต่เด็กหนุ่มไม่ลืมตา ไม่ขยับตัว
     “เฮ้ นอนดี ๆ สิ”
     สองมือที่จับเสื้อเขาเอาไว้ยิ่งกำแน่นขึ้น ไดจิถอนหายใจพลางพึมพำอย่างอ่อนใจ
     “เจ้าเด็กดื้อเอ๊ย”
     ชายหนุ่มขยี้หัวอีกฝ่ายแรง ๆ และเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขากอดโซระเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะนอนหลับไป

     โซระจ้องโทรศัพท์ในมือนิ่ง เขาพิมพ์ข้อความแล้วลบแล้วพิมพ์ใหม่นับไม่ถ้วน แต่ยังตัดสินใจไม่ได้สักที
     “นายจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ”
     โซระสะดุ้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดด้วย แล้วก้มศีรษะให้
     “นางิซัง”
     นางินั่งลงข้างตัวโซระ เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เด็กหนุ่มข้างตัวเขายังคงนั่งอยู่บนเตียงและสวมเสื้อคลุมของโรงแรมอยู่ มือก็ยุ่งกับโทรศัพท์ไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่ถ่ายเสร็จ
     “แต่ผมรับปากฮิคารุซังไว้แล้ว” โซระพูดด้วยความลำบากใจ
     “เจ้านั่นมันก็แค่อยากเล่นสนุกป่วนคนเล่นแค่นั้นแหละ ถ้านายไม่อยากทำแล้ว อยากจะเลิก เจ้านั่นก็ไม่ว่าอะไรหรอก แผนการที่ล้อเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกคนแบบนี้น่ะ ฮิคารุมันก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วอาจจะออกมาในรูปนี้” นางิพูด เขานึกถึงตอนที่ฮิคารุมาหาเมื่อวันก่อนพร้อมกับหอบเอาแผนการแกล้งคนมาปรึกษา และตัวเขานี่แหละที่เป็นคนแนะนำโซระให้ฮิคารุ
     “นายชอบเขาแล้วใช่ไหมล่ะ นายแบบคนนั้นน่ะ” นางิถาม
     โซระพยักหน้า
     “แต่ผมกำลังหลอกเขาอยู่ ความลับมันไม่มีในโลกใช่ไหมครับนางิซัง ถึงผมจะเลิกเป็นนักแสดงจีวี แต่สักวันไดจิซังก็ต้องรู้จนได้ ถึงตอนนั้นเขาคงจะโกรธผม”
     “นั่นนายก็ต้องตัดสินใจเอง จะตัดใจ แล้วยอมทำตามแผนของฮิคารุต่อไป หรือจะสารภาพแล้วขอเริ่มต้นใหม่กับหมอนั่น”
     “แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหน ผมก็จะต้องเสียไดจิซังไปทั้งนั้น” โซระพูด น้ำเสียงเหมือนคนปลงตก
     “ผมจะทำตามที่รับปากฮิคารุซังไว้ครับ”
     โซระตัดสินใจ เขาพิมพ์ข้อความใส่โทรศัพท์และกดส่งถึงไดจิ
     ลาก่อนครับ ไดจิซัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :a5:ฮะ  แผนของสองแสบ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ม่ายยยยยย
ทำไมแกล้งแรงอย่างนี้!!!!!

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
โอยย สงสารไดจิ อุตส่าห์เปิดใจแล้วนะเนี่ยย

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora (ต่อ)

     งานแฟชั่นโชว์สำเร็จลงด้วยดี คำชมทะลักทลายเข้ามาจนอากิ มิสุชิมะยิ้มแก้มปริ บรรดาสตาฟและนายแบบนางแบบเองก็มีความสุขที่งานออกมาดีเพราะนั่นหมายถึงงานต่อไปก็มีหวังว่าจะได้เข้าร่วมด้วยอีก และหลังจากงานหนักเสร็จสิ้นลงก็เป็นเวลาสำหรับงานเลี้ยงฉลอง
     ไดจิมองนาฬิกาด้วยท่าทางกระสับกระส่าย เขาอยากจะออกจากงาน แต่ก็กลัวว่าจะเสียมารยาทจึงจำต้องอยู่ต่อ อย่างน้อยก็จนถึงเวลาชนแก้วฉลองให้มิสุชิมะเซนเซย์
     “ถ้ามีธุระก็ไปสิ เดี๋ยวฉันบอกอากิซังให้” ฮิคารุโฉบเข้ามาใกล้พร้อมกับดึงแก้วไวน์ไปจากมือของไดจิพร้อมกับแหย่เย้าทิ้งท้าย
     “คิดถึงกระต่ายที่บ้านขนาดนี้เลยเหรอ”
     ไดจิคร้านที่จะโต้ตอบหรือแก้ความเข้าใจผิดเต็มทีเพราะพูดไปคนตรงหน้าก็ไม่สนใจจะฟัง เขาพึมพำขอบใจอย่างเสียมิได้ แล้วก็ออกมาจากงานตามที่ฮิคารุบอก
     ชายหนุ่มนัดรับของอย่างหนึ่งที่สถานีรถไฟใกล้ที่จัดงาน เขากล่าวขอโทษที่ต้องนัดเวลาค่อนข้างดึก แต่คนส่งของที่เป็นสาวน้อยไม่มีทีท่าไม่พอใจแต่อย่างใด ดูจะตื่นเต้นด้วยซ้ำที่ได้เจอไดจิ ชายหนุ่มรับกระเป๋าทรงสีเหลี่ยมบุนวมมาถือไว้อย่างระมัดระวัง อีกมือหนึ่งรับถุงกระดาษใบใหญ่ที่สาวน้อยส่งมาให้พร้อมกันด้วย
     “ขอบคุณที่ช่วยรับไปดูแลนะคะ” สาวน้อยก้มศีรษะให้เป็นการลาและขอบคุณไปพร้อมกัน
     ไดจิก้มศีรษะตอบ เขามองกระเป๋าในมือที่สั่นน้อย ๆ ก่อนจะจุดยิ้มที่มุมปาก
     โซระจะดีใจไหมนะ
     ชายหนุ่มกลับมาถึงที่ห้อง แต่เมื่อเขาไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบห้องปิดไฟมืด ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดึกขนาดนี้แล้วโซระยังไม่กลับมาอีกหรือ ไดจิวางของที่ถือมาทั้งหมดลงบนโต๊ะ เขาโทรศัพท์เข้ามือถือของเด็กหนุ่ม แต่โซระปิดโทรศัพท์
     “ไปไหนของเขา” ไดจิพึมพำ
     กระเป๋าสี่เหลี่ยมสั่นอีกเหมือนสิ่งที่อยู่ข้างในอยากจะออกมาเต็มที ไดจิจึงเปิดกระเป๋าออกและอุ้มเอากระต่ายขนฟูสีขาวตัวอ้วนกลมออกมา เจ้ากระต่ายน้อยดิ้นอยู่ในมือของไดจิ เขาจึงวางมันลงที่พื้นห้อง ปล่อยให้มันวิ่งไปมา
     ชายหนุ่มนึกเป็นห่วงโซระ แต่เขาโทรหาโซระไม่ติดเลย แล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองรู้เรื่องของโซระน้อยมาก ไม่รู้ด้วยว่าถ้าโซระหายไปแล้วเขาจะไปตามที่ไหนหรือกับใคร
     ไดจิเริ่มกระวนกระวาย
     เสียงข้อความเข้า
     ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มาดูทันที
     ข้อความจากโซระ
     แต่เมื่ออ่านจบ ไดจิก็รู้สึกเหมือนกับมีใครมาทำให้ท้องฟ้าที่สดใสที่เขามองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหม่นหมองและมืดมัวลง

     “ไดจิซังครับ
     การเดินแบบเป็นยังไงบ้าง ผมมั่นใจว่าไดจิซังต้องทำได้ยอดเยี่ยมแน่นอน ผมอยากไปดูคุณจริง ๆ แต่ผมคิดว่าถ้าผมไปมันคงไม่ดีกับไดจิซังแน่ ๆ และถ้ามีใครรู้ว่าคุณอยู่กับคนอย่างผม ภาพลักษณ์ของคุณก็จะดูไม่ดีไปด้วย ผมจึงคิดว่ามันควรจะถึงเวลาแล้วที่ผมต้องไปซะที ไดจิซัง ผมขอโทษนะครับที่ไปโดยไม่ได้บอกลาคุณ แต่ผมคิดว่านี่เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ผมมีความสุขมากตลอดเวลาที่ได้อยู่กับคุณ
     ลาก่อนครับ
     โซระ”

     ไดจินิ่ง เขาปิดโทรศัพท์และวางมันลงบนโต๊ะอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มดูเหมือนจะควบคุมตัวเองได้และรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้อย่างสงบ แต่ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วเห็นของส่วนตัวของโซระหายไปหมด เขาก็ร้องออกมาเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ
     ชายหนุ่มร้องโหยหวนพร้อมกับฉีกทึ้งหมอนและผ้าห่มและของที่เขาจะคว้าได้
     เหมือนกับวันที่เขาสูญเสียพ่อกับแม่ วันที่เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ก่อนที่เขาจะขายมันทิ้งไปเพราะทนความอ้างว้างและโดดเดี่ยวไม่ไหว
     ไดจิปิดตัวเองเพราะเขาไม่อยากเจ็บปวดอีก เพราะความเจ็บปวดมันมากเกินกว่าที่ตัวเองจะทนไหวแบบนี้นี่ไง
     เจ็บปวดเพราะสูญเสียคนที่รักไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
     เขารักโซระ
     ชายหนุ่มแน่ใจแล้ว

     ไดจิลากตัวเองไปทำงานจนได้ ทั้งที่หัวใจของเขาแหลกสลายไปหมดแล้ว
     สองสามวันที่ผ่านมา เขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จมอยู่กับความเศร้าโศก เป็นสองวันที่ทรมานที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว เขาแทบไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ สภาพของเขาจึงโทรมสุดขีดชนิดที่คนเห็นพากันอ้าปากค้าง
     “ไดจิคุง เธอไม่สบายรึเปล่าเนี่ย” อากิอุทานเมื่อเห็นไดจิเต็มตา
     หลังแฟชั่นโชว์คือการถ่ายแบบลงนิตยสาร นายแบบและนางแบบจะถูกนัดให้มารับคิวและลองชุด ถ้าต้องแก้ไซส์หรือปรับชุดก็จะทำในวันนี้ แต่สภาพของนายแบบเบอร์ต้น ๆ ของวงการวันนี้กลับดูไม่พร้อมทำงานเลย
     ฮิคารุฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มากเมื่อเห็นสภาพเพื่อนร่วมวงการ
     มันเป็นเอามากจริง ๆ แฮะ
     “อะไรกัน ไดจิคุง ทำไมโทรมยังงี้อะ หรือทะเลาะกับกระต่ายที่บ้านเลยถูกทิ้งซะแล้ว”
     ถ้าเป็นเวลาปกติ ไดจิคงอดทนได้มากกว่านี้ แต่นี่เขาทั้งอดนอนและกำลังเสียใจ ประสาทของเขาตึงเครียดกว่าปกติอยู่แล้ว เมื่อโดนแหย่ชนิดแทงใจดำขนาดนี้ ไดจิก็สติหลุด เขาตรงเข้ามากระชากคอเสื้อฮิคารุทันทีและกำหมัดจะต่อยหน้าของอีกฝ่าย แต่ฮิคารุเร็วกว่า เหมือนเขารอคอยเวลาแบบนี้มานานแล้ว เพราะเมื่อคอเสื้อของเขาโดนกระชาก หมัดของฮิคารุก็ต่อยสวนทันที โดนมุมปากของไดจิเข้าถนัดถนี่จนปากแตก เลือดไหลซิบ และตัวชายหนุ่มก็ล้มลงก้นจ้ำเบ้า ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายเอะอะโวยวายของอากิและสตาฟรวมทั้งนายแบบและนางแบบคนอื่น ๆ
     “นี่แค่สั่งสอนเบา ๆ เท่านั้นนะสำหรับรุ่นน้องที่ยโสโอหังและอวดดีอย่างนาย”
     ฮิคารุพูดเสียงเรียบเย็นชนิดคนฟังขนลุก
     “จำใส่หัวเอาไว้ แล้วถ้านายยังคิดจะปีนเกลียวและมีเรื่องกับรุ่นพี่อย่างฉันอยู่อีกล่ะก็ ชีวิตนายจะไม่มีวันได้สุขสงบอีกแน่นอน ฉันสาบาน”
     ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปพูดกับไดจิใกล้ ๆ ตาสบตา แววตาของฮิคารุคมกริบและจริงจังจนน่าขนลุก
     ฮิคารุในตอนนี้ต่างจากคนขี้เล่นอารมณ์ดีที่พยายามผูกมิตรกับเขาเหมือนเป็นคนละคน แต่พอข่มขู่เขาเสร็จ ฮิคารุก็เปลี่ยนกลับมาเป็นคนเดิมอีก เขายืดตัวตรงและยิ้มหวานแจกจ่ายให้คนทุกคนในห้อง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เหมือนไม่ได้เพิ่งมีเรื่องชกต่อยว่า
     “ใครช่วยพาไดจิคุงไปทำแผลหน่อยได้ไหมครับ ผมต่อยเขาจนปากแตกซะแล้วสิ”
     คนในห้องค่อยคลายตะลึง อากิรีบสั่งสตาฟใกล้ตัวให้พยุงไดจิขึ้นและพาไปห้องพยาบาล เมื่อลับร่างไดจิ อากิก็หันมาหาฮิคารุ กระแอมเบา ๆ ก่อนเปรยว่า
     “ฉันมีความรู้สึกว่าเรื่องสั่งสอนที่เธอพูดถึงมันไม่ใช่แค่เรื่องต่อยยังไงก็ไม่รู้สิฮิคารุคุง”
     ฮิคารุเพียงหัวเราะเสียงสดใสเป็นคำตอบ

