ขออนุญาตแก้ไขคอมเม้นท์ใหม่หมดหลังจากอ่านจบ
อยากจะบอกคุณจิตฯ ว่า เสียใจที่เรื่องนี้ดราม่าเหลือเกิน จนตอนพิเศษที่หวานๆ และเรียกรอยยิ้มนี้ กลับกลายเป็นหวานอมขม จะยิ้มก็ยิ้มไม่เต็มหน้า ดิฉันชอบตอนพิเศษทั้งสองตอนมากๆ เลยค่ะ แต่พอหันกลับไปมองว่า เมื่อก่อนนั้น บูรพาร้ายกับอาคเนย์อย่างไรแล้ว มันก็ตื้อขึ้นมาในอกจนอยากจะร้องไห้ แต่กระนั้นก็ร้องไม่ออก มันจุกอยู่ในลำคอ เรียกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ดิฉันโกรธแค้นบูรพามากที่ข่มขืนอาคเนย์อย่างนั้น ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ (ค่อยยังชั่วที่อย่างน้อยบูรพาก็ไล่เพื่อนกลับไปก่อน โดยยังไม่ทันได้รุมโทรม ถ้าบูรพาปล่อยให้เพื่อนรุมโทรมอาคเนย์เขาจะกลายเป็นตัวร้ายที่ไม่อาจให้อภัยได้ทันที เขาจะกลายเป็นผู้ร้ายที่ควรถูกจับยัดใส่กรงขัง และควรจะถูกประนามจากสาธารณชน) ฉากที่เขาหักข้อเท้าของอาคเนย์ ฉากที่เขาพาอาคเนย์ไปให้ถูกรุมเยาะเย้ยจากผองเพื่อน ฉากที่อาคเนย์อ้วกออกมาทั้งกำลังป่วย ฉากกระทำชำเรา ฉากซ้อมจนสะบักสะบอมและน่วมไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาเน่าๆ ที่ไร้ค่าตัวหนึ่ง และท้ายที่สุด ฉากซึ่งอาคเนย์จนหนทางจนต้องแทงตัวเอง ฉากเหล่านี้ทำให้คิดอย่างประหลาดใจว่า ทำไมเด็กที่เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยจึงกระทำได้ถึงขนาดนั้น และทำไปโดยที่ใจตัวเองก็กระตุกเต้นเพราะใจรู้ว่าเจ้าของรู้สึกอย่างไรจริงๆ ใจจึงได้เจ็บและพยายามร้องบอกเจ้าของว่า อย่าทำ แต่อนิจจาเสียงนั้นก็ไม่ไปถึงหู มันได้แต่กระตุกเต้นอยู่ที่ใจนั้นเอง น่าเศร้าที่สายตาของบูรพานั้นมืดบอดเหลือเกิน
เจ็บมากนะคะ กับการที่ทั้งสองต่างก็รักกัน แต่ก็ต้องมาคอยแก้แค้นกันกลับไปกลับมาไม่จบสิ้นเป็นวัฏจักรอย่างนี้ แรงขับเคลื่อนของคนหนึ่งคือรัก ส่วนอีกคนหนึ่งคือแค้น (และมีรักซึ่งกบดานอยู่เบื้องลึกของหัวใจ) แต่อาจเพราะความเข้าใจผิด และอารมณ์รุนแรงทั้งสองฝ่ายทำให้ผลที่ออกมามันกลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่ได้ดีต่อใครเลยสักคนเดียว บูรพาเองทั้งที่พาหญิงอื่นมาเสพสมที่ห้อง หรือปากจะบอกว่าเกลียดชังอาคเนย์เข้าไส้แค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังทำใจให้อาคเนย์ห่างไปไม่ได้ แม้เมื่อฝ่ายนั้นหนีไปพึ่งเย็นกับเพื่อน ก็ยังตามไปลากตัวกลับมา ดิฉันอ่านไปก็รู้สึกว่า นี่คือจุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์ใช่ไหม มันคือด้านมืดที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงของจิตใจคนใช่ไหม และนั่นคือเหตุผลที่ดิฉันเห็นว่าความรักของทั้งสองไม่ควรจะบรรจบกัน
และเมื่ออาคเนย์ตัดสินใจเดินทางไปอิตาลี ดิฉันก็รู้สึกโล่งใจ และแอบหวังในใจว่า อยากให้ตรงนั้นเป็นตอนจบของเรื่อง มันคงจะเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด หากทั้งสองจากกันไปอย่างนั้น แล้วเลือกที่จะให้วันเวลามันเป็นเครื่องเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือห้าสิบปี อยากให้ทั้งสองอโหสิกรรมให้กัน แล้วก็เดินกันคนละทาง เพราะว่าหากได้เดินทางมาบรรจบกันอีก หรือรักกันเข้าแล้วล่ะก็ ดิฉันก็ยังเชื่อว่า ตราบาปหรือการกระทำโหดร้ายใดๆ ในอดีตมันก็จะยังเป็นฝันร้ายคอยตามหลอกหลอนทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เรื่องเลวร้ายนั้นมันจะถูกลบเลือนไปได้ง่ายๆ เช่นนั้นเชียวหรือ ดิฉันนึกอยากจะให้ตอนจบของเรื่องเป็นช่วงเวลาในอีก ๖๐ หรือ ๗๐ ปี ต่อมา เมื่อทั้งบูรพาและอาคเนย์กลายเป็นคุณปู่กันแล้ว ด้วยวัยอันโรยรา อยากให้ฉากจบเป็นฉากที่ทั้งสองมาเจอกันอีกครั้งและมองปัญหาอย่างคนผ่านโลกมามาก หรือไม่เช่นนั้นก็อยากให้เป็นบูรพาไปวางดอกไม้ในงานฌาปนกิจของอาคเนย์ หรืออาคเนย์ไปร่วมงานศพของบูรพา แล้วก็มองภาพถ่ายของ "คนที่รัก" ด้วยความอาลัย แล้วพูดว่า "ฉันรักนายนะ อโหสิให้ฉันด้วยเถอะ" อะไรประมาณนี้ คือสำหรับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นนั้น ดิฉันคิดว่าหากดิฉันเจอเองกับตัว มันคงจะทำให้ดิฉันกลายเป็นคนวิกลจริต กลายเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวได้ด้วยการไขลาน ฯลฯ
แต่นั่นแหละค่ะ ชีวิตย่อมมีหนทางหลายสายให้เลือก และก็ไม่น่าแปลกที่ทั้งสองจะกลับมาหากันอีก และสมหวังกันในที่สุด เพราะจุดสำคัญของความโหดร้ายทั้งหลายที่ทั้งสองได้กระทำต่อกันนั้น มันคือความรัก การกระทำของทั้งสองถูกแรงขับเคลื่อนเป็นความรัก และก็ได้หมุนวนรอบๆ เจ้าความรักนี้เอง ทำให้หลังจากผ่านการพิสูจน์, ทดสอบ, อดทน, บากบั่น, มั่นคง, มอบรัก, มอบใจ, ยืนหยัดกับห้วงแห่งการรอคอย, ฯลฯ ในที่สุดทั้งสองก็เลือกจะสลัดอดีตอันปวดร้าวทิ้งไป และอ้าแขนโอบรับอนาคต (หรือปัจจุบัน) ที่คงจะเป็นประดุจฟ้าหลังฝน เลือกที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ซึ่งได้พยายามร้องบอกทั้งสองคนมานานแล้วว่า ให้วางอาวุธประหัตประหารกันลงเสีย แล้วใช้ใจมองใจ ใช้เสียงจากหัวใจตอบรับกัน แล้วมาเริ่มสร้างชีวิตกันใหม่จากศูนย์เถิด...
ดังนั้นจึงได้เกิด สูตรทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นจริงไม่น้อยกว่า E=mcยกกำลังสอง ทางฟิสิกส์, นั่นคือ, แม่หมอ=เมียหมอ(ยกกำลังสอง)
ถ้าเป็นไปได้ก็จะกลับมาอ่านอีกรอบ เพราะชอบค่ะ ถึงจะเจ็บปวดขณะอ่านจนแทบจะอยากทำแบบนี้
ก็ตาม แต่มันก็ยังได้อรรถรส ยิ่งถ้าคุณจิตฯ รีไรท์ใหม่ ดิฉันว่าบางจุดที่ยังขาดหรือเกินไปบ้าง ก็คงจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น และอยากอ่านตอนพิเศษมากๆ กว่านี้ เพราะอยากเห็นสองหนุ่มเขาหวานกันอีกเยอะๆ เท่านี้ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยพอเท่าไรนัก และอีกอย่างหนึ่ง ดิฉันรู้สึกว่า ความเจ็บปวดที่บูรพาได้รับยังน้อยกว่าสิ่งที่อาคเนย์ต้องเผชิญ เหมือนยังไม่ค่อยสาสมเท่าไหร่ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ดิฉันคิดว่าต่อไปนี้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของนายบูรพาที่จะต้องทำหน้าที่ปลูกสร้าง, ชดใช้, เติมเต็ม, ฯลฯ อะไรก็ตามที่ตัวเองสมควรทำเพื่อเป็นการไถ่บาปต่อสิ่งที่เคยประพฤติกับอาคเนย์ไว้...
...อีกนิดนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อดิฉัน แอบขัดใจบูรพานิดหนึ่งตรงที่ยอมให้ยัยชะนีมีนาหน้าปลาหลดอะไรนั่นมานวด แล้วก็ยังนอนหลับตาพริ้มมีความสุข ก็เข้าใจนะคะว่ามีคนนวดให้น่ะมันสบาย ได้ผ่อนคลาย แต่ก็ทนคิดไม่ได้ว่า เหมือนเป็นการนอกใจเลยค่ะ ถ้า "แม่หมอ=เมียหมอยกกำลังสอง" มาเห็น เขาจะรู้สึกอย่างไร (ชิ!) ไม่สมกับที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าผมรักคุณนะเนย์ รักผมเถอะเนย์...เลย เหมือนบูรพายังไม่มั่นคงพอ เขาควรจะมั่นคงกว่า ห้ามวอกแวกเด็ดขาด ตรงฉากนวดนั่นน่ะ มันสื่อถึงความวอกแวกนะคะ (คุณจิตฯ อาจบ่นว่า อินังแป้งจี่ฯ นี่หล่อนต้องการอะไรคะ ใครมันจะไปเถรตรงขนาดนั้นได้เล่า ไม่ใช่ไม้บรรทัดนา) กำลังใจที่จะมอบให้เป็นแรงเชียร์บูรพาก็เลยขอเก็บไว้กับตัวก่อน เพราะรู้สึกว่า นายบูรพายังต้องพิสูจน์อีกเยอะ แปดปีน่ะไม่เพียงพอหรอก
....ต้องทั้งชีวิตต่างหากล่ะ อยู่เป็นไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเลยยิ่งดี
ขอบคุณคุณจิตฯ มากๆ นะคะ