เขาว่ากันว่า...
ตึกๆๆๆๆ
แฮ่กๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าที่วิ่งไปบนพื้นถนนพร้อมกับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่เห็นจนชินตาในตอนเย็นของทุกวัน ทั้งเด็ก ผู้หญิง ผู้ชายวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งอาม่าอากงบางท่านก็ยังมาวิ่งออกกำลังกาย ณ โรงเรียนแห่งนี้ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศิษย์เก่าของที่นี่เสียมากกว่า
“มองขนาดนั้น เข้าไปขอไลน์เลยเหอะ” ผมกระแทกไหล่ไอ้เซนเบาๆ เห็นมันนั่งมองพี่คนสวยวิ่งผ่านไปจนตาเยิ้ม
“แหมๆ อย่าทำเป็นพูดดีเลยครับเพื่อนฟร้อง กูเห็นนะครับว่ามึงชะเง้อมองประตูทางเข้าโรงเรียนเป็นสิบรอบแล้ว” ไอ้บอยที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ออกปากแซว ผมได้แต่ไหวไหล่ไม่ปฏิเสธอะไร เพราะไม่รู้ว่าผมจะปฏิเสธให้เหนื่อยทำไม ในเมื่อที่ไอ้บอยพูดมันเป็นเรื่องจริง
...ผมกำลังรอใครบางคนที่ช่วงนี้ รู้สึกว่าจะเจอกันบ่อย แถมยังรู้สึกว่าทุกครั้งที่เผลอสบตากันผมมักจะใจเต้นแรงทุกที
“เออ...กูว่าจะถามมึงหลายรอบแล้วไอ้ฟร้อง มึงรอใครว่ะ กูเห็นอาทิตย์นี้มึงกลับบ้านช้าทุกวันเลย” ไอ้เซนหันมาถามผมหลังจากที่มองสาวจนคอเคล็ด
“เรื่องของกูน่า” ผมพูดตัดรำคาญ
“เรื่องของมึง ก็คือเรื่องของกู แต่เรื่องของกูคือเรื่องกู ฉะนั้นบอกกูมาซะดีๆ” ไอ้เซนพูดวกวนไปมาแล้วกอดคอผมแน่น
“ขี้เสือกนะ มึงอ่ะ” ผมด่ามัน
“ไรว่ะ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนนะมึง” ไอ้บอยว่า
“เดี๋ยวพวกมึงก็เจอเองแหละ ไหนๆวันนี้ก็มาเพื่อเสือกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ปากคอเราะร้าย!!น้องเซนรับไม่ได้~~”
“มึงอยากโดนกูถีบมั้ย ห่าเซน” พวกผมนั่งเล่นมองคนที่มาวิ่งออกกำลังกายพลางพูดคุยกันถึงเรื่องเรียนต่อ แต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาหันไปเห็นฮอนด้า วีออสสีขาวคุ้นตาวิ่งเข้ามาจอดภายในโรงเรียน
“มาแล้ว....” ไอ้เซนกับไอ้บอยมองตามรถวีออสสีขาวที่วิ่งเข้าไปจอดหน้าศูนย์ยูโดของโรงเรียน
“ลงมาแล้วๆ” ไอ้บอยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ร่างเล็กๆกับชุดฟุตบอลทีมโปรดของเจ้าตัวที่ผมเห็นจนชินตาในช่วงนี้ก้าวลงจากรถแล้วเอามือเซตผมตัวเองลวกๆพลางเสียบหูฟังให้ตัวเอง จากนั้นเจ้าตัวก็ล็อครถก่อนจะเริ่มออกวิ่งมาทางที่พวกผมนั่งกันอยู่
“เข้!!” ไอ้เซนกับไอ้บอยอุทานออกมาพร้อมกัน จนผมต้องหันหน้าไปมองพวกมันสองคนแบบ งงๆ
“อะไรของพวกมึงวะ”
“อย่าบอกนะ ว่าคนที่มึงนั่งเฝ้าเขาทุกเย็น คือคนที่ลงมาจากวีออสสีขาวนั่น” ไอ้เซนถาม
“เออ...” ไอ้บอยถึงกับหันขวับมามองผม
“เป็นห่าไร รับไม่ได้หรือไงที่กูจะชอบผู้ชาย” ผมถามพวกมันก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อไอ้เซนตบหน้าผากตัวเองเสียยกใหญ่
“ไม่ใช่ว่าพวกกูรับไม่ได้นะมึง แต่มึงรู้มั้ย ว่าคนที่มึงนั่งเห่าเขาอยู่นั่นเป็นใคร” ไอ้เซนถามด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“กูจะไปรู้เหรอ กูก็เพิ่งเจอเขาเมื่อสามวันก่อน แถมไม่เคยพูดกันสักคำ”
“เพื่อนฟร้องของเรา ริอ่านจะเด็ดดอกฟ้าครับเพื่อนเซน ฮ่าๆๆๆ” ไอ้บอยหัวเราะสะใจ จนผมสงสัยว่าพวกมันรู้จักคนน่ารักของผม(?)ด้วยเหรอ
“อะไรวะ พวกมึงรู้จักเขาเหรอ?”
“รู้จักสิ...มีแต่มึงล่ะมั้งที่ไม่รู้จักพี่เขา” ไอ้เซนยักคิ้วเยาะเย้ยผม นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ แล้วทำไมไอ้พวกเพื่อนผมสองตัวนี่ถึงไปรู้จักกับคนน่ารักของผมได้
“หมายความว่าไง?”
“อะแฮ่มๆ...กูจะบอกให้เอาบุญนะครับ...คนที่นั่งเฝ้าเขาอยู่ทุกวันน่ะ...มีชื่อว่าพี่กัส...เป็นศิษย์เก่าของที่นี่แถมยังเป็นรองเดือนอีกด้วย...”
“เดี๋ยวๆๆ” ผมยกมือขึ้นห้ามไอ้เซนที่กำลังจะสาธยายต่อ “มึงบอกว่าพี่เขาเป้นศิษย์เก่าที่นี่ แถมยังเป็นรองเดือนโรงเรียนด้วย?”
“อ่าห่ะ...อันที่จริงพี่แกได้เป็นเดือนแหละ แต่มีเหตุผลส่วนตัวตำแหน่งนั้นเลยตกไปอยู่กับพี่มอสที่เป็นเพื่อนสนิทแทน” ไอ้เซนขยายความต่อ
“แล้วทำไมกูถึงไม่เคยเห็นพี่เขาในโรงเรียนเลยว่ะ” ผมถามพวกมันด้วยความสงสัย เพราะถ้าเกิดว่าพี่กัสเป็นศิษย์เก่าที่นี่จริงผมต้องเคยเจอหน้าพี่เขาบ้างดิ
“เดี๋ยวกูเล่าเอง” ไอ้บอยเสนอตัว “ตอนที่มึงอยู่มอสี่พี่กัสอยู่มอห้า แต่ตอนนั้นมึงไปแลกเปลี่ยนเลยไม่เจอเขา พอมึงกลับมาพี่กัสก็ไปแลกเปลี่ยนอีก เลยไม่เจอกัน”
“อย่างกับนิยาย” ผมบ่นเบาๆ
“แต่ตอนนี้กูสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่ะไอ้บอย” ไอ้เซนหันไปพูดกับไอ้บอยที่นั่งรอฟังคำถามของมันอยู่ “ตอนที่กูดูรายชื่อรุ่นพี่ที่สอบเข้ามหาลัยได้ กูไม่เห็นชื่อพี่กัสอยู่ในมหาลัยใกล้ๆโรงเรียนเราเลยนะ” ไอ้บอยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่มันจะลุกขึ้นวิ่งไปที่อาคารเรียน 1
“เฮ้ย! ไอ้บอย! ไปไหนวะ” ไอ้เซนเรียก แต่ไอ้บอยก็ไม่หันกลับมา
“อะไรของมันว่ะ” ผมบ่นแล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับพี่กัสที่กำลังจะวิ่งผ่านหน้าพวกผมไป แก้มขาวที่เห็นริ้วแดงๆเพราะเลือดสูบฉีด ริมฝีปากบางที่กำลังผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ ไหนจะเม็ดเหงื่อที่ไหลไปตามไรผม มันทำให้ไอ้ฟร้องคนนี้ไม่อาจละสายตาไปได้เลย
“กูรู้แล้ว!!” เสียงของไอ้บอยที่ตะโกนขึ้นทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์
“รู้ห่าไรมึง?” ไอ้เซนหันมาถาม
“พี่กัสกับพี่มอสติดมหาลัยที่เดียวกัน พี่กัสเรียนอักษรส่วนพี่มอสเรียนถาปัตย์...แล้วก็อย่างที่ไอ้เซนพูด พี่กัสไม่ได้อยู่มหาลัยใกล้ๆนี่” ไอ้เซนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วหันมาตบบ่าผมปุๆ
“จะทำอะไรก็รีบทำนะเพื่อนฟร้อง กูว่าพี่กัสคงมาที่นี่อีกไม่กี่ครั้งหรอก”
“หมายความว่าไงว่ะ”
“ก็หมายความว่า ที่พี่เขามาวิ่งอยู่ทุกวันนี่ ไม่ได้มาออกกำลังกาย แต่มาแก้บนไง” ไอ้เซนขยายความแล้วยักคิ้วใส่ผม
“แก้บน?”
