{CH11 Sick }
“ฝ้าย ฝ้าย”
ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะมือเย็นๆของเจ้าแฝดพี่เขย่าเข้าที่ต้นแทนผม ฮือ … ผมเพิ่มได้หลับไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ เพราะต้องเคาะสนิมเรียนด้วยตัวเองเพราะผมตกลงกับตัวเองไว้ว่าถึงไม่มีวุฒิการศึกษาแต่ผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าใคร
“มีอะไรขุนพล?” ผมถามเจ้าตัวเล็กที่หน้าตาตื่นน้ำตาคลอเบ้า
“ขุนทัพ … ขุนทัพตัวร้อน พะ พล”
พรึบ ผมดีดตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งไปที่ห้องเจ้าแฝดที่อยู่ข้างๆโดยไวโดยมีเจ้าแฝดพี่วิ่งตามมาหน้าตาตื่น พอเปิดประตูเข้าไปได้ผมก็ถลาเข้าหาเด็กน้อยที่นอนหายใจหอบแรง เพ้ออะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่องอยู่ตลอดเวลา ลองเอามืออังหน้าผากดูปรากฏว่าไข้ขึ้นสูงมาก
“พลไปผ้าชุบน้ำมาให้ฝ้าย”
ผมหันไปบอกน้อง ขุนพลพยักหน้าก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง ผมเดินไปปิดแอร์เมื่อน้องผมบ่นออกมาว่าหนาวและหว่านหาผ้าห่ม ผมไม่เอะใจเลยที่ทัพเป็นไข้ทั้งๆที่เมื่อตอนหัวค่ำก็ออกจากดูท่าทางอ่อนเพลียและหลับไปซะขนาดนั้น ทำไมผมไม่เอะใจและให้น้องกินยาดักไว้ก่อนผมนี้มันเป็นพี่ที่แย่จริงๆ ผมลองจับมือเท้าของน้องปรากฏว่ามันเย็นมากผมเลยเอาผ้าพันตัวน้องไว้เหมือนดักแด้ พอขุนทัพเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำผมก็เอามาเช็ดลูบหน้าลูบตาน้อง … ผมต้องทำยังไง ผมควรทำยังไง
“ระ ร้อน … ฝ้าย ทัพร้อน” ผมสะดุ้งและรีบถอดผ้าออกจากตัวน้องเอาผ้าชุบน้ำและเช็ดตามตัวน้องให้เจ้าตัวหายใจแรงไม่ยอมหยุดเลย ผะ ผม …
“ฝ้าย ตามคุณป้าเถอะ ฮึก พะ พลสงสารน้อง นะฝ้าย”
“ไม่ได้นะพลเราจะรบกวนเค้าไม่ได้”
ผมรวบตัวทัพมากอดไว้แนบอกและหันไปพูดกับพลที่เข้ามาเกาะแขนผมอีกข้างไว้ ไม่ได้ … แค่นี้พระคุณที่มีอยู่ผมก็แทบชดใช้ไม่หมดแล้ว คุณหญิงไม่รู้เลยสักนิดว่าผมไม่ได้จัดการอะไรกับไอ้โรคจิตนั้นตามที่สัญญากันเอาไว้ กลับเป็นผมเองที่ทุกครั้งโดนต้อนแทบจนมุม ลำพังที่พักที่อาศัยและความ ปรารถนาดีตอนนี้ผมก็แทบจะกระอักหนี้บุญคุณจะตายแล้ว ไม่เป็นไรแค่ไข้ธรรมดา เดี๋ยวผมให้ความอบอุ่นน้องและให้น้องกินยาแปปเดียวก็ดีขึ้น … มันต้องเป็นอย่างงั้นสิ
“แต่ว่า”
“ฝ้ายบอกว่าไม่ได้ไง!!!” ผมหันไปตะคอกเจ้าทัพ เจ้าตัวสะดุ้งผละออกจากผมไปก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น … นะ นี้ผม … โธ่เว้ย ผมดุน้องทำไม …
“ฝะ ผ้าย พล ฮึก แม่ … พ่อ ทัพคิดถึง คิดถึงอยากกับไปอยู่บ้านเดิม อยากให้อยู่เหมือนเดิม ฮึก ”
“ทัพ ทัพ ไม่เอาไม่ร้องนะครับ โอ๋ๆ”
“ฝ้าย … ฮึก ตามเถอะนะ ตามบ้านใหญ่เถอะ พลกลัว กลัวจะตายแล้ว”
“พลพอดะ…!!!”
“ถ้าทัพตายมันจะมีความหมายอะไร!!!!! ไม่เอานะฝ้าย … พลไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ …ฮึก” ผมอึ้งเมื่อเข้าพลตะหวาดออกมาลั่นและวิ่งเข้ามากอดผมกับทัพไว้แน่น … จริงสิ มันไม่มีความหมาย นี้ผมเป็นบ้าอะไร!!!!
“พลดูน้องนะ เดี๋ยวฝ้ายมา”
ผมวางทัพลงกับที่นอนและหันไปบอกเจ้าแฝดพี่ที่พยักหน้าทั้งๆที่ตอนนี้น้ำตาแทบจะออกมาเป็นสายเลือดอยู่แล้ว ไม่มีเสียงสะอื้นเพราะเจ้าตัวพยายามกัดปากตัวเองอยู่ เข้มแข็งมากน้องเข้มแข็งกว่าผมซะอีก ผมหอมลงแก้มนิ่มๆของพลทีนึงเป็นการให้กำลังใจก่อนจะวิ่งออกมาที่ห้องตัวเอง คว้าโทรศัพท์ของตัวเองกดหาเบอร์ที่เมมไว้… ผมไม่มีเบอร์คุณหญิง ไม่มีเบอร์บ้านใหญ่ มีแค่เบอร์ไอ้บ้าโรคจิต …
“นี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” ผมตัดใจกดโทรออกและรอสัญญาณไม่นานเสียงแสบพร่านของไอ้โรคจิตก็ดังขึ้น คงหลับแล้วแน่ๆ
“ขะ ขอร้องล่ะ ขอร้อง ขอร้อง” ผมพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่ตอนนี้ ….
“… เป็นบ้าอะไร”
“ช่วยทัพด้วย ทัพไข้ขึ้นสูงมาก ฮึก ช่วยด้วย ขอร้อง ช่วยผมที จะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะฆ่าผมก็ได้ ช่วยด้วย ฮึก”
“… ตืดดดดดด ตืดดดด” ผมกัดปากตัวเอง … นี้ผมทำอะไร ผมไปขอร้องไอ้คนเลือดเย็นแบบนั้นทำไม รู้อยู่แล้วว่าคนพันธุ์นั้นไม่มีทางเห็นใจผมอยู่แล้ว เสียศักดิ์ศรีชะมัด ให้ตายสิว่ะ!!!
“ฝ้าย!!!! ทัพสั่น ฝ้าย!!! ทัพเป็นไรไม่รู้ ฮึก ฝ้าย!!!!!” ผมโยนผวาโทรศัพท์หล่นลงพื้นเมื่อเสียงโวยวายของพลดังขึ้น เท้าผมมันขยับวิ่งไปหาน้องโดยอัตโนมัติภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือเจ้าพลกอดเจ้าทัพที่สั่นคลอด้วยพิษไข้ไม่ยอมห่าง โดยที่ตัวเองสะอึกสะอื้นอย่างทำอะไรไม่ได้
ไม่เอาแล้ว ผมจะพาน้องไปโรงพยาบาลเอง ไม่รอใครทั้งนั้น ผมวิ่งเข้าไปอุ้มเจ้าทัพขึ้นมาแนบอกและหยิบผ้าคลุมมาคลุมตัวน้องไว้ และรีบวิ่งออกมาจากบ้าน โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น น้องผม … น้องผม
ตุบ “โอ๊ย!!! ฮึก ฝ้าย” ผมหันไปมองตามเสียงก่อนจะใจหายวาบ เมื่อเจ้าแฝดพี่ตอนนี้ล้มไปนั่งพับอยู่กับพื้น ต้องสะดุดตอนที่วิ่งตามผมออกมาแน่ๆ … ผมมันบ้า ทำไมดูแลน้องไม่ได้ คนโน้นเจ็บคนนี้ป่วย! บ้า บ้า บ้า!!!!
