Only love is real
ให้รักนำทาง
บทที่ 28 พบเพื่อลา
ก้องภพชะงักตัวอยู่บนร่างบางนั้นอย่างงงงันเมื่อได้ยินคำเรียกที่คุ้นหู ก่อนที่จะสบตากับแววตาที่ยังเลื่อนลอย
คู่นั้น
“ขอร้อง อย่า อย่าฆ่า พี่จะเห็นผมในตัวเขา ได้ไหม..”
คำขอสุดท้ายของคนที่รักสุดใจดังขึ้นมาในความทรงจำ เขามองลึกเข้าไปในดวงตาที่เคยหยิ่งยโส แต่ตอนนี้
เขากลับเห็นดวงตาที่คุ้นเคยแอบซ่อนอยู่
แต่มันหยุดไม่ได้เสียแล้ว...
ก้องภพถอนหายใจลึกยาว มือแกร่งลูบที่ไรผมเปียกชื้น
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
เขาถามเบาๆ หนุ่มน้อยเบื้องล่างนิ่งงันพลางเม้มปากแทนคำตอบ
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะไม้”
ก้องภพกระซิบที่ข้างหู ก่อนที่จะเริ่มขยับตัวอีกครั้งช้าๆ และอ่อนโยน
ร่างแกร่งยกขาหนุ่มน้อยให้สูงขึ้นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และเปิดทางให้ช่องว่างนั้นกว้างขึ้น
เขาค่อยๆขยับเอว จนเห็นว่าคนเบื้องล่างคลายความเจ็บปวดลงแล้ว และพร้อมที่จะเดินทางไปพร้อมเขา
ก้องภพจึงยกขาสองข้างของสิงขรให้เกี่ยวกระหวัดรอบลำตัวของเขาไว้ มือหนึ่งของผู้หมวดหนุ่มกุมแน่น
และเค้นคลึงไปที่เนื้ออ่อนของสิงขร พร้อมกับเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น
จนกระทั่งเขารู้สึกบีบอัดรุนแรงที่ท้องน้อยเมื่อถูกกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายรัดแน่นเป็นจังหวะ
ก้องภพรุกเร้ารัวเร็ว จนทุกอย่างระเบิดขึ้นภายในร่างของสิงขร เขาครางเสียงต่ำผสานกับเสียงร้องที่
ไม่เป็นภาษาของหนุ่มน้อย
ก่อนที่เขาจะซบหน้าลงกับร่างของคนเบื้องล่าง แล้วจุมพิตเบาๆเป็นรางวัล
แล้วสิงขรก็หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดคืน
อากาศในตอนเช้ายังคงเย็นชื้น แสงจากขอบฟ้าเริ่มเป็นสีแดงเรื่อ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้เห็นเด่นชัด
ก้องภพตื่นนานแล้ว แต่ยังไม่ยอมขยับตัว กลับกระชับอ้อมแขนรัดคนที่นอนหันหลังให้แน่นมากขึ้น
มองเห็นรอยแดงที่ลำคอของคนที่อยู่ในอ้อมแขนแล้ว ผู้หมวดหนุ่มถึงกับถอนหายใจที่ปล่อยให้ความเดือด
ดาลเข้าครอบงำ จนทำรุนแรงถึงเพียงนี้
ร่างบางที่นอนหันหลังเริ่มขยับตัวช้าๆ ก่อนที่จะยกหัวหันหน้ามาสบตากับเขา แล้วก็ชะงัก
สิงขรทำท่าจะลุกออกจากที่นอน แต่คนที่นอนเอกเขนกอยู่ก็คว้าเอวบางให้กลับมาดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อม
กอดอีกครั้ง แถมยังคว้าผ้าห่มผืนหนามาคลุมมิดหัว
“จะรีบตื่นไปไหนล่ะ ยังไม่สว่างดีเลย หนาวด้วย”
ผู้หมวดหนุ่มพึมพำเบาๆ พลางใช้คางกดศีรษะ ให้ร่างนั้น
นิ่งอยู่ในอ้อมกอด
“ปล่อยนะ ปล่อยเรา”
เสียงอู้อี้นั้นลอดออกมา จนก้องภพถอนหายใจอย่างรำคาญ
“อยากให้ปล่อย ก็ดูสภาพตัวเองตอนนี้ก่อนนะ จะออกไปไหนได้ เอาสิ ถ้าอยากไปจริงๆ ก็เชิญเลย”
ว่าแล้วก้องภพก็กระชากผ้าห่มออก แล้วปล่อยตัวหนุ่มน้อยจากอ้อมกอด
ก้องภพผวาลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะก้มไปสำรวจตัวเองแล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อร่างกายไร้อาภรณ์ใดๆ
ติดกาย แถมยังมีรอยแดงจางๆเป็นหลักฐานจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่แทบทั้งตัว
หนุ่มน้อยหน้าแดงก่ำ ยื้อยุดผ้าห่มจากมือก้องภพแล้วมาคลุมรอบตัว เลือดแห่งความกระดากยิ่งลามไปถึงใบ
หูเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึหึมาจากก้องภพ
สิงขรแทบจะหลับตาไม่ทัน เมื่ออยู่ๆร่างที่เปล่าเปลือยเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ของคนตรงหน้าก็ขยับกายลุก
นั่ง แล้วดึงตัวเขาไปกอดไว้ทั้งผ้าห่ม
“หลับสบายไหมเมื่อคืนน่ะไม้”
เสียงพูดอ่อนโยนดังขึ้นใกล้ๆหู แต่กลับเรียกการต่อต้านจากหนุ่มน้อยอีกครั้ง
“อย่ามาเรียกเราว่าไม้”
ร่างที่อยู่ภายใต้การปกคลุมของผ้าห่มพยายามผลักไส
“คนที่เรียกเราว่าไม้มีคนเดียว คือแม่ของเรา ที่เหลือเราไม่อนุญาต”
หนุ่มน้อยเสียงแข็งแต่มีหรือที่ผู้หมวดหนุ่มจะสนใจ
“แหม ก็เพิ่มโควต้าให้อีกสักคนมันจะยากเย็นอะไร จะเรียกไม้ ใครจะทำไม ไม้ ไม้ ไม้”
ก้องภพลอยหน้าลอยตาพูด สิงขรได้แต่เม้มปากด้วยความขัดเคือง
“ว่าแต่ตอนนี้หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันนะ”
อยู่ๆผู้หมวดหนุ่มก็ชวนง่ายๆ สิงขรส่ายหน้า
“ไม่ได้ เราต้องไป เอ่อ ไปอาบน้ำก่อน”
สิงขรก้มหน้างุด ก้องภพลอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดู
“เออ นั่นสินะต้องอาบน้ำก่อน อาบด้วยกันนะ ประหยัดน้ำ”
สิงขรตาเหลือกเมื่อได้ยินก้องภพพูดจบ หนุ่มน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก้องภพก็ไม่ได้ให้โอกาส
เขาลุกขึ้นดึงผ้าห่มออกจากตัวสิงขร แล้วคว้าร่างบางแบกขึ้นบ่า เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกันอย่างง่ายดาย
สิงขรนั่งหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่นั่งตรงข้ามบนโต๊ะอาหาร พลางก้มหน้าดูสภาพตนเอง
ร่างบางอยู่ในชุดของก้องภพที่ประกอบด้วยเสื้อยืดตัวเก่าและกางเกงยีนสีซีด ที่เมื่ออยู่บนร่างเขามันดูใหญ่
เทอะทะราวกับเด็กที่ขโมยชุดผู้ใหญ่มาใส่ และยิ่งไม่คุ้นตาเมื่อเขาเคยแต่ใส่ชุดดำมาตลอด
“กินข้าวกันก่อน ทำสุดฝีมือเลยนะ”
ก้องภพเชื้อเชิญ พลางตักกับข้าวใส่จานให้สิงขร และบังคับขู่เข็ญให้หนุ่มน้อยกินไปจนตลอดมื้ออาหาร
สิงขรหยิบกรอบรูปที่บรรจุรูปสเก็ตของก้องภพขึ้นมาดู ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก เมื่อก้องภพเดิน
มาใกล้ หนุ่มตาหวานวางมันลงที่เดิมก่อนเอ่ยถาม
“หมอนั่นวาดล่ะสิ”
ก้องภพไม่ตอบแต่กลับดึงแขนสิงขรไว้ให้หันมาสบตา
“ไอ้ที่คิดจะทำอยู่เลิกคิดเลิกทำได้ไหม”
ก้องภพเอ่ยถามจริงจัง
“แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ที่เคยบาดหมางกันมาแต่อดีต ก็เลิกแล้วต่อกัน ผมจะลืมด้วยเรื่องที่คุณกำจัดเจ้าไม้
เพราะอย่างไร คุณกับมันก็คือคนๆเดียวกัน”
สิงขรสบตาก้องภพอย่างค้นคว้า พบแต่ความจริงจังจริงใจอยู่ในแววตานั้น
“มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ที่นายจะลืม”
สิงขรย้อนถามเสียงขื่น เขาดึงความเป็นตัวเองกลับคืนมาจนสำเร็จต่อหน้าก้องภพ
“แต่มันไม่ง่ายสำหรับเราที่ต้องแบกเกียรติยศของครอบครัวไว้บนบ่ามาตลอดชีวิต”
สิงขรท่องมนต์บทง่ายๆในใจ แล้วเป่าลมใส่ก้องภพเบาๆโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
อยู่ๆ ก้องภพก็รู้สึกง่วงงุนอย่างประหลาด เขาเซไปมา ก่อนที่สติจะดับวูบลง
สิงขรประคองร่างแกร่งไม่ให้ล้ม พลางจัดให้นอนที่โซฟารับแขก หนุ่มน้อยมองหน้าก้องภพอีกครั้ง
ดวงตาถือดีเมื่อครู่บัดนี้แดงเรื่อ สิงขรโน้มตัวไปจุมพิตที่ปากแดงนั้นเบาๆ
“ขอโทษนะ ที่ทำอย่างที่พี่ต้องการไม่ได้ พี่ก้อง ลาก่อน”
ร่างบางเดินตรงไปที่ห้องนอน ก่อนที่จะนิ่งคิดถึงสถานที่ที่ก้องภพจะเก็บเหล็กไหลไว้
สิงขรเดินไปที่กีตาร์ที่วางอยู่มุมห้อง แล้วหยิบมันขึ้นมาคว่ำหน้าลง เขาค่อยๆขยับจนกล่องเล็กๆที่อยู่
ภายในกีตาร์เลื่อนและตกลงมาใส่มือ
หนุ่มน้อยลูบกีตาร์อย่างรักใคร่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างจะค่อยๆจางลง กลายเป็นมวลอากาศที่หมุนวน
และจางหายจนหมดในที่สุด
อย่าลืมไปอ่าน เพลิงพ่าย กันด้วยนะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43444.0