Day. 2899 .
ลานสกีที่ปกคลุมไปด้วยหิมะน้ำแข็งทางเหนือของรัฐเป็นที่ๆวูฟกังชอบมาพักผ่อน แต่แปลกที่วันนี้เขาไม่ได้มาแค่คนเดียว เมื่อคนที่อยู่ด้วยกันทำตัวดีและเชื่อฟัง วูฟกังก็ยอมที่จะพามาเปิดหูเปิดตาด้วย
อัลเลนเติบโตเป็นหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ยังจำภาพเด็กน้อยร้องขออาหารคนนั้นได้ไหม เด็กน้อยผมสีอ่อน และดวงตาที่มักจะเปล่งแสงเป็นประกาย ทำให้ผู้คนที่พบเห็นทั่วไปตกหลุมรัก ดูเขาสิ ตอนนี้เขาตัวสูงโปร่ง แม้จะร่างบางจนเกือบเห็นกระดูกเพราะได้กินบ้างไม่ได้กินบ้างตามอารมณ์ของเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่ทำให้ความน่ารักของเขาหายไปเลย
มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่หายไป คือความร่าเริง เด็กหนุ่มหน้าตาหม่นหมอง ดูมีกังวล และเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา จะมีใครสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นบ้างหรือไม่ แต่ที่แน่ๆตัวเขาเองนั่นแหละที่รับรู้ได้ว่าตนเองเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร และ ต้องการสิ่งใด
"เฮ้! ไปต่อสิ "
"ผมเล่นไม่ได้ "
"อย่าลีลาน่ะ .. ไป .. ลงไปเรื่อยๆ"
วูฟกังพาผมมาที่ลานสกี มันน่าตื่นเต้นมากจริงๆ ที่นี่มีทั้งหิมะ ผู้คนมากมาย ท่ามกลางความเหน็บหนาวแบบอุณหภูมิติดลบ เราต้องใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่สองชั้น กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ หมวกและถุงมือไหมพรม เรามีกระดานสกีติดเท้าและไม้ค้ำคนละคู่
ผมลงมาจากยอดสูงสุด หกล้มอยู่หลายครั้งจนเจ็บระบมไปหมด แต่วูฟกังไม่ยอมให้ผมหยุด เขายังบังคับให้ผมลงมาต่อ ซึ่งผมก็เล่นได้แปปเดียวนอกนั้นล้มลุกคลุกคลานจนผมเริ่มที่จะอดเซ็งไม่ได้
ผมสอดส่องสายตาไปทั่วตลอดเวลาที่เล่นสกี หนทางที่จะหนีไปจากเขาได้ ผมอาจจะต้องขอร้องให้คนอื่นช่วย
"ผมอยากเข้าห้องน้ำ .."
เราเล่นจนมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำไม้ระแนงขนาดใหญ่ ผมอาจจะต้องแยกตัวออกจากเขาก่อน แบบนั้น จะทำอะไรคล่องตัวขึ้นเยอะ
"ตามมา .."
เขาไถสกีมาหยุดหน้าประตู เปิดมันออกแล้วตะโกนถามว่ามีคนอยู่ข้างในหรือไม่ พอเห็นว่าไม่มีคนตอบ เขาก็ให้ผมเข้าไป ผมถอดถุงมือ แว่นตาดำ และรองเท้าออก ยื่นให้เขา แล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำ
ผ่านไปห้านาที ผมยังนั่งกุมขมับอยู่บนฝาชักโครก วันนี้เขาให้ผมใส่เอี๊ยมยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีขาวข้างใน
โกรกกกกกกกกกกกก
ผมรีบเปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินห้องข้างๆกดชักโครก ผมต้องหาคนช่วย ผมต้องหนีไปจากวูฟกังให้ได้
"คุณครับ .. ช่วยผมด้วย .. ผมถูกลักพาตัวมา .. ผมอัลเลน สาธิลา เด็กที่โดนจับมาเมื่อแปดปีก่อนไง.."
ผมออกมาจากห้องน้ำ เหลือบมองให้แน่ใจว่าวูฟกังไม่ได้เข้ามา ผู้ชายผิวแทนคนนึงกำลังยืนล้างมืออยู่ ผมรีบเข้าไปขอร้องเขา เล่าความจริง อ้อนวอนหวังให้เขาเห็นใจและช่วยผม
"Arus re de opad un li cest "
ผู้ชายคนนั้นหันมามองผมอย่างงงๆ ก่อนที่จะตอบผมมาเป็นภาษาที่ผมไม่เข้าใจ ถ้าอย่างนั้นเมื่อครู่ที่ผมขอร้องเขา เขาคงฟังไม่รู้เรื่องเลยสินะ
ชายแปลกหน้าเดินนำออกไป ผมได้แต่ถอนหายใจดังๆออกมา หมดสิ้นแล้วหนทางหนี ผมรีบล้างมือแล้วเปิดประตูออกมา วูฟกังไม่ได้พูดอะไรเขาแค่มองผมอย่างไม่พอใจ คงเพราะผมเข้าห้องน้ำนานไปสินะ
.........
พวกเรานั่งกันมาในรถ ไม่มีใครพูดอะไร จนกลับถึงบ้าน รถแวนสีแดงเลือดหมูค่อยๆจอดในโรงรถคุ้นตา
"เกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำน่ะ" อยู่ๆคนข้างๆก็หันมาถาม
"ป่าวนี่.." ผมใจเต้น หรือว่าเขาได้ยินที่ผมคุยกับผู้ชายคนนั้น
"เหอะ ๆ ตบตา .. โกหกชั้น .. นี่" พูดจบ ศอกหนาก็กระแทกมาที่หน้า หน้าด้านซ้ายผมชาไปหมด มันเจ็บเหมือนกระดูกจะหัก
"อื้อ !! .. ฮึ .. ฮือออ อึ่ก "
"นี่ ...... นี่ ......!"
วูฟกังทั้งตบ ต่อย ศอก กระแทก เข้ามาไม่ยั้ง เขาเอาแต่พูดว่า นี่ .. นี่ แล้วทำร้ายร่างกายผมอย่างต่อเนื่อง ผมสู้อะไรเขาไม่ได้ ทำได้เพียงใช้แขนขึ้นมาป้องกันให้แรงที่ส่งมาลดน้อยลง
................
อัลเลนนั่งกุมเข่าอยู่บนชักโครก หน้าตาเขายับเยินเกินกว่าจะมองออก จมูกยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่ขาด ตาบวม คิ้วแตก เขาเพียงแค่นั่งกอดเสื้อเสวตเตอร์อย่างโดดเดี่ยว และ อ้างว้าง
เรื่องราวทั้งหมด ทุกๆการกระทำที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มจะบันทึกและรวบรวมมันไว้ในกล่องอันเดิม ซึ่งตอนนี้มันมีกระดาษทิษชู่ม้วนอยู่เกินสามสิบใบแล้ว ...........................
Day 2908
เค้กรูปเลข 19 สีขาวขนาดสามปอนด์ที่ถูกตกแต่งหน้าไว้ด้วยดอกกุหลาบสีชมพูปนเขียวในส่วนของใบ ถูกวางไว้บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีชมพู มีเชิงเทียนแท่งยาวประดับด้วยดอกไม้ตั้งอยู่สามอัน บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้ดอกไม้ บวกกับแสงสีนวลของเทียนทำให้บรรยากาศในห้อง ดูน่าตื่นตา
"สิบเก้านี่"
"ผมขอตัดเค้กนะ"
วูฟกังเปิดประตูแล้วดันผมเข้ามาในห้องที่ถูกจัดไว้แบบนี้ ผมเหลือบมองไปยังบานหน้าต่างที่สามารถเปิดออกไปได้ ผมขอเขาตัดเค้ก วูฟกังพยักหน้าตกลง วันนี้เขาใส่สูทผูกไทเต็มยศ ส่วนผมมีแค่เสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาวของเขา กับชั้นในตัวเดียว
เขาส่งมีดให้ผมที่กำลังตื่นตาตื่นใจ ผมรีบตัดเค้กส่วนของเลข 1 เขาหยิบจานขึ้นมารับ
"ไหนว่าหิวไง .. ตัดชิ้นใหญ่ๆเลยสิ"
"ได้หรอ " เขาพยักหน้า ผมจึงลงมือตัดเค้กอีกชิ้นใหญ่ๆใส่จาน
"สุขสันต์วันเกิด" เขาพูดแล้วยื่นถุงในมือมาให้ผม
"ให้ผมหรอ ... ชุดใหม่นี่ " ผมหยิบของในถุงออกมา มันน่าจะเป็นชุดยาวถึงเข่าอะไรสักอย่างสีแดง
"ลองใส่ดูสิ" ผมสวมเสื้อยาวแขนกุดสีแดง มันเป็นชุดของผู้หญิงนี่ แต่พอมองกระจก ชุดสีแดงที่ตัดกับผิวสีขาว อีกทั้งผมที่ยาวประบ่าก็ทำให้ดูหวานเหมือนผู้หญิงใช่ย่อย
"เต้นรำกันไหม". วูฟกังเดินมาแล้วรูดซิบหลังขึ้นให้ผม กดจูบลงมาที่ซอกคอ แล้วจับมือผมสองข้าง ตั้งท่าเต้นรำ
"โธ่เว้ย .. นายเต้นไม่เป็นนี่นาเจ" เขาสบถเล็กน้อย ผมไม่เคยเต้นรำ นั่นทำให้เผลอพลาดไปเหยียบเท้าเขา
"ซ้าย .. ขวา .. ช้า . ช้า .. เร็ว .. เร็ว ". เขาเร่งจังหวะไปเรื่อยๆ ผมเริ่มคุ้นชินกับมัน จึงทำให้สามารถเต้นกับเขาไปได้เรื่อยๆ
เต้นจนเหนื่อย เราก็ทานเค้กกัน เขาให้ผมจิบไวน์เล็กน้อย แค่นั้นก็ทำให้ผมมึนได้ เขาจึงต้องอุ้มผมท่าเจ้าสาว ช่วยปลดซิบและถอดชุดผมออก หลังจากนั้น เราก็ร่วมรักกันอีก มันเหมือนว่า พอเขามีครั้งแรก มันก็จะต้องมีต่อไปอีกเรื่อยๆ
...............
ช่วงหลังๆ ผมทำทุกอย่างได้โดยที่เขาไม่ต้องมานั่งบ่น ผมรู้วิธีที่จะทำให้วูฟกังพอใจ ผมสามารถหยิบจาน ปูผ้า หยิบแก้วมาวางที่แผ่นรอง เทน้ำอย่างคล่องแคล่ว ไม่เงอะงะ ผมจำทุกอย่างที่เขาบอกว่าต้องทำแบบนี้ มันคือผลประโยชน์ของตัวผมเอง และดูเหมือนเขาจะพอใจ
แต่ในทางกลับกัน ผมมักจะเหมือนคนโรคจิต เหมือนคนเป็นโรคประสาทที่คิดแต่จะหาวิธีหนี นี่ผมบ้าตามเขาไปแล้วใช่ไหม บ้ามา เลยต้องบ้ากลับ แบบนี้ถูกต้องหรือเปล่า
...........
Day 3096
"ชั้นว่าจะขายรถตู้ .. เราอาจจะได้เงินสักก้อนนึง .. เธอต้องช่วยทำความสะอาดมัน" เขาพูดตอนที่เรากำลังนั่งทานสลัด ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วรีบทานให้เสร็จ เก็บล้างให้เรียบร้อย แล้วออกไปช่วยเขาที่ลานจอดรถ
"อ่ะ .. เดี๋ยวนายเข้าไปเช็ดทุกซอก .. ดูดฝุ่น .. แล้วก็ล้างรถ .. เอาให้สะอาดล่ะ ทั้งพื้น แล้วก็เบาะ"
วูฟกังสั่งผม ผมจึงลงมือดูดฝุ่น เก็บของหน้ารถ เช็ดเบาะให้เงา แล้วย้ายไปทำในส่วนข้างหลังที่เป็นห้องโดยสารว่างๆ ไม่มีเบาะนั่ง
ผมดูดฝุ่นไปเรื่อยๆ ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมา ผมเห็นประตูบ้าน ประตูบานยักษ์ที่แง้มอยู่เล็กน้อย ผมรีบคิดหาวิธีจะออกไป ในขณะที่มือยังคงดูดฝุ่นอยู่
วูฟกังเดินเข้ามาจากข้างหลัง ดึงตัวผมที่กำลังดูดฝุ่นให้เข้าไปหา เขาจูบผมที่ริมฝีปาก ตอนที่ผมหันไปหาเขา ผมแสร้งยิ้มว่าพึงพอใจ สักพักเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
"ฮัลโหล .. ครับ , ได้ยินไหมครับ" เสียงเครื่องดูดฝุ่นที่รบกวนทำให้เขาไม่สามารถยืนคุยข้างๆผมได้
"สักครู่นะครับ .. ดูดฝุ่นไปดีๆ เดี๋ยวมา .. ครับ .. อ่อ ขายครับ รถตู้ ... " เสียงหายไปแล้ว เขาเดินเข้าไปในบ้าน นี่คือโอกาสดีที่สุดถ้าผมคิดจะหนีไปจากที่นี่
ผมตัดสินใจวางที่ดูดฝุ่นลงกับพื้นรถ เสียงเครื่องดูดฝุ่นที่ยังดังคงพอช่วยเขาได้ ผมลงมาจากรถ ยืนมองเขาผ่านประตูเป็นวินาทีสุดท้าย ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาจากประตู ผมวิ่งไปตามทางสุดแรงเกิด ไม่แม้แต่จะหันไปมองบ้านหลังนั้นอีก
................
"เขานัดเราวันอาทิตย์ .." วูฟกังเดินถือโทรศัพท์ออกมา เขาตั้งใจจะบอกอัลเลนว่าวันอาทิตย์นี้รถจะขายได้ และเราจะมีเงินใช้กันอีกหนึ่งก้อน ลมหายใจหยุดชะงักไป เมื่อเดินมาถึงรถตู้ ที่มีเพียงเครื่องดูดฝุ่นเสียงดังที่ถูกวางไว้กับพื้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเด็กหนุ่มที่เขาคุ้นเคย
................
ผมวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน ผมไม่ได้ใส่รองเท้า มีเพียงเท้าเปล่ากับเสื้อสีแดงตัวนั้น ผมวิ่งเลี้ยวตามซอยมาเรื่อยๆ แม้จะหอบและเหงื่อแตกจนแทบเป็นลมแต่ก็หยุดไม่ได้ ผมวิ่งลัดป่ามาออกอีกหมู่บ้าน ทำไมถึงไม่มีคนเลยนะ ผมวิ่งไปเรื่อยๆ พอเจอบ้านคนก็ชะเง้อมองว่ามีคนไหม
ผมวิ่งต่อมาเรื่อยๆจนสุดทาง ผู้คนแถวนี้เขาหายไปไหนกันหมด แต่แล้วสายตากลับเหลือบไปเห็นเงาของหญิงชราที่กำลังเดินเข้าประตูไป ผมรีบวิ่งลัดสวนเข้ามาอย่างใจร้อน
"เธอเข้ามาทำอะไรในสวนฉัน". คุณยายผมขาวเดินออกมาชี้หน้าด้วยความที่คิดว่าเขาบุกรุก
"สวัสดีครับ .. รบกวนช่วยแจ้งตำรวจได้ไหมครับ .. ผม อัลเลน สาธิลา ที่โดนจับตัวไปเมื่อ 8 ปีก่อน " ผมรีบพูดอย่างใจร้อน ผมกลัวว่าวูฟกังจะตามมาเจอที่นี่
.............
