Only Love Is Real
ให้รักนำทาง
บทที่19 ความสุข
ก้องภพก้มลงไปจูบที่เปลือกตาหวานซึ้งอีกครั้งแทนคำตอบ เขาวางสิงขรอย่างเบามือลงบนเสื้อที่เขาปูไว้
ให้หนุ่มน้อยนอนตลอดเวลาที่ไม่ได้สติ
ผู้หมวดหนุ่มถอดเสื้อยืดของสิงขรออกช้าๆ เผยให้เห็นชัดถึงรอยช้ำไหม้เกือบตลอดทั้งลำตัว เขาเอื้อมมือไปแตะ
เบาๆอย่างสงสาร ก่อนที่จะก้มลงไปพรมจูบทั่วบริเวณเหล่านั้นราวกับจะปลอบประโลม แล้วเขาก็ปลด
กางเกงยีนส์ของสิงขรออกไปจากตัวจนเจ้าของร่างนอนสั่นสะท้านเปลือยเปล่าอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ในป่ากว้าง
ก้องภพปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองตามมา แล้วเอนตัวแนบกายทาบทับร่างที่อุณหภูมิเริ่มร้อนราวกับไฟสุม
เขาเอียงหน้าไปจุมพิตริมฝีปากแตกซีดนั่นอีกครั้ง คราวนี้เขาขบเม้มและดูดดึงริมฝีปาก ก่อนจะส่งปลายลิ้น
อุ่นเข้าไปคลุกเคล้าในช่องปากของหนุ่มน้อย มือแกร่งวางทาบไปบนเนื้อตัวลูบไล้อย่างหวงแหน
เขาถอนจุมพิตก่อนที่จะลากริมฝีปากมาขบเม้มไปทั่วร่าง หนวดเคราดกครึ้มของผู้หมวดหนุ่มบดไถไป
ตามเนื้อตัวยิ่งเพิ่มความรัญจวนจนคนที่อ่อนประสบการณ์ต้องบิดกายและส่งเสียงครางแทบไม่เป็นภาษา
สิงขรสะท้านราวกับมีคนนำน้ำแข็งมาวางบนร่างทุกครั้งที่มือและริมฝีปากที่มีไรหนวดของก้องภพสัมผัส
มันช่างอ่อนโยนที่เขาแตะต้อง แต่มันก็ทำให้หนุ่มน้อยสะดุ้งอยู่ร่ำไป จนต้องแอ่นกายรับสัมผัสที่ไม่มีว่างเว้น
ก้องภพแยกขาของสิงขรออก เขาเลื่อนตัวเองจนจุดกึ่งกลางร่างทั้งสองมาบรรจบกัน ก้องภพโน้มตัวไปจุมพิต
ที่หน้าผากมนของสิงขร แล้วเกลี่ยผมที่เริ่มยาวรุงรังมาปรกหน้าเบาๆ มือสากกอบกุมสิ่งหวงแหนของอีกฝ่ายไว้
บดเบียดด้วยปลายนิ้ว ปลุกเร้าอารมณ์จนหนุ่มน้อยหอบหายใจเร็วถี่ยิบ สองแขนเรียวคล้องไปรอบคอเหนี่ยวให้
ร่างกายยิ่งแนบเนื้อ เสียงครางแผ่วหลุดออกมาล่องลอยไปกับสายลมหนาวยามราตรี
ผู้หมวดหนุ่มส่งปลายนิ้วไปทักทายเส้นทางรัก นวดคลึงเบาๆ จนคิ้วโก่งที่ขมวดแน่นเพราะรู้สึกเจ็บเริ่มคลายลง
เขารอจนถ้ำน้อยเริ่มชื้นแฉะได้ที่ ก้องภพจึงได้กระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหู
“ความสุขของพี่ คือการที่ไม้มีความสุข”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก้องภพก็แทรกกายที่แข็งแกร่งเข้าไปในร่างของสิงขร
หนุ่มน้อยสะดุ้งเฮือก ความเจ็บแปลบซ่านเข้ามาจนแทบจะตะโกนก้อง แต่มันก็ถูกดูดซับด้วยริมฝีปากของ
ก้องภพจนเสียงนั้นกลายเป็นแค่เสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
สิงขรเขยิบตัวหนีตามสัญชาตญาณ แต่ก้องภพก็รั้งสะโพกนั้นไว้ ผู้หมวดหนุ่มขยับตัวให้หนุ่มน้อยรู้สึก
สบายขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะยกสะโพกสิงขรขึ้นสูงอีกเล็กน้อย แล้วเขาก็ดันร่างตัวเองจนสุดตัว
สิงขรเกร็งร่างรับ สองมือของเขาตะปบเข้าที่แผ่นหลังของผู้หมวดหนุ่ม แล้วกอดรัดร่างนั้นให้แน่นเข้าด้วย
สัญชาตญาณ จนก้องภพเองก็เผลอครางเบาๆ แม้ริมฝีปากจะยังคลอเคลียอยู่ที่ยอดอกสีสวยของหนุ่มน้อย
ที่เขาทั้งงับ โลมเลียจนมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขา
ความรู้สึกแปลกใหม่เริ่มเกิดขึ้นแทนความเจ็บปวด ก้องภพควบคุมจังหวะจนสิงขรต้องบิดกายและคราง
เบาๆ เมื่อความรัดรึงบีบเค้นเริ่มมาเยือน
“โอ๊ะ..พี่ก้อง ผม..ผม..อื้อ..”
