ตอนนี้ยาวมากค่ะ แบ่งเป็นสองพาร์ทคือ พี่เอย์หมาปิง กับ พี่เชนพี่ซ่าร์ จะบอกว่าจริง ๆ คู่รองวันนี้ถือเป็นเมนหลักเพลงประกอบก็เป็นของคู่สอง ส่วนคู่พี่เอย์ปิงถือเป็นพร็อพเสริม แต่ก็เป็นเรื่องราวหลักที่ต่อเนื่องกับตอนที่แล้ว
มาอ่านกันให้สนุกนะคะ
บทที่ 39 Today more than yesterday and less than tomorrow. ....Each day I love you more....“เฮ้ย จริงป่ะเนี่ย.....!?”
“จริงดิ ผมจะโกหกปูนทำไม”
“หน้าแบบนี้น่ะเหรอ ช่างฟิต!?”
“ครับ หน้าแบบผมนี่แหละ” ผมยิ้มเหี้ยมเกรียม
ย้อนกลับไปเมื่อสักสิบห้านาทีที่แล้ว พี่เชนเรียกให้ผมขึ้นมาดูเครื่องที่ชั้นเก้า บอกว่าเป็นปูนโทรลงมา พอขึ้นมาหาเขานั่งรอผมอยู่แล้วจริง ๆ เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย ในขณะที่ผมนั่งแก้โปรแกรมให้
“มิน่าล่ะ ผมถามน้องเขาทีไรก็บอกว่าไม่รู้จริงๆว่าปิงจะเข้างานช่วงไหน แอบงงอยู่หลายวันเลย”
“น้องไหน?” ผมหันขวับมอง ละสายตาออกจากหน้าจอ อย่าบอกนะว่าน้องเชน คึคึ ผมจะขำกร๊ากเข้าให้
“เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงพี่คเชนทร์หรอกนะ แต่หมายถึงน้องพนักงานของยูเซย์แหละ บางทีมีขึ้นมาดูเครื่องที่ชั้นนี้ให้เหมือนกัน”
“รู้อีกว่าผมคิดอะไร”
“ก็ปิงหัวเราะผมนี่”
“ผมเปล่าเหอะ”
“ร้ายนักนะ หัวเราะกันอยู่ชัด ๆ ถึงจะแค่เบา ๆผมก็รู้หรอก”
“อ้าวเหรอ”
ผมตอบไปเรียบ ๆ ไม่ได้หันไปมองตั้งใจกับโปรแกรมต่อ พอจัดการกับเครื่องคอมฯของปูนเสร็จเรียบร้อย ผมลุกขึ้นแล้วสลับที่กับเจ้าของโต๊ะให้อ้อมกลับเข้ามานั่ง ปูนเริ่มทดสอบตัวโปรแกรมที่ผมเพิ่งจะกำจัดบัคตัวกวนให้เสร็จ
“อ่า...โอเคแล้ว ปิงนี่แปลกคนจริงนะ”
“แปลก??”
“ใช่แปลกมาก” ปูนเงยหน้าละสายตาขึ้นมามอง “เป็นทั้งช่างซ่อมรถ ซ่อมเครื่องคอม ทำไมไม่ซ่อมคนด้วยเลยล่ะ”
“ก็ถ้าหัวดี ๆ เรียนจบหมอ ผมก็คงรับซ่อมคนด้วยอ่ะนะ”
“หึหึ ที่สำคัญนายเป็นคนที่ตลกมากอีกด้วย ไม่ต้องเรียนหมอก็อาจจะซ่อมจิตใจใครบางคนได้นะ”
“อะไรอ่ะ หมายความว่ายังไง”
“เปล่าๆ อย่าใส่ใจเลยผมก็พูดไปเรื่อยแหละ” ปูนโบกมือ ผมเหล่ตามองอย่างจับผิด แต่เจ้าตัวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรจริง ๆ แค่รู้สึกดีที่ปิงเป็นคนตลก อยู่ด้วยทีไรผมยิ้มกว้างทุกที”
“ผมไม่ตลกนะ ผมเป็นคนซีเรียส”
“โทษทีนะปิง ผมขอถามอะไรอย่างสิ ได้ไหม”
“ว่ามาเลย” ผมลองรันโปรแกรมดูอีกครั้ง ขณะที่หูรอฟัง
“นาย...แต่งงานรึยัง?”
“ห๊ะ!!??” เผลออุทานขึ้นเสียงดังจนโต๊ะอื่นยังหันมามอง ปูนหัวเราะผมใหญ่แล้วยกมือบอกพี่ ๆแถวนั้นว่าไม่มีอะไร แค่คุยเรื่องตลกกันเท่านั้น
“ว่ายังไงล่ะ? ผมถามว่าปิงแต่งงานรึยัง”
“จะเป็นแบบนั้นได้ไงเล่า! เราเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันเอง ไหนว่าเก้าสองเหมือนกันไง อย่าถามเรื่องแต่งงานเซ่!!” ผมอารมณ์เสียนิด ๆ แต่ยังแฝงไว้ซึ่งความตลก รู้ว่าปูนพูดเล่น แต่ยังไงมันก็ชักไร้สาระไปใหญ่แล้ว ผมกำลังคิดจะขอตัวกลับ เจอเขากระตุกเสื้อไว้
“ล้อเล่นน่า ใจร่มๆ ใจร่มๆ ปิงมาดูไอ้หน้าจอเนี๊ยะให้ก่อนเร็ว เปลี่ยนสีให้ผมใหม่ได้ป่ะ สีนี้แสบตาไปนิด ผมอยากได้สีเขียวอ่อน ๆ”
ผมขมวดคิ้วแล้วก้มลงไปดู
“แต่ก็ใช้แบคกราวด์สีนี้ทุกเครื่องนะ มันเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปไงสีเลยต้องเหมือนกัน”
“ทำไมนายไม่ทำแบบที่ว่าให้ยูสเซอร์เลือกแบคกราวด์ได้เองล่ะ เสริมพร๊อพตรงนี้ลงไปอีกหน่อยสิ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับปูน โปรแกรมตัวอื่นผมออกแบบให้มีความหลากหลายนะ แต่ว่า...นี่เป็นสีของบริษัทเพราะงั้นทางคุณรันเธอขอมาว่าแบคกราวด์ของซอฟแวร์ตัวนี้ขอล๊อคให้เป็นโทนสีนี้ ความจริงสีฟ้าก็สบายตานะ ให้ความรู้สึกเย็น ๆ ถ้าหากว่าปูนแสบตาเดี๋ยวผมจะตั้งค่าแสงจากหน้าจอให้ต่ำลงอีกหน่อย”
“อ้าว เหตุผลเป็นแบบนั้นเหรอเนี่ย” ปูนอมยิ้มเขิน ๆ ยกมือเกาหัว “อายนิดๆนะเนี่ย ปล่อยไก่ใส่ปิงตัวเบ้อเริ่มเลย”
“ไม่หรอก คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด” แต่มึงผิดมากที่ไม่รู้ ผมย้อนอยู่ในใจ แกล้งคิดต่อยอดไปเล่น ๆ ปูนเหมือนจะรู้ความคิดผมอีกเขายื่นมือเข้ามาผลักหัวผมแรงมาก
“เฮ้ย เล่นไรเนี่ย เดี๋ยวงานไม่เสร็จ”
“จวนเสร็จแล้วไม่ใช่ไง”
“รู้อีก”
“หึหึ”
ผมปรับหน้าจอให้ปูนจนเสร็จ จากนั้นบอกขอตัวจะลงไปแล้ว
“เดี๋ยวผมเดินลงไปส่ง” เขาว่าแล้วลุกขึ้นเลย
“เฮ้ยจะไปส่งทำไม” ปูนเดินออกมา เขารุนหลังผมให้เดินออกมาที่ด้านนอก ห้องที่ปูนนั่งทำงานนี่มีพนักงานอยู่เยอะมาแต่ละโต๊ะจะถูกแบ่งพาร์ทิชั่นชัดเจน ปกติแล้วชั้นเก้าจะมีพี่เชนกับน้องพนักงานอีกคนขึ้นมาดูให้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นมาเห็นเครื่องของที่นี่
“ขอบคุณนะครับปิง”
“ไม่เป็นไรนี่มันงานของผมอยู่แล้ว”
“ผมเลี้ยงกาแฟดีไหม”
“กาแฟเหรอ?” พอพูดถึงกาแฟผมรู้สึกผิดขึ้นมาอีก เขายิ้มใหญ่เลยคงคิดว่าแกล้งผมได้ “ว่าไง กินได้ป่ะ กาแฟ?”
“ได้อยู่แล้ว แต่ขอผมเป็นคนเลี้ยงปูนได้ไหม”
“ทำไมอ่ะ ผมกะจะเลี้ยงขอบคุณปิงนะ จะตัดหน้ากันเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น เรื่องแก้โปรแกรมมันเป็นงานของผมอยู่แล้ว แต่ที่ผมจะเลี้ยงเนี่ยเพราะยังรู้สึกผิดอยู่นะเรื่องที่ทำกาแฟหกใส่นายวันนั้น เพราะงั้นให้ผมเลี้ยงปูนเถอะ เพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้งนะครับ”
ปูนยื่นมือออกไปกดลิฟต์ลงให้ ไม่ต้องรอนานแต่อย่างใดเพราะประตูเปิดออกแล้ว
“ตกลงครับ งั้นวันนี้รบกวนด้วย”
เราก้าวเข้าลิฟต์พร้อมกัน จริง ๆ ต้องกดชั้นสามห้องไอที แต่ผมกดไปที่ชั้นหนึ่งร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ผมกับปูนเจอกันครั้งแรก พร้อมกับเหตุการณ์ที่ทำให้เราสองคนรู้จักกัน
“นายกินอะไรแบบไหน” ผมถามเขาเมื่อเรามายืนอยู่ที่ร้านกันแล้ว
“อเมริกาโน่”
ปูนตอบสบาย ๆ ผมออเดอร์กับพนักงานไปสองแบบ
“แปลกดี พวกวิศวกรชอบกินกาแฟดำเหรอ”
“หืม?”
“ทำไมถึงชอบกาแฟดำ” ผมนึกสงสัยขึ้นมานิดๆเหมือนกัน พี่เอย์เองก็กินแบบนี้
“แล้วแต่คนนะ ส่วนผมไม่ชอบครีม มันเอ่อ ไม่รู้ดิ ก็แค่ไม่ชอบล่ะมั้ง”
ผมพยักหน้าให้เบา ๆ ปูนส่งยิ้มมาให้ “อยากเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ ไง เมื่อก่อนเห็นพวกรุ่นพี่ที่คณะเขากินกันแบบนี้เลยลองกินตามแบบมั่ง มีความรู้สึกว่าอยากจะโต ตอนนั้นน่ะนะ หลังจากนั้นก็เลยติด”
“ตลกแล้วมึง”
“ห๊ะ!”
ผมหลุดปากตกใจตัวเองนิด ๆ ปูนเลิกคิ้วแล้วยกยิ้ม ผมนึกถึงเจ้าหมูปิ้งขึ้นมาทันที
“คึคึ ปูน นายยิ้มเหมือนหมูปิ้งเลย”
“ห๊า??”
ผมกำลังตลกกับท่าทางแบบนั้น พนักงานเรียกขึ้นพร้อมยื่นกาแฟให้ ผมรับมาแล้วจ่ายตังค์ไป
“ชอบเหรอ” ปูนหันมาถาม เขาดูดกาแฟไปด้วย
“ชอบอะไร”
“หมูปิ้งอ่ะ”
“อ่า...น้องน่ารักมาก”
“วันนี้ก็พามานะ”
“จริงดิ!? พามาที่ไหน”
“ที่นี่แหละฝากพี่ยามเขาไว้ที่เดิม เดี๋ยวตอนกลับต้องแวะออกไปรับ วานให้พี่เขาช่วยดูน่ะ นาน ๆ ที”
“หมายความว่ายังไง ทำไมปูนถึงไม่ปล่อยน้องไว้ที่บ้านล่ะ พามาบริษัททำไมกัน” มันร้อนด้วยไงตรงที่หมูปิ้งอยู่
“หมูปิ้งเป็นหมาของพี่สาวผม สองวันนี้พี่เขาไปทำธุระที่ใต้ ผมเลยต้องรับฝากไว้ให้จะปล่อยไว้ที่ห้องก็กลัวจะเหงา เลยพามาทำงานด้วย อย่างวันก่อนพี่ผมก็ไม่อยู่ เป็นแบบนั้นแหละ มีลูกติดแล้ว” ปูนพูดปนขำ
“จริงเหรอเนี่ย”
“ครับจริงสิ”
เราสองคนเดินลงไปที่ชั้นหนึ่ง ออกประตูหน้าที่ป้ายของบริษัทจะมีสวนหย่อมเล็ก ๆ อยู่ตรงนั้นที่ๆผมเจอหมูปิ้งครั้งแรก
“นั่นไงเจ้าอ้วน”
ผมมองไปทางที่ปูนบุ้ยใบ้ เจ้าหมูปิ้งกำลังกลิ้งเล่นอยู่กับน้องเหมียว คือมันสองตัวทำไมถึงอ้วนกลมเหมือนกันวะ แล้วหมากับแมวกำลังเล่นกันเนี่ยนะ!!??
“หมูปิ้ง มาหาพี่ปูน”
เสียงปูนเรียกขึ้น เจ้าหมูกำลังนอนหงายสี่ขาชี้ ๆ ขึ้นฟ้ามองอะไรของมันไม่รู้ พอได้ยินเสียงปูนเท่านั้น มันหยุดชะงักแล้วตะปบสองขาหน้าตั้งท่าหมอบมองมาทางเรา ก่อนจะส่ายตูดวิ่งดุ๊กๆเข้าหา ปูนชูมือยื่นออกไปรับน้องอุ้มใส่อก มันแลบลิ้นเลียหน้าเขาใหญ่เลย
“หงิงๆๆ” เสียงมันดีใจ จนร้องครางออกมา ปูนหัวเราะ
“พี่ปูนขอโทษนะครับ หมูรอพี่ปูนนานไหม”
“หงิงๆๆ” มันตอบอีก ผมเองก็หัวเราะบ้าง หมาน้อยทำหน้าตาแปลก ๆ มันหันมามองผมแล้วแลบลิ้นให้ หางกระดิกดุ๊กดิ๊ก
“ขี้อ้อนนะเรา” ผมลูบหัวมัน
“ไปหาพี่ปิงนะ หมูให้พี่ปิงอุ้มหน่อยนะครับ”
ปูนว่าแล้วยื่นเจ้าหมูปิ้งตัวกลมส่งมาให้ผม ผมรับมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เออหนักนิดๆกี่โลเนี่ย สักเจ็ดกิโลได้มั้ง ชิสุอะไรอ้วนจัง
“เฮ้ยๆๆ อย่าเลียดิ่วะ ยังลามกไม่เปลี่ยนเลยนะมึงนี่” ผมแก้มเปียกไปหมด เจ้าหมูปิ้งเห่าบ๊อก ๆ ร้องหงิงๆมันซบอกผมด้วย
“อ้อนเก่งนักนะมึง ไหนดูซิผู้ชายหรือผู้หญิง” ผมว่าแล้วแอบดู เห็นไข่มันเป็นพวง ตายห่า นี่กูมีเสน่ห์แม้กระทั่งกับหมาตัวผู้อ่อ?? คิ้วผมกระตุก ขณะที่หมูปิ้งยังเลียแก้มผมต่อไป จะลามลงมาที่ปากแล้ว
“เฮ้ย ไอ้หมูนี่ เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวกูจะจับเอามึงไปทำลูกชิ้นปิ้งดีไหม หื้ม?? ลูกชิ้นอันกลมๆ ใหญ่ ๆ เหมือนตูดมึงเดี๊ยะเลย”
“บ๊อกๆๆ” มันเห่าต่อว่าราวกับฟังออก มองหน้าปูนแล้วทำท่าทางแปลก ๆ ปูนหัวเราะร่า ผมจุกที่ถูกรวบมัดไว้ด้านหน้าหลุดลุ่ยลงมาแล้ว คงเพราะเล่นกับเจ้าเหมียวเมื่อกี้แล้วใช้ขาหน้าตะปบแกล้งกัน ผมจับ ๆ ให้มันตั้งขึ้นไปดี ๆ
“หมูปิ้งอยู่นิ่ง ๆ ครับ เดี๋ยวพี่ปูนมัดผมให้ใหม่”
ปูนก้าวเข้ามา ผมกระชับอุ้มน้องดี ๆ เขาแกะกิ๊ปโบว์แล้วแกะยางอันเก่าออกรวบมัดผมให้น้องใหม่ ผมช่วยถือโบว์สีม่วงของน้องไว้ก่อน มองดูเขาทำแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ปูนใจดีมากจริง ๆ เขารักหมามากเลยนะ รู้สึกถึงความอ่อนโยนแผ่รัศมีออกมา
ปิ้น!!เสียงแตรรถดังขึ้นเราสองคนกับอีกหนึ่งหมาสะดุ้งพร้อม ๆกันหันไปทางต้นเสียง ผมลืมไปเลยนะว่าตัวเองยืนอยู่ใกล้กับทางเข้าออกของบริษัท
รถพี่เอย์?กระจกสีชาฝั่งคนขับกำลังลดลงเรื่อย ๆ พี่เอย์สวมเรแบนหันมองมาที่เราทั้งหมด มันขมวดคิ้วนิด ๆ ผมที่อุ้มน้องอยู่เดินเข้าไปหา
“พี่เอย์ เพิ่งเข้ามาเหรอครับ”
“หมาใคร??”
มันถามเสียงเย็นเฉียบ เงยหน้ามองผม หมูปิ้งร้องหงิงๆซุกลงที่อก มันกลัวเสียงพี่เอย์ป่ะวะ ผมกำลังคิด
“หมาเพื่อนครับ น้องชื่อหมูปิ้ง ”
ถึงจะหน้างอนิด ๆ เหมือนคนไม่พอใจ แต่พี่เขาก็ยื่นมืออกมาลูบหลังมัน ขนน้องนิ่มแล้วก็ฟู สะอาดและหอมมากนะ พี่เอย์เป็นคนรักความสะอาดถ้าหมาสะอาดมันจะชอบมากเลย มีอยู่ครั้งนึงเราไปเดินสวนฯด้วยกันมันเกือบซื้อลูกหมากลับมาแล้วดีที่ผมเบรกไว้ก่อน อุ้มแล้วรู้สึกชอบคุณชายบอกจะเอากลับมาเลี้ยง ผมเลยว่ารอให้บ้านเสร็จก่อนไหมถ้าเอาไปตอนนี้ไม่มีใครเลี้ยงสงสารหมาแล้วไม่อยากให้เป็นภาระคนอื่นด้วย นั่นแหละมันถึงยอม
“แล้วนั่นอะไร”
“อ๋อ อันนี้กิ๊ปโบว์ของน้อง”
พี่เอย์เปิดประตูเดินออกมา มันหยิบเอากิ๊ปในมือผมแล้วติดใส่ที่จุกเล็ก ๆ ของหมูปิ้งให้ มือใหญ่เก้ ๆ กัง ๆ ทำไม่เป็นแต่ก็ยังอยากจะทำ
“บ๊อกๆ” เจ้าตัวดีรู้งาน เห่าเสียงเล็กขอบคุณ เจอพี่เอย์ยกมือตบหัวมันไป ผมรีบถลึงตาใส่ หัวน้องยิ่งเล็กๆตบมาทีกลัวกะโหลกหมาจะพาลยุบ มันขำ
“สวัสดีครับคุณเอย์” ปูนเดินเข้ามาหาพวกเรา พี่เอย์พยักหน้าให้ ปูนรับหมูปิ้งไปจากผมแล้วขอตัวเดินเลี่ยงออกไปรอ
“หมาของเจ้านั่นเหรอ” พี่เขาปลดแว่นกันแดดออก
“ใช่ครับพี่”
มันมองตามหลังเพื่อนผมไปอีก
“เดี๋ยวเลิกงานแล้วขึ้นไปหากูที่ห้องนะ กลับพร้อมกัน”
ผมพยักหน้า พี่เอย์ก้าวขึ้นรถแล้วขับเข้าไป ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู รู้สึกเหมือนกันว่าสีหน้าพี่เขาดูเหนื่อย ๆ เข้ามาเย็นแบบนี้คงเคลียร์งานที่ศูนย์รถยาวตั้งแต่เช้า
“มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า ไม่มี”
“คุณเอย์กับปิงท่าทางสนิทกันนะ”
“เหรอ”
“ใช่”
ปูนมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังค้นหาความจริงอะไรสักอย่าง แต่ผมตอบไปแค่นั้นไม่ได้พูดอะไรต่อให้มากความ ชวนปูนเข้าไปด้านใน เขาฝากหมูปิ้งไว้ที่พี่ยามอีกครั้ง เราจวนจะเลิกงานกันแล้วเพราะงั้นคงอีกไม่เกินชั่วโมงหมูปิ้งจะได้กลับบ้าน ผมลูบหัวมันแล้วบอกลา น้องเห่าเสียงเล็กน่ารักมากเลย มันส่ายตูดให้ผม
ผมกับปูนแยกกันที่ลิฟต์ พอเดินมาถึงห้อง พี่เชนซักไซ้ผมใหญ่ว่าทำไมหายไปนาน ผมเล่าเรื่องหมูปิ้งให้ฟัง พี่เขาสนใจแล้วบอกวันหลังแอบพาขึ้นมาเก็บไว้ที่ห้องเราได้ไหม
เออความจริงผมก็คิดเอาไว้อยู่ เดี๋ยวจะโทรไปบอกปูนว่าถ้าเอาน้องมาวันไหนให้แอบ ๆ พาขึ้นมาไว้ที่ห้องผม ไม่รู้ว่ามันผิดกฎไหมแต่ผมยังไม่เคยเห็นหมากับแมวเดินอยู่ในบริษัทที่แสนสะอาดแบบนี้
เดี๋ยวผมจะลองถามพี่เอย์ดู
“พี่เชนครับผมออกไปก่อน พรุ่งนี้จะเข้าศูนย์รถตอนเช้า บ่ายถึงจะได้แวะมาที่นี่นะพี่”
ผมยัดของใส่กระเป๋าแล้วสะพายขึ้นบ่า กระเป๋าเครื่องทั้งนั้นไม่ใช่อะไรนะ หนักมากอ่ะ
“แล้วคืนนี้มึงจะไปค้างกับกูที่ออฟฟิศไหม”
“ไม่ครับ งานผมเสร็จแล้ว มีโปรแกรมของอีกที่ พรุ่งนี้ถึงจะเข้าไปค้าง พี่เชนมีอะไรไหม”
“เปล่า ไม่มีหรอก แค่จะได้ไม่ต้องรอมึงกินข้าว ตกลงว่ามึงจะไปค้างที่ออฟฟิศพรุ่งนี้?”
“ครับ พี่เชนจะกลับบ้านก็ได้นะ เดี๋ยวผมเฝ้าให้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะคุยเรื่องงานใหม่ที่พิมเขาเพิ่งไปรับมาด้วย”
“อะไรอ่ะพี่ ด่วนไหมผมคุยได้นะ”
“เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้ ไม่ด่วนนักหรอก ไว้มึงมาค้างด้วยกันก่อน”
“โอเคงั้นเจอกันพรุ่งนี้พี่ ผมไปนะครับ”
พี่เขาพยักหน้าให้เบา ๆ ผมเดินไปที่ลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นจุดหมาย
ชั้นยี่สิบสามห้องรองประธาน
“สวัสดีครับ” ผมทักออกไป คุณกัสมาเลขาพี่เอย์นั่งก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับงาน เขาเงยหน้ามองผม ตกใจนิดๆ
“ปิงมาหาเอย์เหรอครับ” พี่เขายืนขึ้น ผมตอบรับไป
“เชิญครับ” บานประตูถูกเคาะเบา ๆ สองทีก่อนมือเล็กจะเปิดให้
“เอย์ครับ ปิงขึ้นมาหา” เราเดินเข้ามาด้วยกัน พี่เอย์เงยหน้าขึ้นจากกองงาน มันสวมแว่นสายตาด้วย
นานแล้วนะที่ผมไม่เห็นพี่เอย์ของผมในลุคนี้ ผมยืนจ้องมัน พี่เอย์ขยับปมเนคไทนิด ๆ
“เอย์ร้อนเหรอครับ นั่งตากแดดทำไมกันนะ” เลขามันเดินอ้อมไปที่ด้านหลัง จัดการหมุนม่านพลาสติกบาง ๆ ปิดลงให้เพื่อกันแสงแดด ห้องมืดลงนิด ๆ หยิบรีโมทขึ้นมาปรับแอร์ให้อีก
พี่เอย์พยักหน้าเรียกผมให้เดินเข้าไปหา ผมเห็นนะแต่ยังไม่เดินเข้าไปในทันที กลัวมันทำอะไรรุ่มร่าม
“ปิงจะทานอะไรไหมครับ กาแฟไหมหรือว่าจะเป็นชาร้อน” คุณเลขาถามขึ้น
“ไม่ครับ ขอบคุณมาก”
“กัส เดี๋ยวเอาแฟ้มนี้ออกไปเช็คให้ผมอีกรอบ แปลให้ด้วยก็ดี เพราะเราต้องส่งงานนี้ทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการข้อมูลของผู้ใช้ ผมว่าเขาคงจะต้องการงานที่เป็นภาษาไทยด้วย”
“ได้ครับเอย์ กัสชินภาษาอังกฤษมากกว่า แต่เดี๋ยวจะลองทำให้ใหม่ไม่รู้ภาษาใช้ได้ไหมนะ ไว้พรุ่งนี้เอย์เข้ามาตรวจดูให้นะครับ” พี่เขาเดินเข้ามารับงานจากมันแล้วเดินออกไป คราวนี้พี่เอย์กวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหาใกล้ ๆ งานมันเต็มโต๊ะมากจริง ๆ คุณชายเวลาอยู่ในโหมดงานแล้วดูเท่ไปอีกแบบ
“นั่งนี่มา” มันดึงเนคไทผมแล้วตบลงที่ตัก
คิดเหรอว่าผมจะยอมหย่อนก้นลงที่ตักมันง่าย ๆ ผมเท้าแขนลงที่โต๊ะ กักตัวมันไว้กับเก้าอี้ตัวใหญ่ของมันก่อนขยับก้าวเข้าไปชิด เราสองคนจ้องตากันขณะที่มันยังไม่ยอมปล่อยเนคไทผมออกดึงรั้งลงไปหา ใบหน้าคุณชายในอ้อทกอดผมนี่น่ากินอยู่ไม่น้อย ผมยิ้มพรายก่อนก้มลงไปจุ๊บที่ริมฝีปากมันหนึ่งที
พี่เอย์มันชอบแบบนี้แหละ มันชอบให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พักนี้รู้ทันมันแล้ว ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมหมั่นไส้กำลังจะก้าวออกมาเจอมันกระตุกเนคไทแบบสุดแรงรั้งเอาตัวผมให้นั่งลงที่ตักมันได้อยู่ดี
“
เย้ยยยยยยยยพี่!! นี่ที่ทำงานนะครับ เผื่อมีคนเปิดเข้ามา”
“ไม่มีหรอก เขาทำงานกันอยู่”
“ก็เผื่อ....
“อย่าดิ้นดิ ขอกอดหน่อย จูบแค่นั้นจะไปพออะไร” มันพูดพึมพำสอดมือกอดเข้าที่เอวผม ทำจมูกฟึดๆดมอยู่ที่หลัง ผมหันไปหามัน
“มึงคิดถึงกูไหม” พี่เอย์มองหน้าผมแล้วอ้อน ผมดึงแว่นตามันออกมาแล้วสวมไว้เอง พี่เอย์ยิ้มใหญ่เลย จับมือถือขึ้นมาใช้มือข้างเดียวถ่ายรูปเราสองคนด้วยกัน
“ไม่คิดถึงหรอก”
“จริงดิ”
“พี่เอย์อย่าครับ” มันซุกหน้าลงแล้วทำท่าจะลวนลาม ผมเลยตีมัน
“หันมาดี ๆ เร็ว นั่งคร่อมหันหน้ามาหากูสิ”
“ไม่เอาหรอก” ผมบอกไม่หันแล้วคุณว่ามันยอมไหม เราสู้กันในที่สุดผมก็นั่งอยู่ท่าเดิมอยู่ดี อิพี่เอย์ฮึดฮัด ได้แต่กอดเอวผมไว้
“เมื่อกี้หมาใครวะ ที่ซุกอกมึงน่ะ”
“หมาเพื่อน ชื่อหมูปิ้งบอกพี่แล้วนี่ เออจริงสิพี่เอย์ครับ ที่นี่เขาให้เอาน้องหมาเข้ามาได้ไหม”
มันส่ายหน้า
“ใจร้ายว่ะ” ผมต่อว่าไป เซ็งเลยดิ่
“มันเป็นกฎ”
“ผมเข้าใจ แต่ถ้าแอบ ๆ ล่ะ แอบอุ้มขึ้นมาได้ไหม”
“แอบก็ไม่ได้ แบบนั้นยิ่งไม่ดี”
“แต่ผมสงสารน้อง”
“ถ้างั้นก็ฝากยามไว้ ให้น้องเล่นรออยู่ที่ลานจอดรถ กับสวนหย่อมด้านหน้า” พี่เอย์มันพูดเหมือนที่ปูนทำไว้ไม่ผิดเลย จริง ๆ ผมก็เข้าใจอยู่หรอก ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ปิง บางทีกูไม่อยากเลี้ยงหมาแล้ว” มันพูดเสียงอู้อี้ เป็นเพราะจมูกโด่ง ๆ ของมันยังซุกผมอยู่ไม่หยุด ผมไม่เข้าใจหลังผมหอมมากเหรอวะ ดมอยู่นานแล้วเนี่ย
“หือ?? พี่ว่าอะไรนะครับ”
“ก็เคยบอกไว้ใช่ไหม ว่าถ้าบ้านเสร็จเราจะเลี้ยงหมาสักสองสามตัว”
“อ่า แล้วยังไง” ผมกับมันวางแผนกันไว้
“กูเปลี่ยนใจแล้วนะ ไม่อยากเลี้ยงแล้ว”
“เฮ้ย ทำไมอ่ะพี่ ผมชอบหมาพี่เอย์บอกตามใจผมนี่”
“ก็นี่แค่หมาคนอื่นมึงยังรัก ทั้งรักทั้งอุ้ม แล้วถ้าเกิดเป็นลูกๆของเรามึงไม่ทั้งรักทั้งหลงเลยหรือไง”
“ก็รักดิ ลูกผมๆก็รักนะ” ผมหมายถึงน้องหมานั่นแหละ
“เพราะงั้นกูถึงไม่อยากจะเลี้ยงไง”
“พี่เอย์??”
“กูไม่อยากให้มึงไปสนใจอย่างอื่นนอกจากกู ถ้ามีหมามึงก็จะไปรักหมา ถ้ามีแมวมึงก็จะไปสนใจแมว ลูกเต้าไม่ต้องพูดถึงให้ตายกูไม่มีวันรับเอามาเลี้ยง แค่ให้มึงสนใจกูคนเดียวพอ”
“พี่เอย์ พี่แม่ง”
“เอาแต่ใจกับมึงคนเดียวหรอก”
ดู๊ดูกำลังจะด่าต่อ เจอมันทำเสียงอ้อนจูบไหล่ผมเบา ๆ แล้วซุกหน้าลง ผมส่ายหน้าระอาในความใจแคบของมัน ไม่รู้พูดจริงพูดเล่น แต่หึงผมกับน้องหมาน่ะนะ ใช่แน่ ๆ แล้วคือหน้าบูดตั้งแต่เห็นผมอุ้มอยู่ข้างล่าง
“รักแค่กูไม่ได้เหรอ” มันงับแขนผม
“อะไรเนี่ยพี่ หาเรื่องเหรอ งี่เง่าไปแล้วนะ”
“ความรักทำให้เรากลายเป็นคนโง่และงี่เง่าในบางครั้ง มึงไม่เคยได้ยิน?”
“ก็เค๊ย แต่ไม่เคยคิดว่าจะหึงแม้กระทั่งน้องหมา”
“หึงแม่งหมดแหละ ทั้งหมาทั้งเจ้าของหมา กูเห็นมึงอยู่กับมันสองทีแล้วนะ บอกไว้ก่อน กูมีจำนวนครั้งอยู่แล้วในใจ ถ้าครบเมื่อไหร่ ไอ้เจ้าของน้องหมูปิ้งคนนั้นได้เร่ร่อนออกไปหางานใหม่แน่ ๆ อ่ะ”
“เกินไปนะครับพี่เอย์ หึงอะไรให้มันมีขอบเขตหน่อย”
“หวงมึงเกินไปต่างหาก รักมากหวงมากขาดเหตุผลกลายเป็นคนงี่เง่า”
เพี๊ยะ!!“เจ็บนะเนี่ย มึงนี่มันรุนแรงชะมัด”
“พี่แม่ง พูดจา”
“หึหึหึ”
“ไร้สาระ รักมากต้องฉลาดขึ้นมากๆต่างหาก นำเอาความงี่เง่าในอดีตมาปรับปรุงปัจจุบันให้ดีขึ้นไง”
“มึงจริงจังไปนะปิง” มันทำหน้าแหยง ๆ พูดปนหัวเราะ
“ก็พี่อ่ะ....”
“เห็นมึงหน้างอแล้วกูชอบว่ะ มีความสุขได้แกล้งคน วันนี้ไปเลือกผ้าปูที่นอนใหม่นะ”
“ไม่เอาหรอก ที่ห้องพี่มีตั้งเยอะ”
“เปล่าไม่ใช่แบบนั้น เอาไว้ใช้ที่บ้านใหม่”
“หูยเดี๋ยวค่อยซื้อก็ได้ บ้านยังไม่เสร็จสักหน่อย”
“ไม่เอา อยากไปซื้อไว้ก่อน”
ผมถอยหายใจ จะเถียงยังไงไม่ชนะคุณชายเขาหรอก ผมหันไปหามันถอดแว่นออกจากใบหน้าตัวเองแล้วสวมกลับไปคืนให้ พี่เอย์ขยับตัวแว่นนิดหน่อย
“กลับกันเลยเหอะ หิวแล้วว่ะ”
เย็นวันนั้นเราไปกินอาหารกันที่บ้านค่ำๆเดินออกไปดูบ้านที่กำลังสร้างนิดหน่อย แม่กับพี่ขมทำต้มยำกุ้ง ไข่ยัดไส้เนื้อปู กับผัดเห็ดเข็มทอง พี่เอย์มันกินเสร็จนอนหลับอยู่ที่โซฟา แม่เลยบอกให้ผมไปเอาผ้าห่มมาห่มให้พี่เขา พี่ขมเดินมาหยิบของพอดี
“เอย์เขาน่ารักนะปิง หน้าตาเหมือนเด็กเลย”
“เฉพาะตอนนอนหลับเท่านั้นแหละพี่ขม อย่าให้ตื่นนะ ดุเหมือนหมานี่”
ผมว่าแล้วรีบเผ่น พี่ขมเองก็วิ่งออกมาด้วย จริง ๆ แอบเห็นรอยยิ้มนิดๆที่มุมปากมัน ไม่รู้กำลังฝันหรือแอบได้ยินที่ผมคุยกับพี่ขมกันแน่