     ระหว่างที่ไดจิทำแผลอยู่ สตาฟที่พาชายหนุ่มมาที่ห้องพยาบาลก็อดปากไว้ไม่อยู่ ออกปากเตือนชายหนุ่มว่า
     “ฉันว่าคุณดีกับฮิคารุซังไว้ดีกว่านะคะ”
     พอเขาเหลือบมามองด้วยความสงสัย เจ้าหล่อนก็ยิ้มให้พร้อมกับพูดต่อว่า
     “ฮิคารุซังน่ะปกติใจดีนะคะ อารมณ์ดี ขี้เล่น ให้เกียรติสตาฟอย่างพวกเรามากด้วย แต่เวลาเอาเรื่องขึ้นมานี่ก็ระเบิดดี ๆ นี่เองค่ะ คนที่มีปัญหากับฮิคารุซังน่ะดับมาหลายรายแล้วนะคะ”
     “คุณกำลังบอกให้ผมก้มหัวให้เจ้านั่นเพื่อยืนอยู่ในวงการอย่างนั้นเหรอ” เขาถามเสียงขุ่น
     “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ” สตาฟสาวสั่นศีรษะ “แค่ผูกมิตรเท่านั้นเอง คนเราน่ะมีมิตรดีกว่ามีศัตรูไม่ใช่เหรอคะ แล้วการที่คุณแข็งใส่คนอย่างฮิคารุซังน่ะมีแต่จะเสียเปรียบ ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ขอให้เก็บเอาไปคิดด้วย”
     ไดจิไม่ค่อยอยากจะยอมรับ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าที่สตาฟพูดมามีส่วนถูก ถ้าเขาเป็นมิตรกับฮิคารุ แทนที่จะหมั่นไส้และตั้งแง่อย่างไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย อย่างน้อยเรื่องมันก็คงไม่บานปลายถึงขนาดนี้
     เมื่อเขากลับมาที่ห้องประชุมอีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ไม่อยู่แล้ว เหลือแค่อากิกับสตาฟอีกสองสามคนเท่านั้นที่ยังประชุมกันอยู่
     “อย่าโกรธฮิคารุคุงเลยนะ” อากิพูดเมื่อไดจิเดินกลับเข้ามาในห้อง
     “ผมเองครับที่เป็นฝ่ายเสียมารยาท ฮิคารุซังพูดถูกแล้ว เขาเป็นรุ่นพี่ของผม ผมไม่ควรที่จะไปตั้งแง่กับเขาอย่างนั้น” ชายหนุ่มยอมรับผิด
     อากิยิ้มนิด ๆ
     “เด็กคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ เขาทนไม่ได้หรอกที่ตัวเองจะถูกเมินหรือไม่ได้รับความสนใจ เขาเป็นต้องเรียกร้องความสนใจเสมอล่ะ แล้วส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นวิธีที่ออกจะเอาเรื่องอยู่สักหน่อยซะด้วยสิ” สายตาของอากิมองไปที่ซองใสบนโต๊ะตรงหน้า ไดจิมองตาม
     “ขนาดสึโยชิซัง แฟนของเด็กคนนั้นน่ะนะ สมัยก่อนยังโดนเล่นงานซะย่ำแย่เลย”
     “อย่างนั้นหรือครับ”
     “ใช่แล้วล่ะ ฟังเขาเล่าแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่เจ้าตัวเขาก็ไม่เดือดร้อนน่ะนะเพราะก็รักนั่นแหละ ไม่ว่าคนที่ตัวเองรักจะร้ายกาจแค่ไหนก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละจริงไหม”
     อากิหัวเราะเบา ๆ มือหยิบเอกสารซึ่งเป็นโปสเตอร์แผ่นเล็กขนาดเอห้าสองสามแผ่นจากซองพลาสติกใสออกมาดู ก่อนจะบ่นว่า
     “ฮิคารุเอาบัตรเชิญอีเว้นท์ของค่ายหนังของสึโยชิซังมาให้ด้วยวันนี้ น่าเสียดายที่ฉันไม่ว่างซะแล้ว งานคืนนี้เลยอดไปดูหน้าสตาร์ของค่ายเขาเลย ฉันตั้งใจว่าจะใช้นักแสดงจีวีมาเป็นนายแบบให้เครื่องประดับที่ฉันออกแบบสักหน่อย เครื่องประดับธีมเซ็กซี่ร้อนแรง น่าจะเหมาะกันดี”
     “งั้นให้ฉันไปแทนนะคะอาจารย์ ได้ข่าวว่านักแสดงค่ายนี้หน้าตาดีทั้งนั้น แล้วอีเว้นท์นี้ก็จะเปิดตัวนักแสดงหน้าใหม่ด้วย ฉันอยากไปเจอตัวจริงมากค่ะ” สตาฟคนหนึ่งในห้องรีบยกมือเสนอตัวด้วยความกระตือรือร้น อากิหัวเราะเสียงดัง
     “อยากไปเจอหนุ่มว่างั้น เธอนี่ล่ะน้า”
     “แหม ก็แต่ละคนหน้าตาดีกันเหลือเกินนี่คะ พ่อหนุ่มหน้าใหม่นี่ก็ไม่เลวนะคะ ดูเหมือนจะชื่อ...”
     สตาฟหยุดนิดนึงเมื่ออ่านชื่อใต้รูป
     “โซระ”
     ไดจิที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ สะดุ้งเหมือนถูกเข็มแทง เขายอมเสียมารยาทดึงโปสเตอร์แผ่นนั้นจากมือของสตาฟมาดู
     โซระจริง ๆ ด้วย
     โซระของเขา
     ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง
     เรื่องที่กลัวเขาโกรธ เรื่องที่ว่าทำไมต้องหายตัวไปจากเขา เรื่องที่ไม่ยอมมางาน เรื่องที่ไม่ค่อยยอมพูดถึงตัวเอง เรื่องที่มีปัญหากับพ่อแม่ขนาดหนีออกมาจากบ้าน
     เพราะเป็นนักแสดงจีวีนี่เองใช่ไหม
     “ไดจิคุง?”
     ไดจิเงยหน้าขึ้นมามองอากิแล้วถามว่า
     “ฮิคารุซังอยู่ที่ไหนครับ”


     ..........
     ไม่ต้องแปลกใจที่ฮิคารุนิสัยอย่างนี้นะคะ เธอโดนคนเขียนสปอยล์แบบสุดพลังค่ะ :laugh: เพราะเรารักฮิคารุที่สุด  :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2014 07:44:09 โดย Mettnoon »

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ฮิคารุนิสัยไม่ดีเลย ทำไมเอาความรู้สึกคนมาเล่นแบบนี้ เหอๆ
ถ้าไดจิรู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนจะเป็นไงนะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ฮิคารุเป็นบุคคลที่ไมีน่าเข้าใกล้มากกว่านะ555

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :mew5:ฮิคารุ ปล่อยให้พ่อกับผัวรัก ก็พอแล้ว
ณ เวลานี้เกลียดเธอมาก เชอะ

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ไม่ว่ายังไงฮิคารุก็ยังคงร้ายกาจ เจ้าแผนการ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
สุดๆอ่ะอิคารุนางร้ายมาก
สงสารก็แต่คนที่นางเอามาเป็นหมากเล่น

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่ห้า: Daichi x Sora (จบ)


     ไดจิต้องตามมาถึงสถานที่จัดงานเพราะเขาคลาดกับฮิคารุไปเพียงนิดเดียว และเจ้ารุ่นพี่ตัวแสบนั่นก็ดันปิดโทรศัพท์มือถือเสียอีก แต่ความโชคร้ายของเขามันไม่หมดแค่นั้น ยามหน้าอาคารไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างในเพราะเขาไม่มีบัตรเชิญ
     ชายหนุ่มรีบร้อนตามฮิคารุจนเขาลืมคิดที่จะขอบัตรเชิญจากมิสุชิมะเซนเซย์เสียสนิท
     ถ้าอยู่ในสภาพปกติ เขาคงโทรกลับไปหามิสุชิมะเซนเซย์และขอให้ช่วยติดต่อเจ้าของงานให้ แต่ตอนนี้สติของเขาไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย เขาจึงนึกอะไรไม่ออกนอกจากดึงดันจะเข้าไปในงานให้ได้อย่างเดียวจนมีเรื่องทุ่มเถียงกับยามเสียงดังลั่น
     “มีเรื่องอะไรกัน”
     ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใส่สูทสีเข้มเดินตรงเข้ามาหา เขาขมวดคิ้วมองเจ้าหน้าที่และมองไดจิที่ใส่แจ็กเก็ตยีนยับย่นด้วยความสงสัย
     “คุณคนนี้ครับไม่มีบัตรเชิญแต่ต้องการจะเข้าไปในงานให้ได้ ทำยังไงก็ไม่ยอมครับ”
     ชายหนุ่มในชุดสูทหันมามองไดจิเต็มตา
     “ผมชื่ออัตสึชิ เป็นเจ้าหน้าที่ของงาน อีเว้นท์นี้จัดเป็นการภายใน เฉพาะแขกที่มีบัตรเชิญเท่านั้นครับ กรุณาเข้าใจด้วย และถ้าคุณไม่หยุดก่อปัญหา ทางเราจะต้องแจ้งตำรวจ”
     “แต่ผมต้องเข้าไปข้างใน ผมต้องการพบโซระ”
     ชายหนุ่มร่ำร้องด้วยอาการฮึดฮัด ก่อนจะนึกได้จึงเสริมว่า
     “ผมชื่อไดจิ เป็นรุ่นน้องของฮิคารุซัง”
     “รุ่นน้องของฮิคารุเหรอ?” อัตสึชิทวนคำ มองไดจิด้วยสายตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่ชายหนุ่มก็ยกมือเป็นเชิงบอกให้รอ แล้วดึงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมากด
     “พี่ครับ ฮิคารุอยู่กับพี่รึเปล่า ครับ ขอผมพูดด้วยหน่อย”
     ชายหนุ่มรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เขาก็พูดว่า
     “ที่หน้างานมีคนมาอ้างตัวเป็นรุ่นน้องนาย ชื่อไดจิ”