“พล!!!! เป็นอะไรเจ็บตรงไหน”
“ฝ้ายเอาน้องไปหาหมอก่อน พลไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ไง มานี้มา” ผมรีบอุ้มเจ้าพลขึ้นมาไว้แนบอกอีกคน แต่ก็ต้องผงะเมื่ออยู่ๆเจ้าพลถูกแย่งลอยขึ้นไป
“วุ่นวายอะไรกัน นี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” ผมเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะหันไปดูด้านหลัง เห็นไอ้แก่โรคจิตยืนค้ำหัวมองผมอยู่ในชุดคุมที่สวมทัพชุดนอนอีกทีนึง จับคอเสื้อน้องผมห้อยไปมาอยู่
“อุ้มดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวน้องตก!!!”
“… พูดจาให้มันดีๆ เหมือนเมื่อกี้สิ”
“นี้!!!!”
“ฝะ ฝ้าย … นะ หนาว ทัพหนาว …”
“ฮึก … ได้โปรด ช่วยน้องผมสองคนด้วย …” ผมกัดฟันพูดออกมา ไม่เอาแล้วศักดิ์ศรีไม่เอาอะไรแล้ว ขอแค่น้องผมปลอดภัย ไม่เอาอะไรแล้ว!!! แลกด้วยอะไรก็ได้ ได้โปรด …
“หึ ตามมา” ไอ้แก่โรคจิตรวบตัวขุนพลขึ้นไปอุ้มในท่าอุ้มแบบที่ผมอุ้มขุนทัพ ก่อนจะเดินนำหน้าไป ผมรีบลุกและออกวิ่งตามไปทันที
.
.
.
ผมนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจพร้อมกับไอ้แก่โรคจิตที่นั่งกอดอกหลับตานิ่งอยู่ข้างๆผมอีกข้างนึงเป็นเจ้าขุนพลที่นอนหนุนตักผมและหลับไปที่เท้าข้างขวาถูกพันด้วยผ้าพันแก้ปวด หมอบอกว่าขาเคล็ดจากการล้มและพรุ่งนี้จะปวดขึ้นอีกหน่อยแต่ไม่เป็นไร แต่เจ้าทัพนี้สิ เข้าไปนานแล้วไม่ออกมาสักที บรรยากาศของโรงพยาบาลตอนตี2 นี้ก็แทบจะทำให้ผมไม่กล้าจะขยับไปไหนแล้ว น่ากลัวไปอีก
"เจ็บไหม ? เท้าน่ะ" ผมหันไปมองคนที่หลับตานิ่งอยู่ข้างๆ ... ไม่ได้หลับหรอกหรือคนๆนี้ และจะเต๊ะท่าทำหอกอะไรว่ะ!!! ผมมุ้ยปากมองไปที่เท้าตัวเองที่ตอนนี้เย็นจนผมรู้สึกชา ... ผมออกมาทั้งๆที่ไม่ได้ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ เบอะบะอีกล่ะฝ้ายเอ้ย!!!
"มะ ..."
“หนูฝ้าย ตาจอม!!!!” ผมหันไปมองตามเสียงก่อนจะกัดปากตัวเองอย่างลำบากใจเมื่อเห็นคุณหญิงวิ่งหน้าตาตื่นเจ้ามาพร้อมป้าน้อมในชุดคุมนอน ผมหันกลับมาตบหลังปลอบเจ้าพลที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเบาๆ
“โธ่ น่าสงสาร มาหาป้ามาหนุ่มน้อย” เจ้าพลไม่ขัดขืนกางแขนให้คุณหญิงอุ้มขึ้นไปกอดปลอบขวัญ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาพึมพำอะไรกันไม่รู้สองคน
“หนูฝ้ายโอเคไหมค่ะ ป้ากับคุณนายได้รับโทรศัพท์จากคุณจอมกลางดึก คุณหญิงตกใจมากเลยรีบตามมา”
“โอเคครับป้า ขุนพลขาเคล็ด ส่วนขุนทัพ …”
คลืดดดดดด … “คุณหมอ!!! น้องผมเป็นไงบ้างครับ”
“เด็กชายขุนทัพ ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ อาการดั่งกล่าวเกิดจากไข้เลือดออก ดีที่มีส่งทันเวลาพอดี เดี๋ยวจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักนะครับ”
“ขอบคุณมากนะครับหมอ!” ผมยกมือไหว้หมอ ก่อนจะก้มหน้ามองมือตัวเองที่ปล่อยลงข้างตัว นี้ผม … ผมดูแลน้องไม่ดีทำให้น้องเป็นไข้เลือดออกงั้นหรอ อีกนิดเดียวน้องผมต้องตายแน่ๆ อีกนิดเดียวเอง ฮึก… อีกนิดเดียว
ผลุบ … ผมชะงักเอามือปาดน้ำตาที่หยดลงพื้นอย่างไม่รู้ตัวแทบจะทันทีเมื่อมือใหญ่ๆวางลงบนหัวผม … ไม่ได้นะ ต้องไม่ให้ไอ้บ้านี้เห็นน้ำตาผม ตะ ต้องไม่ให้มันมาเห็นใจผม ตะ ต้อง …
“ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” เท่านั้นแหละครับ เมื่อก้อนน้ำแข็งยักษ์พุ่งเข้าทำร้ายกำแพงของผมจามันพังทลายลงหมด … น้ำตาของผมไหลออกมาเป็นเขื่อนแตก ทรุดลงกับพื้นด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจ
“ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณครับ ฮือออออออ ขอบคุณ”ผมพูดได้เพียงแค่นั้นก็รู้สึกว่าตัวเองถูกรวบเข้าไปกอดโดยเจ้าเด็กตัวเล็กแฝดพี่
“ไม่ร้องนะฝ้าย โอ๋นะๆ” ไม่รู้เมื่อไรที่ผมเผลอหัวเราะออกมาน่าขำที่คนเป็นพี่อย่างผมต้องให้น้องมาพูดปลอบใจแบบนี้ และก็ต้องขอบคุณไอ้หนูจอมร้ายนี้ด้วยที่เหยียบมิดจนพาน้องมาส่งโรงพยาบาลทันผมคงต้องมองเจ้าหนูจอมร้ายนี้ใหม่ซะแล้ว บางทีนะ อาจจะเป็นคนดีกว่าที่คิดก็ได้ …
“ขอโทษนะค่ะ ไม่ทราบจะให้คนไข้พักที่ห้องชั้นไหนค่ะ”
“ห้องธรรมดาครับ/ห้องพิเศษ”
เอิ่ม …=_=’
“ห้องธรรมดาครับเอาแบบสองเตียงนอน!!!”
“ห้องพิเศษ”
“เอ่อ … สรุป ห้องไหนดีค่ะ”
“ห้องธรรมดาสามัญชนครับ!!!”
“ห้องพิเศษ…”
หน่อย … เห็นทีจะญาติดีกันยาก!!!!!==========================
มาแย้ววววววววววววววววว 
คิดถึงกันม๊ะ อิอิ
ขอบคุณทุกกำลังใจและขอกำลังใจด้วยนะค่ะ
บ๊ายยย เจอกันตอนหน้าน่าาาา
