ตอนที่ 26โจวพอล“อืมมม...หืม พอล” ผมยิ้มใส่ตาปรือๆของคนบนเตียงนิด ก่อนจะยื่นคาร์เนชั่นกลีบขาวเขี่ยปลายจมูกแหลมๆของคนขี้เซาเล่น
ผลก็คือฝูหรงยู่หน้าย่นจมูกเข้าใส่ผม แต่มุมปากกลับยกยิ้มน้อยๆและมองไปยังดอกคาร์เนชั่นไม่วางตา ท่าทางกระต่ายน้อยเหมือนถูกใจกับคาร์เนชั่นสีขาวที่ผมเตรียมไว้ให้เจ้าตัวอยู่ไม่น้อย
ผมจึงใช้มันแกล้งเขี่ยไปตามแก้มใส กลีบปากแดง เปลือกตา และลามไปทั่วดวงหน้าเนียน ทำเอากระต่ายน้อยหัวเราะคิกคักตื่นเต็มตา และเริ่มดิ้นน้อยๆเมื่อผมไม่ได้ใช้ดอกไม้เพียงอย่างเดียว แต่เพิ่มมือข้างที่ว่างแหย่ไปตามซอกคอและเอวคอด เรียกเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นกว่าเดิม ตามมาด้วยเสียงขู่เสียงห้ามที่ดังไม่แพ้กัน
“คิกๆ พอลไม่เล่นนะ ฮ่าๆ ไม่เอา อย่าจี้ซิ ฮ่าๆ นี่แน่ะ! แกล้งดีนัก ฮ่าๆ อ๊ะ!...[จุ๊บ]” หลังจากผมตั้งรับหมอนนุ่ม ที่เจ้าของเสียงหัวเราะสดใสใช้แทนอาวุธฟาดใส่ผมไม่ยั้งได้แล้ว
ผมก็ดึงมันออกและโยนมันลงข้างเตียง ก่อนจะคว้าเอวกระต่ายน้อยจอมเกเรให้ขึ้นมานั่งคร่อมตัก และแตะจูบลงบนกลีบปากแดงแรงๆไปหนึ่งที ทำเอาคนที่เคยหัวเราะคิกคักถึงกลับหยุดเสียง และมองมาที่ผมตาแป๋วอย่างน่าเอ็นดู
“อรุณสวัสดิ์ครับกระต่ายน้อยของพอล...สำหรับฝูหรงครับ” ผมยื่นคาร์เนชั่นที่กลีบออกจะช้ำไปนิดให้ฝูหรง พร้อมๆกับคำพูดที่สมควรเอ่ยแต่แรก แถมด้วยการจ้องตากลมๆนิ่งนาน จนแก้มปลั่งที่ขึ้นสีอยู่แล้วเพราะออกแรงแต่เช้า ยิ่งขึ้นสีจัดจนแดงก่ำไปเกือบทั้งดวงหน้า
สุดท้ายกระต่ายน้อยก็หลบตากัน และยื่นมือมารับคาร์เนชั่นไป ก่อนจะโอบวงแขนเข้ารอบคอผม และสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมคือ เสียงกระซิบขอบคุณพร้อมรอยอุ่นที่ข้างแก้ม
“อรุณสวัสดิ์ ขอบคุณนะพอล” ผมกระชับร่างน้อยเข้าหาอกอีกนิด ก่อนพรมจูบไปตามขมับขาวและข้างแก้มแดงๆ พร้อมโยกร่างน้อยเบาๆเหมือนเห่กล่อม จนคนในอ้อมกอดเองหลุดหัวเราะแผ่วเบาออกมา
เรานั่งกอดกันอยู่ท่านั้นไปพักใหญ่ ก่อนผมจะตัดใจเป็นฝ่ายขยับตัวออกห่างเสียเอง จากร่างอุ่นที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆที่ผมเฝ้าสูดดม ฝูหรงยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และมองไปยังคาร์เนชั่นไม่วางตา ไม่ว่าผมจะจับให้นั่งตรงไหน เจ้าตัวก็ไม่มีปฏิเสธ ดูท่าจะถูกใจดอกไม้ที่ผมหามาให้ไม่น้อยทีเดียว
วันหลังผมคงต้องเตรียมดอกไม้ไว้ให้คนน่ารักได้อารมณ์ดีทุกเช้าแล้วล่ะครับ ขอแค่กระต่ายน้อยของผมมีความสุข ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่ไหน ผมก็ไม่เบื่อที่จะทำให้ ชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่หายไปของเรา ชดเชยความรู้สึกที่เสียไปของฝูหรง และเพื่อเสริมสร้างรากฐานความรักของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น
“หืม ทำไม...กินตรงนี้เลยเหรอ” คนที่เพิ่งรู้ตัวเงยหน้าเอ่ยถามผม ทั้งๆที่โดนผมอุ้มพามานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะริมระเบียงห้อง โดยมีอาหารเช้าสำหรับเราสองคนถูกจัดไว้พร้อมแล้ว
ผมส่งยิ้มใส่แววตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ก่อนจะย่อตัวลงนั่งทับส้นเท้าข้างเก้าอี้ตัวที่ฝูหรงนั่ง และยื่นมือไปพับชายแขนเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่บนร่างน้อยไปด้วย พร้อมกับตอบคำถามในสิ่งที่คนน่ารักอยากรู้
“ครับ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เช้านี้ปาปามามาออกรอบแต่เช้า พอลเลยอยากทานตรงนี้กับฝูหรงสองต่อสอง” ผมจบด้วยการแกล้งขยิบตา และส่งสายตาเจ้าชู้ใส่คนน่ารัก แถมด้วยการกดจูบบนหลังมือขาว
ฝูหรงเองถึงกลับแก้มแดงซ่านก่อนหลบตากัน และยกคาร์เนชั่นขึ้นมาดมแก้เขิน มีเหลือบตามองมาทางผมอีกนิดด้วย แต่เมื่อเห็นว่าผมยังคงจับจ้องไม่วางตา คนน่ารักเริ่มทำตัวไม่ถูกออกอาการเลิ่กลั่กเล็กๆ และพยายามดึงมือข้างนั้นออกจากการเกาะกุมของผม เมื่อผมไม่คิดจะปล่อยและแกล้งส่งยิ้มหยอกเย้าใส่ตากลมๆ กระต่ายน้อยจึงเริ่มฮึดฮัดพองแก้มเข้าใส่
“จุ๊บก่อนครับ แล้วพอลจะปล่อย” มาดูกันว่ากระต่ายน้อยจะยอมทำตามคำขอของผมมั้ย
ผมคลึงมือนุ่มเล่น พร้อมเฝ้ามองดวงหน้าเนียนที่แก้มแดงระเรื่อไม่วางตา อยากจะรู้ว่าฝูหรงจะยอมทำตามที่ผมขอมั้ย เจ้าของแก้มแดงเม้มปากนิด เหล่มองผมอีกหน่อย อย่างคนกำลังตัดสินใจ ซึ่งผมก็ได้ยกยิ้มขึ้นเต็มหน้า เมื่อกระต่ายน้อยตากลมมองมาที่ผมแน่วแน่ พร้อมยื่นหน้าลงมาหาผมช้าๆ แต่ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะแตะเข้ากับปากผม คาร์เนชั่นสีขาวกลับถูกยกขึ้นแตะเข้ากลับกลีบปากแดง และถูกยื่นมาแตะที่ปากผมในตำแหน่งเดียวกับที่เคยสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มนั้น
“จุ๊บ!...จุ๊บแล้วนะ ปล่อยเถอะ ฝูหรงหิวแล้วเนี่ย ท้องร้องใหญ่แล้วน้า คิกๆ” เจ้าของดวงหน้าแจ่มใสหัวเราะอย่างถูกใจ เมื่อแกล้งผมได้สำเร็จ มีโบกคาร์เนชั่นไปมาต่อหน้าผมอย่างหยอกเย้าด้วย
แม้ไม่ได้สิ่งที่หวังแต่ผมไม่หงุดหงิดสักนิด ออกจะถูกใจด้วยซ้ำที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใส และได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของคนที่ผมรักในขณะนี้
“เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะกระต่ายน้อย มาครับทานมื้อเช้ากันดีกว่า หืม...[จุ๊บ!]” ผมที่เตรียมลุกขึ้น เพื่อไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ว่างอีกตัว แต่ข้อมือผมกลับถูกรั้งไว้ และไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากนุ่มๆก็แตะเข้ามาที่ปากผมอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะที่ทำเพื่อฝูหรง” รู้ตัวเลยครับว่าตัวเองกำลังฉีกยิ้มจนปากแทบฉีก ก่อนจะเดินตัวลอยๆกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ตั้งใจไว้ โดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากวงหน้าเนียนที่ประดับยิ้มเอียงอายมาให้เลยสักนิด
หลังจากนั้นมื้อเช้าที่มีแค่เราสองคน จากการตระเตรียมทุกอย่างไว้ด้วยความตั้งใจของผมได้ผ่านไปด้วยความชื่นมื่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขของคนอันเป็นที่รักของผม ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เรามีบรรยากาศอบอุ่นแสนหวานแบบนี้ทุกเช้า แต่มันก็จะไม่มีคำว่าพิเศษหากปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
วันนี้พิเศษตรงที่ว่าผมอยากเอาใจและสร้างกำลังใจให้แก่ฝูหรง ก่อนเจ้าตัวต้องไปเผชิญความจริงที่อาจจะเกิดความลำบากใจอยู่ไม่น้อย มาถึงตรงนี้ก็พอเดากันได้บ้างใช่มั้ยว่าเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ฝูหรงเพิ่งมารู้ว่านายแพทริคแอบหลงรักตัวเองถึงห้าปีเข้า
เมื่อวานตอนที่ฝูหรงเดินลงคอนโดมา ด้วยใบหน้าซีดเซียวน้ำตานองหน้า ผมโกรธไอ้ฝรั่งหน้าจืดที่อยู่ข้างบนมาก จนแทบอยากขึ้นไปสั่งสอนมันซะเดี๋ยวนั้น แต่พอได้รู้ถึงสาเหตุผมก็ได้แต่สงบจิตใจ และปล่อยให้ฝูหรงได้ร้องไห้ระบายอยู่กับอกให้พอ ด้วยพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนน่ารักอยู่บ้าง
ฝูหรงคงโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ญาติสนิทนั้นเสียใจ เพราะไม่อาจตอบรับความรู้สึกของนายแพทริคได้ แต่ความจริงเรื่องนี้ไม่มีคนผิดเหมือนที่ผมได้บอกเจ้าตัวไป เรื่องของหัวใจไม่มีใครบังคับได้ แต่ต้องพร้อมทำใจและยอมรับได้หากจะต้องผิดหวัง เพราะมีเพียงหนึ่งที่จะถูกเลือก ผมจึงรู้สึกเห็นใจนายแพทริคนั่นไม่น้อย และออกจะนับถือน้ำใจที่นายนั่นไม่ดื้อดึงและอยากครอบครอง จนสร้างความลำบากใจให้กับฝูหรงมากไปกว่าที่เป็น
วันนี้ผมจึงเต็มใจที่จะพานายแพทริคออกทัวร์ตามโปรแกรมเดิมที่วางไว้ ผิดไปจากเมื่อวานนิดหน่อย ด้วยอคติในใจที่มีต่อผู้ชายที่มาแอบหลงรักคนรักของตัวเองนั้น เบาบางลงจนแทบไม่เหลือ แต่ความรู้สึกหมั่นไส้มันเป็นคนละเรื่องกัน คุณจะไม่ให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร มาดูพฤติกรรมนายแพทริคยามนี้เสียก่อนเถอะ
ตั้งแต่ผมไปรับมันที่คอนโด นายแพทริคแกล้งทำตัวให้ดูน่าสงสารและสร้างบรรยากาศอึมครึมไว้รอบตัว ผมคงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่ากระต่ายน้อยแสนอ่อนโยนของผมจะปฏิบัติตัวกับนายนี่อย่างไร ถ้าไม่ใช่คอยเอาใจและตามใจอย่างออกนอกหน้า จนผมเกือบทนไม่ไหวเตรียมโวยวายใส่แล้ว ถ้าไม่แอบเห็นแววตาเศร้าสร้อยที่มันใช้มองฝูหรง ยามที่เจ้าตัวเผลอตัวชั่วแวบเข้า
ผมจึงได้แต่ข่มใจและทำเป็นไม่รู้สึกรู้สายามเห็นคนรักของตัวเองตามเอาใจผู้ชายอื่น อย่างน้อยก็เห็นแก่ความหวังดีและความใส่ใจที่นายแพทริคมีให้ฝูหรงตลอดห้าปี ห้าปีที่ไม่มีผมคอยดูแลอยู่เคียงข้าง เพราะถ้าไม่มีนายนั่นผมก็ไม่รู้ว่าฝูหรงจะผ่านช่วงเวลาที่แสนโดดเดี่ยวและเศร้าโศก จากการสูญเสียคุณป้าด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
“ขอบใจนายมากที่ดูแลฝูหรงมาตลอด” คนที่ผมเอ่ยด้วยมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อย
นายแพทริคคงไม่คิดว่าอยู่ๆผมจะพูดแบบนี้ขึ้นมา แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าต้องหาจังหวะเอ่ยคำนี้กับนายนี่ให้ได้ ไม่ว่าผมจะหมั่นไส้มันมาตลอดวันมากแค่ไหนก็เถอะ แต่นายแพทริคควรได้รับคำนี้จากผม ก่อนดวงตาสีเทาจางๆที่ฉายแววแปลกใจนั้น จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ ยามที่ผมทอดมองไปยังร่างบอบบางที่ยืนเลือกจี้เครื่องรางนำโชคอยู่ไม่ไกล
“ไม่จำเป็นต้องขอบใจ ที่ทำไปทั้งหมดไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เพราะทำด้วยใจ ขอแค่ฝูหรงมีรอยยิ้ม และไม่ว่ารอยยิ้มนั้นจะมีเพื่อใคร ฉันก็พอใจแล้ว ขอแค่ฝูหรงยิ้มได้เท่านั้น” ผมมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังยิ้มเศร้าๆของนายแพทริคนิ่งนาน พาลคิดไปไกลว่าถ้าผมต้องกลายเป็นคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับนายแพทริค ผมจะยังยิ้มได้แบบที่นายนั่นยิ้มมั้ย
“แพทริค จี้นี่สวยมั้ย ฝูหรงตั้งใจเลือกให้แพทริคเลยนะ ส่วนนี่ก็สำหรับอังเคิลโลแกน ดูสิชอบมั้ย” ฝูหรงโชว์จี้กังหันลมที่ถูกร้อยไว้บนสร้อยสีเงินสองเส้นต่อหน้านายแพทริค พร้อมรอยยิ้มภูมิใจนักหนาที่สามารถเลือกของฝากถูกใจ ให้แก่ผู้เป็นญาติสนิททั้งสองได้
“ชอบสิ ยูเลือกให้ไอทั้งที ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบ ไหนๆยูก็ตั้งใจซื้อให้ไอแล้ว สวมให้ด้วยสิ” นายแพทริคพูดไปยิ้มไป ฝูหรงเองก็ยิ้มแก้มแตก เมื่อสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเลือกถูกใจคนรับ แต่ประโยคสุดท้ายที่เราได้ยิน ทำเอาเราต่างชะงักไปทั้งคู่
ฝูหรงเลื่อนสายตาขึ้นสบตาผม ด้วยแววหนักใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนนายแพทริคยังคงระบายยิ้มไม่เปลี่ยน ทั้งๆที่ก็น่าจับสังเกตถึงความผิดปกติของเราทั้งคู่ได้ ผมจึงเลือกที่จะกระตุกยิ้มเล็กๆใส่ตากระต่ายน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาต และเลือกที่จะเบือนหน้าหนี ยามที่วงแขนขาวเอื้อมขึ้นไปคล้องสร้อยลงบนคอของคนที่ยืนข้างๆ ซึ่งในนาทีต่อมาผมต้องหันกลับมาให้ความสนใจคนทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อมีเสียงเล็กๆดังขึ้น
“กังหันแชกงหมิว เค้าว่าคนที่ได้ครอบครองจะโชคดี เสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต นำพาสิ่งดีๆเข้ามาและพัดพาสิ่งไม่ดีออกไป...ฝูหรงขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตแพทริคนะ ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด” สายตาซาบซึ้งจริงใจที่ฝูหรงใช้มองแพทริค และสายตาอบอุ่นฉายแววรักใคร่ที่นายแพทริคใช้มองกลับนั้น ทำเอาผมอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็มีเหตุผลพอที่จะไม่เอ่ยแทรกบรรยากาศเข้าอกเข้าใจในตอนนี้
ผมจึงเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปอีกครั้ง และตัดสินใจที่จะเดินหนีออกไปรอที่รถ ไม่ใช่ว่าโกรธหรืองอนคนรัก เพียงแต่ผมทนมองภาพบาดตาต่อไปไม่ไหวมากกว่า แต่ระหว่างที่ผมจะก้าวเดิน ข้อมือผมก็ถูกรั้งไว้ด้วยอุ้งมือเล็กๆที่ยังคงอบอุ่นเช่นเดิม พร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าที่ยังให้ความรู้สึกสดใสไม่เปลี่ยน
‘รอยยิ้มที่มีไว้สำหรับผม...ของผมคนเดียว’
“ไปพอล เราไปซื้อของฝากให้แพทริคหิ้วกลับไปให้อังเคิลโลแกนกันเนอะ...แพทริคมาด้วยกันสิ” เจ้าของดวงตาสีเทาที่ฉายแววอบอุ่นพยักหน้าตอบรับ และก้าวเข้าหาผมกับฝูหรงอย่างช้าๆ พร้อมมุมปากที่ยกยิ้มอย่างยอมจำนน
ผมสบตากับนายแพทริคตรงๆเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่เราต่างยิ้มให้กันด้วยความจริงใจไม่มีอคติเจือปน ด้วยรู้และต่างยอมรับความจริงตรงหน้า ว่าไม่มีทางที่คนกลางอย่างฝูหรงจะตัดขาดคนใดคนหนึ่งออกไปจากชีวิตได้ ผมรู้ว่านายแพทริคเป็นญาติคนสำคัญสำหรับฝูหรง นายแพทริคเองก็รู้ว่าผมเป็นคนที่ฝูหรงรัก เพื่อความสุขของฝูหรง สิ่งที่เราทั้งคู่ทำได้คงมีแต่การหันหน้าเข้าหากัน และสร้างความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนให้เกิดขึ้นเท่านั้น
ผมก้มลงส่งยิ้มใส่ตาคู่กลมอย่างเข้าใจ ก่อนกระชับมือนุ่มและนำมาคล้องที่ท่อนแขนพร้อมออกเดิน โดยมีนายแพทริคเดินล้วงกระเป๋าตามมา ด้วยท่วงท่าสบายๆยิ้มอ่อนๆอยู่อีกข้างของฝูหรง คนตัวเล็กเองถึงกลับยิ้มแก้มปริ ความสุขฉายชัดผ่านแววตา ให้ผมและนายแพทริคได้อมยิ้มตาม
....................................................
“ไอฝากขอบคุณมิสเตอร์โจวและมิสซิสโจวด้วย สำหรับของฝากและการต้อนรับที่แสนอบอุ่น ยูเองก็ดูแลตัวเองดีๆ ถ้านายพอลทำอะไรไม่ดีให้โทรไปบอกไอนะ ไอจะรีบมาจัดการให้ด้วยตัวเอง” จะไปแล้วยังปากดีอยู่ได้ ผมแสยะยิ้มใส่นายแพทริคพร้อมชูกำปั้นเป็นการตอบโต้ ด้วยใจจริงก็ไม่ได้ขัดใจอะไรมากนัก
“อืม ฝูหรงจะรีบโทรไปฟ้องแพทริคแน่นอน คิกๆ...พอล!” นี่ก็อีกคนรับมุกกันดีนักเชียว พอผมคว้าเจ้าของเอวบางมากอดโชว์เป็นการเอาคืน แต่ฝูหรงดันเรียกผมเสียงเข้มแก้เขินซะอีก
ผมเองไม่คิดปล่อยหรอก ถือเป็นการเอาคืนคนทั้งคู่เสียทีเดียว ด้วยคราวนี้นายแพทริคเองถึงกลับมองผมด้วยความหมั่นไส้ ด้วยไม่มีสิทธิ์ทำเยี่ยงผมได้ ‘แอบสะใจเล็กๆ’
“นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฝูหรงยังมีฉันคอยดูแล สำคัญที่ฉันจะไม่ยอมให้คนๆนี้เสียใจอีกแล้ว ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอแล้วล่ะ แต่ถ้ามีจริงๆ คงไม่ต้องถึงมือนายหรอก เพราะที่นี่มีแต่คนที่คอยเข้าข้างฝูหรงล่ะไม่ว่า...จริงมั้ยครับ ‘หนูฝูหรง’ ” ผมแกล้งยกคำเรียกขานของปาปามามาที่ใช้เรียกเจ้าตัวมาพูด เพราะอยากจะสื่อว่ากระต่ายน้อยตัวเนี้ยน่ะเป็นที่รักของบุพการีของผม หากเกิดเรื่องขัดแย้งระหว่างเราคงไม่ต้องถึงมือญาติสนิทหน้าจืดที่ยืนเป็นห่วงตรงหน้านี้หรอก
นายแพทริคเองก็น่าจะได้รู้ได้เห็นมากับตา ถึงความรักความเอ็นดูที่ปาปามามามีให้ฝูหรงแล้ว ในวันที่ผมพานายนี่เข้าไปพบพวกท่านที่บ้านตามคำขอของบุพการี
ระหว่างที่ผมส่งยิ้มหยอกเย้าและโยกร่างเล็กในอ้อมกอดเบาๆเป็นการออดอ้อนนั้น หางตายังแอบเห็นรอยยิ้มเศร้าสร้อยจางๆจากนายแพทริคอยู่บ้าง แต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มนั้นก็หายไป ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความยินดีในเวลาต่อมา ยามผมสบตาตรงๆกับนายแพทริค
“ฝากฝูหรงด้วย ฉันเชื่อในคำสัญญาของลูกผู้ชาย ว่านายจะรักและดูแลคนสำคัญของคอนเนลสันอย่างดี”
“ฉันสัญญา” ผมยื่นมือไปกระชับกับฝ่ามือที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เพื่อผนึกสัญญาให้อีกฝ่ายมั่นใจ
ท่ามกลางเสียงจอแจในสนามบิน ผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่ในมุมเล็กๆมุมหนึ่ง ผมเชื่อว่าคงได้รับความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น้อย ด้วยบรรยากาศอบอุ่นสบายๆรอบตัว ไม่มีความโศกเศร้าที่จะต้องพรากจาก ไม่มีความอาลัยรักของคนที่ผูกพัน ไม่มีความกลัวของการจากลา มีแต่ความสุขและความไว้ใจกันของคนที่ได้ชื่อว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’ เท่านั้น ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาทำลายบรรยากาศดังกล่าว
แต่คงมีเพียงคนๆเดียวเท่านั้นที่สามารถแทรกแซงสิ่งที่ว่ามาทั้งหมด แถมสิ่งที่คนๆนี้ทำก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือคิดจะถือสาสักนิด ด้วยต่างรอการมาเยือนของเธอคนนี้...‘จินนี่’
“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว...อะไรกันเนี่ย บรรยากาศวิ้งๆอบอุ่นแปลกๆนะ แต่ช่างเถอะ อ่ะ...รับไว้สิ สำหรับนายนะมิสเตอร์คอนเนลสัน” น้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มหวานเกินพอดีของยัยจินนี่ทำผมเอะใจ แม้แต่ฝูหรงเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เราสบตากันเงียบๆอย่างไม่ไว้ใจยัยตัวแสบประจำตระกูลโจว
ส่วนนายคอนเนลสันเองอยู่ในอาการประหลาดใจแฝงความดีใจอย่างปิดไม่มิด เอ่ยขอบคุณยัยจินนี่พร้อมรอยยิ้มติดมุมปาก ก่อนจะก้มลงเปิดถุงกระดาษใบเล็ก ผมเองเตรียมหลุดปากเตือนด้วยสังหรณ์ใจแปลกๆ แต่ก็ช้าไป เมื่อนายคอนเนลสันควักของฝากขึ้นมาจากถุง
“ยาสมุนไพร ฟู่...หลิง ‘ฟู่หลิง’ คืออะไร” หากนายแพทริคไม่ถาม ใครเห็นต่างก็รู้ว่านายนี่กำลังงงขั้นสุดกับของฝากในมือ
ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ด้วยรู้ทันในความตั้งใจของญาติสาวคนสนิท แม้แต่ฝูหรงเองก็หน้าแหยและเงยมองผมด้วยเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะรู้ในสรรพคุณของยาสมุนไพรในมือของแพทริคดี ผมจึงได้แต่ส่งยิ้มบางเบา พร้อมลูบเอวคนน่ารักเป็นการปลอบใจไปด้วย คงมีแต่นายแพทริคนี่แหละที่มีแววตาสงสัยใคร่รู้ แต่ก็แฝงความไม่ไว้ใจมองต่อตาเจ้าของของฝากในมือ ยัยจินนี่เองจากที่ยกยิ้มหวานอาบยาพิษ มานาทีนี้ค่อยๆหุบยิ้มลงจนไม่เหลือ จะเหลือก็แต่ใบหน้าและแววตาจริงจังเท่านั้น
“ฟู่หลิงช่วยอาการช้ำใน ฉันคิดว่านายน่าจะต้องการมัน” แม้ไม่พูดตรงๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนที่ยืนตรงนี้เข้าใจในสิ่งที่จินนี่ต้องการสื่อ ‘อาการช้ำในจากการอกหัก’
“จินนี่!!” เสียงผมที่หลุดออกมาเข้าขั้นตะคอกเลยครับ แต่เจ้าของชื่อไม่มีทีท่าสนใจจะหันมามองผมสักนิด ด้วยยังคงจ้องตากับนายแพทริคไม่วางตา
นายแพทริคเองก็หน้านิ่งจนเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ กลัวก็แต่มันจะกระโจนมาบีบคอยัยแม่มดจอมแสบของผมเข้าน่ะซิ ฝูหรงเองก็ได้แต่ก้มหน้า ด้วยคงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วอย่างแน่นอน จนผมเริ่มอยากเข้าไปบีบคอสวยๆของจินนี่เสียเอง
“ถึงจะเสียใจจากการอกหัก แต่มันก็คุ้มที่ได้รักใครจริงๆสักคน...จริงมั้ย” ประโยคนี้ของจินนี่ทำเอาบรรยากาศอึมครึมที่มีค่อยๆจางหาย แต่เรามายิ้มได้จริงๆก็ประโยคต่อมาของนายแพทริคนี่แหละครับ
“มันก็จริง แต่คุณรู้มั้ยว่ามันมีวิธีหนึ่งที่รักษาอาการอกหักได้ผลทันตา โดยไม่ต้องพึ่งไอ้ยานี่เลย...ในเมื่อเป็นเรื่องของหัวใจ ก็ควรใช้ใจรักษา...จินนี่ คุณสนใจมั้ยล่ะที่จะช่วยรักษาใจให้ผม” นายแพทริคมองยัยจินนี่ไม่วางตา ในแววตาที่ผมเห็นไม่ได้หยาดเยิ้มหรือมีแววหลงใหลได้ปลื้มจินนี่ไปซะทั้งหมด แต่มันกลับแฝงแววท้าทายจางๆอยู่ในนั้นด้วย
คนโดนขอให้ช่วยรักษาใจที่เจ็บช้ำถึงคราวอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจินนี่จะตีหน้าขรึมและทำเมินสายตาที่จ้องตัวเองไม่วางตาไปอีกทาง มีเหลือบมองนายแพทริคด้วยหางตา ก่อนจะส่งเสียงติดอยู่แค่ลำคอออกมาพอให้ได้ยิน
“ฮึ! ระดับคุณหนูหมิงอี้ซานมีแต่ผู้ชายเดินเข้ามาให้เลือก ฉันไม่จำเป็นต้องเป็นตัวสำรองของใคร” ที่จินนี่พูดไม่ผิดไปจากความเป็นจริงสักนิด คุณหนูหมิงอี้ซานผู้เพียบพร้อมมีตัวเลือกมากมาย
“ถ้าผมไม่คิดให้คุณเป็นตัวสำรอง คุณจะยอมรับผมเป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณมั้ย”
“ฝูหรงมานี่เถอะ ให้เวลาสองคนนี่หน่อย” คนน่ารักในอ้อมแขนอมยิ้มน้อยๆ และพยักหน้าให้ผมอย่างเต็มใจ ก่อนผมจะจูงมือฝูหรงออกมาให้พ้นรัศมีการได้ยินของคนทั้งคู่
ผมแอบภาวนาขอให้จินนี่ยอมรับคำขอของนายแพทริค เพราะเท่าที่รู้จักและจากประวัติที่ผมสืบมาของแพทริคนั้น พบว่าผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติภายนอกคู่ควรกับยัยจินนี่ไม่น้อย ที่สำคัญเรื่องความจริงใจและความมั่นคงของจิตใจแพทริคนั้น หาได้ยากในผู้ชายยุคปัจจุบันที่มีตัวเลือกมากมาย แต่กลับยอมเป็นตัวเลือกให้แก่ญาติสาวแสนเอาแต่ใจและขี้โวยวายของผม ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือญาติผู้ชายทุกคนของตระกูลโจวที่ไม่นับรวมผมผู้มีแฟนแล้ว จะได้เฮสักทีเพราะไม่มีคนที่มาคอยขัดขวางเรื่องความรักได้อีก เพราะจินนี่คงต้องวุ่นวายกับความรักของตัวเอง
“พอลถูกใจถึงกับหัวเราะเลยเหรอ” ผมที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังหัวเราะได้ก้มมองคนที่ทักขึ้นมาและไม่คิดจะแก้ตัว
“ฮึๆ เรื่องน่ายินดีนี่ครับ...แต่อดสงสารนายนั่นไม่ได้ ไม่รู้คิดยังไง ฮึๆ” ได้ยินผมพูดแบบนี้ แต่ใจจริงผมรักยัยแม่มดตัวแสบของผมไม่น้อยไปกว่าใครเลยนะครับ
“พอล! พูดอะไรแบบนั้น จินนี่มาได้ยินจะได้โกรธเอา...แต่คู่นั้นก็เหมาะกันดีเนอะ”
ผมมองตามสายตาของฝูหรงที่กำลังอมยิ้มถูกใจ และเห็นด้วยแบบไม่คิดแย้ง แต่เราคงไปกะเกณฑ์ชีวิตรักของใครไม่ได้ ได้แต่คอยดูและเอาใจช่วยอยู่ห่างๆเท่านั้น แต่ผมก็หวังว่าจะมีคู่รักคู่ใหม่มาเติมสีสันให้โลกใบนี้ได้สดใสขึ้นอีกคู่
............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะมิตรภาพเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากเราลดอคติในใจลง
ความสัมพันธ์ก็เช่นกัน ควรที่จะเปิดใจยอมรับคนใหม่ๆ
ดีกว่าฝักใฝ่และยึดติดอยู่กับคนที่เป็นไปไม่ได้
เอาใจช่วยแพทริคกับจินนี่ด้วยนะคะ (มีคนเดาคู่นี้ถูกด้วย

)
ตอนหน้าห้ามพลาดค่ะ เพราะมีเรื่องคาดไม่ถึงและออกจะตื่นเต้นมากอยู่
เพื่อส่งท้ายเรื่องหวานๆเรื่องนี้ ขอกำลังใจในโค้งสุดท้ายด้วยค่ะ
เจอกันวันอังคารค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.แจ้งรีปริ้นท์นิยายชุด “เสน่ห์รัก” และ “บ่วงรัก” ค่ะ ตามลิ้งค์ไปได้เลยน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43497.new#newปล2. แจ้งเปิด & โอนนิยายชุด “Lover” ตามลิ้งค์ไปได้เช่นกันค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43768.new#newใครที่พลาดในรอบก่อนๆหรืออยากได้หนุ่มๆเก็บไว้ ติดต่อเข้ามานะคะ