     ไดจิได้เข้ามาในงานจนได้เพราะเมื่อฮิคารุรู้เรื่อง เขาก็เดินออกมารับพร้อมกับส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริง
     “ไง ไดจิคุง มาถึงนี่เชียวนะ มีธุระอะไรล่ะ”
     “ฮิคารุซัง” ไดจิก้มศีรษะให้ ท่าทางของเขาอ่อนน้อมลงจนฮิคารุรู้สึกได้
     “ผมอยากพบโซระ กรุณาด้วยเถอะครับ” ไดจิขอร้อง
     ฮิคารุเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากนิด ๆ
     “อยากพบทำไม ตอนนี้โซระกำลังเตรียมตัวอยู่ ไม่ว่างมาพบนายหรอก” ฮิคารุตัดบทไม่เหลือเยื่อใย ตอนนี้เขากำลังสนุกสนานเหลือเกินที่ได้แกล้งเจ้ารุ่นน้องอวดดีคนนี้ ดูเหมือนคนโดนแกล้งก็รู้ตัวดีเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมกัดฟันง้อเจ้ารุ่นพี่ร้ายกาจคนนี้
     “ผมมีเรื่องส่วนตัวต้องพูดกับโซระครับ ขอร้องเถอะครับฮิคารุซัง ขอผมพบโซระเถอะ”
     “สำคัญไหมล่ะ ถ้าไม่สำคัญก็รอจนงานเลิกละกัน นี่อีกแป๊บนึงงานก็จะเริ่มละ โซระไม่มีเวลามาพบนายหรอก”
     ฮิคารุยืนกราน แต่ก็ยอมอนุญาตว่า
     “นายจะเข้าไปในงานด้วยก็ได้นะ แต่ถ้าจะรออยู่ข้างนอกก็ตามใจ”
     ไดจิยอมทำตามที่ฮิคารุพูดอย่างไม่มีทางเลือก เขาเดินตามหลังฮิคารุเข้าไปในห้องที่ใช้จัดงาน ดูเหมือนว่างานนี้จะเป็นแฟนมีตติ้งที่ทางค่ายจัดขึ้นเพื่อให้โมเดลได้พบปะแฟนคลับและทำกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งยังจะใช้งานนี้เป็นการแนะนำนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งในครั้งนี้คือโซระ
     ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่า เขารู้สึกอย่างไรที่โซระแสดงจีวี โซระที่เขารักกอดจูบและมีเซ็กซ์กับผู้ชายคนอื่น
     คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง เขาไม่แคร์ ต่อให้มันยิ่งกว่านี้ เขาก็ไม่แคร์ ถ้านั่นเป็นงานของโซระ เป็นสิ่งที่โซระเลือกแล้วว่าจะทำ เขาก็พร้อมจะยอมรับในสิ่งที่โซระเลือก
     แต่ตอนนี้เขาอยากเจอโซระ
     ไฟในห้องหรี่ลงจนสลัว เหลือแค่บนเวทีเท่านั้นที่มีไฟส่องสว่าง พิธีกรเชิญโมเดลที่เป็นเกสต์ในครั้งนี้ออกมา เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อ นางิ โช สึบาสะ คาสุกิ ชุน และไค ต่อจากนั้นก็ได้ยินแฟนคลับในงานกรีดร้องและส่งเสียงเรียกชื่อแต่ละคนดังสนั่น แต่ชายหนุ่มไม่สนใจใครทั้งนั้น เขารอจนได้ยินเสียงเรียกชื่อโซระ และเห็นเด็กหนุ่มเดินออกมาจากเวทีด้านหนึ่ง สวมสูทสีน้ำเงินเข้ม ดูเป็นผู้ใหญ่และเคร่งขรึมผิดกับเด็กดื้อคนที่อยู่กับเขาในช่วงที่ผ่านมา แต่นั่นก็คือโซระแน่นอน ดวงตาของเด็กหนุ่มใสแจ๋วเหมือนลูกแก้ว แต่ติดจะเศร้านิด ๆ
     “โซระ!”
     ไดจิเผลอตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว แล้วก็จำเพาะต้องเป็นจังหวะที่ทุกคนในห้องจัดงานพร้อมใจกันเงียบพอดี เสียงของเขาจึงดังชัดเจน และสายตาของทุกคนในห้องก็เบนมาที่เขาเป็นจุดเดียว รวมทั้งโซระด้วย
     เด็กหนุ่มตะลึงจนตัวแข็ง
     ไดจิตัดสินใจฉับพลัน เขาตรงดิ่งไปที่เวทีทันที
     “ไดจิซัง” เด็กหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไดจิมาที่นี่ได้อย่างไร แล้วรู้เรื่องเขามาจากไหน ในเมื่อผลงานที่เขาถ่ายไว้ยังไม่ได้วางขายสักหน่อย
     “ฉันมารับนายกลับบ้าน ไปเถอะโซระ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
     ไดจิจับต้นแขนโซระแล้วดึงให้เดินตามมา แต่ชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดก้าวออกมาขวางไว้เสียก่อน
     “นายจะทำอะไรน่ะ แล้วนายเป็นใคร จะพานักแสดงของเราไปไหน”
     “ไคคุง” เสียงเรียกดังมาจากด้านข้าง ชายหนุ่มในชุดสูทชะงัก เขาหันไปหาคนเรียกซึ่งก็คือนางิ ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะเป็นเชิงห้าม  ไคจึงยอมหลีกทางให้
     “ขอบคุณครับ” ไดจิก้มศีรษะให้นางิ เขาดึงแขนโซระอีกครั้ง แต่คราวนี้เด็กหนุ่มขืนตัวไว้หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
     “ไดจิซังมาที่นี่ทำไมครับ คุณไม่ควรมาที่นี่นะ คนอื่นรู้เข้าจะเป็นยังไง”
     “ช่างมันสิ” ชายหนุ่มไม่สนใจ “ฉันอยากคุยกับนาย”
     “แต่ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณแล้ว กลับไปเถอะครับ คุณกำลังรบกวนการทำงานของพวกเรานะ”
     “ฉันรบกวนเวลานายไม่นานหรอกโซระ ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมนายไม่บอกความจริงกับฉันว่านายเป็นใคร ทำอะไรอยู่ แล้วนายไปจากฉันทำไม”
     โซระอึ้งไปเมื่อได้ยินชายหนุ่มเน้นเสียงที่คำถามหลังสุด
     ภายในห้องจัดงานตอนนี้เงียบกริบ ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน
     “คุณก็น่าจะรู้ดีว่าทำไม ผมทำอาชีพแบบนี้ ส่วนคุณเป็นนายแบบชื่อดัง ถ้าคนอื่นรู้ คุณเองนั่นแหละที่จะแย่ ผมไม่อยากจะทำร้ายคุณ”
     “นายทำร้ายฉันอยู่แล้วตอนนี้ ตั้งแต่ที่นายไปจากฉันนั่นแหละ” ไดจิโต้ “ส่วนเรื่องงานของนาย ฉันไม่แคร์ ได้ยินไหมโซระ ฉันบอกว่าฉันไม่แคร์เลยสักนิด ถ้านั่นเป็นสิ่งที่นายเลือกจะทำ ฉันก็ไม่แคร์”
     “คุณไม่แคร์ได้จริง ๆ เหรอ” โซระถามด้วยความไม่มั่นใจเลย “ผมเป็นนักแสดงจีวีนะ คุณก็รู้ว่ามันเป็นยังไง”
     ไดจิไม่ตอบ แต่เขาดึงโซระเข้ามาจูบ
     เท่านั้นก็เหมือนกับมีคนเปิดสวิตช์เครื่องขยายเสียง แฟน ๆ ที่อยู่ในห้องจัดงานส่งเสียงกรี๊ดกันสนั่นกับฉากง้องอนหวาน ๆ ที่เห็นตรงหน้า นางิปรบมือพลางยิ้มอย่างอบอุ่น ทำให้นักแสดงคนอื่น ๆ ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกพลอยทำตามไปด้วย เสียงปรบมือจึงดังประสานกับเสียงกรี๊ดของแฟน ๆ
     ข้างล่างเวที ฮิคารุปรบมือด้วย แต่เขามีบริการพิเศษคือผิวปากยาว ๆ แถมท้ายด้วยความชอบอกชอบใจ
     อัตสึชิมองฮิคารุด้วยสายตาที่เหมือนรู้ทัน ก่อนจะอดแดกดันไม่ได้ว่า
     “ฝีมือนายอีกล่ะสิ”
     ฮิคารุหันมายักคิ้วข้างหนึ่งให้แทนคำตอบ

     บนเวที ไดจิถอนริมฝีปากออก เขามองโซระด้วยสายตาที่บอกความในใจออกมาทั้งหมด
     เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออก
     “รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันไม่แคร์”
     “แต่ว่า...” โซระยังมีปัญหา “แล้วเรื่องงานของไดจิซังล่ะครับ”
     “เป็นนายแบบ ไม่ใช่ไอด้อล ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ขนาดนั้นหรอก กะอีแค่มีแฟนเป็นนักแสดงจีวี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย หรือถ้ามันจะทำให้ฉันต้องเลิกอาชีพนายแบบก็ช่างมัน ฉันไปทำอย่างอื่นก็ได้ อย่างน้อยรุ่นพี่ฮิคารุที่รักก็ต้องรับผิดชอบอะไรบ้างล่ะ”
     ไดจิพูด ปลายเสียงของเขาสะบัดด้วยความหมั่นไส้เล็ก ๆ เมื่อพูดถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้
     โซระตาโตด้วยความตกใจ ไดจิพูดต่อว่า
     “อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ มาถึงขั้นนี้แล้ว”
     “ผมขอโทษ” โซระพูดเสียงอ่อย ๆ ไดจิจึงใช้นิ้วดีดหน้าผากเด็กหนุ่มเหมือนที่ทำสมัยก่อนเวลาลงโทษกระต่ายของเขาตอนที่มันดื้อและทำผิด
     “ถึงเวลาพูดความจริงได้แล้วใช่ไหม โซระ นายสัญญากับฉันได้ไหมว่าต่อไปจะไม่โกหกหรือปิดบังอะไรฉันอีก”
     เด็กหนุ่มพยักหน้า ไดจิจึงประคองหน้าของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมกับพูดว่า
     “ฉันรักนาย โซระ แล้วนายล่ะ คิดยังไง”
     ถึงตอนนี้ ในดวงตาของเด็กหนุ่มไม่มีรอยเศร้าอีกต่อไป โซระยิ้มหวาน
     “ผมก็รักคุณครับไดจิซัง”
     แล้วทั้งสองคนก็กอดกันท่ามกลางเสียงกรีดร้องของแฟน ๆ ในห้องจัดงานที่ดังยิ่งกว่าฉากจูบเมื่อสักครู่นี้เสียอีก
     ด้านหลังที่เก้าอี้ของนักแสดง คาสุกิผิวปากหวือ บ่นลอย ๆ ว่า
     “โดนเจ้าเด็กใหม่แย่งซีนกระจายเลยแฮะ”
     “อย่าบ่นน่าคาสุกิ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วนี่นา น่ายินดีจะตาย” สึบาสะหันไปยิ้มให้คนรักอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบมือคาสุกิ ข้างตัวเขา โชโน้มตัวไปกระซิบถามข้างหูนางิว่า
     “คนนี้เองสินะเป้าหมายของฮิคารุจังที่เอามาคุยกับนายวันนั้นน่ะ แล้วออกมาเป็นยังงี้จะดีเหรอ”
     นางิกระซิบตอบ
     “ดีสิ วิน-วินทุกฝ่าย ฮิคารุจังได้แกล้งคนสมใจ แถมมีผลพลอยได้อีกต่างหาก นายไม่เห็นเหรอ อีเว้นท์นี้ดังระเบิดแน่ มีนายแบบชื่อดังโผล่มาเซอร์ไพรส์บอกรักนักแสดงขนาดนี้ ยอดขายของบริษัทก็คงทะลุเป้า ส่วนคนที่ลงแรงมากที่สุดอย่างโซระก็ได้โปรโมต แถมได้แฟนไปอีกคน”
     “ร้ายอะ” โชทำท่าขนลุก นางิหัวเราะชอบใจ
     ด้านล่างเวที อัตสึชิส่ายหน้าด้วยความระอาใจ งานป่วนหมด ทีนี้จะทำไงต่อดีล่ะเนี่ย แล้วเขาก็เห็นฮิคารุเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพิธีกร
     พิธีกรสวมสูทสวมแว่นตาดำประกาศขอเสียงปรบมือให้แก่ไดจิและโซระเป็นครั้งสุดท้าย
     “แล้วนี่ก็คือนักแสดงหน้าใหม่ของเรานะครับ โซระคุง หลังจากนี้โซระคุงมีงานต่อ ดังนั้นจึงต้องขอตัวกลับเลยนะครับ แต่ก่อนกลับขอให้โซระคุงพูดอะไรสักเล็กน้อยกับแฟน ๆ ครับ เชิญครับ”
     โซระกล่าวขอบคุณแขกที่มาในงานพร้อมกับยิ้มสดใส แล้วเขาก็ฝากผลงานที่กำลังจะออกวางขายกับแฟน ๆ ซึ่งก็ได้รับเสียงกรี๊ดดังลั่นเป็นการตอบรับ
     “ขอบคุณโซระคุงครับ ต่อไปขอเชิญทุกท่านร่วมสนุกกับการตอบคำถามกับนักแสดงหกท่านบนเวทีนะครับ ขอกระดานไวท์บอร์ดให้นักแสดงด้วยครับ...”
     เสียงพิธีกรพูดอะไรอีกยืดยาว แต่ทั้งไดจิและโซระไม่ได้ยินแล้ว ทั้งสองคนเดินลงจากเวทีและเดินมาทางที่ฮิคารุกวักมือเรียก
เมื่ออยู่กันสามคนข้างหลังเวที ฮิคารุก็บอกโซระว่า
     “นายกลับเลยก็ได้นะ ฉันบอกอั๊คคุงกับสึโยชิซังไว้แล้วล่ะ”
     “ขอบคุณครับฮิคารุซัง เอ้อ...” เด็กหนุ่มชะงัก แล้วเหลือบไปมองไดจิซึ่งถึงแม้จะมีทีท่าฝืนใจอยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นปฏิปักษ์อย่างสมัยก่อน
     “ขอบคุณที่ให้ผมเจอโซระ”
     ชายหนุ่มพูด และมิวายเสริมต่อท้ายด้วยว่า
     “แต่ว่านะ ฮิคารุซัง ถ้าคุณอยากจะสั่งสอนผม คราวหลังต่อยกันเลยตั้งแต่แรกดีกว่านะครับ ใช้วิธีนี้มันโหดไป”
     ฮิคารุหัวเราะชอบใจ เขาตบไหล่นายแบบรุ่นน้องหนัก ๆ
     “โหดตรงไหนกัน ฉันหาแฟนให้นายทั้งคนเลยนะ”
     เจอคำตอบแบบนี้เข้าไปแม้แต่ไดจิก็ไปต่อไม่ถูก ส่วนโซระที่ถูกพาดพิงเช่นกันไม่พูดอะไร เพียงแต่อมยิ้มและหน้าแดงนิด ๆ มือของเขาถูกไดจิกุมเอาไว้แน่น
     ไดจิเดินจูงมือโซระออกมาข้างนอก
     ท้องฟ้าตอนกลางคืนคืนนี้ปลอดโปร่ง ไม่มีเมฆ เหมือนกับใจของเขาตอนนี้ ชายหนุ่มหันมาหาโซระ
     “กลับบ้านกันเถอะ”

     แต่สภาพบ้านต่างออกไปจากเดิมนิดหน่อย โซระตาโตมองสภาพห้องนอนที่เละเทะ แล้วหันมามองไดจิที่ทำหน้ายุ่ง ชายหนุ่มโทษว่า
     “เพราะนายแหละ จู่ ๆ ก็หายไปแบบนั้น ฉันเลยเสียใจมากไปหน่อย”
     “ผมขอโทษ” โซระยอมรับผิดแต่โดยดี หน้าจ๋อยลงทันควัน
     ไดจิทำท่าเหมือนจะงอน เพราะพูดจบก็เดินหนีออกไปจากห้อง โซระเดินตาม พลางร้องเรียก
     “ไดจิซังครับ”
     แต่เมื่อเขาตามออกมานอกห้องนอน เด็กหนุ่มก็เห็นไดจินั่งอยู่บนโซฟา อุ้มอะไรอย่างหนึ่งไว้บนตัก
     “กระต่าย” โซระอุทาน เขานั่งลงชิดไดจิ ชายหนุ่มก็ส่งกระต่ายตัวอ้วนสีขาวให้
     “ซื้อมาวันที่นายหายไป กะจะเซอร์ไพรซ์ซะหน่อย กลายเป็นฉันเองที่โดนเซอร์ไพรซ์เต็ม ๆ”
     “ผมขอโทษนะ” โซระพูดพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่ไดจิ ชายหนุ่มดึงเอากระต่ายจากมือเด็กหนุ่มใส่กลับเข้าไปในกรง แล้วดึงตัวโซระมากอดเอาไว้ ทั้งสองคนล้มตัวลงไปนอนอยู่ด้วยกันบนโซฟาแคบ ๆ โดยที่ไดจิโอบกอดโซระจากข้างหลังเหมือนที่เขาเคยทำเวลานอนทุกคืน แล้วชายหนุ่มก็พูดว่า
     “สองวันที่ผ่านมาฉันนอนไม่หลับเลย แต่คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่ฉันจะหลับได้เต็มตาเสียที แล้วถ้าฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉันจะเจอนายใช่ไหม นายจะไม่หายตัวไปไหนอีกนะ”
     เด็กหนุ่มสั่นศีรษะแรง ๆ เขาวางมือทาบลงไปบนแขนทั้งสองข้างของไดจิ
     “ผมจะไม่ไปไหนแล้ว ผมจะอยู่กับคุณที่นี่”
     “ดีจัง” ไดจิถอนใจยาว เขาผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็ยังคงกอดโซระเอาไว้แน่น แล้วพอเขาขยับตัว โซระก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
     “อรุณสวัสดิ์ครับ ไดจิซัง”
     เด็กหนุ่มทัก เขาพยายามจะพลิกตัวโดยที่ลืมไปว่ากำลังนอนอยู่บนโซฟาแคบ ๆ โซระดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของไดจิครู่หนึ่ง แต่แล้วก็กลิ้งตกลงมาบนพื้นห้องด้วยกันทั้งคู่
     ไดจิกับโซระหัวเราะขำตัวเอง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะบ่นพึมว่า
     “ต้องซื้อโซฟาใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ซะแล้ว”

     คอลเล็กชั่นเปิดตัวแบรนด์เครื่องประดับซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Aki ได้นักแสดงจีวีระดับสตาร์ของค่ายมาเป็นนายแบบให้ตามที่อากิ มิสุชิมะตั้งใจไว้
     นางิ โช คาสุกิ สึบาสะ โซระ ร่วมกับนายแบบรับเชิญคือไดจิและฮิคารุ
     ในวงการฮือฮากันอีกครั้งกับแฟชั่นเซ็ตนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องไดจิมีความรักกับหนึ่งในนักแสดงจีวีที่มาเป็นแบบในครั้งนี้ด้วย แต่ข่าวก็ไม่ได้กระทบกับหน้าที่นายแบบของชายหนุ่มมากนักเพราะอย่างน้อยเขาก็ผูกขาดการเป็นนายแบบของแบรนด์ Aki ไปได้อีกหลายซีซั่น
     ไดจิรู้ว่ามันต้องมีการแทรกแซงจากฮิคารุอยู่ด้วยนิดหน่อย
     ข้างตัวของเขา โซระกำลังเลือกเครื่องประดับในกล่องอย่างตั้งอกตั้งใจ เครื่องประดับที่ใช้ถ่ายแบบในครั้งนี้เป็นเครื่องเงินประดับอัญมณี มิสุชิมะเซนเซย์อนุญาตให้นักแสดงเลือกไปได้เป็นของขวัญคนละหนึ่งชิ้น ไดจิเลือกแหวน แต่ไม่ได้ให้ตัวเอง เขาตั้งใจจะให้โซระ
     “ไดจิซัง คุณว่าอันไหนสวยกว่ากันครับ” โซระชูเครื่องประดับสองชิ้นให้เขาดู จี้ไม้กางเขนประดับไพลินสีน้ำเงินเข้มกับป้ายแท็กที่มีประทับลายหน้าต่างกุหลาบสเทนกลาส ชายหนุ่มชี้ที่ไม้กางเขน โซระก็เลือกชิ้นนั้น
     เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน ไดจิรั้งตัวโซระไว้ที่หน้าประตู เขาเอามือปิดตาเด็กหนุ่มไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
     “โซฟาใหม่”
     โซระอุทานยิ้ม ๆ เมื่อไดจิคลายมือออกและเขามองเห็นโซฟาตัวใหม่ที่กว้างและใหญ่กว่าของเดิม
     “ยังไม่หมดนะ”
     ไดจิดึงมือโซระเข้าไปในห้องนอน สภาพห้องนอนตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว ข้าวของที่พังไปเพราะฝีมือไดจิถูกขนออกไปจนหมด และตรงที่ที่เคยวางเตียงเดี่ยว โซระเห็นเตียงขนาดคิงไซส์วางอยู่แทน
     “คราวนี้ก็ไม่ต้องนอนฟูกบนพื้นแล้วละนะ”
     ไดจิพูด เด็กหนุ่มหัวเราะ เขาคิดถึงวันแรกที่เข้ามาอยู่ในห้องนี้กับไดจิ เขาหอบหมอนไปนอนบนฟูกที่พื้นข้าง ๆ ไดจิเพราะไม่อยากนอนบนเตียงคนเดียว แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองคนก็นอนด้วยกันบนฟูกที่ปูบนพื้นมาตลอด
     “ขอบคุณครับ” โซระเขย่งขึ้นจูบไดจิ แล้วเด็กหนุ่มก็อยู่ในอ้อมแขนของไดจิที่กอดเขาแน่นและกอดเขาแบบนั้นทั้งคืนบนเตียงนอนนุ่ม ๆ ที่ซื้อมาใหม่
     โซระถอนหายใจยาวอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของไดจิ
     ที่นิ้วนางข้างขวาของเขาสวมแหวนที่ได้รับมาจากชายหนุ่ม
     เด็กหนุ่มนอนหลับไปพร้อมกับเสียงกระซิบของไดจิที่ข้างหูว่า
     “เอาไว้จะหาแหวนที่ดีกว่านี้มาสวมให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายนะ”




     .........................
     จบคู่ที่ห้าแล้วค่ะ พรุ่งนี้จะมาอัพต่อคู่สุดท้ายนะคะ
     ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ อย่าโกรธฮิคารุกันเลยน้า เธอฝากมาบอกว่าเธอแก้ตัวให้แล้วในตอนสุดท้ายนะ  :mew1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
รอตอนต่อปายยยย   :o8:

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักครั้งที่หก: Tomoya x Toshi


     โทโมยะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เขายังเห็นคู่ของเขาที่ถ่ายด้วยวันนี้นั่งนิ่งอยู่ในห้องแต่งตัว ไม่มีท่าทีจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ สีหน้าของเอย์จิดูอึดอัดและไม่สบายใจพิกล
     “เอย์จิคุง นายไม่สบายรึเปล่าน่ะ สีหน้าดูไม่ค่อยดีนะ”
     คนถูกทักสะดุ้งนิด ๆ
     “เอ้อ... ไม่มีอะไรหรอกโทโมยะซัง ผมสบายดี” เอย์จิฝืนยิ้ม “จะกลับแล้วเหรอครับ”
     “ใช่ เดี๋ยวฉันมีธุระต่อ นายล่ะ ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีก ใคร ๆ เขาจะกลับกันหมดแล้วนะ”
     โทโมยะอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
     “อีกสักพักครับ ผมยังเหนื่อยอยู่ ขอพักอีกสักหน่อย”
     สีหน้าของโทโมยะเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขาคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ แล้วกวาดสายตามองไปทั่วตัวของเอย์จิ
     “นายโอเคไหม นี่ฉันคงไม่ได้ทำอะไรแรงเกินไปหรอกนะ”
     เด็กหนุ่มยิ้มนิด ๆ เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
     “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับโทโมยะซัง ผมโอเค แต่ยังไม่ค่อยอยากอาบน้ำตอนเหงื่อเหนียว ๆ แบบนี้เท่านั้นเองครับ” เด็กหนุ่มมองใบหน้าที่มีหนวดและเคราบาง ๆ ของโทโมยะที่ตอนนี้มีแววกังวล ก่อนจะเปรยออกมาว่า
     “ผมสังเกตมานานแล้วนะว่าโทโมยะซังมีแคแร็คเตอร์พี่ชายที่แสนดียังไงไม่รู้สิ คุณต้องมีน้องแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ”
     “งั้นเหรอ” โทโมยะมีท่าทีอาย ๆ แต่เขาก็พยักหน้า “มีน้องชายหนึ่งคน อายุเท่า ๆ กับนายนี่แหละ”
     “มิน่าล่ะ คุณถึงใจดีกับผม น้องชายของโทโมยะซังโชคดีจังเลยนะครับที่มีพี่ชายอย่างนี้”
     “ฉันก็ไม่ค่อยได้ดูแลน้องมากนักหรอก”
     โทโมยะถอนใจนิด ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
     “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนละกันนะ แล้วเจอกัน”
     “สวัสดีครับโทโมยะซัง”
     ชายหนุ่มเปิดประตูห้องแต่งตัวออกมา เขาเห็นเท็ปเปซึ่งเป็นตากล้องหลักยืนพิงผนังสูบบุหรี่อยู่ ชายหนุ่มจึงก้มศีรษะให้
     “เหนื่อยหน่อยนะครับ”
     เท็ปเปที่ยังคาบบุหรี่อยู่ในปากก้มศีรษะรับคำลา
     โทโมยะอดสงสัยท่าทีเหมือนรอใครสักคนของเท็ปเปขึ้นมาไม่ได้ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจ มันไม่ใช่เรื่องของเขา และเขายังมีธุระที่ต้องรีบไปทำอีก
     โทโมยะวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากสถานีรถไฟพลางหลบหลีกคนจำนวนมหาศาลที่เดินกันขวักไขว่เพื่อตรงไปหาเพื่อนของเขาที่รออยู่หน้ารูปปั้นฮะจิโกะ สถานที่นัดพบชื่อดังของชิบูยะ
     “มาสายนะแก”
     โทโมยะแยกเขี้ยวเมื่อได้ยินคำทักทายของเพื่อน
     “รีบที่สุดแล้วโว้ย แล้วของที่สั่งล่ะ ได้รึเปล่า”
     เพื่อนของเขายื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้แทนคำตอบ ชายหนุ่มรับมาเปิดออกดู พอเห็นของข้างใน เขาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดหยิบเงินให้เพื่อน
     ฝ่ายหลังนับเงินไปก็บ่นไป
     “แกนะแก ให้หาอะไรไม่รู้ยากชะมัด เนี่ยฉันไม่รับประกันนะแกว่าจะได้ครบไหมอะ ของมันเก่ามากแล้ว”
     “เออ อย่าบ่นเลยน่า ช่วยฉันหาหน่อยเหอะ ฉันไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว ก็มีแต่แกที่กว้างขวางสุด ๆ หาอะไรก็ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้”
     “อย่ามายอเพื่อหลอกใช้เลย” เพื่อนของเขาดักคอ “ว่าแต่แกจะเอาไปทำไมวะ ฉันไม่เคยเห็นแกชอบของแบบนี้”
     “ไม่ใช่ของฉัน ของคนอื่น” โทโมยะตอบแค่นั้น

     โทโมยะกลับมาถึงอพาร์ตเม้นท์ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าหน้าประตูห้องเขามีใครบางคนนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นและเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใครคนนั้นก็เงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้นมามอง
     “พี่ครับ”
     “โทชิ!”
     เขามองน้องชายด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง มือข้างที่หิ้วถุงกระดาษอยู่ไขว้ไปข้างหลังทันทีโดยอัตโนมัติ
     “จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อน” ชายหนุ่มพูดแล้วก็ชะงักเมื่อคิดได้ว่าตัวเขาเองไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับที่บ้าน จะมีก็แต่ที่อยู่เท่านั้น โทชิก็คงมาตามที่อยู่ที่เขาให้ไว้ ชายหนุ่มเปลี่ยนคำถาม
     “แล้วนี่มาทำไม”
     “ก็พี่ไม่ได้กลับบ้านมาสามปีแล้ว พ่อกับแม่เป็นห่วง ก็เลยฝากให้ผมมาดูพี่”
     เด็กหนุ่มตอบ
     “พ่อเนี่ยนะจะเป็นห่วง” ชายหนุ่มอดแดกดันไม่ได้  “แล้วนายมาทำอะไรที่โตเกียว”
     โทโมยะมองกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ข้างตัวน้องชาย
     “ผมสมัครคอร์สกวดวิชาไว้ครับ”
     “จริงสินะ นายจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี่นา ถ้านายสอบเข้าได้ ยูมิซังคงจะดีใจมาก ๆ”
     โทชิหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย เขาอดเปรยไม่ได้ว่า
     “พี่ยังไม่ยอมเรียกแม่ว่าแม่เลยนะ”
     โทโมยะชะงัก ก่อนจะถอนใจยาว
     ยูมิซังคือแม่ของโทชิที่มาแต่งงานกับพ่อของเขาหลังจากที่หย่ากับแม่ เขาจำได้ว่าตัวเองเกลียดผู้หญิงที่จูงมือเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ เข้ามาในบ้านในวันที่แม่ของเขาหิ้วกระเป๋าออกไปมาก ๆ เขาตั้งแง่และเกลียดชังแม่เลี้ยงและลูกติดแม่เลี้ยงตั้งแต่วันนั้น
ถึงแม้เขาจะรู้ว่ายูมิซังเป็นคนดีและใจดีกับเขาด้วยความจริงใจ แต่เขาก็ไม่สามารถเรียกยูมิซังว่าแม่ได้ ก็มีแค่โทชิที่เขายอมให้เรียกพี่ชายและยอมรับว่าเป็นน้องชายของเขา
     ส่วนพ่อ เขาไม่เคยเข้ากับพ่อได้เลยแม้แต่นิดเดียว และตั้งแต่เขาย้ายออกมาจากบ้านหลังจากอายุครบสิบแปด พ่อกับเขาก็ตัดขาดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่เคยติดต่อกลับบ้าน แต่เขาก็ได้รับจดหมายจากที่บ้านอยู่ไม่เคยขาด ทั้งจากยูมิซังและโทชิ
     “แล้วนี่นายพักที่ไหน”
     “ผมยังหาที่พักไม่ได้” เด็กหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม เขาไม่สบตากับพี่ชาย
     “อ้าว แล้วนี่นายจะทำยังไง จะพักที่ไหน” โทโมยะโวยวาย “ทำไมไม่จองที่พักให้เรียบร้อย”
     “ผมยืนยันไม่ทันครับ เขาก็เลยแคนเซิลห้องที่ผมจองไว้ ผมจะจองใหม่ก็ไม่ทันแล้ว คอร์สจะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว” โทชิตอบเสียงเบา เขายังคงก้มหน้าอยู่ โทโมยะถอนใจอีกครั้ง
     “หาห้องกะทันหันมันลำบาก นายพักกับฉันที่นี่แหละ”
     “ให้ผมพักกับพี่ได้เหรอ” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยสายตาคาดหวัง
     โทโมยะพยักหน้า
     “ได้สิ ถึงฉันจะไม่ใช่พี่ชายที่ดีนัก แต่ฉันก็ไม่เสือกไสนายไปที่อื่นหรอกน่ะ พักกับฉันจนกว่านายจะเรียนจบก็แล้วกัน แต่ห้องฉันไม่ได้กว้างสักเท่าไหร่นะ อาจจะอึดอัดหน่อย”
     ชายหนุ่มพูด เขาไขกุญแจเปิดประตูให้เด็กหนุ่มเข้าไป
     ห้องของโทโมยะไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนัก อยู่คนเดียวก็กำลังดี แต่อยู่สองคนก็ไม่อึดอัด เสียอย่างเดียวตรงที่รกไปหน่อย โทชิมองไปรอบห้องที่มีข้าวของวางเกลื่อนกลาดไม่เป็นระเบียบ
     “ผู้ชายอยู่คนเดียวก็ยังงี้แหละ” โทโมยะแก้ตัว เขาชี้ไปที่โซฟาหน้าทีวี “นายนอนตรงนั้นนะ โซฟาดึงออกมาเป็นเตียงได้ ตามสบายละกัน เออ นี่นายกินอะไรมารึยัง”
     โทชิพยักหน้า
     “งั้นตามสบายนะ” โทโมยะตบไหล่น้องชาย แล้วก็หายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
     โทชิมองตามหลังพี่ชายไปด้วยสายตาที่แสดงความอาวรณ์ เด็กหนุ่มยืนคว้างอยู่ในห้อง เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็นั่งแปะลงบนโซฟา
     เขาเปิดกระเป๋าเดินทาง ข้างบนสุด บนกองเสื้อผ้า คือกล่องดีวีดีกล่องหนึ่ง
     โทชิมองกล่องดีวีดี แล้วหันไปมองห้องนอนของพี่ชายที่ปิดสนิท