“ใช่...มึงก็เห็นว่าโรงเรียนเราสิ่งศักดิ์เยอะขนาดไหน” ผมมองไปรอบๆก็เห็นว่าโรงเรียนผมนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะตามที่ไอ้เซนว่าจริงๆ บ่อปลาตรงหน้าที่มีพระพุทธรูปประจำโรงเรียนอยู่นั้น ก็เห็นมีคนไปไหว้ขอพรอยู่หลายคน เลยไปอีกนิดหน่อยก็เป็นพระพรหมที่มีดอกไม้ธูปเทียนเยอะไม่แพ้กัน พอมองไปอีกมุมของบ่อปลาก็จะเจอศาลตายายเล็กๆอยู่ริมกำแพง ถึงแม้จะเล็กแต่ก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าศักดิ์สิทธิ์ใช่เล่น
“เขาว่ากันว่านะเว้ย...” ไอ้เซนพูดแล้วมองไปยังพระพุทธรูปประจำโรงเรียน
“เขานี่ใครวะ” ไอ้บอยดักคอไอ้เซนที่พูดทำเท่ มันถึงกับหันมาแจกนิ้วกลางใส่จนผมกับไอ้บอยหัวเราะชอบใจ
“เอาน่า เขาก็ว่ามาแล้ว มึงก็อย่าไปสงสัยเขาดิ๊”
“เออๆ กูไม่สงสัยก็ได้ เชิญเพื่อนเซนพูดต่อเลยครับ”
“เขาว่ากันว่า...พระศากยมุณีฯขอเรื่องอะไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องความรักให้ขอพระพรหม ถ้าอยากให้เห็นผลทันตาให้ไปขอศาลตายาย...” ไอ้เซนเว้นวรรคแล้วหันมามองผมที่กำลังนั่งฟังมันตาแป๋ว
“การไหว้พระศากยมุณีจะใช้ธูป 3 ดอก พระพรหม 8 ดอก ศาลตายาย 1 ดอก เด็กที่นี่ส่วนมากจะแก้บนด้วยการวิ่งตามรุ่น อย่างพี่กัส รุ่น 103 ก็น่าจะวิ่ง 103 รอบ...แต่ถ้าบนกับศาลตายายต้องแก้บนด้วยส้มตำปลาร้านะ แกชอบ” ไอ้เซนหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“แล้วมึงบอกกูทำไมวะ” ผมถามมันกลับ กูรู้นะว่ามึงกำลังแกล้งกูไอ้ห่าเซน
“ก็เผื่อมึงอยากบนบานศาลกล่าวไง...ดูเหมือนพี่กัสก็คงจะมาอีกไม่กี่วัน...วันนี้ก็วิ่งไป11รอบแล้ว อีกไม่นานคงครบ”
“อย่างกูเอาใจเข้าสู้เว้ย!!” ผมบอกไอ้เซนแล้วตบอกตัวเองเบาๆ
“แน่เร้อ~” ไอ้บอยเอ่ยปากแซว
“แน่นอน”
“กูจะรอดู วันที่ไอ้คุณฟร้องร้องไห้สาวแตกเพราะจีบพี่กัสไม่ติด” ไอ้เซนว่าแล้วไฮไฟ้วกับไอ้บอยด้วยความสะใจ
“กูจะจีบพี่กัสให้ติดเหมือนกัน มึงคอยดู...”
“แต่กูว่า...ตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง” ไอ้บอยว่าแล้วทำปากบุ้ยใบ้ไปที่ประตูใหญ่หน้าโรงเรียน
“ไอ้เหี้ย!!” ผมสบถออกมา เพราะตอนนี้รถของพี่กัสกำลังเคลื่อนออกไปจากรั้วโรงเรียน
“ทำใจๆ ฮ่าๆๆๆ” แหม ไอ้เพื่อนเวร ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก
พวกผมเดินตามกันออกมาหน้าโรงเรียน ผมหันไปไหว้พระศากยมุณีกับพระพรหมแล้วมองอยู่อย่างนั้น ถ้าเกิดว่าผมทำตามที่ไอ้เซนบอก จะเป็นยังไงนะ
“เฮ้ยพวกมึง” ไอ้เซนกับไอ้บอยหันมามองผมด้วยสีหน้าสงสัย
“กูลืมสมุดอาจารย์น้ำไว้ที่ห้องหว่ะ...พวกมึงกลับกันไปก่อนเลยนะ”
“เออๆ” ไอ้เซนกับไอ้บอยเดินไปที่ขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่พวกมันขึ้นรถไปแล้ว ผมก็เดินข้ามสะพานลอยไปเซเว่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน ซื้อธูปมาหนึ่งแพ็คก่อนจะเดินกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง แล้วขอไฟแช็คจากยามหน้าโรงเรียน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
...เอาวะ ไหนๆก็จะขอแล้ว ขอหมดทั้งสามท่านเลยละกัน !!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...เรื่องสั้นเรื่องที่สามแล้ว ^^
มีอะไรตรงไหนก็ติชมกันได้เนอะ กำลังฝึกเขียนให้ออกมาโอเคที่สุด
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเนอะ