เรื่องสั้นชุด "รัก..หลากฤดู" = ฤดูร้อน...อำพรางรัก [1.5] - 11/11/57 [P.1]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้นชุด "รัก..หลากฤดู" = ฤดูร้อน...อำพรางรัก [1.5] - 11/11/57 [P.1]  (อ่าน 2492 ครั้ง)

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


--------------------------------------------

เรื่องใหม่ค่า!!~ (ได้ข่าวว่าเรื่องเก่ายังไม่จบ  o12)

อาจจะลงช้าไปบ้าง ต้องขออภัยมาล่วงหน้านะคะ  :katai1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2014 17:47:52 โดย treerat002 »

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
คิมหันต์...อำพรางรัก [1]

--------------------------------------


   “โอ้ย!!!! ในที่สุดก็จบสิ้นกันซักที!!”

   เสียงที่บอกกล่าวถึงประโยคในทำนองเดียวกันนี้ดังขึ้นทั่วหลังจากกรรมการคุมสอบของมหาวิทยาลัยได้รวบรวมข้อสอบและเดินออกไปจากห้อง เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังครืดคราดพร้อมกับเสียงบ่นถึงความยากของข้อสอบดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้มีเรือนผมสีดำสนิทค่อย ๆ เก็บอุปกรณ์การสอบลงกระเป๋าอย่างเชื่องช้า และก่อนที่เขาจะได้ยืนขึ้น มือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจับที่ไหล่ของเขา

   “ไอ้กานต์ เปิดเทอมจะไปเที่ยวไหนวะ วางโปรแกรมไว้หรือยัง?”

   รวิกานต์หันไปมองหน้าคนที่เดินเข้ามาทัก ก่อนที่จะตอบ “ไม่ไปไหนหรอก ว่าจะหางานพิเศษทำน่ะ”

   นาครเบ้ปากเล็กน้อย “คร้าบ!!! พ่อคนขยัน นี่ไม่คิดจะไปเที่ยวผ่อนคลายอะไรบ้างเลยหรือไงเนี่ย วัน ๆ ทำแต่งาน”

   “มึงก็รู้ ว่ากูต้องหาเงินช่วยแม่ จะมามัวเที่ยวสบายใจเฉิบปล่อยให้แม่ทำงานอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก”

   นาครยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “โอเคครับเพื่อน กูเข้าใจ แล้วคิดไว้หรือยังล่ะว่าจะไปทำงานอะไรทำ”

   “อาจจะเป็นงานโรงงาน มีโรงงานใกล้ ๆ บ้านเขาเปิดรับสมัครพนักงานฝ่ายผลิตอยู่พอดี เงินก็ไม่มากใช้ได้”

   รวิกานต์สะพายกระเป๋าก่อนที่จะยืนขึ้น เขาเดินไปทางประตูห้องสอบที่บัดนี้ว่างเปล่าเพราะคนที่อยู่ในห้องได้เดินออกไปหมดแล้ว ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูก่อนที่จะหันไปคุยกับเพื่อน

   “ขอให้เที่ยวให้สนุกแล้วกันนะ กูไปล่ะ ว่าจะแวะไปที่หอสมุดก่อนน่ะ” ว่าแล้วเขาก็เดินจากมาปล่อยให้นาครเดินแยกไปอีกทาง

   หอสมุดเป็นอาคารขนาดสองชั้นที่ตั้งอยู่ด้านข้างของอาคารเรียนรวม รวิกานต์เปิดประตูกระจกเข้าไป อากาศด้านในเย็นเฉียบแตกต่างจากด้านนอกที่สุดแสนจะร้อนอบอ้าว จุดหมายของชายหนุ่มคือบริเวณชั้นสองของหอสมุด เขามาที่นี่เพื่อพบกับใครบางคน

   หอสมุดตอนนี้แทบจะไม่มีคนอยู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน มีแค่เพียงบางคนเท่านั้นที่ยังคงเข้ามานั่งใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ตามโต๊ะที่ทางหอสมุดจัดไว้ให้ รวิกานต์เดินไปยังโต๊ะบริการยืมคืนหนังสือ แต่แทนที่จะเจอคนที่เขาต้องการมาหา กลับเจอผู้หญิงสูงวัยที่เขารู้จักดีนั่งอยู่แทน

   “สวัสดีครับอาจารย์ คือ..ผมมาหาอาจารย์กฤษฏิ์น่ะครับ”

   “อ้อ...กฤษฏิ์อยู่ด้านหลัง พึ่งเอาหนังสือไปเก็บเมื่อกี้นี้เอง ลองเดินไปดูสิจ๊ะ”

   “ขอบคุณครับ”

   ร่างสูงโปร่งเดินผ่านชั้นหนังสือต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย จนในที่สุด เขาก็เจอกับเป้าหมายของเขาเสียที เพียงแต่อาจารย์กฤษฏิ์ไม่ได้อยู่คนเดียว...

