B.L.O.O.D.L.I.N.E
TWENTY-FIVE
YATCH
“อยากได้ตัวพี่ชายนายคืนกับรักษาชีวิตอเล็กซ์ไว้ ก็เอาชีวิตไอ้อาซามาแลก!” เอเดนประกาศกร้าวให้ได้ยินกันทั่วหน้า เอเดนให้ลูกน้องเขาล้อมเราไว้ทุกทาง โยชิถูกผู้ชายร่างโตรวบตัวเอาไว้ ส่วนอเล็กซ์สลบไม่ได้สติ ไม่รู้เอเดนทำอะไรกับเขา เขาใช้ผู้หญิงคนหนึ่งในการทำร้ายจนอเล็กซ์หมดสติไป เรากำลังจนตรอก
“ปล่อยผมเอเดน!”
“ถ้าไม่อยากให้น้องชายคุณเป็นอะไร ไปกับผมเสียดีๆ” เอเดนกระซิบข้างหูผม ผมต้องยอมงั้นสินะ
“ไปให้คุณเอาผมไปต่อรองเพื่อทำเรื่องเลวๆอย่างนั้นน่ะเหรอ!” ผมระเบิดอารมณ์ไม่สนใจว่าจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อตัวเองอย่างไรในภายหลัง ถ้าหากว่าเอเดนอยากจะทำ
ผมยังไม่ทันได้รู้เรื่องราวใดๆ ก็พลาดท่าโดนจับได้ พวกเราคงคิดน้อยเกินไปที่คิดว่าเอเดนจะหลงกล ผมยอมรับเลยว่าเขาฉลาด แต่มันไม่ใช่เรื่องเลยที่เขาเอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ผิด
“ก็แล้วแต่จะคิด เดินตามมา!” เอเดนกระชากแขนผมให้เดินตาม
“ฮึก พี่ยอร์ช เอเดน! อย่าทำอะไรพี่ยอร์ชนะ นายอย่าทำแบบนี้”
ผมหันไปมองโยชิ น้องชายของผมที่เอ่ยขอร้องวิงวอนอย่างน่าสงสาร พยายามดิ้นให้หลุดออกจากการจับกุมแต่น้องชายผมตัวเล็กขนาดนั้นจะไปสู้แรงคนตัวโตกว่าได้ยังไง ผมกลัวว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายโยชิ
“อย่าให้พวกเขาทำร้ายน้องผม” ผมบอกกับเอเดนเสียงเบา เขาหันมองไปทางด้านหลังที่ผมมองจ้องโยชิด้วยความเป็นห่วง “เอเดน ผมขอร้อง”
เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่คนอย่างผมยอมทิ้งศักดิ์ศรี
“ห้ามทำอะไรเด็กคนนั้นเกินกว่าที่ฉันสั่ง” เอเดนพูดสั่งลูกน้อง ผมสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยตอนนี้โยชิจะปลอดภัย ยอมเดินตามเอเดนอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนัก
“ขึ้นรถไป!” ผมสะบัดตัวหลุดออกจากแขนของเอเดน ถึงเขาจะตัวใหญ่กว่าผมอยู่หน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในการขัดขืน ถ้าคิดจะสู้จริงๆผมคิดว่าผมไม่มีทางแพ้ ถ้าเขาจะไม่กลายร่างเป็นงูเพื่อสู้กับคนธรรมดาอย่างผม ผมว่าผมกับเขาก็สูสีกันพอตัว
ผมเข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องชาย สำหรับผมแล้ว ผมให้โยชิได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต ผมจะไม่ยอมให้น้องชายสุดที่รักที่ผมเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เขาเกิดให้มีอันตราย ผมสัญญากับพ่อและแม่ไว้แล้วว่าจะรักและดูแลโยชิให้ดีที่สุด ดีเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะทำได้
“คุณต้องการอะไร คุณต้องการตัวอาซาไปทำไม” ผมถามดีๆ ข่มอารมณ์ให้เย็นดุจน้ำแข็ง สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆลึกๆ ถ้าเจรจาได้ ผมก็ไม่อยากใช้กำลังในการระบายความโกรธ แต่ทว่า บางครั้ง ความหงุดหงิด สับสนและความไม่สบายใจก็ตีปะทุเหมือนน้ำที่เดือดจัดฟองล้นออกนอกขอบหม้อได้เหมือนกัน
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้” เอเดนปล่อยอำนาจก้าวร้าวในดวงตาใส่ผมยามที่ตวัดสายตามามอง
“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมเข้ามาเกี่ยวเรื่องของพวกคุณเต็มๆ และผมควรจะต้องได้รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้คุณเป็นคนแบบนี้”
“ผมสั่งให้คุณทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าถามมาก น่ารำคาญ”
“เหอะ โทษทีนะ ผมไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคนที่ไม่เคยคิดจะเชื่อใครอย่าคุณหรอกน่ะเอเดน ไม่มีความจำเป็นสักนิด คนอย่างคุณน่ะ” ผมพูดเสียงแข็ง ห่างเหิน
“คนอย่างผมมันทำไม!” เขาย้อนถามอย่างไม่พอใจ
ผมยิ้มเยาะกวนประสาทเอเดนอย่างไม่กลัวตาย “ต้องให้ผมพูดถึงความสารเลวของคุณเหรอ อย่าเลย คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
“ยอร์ช!” เอเดนตวาดเรียกชื่อผมเสียงลั่น
“ทำไม”
“คุณไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับผม” เขากัดฟันพูดหน้าแดงอย่างโมโห
“ใช่ ผมไม่รู้ หึ ไม่รู้จักคุณแม้แต่น้อย แต่ผมรู้ตัวช้าเกินไป ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ไว้ใจมากับคุณถึงที่นี่”
เขาไม่ตอบอะไร หันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง ความเร็วรวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ว่าเหตุผลจะด้วยเหตุผลอะไรที่คุณทำลงไป ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ผมเคยคิดว่าคุณไม่ได้เลวร้ายอะไร ความคิดผิดๆเพี้ยนๆของคุณในบ้างเรื่องไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาชี้วัดว่าคุณเป็นคนดีหรือคนเลว ผมจึงพยายามที่จะเข้าใจและมองคุณในแง่ดีมาโดยตลอด” ผมผิวหวังมากถึงมากที่สุด เพราะผมเปิดใจให้เขา ไม่ตัดสินเขาง่ายๆเพียงแค่จุดเล็กๆบางจุดของเขาที่ไม่ค่อยจะโอเค และเมื่อทุกสิ่งที่คิด ทุกสิ่งที่คาดหวังมันบิดเบี้ยวไปหมด เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด ก้อนความเสียใจและความผิดหวังจึงกดทับที่หน้าอกทำให้หายใจไม่ออก
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องรู้สึกกับเขามากมายถึงเพียงนี้ เอเดนก็เป็นคนคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโดยน้ำคำที่ว่าอยากร่วมธุรกิจกับผม ผมจึงคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ และเพราะเขาไม่ได้ทำร้ายใส่ผมหรือเปิดเผยแผนการชั่วๆให้ผมได้รับรู้ตั้งแต่ที่แรก ผมจึงหลงผิดคิดว่าเขาเป็นคนดี
“ผม...” เอเดนเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่ยอมพูดมันออกมา เม้นปากแน่นด้วยใบหน้าเครียดขึง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งไม่ควรเป็นแววตาของคนที่ทำผิดโดยไร้สามัญสำนึก
เขาจะเสียใจไปทำไม ในเมื่อเขาไม่คิดจะหยุดทำร้ายคนอื่น จะเสียใจที่หลายๆคนหมดสิ้นความรู้สึกดีๆที่มีให้เขา ในเมื่อเขาไม่คิดจะกลับตัว
“เลิกได้ไหม เลิกทำร้ายคนอื่นเสียที”
“แล้วทีคนอื่นทำร้ายผมล่ะ ที่ผมต้องเจ็บปวด มีใครสนใจบ้าง!” ดวงตาของเอเดนแดงกล่ำน่ากลัว ผมเงียบไม่พูดอะไร ก็จริง ผมไม่รู้เรื่องราวของเขา แต่ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม
“แต่การที่คุณทำแบบนี้ก็ไม่ช่วยทำให้คุณรู้สึกดีหรอก อาซาอาจจะทำให้คุณเจ็บช้ำ แต่แล้วยังไง ถ้าคุณฆ่าอาซา คุณจะหายเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ บอกผมสิว่าคุณจะรู้สึกดี”
“ไม่มีมัน ผมก็จะยิ่งใหญ่ที่สุด”
ผมไม่พูดอะไรอีกต่อไป หันหน้าหนีอย่างจนปัญญา เอเดนไม่คิดจะฟังใครหน้าไหนทั้งนั้น เขากำลังหลงทางกำลังเดินทางผิด ต่อให้ผมอยากช่วยฉุดรั้งให้เขาเดินไปในทางที่ถูก แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ต้องการ ใครจะไปบังคับได้
“เอาโทรศัพท์ของคุณมาให้ผม”
“ทำไมผมต้องให้คุณ”
“คิดว่าคุณไม่รู้หรือไงว่าคุณกับน้องชายติดต่อกันยังไง” เอเดนหัวเราะเยาะใส่ผม ใช่ ผมโง่มากที่คิดว่าเขาไม่รู้ไม่สงสัย
“เอามา!” เขาพูดเสียงเข้ม
“คุณจะสั่งผมได้ก็ตอนนี้เท่านั้น จำไว้” ผมล้วงโทรศัพท์มือถือส่งให้เอเดน เขารับไป มองหน้าผมนิ่งอย่างผู้ได้รับชัยชนะ ก่อนที่เขาจะกดปุ่มให้กระจกรถเลื่อนลงแล้วขว้างโทรศัพท์มือถือของผมออกไปนอกรถ ผมหันหลังมองทางด้านหลัง เห็นเพียงเศษซากโทรศัพท์มือถือที่เละไม่มีชิ้นดีอยู่กลางถนน
“เอเดน!!!” ผมกระชากคอเสื้อเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี มือที่กำคอเสื้อของเขาจิกแน่น เส้นเลือดปูดขึ้นเห็นเป็นรอยตามผิวหนัง และเมื่อผมไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป ผมฟาดหวัดใส่หน้าเอเดนอย่างแรงไม่มีออมน้ำหนัก หน้าเขาหันไปตามแรงมือ ผมกำเสื้อเขาเอาไว้แน่นอีกพร้อมจะส่งหมัดใส่หน้าเขาได้ทุกเมื่อ
“มันจะเกินไปแล้วนะ!” ผมกรนเสียงต่ำในลำคอ เอเดนเพียงแค่ใช้ลิ้นกวาดไปมาที่กระพุ้งแก้ม มีเลือดไหลซึมตามมุมปาก “อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน”
“คุณคิดว่ามนุษย์ตัวเล็กๆอย่างคุณจะทำอะไรผมได้อย่างนั้นเหรอ”
อ่อ ใช่สิ ผมลืมไปได้ยังไงว่าเขาเป็นอะไร
“ผมอาจสู้คุณด้วยพละกำลังไม่ได้หรอกนะไอ้งูขี้อิจฉา แต่ว่า...ผมมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่คุณไม่มี”
“...”
“หัวใจที่ไม่เคยหลงผิดทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะคนในครอบครัวยังไงล่ะ และเสียใจด้วย คุณเสียสิ่งที่ผมเคยให้คุณไปแล้ว ความรู้สึกดีๆและความเป็นเพื่อน”
รถมุ่งหน้าออกนอกเมืองเรื่อยๆ ผมไม่คิดที่จะพูดกับเอเดนต่อให้เสียความรู้สึกมากไปกว่านี้ ป่านนี้โยชิกับพวกของอาซาน่าจะกำลังตามมา ผมพยายามที่จะทำหัวให้โล่ง เลิกคิดในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น
นานร่วมสองชั่วโมงที่ผมนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหรือเอื้อนเอ่ยสิ่งใด จนกระทั่งได้เห็นโบสถ์เก่าตั้งอยู่เบื้องหน้า เป็นสิ่งเดียวที่ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ขึ้นรถมากับเอเดน ระหว่างทางผมเอาแต่คิดว่าอะไรที่ผมควรทำได้ ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่มีอะไรที่ผมพอทำได้ในตอนนี้
เอเดนลงจากรถ ไม่ลืมลากผมลงไปด้วย ข้อมือของผมที่ถูกเขาจับแน่นถูกลากให้เดินตาม รอบด้านเป็นทุ่งกว้าง สภาพของโบสถ์เบื้องหน้าเหมือนโบสถ์ร้าง เก่าและจวนพัง ร่างไร้สติของอเล็กซ์ถูกห่ามผ่านหน้าผมกับเอเดนเดินเข้าไปในโบสถ์
“คุณจะทำอะไรเขา” ผมไม่รู้จักว่าผู้ชายที่ชื่ออเล็กซ์เป็นใคร แต่ผมรู้ว่ามาเพื่อช่วยผมและเราทุกคน
เอเดนปรายตามองผมว่าอย่ายุ่งเรื่องของเขา ผมถอนหายใจรำคาญใส่ ไม่พูดไม่บอก ใครจะไปเข้าใจว่าเขาคิดอะไร
“เจ้านั่นยังอยู่ไหม” เอเดนถามชาร์ลที่เดินเขามาใกล้ ผมส่ายหัวเมื่อเห็นหน้าอีกคนที่รู้จัก ไม่น่าเลยจริงๆ
“ยังอยู่ มันพยายามจะหาทางหนี แต่ก็หนีไม่พ้น สวัสดียอร์ช” เขาหันมาทักผมด้วยสีหน้าสบายใจ
“ก็ดี อีกไม่นานอาซามันจะมาที่นี่ เราต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อต้อนรับมัน” เอเดนพากผมเข้าไปในโบสถ์ร้าง ภายในมืดและเหม็นอับ ที่นั่งทุกตัวมีฝุ่นจับทุกพื้นที่
“นั่งตรงนี้” เอเดนกดตัวผมให้นั่งลงที่ม้านั่งด้านหน้าสุด เบื้องหน้าคือแท่นพระเยซูบนไม้กางเขนที่เต็มไปด้วยหยากไย้และฝุ่นผง
“อ่ะ เอาไป” ผู้ชายอีกคน รูปร่างผอมสูงโปร่ง ดวงตาเรียวรีลุคดูเฉี่ยว เขาเพียงมองผมด้วยหางตา ท่าทางดูหยิ่งไม่เป็นมิตร เขาส่งโซ่เส้นใหญ่ให้เอเดน
“ขอบใจ” เอเดนบอก เขาก้มมองดูโซ่เส้นใหญ่ประมาณหนึ่งในมือ
“จะให้จัดการไอ้นั่นเลยไหม” ผู้ชายร่างผอมถามเอเดนพยักหน้าไปทางอเล็กซ์ที่ถูกจับให้นั่งบนเก้าอี้เหล็กเก่าๆตัวหนึ่ง ร่างกายของอเล็กซ์ถูกพันไว้ในโซ่ลักษณะเดียวกับเส้นที่อยู่ในมือของเอเดน
ผมขมวดคิ้วมองพวกเขาสลับกัน พวกเขาจะทำอะไรกับอเล็กซ์ ผู้หญิงคนเดิม ผมสีน้ำตาลแดงของเธอยาวคลอเคลียใบหน้าไปจนถึงกลางหลัง เธอเดินเข้ามายืนใกล้พวกเรา มองจ้องผมอย่างไม่เป็นมิตร สายตาหน้ากลัวดูแลไม่ใช่สายตาของมนุษย์ หรือว่าเธอจะเป็นงูเหมือนเอเดน แต่ผมคิดว่าไม่น่าใช่ แววตาแบบนี้มันไม่เหมือนงู
“ชู่ อย่ายุ่งกับคนของฉัน” เอเดนปรามเมื่อเธอแยกเขี้ยวใส่ผม เธอมีเขี้ยวและมันทำให้ผมมั่นใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเธอไม่ใช่มนุษย์จริงๆด้วย “พาเธอไปทำหน้าที่ได้แล้วเบนก่อนที่พวกนั้นจะมาถึง” เอเดนสั่งผู้ชายร่างผอมที่เขาเรียกว่าเบน
“ชาร์ล มาช่วยกันหน่อยดิ” เบนตะโกนเรียกชาร์ลที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
ผมหันกลับมาทางเอเดน เมื่อเขาเอาโซ่ในมือพันร่างกายผม ผมผุดลุกยืนในทันที แต่เอเดนกดไหล่ผมให้นั่งลงจนเจ็บ ใช้ดวงตาดุร้ายของอสรพิษในการข่มขวัญให้ผมปฏิบัติตม ความรู้สึกของผมต่อต้านผ่านทางแววตา แต่จำต้องยอมให้ร่างกายทำตามความต้องการของเขา
โซ่เส้นหนาพันรอบตัวของผม แขนทั้งสองข้างถูกไพร่ไปทางด้านหลัง เก้าอี้ตัวยาวที่วางตั้งในโบสถ์ไม่ถ้าเก้าอี้ตัวเล็กๆ แต่เอเดนก็พยายามอย่างมากที่จะมัดผมไว้กับมัน ตามด้วยใช้กุญแจตัวใหญ่พันธนาการผมไว้ไม่ให้หลุดออกไปขัดขืน
เขามองผมโดยไม่ได้มองตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตรงไปหาเพื่อนเขาที่ยืนล้อมอเล็กซ์เอาไว้ ผมหันไปมองทางประตูโบสถ์ มีลูกน้องของเอเดนจำนวนหนึ่งคอยเฝ้าดูต้นทาง โยชิกับอาซาและพวกน่าจะกำลังมา ผมรู้ได้จากนิสัยของน้องชายและคำพูดยั่วยุของเอเดน แต่คงไม่ใช่ภายในห้านาทีหรือสิบนาทีข้างหน้านี้ที่พวกเขาจะมาถึง
ผมหันกลับไปมองจุดที่พวกเอเดนยืนอยู่อีกครั้ง ผู้หญิงผมสีแดงอยู่อยู่เบื้องหน้า เธอเอียงคอไปมามองจ้องอเล็กซ์อย่างสนอกสนใจ ไม่ต่างจากอเล็กซ์เป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง คนที่ชื่อเบนเดินอ้อมไปข้างหลังเก้าอี้ที่อเล็กซ์นั่งหมดสติ เสียงพูดของเอเดนเอ่ยกับผู้หญิงคนนั้น ผมได้ยินไม่ถนัด เอเดนหันมามองผมอีกครั้ง ใบหน้าเขาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกนึกคิดใดๆ ไม่บ่งบอกว่าเขารู้สึกยังไงในเวลานี้
และเมื่อเอเดนหันกลับไปทางเดิม เขาอ้าปากขยับเพียงคำสองคำกับผู้หญิง เป็นคำสั่งอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอพุ่งเข้าบีบศีรษะของอเล็กซ์ด้วยมือทั้งสองข้าง มือมนุษย์เปลี่ยนเป็นมือของสัตว์ที่มีขนสีน้ำตาลอ่อน การสันนิฐานของผมเป็นจริง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คน แต่เธอเป็นสัตว์อะไรสักอย่างที่ผมยังเดาไม่ได้
มือที่เธอบีบศีรษะของอเล็ซก็เกร็งจนเห็นกล้ามเนื้อ เธอโน้มใบหน้าจรดที่หน้าปากของอเล็กซ์ และอยู่ๆอเล็กซ์ที่ไม่ได้สติก็สะดุ้งก่อนจะกรีดร้องเสียงโหยหวนอย่างทรมาน ร่างกายของผมขยับจะเข้าไปช่วย แต่ลืมนึกไปว่าผมถูกโซ่เส้นใหญ่มัดร่างกายเอาไว้กับโต๊ะ ทำให้ลุกออกไปไม่ได้ ใบหน้าของอเล็กซ์บิดเบี้ยวเข้าไปทุกที เขายังคงร้องไม่ได้สติ ทุรนทุรายก โลหิตสีแดงฉานไหลออกมาจากจมูกและปาก แสงสีขาวบางอย่างลอยออกมาจากจุดที่เลือดไหล
“หยุด! หยุดทำร้ายเขาเดี๋ยวนี้ เอเดน!” ผมตะโกนห้ามพวกเขา แต่ไม่มีใครสักคนคิดจะใส่ใจฟังคำทัดทานของผม ผมกระชากแขนตัวเองอย่างคนสิ้นคิด ต่อให้ผมดิ้นมากกว่านี้ก็ไม่สามารถทำให้โซ่เหล็กขาดสะบั้นอย่างง่ายดายเช่นเส้นฟาง
“อ๊ากก! อ๊อก!! อื้ออ!!!” เสียงร้องของอเล็กซ์ดังเสียแทงหูบีบคั้นความรู้สึก อเล็กซ์กระอักเลือดออกมาเรื่อยๆ ร่างกายของเขากระตุกสั่นจนตัวโยน ผมพยายามกระชากตัวออกจากโซ่ตรวนที่หนาแน่น แต่ไม่ว่าจะขยับยังไงก็ไม่หลุดพ้น ซ้ำแต่จะทำให้ร่างกายได้รับบาดแผลและความเจ็บปวด อเล็กซ์ทำเพียงปรายตามองผม แววตาเขาต่อว่าการกระทำที่งี่เขาไร้ประโยชน์ของผม แต่ต่อให้รู้ว่าทำไปก็เจ็บตัวเปล่า ผมก็ไม่อาจอยู่นิ่งนั่งมองคนใกล้จะตาไปต่อหน้าต่อตาเหมือนเอเดนที่ยืนมองนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน
แน่ละ เขาจะไปรู้สึกอะไรได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนออกคำสั่ง
ปึกๆ! แกร๊ง!!
“โธ่โว้ย!! หยุด บอกให้หยุดไง เอเดนอย่าทำร้ายเขา!!!”
ผมตะโกนจนคอจะแตก แต่เสียงขอผมไม่เข้าไปถึงจิตใจของผู้ชายคนนั้น คนที่ผมเคยรู้สึกดีด้วย
“เฮือก อั่ก!!!” ร่างของอเล็กซ์กระตุกจนตัวโยนเป็นครั้งสุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นปล่อยมืออกจากหัวของเขา เธอหอบหายใจแรงเหมือนเหนื่อยจัด ผมเองก็ไม่ต่างกัน นั่งนิ่งๆหยุดขยับเคลื่อนไหว ผิวกายเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการเสียดสีกับโซ่ ถลอกจนเลือดซิบ แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย กลับกัน ภาพของอเล็กซ์ทำให้ผมเจ็บมากกว่า อเล็กซ์ทำผิดอะไร ทำไมเอเดนต้องทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็น
“ได้ความอะไรบ้างวาเนสซ่า เล่าสิ มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับหัวใจบาซิลิสก์บ้าง” เอเดนพูดน้ำเสียงเร่งเร้ากับเธอ
เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะพ่นพรืดเสียงดัง “หัวใจของบาซิสิก์ ของวิเศษที่บาซิลิสร่ายคำสาปเอาไว้ให้แก่คนที่ถูกเลือก เพื่อเป็นตัวแทนของมัน ถึงร่างจะตายสลายไป แต่ถ้าหัวใจยังอยู่ ก็เท่ากับว่ามันยังมีชีวิตอยู่”
เสียงของวาเนสซ่าดังเป็นโทนเดียว ไม่มีจังหวะจะโคน ฟังดูเอื่อยเฉื่อยอย่างกับหุ่นยนต์ ไร้ชีวิตชีวา
“อำนาจของหัวใจบาซิลิสก์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาของงู ผู้ที่ถูกเลือกให้ได้ครอบครองจะมีพลังอำนาจทุกอย่างดังที่บาซิลิกซ์มี พลังทุกอย่างที่นากินีได้รับมาจากไอพิษของบาซิลิกซ์นั้นน้อยนิดกว่าอำนาจที่แท้จริงหลายร้อยเท่า พลังดั่งปีศาจทำให้ผู้ที่ครอบครองมีอำนาจพิเศษเหนือสิ่งมีชีวิตอื่นใดในโลก แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ที่ครอบครองไมรู้จักวิธีควบคุมมัน...”
เธอพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ
“ว่าต่อสิ เร็ว” เอเดนเอ่ยเร่งให้วาเนสซ่าที่หยุดช่วงพูด
“ถ้าผู้ที่ครอบครองใช้อำนาจจากหัวใจบาซิลิกซ์ไม่ถูกวิธี ทุกอย่างบนโลกไปนี้จะพลังพินาศ สูญสิ้นไม่มีชิ้นดี ผูที่รู้ว่าหัวใจบาซิลิกซ์อยู่ที่ใคร ก็มีเพียงเจ้าตัว ผู้กุมความลับ และ ทายาทของพ่อมดเฮอร์โป”
“ความทรงจำอะไรอีกที่เธอดึงออกมาได้”
“ตอนนี้หัวใจบาซิลิกซ์เคยอยู่กับอาซา แต่ตอนนี้ ครึ่งหนึ่งถูกแบ่งไปอยู่ทีโยชิ...” ร่างของผมชาเหมือนถูกแช่แข็งเมื่อได้ยินชื่อน้องชายของตัวเองออกจากปากวาเนสซ่า โยชิเกี่ยวข้องอะไรกับหัวใจบาซิลิกซ์ที่พวกเขาว่า สรุปแล้วมันยังไงกันแน่ ทำไมน้องผมถึงมีหัวใจบาซิลิสก์อยู่ที่ตัวครึ่งหนึ่ง มันเป็นไปได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ สิ่งที่พวกเขาพูดกันมันเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาอย่างผมจะหยั่งถึง
“อะไรนะ!?” เอเดนถามอย่างไม่อยากเชื่อหู
“มันถูกแบ่งออกเป็นสอง ครึ่งหนึ่งอยู่ที่คนที่ชื่ออาซา อีกครึ่งอยู่ที่คนชื่อโยชิ” วาเนสซ่าย้ำอีกครั้ง
หัวผมอื้อคล้ายถูกฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม หมายความว่ายังไง ถ้าสิ่งที่เอเดนต้องการอยู่ที่โยชิด้วย นั่นหมายความว่า เขาจะฆ่าน้องชายผมอย่างนั้นเหรอ
“โยชิ” เอเดนพึมพำชื่อน้องชายที่รักของผมก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาอยากที่จะเข้าใจ แต่ผมรู้สึกด้วยประสาททุกเส้นในร่างกายว่าเอเดนเอาจริง
“มีอะไรอีกไหม” เอเดนถามวาเนสซ่าอีกครั้ง
“ไม่มี” เธอส่ายหน้าสองที
“หึ ขอบใจมาก เบน ให้รางวัลแม่สาวเลโอฝึกหัดคนนี้หน่อยสิ” เอเดนแสยะยิ้มที่มองยังไงก็ชั่วร้ายที่สุด บางอย่างที่เลวร้ายครอบงำเขาจนไร้สตินึคิด
เอเดนก้าวถอยห่างให้เบนเดินเข้าไปใกล้วาเนสซ่า เบนเดาะลิ้นที่กระพุ้งแก้ม แล้วกลายร่างเป็นงูอย่างรวดเร็วรัดร่างของวาเนสซ่าแน่น เสียงกรี๊ดร้องดังเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างของเธอจะสลายเป็นฝุ่งลงล่วงลงสู่พื้น
ผมเบิกตาโตมองเบนและเอเดนอย่างไม่เข้าใจ นี่เหรอคือรางวัลตอบแทน อย่างน้อยเธอก็ช่วยเขา ทำไมต้องฆ่าเธอด้วย เอเดนยังมีหัวใจอยู่ไหม
“คุณมันเลว” ผมพูดเสียงปกติให้เอเดนได้ยิน เขาเลิกคิ้วหันหน้ามาทางผม เสียงเอ่ยกับเบนที่กลายร่างกลับสู่สภาพมนุษย์
“ไปพาตัวผู้ช่วยคนสำคัญมาที่นี่ที ใกล้จะถึงฉากสำคัญแล้ว”
“ไอ้ทายามพ่อมดนั่นน่ะนะ มันจะมีแรงลุกขึ้นมาไหวหรือเปล่า ลูกน้องเราเล่นยังเสียขนาดนั้นเพราะมันไม่ยอมคลายความลับ” เบนบ่นหัวเสีย
“ฉันมีวิธี ทำตามที่ฉันสั่งก็พอเบน”
“เออ” เบนเดินออกไป เมื่อเขาเดินผ่านผม เขาเพียงส่ายหน้าและถอนหายใจใส่เท่านั้น
เอเดนเดินมาใกล้ๆผม เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผมไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้แต่ขยับตัวหนีไม่ได้
“ที่คุณรังเกียจอาซาที่เป็นน้องตัวเอง เพียงเพราะเขามีหัวใจบาซิลิกซ์เนี่ยนะ” ผมกล้าพูดได้เลยว่า ต่อให้โยชิมีอะไรที่พิเศษหรือดีกว่าผมเป็นร้อยเท่า ผมก็ไม่มีวันที่จะเกลียด เพราะเขาเป็นน้องชายเป็นคนในครอบครัว แต่กับเอเดนมันคงไม่เหมือนกัน ผมรู้ จิตใจของคนไม่เหมือนกันไปหมดซะทั้งโลก
เอเดนชะงัก ในชั่วขณะสั้นๆ ใบหน้าที่ดูดีจนเข้าขั้นยอดเยี่ยมของเขาฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่คาดฝัน
“คุณจะไปเข้าใจอะไรยอร์ช คนที่เกิดมาในครอบครัวอบอุ่นอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผม” เขากัดฟันพูดระบายความในใจ
“พ่อคุณรักคุณ คุณภาคภูมิอยู่ในตำแหน่งลูกชายคนโตและพี่ชายที่แสนดีแล้วคุณคิดว่าคุณสามารถเอาชีวิตครอบครัวที่แสนเพอร์เฟ็คของตัวเองมาตีกรอบครอบครัวของคนอื่นได้เหรอ”
เขาส่ายหน้าช้าๆ มองเข้ามาในดวงตาของผม “ผมเป็นลูกชายคนโต ถูกเคี่ยวเข็ญให้ทำทุกอย่างตามกฎระเบียบของตระกูลเพื่อวันหนึ่งจะขึ้นครองตำแหน่ง แต่แล้ว พ่อก็ไปคว้านากินีชั้นต่ำมาทำเมีย แม่ทนไม่ได้ฆ่าตัวตายจากไป ในวันที่แม่ตาย เป็นวันเดียวกับที่อาซาเกิด คุณไม่มีวันลืมวันที่น่าอัปยศที่สุดในชีวิต แค่หลับตาก็เห็นภาพที่แม่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพราะพ่อมัวแต่ชื่นชมการเกิดมาของมัน!” เขาตะคอกสุดเสียง มือทั้งสองข้างกำแน่นขึ้นเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“และที่เลวร้ายมากกว่านั้น ผู้ตรวจดวงชะตาทำนายว่ามันจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือใครในโลกใบนี้ พ่อดูจะดีกว่าการที่มีผมเป็นลูก ดูแลประคบประหงมมัน เตรียมให้มันได้ขึ้นครองตำแหน่งแทน แล้วผมล่ะ ฮะๆๆ ก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง ทำไมต้องเป็นมัน ทำไมไม่เป็นผม ผมที่เกิดจากนากินีชั้นสูง เป็นลูกที่เกิดเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันควรเป็นผมที่ได้ทุกอย่าง แต่พ่อกับประเคนไปให้มัน!!! คุณบอกผมสิ ว่าผมสมควรจะเห็นมันเป็นน้องอย่างนั้นเหรอ มันเกิดมาเพื่อที่จะแย่งทุกอย่างไปจากผม แย่งความรักจากพ่อจากคนรอบข้าง แย่งอนาคตที่พึงเป็นของผม แต่สุดท้ายก็กลายเป็นของมัน”
ผมจุกกับสิ่งที่รับรู้จนพูดไม่ออก เอเดนพูดถูก ผมไม่รู้เรื่องอะไร แต่ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
“ผมน่ะ เจ็บกับการเป็นคนที่ถูกมองข้ามมาเกินพอแล้ว” สีหน้าเจ็บปวดของเขาดูเป็นสัญญาณอันตรายชอบกล
“ถ้าผมได้มันมา ทุกคนจะต้องอยู่ในอำนาจของผม จะไม่มีใครลืมผม จะไม่มีใครเพิกเฉยต่อผม ทุกอย่างที่ผมอยากได้ผมจะได้!!!”
“ใช่ คุณจะได้ทุกอย่าง ยกเว้นความรักและความจริงใจ ผู้คนอาจก้มหัวให้กับอำนาจของคุณ แต่ไม่ใช่เพราะเขารักหรือรู้สึกดีต่อคุณ แต่เพราะเขาเกรงกลัวต่างหาก” ผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พยายามชี้ทางสว่างให้กับเอเดนผู้ที่หลงอยู่ในความมืด
“แต่อย่างน้อยอาซาก็เป็นน้องของคุณ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็คือคนในครอบครัว คุณต้องรู้จักปล่อยวางและพอใจในสิ่งที่คุณได้ ซึ่งมันมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ”
“พ่อพระดีนี่” เขาทำเสียงประชดประชัน ใบหน้าของเขาแข็งขึง
“แต่ขอโทษทีนะคุณยอร์ช คุณอาจมองโลกในแง่ดีจนเกินไป ผมถามหน่อย ถ้าคุณมาเป็นผม มายืนอยู่ในจุดที่ผมยืน คุณจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆน่ะเหรอ คุณจะปล่อยวางทุกความทุกค์ความเสียใจนานนับพันปีได้อย่างนั้นเหรอ!” เอเดนกัดฟันกรอด
“ถ้าคุณลองได้มาเป็นผมจริงๆนะยอร์ช คุณจะไม่มีทางพูดแบบนั้นเหรอ ไม่มีทาง” น้ำเสียงของเขาแฝงแววเยาะเย้ย
“แต่ที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรดี เชื่อผมเถอะนะ หยุดเถอะ” ผมยืนกราน พูดทุกคำ ช้าๆชัดๆ เพื่อให้เขาเข้าใจ และพยายามระงับความโกรธของตัวเองไปในตัว
“ผมมาไกลเกินกว่าจะถอยหลัง และผมไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อคนอย่างนาย”
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง รู้สึกไม่ชอบใจตัวเองเล็กๆกับความสงสารที่ผุดขึ้นมาเมื่อสักครู่
“ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ก็เชิญ และจงจำเอาไว้ ถ้าคุณทำร้ายน้องผมแม้เพียงปลายเส้นผม ผมสาบานเลยว่าจะเป็นหนึ่งคนที่จะเกลียดคุณไปจนวันตาย!” ...........................
ตอนนี้บอกได้เพียงว่า...เอาที่พี่สบายใจนะเอเดน เอาตามที่สบายใจเล้ยยยยยย
ตอนหน้าใครรอน้องโยบู๊ หึหึ เจอกัน
ป.ล. อ่านแล้วเม้นให้เขาหน่อยนะตัวเองงงงง ใกล้จบล่ะ ขอกำลังใจนิด 
จุ๊บ~ 