ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ใช่
“กัส”
ได้ยินเสียงเรียก
น้ำเสียงแผ่วเบา ที่กระซิบเรียกที่ข้างหู ปลุกให้คนที่หลับใหลค่อย ๆ ปรือตาตื่นขึ้นมา
ใบหน้าของใครบางคนอยู่ห่างกันแค่คืบ
ดวงตาที่จ้องนิ่งมองมา ทำให้มึนงง สับสนและไม่เข้าใจ
“กินข้าวนะ แล้วเดี๋ยวกินยา”
ทำไมต้องกินข้าว แล้วทำไมต้องกินยา
“ตัวยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวกินข้าวกินยาแล้วจะเช็ดตัวให้”
ทำไมต้องเช็ดตัว
ได้แต่มอง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
มองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น
อาการปวดหัวกำลังเล่นงาน และรู้สึกว่าการกลืนน้ำลายแต่ละครั้งเป็นเรื่องยากลำบาก
เจ็บคอ
ปวดตามเนื้อตามตัว
แสบตาไปหมด และ.......
ยกหลังมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง และพลิกกายหันหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“กัส”
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา และสำนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้
จะเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าพูดด้วย
มันคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
“โกรธได้ แต่ต้องกินข้าวกินยา แล้วก็เช็ดตัว ไม่งั้นก็ไม่หาย ไข้ขึ้นสูงมาสองวันแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเหน็บยาอีก”
รู้
ทำไมจะไม่รู้
แล้วไอ้เรื่องเหน็บยานี่อีก
คงไม่ต้องเหน็บยา ถ้าไม่ไปทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไม่ควรทำมา
กับ....
“กัส”
ฝ่ามือของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังแตะเบา ๆ ที่ไหล่ และกัสก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง นอกจากนอนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
“เกลียดกันแล้วสินะ”
เกลียดเหรอ
เกลียด
ไม่ใช่
ไม่ได้เกลียด
ไม่ได้เกลียดหยก ไม่เกลียด ไม่เคยเกลียด
ไม่ได้เกลียด
“กูแม่งเหี้ย หน้ามืด ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับมึง ดีมึงไม่ลุกขึ้นมาเอามีดแทงกูตายห่า โดนมึงเกลียดแค่นี้ นับว่ายังน้อยไป”
ไม่ได้เกลียด
เปล่า
ไม่ได้เกลียด
ขมวดคิ้วมุ่น และความคิดในหัวก็ตีกันสับสนยุ่งเหยิงไปหมด
“ขอโทษ”
ฝ่ามือที่แตะอยู่ที่ไหล่ ผละจากไปแล้ว และเป็นกัสที่ต้องรีบหันกลับมา
หันกลับมามอง และอยากจะอ้าปากพูดบางอย่าง
แต่เมื่อสบตากับดวงตาที่มีแววเจ็บปวดรวดร้าว กัสก็ได้แต่นิ่งเงียบ
คิดคำพูดไม่ออก
ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
“เออ...ยังไงก็...กินข้าวก่อนแล้วกันนะ ลุกไหวมั้ย”
ไม่รู้
รู้แค่เจ็บ
มันเจ็บไปหมด และ........เมื่อขยับร่างกายแค่เพียงเล็กน้อยก็รู้สึกได้ตลอดเวลาถึงบาดแผลที่อยู่ภายใน
“โอ้ยยย”
ร้องออกมาเมื่อพยายามจะลุกขึ้นนั่ง
และหยกที่ได้ยินและได้เห็นก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก
มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าคนที่อยู่ตรงหน้า มีสภาพแบบนี้เพราะใคร
ไม่ต้องพูดก็รู้
ที่มันทำอะไรไม่ได้ ขยับตัวนิดหน่อยก็เจ็บ
ต้นเหตุมันมาจากใคร ก็รู้กันอยู่
“ไหวมั้ยเนี่ย”
ไหว
แค่นี้........
ไม่เป็น...อะ....ไร
ก้มหน้าลงแต่ยังคงไม่กล้าพูดอะไร
ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ และหยกก็จัดการตักข้าวต้มในชามที่ยังอุ่นอยู่ เป่าเบา ๆ และป้อนให้คนที่นั่งก้มหน้าเงียบ
“ไม่ร้อนแล้ว”
มันคือความอึดอัดใจ ระหว่างคนสองคน
ฝ่ายหนึ่งพยายามพูด ส่วนอีกฝ่ายพยายามพูดแต่พูดไม่ได้
เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
เหลือบสายตามองหน้าของคนที่ป้อนข้าวต้มให้ และกัสก็ก้มหน้าก้มตามองแต่ปลายนิ้วของตัวเอง
กินข้าวไปเงียบ ๆ
ไม่มีคำพูดอะไรเลยระหว่างคนสองคน
คนป้อน ป้อนไปมองหน้ากัสไป
คนถูกป้อน กินไปมองนิ้วของตัวเองไป
กินไปเรื่อย
ข้าวต้มหมดแล้ว
และหยกก็หยิบเม็ดยามาส่งให้พร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
เทเม็ดยาลงคอไปเรียบร้อยและดื่มน้ำตาม
คืนแก้วน้ำให้กับคนดูแลและกัสก็เอนตัวลงนอนอย่างช้า ๆ
“เออ.......มันต้องเหน็บยานะกัส ไม่งั้น....ก็...ไม่หาย”
เหน็บยา
เหี้ยยยยยยยยยยยยยย
“ไม่อาวววววววววว”
ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและใช้หลังมือปิดตาตัวเอง
คิดไม่ออกไม่รู้จะพูดอะไร
แต่เวลาปฏิเสธ พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ
“อย่าดื้อสิวะ แค่เหน็บยาเองไม่มีอะไรหรอก”
ไม่มีเหี้ยอะไรล่ะ
มันใช่เรื่องที่ไหน มันไม่ควรต้องเป็นแบบนี้
“ไม่อ้าววววววววว”
ร้องเสียงสูง และเมื่อฝ่ามือของหยกแตะลงที่ไหล่กัสก็ถอยออกห่างทันที
“แล้วมันจะหายมั้ย”
ช่างหัวแม่ง หายไม่หายก็ช่างแม่งเหอะแต่แบบนี้…..
“ไม่เอา หยก ไม่เอา”
ทั้งปฏิเสธทั้งร้องบอก
และหยกที่ทำตัวไม่ถูกมาตลอดสองวันก็เริ่มยิ้มออกมาได้
ไม่รู้ยังไงนะ
แต่ไอ้กัสตอนนี้ แม่ง.......
อย่างน่ารัก
หน้ามันแดง
แก้มมันแดง
เนื้อตัวมันเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ ยิ่งเวลาขยับ พาลให้มองเห็นไปถึงข้างใน
ลาดไหล่และซอกคอ ที่ยังมีร่องรอยบางอย่างเด่นชัด
“กัส”
เรียกอีกครั้ง
และคนที่พยายามดึงผ้าห่มมาคลุมก็เงียบเสียงลงแล้ว
เหมือนตั้งใจฟัง
กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่หยกพูด
“ไม่งั้นแผลจะอักเสบนะ”
“แล้วถ้าแผลอักเสบคราวนี้เรื่องใหญ่นะ”
“แล้วถ้าเรื่องใหญ่ ต้องไปหาหมอเลยนะ”
“ถ้าไปหาหมอ หมอก็ต้องถามว่าเป็นอะไรนะ”
“แล้วก็...............”
“ไม่อ้าววววววววววววววว”
ยังได้ยินเสียงร้องปฏิเสธเหมือนเดิม และหยกก็ยิ่งยิ้มกว้าง
แม่ง.....
“กัส ต้องเหน็บยานะ ไม่งั้นแผลจะอักเสบเข้าใจมั้ย”
ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่
คนที่อยู่ใต้โปงผ้าห่ม สั่นหน้าจนหยกที่นั่งมอง ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้
ห่วงมันก็ห่วงอยู่หรอกนะ
แต่แบบนี้มันก็.......ทั้งน่ารักแล้วก็น่าสงสารไปพร้อมกัน
“มึงอย่ามาขู่กูนะ”
เป็นเสียงพูดที่มาจากใต้ผ้าห่มของคนที่ดึงผ้าห่มปิดหน้า
แค่ได้ฟัง หยกก็ถึงกับหัวเราะเสียงเบา
“หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ....”
ถ้าพูดได้ขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง ไม่มีอะไรน่าห่วง
ก็ถ้ามันจะพูดขนาดนี้ก็คง.......
ขยับไปนั่งใกล้ ๆ และดึงคนที่ไม่ยอมออกมาจากโปงผ้าให้ออกมาคุยกันดี ๆ
“กัส”
“อย่ามายุ่งกับกู”
โดนปัดมือ และยิ่งพยายามดึงหรือรั้งให้ออกมาเผชิญหน้ากันอีกฝ่ายยิ่งไม่ยอม และทั้งดื้อทั้งดิ้นรนหนี
สุดท้ายเป็นหยกที่ต้องจัดการดึงแขนและลากออกมา
ใช้มือสองข้างกดข้อมือของกัสเอาไว้และตรึงเอาไว้กับที่นอน
“ทำไมดื้อนักวะ”
เหี้ยยยยยยยยยยยย
กูไม่ได้อยากดื้อหรอกนะ แต่กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“เหี้ยหยก ไม่เอาแล้ว ปล่อยกูดิ๊”
มันจะอะไรกันนักหนา แค่เหน็บยา
“อย่าดื้อซิ”
หยกพอแล้ว
อย่าทำแบบนี้
อย่ามองหน้า อย่ายิ้มยั่ว อย่าทำเสียงแบบนี้
อย่า..........
ไม่กล้ามองหน้า ยิ่งถูกตรึงแขนไว้แบบนี้ กัสยิ่งเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง
“โอเค ไม่เอาก็ไม่เอา หันหน้ามาคุยก่อนซิ แล้วจะปล่อย”
จริงเหรอ
หันหน้ามาเหรอ
แล้วจะปล่อยจริงเหรอ
ค่อย ๆ หันกลับมา
หันกลับมามองหน้าของหยก
มองและก็ได้สบตากับดวงตาของคนที่ทั้งจ้องและก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้
ไม่ได้คิดอะไร
ไม่อยากคิด
แต่แค่มอง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ก็ย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ
มันชัดเจน
เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
และแค่มองหน้ากันก็เหมือนต่างฝ่ายต่างรู้
หยกยอมปล่อยข้อมือของกัสให้เป็นอิสระ ผละออกห่าง และแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่หน้าผากที่ยังมีไอร้อนของคนที่นอนมองหน้าตาแป๋ว
มันก็ไม่ต่างจากคราวก่อนที่ไอ้กัสมานอนซมเป็นไข้อยู่สามสี่วันให้ดูแล
ไม่มีอะไรต่างกันเลยสักนิด
แต่ถ้ามันจะต่างก็คงต่างอยู่นิดเดียวเท่านั้น
ตรงที่ว่า..........
“มองหน้าทำไมวะ เดี๋ยวก็โดนจัดอีกดอกหรอกไอ้กัส คราวนี้ถึงเหน็บยาก็เอาไม่อยู่นะ....บอกให้”
เป็นการขู่ที่ทำให้กัสต้องรีบดึงผ้าห่มมาคลุม และนอนนิ่งไม่พูดอะไรอีก
ส่วนคนที่พูด ยืนขึ้น และพยายามหุบยิ้มของตัวเองไม่ให้ยิ้มกว้างไปมากกว่านี้
ปกติก็คิดว่าบางครั้งไอ้กัสมันก็น่ารักดีนะ
แต่แม่ง...........ไม่คิดว่ามันจะน่ารักได้ขนาดนี้
ถ้ามึงจะน่ารักขนาดนี้ มึงก็นอนป่วยไปนาน ๆ แล้วกัน
ยังไงซะ กูก็พร้อมจะดูแลมึงไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว
หยกยังคงอมยิ้มไปเรื่อยเปื่อย
นึกไปถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน
ก็ยิ่งทำให้หัวใจชุ่มชื่นดีพิกล
ก็ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น ป่านนี้ไอ้กัสก็คงไปซิ่งรถอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ไม่มานอนซมให้ดูแลแบบนี้หรอก
แต่ว่า เป็นแบบนี้ก็ดีนะ..........พอมันเป็นแบบนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้อะไรบางอย่างชัดเจนมากขึ้น
หลังจากที่เคยสงสัยความรู้สึกตัวเองมานาน
หยกหันไปมองคนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง
มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม
ยิ้มกว้าง และส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่เคยเก่งกล้าสามารถ ถามคำตอบคำ แต่ถ้าถามไม่ถูกใจหนึ่งคำมันจะด่ากลับมาสองคำ
แล้วทำไมวันนี้
ถามอะไรก็ไม่อยากจะตอบวะ
ถามอะไรทำไมไม่อยากตอบและไม่ยอมพูด
แต่ก็ดีแล้วที่มึงไม่พูด
ขืนถ้ามึงพูดมากกว่านี้ คิดสภาพไม่ออกแล้วว่ามึงจะเป็นยังไง
ที่เคยคิดเอาไว้
ในเวลานี้มันยิ่งชัดเจนและกระจ่างชัดจนแทบจะหมดข้อสงสัย
ที่เคยคิดว่าบางทีมึงก็น่ารัก มันไม่ใช่ความคิดแปลก ๆ หรอก
แต่เป็นเพราะว่า...........
.........กูชอบมึง……….
ก็เลยรู้สึกกับมึงแบบนี้.............
แล้วถ้ามึงไม่ชอบกู ตอนนั้นมึงคงต่อยกูหน้าหงายไปแล้ว
ที่มึงต้องมานอนซมแบบนี้ กูเป็นตัวการสำคัญเลยยอมรับก็ได้
แต่ก็เพราะว่าชอบถึงได้ทำไปถึงขนาดนั้น
และมันก็มีคำตอบอยู่ในนั้นแล้วว่ามึงก็ชอบกูเหมือนกัน ถึงได้ยอมให้ทำ
ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยยย
มึงนี่นะ
เข้ามาตอนไหนวะ เข้ามาอยู่ในใจกูเนี่ย มึงมาตอนไหน
วน ๆ เวียน ๆ ทั้งกวนทั้งป่วนมาพักใหญ่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
มองคนที่นอนคลุมโปงแล้วหยกก็ยิ่งต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ทั้งที่หน้ายังยิ้มไม่ยอมหุบ
“กัส.....”
เรียก แต่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหันมาแน่
และเป็นหยกที่เงยหน้าขึ้นและพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังยิ้ม
“เดี๋ยวพี่.........ลงไปข้างล่างแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวพี่หยกมา”
เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย
กัสหลับตาแน่น และฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด
มึงบ้าเปล่าเนี่ย พี่ห่าอะไรของมึง ร้อยวันพันปีไม่เคยพูด อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้ มึงจะให้กูตอบยังไงวะ หยกแม่งบ้าไปแล้ว
“กัสอยู่ได้เนอะ พี่ไปแป๊บเดียวเอง”
มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ กูไม่ได้รั้งไว้เลย นี่กูเกร็งจะตายห่าแล้ว มึงรีบ ๆ ไปเร็ว ๆ เลยยิ่งดี
เสียงประตูเปิด และปิด พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินออกจากห้อง
กัสเปิดโปงผ้าห่มออกและมองไปที่ประตูห้อง
“เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”
ด่าคนที่ไม่อยู่ และขมวดคิ้วมุ่น
ด่าแต่ยังทำหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ มันอาจไม่ใช่เพราะพิษไข้ แต่มีบางอย่างร่วมด้วย
“พี่หยก........เหี้ยอะไรวะ”
บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
และยังขมวดคิ้วมุ่นไม่เลิก
“พี่หยก...อะไรของมึง....พี่หยก...พี่หยก”
ยังคงพูดประโยคที่ได้ยินซ้ำ ๆ ไปเรื่อย
“พี่..........ห....ย......ก”
พูดไปพูดมา ก็เริ่มจะยิ้มออกมาคนเดียว
“พี่หยก พี่หยก พี่หยก พี่หยกห่าอะไรวะ....ไม่เห็นเข้าใจเลย เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”
บ่นพึมพำไปเรื่อย แต่ก็ยิ้มออกมาได้เรื่อย ๆ
มองที่ประตูแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถหุบยิ้มได้ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้
“หยก.....”
จดจำได้เสมอ จดจำทุกสิ่งทุกอย่างของใครบางคนไว้ในใจได้เสมอ
ไม่เคยลืม ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน
และในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่...หยก”
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่เคยลืม
แม้จะพยายามลืมแค่ไหน ก็ไม่เคยลืม แม้กระทั่งในเวลานี้ที่อยากลืม ก็ไม่สามารถลืมได้
แค่ได้ยินเสียง
ก็รู้ว่าตัวเองไม่เคยลืม
ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของคน ๆ นี้ ที่แค่ได้ยินเสียง กัสก็จำได้ดีว่าคือใคร
“พี่......หย.....ก.....”
เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ต้องคิด กัสกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น นิ่งงันและหัวใจก็กำลังสั่นสะท้านและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในไม่ช้า
น้ำตาก็หยดลงอาบแก้มทันที
“กัส.....”
ใช่
กัส
ใช่
กัสเอง ใช่ นี่กัสเอง ใช่......กัส คนนี้คือกัส ใช่....
“.................อึก..ฮือ”
ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล
ไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบงัน
แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่เหมือนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรียนรู้กัน มันทำให้เข้าใจความหมายบางอย่างของคนที่อยู่กันคนละซีกโลก
ไม่ยากที่จะเข้าใจ
แต่กัสไม่อยากเข้าใจอะไรเลย
ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับนิว และเป็นนิวที่รับมาถือเอาไว้
“หยก มึงทำอะไรมัน ไอ้กัสมันร้องไห้ใหญ่แล้ว”
“ขอคุยกับมันอีกหน่อยได้มั้ย กู....ขอคุยกับกัสมันอีกหน่อยได้มั้ย.....นิว”
ได้
ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คนที่ยืนร้องไห้ แต่กัสก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย
จนนิวต้องยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือให้
“กูไม่รู้หรอกว่าระหว่างมึงสองคนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่กูอยากให้คุยนะ กูอยากให้พวกมึงคุยกัน”
มองหน้าของนิว และกัสก็รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้
เหมือนทุกครั้งที่คิดคำพูดไม่ออก
และเหมือนอีกฝ่ายก็อยู่ในความเงียบงันไม่ต่างกัน
ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
แต่ก็รับรู้ถึงการมีตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ในใจเสมอ
“ที่ผ่านมา พี่ไม่ดีเอง กัสยกโทษให้พี่ได้มั้ย”
ทำไมหยกต้องโทษตัวเอง
หยกไม่ต้องโทษตัวเองแบบนี้
มันเป็นเพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง
มันเป็นเพราะความกลัว
มันเป็นเพราะความไม่เข้าใจ
“ห.......ยก.....พี่.....หยก”
พยายามจะพูด แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ได้แต่สะอึกสะอื้นและยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า
“กัสไม่สบาย กัสต้องดูแลตัวเองมาก ๆ พี่ไม่อยู่กัสต้องไม่ดื้อนะ กัสต้องเชื่อพี่ ห้ามดื้อ เข้าใจหรือเปล่า”
“ไม่.....ดื้อ........กัส.....ไม่ดื้อ....กับพี่....หยก...แล้ว”
ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม
ไม่เคยคิดอยากจะไถ่ถามและรุกไล่มากไปกว่านี้
หยกเงยหน้าขึ้น
ไม่ร้องไห้
ร้องไห้ไม่ได้
เด็กทางโน้นมันขี้แยขนาดนี้ ห้ามร้องไห้ให้มันรู้เด็ดขาดว่าในเวลานี้คิดถึงมันมากขนาดไหน
อยากกอดมันมากขนาดไหน
อยากอยู่ใกล้มันมากขนาดไหน
“กัส.......คิดถึงพี่บ้างมั้ย”
คิด..........
“....รีบ.....กลับ.....มา....นะ”
รีบกลับมาสิ แบบนี้ต้องรีบกลับมา
กัสพูดกับพี่แบบนี้ บอกกับพี่แบบนี้ พี่ยิ่งต้องรีบกลับ
ยังไงก็ต้องรีบกลับมาหากัสให้ได้ พี่จะรีบกลับไปหากัสให้เร็วที่สุด
“แล้วกัสคิดถึงพี่หยกมั้ย”
คิด
“.....................”
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่หยกก็รู้ การไม่ตอบไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่อยากตอบ แต่เพราะเวลาเรียบเรียงคำตอบเป็นคำพูดมันยาก
เวลาที่กัสมันคิดจะตอบอะไรบางอย่าง เป็นเรื่องยาก แต่นั่นแปลว่ามันคิด คิดที่จะพูดด้วย มันถึงต้องพยายามเรียบเรียงประโยคคำพูดในใจก่อนตอบ
“กัสคิดถึงพี่...ใช่มั้ย แค่กัสตอบว่าใช่ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ ถ้ากัสคิดถึง กัสแค่ตอบพี่ว่าใช่แค่คำเดียวนะ”
ใช่
“.............ใช่....ใช่.......ใช่...ใช่ ฮึก ฮือออออ ใช่….”
แค่ได้ยิน
แค่ฟัง
เท่านี้จริง ๆ
ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อความรู้สึกได้ตรงกันเลยสักครั้ง
และนี่เป็นครั้งแรกที่หยกได้รับรู้ความรู้สึกของใครบางคน
มากขนาดนี้
ที่ไม่พูด
ไม่ใช่เพราะกัสมันไม่อยากพูด
แต่เป็นเพราะมันคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร มันถึงกลัวเวลาที่พูดผิดพูดถูก
โง่งมงาย ไม่เคยเข้าใจเลยว่า ที่ผ่านมาเป็นเพราะอะไร
กัสมันไม่สบาย
มันไม่เหมือนคนอื่น
ไม่เคยรู้ แม้จะสงสัยมานาน แต่ก็ไม่เคยรู้ จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ไอ้นิวมันบอกเรื่องบางอย่างให้รู้
ถึงได้เข้าใจ
ที่ผ่านมา
โง่งมงาย คิดไปได้ตลอดเวลาว่ากัสมันไม่เคยรัก ไม่เคยมีใจให้
และก็ทำทุกอย่างด้วยความคิดของตัวเองล้วน ๆ
ทำแบบโง่ ๆ
กว่าจะรู้ตัว ก็เกือบสายเกินไป
“พี่จะกลับไปหากัสเร็ว ๆ นะ อีกไม่นาน พี่จะกลับไป”
น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และกัสก็กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น
“แต่.......ไม่....เหมือน.....”
ไม่เป็นไร
กัสจะเป็นยังไงก็ช่าง พี่เคยสัญญาเอาไว้แบบไหน พี่ไม่เคยลืมสัญญา
“กัส.......ทุกอย่างเหมือนเดิมเสมอ สำหรับพี่ ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือวันนี้ เวลานี้ ความรู้สึกไม่เคยน้อยลงหรอกนะ กัสยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิมใช่มั้ย แค่ตอบว่าใช่”
ใช่
ไม่เปลี่ยน
ไม่เคยเปลี่ยนไป แม้จะพยายามลืม แม้ความทรงจำบางส่วนจะหายไป
แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างมันกระจ่างชัด
หน้าของหยกชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ในความรู้สึกในความทรงจำ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน
“ใช่.......พี่...หยก...ใช่...”
แค่นี้แหละที่อยากได้ยิน แค่นี้เองที่อยากฟัง
แค่นี้เองจริง ๆ
“อย่าร้องไห้นะ อย่าดื้อด้วยเข้าใจมั้ย แล้วอีกไม่นาน พี่จะกลับไปหากัส รอพี่หยกนะ พี่จะกลับไปหากัสแล้ว พี่จะไม่หายไปไหน ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำให้กัสเสียใจอีกเลยพี่สัญญา”
TBC.