Not Fat
{CH 17 ปังปังเปลี่ยน ?}
ชีวิตผมต้องตื่นเช้าอยู่เป็นนิสัย เพราะต้องไปเรียนประจำ ต่อให้ผมโดนรักแกขนาดไหนผมก็แบกสังขารลุกขึ้นจากที่นอนไปเรียนจนได้ เพราะสงสารพ่อที่ต้องทำงานส่งผมเรียนแต่ชีวิตผม บางทีก็น้อยครั้งที่จะต้องตื่นตอนตี 2 แบบนี้ อย่างมากก็ตื่นมาเข้าห้องน้ำและกลับไปนอนต่อ =_=
ถึงว่าสิให้เรานอนไวผมเองก็กำลังฝันดีอยู่เชียวที่แท้ก็มีความจริงอันโหดร้ายรออยู่แบบนี่นี้เอง …
“เอาผ้าผูกตาเพื่อนซะ” ผมรับผ้าสีดำมาก่อนจะปิดตาตัวเล็กที่นั่งจะหลับข้างๆเล็กเงยหน้ามองผมทำหน้ามุ่ยก่อนจะยอมให้ผมปิดตาแต่โดยดี อารมณ์เสียอีกแล้วสิ ปังไม่ได้ปลุกตัวเล็กนะแต่รุ่นพี่เอาฝ่าหม้อมาเล่นสามช่าในห้องต่างหากอย่าทำหน้าเหมือนจะงับคอกันสิ
“หันหน้ามาไอ้อ้วน” ผมทำตาปรือก่อนจะหันไปอีกข้างเห็นไอ้บ้าเสาร์ทำหน้ายักษ์ใส่อยู่ ทำไมต้องมานั่งข้างๆผมด้วย ดูทำหน้าเข้าจะฆ่าผมอยู่แล้วไอ้ยักษ์นี้แน่ใจนะถ้าผมหลับตาไอ้บ้านี้จะไม่แกล้งผม
“เร็วๆดิว่ะ ชักช้าน่ารำคาญ”
“อย่าดุปังปังนะ!!!” เล็กตวาดขึ้นเสียงดังก่อนจะคลำๆเบียดตัวมาแทรกตรงกลางระหว่างผมกับไอ้บ้าเสาร์ ผมเลยต้องให้ชินโดผูกตาให้แทน ส่วนเล็กก็ต้องถอดผ้าตัวเองมาผูกให้ไอ้เสาร์เพราะไอ้เสาร์เป็นคนสุดท้ายของแถว
ยะ อย่าฆ่ากันนะ
“อะ เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นและจับมือกันไว้ให้แน่นด้วย”
“ไม่อยากจับเลย ให้ตายสิ เน้! อย่าแกล้งกันดิ๊!” ผมได้ยินเล็กพูดหงุงหงิงๆ เอานะอย่างน้อยก็ทำให้เล็กตื่นเต็มตา ถึงจะต้องทะเลาะกับคนบ้าบ้างก็เถอะ ไม่แน่นะ … เล็กอาจจะพูดแก้เขินก็ได้ … หึหึ จะแอบกระซิบนะว่าตั้งแต่เล็กโดนจุ๊บปิดปากคราวนั้นเล็กมีอาการแปลกๆแหละ คอยดูกันต่อไปเนอะ
“จะเดินแล้วนะปัง”
“อื้อ” ผมพยักหน้าก่อนจะกระชับมือของชินโดแน่น ได้ยินเสียงหงุงหงิงของไอ้บ้าเสาร์กับเล็กเป็นจังหวะๆและเสียงของรุ่นพี่ที่คอยบอกให้ระวังทางข้างๆ แสดงว่าเค้าประกบพวกเราอยู่ตลอดเส้นทาง
เส้นทางการเดินเหมือนไกลจากจุดเริ่มต้นมากพอสมควรพวกเราจับมือกันจนเหงือออกเต็มมือและผมก็เริ่มหิวแล้วอ่ะ เหนื่อยด้วย … นี้มันอะไรกันเนี้ย
“หยุดกันได้แล้ว ค่อยๆนั่งลงกับพื้นด้วยนะครับ” ผมค่อยๆนั่งลงตรงนั้นและระวังไม่ให้ทับตัวเล็กที่อยู่ด้านหลัง พอนั่งลงได้เล็กก็กอดผมจากด้านหลังบ่นหงุงหงิงว่าเสาร์แกล้งตลอดทาง หึหึ ผมได้ยินแต่เล็กนั้นแหละที่แว๊ดไอ้บ้าตลอดทาง
“หันหน้ามาทางขวาของทุกคนด้วย ตอนนี้เราอยู่กันในสุสาร …. รอบๆตัวเรามีแต่หลุมศพเพราะที่นื้คือป่าช้าในวัดข้างๆรีสอร์ทที่พวกเราพัก … ” เสียงกรี๊ดกราดโวยวายเริ่มดังขึ้น ผมเองก็เริ่มเหงื่อแตกยิ่งเล็กนี้จับแขนผมแน่นมากยิ่งเรามองไม่เห็นด้วย ยิ่งทำให้คิดมากไปกันใหญ่
“เอาล่ะเงียบไม่งั้นจะให้คนโวยวายไปนอนข้างๆหลุมศพ” เท่านั้นแหละทุกคนเงียบเสียงลง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงความเงียบที่น่ากลัวกับอากาศที่เหยือกๆเย็นๆยังไงไม่รู้ผมอธิบายไม่ถูก
“ตรงหน้าของทุกคนตอนนี้มีกระดาษขนาด A3 วางอยู่ด้านขวาของแต่ล่ะคนมีดินสอให้คนล่ะสามแท่ง วาดความสิ่งที่ตัวเองคิดลงไปในนั้นซะ ให้เวลา 1ชั่วโมงในการวาด”
“จะวาดยังไงอะพี่ปิดตาแบบนี้”
“หรือมึงอยากเห็นหลุมศพคนว่ะ” เสียงค้านนั้นเงียบลง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่สะกดกลั้นความกลัวก่อนจะคลำหาดินสอและค่อยๆก้มลงไปหากระดาษ A3 ที่รองด้วยฐานวางกระดาษอย่างมั่นคง ผมยกมันขึ้นมาบ่นตักก่อนจะจรดดินสอลงไปตามใจคิด … ความกลัวของผมใส่ลงไปในนั้น …
เสียงหมาหอนกับกลิ่นธูปทำให้ผมสะดุ้งกึก เล็กร้องเสียงหลงออกมา แต่สักพักก็เริ่มเงียบลงอีกครั้ง เสียงคนย่ำใบไม้ตามทางรอบตัวทำให้ผมผวา การมองไม่เห็นทำให้คนเราคิดไปเองจริงๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ารุ่นพี่พวกนั้นคงจัดฉากขึ้นแน่ๆ
ผมพยายามไม่สนใจพวกนั้นแต่จรดดินสอลงกระดาษโดยไม่สนใจว่ารูปนั้นจะออกมาเป็นยังไง เสียงดินสอเขียนลงกระดาษดังระงมไปทั่วบริเวณเมื่อเสียงนั้นเงียบลงผมนึกถึงความกลัวที่ตัวเองเคยผ่านพ้น กลัวความตายกลัวสูญเสีย กลัวการจากลา กลัวเสียงตะคอก เสียงดัง เสียงตวาด กลัวคำพูดที่เกลียดชังผม เสียงล้อเลียนหุ่นเฮงซวยของผม ใบหน้าที่น่าเกลียดจนทุกคนต้องโห่ไล่ คนที่ผมรักเค้ากลับไม่เคยรับรู้ เค้าหนีผมไป ทั้งๆที่ผมตั่งใจจะมาหาเค้าถึงที่… กลัวทุกอย่าง แม่ … เลือดของแม่ … ผมเป็นเด็กขี้กลัวและหนีความจริงทุกอย่าง ไม่ชอบการเผชิญหน้าทุกอย่าง
“พอได้แล้ว …” ผมชะงักก่อนจะวางดินสอลง
เมื่อสัมผัสที่จับลงบนมือข้างที่เคยจับดินสอของผมกับเสียงทุ้มต่ำของพี่ใหญ่… เสียงรุ่นพี่ที่พากันมารุมล้อมผมดังเป็นเสียงกระซิบกระซากกัน … อะไรอ่ะ ผมทำอะไรผิดอีกหรือไง ผ้าผูกตาของผมเปียกชุ่มก่อนจะค่อยๆถูกดึงลง … ภาพแรกที่ผมเห็นผ่านม่านน้ำตาและความมืดมนคือพี่ใหญ่ … ผู้ชายที่ทำหน้ามึนได้ตลอดเวลา ผู้ชายที่เผด็จการที่หนึ่ง นิสัยก็โหด … เวลาตวาดก็เหมือนปิศาจ ฮึก และทำไมตอนนี้ถึงทำหน้าตาได้อบอุ่นขนาดนั้น …
“กูว่ามึงพาน้องมันไปพักเหอะ” พี่เตยพูดแทรกขึ้นเล็กเหมือนรู้กระชากผ้าออกก่อนจะหน้าเหวอเมื่อเห็นผมเม้มปากก้มหน้าร้องไห้อยู่
“ปังปังเป็นไรอ่ะ พี่ใหญ่แกล้งปังปังเหรอ”
พี่ใหญ่ไม่สนใจเล็กแต่ดึงผมขึ้นยืนและพาเดินออกมาจากตรงนั้น ตลอดทางผมพยายามนึกคิดว่าตกลงเมื่อกี้ผมเป็นอะไร ผีเข้าผมหรอ … แต่ว่ารอบๆตรงนี้ใช่ไหมป่าช้านี้เป็นแค่สนามธรรมดา … ผมกลัวมากเกินไปด้วยบรรยากาศที่ปกคลุม ผมกลัวมากเกินไปจนทำให้ทุกคนลำบาก ฮึก ผมต้องโดนมองว่าเป็นตัวประหลาดอีกแน่ๆ ผมต้องเป็นไอ้อ้วนโรคจิตแน่ๆ
“นั่งลงก่อน” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินในรีสอร์ทที่ข้างหน้ามองเห็นวิวทะเลตามคำสั่งพี่ใหญ่ พี่ใหญ่นั่งลงข้างๆผมก่อนที่ผมใหญ่ของเค้าจะวางลงบนหัวผมอย่าปลอบใจ
“ร้องอะไรนักหนาไอ้หมูแดง”
“…”
“กลัวผีมากหรือไง ในโลกนี้ไม่มีผีหรอกนะ”
“ฮึก … ผมไม่ได้กลัวผี”
“… งั้นก็เงียบซะ”
“… พี่ไม่เข้าใจผมหรอก”
“และทำไมไม่บอกกันให้เข้าใจบ้าง”
“คนแบบพี่ไม่เข้าใจหรอก”
“…”
“คนแบบพี่มีทุกอย่าง ครอบครัว เพื่อนที่รักนับถือพี่ มีแต่คนรักคนชอบ มั่นใจในตัวเอง มีแต่สาวๆรุมล้อม ไม่เข้าใจผมหรอก” ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องหน้าเค้า พี่ใหญ่ไม่หลบสายตาผมจนสุดท้ายผมต้องเม้มปากหลบตาเค้าแทบ … คนอะไรทำหน้ามึนได้ตลอดเวลาจริงๆ
“คิดไปเองทั้งนั้นแหละ”
“ใช่สิ”
“… ไอ้หมูแดง”
“ไม่ต้องเอาชื่อนั้นมาเรียกเลยผมชื่อปัง ฮึก”
“อยากเห็นหมูใส่กางเกงสีแดงอีก”
“ไม่ใส่แล้ว ผมเผาทิ้งไปแล้ว”
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”
“ไม่เอา ไม่ต้องซื้อเลยนะ ถ้าซื้อมาผมจะเอาไปเผาอีก”
“หึหึ … ”
“หัวเราะอะไร ผมเครียดอยู่นะ”
“เครียดทำไมคิดไปเองทั้งนั้น”
“บ้าจัง” ผมเงยหน้ามองบนฟ้าตามพี่ใหญ่ …
ดาวเยอะจัง ทะเลกลางคืนก็น่ากลัวแต่สวยไม่แพ้กันเกลียวคลื่นกระทบฝั่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังบรรเลงเพลงให้ผมฟังอยู่ น้ำตาผมค่อยๆเลือนหายไปผมนั่งมองทะเลสีดำสลับกันท้องฟ้ายาวค่ำคืนเงียบๆ โดยมีคนๆนึงนั่งเป็นหุ่นอยู่ข้างๆ …
“อดีตกับปัจจุบันมันไม่เหมือนกันนะ …” ผมหันไปมองพี่ใหญ่จากด้านข้างจมูกเป็นสันกับใบหน้าคมคายของเค้า … อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์เหมือนเทพเจ้าลำเอียงปั้นให้เค้าดูหล่อเหลามากกว่าใครบนโลก … มากกว่าพี่กาจพลอีกต่างหาก ทำไมนะ คนๆนี้ถึงบอกว่าผมเป็นแฟนเค้า คนที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม … ทำไมถึงได้สิทธินั้น
.
.
.
หลังจากคืนนั้นผ่านไปวันต่อมาเรารับน้องกันอย่างสนุกสนานตลอดทั้งหนึ่งวันเต็มๆที่น่าแปลกคือพี่ใหญ่มักจะปรากฏให้เห็นในสายตาผม ในคืนต่อมามีงานบายศรีสู่ขวัญน้ำตานองกันทั่วหน้าและคืนนั้นพี่ใหญ่ก็ส่งข้อความมาบอกให้ผมนอนอีกด้วย และที่แปลกกว่าที่แก้มผมตึงไม่เหมือนในคืนแรกที่ช็อกแทบตาย อีกวันนึงเป็นการเฉลยบัดดี้บัดเดอร์ พี่ใหญ่งงพอสมควรที่ผมเอาขนมที่แอบเล็กกักตุนเอาไปให้ส่วนบัดเดอร์ของผมเป็นพี่ใยไหม แปลกนะที่เพื่อนๆไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอีกเลยแม้แต่เล็กที่ทำตัวเหมือนปกติ และภาพวาดของผมในคืนนั้นผมก็ไม่เห็นมันอีกเลย แต่ทุกคนกลับได้ของตัวเองคืน … พอถามพี่ใหญ่เค้าก็บอกเอาไปทำกระดาษเช็ดก้นแล้ว หยาบคายที่สุดอ่ะ!
เราขึ้นรถกลับมหาลัยกันโดยถึงดึกของวันสภาพแต่ล่ะคนไม่ต่างจากซอมบี้แต่ยังมีคนบางประเภทที่ยังมุ่งมั่นที่จะกินเหล้าฉลองบ้าบอด้วยน้ำเมา ผมกับตัวเล็กเดินขึ้นมาบนหอพัก โดยที่ไอ้เสาร์ชินโดและพี่ใหญ่ไปต่อกับรุ่นพี่ แต่ล่ะคนขี้เหล้ากันทั้งนั้นอ่ะ เชอะ พอผมกับเล็กจะไปด้วยก็ไล่กันกลับมาไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลยสินะ
ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นตัวเล็กเอียงคอมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเอียงคอมองตอบเล็กยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมและยืดออก
“เริ่มรักพี่ใหญ่บ้างหรือยังปังปัง”
“อายาย เยบอ่ะ ” อะไรเจ็บอ่ะ นั้นคือสิ่งที่ผมอยากถามเล็ก มันเจ็บจริงๆนะเนี้ยยยยยย
“ถ้าไม่บอกความจริง เล็กจะไม่ปล่อยนะ” ผมมองหน้าเล็กที่ทำหน้าจริงจังอยู่นี้ผมไปทำอะไรให้เล็กแค้นเคืองนัก กระซิก
“ปอยกอน” ผมบอก เล็กเลยยอมปล่อยผมนวดแก้มตัวเองก่อนจะนอนลงเอาผ้าห่มคลุมโปง เล็กรีบเข้ามาตะครุบผ้าห่มผมไว้ก่อนจะยื่นหน้าเจ้าเล่ห์มาให้ผมดูในระยะเห็นรูขุมขน
“ท่าทางแบบนี้คงชอบพี่ใหญ่บ้างแล้วใช่ไหม”
“… ไม่รู้อ่ะ”
“จริงๆด้วยเริ่มชอบแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนปังปังจะบอกไม่ชอบแล้ว” เล็กหัวเราะต่อกระซิกก่อนจะเริ่มสาธยายความน่ารักของพี่ชายของตัวเองให้ผมฟัง ... ตัวเล็กได้ค่าโฆษณามากี่บาทเนี้ย
แต่ก็ไม่รู้สิ … ผมเริ่มคิดถึงพี่กาจพลน้อยลงแล้ว … แต่ผมจะมั่นใจได้มากแค่ไหนกับผู้ชายหน้ามึนคนนี้ … คนที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม … กับคนที่ดูดีจนผู้หญิงทุกคนอยากเข้าหา …
มันจะเป็นไปได้หรือยังไง …
========================================

มาน้อย มาสั้น แต่ได้ใจความ ฮ่าๆๆๆๆ
ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะจ๊ะ
เจอกันขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