   “สวัสดีครับอาจารย์กฤษฏิ์ สวัสดีครับพี่กร”

   อาจารย์กฤษฏิ์เป็นชายร่างสันทัดที่มีอายุค่อนไปทางวัยกลางคน เขายกมือรับไหว้อย่างสวยงาม ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงไฟดูงามตา ในขณะที่แว่นตากรอบดำนั้น ไม่ได้ลดทอนใบหน้าที่ทอประกายอบอุ่นออกมาเลยแม้แต่น้อย ช่างตรงกันข้ามกับอีกคน รุ่นพี่รณกร ประธานสโมสรนักศึกษาผู้เงียบขรึม ชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้างดงามหากแต่เย็นชา ดูราวกับรูปแกะสลักน้ำแข็ง นัยน์ตาคมกล้าบ่งบอกได้ว่าชายผู้นี้มีความเด็ดขาดและจริงจังมากมายแค่ไหน สองคนนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมกันนะ เวลาที่สองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน มันช่างเป็นความแตกต่างที่กลมกลืนกันมากเสียจริง ๆ

   รณกรพยักหน้าให้รุ่นน้องก่อนที่จะขอตัวเดินจากไป อาจารย์กฤษฏิ์ยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินนำเขาไปนั่งที่โต๊ะ

   “ทำข้อสอบได้หรือเปล่าฮึ!! แต่ระดับเธอ ผมคงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง”

     “ก็ได้บ้าง เป็นเพราะอาจารย์นั่นแหละที่ช่วยติวให้ ขอบคุณมากครับ” รวิกานต์ยกมือขึ้นไหว้ทันที อาจารย์กฤษฏิ์หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมาตบไหล่เขาเบา ๆ

   “เป็นเพราะตัวเธอเองต่างหากที่เรียนรู้ได้เร็วจนผมชักทึ่ง ว่าแต่..ปิดเทอมนี้จะไปเที่ยวไหนรึเปล่า ฮึ?”

   “ไม่ไปไหนหรอกครับ ผมต้องช่วยแม่ทำงาน อาจารย์ก็รู้..”

   คนเป็นอาจารย์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “การที่เธอจะช่วยแม่แบ่งเบาภาระถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เธอก็ต้องหาเวลาผ่อนคลายบ้างนะ แม้แต่เครื่องจักรยังต้องการเวลาพัก นับประสาอะไรกับคน”

   รวิกานต์ยิ้มให้คนตรงหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป กฤษฏิ์ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างปลง ๆ “ตามใจเธอก็แล้วกัน แล้วที่มาหาผมวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่แวะมาสวัสดี ได้ข่าวว่าอาจารย์จะไปเที่ยวทางใต้ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ” ชายหนุ่มพูดคุยกับอาจารย์อีกเล็กน้อย ก่อนที่จะขอตัวกลับบ้าน

   อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว เหมือนฝนจะตก ร่างสูงเดินอย่างไม่เร่งรีบ ระหว่างทางเต็มไปด้วยนักศึกษาที่หอบกระเป๋าเสื้อผ้ายืนรอโบกรถเพื่อกลับบ้านในช่วงปิดเทอมใหญ่ หากแต่ชายหนุ่มไม่ต้องรีบเร่งกลับขนาดนั้น เพราะบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับแม่ อยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยจนสามารถเดินไปกลับได้โดยไม่ต้องใช้รถเลยทีเดียว

   บ้านของเขาเป็นบ้านปูนชั้นเดียวทาสีขาวสะอาด บริเวณบ้านไม่มากนักแต่ก็ยังพอมีพื้นที่ให้แม่ปลูกต้นไม้ได้บ้าง ดอกไม้หลากหลายชนิดเบ่งบานอย่างสวยงามทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าร้อน บ่งบอกได้ว่าเจ้าของดอกไม้เหล่านี้เอาใจใส่พวกมันมากแค่ไหน ประตูยังคงล็อคอยู่ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าแม่เขายังไม่กลับบ้าน แม่ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้าน  การทำงานโรงแรมนั้นเลิกงานไม่เป็นเวลา และไม่มีวันหยุดที่แน่นอน เขาเข้าใจและนึกนับถือแม่ เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูลูก หากไม่ได้เธอ เขาก็คงไม่สามารถเรียนมาจนถึงในระดับนี้ได้ เพราะฉะนั้น การช่วยแบ่งเบาภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นงานบ้าน และการหารายได้พิเศษ จึงเป็นสิ่งที่เขาพึงจะทำ

   หลังจากที่เอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอน รวิกานต์นำเอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักมาโยนใส่เครื่องซักผ้า หลังจากที่กดปุ่มควบคุมให้เครื่องซักผ้าทำงานไปอย่างอัตโนมัติแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อเริ่มต้นทำอาหารเย็น มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องทำอาหารทานเอง แต่ในบางครั้งเขาก็มีโอกาสได้ทานอาหารกับแม่ในวันหยุดหรือวันที่แม่เลิกงานก่อนเวลาทานอาหารเย็น อย่างเช่นวันนี้ เสียงเปิดประตูดังขึ้นพอดีเมื่อตอนที่เขากำลังจะตักต้มฟักกระดูกหมูใส่ถ้วย แม่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องรับแขกและห้องทานอาหารไปพร้อม ๆ กัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา พร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว

   “วันนี้กลับเร็วจังเลยนะครับ”

   “พอดีแม่ขอไม่ทำโอทีน่ะจ๊ะ อยากกลับบ้านมาทานอาหารเย็นกับลูกบ้าง” ธารายิ้มให้กับลูกชาย “ไหนดูซิว่าวันนี้ลูกชายคนเก่งของแม่ทำอะไรทาน”

   สองแม่ลูกช่วยกันเอาอาหารออกมาวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนที่จะนั่งทานกันอย่างสบาย ๆ โดยมีบทสนทนาดังขึ้นเบา ๆ

   “วันนี้สอบเป็นยังไงบ้าง ทำได้รึเปล่าลูก”

   “ก็พอได้ครับ พอดีอาจารย์กฤษฏิ์ช่วยติวให้ด้วย เลยช่วยได้เยอะ”

   “แหม เดี๋ยวเปิดเทอมแม่คงต้องฝากของไปขอบคุณอาจารย์เขาบ้างแล้วล่ะ เขาคอยช่วยลูกอยู่ทุกครั้งเลยนี่นา”

   รวิกานต์ยิ้มให้มารดาก่อนที่จะตักหมูไปวางไว้ให้ที่จาน ธารามองหน้าบุตรชายพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย และในเวลาไม่นาน รอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ เจื่อนลง

   “กานต์ ปิดเทอมนี้..ลูกมีโปรแกรมจะทำอะไรรึเปล่าจ๊ะ”

   “ก็ว่าจะหางานพิเศษทำครับ” รวิกานต์มองหน้ามารดา “แม่มีอะไรรึเปล่า”

   “ก็เปล่าหรอกจ๊ะ..เพียงแค่ แม่คิดว่าเราน่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อ...”

   มือเรียววางช้อนส้อมในมือลงทันทีเมื่อได้รู้ว่ามารดาต้องการอะไร

   “กานต์ไม่ไป และไม่เห็นความจำเป็นที่แม่จะต้องไปด้วย เอาเวลามาทำอย่างอื่นดีกว่านะครับ”

   “กานต์” ใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนดูจะแก่เพิ่มไปอีกหลายปี “เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ลูกควรจะปล่อยวางได้แล้วนะจ๊ะ พ่อเขาบ่นว่าอยากเห็นหน้าลูกมาตั้งนานแล้ว แต่ลูกก็ไม่ยอมไปพบเขาซักที”

   “ไม่ว่าจะนานแค่ไหนกานต์ก็ไม่มีวันที่จะปล่อยวางได้หรอก เขาทำกับเราไว้ขนาดไหนแม่ยิ่งรู้ดีกว่ากานต์ แล้วทำไมแม่ถึงอยากให้กานต์ไปพบกับคนที่ทำลายชีวิตเราเสียยับเยิน แถมยังไม่เคยมาดูดำดูดีเรา แม่จะพูดยังไงกานต์ก็ไม่ยอมไปหรอก และกานต์ก็ไม่ยอมให้แม่ไปด้วย”

   รวิกานต์กำหมัดไว้แน่น อดีตอันแสนเลวร้ายผุดขึ้นมาในห้วงความคิดและแสดงออกมาทางสีหน้า ทำให้ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

   “แม่รู้ดีว่าพ่อเขาทำให้เราลำบากและทุกข์ใจมากมายแค่ไหน แต่ตอนนี้แม่ปล่อยวางได้แล้ว และลูกก็ควรที่จะให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครตั้งใจให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงแบบนี้หรอกนะลูก พ่อของลูกเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลยทีเดียว อีกอย่างที่เขาไม่มาดูดำดูดีเรา ก็เพราะแม่ขอไว้ แม่อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว แต่ลูกก็อย่าลืมว่าเขายังเป็นพ่อของลูกอยู่ เขายังห่วงใยลูกอยู่เสมอ ถือว่าแม่ขอก็แล้วกันนะกานต์...ไปพบพ่อเขาสักครั้งเถอะ”

   “แต่..” ชายหนุ่มตั้งใจจะยับยั้งความตั้งใจของมารดาอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงความคาดหวังของอีกฝ่าย เขาจึงกล้ำกลืนความขมขื่นเข้าไปไว้ในส่วนลึก ก่อนที่จะค่อย ๆ พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

   “ก็ได้ครับ กานต์จะไปกับแม่สักครั้ง แต่กานต์ไม่รับปากหรอกนะว่าจะปล่อยวางเรื่องของเขา เพราะกานต์จะไม่มีวันลืมว่าเพราะอะไร ที่ทำให้แม่ต้องทุกข์ใจมาจนถึงทุกวันนี้”

   ธาราถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกปนสะท้อนใจ บิดาของรวิกานต์ทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ในจิตใจของลูก มันก็ยากที่จะปล่อยวางจริงอย่างที่ลูกพูด หากแต่เมื่อคืนวันผ่านไป ธารากลับค้นพบว่าลูกของเธอสำคัญกว่าเรื่องพวกนี้มากนัก จนทำให้ความเสียอกเสียใจ ความทุกข์ใจ ที่เคยมีอยู่อย่างล้นปรี่ ค่อย ๆ จางหายไปในห้วงของกาลเวลาเรียบร้อยจนไม่เหลือแม้แต่เพียงเศษเสี้ยว

   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเงียบและอึมครึม จนกระทั่งเมื่อทานเสร็จ รวิกานต์จึงขอตัวกลับเข้าไปในห้องนอน   
   
ชายหนุ่มล้มตัวลงบนที่นอน  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหลับลงในขณะที่ภาพคืนวันในอดีตค่อย ๆ ผุดขึ้นมาทีละนิด

พ่อของเขาเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว ผมสีดำสนิท นัยน์ตาคมดุแต่มักทอประกายอ่อนโยนออกมาอยู่เสมอ ริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะมีรอยยิ้มจุดอยู่ตรงมุมปากเล็กน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างหลอมรวมมาเป็นความเพียบพร้อมที่ไม่ธรรมดาทั้งหน้าตาและทรัพย์สินในฐานะทายาทบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ ในขณะที่แม่ของเขาเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณปู่ ซึ่งเป็นเจ้าของสวนผลไม้พื้นที่หลายร้อยไร่ทางภาคตะวันออก แม่เป็นคนที่มีหน้าตาสะสวย และมีกิริยามารยาทดี มีความอ่อนน้อม ไม่โอ้อวดตัว คุณปู่และคุณตาจึงตกลงที่จะให้สองคนแต่งงานกัน เพื่อเกี่ยวดองสองครอบครัวให้รวมเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อแต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ได้รับคำชมว่าช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก หลังจากจัดงานแต่งงานกันได้เพียงไม่กี่เดือน คุณปู่และคุณตาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ พ่อจึงต้องขึ้นเป็นประธานบริษัทต่อจากคุณปู่ ในขณะที่แม่ต้องไปบริหารสวนผลไม้ที่คุณตาทิ้งไว้ให้ โดยที่คุณย่าและคุณยายของเราต่างก็เสียชีวิตกันไปนานแล้ว

ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านมาได้ซักระยะหนึ่ง ญาติพี่น้องฝั่งแม่ได้รวมตัวกันโกงกินมรดกที่คุณตามอบให้แม่รวมถึงที่สวนผลไม้ด้วย แม่ซึ่งเป็นคนที่ไม่กล้าออกเสียงคัดค้านพี่น้อง จึงสูญเสียทรัพย์สินไปทีละนิด จนในที่สุด ที่ดินหลายร้อยไร่ก็เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบไร่ ได้ยินแม่พูดว่าพ่อพยายามที่จะช่วย หากแต่การขึ้นบริหารงานในตำแหน่งประธานคนใหม่นั้นก็หนักหนาเอาการ

หลังจากนั้นสองปีท่ามกลางวิกฤตต่าง ๆ แม่ก็ท้องลูกชายคนแรก เขาคลอดในวันที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี แม่จึงตั้งชื่อว่า “รวิกานต์” ซึ่งแปลว่า “ผู้เป็นที่รักของพระอาทิตย์”

เด็กชายเติบโตขึ้นมาด้วยความรักความเอาใจใส่จากทั้งสองคน จนกระทั้งวันหนึ่ง เขาได้พบกับความจริงที่ว่า สิ่งที่พ่อได้กระทำมาทั้งหมด มันเป็นเพียงการทำตามหน้าที่ในการเป็น “พ่อ” และ “สามี” แค่เพียงเท่านั้น....
 

เขายังจำได้ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่อากาศแจ่มใส อีกทั้งยังเป็นวันพิเศษของเด็กชายตัวน้อยที่มีชื่อว่ารวิกานต์ เพราะวันนี้คือวันเกิดของเขา แม่อบขนมเค้กอยู่ในครัว ในขณะที่เจ้าตัวเล็กที่ตอนนั้นค่อนข้างผอมบางกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดอยู่ที่โรงรถ เขาก็ทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือก่อนที่จะวิ่งไปหาบิดาเพื่อถามหาของขวัญ หากแต่...พ่อไม่ได้มาแค่คนเดียว

ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งแต่งตัวด้วยเดรสสีโอรสสดใสส่งยิ้มมาให้เขา ในขณะที่ในมือมีตุ๊กตาหมีสีฟ้ายิ้มแฉ่งอยู่ด้วย ข้าง ๆ ตัวมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 9 ขวบ จ้องมองมาที่เด็กชายตัวน้อยซึ่งอายุน่าจะน้อยกว่าประมาณ 4 ปี

พ่อย่อตัวลงเพื่ออุ้มรวิกานต์ขึ้น นัยน์ตาส่องประกายบางอย่างที่เด็กน้อยเดาไม่ออก ในขณะที่ริมฝีปากที่มักจะยิ้มอย่างอบอุ่น วันนี้มีกลับมีความรู้สึกอื่นแฝงออกมาด้วย

“ลูกกานต์วันนี้ซนรึเปล่าครับ ฮึ?”

เด็กน้อยส่ายหัวในขณะที่เมียนมองไปด้านหลังอย่างสนใจ

“สวัสดีแม่จาสิลูก สวัสดีพี่คิงด้วย”

มือป้อมยกขึ้นพนมก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ทั้งสอง จารุณียิ้มกลับมาให้อย่างเอ็นดู ในขณะที่เด็กชายตัวป้อมนามว่าคิงกลับทำหน้าบึ้ง พร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทาง

“คิง!!! อย่าไปสนใจพี่เขาเลยลูก แค่อารมณ์เสียนิดหน่อยนะจ๊ะ” จารุณีดุลูกชายก่อนที่จะหันมาพูดกับร่างเล็กในอ้อมกอดของพ่อ

ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน แม่ที่ก่อนหน้านี้อบขนมอยู่เดินออกมารับด้วยในหน้าสดใส ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะเจื่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยิ้มต่อไปได้

“เอ่อ...ลูกกานต์ คิง เดี๋ยวพากันไปเล่นกันที่ห้องนอนด้านบนก่อนนะ พ่อขอคุยธุระกันนิดนึง นะครับ”

รวิกานต์พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะเดินนำเด็กชายที่ตัวโตกว่าไปนั่งเล่นในห้องนอนของเขา โทรทัศน์เครื่องโตถูกเปิดขึ้นก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยถามแขกด้วยเสียงใสแจ๋ว

“พี่คิงจะดูการ์ตูนไหมฮะ มีหลายเรื่องเลย”

ภคินเหยียดริมฝีปากก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาเสียงแข็ง “ไม่ดู!!! นี่ไม่รู้เลยหรือไงว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น”

ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองอีกคนด้วยดวงตากลมโต

“จ..จะเกิดอะไรขึ้นหรือฮะ”

“ฮึ!!!” ใบหน้าที่ค่อนข้างกลมสะบัดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน “นี่ไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ หรอเนี่ย”

รวิกานต์ยังคงทำหน้างงต่อไป จนในที่สุดความอดทนของภคินก็หมดลง


“ไม่เคยรู้เลยหรอ ว่าพ่อของนาย ไม่สิ..พ่อของเรา นอกจากมีแม่น้ำของนายแล้ว ยังมีแม่จาของฉันอีกคน!!”


“ไม่จริง!!!!” เด็กน้อยพูดเสียงหลง เขาไม่มีทางเชื่อหรอก พ่อของเขาก็คือพ่อของเขาสิ และพ่อก็ไม่เคยมีใครนอกจากแม่กับเขา “พี่คิงพูดโกหก ระวังตกนรก!!”


“ไม่อยากจะเชื่อหรือไง หรือว่ารับความจริงไม่ได้? ถ้านายไม่เชื่อก็ลองไปแอบฟังสิ แล้วนายจะได้รู้ความจริงซะที ว่าแม่ใครกันแน่ที่มาก่อน มาหลัง!!!”



“ไม่จริงใช่ไหมคะ เดช? คุณล้อน้ำเล่นรึเปล่าคะเนี่ย” ธาราพูดออกมาด้วยเสียงสั่งเครือ

“ผมขอโทษ น้ำ แต่...ผมกับจา เรารักกันมาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ...”

“แล้วคุณแต่งงานกับน้ำทำไม!!! คุณทำกับน้ำแบบนี้ได้ยังไง!!!” คนที่ไม่เคยแม้แต่จะดุด่าใคร กลับตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วง

“ผม..ขัดคุณพ่อไม่ได้ ท่านไม่ยอมรับจา ผม...”

“คุณก็เลยต้องยอมทนแต่งงานกับน้ำ อย่างนั้นใช่ไหมคะ...แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมา มันก็เป็นแค่การเสแสร้ง ที่คุณแกล้งทำเพื่อให้น้ำเชื่อว่าเราเป็น “เรา” ทั้งที่จริงแล้ว...มันไม่มีเรามาตั้งแต่แรก มีแต่คุณ..กับเธอ...มาตลอด น้ำพูดถูกไหมคะ”

ความเงียบปกคลุมภายในห้อง ปนเสียงสะอื้นของหญิงสาวผู้ที่ถึงแม้จะอ่อนโยนแต่ไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครมาก่อนนอกจากตอนที่บิดามารดาเสียชีวิต

“น้ำ...ผมยอมรับตามตรง ในตอนแรกที่เราแต่งงานกัน ผมคิดกับคุณแค่เพื่อน..เพื่อนที่รู้ใจผมที่สุด แต่พอเราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมก็รักคุณเข้าในที่สุด ลูกกานต์เกิดมาจากความรักของคุณกับผม แต่..ผมก็รักจาเหมือนกัน และผมกับจาก็มีลูกด้วยกันนั่นก็คือคิง ผมกับจามีคิงตั้งแต่ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน...”

“คุณกำลังจะบอกน้ำว่า เป็นน้ำที่มาหลังเธอ ใช่ไหมคะ”

“ผมไม่อยากให้คุณคิดแบบนั้น” เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม “น้ำ..เป็นไปได้รึเปล่าที่เรา..จะใช้ชีวิตด้วยกันทั้งหมด ทั้งผม ทั้งคุณ ทั้งจา ทั้งคิงและกานต์”

“คุณ..เห็นแก่ตัวมาก แล้วลูกล่ะคะ คุณคิดจะบอกลูกว่าอย่างไร คุณจะบอกคนอื่น ๆ ว่าอย่างไร แล้วคุณล่ะคะ” ธาราหันไปถามหญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอดทั้งน้ำตา “กับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คุณทนได้อย่างไร!!!!”

จารุณีเม้มปากก่อนที่จะพูดออกมาเสียงเบา “ฉันทนมาตลอดค่ะ และก็ทนได้ เพราะฉันมีคิง เดชคุยกับฉัน เขาอยากให้เรามาเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งหมด และสารภาพตามตรง ฉันติดตามข่าวของคุณมาโดยตลอด และรู้สึกเห็นใจในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แต่...ฉันทิ้งความรักของฉันไม่ได้จริง ๆ ฉันต้องขอโทษในความเห็นแก่ตัวของฉันด้วยนะคะ” ร่างสูงโปร่งโน้มลงต่ำพร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลริน




มือเล็กป้อมยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ ในขณะที่น้ำตาไหลลงมาจากดวงตากลมฉ่ำ รวิกานต์กลั้นสะอื้นด้วยความยากเย็น ในขณะที่อีกคน กลับยืนค้ำหัวพร้อมด้วยรอยยิ้มเหยียดที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นนอกจากคนตรงหน้านี้เท่านั้น..



“รู้รึยังล่ะว่าเรื่องมันเป็นยังไง ทำมาเป็นเด็กดีพูดจ๊ะจ๋าทำหน้ายิ้มอยู่ได้ทั้ง ๆ ที่ฉันกับแม่ต้องทนอยู่กับเรื่องพวกนี้มาหลายปี อยากบอกมานานแล้วว่าฉันน่ะ เกลียดนายที่สุด!!!! ไอ้คนมาทีหลัง!!!!!”

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
มาเจิมจ้า  น่าสนใจดี ติดตามมมมม    :hao7:   อย่าหายไปไหนนะ

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หูย อย่ายอมนะ  เป็นเราเราไม่ยอมอ่ะ
 :z6: เห็นแก่ตัวมากทำอย่างนี้ได้ยังไง เป็นผู้ชายที่ห็นแก่ตัวจริงๆ

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
รวิกานต์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า เขาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดมากจนเห็นภาพชัดเจนแบบนี้นานมากแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัว ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย

เหตุการณ์หลังจากนั้น แม่ตัดสินใจพาเขาออกมาใช้ชีวิตกันเองสองแม่ลูก ในตอนแรกแม่พาเขากลับไปบ้านเกิดที่แม่พอจะมีทรัพย์สินอยู่ที่นั่นบ้าง แต่พอกลับไปปรากฏว่าที่ดินและทรัพย์สินถูกพี่น้องของแม่นำแอบไปขายจนเกือบหมด เหลือเพียงแค่บ้านสวนของคุณตาและที่ดินอีกประมาณ 1 ไร่ หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม่ก็ตัดใจขายบ้านและที่ดินย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากทนการเอารัดเอาเปรียบจากพี่น้องไม่ไหว

เงินที่ได้จากการขายบ้านสวนและที่ดิน สามารถซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ได้หลังหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาย้ายมาแล้ว แม่เริ่มสมัครงานจนได้งานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวได้หาทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงดูลูกจนเขาสามารถเข้ามาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้โดยไม่รับความช่วยเหลือใด ๆ จากอดีตสามี เพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เขารักผู้หญิงคนนี้มาก และพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับแม่ผู้ที่ทำงานหนักเพื่อเขาตลอดมา

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกไปทำกิจวัตประจำวันตามปกติ เวลาผ่านไปสองสามวัน แม่ก็บอกว่าได้วันลาหยุดพักร้อนและจัดการลาเรียบร้อยแล้ว ในการเดินทางครั้งนี้พวกเราจะไปค้างที่บ้านพ่อ 1 วัน ก่อนที่จะวางแผนกันว่าจะเดินทางด้วยรถไฟและแวะเที่ยวไปตามรายทาง

เช้าวันเดินทางอากาศไม่ค่อยเป็นใจนัก สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายทั้ง ๆ ที่ย่างเข้าฤดูร้อนแล้ว รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองเลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านอย่างช้า ๆ รวิกานต์ช่วยมารดาขนสำภาระไว้ท้ายรถก่อนที่จะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ในขณะที่ธารานั่งที่เบาะหน้าคู่กับคนขับ เป็นเช่นนี้เสมอเวลาที่เขากับแม่ใช้บริการรถสาธารณะ แม่ให้เหตุผลว่าเห็นใจคนขับที่ต้องนั่งอยู่คนเดียวเลยไปนั่งเป็นเพื่อนเผื่อจะได้เป็นเพื่อนคุยได้บ้างเวลาที่รถติดหนัก ๆ 

รถค่อย ๆ เคลื่อนที่อย่างสบาย ๆ ไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่จุดบริการขนส่งมวลชนสายภาคเหนือ ในใจของชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้ง เขายังไม่พร้อมนักสำหรับการกลับไปเจอพ่อ แม่เลี้ยง และพี่ชายต่างแม่ที่เขาสุดแสนจะเกลียด คนที่คอยว่าร้ายแม่และเขาตลอดเวลาที่ตัวเขายังพักอยู่ที่บ้านหลังนั้น บ้านที่ควรจะเป็นของแม่กับเขาแต่ก็ต้องตัดใจออกมาเผชิญชีวิตอยู่ด้านนอก ในใจเขารู้สึกเหมือนโดนแย่งชิงความสุขในชีวิตไปจนหมดสิ้นนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

“กานต์ อย่าทำหน้าอมทุกข์อย่างนั้นสิลูก ยิ้มหน่อย นาน ๆ ทีแม่จะมีเวลาไปเที่ยวกับลูกนะ” ธาราเอ่ยออกมาเมื่อเห็นบุตรชายนั่งทำหน้าบึ้ง เห็นลูกเป็นอย่างนี้แล้วเธอก็ไม่สบายใจ

“ก็กานต์ไม่มีความสุขนี่...ขอโทษครับแม่ เอาเป็นว่ากานต์จะพยายามก็แล้วกัน”

ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบก่อนที่เสียงถอนหายใจของผู้เป็นแม่จะดังขึ้น

“ถ้ากานต์ไม่มีความสุข แม่ว่าเราไม่ไปแล้วดีไหมลูก ถึงแม่จะอยากให้ลูกไปพบเขาสักครั้ง แต่ถ้าลูกไม่อยากไปขนาดนี้ เรากลับบ้านกันก็ได้นะ”

รวิกานต์มองหน้ามารดาที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้ม “ไหน ๆ ออกมาแล้วก็ไปกันเถอะครับ กานต์ไม่ได้ไปเที่ยวกับแม่นานมากแล้วจริง ๆ แม่ว่าเราไปเที่ยวปายกันดีไหม หรือไม่ก็เลยไปแม่ฮ่องสอนด้วยเลย”

ธาราหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ไปปายหน้าร้อนจะมีอะไรล่ะลูก อีกอย่างแม่ลาได้ไม่นานพอที่เราจะขึ้นเขากัน เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะลูก”

บรรยากาศภายในรถผ่อนคลายขึ้น สองแม่ลูกคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ ในขณะที่รถกำลังแล่นไปด้วยความเร็วคงที่บนถนนที่รถค่อนข้างบางตาเนื่องจากฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก ธาราได้เอื้อมไปหาบุตรชาย รวิกานต์เห็นดังนั้นจึงได้กุมมืออุ่นที่คอยโอบกอดเขาไว้ตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แล้วก้มลงไปจูบที่หลังมือนั้นเบา ๆ

“กานต์รักแม่จังเลย”

ธาราแย้มรอยยิ้มกว้างซึ่งเป็นรอยยิ้มที่รวิกานต์คิดว่าสวยที่สุดเสมอมา


“แม่ก็รักกานต์เหมือนกัน”


.
.
.
.
.
.
.
.
.

ถ้าหากเขารู้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่เขาจะได้เห็น เขาจะบอกรักแม่ทุกวินาทีไม่ยอมให้เวลาที่ผ่านเลยมาสูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย

.
.
.
.
.
.
.
.
.

โครม!!!!!




เสียงชนของโลหะดังขึ้นเสียงดังสนั่นพร้อม ๆ กับแรงสั่นสะเทือนที่เขย่าโลกของชายหนุ่มไปหมดทั้งใบ สติของเขาดับวูบลงทันที

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มค่อย ๆ กระพริบถี่ ในขณะที่สติยังคงกระจัดกระจาย เขานอนกลิ้งอยู่บนที่รองเท้าใต้เบาะที่นั่งที่เอนลงมาแทบจะทับตัวเขาไว้ เมื่อเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็พยายามดันเบาะที่นั่งขึ้นแล้วเรียกหามารดาทันที แต่ก่อนที่จะทันได้ออกเสียง สิ่งที่ได้เห็นก็ดูดกลืนคำพูดของเขาออกไปเสียหมด


ด้านหน้าของซากโลหะที่ไม่อาจเรียกว่ารถได้อีกต่อไปถูกอัดก๊อปปี้เข้ามาถึงบริเวณเบาะนั่งด้านหน้า แสงสว่างค่อนข้างน้อยเนื่องจากถูกเศษซากรถบดบัง แต่ก็มิอาจบดบังบางสิ่งไปจากสายตาของเขาได้...


บางสิ่งที่แทบจะทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา...


แขนเรียวยาวที่เขาพึ่งกุมด้วยความรัก ตกอยู่ข้าง ๆ เบาะที่นั่งทางด้านซ้าย ใกล้กันนั้นมีวัตถุทรงกลมเจือสีแดงสดตกอยู่ ตรงกลายประดับด้วยอัญมณีสีน้ำตาลอ่อน สีที่เขาเห็นตั้งแต่จำความได้ อัญมณีน้ำงามที่มักจะส่องประกายยามที่เขาประสบความสำเร็จแม้แต่ในเรื่องเล็กน้อย อัญมณีที่มักจะทอดแลอย่างอ่อนโยนเวลาที่เขาต้องการไออุ่น....





“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”










หากแสงสว่างมันช่างน่ากลัวขนาดนี้...เขาก็ไม่อยากมองเห็นมันอีกต่อไป

---------------------------------

สั้นเนอะ   :z6:

ตอนนี้เป็นเศษที่เหลือจากตอนที่แล้วค่ะ จะต่อในตอนสองก็ดูแปลก ๆ เลยตัดตอนนี้มาลงก่อน ตอนหน้ายาวแน่นอนค่าาาา

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
แค่เริ่มต้นก็ปวดหนึบแล้ว

เจ้าตัวพ่ออะไรจะเลวปานนี้  ขอคืนสักพันเท่าเถอะ  ยังไงก็ขออย่าให้น้องกานต์เจ็บเกินนะ :L1:

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เรื่องนี้แต่ได้ดีมากกกกกก อยากอ่านต่ออ่ะ  o13

อย่าบอกนะว่าจะตาบอด o22 แล้วต้องไปอยู่กับอิพ่อเลวๆกับครอบครัวทุเรสนั่น  :katai1:

แบบนี้โดนอิพี่ชายนั่นแกล้งเอาแน่ๆ  :ling2: :ling1:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ NoteZapZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :mew2:  สงสารน้องกานต์.....
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :monkeysad: กานต์จะเจออะไรมากกว่านี้อีกมั๊ย

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อ้าวๆๆ ทำไมชีวิตถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ บอกไปว่าชีวิตหัวโค้ยมาก มาต่อนะคร้าบบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด