ตอนที่ 8
กลิ่นหอมของปีกไก่ทอดเกลือฟุ้งตลบไปทั่วห้องครัวชวนให้รู้สึกน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง พอพลิกกลับด้านเรียบร้อยปีกไก่ก็ถูกทิ้งไว้ในกระทะต่อจนกว่าหนังจะกรอบ ชายหนุ่มตัวเล็กเลี่ยงออกมาจากหน้าเตา หมุนซ้ายหมุนขวาหยิบนู้นจับนี่จนลูกมืออย่างเมฆาเวียนหัวแทน ทั้งที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตว่าไม่ต้องทำอาหารหลายอย่างนัก แต่ถึงจะทักท้วงไว้ก่อนแล้วทว่าครั้งนี้จงรักกลับไม่ยอมทำตาม หนำซ้ำเจ้าตัวยังดูมีความสุขเหลือเกินกับการเลือกซื้อของสด ฉะนั้นท้ายที่สุดเมฆาจึงต้องปล่อยให้คนรักหมาดๆของตัวเองได้ทำตามใจ
กลับมาถึงบ้านเจ้าตัวเล็กก็เดินลิ่วๆขนของเข้ามาเก็บในครัว พอสวมผ้ากันเปื้อนให้ตัวเองทั้งยังเผื่อแผ่มาถึงเขาเรียบร้อยก็ลงมือทำกับแกล้มไม่ได้หยุดจนถึงตอนนี้ จวบจนเวลาผ่านไปถึงทุ่มกว่าอาหารทุกอย่างก็เสร็จดังที่ตั้งใจ จะมีก็แต่กุ้งแช่น้ำปลาที่ตัวกุ้งผ่าหลังยังแช่อยู่ในตู้เย็น ส่วนน้ำยำตั้งท่ารออยู่ข้างนอก
“เดี๋ยวจะกินค่อยราดครับ” คนตาโตเขาว่าอย่างนั้นก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออก
“เดี๋ยวพวกไอ้วินคงจะมาถึงแล้วล่ะ เมื่อกี้มันโทรมาบอกแล้ว”
“แล้วพี่ไม่อาบน้ำก่อนเหรอ มาช่วยรักทำครัวจนเหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว” คนช่างเอาใจใส่สังเกตเห็นเหงื่อเม็ดใสที่ผุดปรายขึ้นตามตีนผมของเมฆา ก็อดไม่ได้ที่จะคว้ากระดาษทิชชู่มาช่วยซับให้
“พี่จะรอเปิดประตู เรานั่นแหละไปอาบก่อนเถอะ ยืนหน้าเตาเป็นชั่วโมงตัวมีแต่กลิ่นปีกไก่ทอด หน้ามันไปหมดแล้ว” รอยยิ้มเล็กๆที่จุดขึ้นตรงมุมปากของเมฆาทำให้จงรักรู้สึกเหมือนถูกล้อเลียนกลายๆ กระทั่งดึงปกเสื้อของตัวเองขึ้นมาดม
“จมูกผมแยกไม่ออกแล้ว ในห้องนี้มีแต่กลิ่นไก่ทอด ขนาดว่าเปิดพัดลมดูดอากาศแล้วนะ” คนตาดุก้มหน้าลงมองก็เห็นจงรักทำจมูกฟุตฟิตเหมือนลูกหนูแฮมสเตอร์ที่เจ้าตัวไปยืนเกาะกรงเมื่อวันก่อน เรียวนิ้วบี้จมูกตัวเองจนขึ้นสีแดงเรื่อ เมฆาจึงคว้ามือเล็กๆนั่นไว้แล้วว่า
“จมูกแดงหมดแล้ว จะขยี้มันทำไมขนาดนั้น”
“อ่า..ก็มัน..”
ยังไม่ทันจะตอบคำถาม ใบหน้าคมเข้มก็ฉกลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งเฉียดขมับไปเพียงนิดแล้วเบี่ยงไปที่เส้นผมดำขลับซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป การกระทำนั้นทำให้จงรักเกร็งตัวแล้วเผลอกลั้นหายใจไปโดยอัตโนมัติ พอรู้สึกถึงแรงลมสูดหายใจแผ่วๆวูบเดียว ก็เป็นจังหวะที่ร่างสูงก็ถอนใบหน้าออกมาแล้ว
“อย่าลืมสระผมด้วยนะ”
“ค..ครับ งั้นผม…ไปอาบก่อนแล้วกันนะครับ” เสียงห้าวว่าติดๆขัดๆ จากที่ผิวแดงเพียงแค่จมูก ตอนนี้สีระเรื่อนั้นลามเลียไปทั่วใบหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม” เมฆายิ้มบางแล้วพยักหน้ารับ จากนั้นจึงเดินนำออกไปจากครัวก่อน ทั้งคู่แยกกันไปคนหนึ่งเดินไปรอเพื่อนที่หน้าบ้าน ส่วนอีกคนเดินมาคว้ากระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าที่วางไว้ตรงโซฟาสะพายขึ้นหลังแล้วเดินขึ้นชั้นสอง
จงรักได้กลับเข้ามายังห้องนอนของเจ้าของบ้านอีกครั้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมกับเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาวางกระเป๋าไว้ที่ตู้ลิ้นชักแล้วเริ่มรื้อเสื้อผ้าออกมา เอาผ้าขนหนูพาดบ่าแล้วเข้าห้องน้ำ พอแขวนผ้าที่จะใช้ไว้เรียบร้อยจึงหันมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมอยู่ ทว่าสายตาพลันเหลือบไปเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกเข้าเสียก่อน ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปใกล้กระจกมากขึ้นจะได้มองให้ชัดๆ ภาพใบหน้าแดงก่ำปรากฏชัดเจนเสียจนอยากมุดหัวลงไปในอ่างล้างหน้า แม้จะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาหลายเดือน หรือกระทั่งบอกว่าคบกันแล้ว แต่เรื่องเช่นนี้เขาก็ทำตัวให้เคยชินไม่ได้เสียที แค่ใกล้กันโดยบังเอิญนิดหน่อยก็พาลให้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำได้แล้ว ก่อนหน้านี้พี่เมฆไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่ามกับเขา มีบ้างก็แค่จับมือ มากสุดแค่กอดอย่างเมื่อคืนนั้น พอมาเจออะไรแบบนี้มันก็ทำใจให้สงบไม่ได้จริงๆ
มองหน้าแดงๆกับสีหน้ากระอักกระอ่วนของตัวเองในกระจกช่างทำให้รู้สึกอับอาย การที่ใกล้ชิดกันแล้วสีหน้ามันจะแสดงออกเช่นนี้ทุกครั้งพี่เมฆก็ต้องเห็น พอคิดว่าเขาเห็นยิ่งรู้สึกอับอายเข้าไปใหญ่
“ตัวของตัวเองทำไมควบคุมไม่ได้ เก็บอาการหน่อยสิจงรัก” มองภาพในกระจกพร้อมพูดกับตัวเองไปพลาง สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง พอปัดให้สัมผัสบางๆของเมฆาเลือนไปได้ในใจก็สงบลง
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จจงรักก็ลงไปข้างล่าง เมื่อลงมาถึงเขาพบว่าที่ชั้นหนึ่งของบ้านสมาชิกในกลุ่มของพี่เมฆมากันครบทีม พี่โจกับพี่น่านนั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมกับภรรยาคนสวยซึ่งขนาบข้างละคน ที่หน้าทีวีพี่เขมกับพี่เมฆช่วยกันยกโต๊ะออกไปไว้ด้านข้างเพื่อเคลียร์พื้นที่ ส่วนเฮียวินคนดีของจงรักก็ยืนกอดขวดวอดก้าชี้นิ้วสั่งเพื่อนให้เคลื่อนย้ายโต๊ะไปในองศาที่ตัวเองกำหนด
“พี่ๆสวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” จงรักเดินเข้าไปยกมือไหว้กลุ่มรุ่นพี่ที่เพิ่งมาก่อนขยับไปยืนข้างๆวิน
“ไอ้รัก!! ใส่เสื้อทีมเลยเหรอวะ กลัวไม่รู้หรือไงว่าเชียร์คนละทีมกับเฮีย” จงรักก้มลงมองเสื้อบอลทีมเชลซีสีน้ำเงินสดตัวใหญ่ที่สวมใส่อยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมากระตุกยิ้มตอบ
“ก็แหงล่ะครับ ใครจะอยากถูกเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกับเฮีย” เมื่อคำสัพยอกของจงรักได้รับเสียงเฮถูกใจจากบรรดาเพื่อนสนิท วินจึงต้องเดินตรงเข้ามารัดคอน้องเป็นการกำราบและสั่งสอนไปในตัว
“เดี๋ยวนี้กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเฮียเหรอไอ้เตี้ย เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” แขนยาวโอบรัดลำคอของคนตัวเล็กกว่าแน่นมืออีกข้างก็ขยี้ผมที่เพิ่งสระใหม่ๆจนยุ่งเหยิง
“เฮีย!!! ป..ปล่อยผมนะ!” คนตัวเล็กดิ้นรนขัดขืนออกแรงจนหน้าแดงก่ำก็ยังไม่หลุดพ้นจากอุ้งมือมาร
“ขอร้องก่อนดีๆก่อน” วินยื่นข้อเสนอ มือก็ยังขยี้หัวเล็กไม่หยุด
“ผมหายใจไม่ออก” จงรักว่าด้วยเสียงคล้ายจะสำลัก
“ไอ้วิน มึงจะไปแกล้งน้องมันทำไมวะ เดี๋ยวมันก็ตายพอดี” เขมปรามอย่างไม่จริงจังนัก
“นั่นดิ จงรักมันยิ่งเตี้ยๆอยู่ด้วย เดี๋ยวขาดอากาศขึ้นมาส่วนสูงมันก็ไม่พัฒนาพอดี” โจแซวอย่างติดตลกอีกคน
“ฮ่าๆๆๆ พวกมึงแต่ละคนนี่นะ ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำอีก” น่านหัวเราะเสียงดังกับคำพูดของเพื่อนตัวดี ความจริงภาพแบบนี้ก็เห็นกันจนชินตาเสียแล้ว เพราะสมัยเรียนทุกคนมักจะเห็นวินแกล้งหยอกน้องรหัสคนสนิทของตัวเองเป็นประจำ
“พอแล้ว เดี๋ยวได้ขาดใจตายจริงๆหรอก เล่นอะไรของมึงนะวิน” พอยกโต๊ะวางชิดริมด้านข้างเรียบร้อยเมฆาก็เข้ามาช่วยดึงแขนของเพื่อนออกจากคอจงรัก
เจ้าตัวเล็กรีบหายใจกอบโกยอากาศเข้าไปจนสำลักแล้วไอออกมา ทั้งใบหน้า กกหู ลำคอแดงเถือกไปหมด คนหน้าดุเอาตัวกันแทรกกลางระหว่างวินกับจงรัก ก่อนจะหันไปช่วยลูบแผ่นหลังบาง
“ไม่เป็นไรมากนะ” เมฆาย่อเข่าแล้วเอียงตัวโน้มลงถามคนตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่
“ครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณครับพี่เมฆ” จงรักยิ้มน้อยๆแทนคำขอบคุณ จากนั้นจึงหันไปถลึงตาใส่พี่รหัสตัวแสบที่เล่นหนักมือไปหน่อย แต่พอหันกลับมาดูเขาพบว่าทุกคนต่างก็มองเขากับพี่เมฆตาค้าง ดูจะอึ้งๆอย่างไรก็บอกไม่ถูก สุดท้ายสายตาของเหล่ารุ่นพี่ก็ทำให้จงรักต้องหลุบหน้าลงมองพื้นแล้วขยับตัวเลี่ยงไปแอบหลังเมฆา
“อะไร” เป็นเมฆาที่เริ่มพูดออกมาก่อน เพราะมองตามสายตาของน้องแล้วเห็นปฏิกิริยาของทุกคนเข้า
“พวกกูน่ะต้องถาม บรรยากาศแปลกๆนั่นมันอะไรวะเมฆ” เขมถามกลับ
“บรรยากาศแปลกๆอะไรของมึงวะเขม กูไม่เข้าใจ” คนหน้าดุถามกลับ ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าเมื่อกี้นี้ทำอะไรลงไปบ้าง
“ก็มึงกับจงรักน่ะ” เขมเว้นช่วงนิดหน่อยก่อนว่าต่อ “กูว่าสนิทกันแปลกๆนะ”
“ไม่เห็นแปลก” เมฆกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“แปลกสิ” น่านโพล่งออกมา “กูจำไม่เห็นได้ว่าปรกติมึงสนิทกับจงรักขนาดนี้”
“เออนั่นสิ กูว่าจะทักตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว กูเกือบนึกว่าจงรักเป็นเจ้าของบ้านอีกคน ตอนเห็นเหมือนเพิ่งอาบน้ำลงมา” โจสมทบความคิดเห็นอีกหนึ่งคำรบ เพราะรู้สึกประหลาดใจจริงๆ เท่าที่พวกเขาจำได้ จงรักกับเมฆาแทบไม่ค่อยคุยกัน คนที่ปิดตัวเข้ากับคนอื่นยากอย่างไอ้เมฆเนี่ยนะจะสนิทกับใครได้ง่ายๆ มันน่าประหลาดใจเกินไป
“กูก็ทำตัวปรกติ พวกมึงบ้าอะไรกันเนี่ย” คิ้วเข้มขมวดมุ่นไม่เข้าใจความหมายที่จะสื่อของเพื่อนๆ ว่าต้องการให้เขาบอกอะไรกันแน่
“เลิกถกเหอะ กูหิว” วินแทรกขึ้นมาก่อนที่คนอื่นๆจะได้ถามอะไรๆต่อไป
“นั่นสิคะ พวกผู้ชายนี่จับผิดอะไรกัน ฟางก็หิวแล้ว เอากับข้าวมาแกะกันดีกว่านะคะ” คนรักของโจว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวพี่ไปช่วยนะฟาง” หญิงสาวข้างๆกายน่านหันมาพูดกับฟางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไปกันค่ะพี่บัว ปล่อยพวกหนุ่มๆเขาไร้สาระกันไปเถอะเนอะ”
“เดี๋ยวผมไปช่วยด้วยครับ” จงรักโผล่หน้ามาจากหลังของเมฆาบอกกับสองสาว ก่อนเดินนำเข้าไปในครัว
“หึ” วินมองตาหลังน้องรหัสของตัวเองไปจนลับตา ก่อนจะยกยิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียวเพราะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของจงรักกับเมฆาทุกอย่างอยู่เต็มอก มีเพียงเรื่องจงรักคบกับเมฆาแล้วเท่านั้นที่วินยังไม่ได้อัพเดตข่าวสารใหม่
“ยิ้มอะไรไอ้วิน” เมฆหันมาถามเพื่อน
“เปล๊า!! กูก็ยิ้มของกูไปเรื่อย” ตอบไปแค่นั้นหนุ่มๆก็แยกย้ายช่วยกันจัดที่จัดทาง และทยอยขนอาหารออกมาคนละไม้ละมือ
เวลายังไม่ทันห้าทุ่มดูเหมือนเสียงในวงเหล้าชักจะดังขึ้นเรื่อยๆ หลายๆคนออกอาการมึนเมาประคองตัวให้นั่งตรงๆกับแทบไม่ไหว แต่หากต้องโทษใครสักคนแล้วล่ะก็ งานนี้ต้องโทษนายวินหนุ่มตี๋ประจำกลุ่มที่คิดอะไรแผลงๆขึ้นมากลางวง ขวดวอดก้าที่อุตส่าห์แบกมาสามขวดหมดไปเกินกว่าครึ่งแล้วเนื่องจากเป็นเครื่องมือในการใช้ดวลช็อตต่อช็อต แรกเริ่มก็ไม่มีใครอยากเล่นด้วย แต่พอแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ในกระแสเลือดความกล้าก็บังเกิด
“โชคดีนะคะที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่งั้นล่ะแย่แน่ๆ ดูสิเมาขนาดนี้” ฟางบ่นสามีที่เมาแล้วคัวอ่อนซบไหล่ของเธอ
“นั่นสิ น่านก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะเนี่ย” บัวละสายตาจากน่านที่นั่งพิงหลังกับโซฟาแล้วถอนใจ
“ขับรถกลับไม่ไหวแน่ๆ คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะ เดี๋ยวจะขนที่นอนไปให้ มีห้องว่างห้องหนึ่ง” เมฆว่า วันนี้เขาไม่ได้ดื่มมาก และไม่ได้รับคำท้าบ้าบอของเพื่อนเจ้าแผนการอย่างไอ้เจ๊กวินด้วย
“สรุปคงไม่ได้ดูบอลแล้วล่ะคืนนี้ ตลกจัง นัดกันมาดูบอลแท้ๆ” จงรักเอ่ยออกมาพลางยิ้มหวานเยิ้มตาเชื่อมอย่างที่ไม่เคยเป็นในยามปรกติ
เมฆามองคนตัวเล็กแล้วต้องถอนหายใจทิ้งเรี่ยราด ก็เพราะโดนพี่รหัสจับกรอกไปหลายช็อตอยู่เหมือนกันจึงมีสภาพอ้อแอ้อย่างที่เห็น เจ้าตัวดีนั่งตัวเอียงไปเอียงมาแล้วก็หัวเราะคิกคักไม่รู้ขำอะไรหนักหนา โชคดีหน่อยที่ไม่เมาแล้วโวยวายอย่างเขมซึ่งตอนนี้เมาจนหลับไปแล้ว ปล่อยให้วินนั่งพูดกับแก้วเหล้าว่าตัวเองเป็นผู้ชนะอยู่คนเดียวเพราะไม่ล้มพับอย่างคนอื่น
“สรุปว่าเอายังไงล่ะ นอนนี่ไหม” เมฆถามสองสาวอีกครั้ง พวกเธอมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองสภาพสามี จากนั้นจึงหันมาพยักหน้าให้เจ้าของบ้านอย่างจนใจ
“ต้องรบกวนด้วยนะเมฆ” บัวบอก
“งั้นเก็บของกันไปก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นไปจัดที่นอนให้ มีห้องนอนสองห้องพอดี แบ่งกันคู่ละห้องนะ โจกับฟางห้องหนึ่ง น่านกับบัวห้องหนึ่งจะได้ไม่อึดอัด” เสียงทุ้มแจกแจงรายละเอียดเรียบร้อย
“แล้วพวกเมฆกับคนอื่นๆจะนอนไหนกันล่ะ” บัวถามอย่างเกรงใจ
“เดี๋ยวปูที่นอน นอนข้างล่างก็ได้ มีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่เมฆ”
“อืม”
เมฆาลุกขึ้นเต็มความสูงตั้งใจจะไปรื้อที่นอนปิกนิคมาจัดให้สาวๆกับสามีของพวกเธอนอน ทั้งยังต้องเผื่อแผ่ให้เขมกับวินด้วย หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปไหน มือเล็กๆของใครคนหนึ่งก็จับที่ขากางเกงของเขาเอาไว้ ดวงตาดมดุตวัดกลับมามองก็สบเข้ากับตาโตแสนเชื่อมของคนรักตัวเล็ก
“ว่าไง” เมฆาย่อตัวลงนั่งยองๆในระดับสายตา แล้วถามเสียงอ่อน
“พี่เมฆจะไปไหนครับ” จงรักถามด้วยเสียงคางยาน
“พี่จะไปจัดที่นอนให้พวกผู้หญิง เรามีอะไรหรือเปล่า”
“ให้ไปช่วยไหม รักอยากช่วย” คนตัวเล็กเสนอด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นที่สุดเท่าที่คนเมาจะทำได้ แต่ด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้และแววตาเยิ้มๆของเจ้าตัว ซ้ำยังเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อต่างจากทุกครั้ง ทำให้จงรักในขณะนี้ดูผิดแผกไปจากเดิม
“ไม่ต้องหรอก เราเมามากแล้ว เดี๋ยวพี่ทำเอง”
“แต่รักอยากช่วย อยากช่วยจริงๆนะ”
“เอาอย่างนี้ รักช่วยปูที่นอนตรงหน้าทีวีให้วินกับเขมมันหน่อย ปูเสร็จช่วยบอกให้พวกมันนอนตรงนั้น ทำได้หรือเปล่า”
“ทำได้ครับ” จงรักยกมือขึ้นทำท่าโอเคพร้อมยิ้มหวานก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเซน้อยๆตามเมฆาไปที่ตู้เก็บของ คนตัวสูงหอบเครื่องนอนออกมาสองชุด จากนั้นก็เอามาวางไว้ที่หน้าทีวีชุดหนึ่ง เตรียมจะยกไปปูที่ห้องข้างบนอีกชุดหนึ่ง
“ช่วยจัดที่นอนอยู่ข้างล่างนี่แหละนะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปจัดข้างบนเอง เสร็จแล้วจะลงมา”
“ครับผม” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบแล้วยิ้มหวานเหมือนเดิมราวกับระบบตอบรับอัตโนมัติ คนหน้าดุที่รู้สึกถึงความน่าเอ็นดูจึงยิ้มรับแล้วลูบหัวเบาๆก่อนผละไป
เมฆาจัดแจงที่นอนหมอนมุ้งให้สองสาวกับสามีเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงลงมาช่วยล้างถ้วยชามในครัว แต่พอมาถึงบัวกับฟางเธอก็จัดการกันจนเรียบร้อยดีแล้ว ดังนั้นจึงเหลือแค่ช่วยพยุงน่านกับโจขึ้นไปนอนข้างบนห้องที่เตรียมไว้ พอพาเพื่อนเข้าห้องเสร็จ คนหน้าดุก็ลงมาเช็คความเรียบร้อยของพวกที่เหลือข้างล่าง ปรากฏว่าเขมกับวินเองก็นอนแอ้งแม้งบนที่นอนที่ปูไม่ค่อยเรียบร้อย หลับสนิทจนกรนเสียงดังแข่งกันทั้งสองคน
ดวงตาคมมองไล่ไปหาโซฟาสีน้ำเงินที่อยู่เยื้องไปด้านขวานิดหน่อย เขาพบว่าจงรักกางมันออกกว้างเปลี่ยนรูปทรงเป็นเตียงเพื่อเตรียมไว้สำหรับนอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าตัวก็นั่งจุ้มปุ๊กกระพริบตาปริบๆกอดหมอนอิง เห็นก็รู้ว่าคงมองมาที่เขาตั้งแต่แรก เมฆาจึงเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ไม่ง่วงหรือไง”
“ง่วงครับ”
“แล้วทำไมไม่นอนล่ะ”
“จะรอพี่เมฆก่อน” จงรักว่าพลางทำจมูกยุกยิก “พี่อาบน้ำแล้วเหรอ”
“อืม”
“ถึงว่าตัวหอมเชียว”
“อืม”
“พี่เมฆสระผมหรือเปล่า”
“สระสิ พี่ช่วยเราทำครัว ตัวกับหัวก็เหม็นเหมือนเรานั่นแหละ”
“ตัวรักไม่เหม็นแล้วนะ หัวก็ไม่เหม็นด้วย พี่เมฆลองดมดูได้” จงรักทำหน้ายู่ก่อนจะขยับเข้าไปหาร่างสูงใกล้ๆเพื่อให้พิสูจน์กลิ่น แต่ยังไม่ทันที่เมฆาจะทำอะไร เจ้าตัวก็รีบถอยกลับ แล้วซุกหน้ากับหมอนพลางเอ่ยบางประโยคออกมาด้วยเสียงอู้อี้ “ไม่เอาแล้วดีกว่า รักเขิน”
“หึหึ..ทำไมเมาแล้วพูดเก่งอย่างนี้นะ กลายร่างเป็นนกขุนทองหรือไง” ด้วยท่าทางและความเจื้อยแจ้วเจรจาของจงรักทำให้อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ จะว่าตลกก็ใช่ แต่มันก็น่ารักน่าเอ็นดูมากๆด้วยเหมือนกัน
“พี่เมฆง่วงไหม”
“เราง่วงหรือยังล่ะ”
“รักอยากดูบอล อยากเชียร์เชลซี” ปากกว่าว่าจะเชียร์ทีมรัก แต่ตาโตกลับปรือปรอยจนแทบจะปิดแหล่มิปิดแหล่อยู่รอมร่อ
“แต่เมื่อกี้เราบอกพี่ว่าเราง่วงแล้วนี่ นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยดูผลตอนเช้า”
“ไม่ง่วงนะ รักไม่เคยพูดว่าง่วงสักหน่อย พี่เมฆฟังผิดแล้วล่ะ รักจะเชียร์เชลซี”
จงรักวางหมอนบนตัก แขนสองข้างกอดอกแน่น พยายามถลึงตาให้กว้างเข้าไว้ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองยังอยู่ไหว ภาพจงรักที่แสนจะเชื่องเปลี่ยนเป็นเด็กเจื้อยแจ้วจอมพยศไปเสียแล้ว เมฆายิ้มขำ เขารู้สึกว่ามุมรั่วๆแบบนี้ของน้องก็น่ารักดีไม่หยอกเหมือนกัน และเห็นแก่ความน่ารักนี้ เขาจะยอมตามใจเจ้าตัวดูสักครั้งก็แล้วกัน
“จะดูก็ดู เราเปิดทีวีเลย เดี๋ยวพี่เดินไปปิดไฟก่อน สงสารไอ้วินกับไอ้เขมมัน” เมฆาอนุมานว่าเพื่อนคงแสบตาเนื่องจากตอนนี้สองคนนั้นเอาผ้าห่มคลุมหัวจนมิด
“ครับ” จงรักยิ้มเผล่แล้วกระโดดลงจากโซฟาเพื่อเปิดทีวี ก่อนกลับมานั่งอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อครึ่งนาทีก่อน
ห้องทั้งห้องมืดสนิทแสงสว่างที่เดียวที่มีมาจากทีวี เมฆาเดินกลับมานั่งบนโซฟาก่อนจะคว้าหมอนอิงอีกใบมากอดเช่นเดียวกับคนข้างๆ ขณะนี้เพิ่งจะเที่ยงคืน ฟุตบอลคู่สำคัญมีกำหนดถ่ายทอดสดตอนตีหนึ่งครึ่ง ตอนนี้ในทีวีจึงฉายรายการอื่นอยู่ก่อน นั่งดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก เมฆาก็สั่งเกตเห็นว่าจงรักเริ่มเอนตัวไปมา คงเพราะง่วงจัดแต่ยังดื้อและฝืนตัวเองให้นั่งอยู่
ดวงตาคมละจากรายการทีวีย้ายมาจับจ้องที่ร่างเล็กจ้อยของคนข้างๆแทนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขามองลำตัวที่ค่อยๆเอนไปทางซ้ายที เอนไปทางขวาทีอย่างนึกขันในใจ คนดื้อต่อให้ปฏิเสธว่าไม่ดื้ออย่างไร มันก็ค้านกับสิ่งที่แสดงออกทุกทีไป พอเห็นว่าน้องเริ่มไม่ไหวจริงๆ ร่างสูงจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาว นั่นทำให้ร่างที่นั่งอยู่สะดุ้งรู้สึกตัวแล้วผินหน้ากลับมาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียถึงขีดสุด
“พี่เมฆจะนอนแล้วเหรอครับ”
“เปล่าหรอก พี่แค่เอนหลังเฉยๆ ขี้เกียจนั่ง มันเมื่อยน่ะ”
“อ๋อ”
“เราก็เอนหลังด้วยกันสิ กว่าบอลจะมาอีกเป็นชั่วโมงนะ นั่งอยู่ทำไมเมื่อยออก” จงรักนิ่งคิดตามคำพูดหลอกล่อของเมฆนิดหน่อยสุดท้ายจึงพยักหน้าและล้มตัวลงนอนข้างๆกัน
“ครับ”
แม้โซฟาจะสามารถกางออกเป็นเตียงนอนได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะกว้างใหญ่เท่าเตียงจริงๆ ทั้งคู่นอนหันหัวไปทางพนักพิง หันปลายเท้าไปทางทีวี หากนอนหงายตรงๆไหล่ก็ชนกันพอดิบพอดี คนตัวเล็กขยับไปขยับมา คนที่นอนข้างๆจึงผงกหัวขึ้นมาถามด้วยความเป็นห่วง
“อึดอัดหรือเปล่า พี่ลงไปนอนกับพวกไอ้วินก็ได้นะ”
“เปล่าครับ ไม่ได้อึดอัด” คนตัวเล็กตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาร่างสูงแล้วตอบ
“แล้วเราเป็นอะไรล่ะ พี่เห็นขยับไปขยับมาไม่หยุด” ร่างสูงจึงหันหน้าเข้าหาน้อง เท้าศอกกับหมอนแล้วใช้มือดันหัวตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อจะได้คุยกันแบบเห็นหน้าถนัดๆ
“รักรู้สึกว่ามันแปลกๆ ไม่ได้อึดอัดนะ แต่มันแปลกๆ”
“แปลกยังไง” คนตัวโตขมวดคิ้วให้นัยน์ตาใส
“มันโล่งๆ”
“เรานอนติดผ้าห่มหรือเปล่า”
“ครับ”
“ทำไงดี ไม่มีผ้าห่มแล้วด้วยสิ วันนี้มีคนมาค้างเยอะเกินไป พี่ไม่ได้ซื้อเตรียมไว้เยอะด้วย”
“ไม่เป็นไร รักว่ารักนอนได้” พอเห็นหน้าคิดไม่ตกของคนตัวสูงจงรักจึงเปลี่ยนใจง่ายๆ
“ไปดึงของไอ้วินมา ให้มันห่มกับไอ้เขมเอาแล้วกัน” ร่างสูงผุดลุกขึ้น แต่ทว่ามือเล็กกลับคว้าแขนของเขาเอาไว้ก่อน
“ไม่เอาครับ อย่าแย่งเฮียเลย เดี๋ยวเฮียหนาว เฮียขี้หนาว”
“แล้วเราจะทำยังไง หื้ม?”
เมฆาเลิกคิ้วถาม ดวงตาคมจ้องมองคนตัวเล็กอย่างรอคอยคำตอบ เพราะจ้องอย่างไม่กระพริบตา ทำให้เห็นว่าใบหน้าของน้องเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เริ่มจากค่อยๆหลุบตาลง แล้วกัดริมฝีปากของตัวเอง ก่อนตาคมหวานแวววาวจะเหลือบขึ้นช้อนมองเขาตรงๆอีกครั้ง ฟันที่กัดริมฝีปากเอาไว้ปล่อยให้ริมฝีปากเป็นอิสระ แล้วเสียงห้าวจึงลอดออกมา
“พี่เมฆกอดรักหน่อยได้ไหมครับ” เพราะน้ำเสียงติดจะออดอ้อน เพราะนัยน์ตาคู่หวานแวววาวเป็นพิเศษ เพราะประโยคที่ชวนให้หวั่นไหว หรือจะเพราะอะไรก็ตาม หากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเมฆาเต้นรัวแรงขนาดนี้เพราะหนุ่มตัวเล็กที่ชื่อจงรัก หัวใจไม่รักดีเต้นแรงจนกลบเสียงทีวีหรือเสียงกรนของเพื่อนสนิทของเขาไปเสียสิ้น
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขารู้สึกว่าหากอยู่ภายใต้แสงสว่าง เจ้าตาหวานคงได้เห็นใบหน้าที่เห่อร้อนจนแดงเถือกของเขาเป็นแน่ ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว อย่างกับสาวน้อยแรกรักอย่างไรอย่างนั้น
“บ้าจริง” ร่างสูงพึมพำออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วดึงร่างของผู้ชายตัวเล็กมากกกอดเหมือนเด็กน้อยกอดตุ๊กตาแสนรัก
“ขอบคุณครับ” เสียงอู้อี้แว่วมาจากอกของเมฆา
“อึดอัดหรือเปล่า”
“ไม่ครับ รู้สึกดีมากเลย”
“หยุดพูดเถอะ”
“พี่เมฆตัวหอมจัง ตัวอุ่นด้วย”
“บอกให้หยุดพูดไงล่ะ
”
“ก็มันเรื่องจริงนี่” จงรักดันตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้มองหน้าคนที่กอดตัวเองได้ถนัด “พี่เมฆเขินเหรอครับ”
“นอนได้แล้ว” เมฆจัดการดันให้น้องพลิกตัวหันหน้าไปอีกทางแล้วกอดร่างเล็กจากข้างหลังแทน เขาไม่อยากให้ตัวยุ่งเห็นหน้าของเขาอีกแล้วในตอนนี้
“รักจะดูบอล”
“เรามันดื้อ คราวหลังไม่ต้องกินแล้วเหล้าน่ะ ลืมไปได้เลย”
“พี่เมฆต้องสั่งเฮียวินต่างหาก แล้วรักก็ไม่ได้ดื้อด้วย”
“ดื้อมากๆ แล้วก็เลิกต่อล้อต่อเถียงได้แล้ว”
“รักไม่ดื้อ”
“ดื้อมาก”
“ไม่ดื้อ”
“ที่เถียงจ้อยๆนี่ไม่เรียกดื้อ แล้วเค้าเรียกอะไร”
“ไม่รู้ครับ รู้แต่ไม่ดื้อแน่นอน”
“เฮ้อ…เรานี่มัน!”
จบประโยคสั้นๆเมฆาก็ก้มลงฟัดแก้มใสให้สาแก่ใจที่ทำเขาหมั่นเขี้ยว ก่อนจะจบตรงจุมพิตเบาๆที่ข้างขมับ พอทำแล้วกลับได้ผลชะงัดนัก คนที่เถียงเสียงดังจ้อยๆเมื่อกี้เงียบไปในพลัน ที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วกับเสียงหัวใจที่ไม่รู้ของใครสะท้อนในอก กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงอู้อี้ก็ดังลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กอีกครั้ง และคำถามที่ได้ยินมันทำให้คืนนี้เมฆารู้สึกว่าตัวเองผล่อยหลับไปทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่
“พี่เมฆครับ…”
“หืม?”
“ผมของรักหอมหรือยัง”
“หอมมากเลยล่ะ”
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>

มาแล้วค่าาาาาาา
ถึงจะช้าแต่ก็มาแล้วน้า

ตอนนี้จะสอบแล้ว จะสอบแล้ว

หัวหมุนหัวปั่นจน

แต่จะพยายามมาลงเรื่อยๆๆๆๆนะคะ
ส่วนตอนนี้ก็ มุมิ คุคิ กันไปเรื่อยๆ 555555
เรื่องนี้มันเรื่อยๆจริงๆ พอคบกันแล้วก็ศึกษากันไป
ค่อยๆเริ่มก่อร่างสร้างรักกันไป

แถมได้เห็นจงรักในอีกมุม มุมที่อยู่ในซอก ซ่อนเอาไว้ จะเผยร่างเฉพาะตอนเมาเท่านั้น 55555
จงรักแบบไม่เชื่อง จงรักเวอร์ชั่นเด็กเกรียน 5555555
แล้วก็ดูเหมือนอีตาพี่เมฆแกจะชอบแบบเด็กเกรียนมากกว่าเด็กเชื่องๆเนอะ

วันนี้เวิ่นแค่นี้ก่อนค่ะ เจอกันตอนหน้า ของให้อ่านให้สนุกค่ะ ติชมได้เหมือนเดิมจ้า

pungjungza