     ........
     คู่สุดท้ายแล้วค่ะ สั้น ๆ อารมณ์เดียวกับคู่เท็ปเปเอย์จิ เป็นคู่ที่อยากเขียนเพราะติดใจ Pandora และ Incest Mania มาก
     จบคู่นี้ก็จบ SS1 แล้วค่ะ ส่วน SS2 ยังคิดไม่ออก แต่มีอีกประมาณหกคู่ที่ชอบและอยากจะเขียนถึงมาก ก็คงทิ้งช่วงนิดนึง แต่จะพยายามเขียนให้ได้เลยค่ะ  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2014 12:32:25 โดย Mettnoon »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
กล่องจีวีหรือเปล่าา   o22

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักครั้งที่หก: Tomoya x Toshi (ต่อ)



     ประตูห้องนอนเปิดออกอย่างเงียบ ๆ
     โทโมยะจรดฝีเท้าเดินออกมาโดยพยายามทำเสียงดังให้น้อยที่สุด น้องชายของเขาหลับไปแล้วบนโซฟาที่ปรับให้เอนลงมาเป็นเตียงนอนได้ เด็กหนุ่มนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่เขาเอาออกมาให้เมื่อตอนหัวค่ำ ใบหน้าของโทชิตอนหลับดูสงบและอ่อนเยาว์
ไม่ได้เจอกันมาสามปี นอกจากตัวโตขึ้น โทชิก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นน้องชายที่ดีที่ชอบตามติดเขาต้อย ๆ แม้ว่าจะโดนเขาดุหรือแกล้งอย่างไรก็ตาม สายตาของโทชิคอยมองตามเขาตลอดเวลา ส่วนเขาก็ยังเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องเหมือนเคย คือไม่เคยสนใจไยดีโทชิแม้แต่น้อย จดหมายสักฉบับหรือการ์ดสักแผ่นก็ไม่เคยเขียนถึงหลังจากออกจากบ้านมา เขาเคยคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอหน้าน้องชายคนนี้อีกแล้วก็ได้
     แต่แล้วจู่ ๆ โทชิก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา
     โทโมยะไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มของโทชิ
     เขารู้สึกดีใจที่ได้เจอน้องชายคนนี้อีกครั้ง
     แต่คงไม่สามารถพูดออกมาได้

     โทโมยะออกมาจากห้องนอนอีกครั้งในตอนใกล้เที่ยง โทชิออกไปแล้ว โซฟาพับเก็บเรียบร้อย บ้านก็ไม่รกแล้วเหมือนกัน โทชิเก็บบ้านให้เขาอย่างเรียบร้อย และเมื่อเขาเดินเข้าไปในครัวเล็ก ๆ ก็เห็นหม้อซุปตั้งอยู่บนเตา มีโพสต์อิทแปะไว้บนฝาหม้อ
     “ข้าวต้มไข่ครับ พี่อย่าลืมกินนะ โทชิ”
     ข้าวต้มร้อน ๆ รสอ่อน ๆ ที่สมัยก่อนเขากินที่บ้านบ่อย ๆ
     “รสเหมือนที่ยูมิซังทำไม่มีผิด” โทโมยะพึมพำ “เก่งเหมือนกันนะโทชิ”
     แล้วเขาก็กินข้าวต้มจนหมด ก่อนจะออกไปที่บริษัท

     “โทโมยะซัง”
     เมื่อเขาเดินผ่านห้องอาหารก็ได้ยินเสียงของเอย์จิ เขาหยุดเดิน แล้วหันไปมอง เอย์จิโบกมือให้เขา ข้างตัวเด็กหนุ่มคือเท็ปเปที่กำลังกินเบนโตะกล่องใหญ่อย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าของทั้งคู่สดใส ดูท่าว่าวิกฤตคงจะผ่านพ้นไปแล้ว และโทโมยะรู้แล้วว่าเมื่อวานเท็ปเปรอใครอยู่
     “กินอะไรมารึยังครับโทโมยะซัง” เอย์จิถามเมื่อโทโมยะเดินมานั่งด้วยที่โต๊ะ
     “เรียบร้อยแล้วล่ะ” ชายหนุ่มตอบ แล้วเขาก็อดแซวไม่ได้ว่า “แต่แค่ข้าวต้มธรรมดานะ ไม่ได้เป็นเบนโตะใหญ่ยักษ์ยังงี้หรอก”
     เท็ปเปเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
     “ก็หาคนทำให้สักคนสิ”
     “คนที่ทำข้าวต้มให้ไงครับ ผมจำได้นะว่าโทโมยะซังทำอาหารไม่เป็น แล้วใครทำให้อะ” เอย์จิแซวบ้าง โทโมยะโบกมือปฏิเสธ
     “นั่นน้องชาย” เขาตอบ “ช่วงนี้น้องชายมาอยู่ด้วย มาติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
     “พลาดละ” เท็ปเปพูดลอย ๆ เอย์จิหันไปถามคนรักว่า
     “ทำไมล่ะครับ”
     “ก็พาสาวมาค้างไม่ได้น่ะสิ นายคงต้องกินข้าวต้มฝีมือน้องชายไปก่อนแล้วล่ะตอนนี้ เสียใจด้วยนะ”
     คนฟังพากันหัวเราะชอบใจ โดยเฉพาะโทโมยะ เขาสังเกตว่า ตั้งแต่มีแฟนเนี่ย เท็ปเปดูร้ายขึ้น เมื่อก่อนไม่ค่อยพูด เดี๋ยวนี้ก็พูดเก่งขึ้นมาทันทีเลย
     ความรักนี่ทำให้คนเปลี่ยนได้จริง ๆ
     หลังจากคุยกับเท็ปเปและเอย์จิอยู่อีกครู่หนึ่งก็ถึงเวลานัด โทโมยะมีคิวถ่ายในตอนบ่ายนี้จนถึงค่ำ เป็นโปรเจ็คท์ใหม่ที่ค่ายจะเน้นสตอรี่ด้วย ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ซีนอย่างเดียว เขาได้จับคู่กับนักแสดงใหม่ของค่ายชื่อยูตะ ในเรื่องเขากับยูตะต้องเล่นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยที่ยูตะแอบชอบเขาอยู่และคอยมองแต่เขามาตลอด เรื่องของเขากับยูตะมีหลายตอน เขากับยูตะจะต้องมีคิวร่วมกันไปอีกพักใหญ่ ๆ ทีเดียว
     เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยขณะที่แสดงกับยูตะ ไม่ใช่เพราะยูตะไม่เก่งหรือมีปัญหา แต่เขามีความรู้สึกว่าสายตาของยูตะตอนที่สวมบทเพื่อนสมัยเด็กของเขานั้นคล้าย ๆ กับสายตาที่โทชิมองเขาอย่างไรไม่รู้ บางครั้งเขาจึงชะงักและถูกคัต
ชายหนุ่มต้องรวบรวมสมาธิเป็นอย่างมาก ไม่ให้เห็นหน้ายูตะไปเป็นคนอื่นจนกระทั่งถ่ายทำเสร็จ
     “เหนื่อยหน่อยนะครับ”
     โทโมยะแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาล่ำลาสตาฟรวมทั้งนักแสดงคู่กับเขาก่อนจะเดินออกจากบริษัทไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน ชายหนุ่มแวะซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านเหมือนกับที่เคยทำเพราะหลังหนึ่งทุ่มห้างจะลดราคาของ และเขาก็ฝากท้องไว้กับอาหารกล่องของห้างแทบทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน เขาซื้อข้าวกล่องแล้วก็หาที่นั่งกินจนหมดอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากหิ้วกลับบ้าน แต่เมื่อเขาไขกุญแจเข้าบ้านและได้กลิ่นหอม ๆ ของมิโสะซุปลอยเข้าจมูก ชายหนุ่มก็อดประหลาดใจไม่ได้
     “พี่ครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน หิวไหมครับ ให้ผมจัดโต๊ะเลยไหม”
     โทชิวิ่งออกมารับเขาทั้งที่สวมผ้ากันเปื้อน โทโมยะชะงัก ชายหนุ่มลืมไปเลยว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว และตอนนี้น้องชายของเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้า สวมผ้ากันเปื้อน ซึ่งดูไม่เหมือนกับโทชิในเวลาปกติเลย มันทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัด 
     “เอ้อ...ฉันกินมาแล้วล่ะ” โทโมยะอ้อมแอ้มบอก “ข้าวกล่องของห้างน่ะ ฉันไม่คิดว่านายจะกลับเร็วแล้วก็ทำอาหารไว้”
     “ผมขอโทษที่วุ่นวาย” โทชิพูด หน้าสลดลงจนเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้
     “ผมจะเอาอาหารเก็บไว้ในตู้เย็น” โทชิพูดโดยไม่มองหน้าพี่ชาย ทำให้เขายิ่งไม่สบายใจ โทโมยะรั้งแขนน้องชายไว้
     “นายโกรธเหรอ ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้จริง ๆ”
     “ผมไม่ได้โกรธ”
     “นายก็อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ”
     โทชิเม้มปากแน่น โทโมยะถอนหายใจ
     “เอายังงี้ วันหลังถ้าฉันกลับดึกหรือมีธุระหรือกินข้าวเย็นแล้ว ฉันจะโทรบอกนายก็แล้วกัน นายจะได้ไม่ต้องคอยเหมือนวันนี้อีก ดีไหม”
     โทชิหน้าตาสดชื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้น เขาดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแลกเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์กับโทโมยะ
     “ผมไม่เคยมีเบอร์โทรของพี่เลย” เด็กหนุ่มพูดขึ้นลอย ๆ
     “ตอนนี้ก็มีแล้วไง”
     “ผมโทรหาพี่ได้ใช่ไหมครับ” โทชิถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่ค่อยมั่นใจ โทโมยะพยักหน้า เขาลูบศีรษะเด็กหนุ่ม
     “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ อยากโทรเมื่อไหร่ก็โทรได้ ฉันจะไปว่าอะไร”
     โทโมยะชะงักไปอีกครั้งเมื่อเห็นโทชิยิ้มกว้าง หน้าตาของน้องชายของเขาสดใสและมีความสุขเมื่อมองเบอร์โทรศัพท์ของเขาที่อยู่ในเครื่อง เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์พร้อมกับบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงว่า
     “ผมจะเอาอาหารเก็บใส่ตู้เย็นไว้สำหรับพรุ่งนี้”
     แล้วก็หายเข้าไปในส่วนที่เป็นครัว ทิ้งให้โทโมยะยืนเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ
     เด็กวัยรุ่นนี่เปลี่ยนอารมณ์เร็วเหลือเกินแฮะ

     โทชิกำลังเลือกซื้อของสดอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างมีความสุข
     วันนี้เป็นวันพิเศษที่เขาอยากจะฉลอง พี่ชายของเขาจำวันเกิดของตัวเองไม่เคยได้เลยสักปี เขากับแม่ต้องเป็นคนคอยเตือนและจัดงานวันเกิดให้ เป็นงานฉลองเล็ก ๆ ในครอบครัวและมีเค้กวันเกิดที่แม่ของเขาจะทำเองเป็นพิเศษให้โทโมยะด้วย
ปีนี้เขาก็เลยอยากจะทำให้อีก
     โทชิหยุดเรียนหนึ่งวันเพื่อเตรียมของและทำอาหาร เขาทำอาหารที่พี่ชอบเตรียมไว้หลายอย่าง จากนั้นก็อบเค้ก โทโมยะชอบเค้กช็อกโกแล็ต เขาตั้งใจแต่งหน้าให้ด้วยช็อกโกแล็ตนมสีขาวเขียนคำว่าสุขสันต์วันเกิดอย่างสวยงาม
     พี่จะชอบไหมนะ
     เด็กหนุ่มตกแต่งโต๊ะอาหารด้วยกุหลาบสีแดงเข้มดอกหนึ่งที่ซื้อมาพร้อมกันวันนี้ แล้วนั่งรออยู่ที่โต๊ะจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
     ข้อความเข้าจากโทโมยะ
     “คืนนี้กลับดึก ไม่ต้องรอกินข้าว ไปดื่มกับเพื่อน”
     เด็กหนุ่มอ่านข้อความจบก็ร้องไห้

     โทโมยะส่งข้อความเสร็จ เขาก็ปิดโทรศัพท์หันไปคุยกับคนอื่น ๆ ต่อ
     ผู้กำกับมัตสึดะชวนทุกคนมาดื่มสังสรรค์กันหลังเลิกงาน แล้วเมื่อรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา โทโมยะก็ถูกดึงตัวเอาไว้ไม่ยอมให้กลับบ้าน และถูกคนอื่น ๆ ลากมาฉลองวันเกิดที่นี่
     “อะไรวะวันเกิดตัวเองก็ลืม” เท็ปเปยกถ้วยสาเกขึ้นมาชนกับเหล้าในมือของชายหนุ่มเป็นเชิงกระเซ้า ข้างตัวเขาคือเอย์จิ กำลังคุยกับยูตะอย่างสนิทสนม
     “ก็มันไม่สำคัญ ผมไม่ได้ฉลองมาเป็นปี ๆ แล้วล่ะ” โทโมยะพูดพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดตามที่ถูกคะยั้นคะยอ
     “งั้นวันนี้ฉลองกันให้เต็มที่เลย ไม่เมาไม่กลับ” ผู้กำกับมัตสึดะประกาศ แล้วชนแก้วกับทุกคน โทโมยะในฐานะเจ้าของวันเกิดดื่มมากกว่าทุกคน แก้วของเขาถูกเติมตลอดโดยไม่ยอมให้ขาดตอน ไม่นานชายหนุ่มก็เมาแประ หัวเราะร่วน
     “ไม่ไหวแล้วมั้งนั่น” เอย์จิบุ้ยใบ้ให้ดูสภาพของโทโมยะที่ตอนนี้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แก้วเหล้าล้มตะแคง แต่เจ้าตัวก็พยายามเงยหน้าขึ้นมา ตัวโงนเงน
     “ผม..ยัง..หวาย... มาดื่ม..กาน...ต่อ เอิ๊ก” โทโมยะเรอ แล้วเขาก็หัวเราะฮ่า ๆ
     “เดี๋ยวฉันพาโทโมยะซังกลับเอง บ้านเราไปทางเดียวกัน” ยูตะอาสา
     “คนเดียวจะไหวเหรอยูตะ” เอย์จิเป็นห่วง เขาอยากจะช่วยอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อหันไปมองคนของตัวเองที่เมาพอดูเหมือนกันเด็กหนุ่มก็เห็นว่า คงไม่มีทางช่วยได้แน่นอน
     “ไม่เป็นไรเดี๋ยวขึ้นแท็กซี่เอา” ยูตะพูด แต่ถึงกระนั้นการจะเอาคนเมาขึ้นและลงแท็กซี่ก็เป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร เด็กหนุ่มพยุงโทโมยะมาจนถึงที่ห้องด้วยความทุลักทุเล แล้วกดกริ่งประตู
     ประตูห้องเปิดอย่างรวดเร็วเหมือนคนเปิดกำลังรออยู่แล้ว
     “พี่ครับ” โทชิอุทาน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นพี่ชายอยู่ในสภาพเมาแประและกลับมากับคนที่เขาไม่รู้จัก
     ยูตะยิ้มให้พลางบอกว่า
     “เมามากเลยล่ะ ขอเข้าไปข้างในหน่อยนะ”
     โทชิรีบเข้ามาช่วยพยุงพี่ชายอีกด้านหนึ่ง เมื่อหลังแตะฟูกที่นอน โทโมยะก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกที เขาไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน แต่เห็นหน้ายูตะราง ๆ ก็นึกว่ายังอยู่ที่ร้าน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมากอดคอยูตะไว้ ปากก็ร้องลั่นว่า
     “ขอเหล้าอีกแก้วนึง มากินเหล้ากันน้า ยูตะ ดื่มกับนายนี่สนุกเป็นบ้า”
     “ผมดื่มไม่ไหวแล้วล่ะโทโมยะซัง” ยูตะพูดกลั้วหัวเราะ แล้วเขาก็หันไปหาเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งในห้องที่ยืนหน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก บอกว่า
     “ขอผ้าชุบน้ำหน่อยได้ไหม โทโมยะซังดูท่าจะไม่ไหวแล้วล่ะ”
     โทชิค่อยคลายความตกใจ แต่เขาไม่ชอบใจเลยที่พี่ชายกลับมาในสภาพแบบนี้ แถมยังมาพร้อมกับใครก็ไม่รู้ที่ทำท่าราวกับจะเป็นแฟน
     เด็กหนุ่มไม่ยอมทำตามที่ยูตะบอก แต่กลับเดินเข้าไปดึงแขนพี่ชายออกจากตัวของอีกฝ่าย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วนว่า
     “เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอโทษแทนพี่ด้วยที่ทำให้คุณวุ่นวาย”
     ยูตะยอมถอยห่างแต่โดยดี เขารู้สึกแปลกใจนิด ๆ ที่เห็นน้องชายของโทโมยะซังมีท่าทางพิลึก แต่เมื่อเดินออกมาจากห้องนอนแล้วเห็นโต๊ะอาหารถูกจัดอย่างดีซึ่งเมื่อตอนเข้ามา เขาไม่ทันได้สังเกต เด็กหนุ่มก็พอจะเข้าใจ เขาหันกลับไปมองห้องนอนของเพื่อนรุ่นพี่ที่ประตูยังปิดอยู่ อดเปรยเบา ๆ กับตัวเองไม่ได้ว่า
     “ยุ่งแล้วสิน้า โทโมยะซัง”
     ในห้อง โทโมยะหลับไปแล้ว แขนและขากางเต็มเตียง กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด โทชิพยายามจะดันตัวพี่ชายให้นอนดี ๆ บนเตียง แต่ทำไม่ได้เพราะโทโมยะตัวใหญ่กว่าเขามากและไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย พอเขาจับตัว พี่ยังสะบัดตัวหนีด้วย สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมาอย่างสุดที่จะกลั้น
     “ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย”



ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักครั้งที่หก: Tomoya x Toshi (ต่อ)

     โทโมยะตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัว เขาจำไม่ได้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง รู้แต่ว่าไปดื่มกับคนอื่น ๆ แล้วนี่ก็คงดื่มมากไปอีกแล้วถึงได้ปวดหัวแทบจะระเบิดแบบนี้
     ประตูห้องนอนเปิดออก โทชิเดินเข้ามา เมื่อเห็นเขาตื่นก็บอกเรียบ ๆ ว่า
     “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะครับพี่ ผมชงกาแฟกับทำซุปเอาไว้ให้พี่กินแก้แฮงค์”
     “ฉันเมามากใช่ไหมเมื่อคืน แล้วฉันกลับมาได้ไงอะ”
     “ยูตะซังมาส่งครับ” เด็กหนุ่มเม้มปาก
     โทโมยะเอามือกุมขมับพร้อมกับสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่ความมึนงง
     “เหรอ จำไม่ยักได้เลยแฮะ”
     เขาบ่น แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินโงนเงนไปที่ห้องอาบน้ำตามที่น้องชายบอก เมื่อเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าที่แจ่มใสขึ้น เขาก็เห็นซุปกับกาแฟวางพร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว
     “นายไม่ไปเรียนเหรอวันนี้” ชายหนุ่มถามเพราะปกติเวลานี้เขาจะไม่เจอโทชิแล้ว
     “ก็พี่ไม่สบาย แล้วผมจะไปเรียนได้ยังไง”
     “แค่เมาค้างเอง”
     ชายหนุ่มทำหน้าแหยงเมื่อซดกาแฟดำขมปี๋รวดเดียวหมดแก้ว
     “ก็นั่นแหละครับ ถ้าผมไปเรียน ใครจะดูแลพี่ ใครจะทำอะไรให้กินล่ะ” โทชิหยุดนิดนึงก่อนจะพูดต่อเหมือนกับเป็นคำถามกลาย ๆ ว่า
     “หรือยูตะซังจะมาช่วยทำให้”
     โทโมยะงง
     “เกี่ยวอะไรกับยูตะ หมอนั่นจะมาทำอะไรให้ฉันเหรอ”
     “ก็ไม่รู้สิครับ ดูเขาสนิทสนมกับพี่มากเลยนี่นา” โทชิสะบัดหน้า เสียงก็สะบัด คนฟังยิ่งงงใหญ่ แต่สมองเขากำลังมึนเลยคิดอะไรไม่ค่อยออก นอกจากบอกว่า
     “ก็เพื่อนร่วมงานอะ ทำงานด้วยกัน สนิทกันพอสมควร อูย ปวดหัวจัง ขอกาแฟอีกสักแก้วได้ไหม”
     โทโมยะร้องขอ โทชิมองพี่ชายนิ่ง ดูพี่ก็ไม่มีทีท่าอะไรกับยูตะซังเป็นพิเศษสักหน่อยนี่นา หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากไป
     “โทชิ ขอกาแฟอีกแก้วนึง” โทโมยะเร่ง โทชิจึงเลิกคิด แล้วกระวีกระวาดไปหยิบกามารินกาแฟเติมให้
     โทโมยะดื่มกาแฟและกินซุปจนหมด แต่เขาเริ่มรู้สึกหิวนิด ๆ จึงเดินไปเปิดตู้เย็นเองโดยที่ไม่บอกโทชิ แล้วก็อึ้งไปที่เห็นอาหารเต็มตู้ ห่อเอาไว้ด้วยพลาสติก เขาหันมามองน้องชายที่ทำหน้าตื่นเพราะห้ามไม่ทัน
     “นี่อะไรเนี่ย”
     “เมื่อวานวันเกิดพี่” โทชิพูดได้แค่นี้ก็อึ้ง แล้วก็หันหน้าหนี ถ้าพูดมากกว่านี้เขาคงน้ำตาร่วงอีกรอบแน่ ส่วนโทโมยะปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เขานี่เป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ
     “ขอโทษ” เขาพูดคำนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วกับน้องชายคนนี้ เด็กหนุ่มหันขวับมาหาเขา น้ำตากบตา
     “พี่ก็พูดแต่คำนี้ ก่อนจะทำอะไรพี่เคยคิดถึงคนอื่นบ้างรึเปล่า พี่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเลยว่าจะรู้สึกยังไง จะเสียใจแค่ไหน”
     “แล้วจะให้ฉันทำยังไง ก็มันทำลงไปแล้ว” โทโมยะเริ่มโมโหบ้าง “ขอโทษแล้ว จะให้ทำยังไงอีก”
     “อย่าทำผิดแบบเดิมซ้ำอีกไงล่ะ” โทชิโต้ เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา “คิดถึงความรู้สึกของผมบ้างก่อนที่พี่จะทำอะไร”
     โทโมยะถอนหายใจ เขาเดินตรงเข้ามากอดโทชิเอาไว้พร้อมกับตบหลังเบา ๆ
     “ฉันขอโทษ เอาล่ะ เมื่อวานไม่ได้ฉลองก็ไม่เป็นไร มาฉลองกันวันนี้แทนก็ได้ ไหน ๆ นายก็หยุดแล้ว วันนี้ฉันก็ไม่มีงานด้วย”
     โทชิเช็ดน้ำตาจนแห้ง เขาพยักหน้ารับคำเบา ๆ ชายหนุ่มยิ้มให้ ก่อนจะลูบศีรษะน้องชาย
     “งั้นตอนเย็นออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วกัน ฉันเลี้ยงนายเอง ส่วนอาหารพวกนั้นเก็บไว้ก่อน”
     โทชิพยักหน้าอีก สีหน้าสดใสขึ้นทันตา
     โทโมยะพาน้องชายไปที่ร้านประจำของเขาโดยที่ไม่ทันคิดว่าร้านนี้ก็เป็นร้านประจำของคนในบริษัทหลายคนด้วยเหมือนกัน แล้วจำเพาะวันนี้คนพวกนั้นก็พร้อมใจกันมากินข้าวที่นี่อย่างพร้อมเพรียง โทโมยะไม่เคยบอกที่บ้านว่าเขาทำงานอะไรอยู่และไม่อยากจะบอกด้วย ดังนั้นเมื่อเปิดประตูร้านเข้ามาแล้วเจอนางิกับโช คาสุกิกับสึบาสะ มานาโตะกับฮารุมะ รวมทั้งยูตะที่มากับทาคุ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดเสียแล้วที่มาทีนี่ แต่จะกลับก็ไม่ทันแล้วเพราะยูตะเห็นเขาแล้ว และโบกมือทัก ทำให้คนอื่น ๆ พลอยหันมามองเขาด้วย
     “พี่รู้จักด้วยรึครับ” โทชิถาม แต่สายตาของเขามองยูตะไม่วางตา
     “เพื่อนที่บริษัท” โทโมยะตอบสั้น ๆ โทชิเหลือบมองพี่ชายที่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ก่อนจะแกล้งเปรยลอย ๆ ว่า
     “จริงสินะ ผมยังไม่รู้เลยว่าพี่ทำงานอะไรบริษัทชื่ออะไร”
     “บริษัทธรรมดา จะอยากรู้ไปทำไม” โทโมยะตัดบท เขาเลี่ยงที่จะไม่ให้น้องชายถามคำถามต่อไปด้วยการเดินตรงเข้าไปทักทายนางิกับโชก่อนเพราะทั้งสองคนเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่บริษัท โดยเฉพาะนางิที่ได้รับฉายาว่าฮิเมะ เป็นเจ้าหญิง หรือจริง ๆ ควรเป็นราชินีจะเหมาะกว่า เขาได้รับคำเตือนตั้งแต่วันแรกที่ทำงานที่นี่แล้วว่าต้องไม่ทำให้ราชินีพิโรธโดยเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้ชีวิตมีปัญหา
     “นี่โทชิครับ น้องชายผม” โทโมยะแนะนำ นางิยิ้มให้ เขามองน้องชายของรุ่นน้องด้วยสายตาพิจารณาก่อนจะชมว่า
     “โทชิคุงนี่หน้าตาดีนะ ถ้าจะให้มาทำงานที่บริษัทก็น่าจะโอเคเลย อัตสึซังกำลังหาคนอยู่ด้วยสิตอนนี้”
     โทโมยะส่ายหน้าหวือทันที
     “คงไม่ได้ครับ น้องชายของผมกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
     “อ้อ เหรอ น่าเสียดายจัง” นางิพูด
     “งานอะไรเหรอครับ ทำเป็นงานพิเศษได้ไหม ผมกำลังอยากหางานพิเศษทำเหมือนกันครับ”
     โทชิสนใจ ดวงตาของเขาวาววับ แต่โทโมยะรีบตัดบทเสียงห้วนทันที
     “ไม่ได้ นายกำลังจะสอบ จะทำงานพิเศษได้ยังไง เรียนไปนั่นแหละพอแล้ว”
     พูดจบชายหนุ่มก็นึกได้ว่าเขาคงหลุดปากไปตามอารมณ์มากไปหน่อย เพราะรุ่นพี่ทั้งสองมองมาด้วยสายตาแปลกใจ โทชิเองก็ชะงักไปเหมือนกันที่โดนดุ เขากัดริมฝีปากแน่น
     “ขอโทษครับ” โทโมยะก้มศีรษะ
     นางิโบกมือเป็นเชิงไม่ถือสา สีหน้าแสดงความเข้าใจอะไร ๆ ขึ้นจึงยิ้มนิด ๆ พลางหันไปพูดกับโทชิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
     “งั้นก็อย่างที่พี่ชายบอกล่ะนะโทชิคุง ตั้งใจสอบเข้าให้ได้นะ ส่วนเรื่องงานพิเศษก็เอาไว้ก่อนก็แล้วกันเนอะ”
     “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเบา ๆ
     “พวกผมขอตัวนะครับ”
    โทโมยะถือโอกาสลา เขาดึงมือน้องชายจะไปนั่งที่โต๊ะที่ว่าง ระหว่างทางก็แวะทักคนอื่น ๆ โทชิรู้จักแค่ยูตะคนเดียว เมื่อผ่านโต๊ะของฝ่ายนั้น เขาก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพ ยูตะยิ้มตอบแล้วแกล้งถามว่า
     “นั่งด้วยกันไหมโทโมยะซัง โทชิคุง”
     ทาคุมองหน้ายูตะทันที เช่นเดียวกับโทชิที่ชักสีหน้าอย่างไม่รู้ตัว แต่โทโมยะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรและเห็นว่านั่งกับคนอื่นก็ดีเหมือนกัน เขาเห็นสายตามีคำถามของน้องชายแล้วก็อยากจะเลี่ยงการอยู่กับน้องชายตามลำพังและต้องตอบคำถามเหมือนกัน ก็เลยตกลงทันที และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ไม่รับรู้ว่ามีบรรยากาศมาคุอยู่ที่โต๊ะมากแค่ไหน ส่วนยูตะรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ เขาได้คำตอบยืนยันสมมติฐานของตัวเองแล้ว
      โทชิไม่สนุกเลยแม้ว่าอาหารที่สั่งมาจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม เขาตั้งใจว่าจะมาฉลองกับพี่ชายแค่สองคน ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น แถมคนนั้นยังเป็นยูตะซังอีกด้วย เด็กหนุ่มได้แต่เขี่ย ๆ อาหารในจาน และไม่ยอมพูดอะไร ยกเว้นถูกถามซึ่งก็ตอบอย่างประหยัดถ้อยคำที่สุด
     “นายเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า วันนี้ไม่ค่อยกินอะไรเลย สีหน้าก็ไม่ค่อยดี”
     โทโมยะถาม เมื่อเดินออกมาจากร้าน ความจริงยูตะชวนเขาไปหาอะไรดื่มกันต่อ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของน้องชายแล้วก็รู้ว่าโทชิไม่อยากไปแน่ ๆ
     โทชิตอนนี้อยู่ในอารมณ์งอน เมื่อพี่ชายถาม เขาก็เลยไม่ตอบ แต่สะบัดหน้าพร้อมกับเร่งฝีเท้าหนี โทโมยะเร่งฝีเท้าตาม
     “โทชิ เฮ้ นายเป็นอะไรไปน่ะ”
     โทชิไม่ยอมตอบ เขาไม่พูดกับพี่ชายไปจนกระทั่งถึงบ้าน และพอเข้าไปในห้องได้ โทชิก็ขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่บนโซฟาที่ปรับเป็นเตียง ไม่ยอมขานรับเสียงเรียกของพี่ชายแม้แต่ครั้งเดียว
     “โทชิ” โทโมยะเรียกอีก “โทชิ นายอย่างอนเป็นเด็ก ๆ ได้ไหม ไม่น่ารักเลย”
     “ก็ไม่ต้องรักสิ” เสียงของโทชิสวนขึ้นมาจากโปง
     “เฮ้ มีอะไรก็ลุกขึ้นมาพูดกันดี ๆ” โทโมยะนั่งลงบนโซฟา เขาเขย่าเรียกน้องชาย เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจดึงผ้าห่มออก
     “อ๊ะ เอาคืนมานะ” โทชิร้องลั่น เขาพยายามจะคว้าผ้าห่มคืน แต่โทโมยะขว้างผ้าห่มทิ้งไปบนพื้นห่างตัวเกินกว่าจะเอื้อมถึงแล้ว
     “ว่ายังไง วันนี้นายเป็นอะไร ไม่พอใจอะไร”
     โทชิเม้มปาก แล้วพอพี่ชายคาดคั้นมาอีก เด็กหนุ่มจึงโพล่งออกมาว่า
     “ถ้าพี่ไม่อยากพาผมไปแต่แรกพี่ก็บอกผมสิ ไม่ใช่ทำแบบนี้”
     “ทำอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
     “ก็ผมคิดว่าเราจะไปกินข้าวกันสองคน แต่พี่ก็กลับไปเจอยูตะซัง พี่ชอบเขาใช่ไหม พี่ชอบยูตะซังใช่ไหม”
     “เฮ้ย นายไปเอามาจากไหน” โทโมยะร้องด้วยความประหลาดใจ
     “ก็พี่สนิทสนมกับยูตะซังยังกับอะไร ผมเห็นนะ ยูตะซังชวนไปไหน พี่ไม่เคยขัดเลย แถมวันนั้นยูตะซังยังมาส่งพี่ที่บ้านด้วย”
     “ไปกันใหญ่แล้ว” โทโมยะเกาศีรษะ “ฉันไม่ได้ชอบยูตะ นายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ฉันจะไปชอบผู้ชายได้ยังไงกัน ก็แค่เพื่อนร่วมงาน”
     “เพื่อนร่วมงานแบบไหนกันครับ ทำไมสนิทกันขนาดนั้น” น้องชายคาดคั้น
     โทโมยะชักลำบากใจ และพอเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ชายหนุ่มก็เลือกที่จะตัดบท
     “ก็เพื่อน นายอย่าถามมากนักเลยน่ะ”
     “เพื่อนแบบไหนล่ะ” โทชิไม่ยอมแพ้ เขาโมโหจนเผลอเหวี่ยงใส่พี่ชายอย่างที่ไม่เคยทำ
     ความจริงแล้วมันมากกว่าคำว่าโมโหสำหรับความรู้สึกของเขาในตอนนี้
     “พอได้แล้วนะโทชิ” โทโมยะขึ้นเสียง “ถ้านายทำตัวแบบนี้เห็นทีเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วนะ”
     “พี่ยอมรับไม่ได้งั้นเหรอที่ผมจะรู้ว่าพี่ชอบยูตะซัง ผมรู้นะว่าพี่ชอบผู้ชาย และผมก็รู้ว่าพี่ทำงานอะไร พี่จะปิดบังผมไปถึงไหนกัน!”
     โทชิขึ้นเสียงเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
     โทโมยะโกรธที่โดนน้องชายพูดความจริงใส่หน้าจนลืมตัวและตบหน้าโทชิไปฉาดใหญ่
     โทชิเอามือกุมแก้ม น้ำตาคลอตา
     “เอ้อ...ฉัน...” โทโมยะพูดอะไรไม่ออก เขาอาจจะเคยแกล้งน้องชายไว้มากเมื่อสมัยก่อน แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือ ไม่ว่าจะต่อยหรือตบหน้าอย่างคราวนี้ เมื่อเห็นรอยแดงที่แก้มน้องชาย เขาจึงรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
     “โทชิ...”
     เด็กหนุ่มสะบัดตัวออกห่าง น้ำตาคลอเต็มสองตาเมื่อตะโกนใส่หน้าพี่ชายว่า
     “ทำไมพี่ต้องทำงานแบบนี้ด้วย ทำไมพี่ต้องมีคนอื่นที่ไม่ใช่ผม!”
     พูดจบเด็กหนุ่มก็หันหลังวิ่งออกไปจากห้อง
     โทโมยะไม่ได้วิ่งตามออกไปในทันที เขายืนตะลึง และเมื่อทบทวนสิ่งที่น้องชายพูด เขาก็รู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
     โทชิพูดอย่างนั้นหมายความว่ายังไง
     หึงเขางั้นหรือ หึงเขากับยูตะ
     โทชิชอบเขา ชอบพี่ชายตัวเองอย่างนั้นหรือ
     โทโมยะรู้สึกสับสน เขาเอ็นดูโทชิ ตัวเองก็รู้ดีจนต้องออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ และคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้เจอกับน้องชายคนนี้อีกแล้ว เขาอุตส่าห์ตัดใจได้ไม่ใช่หรือไง
     ทำไมมันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้อีก
     ชายหนุ่มรีบวิ่งตามโทชิออกไปทันที

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักครั้งที่หก: Tomoya x Toshi (จบ)


     โทชิวิ่งไปอย่างไม่รู้จุดหมาย เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะไปไหนดี รู้แต่ว่าต้องหนีออกมาจากสภาพอันน่ากระอักกระอ่วนใจนั่น เขาต้องหาที่ที่ตัวเองจะสงบจิตใจได้ แต่เป็นที่ไหนดี
     “โทชิคุง” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง “โทชิคุงไม่ใช่เหรอนั่น”
     “ยูตะซัง” เด็กหนุ่มตกใจเมื่อหันไปเจอชายหนุ่มที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด ยูตะเดินมากับคนที่อยู่ด้วยที่ร้านอาหาร รู้สึกว่าจะชื่อทาคุ
     “มาทำอะไรที่นี่ล่ะ ฉันนึกว่านายกลับไปกับโทโมยะซังแล้วซะอีก”
     ยูตะถาม ก่อนจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้
     “นายเป็นอะไรรึเปล่า หรือทะเลาะกับโทโมยะซัง”
     เจอคำถามจี้ใจดำแบบนี้ โทชิน้ำตาร่วงทันที เขาเดินเข้าไปกอดยูตะแล้วร้องไห้
     “โทชิคุง” ยูตะเรียก เขาหันไปมองคนที่มาด้วยเป็นเชิงขอความเห็น ทาคุจึงเสนอว่า
     “กลับบ้านก่อนเหอะ ยืนพูดกันตรงนี้ไม่ดีหรอกมั้ง อากาศก็หนาว”
     ยูตะโอบไหล่โทชิที่ยังร้องไห้ไม่ยอมหยุดไว้พร้อมกับชวนว่า
     “เอายังงี้ นายไปที่ห้องฉันก่อน สบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับนะ ตกลงไหม”
     เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ
     โทชิตามยูตะกับทาคุไปที่ห้องซึ่งอยู่ละแวกใกล้เคียงกับอพาร์ตเม้นท์ของโทโมยะ เขากล่าวคำขอบคุณเมื่อรับถ้วยกาแฟร้อน ๆ มาจากยูตะที่นั่งลงตรงกันข้าม
     “ทะเลาะกับโทโมยะซังเหรอ”
     ยูตะถาม
     โทชิพยักหน้ารับ เขาใช้สองมือประคองถ้วยกาแฟเพื่อให้ความร้อนช่วยทำให้มืออุ่น แต่ยังไม่ยอมดื่ม
     “เรื่องฉันรึเปล่า”
     โทชิพยักหน้าอีกครั้ง
     ยูตะถอนหายใจ แล้วเขาก็บอกว่า
     “ฉันไม่ได้ชอบโทโมยะซังหรอกนะ พี่ชายนายก็ไม่ได้ชอบฉันเหมือนกัน ฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว” พูดจบก็หันไปหาคนที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ห่างออกไป เมื่อสบตากัน ทาคุก็ลุกจากเก้าอี้ตรงมาหา และจูบยูตะที่ริมฝีปาก
     โทชิไม่ได้ตกใจ เขาแค่มองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะถามเสียงแผ่วเบาว่า
     “ยอมได้เหรอครับ”
     ยูตะกับทาคุหันมามองเป็นเชิงถาม เด็กหนุ่มจึงพูดเสียงดังขึ้นอีกนิด
     “พวกคุณยอมให้คนรักไปมีอะไรกับคนอื่นได้หรือครับ พวกคุณยอมได้ยังไง”
     ยูตะกับทาคุสบตากันอีกครั้ง สายตาที่มองกันและกันเต็มไปด้วยความรัก แล้วทาคุก็พยักหน้า ยูตะจึงเป็นฝ่ายตอบว่า
     “เพราะเราเข้าใจกันล่ะมั้ง สิ่งที่พวกเราทำมันเป็นงานน่ะโทชิคุง นายยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับพวกเรา เซ็กซ์คืองาน แล้วมันก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกกับความเข้าใจ ฉันเข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เข้าใจสิ่งที่ทาคุทำ ทาคุก็เข้าใจเหมือนกัน เรารักกัน เรื่องอื่นมันก็เลยไม่สำคัญ”
     “ผมก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยใช่ไหม”
     “มันยาก ฉันเข้าใจ ปกติเรื่องแบบนี้ก็คงเข้าใจกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอก ถ้านายไม่ชอบ นายก็ต้องคุยกับโทโมยะซัง แล้วขอให้เขาเลิกก็ได้นี่ จริง ๆ ฉันคิดว่าโทโมยะซังก็ไม่ได้ชอบสิ่งที่ทำอยู่เท่าไหร่นักหรอก แต่บางครั้งเพื่อการใช้ชีวิตอยู่ให้รอดก็อาจจะต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง นายคงรู้ใช่ไหม”
     โทชิพยักหน้า เขารู้ว่าพี่ลำบากเมื่อต้องแยกออกมาอยู่คนเดียว และเขารู้ว่างานแบบนี้มันได้เงินดีมากแค่ไหน
     “พี่เค้าจะยอมเลิกเหรอครับ”
     “เพื่อโทชิคุง เขาอาจจะยอมก็ได้นะ เรื่องแบบนี้ต้องลองดู”
     เด็กหนุ่มส่ายหน้า
     “ผมไม่ได้สำคัญกับพี่มากขนาดนั้นหรอกครับ พี่ไม่เคยสนใจผมเลยสักนิด”
     ยูตะมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาค้นคว้า โทชิเลิกร้องไห้แล้ว แต่น้ำตายังเต็มหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจเมื่อพูดถึงพี่ชายตัวเอง
     “นายชอบโทโมยะซังใช่ไหม นายชอบพี่ชายตัวเอง” ยูตะตัดสินใจถาม
     “ผมกับพี่ไม่มีสายเลือดเดียวกัน พ่อของพี่แต่งงานกับแม่ของผม”
     “ยังงี้นี่เอง”
     ยูตะฟังแล้วโล่งอก ก่อนจะพูดต่อว่า
     “งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่ นายลองกลับไปปรับความเข้าใจกับโทโมยะซังดู ฉันจะโทรบอกเขาว่านายอยู่ที่นี่ ป่านนี้เป็นห่วงแย่แล้วล่ะ”
     “ไม่เอานะครับ” โทชิรีบค้านทันที เขามีสีหน้ายุ่งยากใจ
     “ผมเพิ่งสารภาพรักกับพี่ ผมไม่กล้ามองหน้าพี่ตอนนี้หรอกครับ ยูตะซัง ให้ผมค้างที่นี่สักคืนได้ไหมครับ นะครับ”
     ยูตะลังเล เขาหันไปหาทาคุซึ่งกลายเป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ให้ด้วยการพูดหน้าตาเฉยว่า
     “ไม่ได้หรอก ฉันส่งข้อความบอกโทโมยะซังไปแล้วล่ะว่านายอยู่ที่นี่ อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้ว”
     โทชิตาค้าง แต่เขายังไม่ทันจะตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือไปที่อื่นดี เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ทาคุเดินไปเปิดประตูให้โทโมยะเข้ามาข้างใน
     “ขอโทษด้วยนะที่โทชิมารบกวน”
     โทโมยะพูด เขาหันไปทางเด็กหนุ่มที่ก้มหน้างุด
     “โทชิ กลับได้แล้ว”
     เด็กหนุ่มไม่ยอมขยับตัว โทโมยะถอนหายใจ ก่อนจะตรงไปดึงตัวน้องชายให้ลุกขึ้นแล้วแบกร่างของโทชิพาดบ่า เด็กหนุ่มร้องลั่น
     “จะทำอะไรน่ะ ปล่อยผมลงนะ”
     โทโมยะไม่ตอบ เขาหันไปขอโทษทาคุกับยูตะอีกครั้ง ก่อนจะแบกร่างของน้องชายเดินออกมาจากห้อง โทชิไม่กล้าตะโกนแล้วเมื่ออยู่ข้างนอก เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน แต่เขาดิ้นและเตะจนโดนโทโมยะสำทับเสียงแข็งให้เลิกทำ พอเขาไม่เชื่อและยิ่งดิ้น โทโมยะก็ฟาดก้นเขาดังเผียะ
     โทชิเลิกดิ้นทันที เขายอมให้พี่ชายอุ้มเข้ามาในห้อง และโยนตัวเขาลงไปบนเตียง
     “เด็กบ้า เลิกทำให้ฉันเป็นห่วงสักที” ชายหนุ่มดุ
     โทชิเม้มปากแน่น
     “เมื่อก่อนนายออกจะน่ารัก ว่าง่าย ไม่ดื้อ คอยตามฉันแจ ถึงจะถูกฉันแกล้ง นายก็คอยแต่วิ่งตามฉัน พอโตแล้วนี่เปลี่ยนไปนะ กลายเป็นฉันที่วิ่งตามนายซะแล้ว” โทโมยะรำพึง
     “เราเป็นพี่น้องกันนะโทชิ”
     “ไม่ได้เป็นจริง ๆ สักหน่อย” โทชิพูดอย่างดื้อดึง
     โทโมยะพูดต่อว่า
     “รู้รึเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจากนี้ ยูมิซังจะต้องเสียใจ พ่อจะต้องโกรธมาก คนรอบตัวเราจะต่อต้าน นายพร้อมไหมล่ะ”
     ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมือน้องชายไว้
     “นายพร้อมจะยอมรับทุกอย่างไหม ถ้าอยากจะคบกับฉัน”
     โทชิตะลึงงัน แต่เมื่อริมฝีปากของโทโมยะสัมผัสกับริมฝีปากของเขา เด็กหนุ่มก็รู้ตัวว่าเขาไม่ได้ฝันไป โทชิโผเข้ากอดพี่ชายทันทีและพูดซ้ำ ๆ ว่า
     “ผมยอมทุกอย่าง พี่ครับ ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้อยู่กับพี่”
     โทโมยะจูบน้องชายอีกครั้ง ก่อนจะดันร่างของโทชิให้นอนลงบนเตียง
     เด็กหนุ่มไม่กล้าสบตากับพี่ชาย หน้าของเขาแดงซ่านตัดกับร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนที่นอนอยู่ต่อหน้าโทโมยะ และเมื่อชายหนุ่มพรมจูบไปทั่วทั้งตัว โทชิก็ได้แต่หลับตาแน่น เขายอมให้พี่กอดและปลุกเร้าด้วยมือและริมฝีปาก เด็กหนุ่มครางไม่หยุดเมื่อนิ้วของพี่สอดเข้าไปข้างใน
     “พี่ครับ” โทชิเรียกไม่ขาดปาก เด็กหนุ่มกอดพี่ชายแน่นเมื่อโทโมยะจูงมือเขาเข้าไปในดินแดนที่เด็กหนุ่มเพิ่งได้เคยรู้จัก
     โทชิขยับตัวตามแรงของโทโมยะ เขาเจ็บจนร้องไห้ แต่เสียงกระซิบปลอบประโลมและคำบอกรักของพี่ทำให้เขาอดทนต่อไปจนไปถึงสุดปลายทาง อะไรบางอย่างในตัวของเด็กหนุ่มแตกพร่า เขานอนหอบอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายที่ยังคงอยู่ในตัวของเขา
     “พี่ครับ” เด็กหนุ่มเรียกอย่างไม่แน่ใจ โทโมยะยิ้มให้ เขากอดร่างน้องชายแน่นแล้วประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากนุ่มของโทชิอีกครั้ง มือของชายหนุ่มสัมผัสตัวของน้องชาย เขาขยับตัวอีกครั้งและพาให้โทชิไปพร้อมกันกับเขาอีกครั้ง ก่อนจะหมดแรง  ผล็อยหลับไปพร้อมกันทั้งคู่

     เช้าวันนั้นเป็นเช้าที่โทชิทำใจได้ยากที่สุดเมื่อตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชาย ร่างกายเปลือยเปล่า เมื่อคืนเขาหลั่งออกมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ดูเหมือนว่าแค่สายตา มือ หรือว่าปากของพี่ แค่แตะต้องร่างกายของเขา แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว
เขาจะมองหน้าพี่ชายได้ยังไง เมื่อคืนเขาครางเสียงดังลั่นอย่างกับผู้หญิง แถมยังเรียกชื่อพี่ไม่ขาดปากอีกต่างหาก
     ระหว่างที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ อ้อมแขนที่โอบเขาไว้หลวม ๆ ก็รัดแน่นขึ้น เขารู้สึกถึงริมฝีปากที่ไล้เลียอยู่ที่หู ระลงมาที่แก้ม คาง และไหล่
     “พี่...พี่ครับ” เด็กหนุ่มอึกอัก
     “คิดอะไรอยู่”
     “ผม..ผม..” เด็กหนุ่มพูดไม่ถูก แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ เขาจับน้องชายพลิกตัวให้หันมาเผชิญหน้ากัน โทชิค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
     โทโมยะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
     “พี่” เด็กหนุ่มเรียก เขามองพี่ชายเต็มตาในที่สุด คราวนี้ไม่ปิดบังสายตาตัวเองอีกต่อไป
     โทโมยะส่ายหน้า เขาบอกว่า
     “เรียกโทโมยะสิ ฉันไม่ใช่พี่นายอีกต่อไปแล้ว”
     “เอ้อ...แต่ว่า” เด็กหนุ่มลังเล “พี่...”
     ริมฝีปากของโทโมยะประกบกับริมฝีปากของโทชิทันที ลิ้นของเขาแทรกเข้าไปพร้อมกัน
     “ถึงขนาดนี้ ฉันก็เป็นพี่นายไม่ได้อีกแล้ว”
     โทโมยะยิ้มให้โทชิที่ตอนนี้หน้าแดงไปถึงหู
     “โทชิ” ชายหนุ่มเรียก แล้วก็นิ่ง รอ
     ในที่สุด เสียงใส ๆ ก็ลอดออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า เรียกชื่อของเขา
     “โทโมยะ”
     ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้เป็นรางวัล
     เขายังไม่ยอมปล่อยตัวโทชิ ชายหนุ่มบอกว่า
     “มะรืนนี้ฉันจะกลับบ้าน ไปบอกพ่อกับยูมิซังเรื่องของเรา โทชิ นายจะมาอยู่ที่นี่กับฉันไหม เราอาจจะลำบากนิดนึงนะ แต่ฉันสัญญาว่าจะดูแลนาย”
     โทชิกอดตอบ น้ำเสียงหนักแน่นเมื่อตอบพี่ชายว่า
     “ผมไม่เป็นไร ต่อให้ลำบากแค่ไหนผมก็ทนได้ ผมจะทำงานด้วย แต่...” เด็กหนุ่มนิ่ง เขากำลังคิดถึงงานของโทโมยะและคำพูดของยูตะ แต่โทโมยะก็ดูจะเดาได้
     “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะเลิกทำงานนั้นแล้วล่ะ ความจริงฉันก็คิดจะเลิกอยู่แล้ว จำที่นางิซังพูดได้ไหมว่าบริษัทกำลังหาคนอยู่ นั่นแหละ เค้ากำลังหาคนที่จะมาแทนฉัน โปรเจ็คท์กับยูตะเป็นโปรเจ็คท์สุดท้ายที่ฉันจะเล่น”
     “จริงเหรอครับ” โทชิเงยหน้าขึ้นสบตากับโทโมยะ
     ชายหนุ่มพยักหน้า
     “ขอโทษนะที่ชอบทำให้ไม่สบายใจ”
     เด็กหนุ่มส่ายหน้าแรง ๆ
     “ไม่เป็นไรเลย แค่โทโมยะอยู่กับผมก็พอแล้ว”
     ชายหนุ่มดึงตัวโทชิเข้ามากอดอีกครั้ง
     “เราอาจจะต้องเจอปัญหาอีกเยอะเลยนะ นายจะสู้ไปกับฉันใช่ไหม”
     “ครับ ผมจะสู้ ผมจะอยู่กับโทโมยะ”
     โทชิให้สัญญา เขามั่นใจว่าทำได้ เมื่อคืนตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึก พี่ให้เขาดูอะไรบางอย่าง
     หนังสือการ์ตูนเก่าที่เขาติดมากสมัยเด็ก ๆ พี่รู้ว่าเขารักการ์ตูนนินจาชุดนี้มากแค่ไหน แต่พี่ก็แกล้งด้วยการฉีกมันทิ้ง เขาร้องไห้เสียใจอยู่หลายวัน แต่เขาก็ไม่โกรธพี่ เพราะในช่วงที่เขาเสียใจและไม่ยอมพูดกับพี่นั้น เขากลับรู้สึกทรมานกว่าการไม่ได้อ่านการ์ตูนหลายเท่า โทชิบอกว่าเขาผิดเอง เขายอมเสียสิ่งที่เขารัก แต่ไม่ยอมเสียโทโมยะไป
     การตัดสินใจของโทชิในตอนนั้นกระทบใจโทโมยะอย่างมากมาย เขาจึงพยายามชดเชยให้ด้วยการพยายามหาการ์ตูนชุดนี้มาคืน ซึ่งกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังหาได้ไม่ครบ แต่แค่นี้โทชิก็ดีใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรถูกแล้ว 
     เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับอกกว้างของพี่ชายที่เขารักมาตลอด ตอนนี้โทโมยะไม่ใช่พี่ชายแล้ว แต่เป็นคนรักของเขา
และเราะจะสู้ไปด้วยกัน



     .................
     จบ SS1 แล้วค่ะ ฟิคเรื่องแรก ถึงจะเป็นตอนสั้น ๆ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขียนอะไรได้จนจบ ดีใจอะ  :mc4:
     ขอบคุณเพื่อน ๆ สำหรับคอมเม้นท์ติชมและให้กำลังใจนะคะ ถ้าเขียน SS2 ได้ จะเอามาให้อ่านกันอีกเนอะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สนุกทุกเรื่องเลยจ๊ะ
แอบหมั่นไส้ฮิคารุเล็กๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
อยากใส่รูป แต่ใส่ไม่เป็นอะค่ะ ใครช่วยสอนเราหน่อยนะคะ Please
กดตรงช่องใส่รูปแล้ว แต่ไม่รู้จะเอารูปจากคอมพ์ใส่เข้าไปยังไง  :sad4:
ถ้าใส่รูปแล้วเราแจ้งย้ายเลยเนอะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อยากเห็นรูปแล้ว....อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด