ตอนที่ 15เจินฝูหรง “ต้องรบกวนฝูหรงหน่อยนะคะ เหมยอิงอยากให้ธันว์ได้ชิมหลังทำเสร็จใหม่ๆ...และนี่สำหรับฝูหรงโดยเฉพาะค่ะ แทนคำขอบคุณที่มาเป็นธุระให้เหมยอิง ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเลขา” สาวสวยรูปร่างบอบบางที่แทนตัวด้วยชื่ออย่างน่ารักไม่แพ้หน้าตา ยื่นถุงใสใบไม่เล็กบรรจุกล่องทาร์ตไข่สีเหลืองนวลน่ากิน พร้อมแก้วกาแฟร้อนควันกรุ่นมาให้ตรงหน้าผม
“ขอบคุณครับคุณหนู เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว และผมเต็มใจ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องรบกวนเลยครับ” ผมก้มหัวให้คุณหนูตระกูลหวางผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดของนายน้อย ก่อนจะเอื้อมมือรับน้ำใจของคุณหนูเหมยอิง พร้อมส่งยิ้มจริงใจยืนยันในคำพูด
การที่บ่ายนี้ผมมาปรากฏตัวยังร้านเบเกอรี่ดัง ณ ห้างใหญ่ใจกลางเมืองได้นั้น เป็นเพราะคุณหนูเหมยอิงเจ้าของร้านอยากให้คุณธันว์ได้ทานขนมของโปรดแบบสดใหม่ขึ้นจากเตา ด้วยวันนี้คุณธันว์ว่างจึงโดนนายน้อยพามาเป็นกำลังใจตอนทำงาน ผมและพี่อู๋บอดี้การ์ดประจำตัวของคุณธันว์ จึงได้รับคำสั่งจากนายน้อยให้ออกมารับขนม เพื่อนำกลับไปให้คุณธันว์ได้ทาน
“ได้ยินฝูหรงเรียกเหมยอิงว่าคุณหนูแบบนี้แล้วขัดหูยังไงไม่รู้ ต่อไปเรียกเหมยอิงเฉยๆก็พอค่ะ อ๊ะ! ห้ามปฏิเสธน้า ขืนพอลมาได้ยิน อาจจะนึกไม่พอใจเหมยอิงเข้าก็ได้นะ โทษฐานทำตัวห่างเหินกับแฟนเพื่อน คิกๆ...ฝูหรงหน้าแดงด้วย น่ารักจัง คิกๆ” เสียงหัวเราะพลิ้วหวานและสายตาแพรวพราวหยอกเย้าที่คุณหนูเหมยอิงมีให้ผม ทำเอาผมที่เพิ่งตีความหมายในคำพูดของเธอออกและแก้มร้อนอยู่แล้ว ถึงกลับก้มหน้างุดยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกไปเลยทีเดียว
‘พอลนะพอล ไม่รู้ไปเล่าเรื่องของเราให้คุณหนูเหมยอิงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่’ ผมก็ไม่รู้ว่านายน้อยจะทราบเรื่องของผมและเพื่อนสนิทของตัวเองรึยัง แต่ยังไม่น่าจะรู้มากกว่า เพราะนายน้อยยังคงวางตัวปกติกับผม และถ้าวันหนึ่งได้รู้ขึ้นมานายน้อยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ จะคิดต่อต้านหรือรังเกียจผมรึเปล่า
ระหว่างที่ผมกำลังหมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่น่าจะต้องคิดมากอยู่นั้น ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ส่งคำถามแสดงความห่วงใยมาให้ด้วยเสียงหวานๆ ซึ่งคุณหนูเหมยอิงคงเห็นผมเงียบไปนานนั่นเอง
“ฝูหรง ฝูหรงคะ เป็นอะไรเงียบไปเลย...หรือกำลังกังวลอยู่ว่าเหมยอิงรู้ได้ยังไง ใช่มั้ยคะ” ผมได้แต่ตะกุกตะกักพยักหน้าพร้อมรับคำเบาๆ จึงได้รับรอยยิ้มอ่อนหวานกลับคืนมา ก่อนเจ้าของเสียงหวานๆจะขยายความให้ผมรับรู้
“ก่อนอื่นเหมยอิงต้องขอโทษนะคะ ที่เอาเรื่องนี้มาล้อฝูหรง เหมยอิงแค่ดีใจที่ได้รู้ว่าเพื่อนอย่างพอลมีคนรู้ใจแล้ว แถมยังเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันอีก ส่วนเรื่องของพอลกับฝูหรง เหมยอิงรู้ต่อมาอีกทีน่ะ เพื่อนสนิทกันไม่มีอะไรต้องปิดบังกันนี่คะ แต่เหมยอิงไม่ได้รู้จากเฮียหลี่ผิงหรอกน้า รายนั้นน่ะยังตกข่าวอยู่ คิกๆ...ฝูหรงอย่ากังวลเลยค่ะ เหมยอิงสัญญาว่าจะพยายามไม่ล้อฝูหรงเรื่องพอลอีก อ้อ! เหมยอิงยินดีกับฝูหรงด้วยนะคะ”
“คะ...ครับ ขอบคุณครับคุณหนู เอ่อ คุณเหมยอิง” ผมยังไม่ทันจบประโยคดี คุณหนูคนสวยกลับสวนขึ้นมาว่าไม่ต้องใส่คำว่าคุณนำหน้าชื่อ ให้เรียกแค่เหมยอิงเฉยๆ ไม่ใช่แค่ประโยคคำสั่งกลายๆเท่านั้นนะครับ แต่ใบหน้าแววตาก็จริงจังไม่แพ้น้ำเสียงเลยเชียวล่ะ
ผมจึงได้แต่รับคำคุณหนูเหมยอิงแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก และก่อนที่ผมจะก้าวออกจากร้าน ผมก็สวนทางกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ซึ่งบุคคลคนนี้คุ้นหน้าคุ้นตามากเลยทีเดียว แถมน่าจะเป็นคนๆเดียวกับที่บอกต่อถึงความสัมพันธ์ของผมกับพอลให้คุณเหมยอิงทราบแน่ๆ ด้วยผมจำได้ดีว่าคุณไรอันนั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของนายน้อย เพราะคุณไรอันเคยไปขอพบนายน้อยที่โรงแรมมาก่อน ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าของคุณเหมยอิงก่อนหน้า ที่ว่าเพื่อนสนิทกันไม่มีอะไรต้องปิดบัง และคุณไรอันคนเดียวกันนี้แหละที่ผมระแคะระคายมาว่า ใจกล้าอาจหาญเสนอตัวให้คุณหนูตระกูลหวางพิจารณา ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันทั้งหมด ต้องไม่ผิดคนแน่ๆ คุณไรอันนี่แหละที่เล่าเรื่องของเรา
คิดแล้วก็อดเขินไม่ได้ ทั้งๆที่ผมเคยงอนพอลด้วยซ้ำ ด้วยคิดว่าเจ้าตัวไม่อยากเปิดเผยเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ แต่พอคุณหนูเหมยอิงที่รู้เรื่องของเราเข้าและเอามาล้อ ผมกลับทำตัวไม่ถูก แต่ก็เต็มไปด้วยความภูมิใจล่ะน้า ดังนั้นยามที่ผมสบตาคุณไรอันเข้าในแวบแรก จึงเผลอหลบตาทั้งๆที่คุณไรอันยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ก่อนผมจะรีบเผ่นออกนอกร้าน หลังจากตอบรับและทักทายคุณไรอัน ซึ่งผมแอบเห็นด้วยว่าคุณไรอันมีสีหน้ามึนงงกับพฤติกรรมแปลกๆของผมด้วย
“ขอบคุณครับพี่ฝูหรง ว้าว! ทาร์ตไข่น่ากินจังเลย หอมด้วย คิกๆ...เฮียหลี่ผิงกินกับธันว์มั้ย อร่อยอ่ะ” คุณธันว์ขอบคุณผมด้วยเสียงใสๆพร้อมยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนยกจานขนมของโปรดขึ้นจรดจมูก และยิ้มถูกใจจนตาปิดมีหัวเราะน้อยๆพอให้คนได้ยินคลี่ยิ้มอารมณ์ดี พร้อมหันไปชวนนายน้อยทานด้วยดวงตายิบหยี หลังตักทาร์ตไข่ขึ้นชิมคำโต
“ฮึๆ ทานเลยครับ เฮียไม่อยากแย่ง เดี๋ยวเด็กแถวนี้ไม่พอทานจะพาลหงุดหงิดใส่” นายน้อยหลี่ผิงหยอกเย้าคนรักของตัวเองด้วยเสียงนุ่มๆ พร้อมใช้ดวงตาอบอุ่นจ้องคุณธันว์ไม่วางตา แทนที่คนโดนล้อจะงอนจะโกรธ แต่กลับหน้าขึ้นสีทำปากยื่นแก้มพองใส่กลั้นยิ้มอย่างน่าเอ็นดู
นาทีนี้แม้แต่ผมยังเห็นว่าคุณธันว์น่ารัก ในสายตานายน้อยท่าทางของคุณธันว์ตอนนี้ คงเกินกว่าคำว่าน่ารักน่าเอ็นดูไปไกลแล้วล่ะ เพราะนายน้อยยื่นมือไปลูบหัวคนข้างตัวที่กำลังบ่นพึมพำกับจานขนมในมือ ด้วยแววตาวิบวับชวนหน้าร้อน ก่อนจะโน้มหน้าไปกระซิบบางอย่างข้างหู ทำเอาคุณธันว์เงยหน้าขึ้นมาทำตาโตจ้องนายน้อยเหมือนคนตื่นตระหนก และแก้มที่แดงอยู่แล้วก็แดงก่ำแทบไหม้กันเลยทีเดียว
นายน้อยเองก็กลั้วหัวเราะเบาๆที่เห็นอาการของคนรัก ก่อนจะโน้มคอคุณธันว์เข้าหาและกดจมูกลงบนกระหม่อม ซึ่งท่าทางผ่อนคลายและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของนายน้อยในขณะนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครได้เห็นง่ายๆ แถมคนที่ทำให้พญามังกรหนุ่มหวางหลี่ผิงมีท่าทางเช่นนี้ได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงเป็นคนที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของท่านตอนนี้
ผมปลีกตัวเดินออกจากห้องแบบเงียบเชียบที่สุด ไม่อยากรบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขของนายตัวเอง จนออกมานั่งอมยิ้มกับจานขนมและแก้วกาแฟที่เหลือไออุ่นเพียงจางๆของตัวเองที่โต๊ะทำงาน ผมอดยอมรับและชื่นชมในความรักและความเหมาะสมของคนทั้งคู่ไม่ได้จริงๆ
คนหนึ่งน่ารักมีน้ำใจรู้จักวางตัวอย่างเหมาะสมต่อผู้คนรอบข้าง และไม่มีอาการถือตัวต่อผู้ด้อยกว่าสักนิด จนสามารถครองใจใครต่อใครที่ได้รู้จัก อีกหนึ่งฉลาดองอาจผ่าเผยเด็ดขาด และเข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว คุณสมบัติครบเหมาะสมเป็นผู้นำ หากคนทั้งคู่ได้ครองคู่กัน ผมเชื่อว่าหวางหย่งกังคงรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
ส่วนความรักของผมและพอลเพิ่งเริ่มนับพร้อมกันเพียงหลักเดือน มีอะไรให้เราต้องเรียนรู้กันและกันอีกมาก แต่โชคดีของผมที่ปาปามามาของพอลเอ็นดู คงเกิดจากความรักที่บุพการีมีให้แก่ลูกชายเพียงคนเดียวนั้น เผื่อแผ่มายังผมที่ลูกชายท่านเป็นคนเลือกให้มาเคียงข้าง จนผมสนิทใจที่ได้เป็นหนึ่งในคนของครอบครัวตระกูลโจว และซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เมื่อปาปามามาพาผมไปออกงานสังคมพร้อมพอล โดยในงานนั้นนอกจากนักธุรกิจวงการอสังหาฯแล้ว ผมยังได้เจอญาติสนิทบางคนของตระกูลโจวด้วย ซึ่งก็คือครอบครัวของจินนี่ที่มีคุณอาผู้ชายและอาหญิง ผู้ที่เป็นน้องสาวๆแท้ๆของปาปา ทำให้การออกงานวันนั้นไม่ต่างจากการเปิดตัวผมกลายๆ ในฐานะคนรักของลูกชายคนเดียวของโจวฟู่ซือ
ผมนั้นประทับใจกับการความรักและความอาทรของทุกคน ด้วยไม่มีทีท่ารังเกียจคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมให้เห็นสักนิด มีแต่ความสนใจใคร่รู้ถึงความเป็นไปของผมและพอล เป็นที่มาของความสนิทสนมที่ได้จากการซักถามผมด้วยความใส่ใจนั่นเอง
แม้จะมีเพียงหนึ่งคนที่ออกแนวหมั่นไส้และแอบกระทบกระเทียบผมบ้าง ด้วยตัวเองนั้นถูกลดทอนความสนใจลงกว่าเคย ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นางฟ้าจอมแสบหลานสาวสุดที่รักของทุกคน แต่สิ่งที่จินนี่เป็น ผมกลับเห็นเป็นเรื่องขำๆซะมากกว่า เพราะตั้งแต่เราได้คุยกันที่คอนโดผมในวันนั้น ผมพอจะมองออกว่าจินนี่มีนิสัยอย่างไร
จินนี่เป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่งที่ถูกผู้ใหญ่และลูกพี่ลูกน้องรอบตัว ให้ความรักและตามใจเป็นที่หนึ่ง ด้วยเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูล ย่อมไม่น่าแปลกใจหากความสนใจของญาติคนสนิทอย่างพอลถูกแบ่งปันมายังผม จนเธอถึงขั้นตามมาสร้างความแตกแยกให้แก่เรา ตามนิสัยเด็กสาวขี้หวงและต้องการเป็นที่หนึ่งในสายตาทุกคน บวกความหวังดีด้วยจินนี่คงกลัวว่าพอลจะโดนผมหลอกนั่นเอง แต่เมื่อโตขึ้นจึงไม่แปลกอีกเหมือนกัน ที่จินนี่จะยอมเปิดใจรับรู้ความจริงที่อยู่ตรงหน้า และยอมรับเรื่องของผมกับพอลได้
แม้จะยังมีพฤติกรรมแปลกๆต่อผมอยู่บ้าง จนพอลถึงกลับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจทุกครั้ง ยามได้เห็นจินนี่แสดงอาการนั้นๆใส่ผม แต่พอลก็ทำให้ผมรู้ว่าจินนี่ไม่ใช่แค่หวงพอลคนเดียว แต่กับลูกพี่ลูกน้องผู้ชายคนอื่น จินนี่ก็หวงเค้าเหล่านั้นไม่ต่างกัน เพราะพอลได้ยุแยงเบี่ยงเบนความสนใจของจินนี่ไปจากผม ด้วยการให้จินนี่ไปคอยจับตาฉิงเหวินญาติอีกคนที่ได้ข่าวว่ากำลังกิ๊กกั๊กกับดาราสาววัยรุ่นแทน ซึ่งจินนี่ก็ไม่พลาดจะตกหลุมที่พอลดักไว้ ทำท่าจะโทรหาเอาความจริงกับฉิงเหวินซะเดี๋ยวนั้นเลยเหมือนกัน
แต่ก่อนจินนี่จะกลับมีหันมากระตุกยิ้มจ้องตาผมสลับกับพอล และพูดประมาณว่าจะไม่ละความสนใจจากคู่ของเรา แต่จะคอยจับตาไว้ เพราะหากวันหนึ่งผมเปลี่ยนใจจากพอล และคิดฮุบสมบัติล่ะก็ คงได้เผชิญหน้ากับเธอเป็นคนแรก พอลเองก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยแววหมั่นไส้ปนเอ็นดูนักหนา สำหรับผมนั้นจินนี่จึงไม่ต่างจากน้องสาวจอมเฮี้ยว ที่มีอะไรมาให้ตื่นเต้นตลอดเวลาเท่านั้นเอง
ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้ผมนึกขอบคุณใครหรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้ชะตาชีวิตของผมกับพอลบรรจบพบเจอกันอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นผมคนนี้คงไม่ได้สัมผัสคำว่าความสุขเหมือนในตอนนี้หรอก ซึ่งความสุขที่ว่ามักเกิดจากลูกครึ่งรูปหล่อของผมเป็นคนสร้างแทบทั้งสิ้น
ตั้งแต่ผมย้ายไปอยู่บ้านพอล สามรถเรียกความรู้สึกเก่าๆอย่างความอบอุ่นจากคนในครอบครัวได้อีกครั้ง ด้วยทั้งปาปาฟู่สือและมามาอีลิน่ามอบความรักและความเอื้ออาทรให้แก่ผม ไม่ต่างจากที่ผมเคยได้รับจากบุพการีของตัวเองสักนิด เติมเต็มความรักความอบอุ่นในส่วนที่ผมขาดได้อย่างสมบูรณ์ พอลเองไม่ทำให้ผมผิดหวัง ด้วยเจ้าตัวคอยดูแลเอาใจใส่ผมอย่างดี ให้ความรู้สึกว่าผมไม่ต่างจากเจ้าชายน้อยเลยเชียวล่ะ
แม้แต่เรื่องเล็กๆพอลก็ใส่ใจทำให้ผมอย่างที่ผมคาดไม่ถึงเสมอ เหมือนในขณะนี้ จนผมแอบหวั่นลึกๆว่าความสุขที่แทบล้นอกนี้ มันจะสลายหายไปแบบไม่รู้ตัวเข้าสักวัน และครั้งนี้มันคงทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก ด้วยผมผูกใจรักลูกครึ่งรูปหล่อคนนี้เกือบทั้งใจแล้ว
“เท่านี้ดีมั้ย...[แก๊บๆ]...เข้าเนื้อรึเปล่า ถ้าเจ็บให้บอกนะครับ” ผมได้แต่อมยิ้มและจับจ้องไปยังเจ้าของกลุ่มผมดำขลับ ที่ใช้เสียงทุ้มนุ่มส่งคำถามอาทรดังกล่าวมาให้ ซึ่งคนเดียวกันนี้ก็กำลังจดจ่อกับภารกิจสำคัญตรงหน้า จนไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นฟังคำตอบ
ผมเองก็กำลังเพลินไปกับเสียงนุ่มๆและความใจใส่ของคนรัก จนไม่คิดจะเอ่ยคำใดออกไปเหมือนกัน ได้แต่เฝ้ามองการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่แสนอบอุ่น ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าระดับโจวพอลหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงแห่งวงการอสังหาฯ จะมานั่งขัดสมาธิอย่างง่ายๆ บรรจงตัดเล็บเท้าให้แก่ผู้ชายธรรมดาอย่างผม
ถ้าถามหาที่มาที่ไปคงเริ่มจาก ช่วงที่เรานั่งดูหนังเคียงข้างกันภายในบ้านยามบ่ายของวันพักผ่อนสบายๆนั้น ผมที่นั่งยกขากอดเข่าเกยคางในท่าคุ้นเคย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกอีกคนจับจ้องอยู่ ด้วยพอลคงสังเกตเห็นว่าเล็บเท้าผมยาว พอหนังจบเจ้าตัวก็เดินออกไปจากห้องทันที แรกทีเดียวทำเอาผมสงสัยไม่น้อยว่าคนรักไปไหน แต่พักเดียวพอลก็กลับมาพร้อมกรรไกรตัดเล็บในมือ และขันอาสาตัดเล็บให้กัน
แรกที่ได้ยินผมก็ปฏิเสธไป เพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราต้องจัดการเอง แต่สีหน้าแววตาจริงจังที่พอลใช้มองผม พร้อมคำขอร้องกึ่งบังคับว่าจะตัดเล็บให้ ทำให้ผมได้แต่ยอมตามใจด้วยการนั่งเหยียดขา และวางส้นเท้าไว้บนตักพอล ก่อนจะปล่อยให้ลูกครึ่งช่างเอาแต่ใจได้ทำตามความต้องการ มาถึงนาทีนี้ผมจึงได้แต่นั่งอมยิ้มมองการกระทำของคนรักด้วยความภูมิใจ
“อ่ะ เสร็จแล้ว ยื่นเท้าอีกข้างมาสิครับ...หืม ฝูหรงยิ้มอะไร” ผมที่กำลังยิ้มก็ได้แต่ส่ายหัว และจ้องกลับแววตาแพรวพราวของพอล ก่อนจะยืดขาข้างที่กอดเข่าไว้ออกไป เพื่อสลับเท้าไปวางบนตักกับเท้าข้างที่ถูกตัดเล็บให้แล้ว
ระหว่างนั้นผมก็หุบยิ้มไม่ลง พอลเองก็จ้องผมยิ้มๆไม่วางตา ก่อนจะก้มหน้าไปบรรจงตัดเล็บให้ผมอีกครั้ง จึงมีเพียงเสียงกรรไกรตัดเล็บเนิบๆในห้องเพียงเสียงเดียว พร้อมความสุขที่ผมสัมผัสได้อบอวลไปทั่วห้อง และสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องไปยังลูกครึ่งตัวโตที่ก้มๆเงยๆกับงานตรงหน้า ด้วยความรู้สึกรักหมดใจของผม
“ทำไมต้องนั่งท่านี้ด้วยล่ะพอล” ผมขยับตัวนิดหน่อยด้วยแอบขนลุกไปกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดซอกคอ และสัมผัสอุ่นจัดของนิ้วมือที่แตะมือผมด้วยความทะนุถนอม
“ตัดเล็บมือท่านี้สะดวกสุดแล้ว ฝูหรงอึดอัดเหรอ” ผมเหลือบมองเจ้าของตักที่ผมนั่งนิดหน่อย แต่เมื่อพบแต่แววตาจริงใจไม่มีอะไรซ่อนเร้น จึงได้แต่ส่ายหัวเป็นคำตอบ และกลับมานั่งก้มหน้าทอดสายตา มองเพียงปลายนิ้วตัวเองที่กำลังถูกเล็มปลายเล็บให้อย่างเบามืออีกครั้ง
ถึงแม้ผมจะไม่อึดอัดแต่ต้องยอมรับว่าหายใจไม่ทั่วท้องนัก ด้วยท่านั่งซ้อนตักและหลังแนบชิดไปกับแผ่นอกกว้าง จนสัมผัสได้ถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นในจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้ผมต้องกลั้นลมหายใจเป็นบางจังหวะ ยามที่พอลชะโงกใบหน้าผ่านข้างแก้ม เพื่อให้ความสนใจกับการตัดเล็บมือในบางนิ้ว จนผมสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นๆเกือบทุกมัดของแผ่นอก และเผลอจินตนาการเป็นภาพออกมา ทำเอาแก้มร้อนฉ่าและต้องเสเบือนหน้าหนี เมื่อพอลเบี่ยงหน้ามามองกันด้วยความสงสัย แต่ผมก็แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ และแอบนึกต่อว่าตัวต้นเหตุในใจไม่ได้ ที่ทำให้ผมต้องจินตนาการอะไรทะลึ่งๆแบบนั้น
ผมต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการนั่งนิ่งๆ พยายามไม่สนใจลมหายใจร้อนๆกับริมฝีปากนุ่มที่เฉียดแก้มไปมา และเปลี่ยนมาเป็นนึกตำหนิตัวเองที่คิดอะไรไม่เข้าท่ามากมายในหัว ทั้งๆที่อีกฝ่ายตั้งใจดูแลผมอย่างไม่มีอะไรแอบแฝงแท้ๆ และความอดทนของผมก็เป็นผล เมื่อปลายเล็บสุดท้ายถูกตัดจนเสร็จ ส่งผลให้ผมถอนใจยาวเหยียดด้วยความโล่งอกอย่างไม่ทันระวังตัว
“อะไรกันครับ ถอนใจยาวเหยียดเชียว กลัวพอลตัดเล็บเข้าเนื้อขนาดนั้นเลยเหรอ ฮึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มหูหยอกเย้าทำเอาแก้มผมยิ่งร้อนฉ่ายิ่งกว่าเดิม แถมนาทีนี้ผมยังไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เพื่อสังเกตพอลหรอกว่ามีสีหน้าแบบไหน และรู้ความคิดร้ายๆของผมรึเปล่า
“อืม กลัวสิ ขืนตัดเข้าเนื้อ ฝูหรงได้เจ็บเป็นอาทิตย์แน่” ผมได้แต่รีบเออออรับคำทันที ด้วยกลัวว่าพอลจะรู้ความในใจที่แท้จริงเข้า ขืนรู้ผมได้อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนน่ะซิ มีอย่างที่ไหนจินตนาการถึงคนรักยามเปลือยกาย ทั้งๆที่คนเค้าตั้งใจดูแลตัวเองขนาดนั้น
“อ้าว จะรีบไปไหนครับ เรารึอุตส่าห์ตัดเล็บให้ ไม่ได้ยินขอบใจสักคำ” ผมต้องหย่อนสะโพกกลับมานั่งตักแข็งๆตามเดิม เมื่อพอลรวบเอวผมที่กำลังลุกจากตักและรั้งให้กลับมาที่เดิม
“ทำดีหวังผลรึไงกัน ชิ!...เอ่อ แต่ก็ขอบคุณนะที่ดูแลกันแบบนี้” แม้ผมจะบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ซึ่งใครจะรู้นอกจากตัวผมว่าที่ทำไปก็เพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยขอบคุณคนที่กอดผมไว้ด้วยน้ำเสียงแผ่วหวิว เมื่อได้สบสายตาอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ
“ด้วยความยินดีครับ กระต่ายน้อยของพอล มากกว่านี้พอลก็ทำให้ได้”
คุณคิดว่าไง ผมจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ต่อเจ้าของน้ำเสียงนุ่มๆและอ้อมกอดอุ่นๆที่ส่งสายตาจริงใจมาให้ในระยะประชิด นอกเสียจากปิดเปลือกตาลงช้าๆ และอยู่นิ่งๆรอรับจูบหวานๆ ยามคนรักรูปหล่อยื่นหน้าเข้าหา
ผมเตลิดไปกับอ้อมกอดอบอุ่นและสัมผัสอ่อนโยนจนได้ ซึ่งภาพในจินตนาการเทียบไม่ได้กับความจริงตรงหน้า ด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆที่แวววาวไปด้วยหยาดเหงื่อ ทำเอาตาพร่ามัวเมาหลงใหลไม่ขัดขืน ไหนจะสีหน้าแววตาแห่งความปรารถนาที่ทอดมองมายังผมไม่เคลื่อนหนี แถมด้วยความชำนาญในการหลอกล่อและเล้าโลมร่างกายผมไปทั่วร่าง เพื่อให้ผมตอบสนองความต้องการอย่างเท่าเทียม ด้วยฝ่ามือ ริมฝีปาก และปลายลิ้น ถ่ายเทความรู้สึกแห่งการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากครอบครองผ่านร่างกาย ทำให้ผมรู้สึกเร่าร้อนไปทุกท่วงท่าที่ขยับไหว ยินยอมพร้อมใจไปทุกที่ที่พอลต้องการ ก่อนเราจะจับมือพากันก้าวข้ามเส้นชัยแห่งรัก หลั่งรินหยาดหยดแห่งความปรารถนาในเวลาต่อมา พร้อมปล่อยเสียงกรีดร้องสุขสมที่ไม่อาจเก็บกลั้นได้อีกต่อไป และปิดท้ายบทรักที่แสนเร่าร้อน ด้วยคำรักอ่อนหวานที่ทำเอาอุ่นไปทั้งหัวใจ
“รักมากนะครับ กระต่ายน้อยของพอล”
............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะฮุๆ ปิดฉากด้วยความเร่าร้อนของสองหนุ่ม
ตอนนี้ใครไม่รักลูกครึ่งปากเสียก็ใจแข็งเกินล่ะน้า~
สำหรับกระต่ายน้อยไม่ต้องพูดถึง เพราะหลงพอล
ชนิดที่ฉุดไม่ขึ้นเลยเชียวล่ะ
ตอนหน้าคุณผู้อ่านจะยิ่งอิจฉาฝูหรงที่มีลูกครึ่งรูปหล่อคนนี้
เป็นแฟน ผู้ชายอะไรดูแลดีมาก ซึ่งพอลจะดูแลอย่างไรนั้น
ติดตามได้วันพุธค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ปล.วันนี้มาเสียเย็น ต้องขอโทษสำหรับคนที่รอค่ะ
แต่ยังไงก็มาเนอะ อิๆ