“ติดต่อปังได้ไหม มันกลับมาหรือยัง” เสียงแหบพร่านนั้นทำให้ตัวเล็กเม้มปากเข้าหากัน ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะไหล่แกร่ง เบาๆ
“ยัง … แต่เล็กให้คนของแม่สืบผ่านสายการบินแล้ว … พบรายชื่อออกนอกประเทศของปังแล้วก็คุณลุง”
พรึบ! “ออสเตรเลีย ใช่ไหม” ใหญ่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นระคนไปกับความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ ใจหนึ่งก็ดีใจอีกใจหนึ่งก็โกรธเหลือเกินที่เจ้าปังหายไปแบบนี้ … แต่นั้นก็เป็นความผิดของตัวเอง โทษใครไม่ได้เลยสักคน
“อือ … อ่ะ พี่ใหญ่!!!” ตัวเล็กกระโจนเข้าไปประคองพี่ชายที่ยืนขึ้นและเซถลาเพราะอาการมึนทั้งสุราและสถานการณ์ตอนนี้
“ไม่เป็นไร จองตั๋วให้พี่ที”
“แล้วจะไปตามหาที่ไหน ออสเตรเลียไม่ใช่เล็กๆนะพี่”
“จะที่ไหนก็ได้!!!! จะอะไรก็ได้ ขอแค่เจอ ขอแค่เห็นหน้า!!!!”
ภาพของปังที่กำลังเดินจากไปแม้เขาจะอ้อนวอนแค่ไหนในความฝันกลับเข้ามาหลอกหลอนในความจริง ใหญ่ทรุดลงนั่งกับเตียงก่อนจะหงายหลังนอนมองเพดานยกมือทั้งข้างหนึ่งปิดหน้าเอาไว้ น้ำตาที่น้องชายของเขาไม่ได้เห็นมาซะนาน รินไหลออกมาจากซอกนิ้วมือแกร่ง … หมดสภาพเสือร้ายที่ตัวเล็กหรือใครๆรู้จัก
“พี่ใหญ่ … ฟังเล็กนะ ทุกอย่างของปังอยู่ที่นี้ บ้านปัง มหาลัยของปัง ชีวิตของปัง แล้วก็หัวใจของปัง … ถึงปังจะโง่ไปสักหน่อย แต่ปังปังของเล็กก็รักพี่ใหญ่มากไม่แพ้กัน เล็กเชื่อว่า ถ้าปังปังตั้งสติได้ … ปังปังจะกลับมา … เชื่อเล็กสิ พี่อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเลย” ตัวเล็กลงไปกอดร่างแกร่งเอาไว้
ในตอนที่รู้เรื่อง เล็กโกรธใหญ่แทบเป็นแทบตาย ด่าสาดเสียเทเสีย แทบจะไม่ให้ความร่วมมือกับใหญ่ในการตามหาปังปังเพราะคิดว่ามันสมควรแล้วที่เพื่อนของตัวเองจะหนีไป แต่เมื่อเห็นสภาพที่ไม่ต่างจากผีตายซากและความพยายามของพี่ใหญ่ที่ไม่ได้ร้องขอแม้แต่ความเห็นใจ ก็ทำให้ตัวเล็กใจอ่อนและยอมที่จะช่วยตามหา แม้จะเหมือนงมเข็มในสหาสมุทรก็ตาม … ถึงอย่างงั้นเล็กก็ยังเชื่อว่าตัวเองรู้จักปังปังดี … รู้ดีว่าปังปังรักประเทศไทยมากแค่ไหน เหมือนกับที่รู้ว่าปังรักตัวเองมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นปังปังก็ยัง รักพี่ใหญ่สุดหัวใจมากกว่าที่ใครจะรับรู้ได้ซะอีก
อ้อมกอดของตัวเล็กนั้นหาได้ให้ความอบอุ่นกับใหญ่เลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีแรงแม้แต่จะดึงอ้อมแขนนี้ออกจึงปล่อยเลยตามเลยเพราะตนเหมือนคนที่ขาดอากาศจะหายใจ
“สัด เหี้ยอะไรนักหนาวะ แม่งเอ้ย!” เสียงสถบในลำคอระบายความอึดอัดใจของใหญ่ได้ไม่ถึงเสี้ยว เมื่อนึกถึงใครอีกคนที่ตอนนี้คงจะร้องไห้แทบขาดใจไม่ต่างกัน …
‘พี่ขอโทษปัง …’
.
.
.
-ปัง- หลังจากวันนั้น ที่ผมเดินออกมาจากหอพัก ผมไปหาป้าที่บ้านพักที่ประเทศไทย และป้าก็ยอมให้ผมพักอยู่ด้วยในระหว่างที่ดำเนินการทพาสสปอร์ทให้ผมและพ่อเพื่อออกนอกประเทศอย่างเร่งด่วน พ่อของผมถามมาทันทีในเย็นวันนั้น เราสองพ่อลูกอยู่ที่นั้นเพียง 1 วัน เป็นเวลาที่ให้ผมพักร่างกายที่ไข้รุมเร้าจนแทบขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนจะออกเดินทางจากประเทศไทยสู่แคมเบอร์รา เมืองหลวงของรัฐ ก่อนที่จะเดินทางออกนอกเมืองที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นกับอะไรมากนักเพราะกำลังจมดิ่งกับสภาพจิตใจและภาพติดตาที่พบเจอ
3 วันหรือเปล่านะ ตอนนี้เวลาที่ออสเตรเลีย ประมาณ 6 โมงแล้ว ที่ไทยคงช้ากว่าที่นี้ 4 ชั่วโมงบ่าย 2 โมง … พี่ใหญ่คงตื่นนอนแล้ว จะกินข้าวหรือยังนะ ผมไม่อยู่พี่ใหญ่กินเหล้าสูบบุหรี่เยอะหรือเปล่า ผมคิดถึงพี่ใหญ่จัง … แต่จะให้ผมไปเจอเขาตอนนี้ ผมก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี เขาไม่ต้องการผมแล้วนี้เนอะ … ท้องฟ้าบนดินแดนที่ห่างไกลกัน มันทำให้ผมเหงาจัง ผมหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะเม้มปากแน่น … ถ้าผมเปิดมันอาจจะติดต่อกับตัวเล็กหรือชินโดได้ … ดีไหมนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แก๊ก … “น้องปัง”
เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงเรียกทำให้ผมสะดุ้งหันไปมองที่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่ใบหน้ายิ้มแย้มกรามชัดริมีปากหนาดวงตาสีฟ้าสดใส กับเส้นผมสีฟางข้าว ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คลายความตื่นเต้นกับความคิดของตัวเอง … ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะติดต่อไปหาใครสินะ …
“คะ ครับ พี่อลัน”
ผมขานรับ พี่อลัน ลูกชายของป้าเบล พี่สาวของแม่มีนของผม ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินมานั่งข้างๆผมบนเก้าอี้ที่เย็นเฉียบไปด้วยอุณหภูมิที่เย็นกว่าประเทศไทย แต่ในช่วงต้นปีแบบนี้ เมืองที่ผมอยู่กลับมีฝนตกชุกไม่หนาวจนเกินไปนัก บรรยากาศของบ้านป้าเบลที่มีต้นไม้รายล้อมจึงทำให้ต้นไม้ดูมีชีวิตชีวา และกลิ่นไอเมฆฝนทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“ทำอะไรครับ”
“ปะเปล่าครับ พี่มีอะไรหรือครับ”
“คิดถึงคนที่เล่าให้พี่ฟังใช่ไหมครับ” ผมเม้มปากแน่นก้มหน้ามองมือตัวเองที่เผลอไปหยิบโทรศัพท์มากำแน่นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนที่โทรศัพท์ของผมจะถูกพี่อลันดึงออกไปจากมือผมมองตามไปอย่างเสียมิได้
ร่างสูงของพี่อลันก็มานั่งลงข้างๆผมบนเตียงหนานุ่มสีขาวบนชั้น 2 ของบ้านเดี่ยวในเมืองเล็กๆของประเทศออสเตรเลียที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ด้านหลังของเราเป็นหน้าต่างที่วิวทิวทัศน์ด้านนอกเป็นภาพของต้นไม้สูงใหญ่ดอกสีแดงของมันบนสะพรั่ง แต่กำลังถูกฝนกระหน่ำซ้ำจนดูน่าสงสาร
“ปังขอโทษครับ”
ผมขอโทษพี่อลัน เพราะพี่เค้าเป็นคนที่ปลอบผมตลอดที่ผมมาที่นี้ วันแรกที่ผมมาถึง ผมแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเพราะร้องไห้มาตลอดทาง พี่อลันเป็นคนที่มารับผมพ่อผมและคุณป้าที่สนามบิน พอเขาเห็นผมก็โผเข้ากอดทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกัน ผมจำได้ว่า อ้อมกอดของเขาทำให้ผมร้องไห้ฟูมฟามออกมาจนคุณป้าและพ่อของผมตกใจ จากนั้นพี่อลันก็เป็นคนดูแลผมอย่างใกล้ชิด และในที่สุด ผมก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมให้พี่อลันฟัง … เขาเป็นผู้ฟังที่ดี และเป็นคนที่ทำให้ 3 วันที่ผ่านมาของผมไม่เหงาจนเกินไปนัก
‘ทำไมวันนั้นพี่อลันถึงเดินมากอดผมละครับ’
ผมถามพี่เค้าขึ้นในขณะที่เขาพาผมขึ้นไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุก มือข้างหนึ่งของผมถือไอศกรีม สวมหมวกสีขาวสะอาดกันแดดที่ไม่ได้ต่างจากไทยมากนัก ผมจำได้ว่าเป็นวันที่ 2 ที่ผมมาที่นี้เขาก็พาผมออกเที่ยวไปทั่วกัน 2 คน
‘เราน่ารัก และกำลังเสียใจ’
‘ทำไมถึงรู้ว่าผมกำลังเสียใจครับ’
‘รู้สิ ก็ตอนนั้นตาเราบวม แก้มแดง แถมตัวสั่นเป็นลูกหมู’ ผมย่นคอหนีนิ้วของเขาที่พยายามจะมาจักกะจี้แกล้งผม
เราคุยกันในหลายๆเรื่องจนทำให้ผมรู้ว่าพี่อลันเรียนจบแล้ว และทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง และพอรู้ว่าผมจะมาเยี่ยมคุณตา พี่เขาก็ลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์เพื่อดูแลผมกับพ่อ เพราะป้าเบลจะไม่ว่างอยู่กับพวกเราอยู่ตลอดเวลาเพราะป้าเบลต้องเข้าบริษัทของป้าเอง พี่อลันเป็นลูกครึ่งไทย ออสเตรเลีย และป้าเบลก็มักจะพูดคุยภาษาไทยกัน พี่อลันเลยพูดไทยชัดเจน พอๆกับพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว พวงด้วย จีน อีกหนึ่งภาษา เก่งจนน่าอิจฉาเลยว่าไหม
แต่ถ้าจะให้เทียบกัน พี่ใหญ่กับพี่อลัน … พี่ใหญ่คงเหมือนไฟ ส่วนพี่อลันคงเป็นเหมือนน้ำแข็ง ละมั้ง …
“เหม่ออีกแล้วน้องชายพี่” มือใหญ่โยกหัวผมไปมา ทำให้ผมคิดถึงใครบางคนที่มักจะทำแบบนี้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน … พี่ใหญ่
“พี่อลัน เมื่อไหร่เราจะไปเยี่ยมตากันครับ”
“เดี๋ยว พรุ่งนี้แม่กลับมาแล้วพี่พาไปนะ ว่าไงเบื่อที่นี้แล้วเหรอ”
“เปล่าครับ ปังแค่อยากรู้” ผมเงยหน้าไปยิ้มกว้างให้เขาก่อนที่มือหนาจะลูบแก้มเย็นเฉียบของผมและยิ้มกว้างออกมา ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เห็นคงละลายกันเป็นแถวแน่ๆ
“หึหึ น่ารัก”
ฟอดดดดดด
ผมอ้าปากค้างเพราะอยู่ๆพี่อลันก็ก้มลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ … คะ คิดถึงพี่ใหญ่ ฮึก คิดถึงพี่ใหญ่ชะมัดเลย ให้ตายสิ ผมไม่เคยคิดถึงใครเลยต่อให้คนที่สัมผัสผมจะไม่ใช่เขาเลยก็ตาม ผมถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้แนบอก ปล่อยให้ผมสะอื้นอยู่แบบนั้น สัมผัสที่ลูบหลังผมไปด้วยอย่างปลอบประโลมนั้นทำให้ผมไม่สามารถปฎิเสธอ้อมกอดนี้ได้ มันอบอุ่น … แต่อบอุ่นในความรู้สึกว่านี้คืออ้อมกอดของพี่ใหญ่ … คนใจร้ายคนนั้น
“ไม่ร้องนะครับ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ” เหมือนกันอีกแล้ว … ฮึก ทำไม 2 คนนี้เหมือนกันขนาดนี้นะ … แล้วเมื่อไหร่ผมจะเข้มแข็งสักทีละ
.
.
.
“น้องหลับแล้วเหรอตาลัน”
เสียงป้าเบลดังขึ้นหลังจากที่ร่างสูงใหญ่ของอลันเดินลงมาจากห้องบนชั้นสอง เพราะขึ้นไปดูอาการน้องชายที่เป็นไข้จากอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะเดินเอาชามข้าวต้มที่หมดไปไม่ถึงครึ่งชามไปวางในครัว ก่อนจะเดินมานั่งบนโต๊ะไม้สักที่แม่ของเขากับลุงผดุงพ่อของปังปังนั่งคุยกันเสียงเบาๆ เสียงโทรศัพท์เครื่องใหญ่ดังคลอ บรรยากาศฝนตกในบ้านทรงยุโรปสไตล์คลาสิก ทำให้ค่อนข้ามอึมครึมและเยือกเย็น
“ทานข้าวทานยากลับไปแล้วครับ แต่กว่าจะหลับก็ร้องไห้จนผมอ่อนใจ”
“เฮ้อ … มันก็ขี้แยอ่อนแอไม่สมกับตัวแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วละ” พ่อผดุงพูดขึ้นก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบแต่ในใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ มานี้เด็กคนนี้ซูบลงอย่างเห็นได้ชัด และร่างกายก็มักจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก
“พรุ่งนี้แม่จะพาน้องไปหาตา และเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น แม่จะให้น้องกลับไทย ว่าไงคะพี่ผดุง ตกลงไหม ?”
“ก็ดีครับ ไอ้ปังคงอยากจะเคลียกับตาใหญ่ ดูท่าที่ไม่สบายจะเป็นที่จิตใจมากกว่าร่างกาย ถ้าอยู่แบบนี้คงจะมีแต่ทรุดลง อย่างน้อยถ้าไอ้คู่นี้มันจะเลิกกัน ก็ให้เคลียๆไปเลย จะได้ดูกันต่อไปว่าจะจัดการยังไง”
ผู้อวุโสพูดขึ้น คิ้วบนใบหน้าตอบขมวดเข้าหากัน นึกถึงสิ่งที่ทั้งสองคนฝ่าฟันผ่านพ้นมาด้วยกันก็อดที่จะเสียดายแทนไม่ได้ … แล้วใครว่าเขาไม่โกรธใหญ่ละ ในฐานะพ่อ เค้าโกรธจนแทบอยากจะเข้าไปกระชากมาต่อยสักหมัด แต่ในฐานะผู้ชายด้วยกัน … เขาอ่านสถานการณ์ได้ดีว่า ใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เพราะเจ้าใหญ่เองก็รักไอ้หมูปังลูกของเขาปานจะขาดใจเหมือนกัน … เขาก็ไม่รู้จะโทษใครนอกจากจะคิดซะว่าเป็นโชคชะตา บทพิสูตจ์ให้สองคนนี้ร่วมกันผ่านพ้นไปด้วยกัน หรื และขึ้นอยู่กับทั้งสองหัวใจว่าจะไปต่อหรือหยุดเพียงเท่านี้ มันเป็นเรื่องของคน 2 คน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อผดุง หรือใครๆ ก็ตาม
“แต่ผมไม่อยากให้น้องกลับไปครับ ผมอยากให้น้องลืมเรื่องที่ไทยและต่อจากนี้ มีชีวิตใหม่ที่นี้ ผมจะจัดการเรื่องเรียนของน้องเอง และอีกไม่นานน้องก็จะดีขึ้นและลืมไอ้ใหญ่แน่นอน” อลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียที่ค่อนข้างแข็งกร้าว
“อลัน” หญิงสาวเอ็ดลูกชายขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มที่จะออกหน้าออกตาเกินไปเสียหน่อย
“ฉันว่าตอนนี้เราตัดสินแทนน้องปังแล้วนะคะ ยังไงรอให้น้องปังดีขึ้นกว่านี้เราค่อยถามจะดีกว่า เพราะยังไงนี้คือชีวิตของเขา ไม่ใช่ของเรา ดิฉันไม่รังเกียจนะคะพี่ผดุงถ้าคุณพี่และน้องปังจะอยู่ที่นี้ตลอดไป หรือตัดสินใจจะกลับเมืองไทย ”
“ครับ” พ่อผดุงยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าเหยียดยิ้มโดยไม่ให้ใครเห็นพึมพำออกมาไม่ให้ใครได้ยิน
//ไอ้ใหญ่เอ้ย! คู่แข่งมึงเอาเรื่องเชียวละ หึหึ// .
.
.
“เด็กดีตื่นแล้วหรือครับ”
เสียงทักทายของอลันดังขึ้นเมื่อร่างอวบขาวของปังปังเดินลงมาจากชั้นบนในชุดนอนแขนขายาวเรียบร้อย เจ้าปังยิ้มให้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะตรงข้างอลันที่กำลังจิบกาแฟยามเช้าอยู่อลันหัวเราะ เมื่อเจ้าปังจามออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล ไข้ที่ขึ้นเมื่อวานยังไม่หายดีนัก แต่พอที่จะพยุงตัวเองเดินลงมาด้านล่างได้แล้ว มือหนาลูบหัวทุยอย่างเอ็นดูก่อนจะลูบไปตามโครงหน้านวลจนมาหยุดที่แก้มใสกลมน่าแกล้งของเด็กน้อยและบีบเบาๆอย่างหยอกล้อ
“ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย ทำไมไม่นอนต่อละ”
“ปังไม่ง่วงแล้วครับ อีกอย่างวันนี้พี่อลันบอกว่าคุณป้าจะพาปังไปไหว้คุณตา ปังเลยรีบตื่น”
“หึหึ งั้นทานข้าวก่อนนะ เดี๋ยวสักพักแม่กับคุณลุงคงจะลงมา”
อลันพูดอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้าไปในครัวตักโจ๊กและชกโอวันตินเดินกลับมาวางไว้ตรงหน้าเจ้าปังที่ทำท่าสะลืมสะลือไม่ตื่นดีนัก ดูเอาเถอะร่างกายไม่อำนวยแต่กำลังใจเต็มที่จริงๆ อลันนึกขำและเอ็ดดูเด็กคนนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอน ใครบอกปังปังไม่น่ารัก เขาเถียงขาดใจ เพราะเด็กคนนี้นอกจากจะอวบเต็มไม้เต็มมือไม่ผอมแห้งพิมพ์นิยมแล้ว ผิวขาวออกเหลือง นุ่มนิ่มไปทั้งตัว อีกต่างหาก
“ดูทำหน้าเข้า กินข้าวสิครับเดี๋ยวกินยานะ” ปังขานรับเสียงอ่อยก่อนจะลงมือกิน โจ๊กตรงหน้า กินไปได้นิดเดียวก็หยุด เพราะกินไม่ลงด้วยพิษไข้ที่ยังไม่หายดีนัก ก่อนจะถูกอลันขยันขยอให้กินอีก โดยมือแกร่งแย่งชามข้าวไปตรงหน้าก่อนจะค่อยๆป้อนให้ปังเหมือนดูแลเด็ก ปังเห็นแบบนั้นก็ยากจะปฎิเสธ เลยต้องยอมให้พี่ชายป้อนจนหมดไปครึ่งชามเสียงแหบๆของคนไม่สบายก็ดังขึ้น
“ปังอิ่มแล้วครับ”
“อีกสองคำนะ เดี๋ยวกินยาแล้วนอนต่ออีกหน่อยนะครับ”
“แต่ว่าเดี๋ยวเราต้องไปไหว้ตานะครับ”
“ข้างนอกฝนตก เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าบ่ายอากาศจะดีครับ ไว้ไปบ่ายๆเนอะ”
“กะ ก็ได้ครับ … พี่อลัน โทรศัพท์ผมละ” จังหวะที่ปังอ้าปากอลันก็ป้อนโจ๊กไปอีกหนึ่งคำ เจ้าปังเคี้ยวตุ้ยๆ ตาโตก็มองหน้าพี่ชายของตัวเองที่ยิ้มกริ่มและพูดออกมาหน้าตาเฉย
“เมื่อวานพี่เผลอทำตกน้ำน่ะครับ เดี๋ยวพี่ซื้อเครื่องใหม่ให้เนอะ”
“ตะ ตกน้ำ! ละ ละตอนนี้เครื่องอยู่ไหนครับ อื้อ อ่มอิ่มแอ่ว” ปังเริ่มต่อต้านเมื่อรู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองพังไปแล้ว ข้าวที่เพิ่งถูกป้อนมาทำให้เจ้าปังกลื่นลงคอในทันที หน้าตาแตกตื่นน้ำตาคลอหน่วยนั้นทำให้อลันขมวดคิ้วทันที
“ทำไมครับแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ไงครับ”
“ไม่ใช่แค่นั้น ตะ แต่ในนั้นมีความทรงจำอยู่ … พี่อลันทิ้งมันไว้ไหนครับ ผมจะไปเอามัน” ปังลุกขึ้นยืน ก่อนจะวูบนิดๆ จนต้องนั่งลงที่เดิมอลันใจหายวาบก่อนจะเข้าไปรีบลุกขึ้นไปยืนข้างๆน้องและใช้มือหนาอังหน้าผากเนียน วัดไข้ดูเหมือนตื่นเต้นไปหน่อยตัวก็เลยเริ่มร้อนอีกแล้ว
“ใจเย็นๆครับพี่ล้อเล่น โทรศัพท์ยังอยู่ดีในห้องพี่ แต่พี่ยังไม่ให้คืนตอนนี้นะครับเราต้องพักผ่อนเพราะไม่สบายนะครับ”
“แต่ผมดีขึ้นแล้ว” เจ้าอ้วนยังไม่ยอมแพ้แม้ร่างกายจะไม่อำนวยเท่าที่ควร จนอลันต้องเอ็ดขึ้นเบาๆ
“อย่าดื้อสิครับ”
“… งั้นถ้าปังหายพี่อลันต้องคืนให้ผมนะ”
“อ้อนพี่สิ”
“พี่อลัน …” เจ้าเด็กอ้วนชะงักก่อนจะหันไปมองอลันที่นั่งอยู่ข้างๆ เปร่งเสียงอ่อนเสียงอ้อนออกมา
“ดูทำหน้าเข้าสิ กินยาครับและเดี๋ยวพี่พาขึ้นไปนอนนะครับ บ่ายๆค่อยตื่นถ้าอาการดีพี่จะพาไปเยี่ยมตานะ”
“ครับ …” ปังปังต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้ ในใจก็ไม่วายคิดถึงใครอีกคนที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างกินข้าวหรือยังได้นอนบ้างหรือเปล่า … สบายดีไหม … รู้ไหมว่าปังคิดถึงพี่ใหญ่ใจจะขาดแล้ว
.
.
.
-ประเทศไทย 20.00 นาฬิกา- “เฮ้ยพี่เก็บกระเป๋าจะไปไหน”
เจ้าเสาร์ที่ผลัดเวรเข้ามาดูแลใหญ่ตกใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องเห็นร่างสูงที่เมื่อเช้าเหมือนคนใกล้จะตายตกค่ำลุกขึ้นมาเดินอย่างกับคนที่แข็งแรงพร้อม ใบหน้าที่ครึ้มรกไปด้วยหนวดเคราถูกโกรนจนเกลี้ยง กำลังก้มๆเงยๆหยิบโน้นนี้ใส่กระเป๋าเป้ ข้างกายมีพาสสปอร์ทวางอยู่
“หมดเวลารอแล้ว”
“อะไรวะ นี้จะไปตามไอ้ปังงั้นดิ” ใหญ่ไม่ตอบ แต่รูดซิบและสะพายกระเป๋าขึ้นหลังเดินสวนกับเสาร์ที่ทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่วิ่งมาดักหน้าและจับไหล่หนาที่สูงเท่าๆกันเอาไว้ก่อน เสือร้ายชะงัก ก่อนจะมองหน้ารุ่นน้องนิ่งไม่หลบสายตา
“พี่มึงตั้งสติ มึงจะไปไหน”
“ออสเตรเลีย แคมเบอร์รา”
“แล้วไง”
“ไม่รู้ แต่อยู่อย่างงี้ไม่ได้”
“เฮ้ย! แล้วถ้าไม่ใช่ที่นั้นละวะ จะไปตามหายังไงที่ไหนพี่แม่งยังไม่รู้! ตายห่าไปใครจะไปรู้วะ!!!”
“ปล่อยกูและหลีกทาง”
“ไม่พี่ถ้ากูปล่อยพี่ไปไอ้เล็กด่ากูตาย”
“มึงจะปล่อยกูหรือจะให้กูกระทืบมึง”
“ก็ลองดูดิพี่ กูไม่ปล่อยไปแน่”
“หึ!”
ใหญ่สถบในลำคอก่อนจะเหวี่ยงแขนที่เสาร์จับไว้อยู่อย่างแรง ร่างสูงของเสาร์ถลาไปชนกับโต๊ะด้านหลัง ใหญ่เหลือบมองก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างหยามๆเมื่อเห็นว่าไอ้หมาเสาร์ลงไปกองกับพื้นรองโอดโอยเพราะหัวกระแทกกับโต๊ะโครมใหญ่
“แม่งแรงอย่างควาย”
เสียงสบถของเสาร์ดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกมาจากห้องอย่างไม่เหลียวแล หมดเวลารอแล้วต่อให้จะไปเจออะไรตรงหน้าเขาก็ไม่กลัวอีกต่อไป ต่อให้ไม่เจอก็จะตามหาต่อไป … ขอแค่ได้เห็นหน้านั้นคือความสำเร็จ จะต้องเสียเงินเสียพลังกายพลังใจเท่าไหร่ช่างมัน
ครืดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดด โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อหนังสีดำดังขึ้น ใหญ่ที่คร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ชะงักหยิบมันขึ้นมาดูก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าใครโทรมาและกดรับสายในทันที
“ครับแม่”
.........................
ตัดฉับ ฮิฮิ เรากลับมาแว้วววววววววววววววว คิดถึงไหม ฮิฮิ คิดถึงทุกคนนะคะ
เรื่องนี้ดราม่าไม่เน้นมากนัก เน้นน่ารักฟรุ้งฟริ้มอบอุ่น (เหรอออออออออออออออ)
คิดถึงหมูปังกับพี่ใหญ่เม้มให้กำลังใจกันด้วยน๊า รักทุกคนคะ
จิ้มๆ ลักษณะบ้านที่ออสเตรเลียที่ปังปังไปอยู่
ขอบคุณhomedeedeeค่า
แจ้งเพิ่มเติมค่า : เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ หลังๆ อาจจะไม่ถูกใจหลายคนไม่น้อย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และจะนำข้อผิดพลาดไปแก้ไขในนิยายเรื่องต่อๆไป พัฒนาตนเองให้ดีขึ้นคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ทุกกำลังใจ คำติชมนะคะ 
ฝากเพจเน้อออ
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