"ไหนครับอัลเลน" ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน ผมรีบลุกขึ้นอย่างดีใจ
"ผมครับ .."
"หยุดอยู่ตรงนั้น .. คุณมีเอกสารยืนยันหรือเปล่า" คุณตำรวจดูท่าจะไม่เชื่อที่ผมพูด
"ไม่มี .. แต่ผม อันเลน สาธิลา ที่ถูกจับไปเมื่อแปดปีก่อน". ตำรวจพยักหน้าเข้าใจ แล้วพาผมนั่งรถมาที่สถานีตำรวจ
..................
ผมยืนรอแม่อยู่ในห้องทำงานของกรมตำรวจ ผมกำลังนึกถึงวูฟกัง ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเขาออกมาแล้วไม่เห็นผมอยู่ในรถตู้ เขาอาจจะช็อคตายไปเลยก็ได้
"อัลเลน .."
เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ผมรีบหันกลับไปมอง แม่ นั่นแม่ผมจริงๆ แม่ที่ดูกำลังอึ้ง ตกใจ เดินเข้ามาแล้วกอดเขาไว้ นี่มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ ผมกอดแม่กลับ เราร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ แด๊ดดี้ที่มาด้วยก็ไม่ต่าง ท่านยืนมองเราสองคนแล้วร้องไห้อย่างตื้นตันใจ เราสวมกอดกันอยู่นาน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร แปดปีนี่เนอะ แม่คงจะกำลังตกใจที่ได้ลูกสาวกลับมา เพราะตอนนี้ ผมอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงของเด็กผู้หญิง
ตำรวจให้ผ้าคลุมหน้ากับผม เขาพาผมเดินฝ่าวงล้อมของนักข่าว ข่าวของผม เด็กชาย อัลเลน ที่โดนลักพาตัวไป เมื่อแปดปีที่แล้วทำให้ผู้คนสนใจเป็นอย่างมากในการกลับมาครั้งนี้ ใครจะเชื่อ ว่าผมจะรอดมาได้ ทั้งๆที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมาถึงแปดปี
"อัลเลนเป็นอย่างไรบ้างครับ"
"คุณทำไมถึงกลับมาได้คะ"
"ใครที่จับตัวคุณไปครับ .."
เสียงดังไล่หลังตั้งแต่ตำรวจพาผมฝ่าวงล้อมนักข่าวออกมาได้ ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถที่มีแด๊ดดี้เป็นคนขับ และแม่ที่นั่งข้างๆ ผมปล่อยใจให้ลอยไปเรื่อยๆ มองหญ้าสีเขียวสองข้างทางทำให้รู้สึกสงบ และ สดชื่น
คิดถึงแต่ก่อน ผมทนอยู่กับเขาไปได้ยังไงกันนะ ผมที่เป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ต้องโดนลงโทษด้วยการนั่งฟังคำว่า "เชื่อฟังฉัน" วันละหลายรัอยรอบ ให้อดข้าวอดน้ำ ถูกทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ แต่แล้ว ผมก็สามารถต่อสู้ อดทน และหนีออกมาได้ บางทีผมอาจจะเรียนรู้วิธีการรับมือคนอย่างเขาจากการกระทำของเขาเองที่ถูกส่งมาให้ผม ..................
คุณๆยังจำที่ผมเคยพูดให้เขาฟังได้ไหมครับ
"ไม่คุณก็ผม ใครคนใดคนหนึ่งต้องตายกันไปข้างนึง"
ถ้าตอนนี้ผมคือคนที่รอดชีวิต ... แล้ววูฟกังล่ะ เขาคือคนที่จะต้องตายใช่ไหม
END
จบแล้วค่ะสำหรับเรื่องนี้ จบแบบนี้ไม่ว่ากันเนอะ วูฟกังตายหรือไม่จะเฉลยในตอนพิเศษค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ยังไงรอตอนพิเศษกันหน่อยเนอะ จะรีบปั่นมาให้ค่ะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ สวัสดี