หนุ่มน้อยครางไม่เป็นภาษา แทบบอกความรู้สึกไม่ถูกเมื่อกล้ามเนื้อส่วนนั้นมันเร้นรัดอย่างที่เขาบังคับตัวเอง
ไม่ได้ ยิ่งผู้หมวดหนุ่มคุมเกมส์ถี่กระชั้นเขายืดตัวสูงและดึงสะโพกหนุ่มน้อยให้รับกับหน้าขาก่อนเร่งจังหวะ
สุดท้ายเร็วรัว
กล้ามเนื้อในร่างหนุ่มน้อยบีบอัดอย่างชัดเจน จนสิงขรรู้สึกเหมือนมีพลุระเบิดไปทั่วร่าง แสงระยิบระยับ
พร่างพราวอยู่ในหัว
ความปีติเป็นสุขเกิดขึ้นในใจมหาศาล จนผลิตเป็นหยาดน้ำตาหยดรินลงมาจากหางตาลงสู่พื้นดิน
สิงขรในชุดดำสะดุ้งเฮือกอยู่บนที่นอนในบ้านกลางหุบเขา เมื่ออยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งตรงจู่โจมเข้ามา
แทนที่ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการต่อสู้ มันเป็นความรู้สึกหวามไหวประหลาดที่เขาไม่รู้จักมาก่อน จนตัว
สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
เขาใช้สองแขนกอดตัวเองไว้ แล้วนอนคู้ตัวเหมือนเด็กในครรภ์มารดา ราวกับมันจะช่วยกำจัดเจ้าความรู้สึก
บ้าๆ นี่ออกไปได้สำเร็จ
แสงแห่งอรุโณทัยขับเคลื่อนจนขอบฟ้าทิศตะวันออกเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ อากาศที่หนาวเหน็บก่อให้เกิด
ฝ้าละอองแห่งไอหมอกระเรี่ยอยู่ตามพื้นดินบนเขาสูงจนมองแล้วคล้ายกลุ่มไอสีขาวได้ล้อมรอบยอดภูสูง
เหล่านั้นไว้
สิงขรค่อยๆกะพริบตาเมื่อตื่นจากหลับใหลในท่านอนตะแคงคุดคู้อยู่ ก่อนที่เขาจะตั้งสติและสำรวจตัวเอง
แล้วหนุ่มน้อยก็ร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อราตรีที่ผ่านมา
และยิ่งรู้สึกถึงท่อนแขนที่พาดผ่านลำตัวกอดรัดจนไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ มาจากคนที่ยังหลับสนิท
อยู่เบื้องหลัง ความอบอุ่นก็ยิ่งบังเกิดขึ้นในใจ จนอดอมยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้
ท่อนแขนแกร่งที่วางแนบลำตัวขยับรัดจนร่างสิงขรแนบไปกับคนที่เป็นเจ้าของท่อนแขนนั้น
ก่อนที่หนุ่มน้อยจะรู้สึกถึงจุมพิตเบาๆที่ต้นคอ
“ตื่นแล้วหรือ”
เสียงอบอุ่นดังขึ้นใกล้ๆหูของสิงขร ก้องภพดึงร่างที่นอนตะแคงหันหลังให้หันกลับมานอนสบตากับเขาจน
ได้ ผู้หมวดหนุ่มจูบเบาๆที่หน้าผากของหนุ่มน้อย
“สวัสดีปีใหม่นะ ไม้”
สิงขรอ้าปากหวอ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นมากมายจนเขาแทบจะลืมวันลืมคืนไป
แล้ว
“สวัสดีปีใหม่ฮะ พี่ก้อง”
หนุ่มตาหวานอมยิ้ม ทักทายตอบ
“เมื่อคืนหลับสนิทดีไหม”
ก้องภพถามเจือรอยยิ้ม จุดประกายแดงเรื่อ ไปทั่วแก้มเนียนของอีกฝ่าย
“จะสนิทได้ไงเล่า พี่ก้องนี่นะ”
สิงขรก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาวิบๆวับๆของอีกฝ่าย
ก้องภพหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจูบแรงๆที่แก้มเนียนนั้น แล้วเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับช่วยพยุงสิงขรให้ลุกนั่ง
“หิวแล้ว ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาวันกว่า จะออกไปหาอาหาร ก็กลัวแกจะเป็นอันตราย”
ก้องภพพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น ก่อนที่จะหันไปพิจารณาสิงขร เมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยามเช้าส่อง
เต็มที่
ใบหน้าที่ขาวซีดเมื่อวันที่ผ่านมา วันนี้ดูแจ่มใสมีเลือดฝาดมากขึ้น ตัวที่ร้อนราวกับไฟก็ลดลงจนแทบจะเป็น
ปกติ รอยไหม้ช้ำที่กลางลำตัวก็จางลง จนไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง
“พี่จะออกไปหาอาหารกับน้ำ แกอยู่ดูแลตัวเองพอได้แล้วใช่ไหม”
เขาป้อนคำถามไปที่ธนทัต หนุ่มน้อยพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“งั้นก็ดีแล้ว รอพี่อยู่ที่นี่ พี่ไปไม่นานหรอก”
ก้องภพยิ้มให้ ก่อนที่จะจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากของสิงขรแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินลงไปจากเนินเขา
ทันทีที่ร่างของก้องภพลับสายตา รอยยิ้มที่หนุ่มน้อยมีก็ค่อยๆลดลง จนเหลือแต่สีหน้าที่เป็นกังวล
วันนี้คือวันปีใหม่ เวลาที่มีดูจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงพิธีกรรมที่ใครอีกคนต้องการให้เกิดขึ้น
โชคดีที่เมื่อวันที่พบเหล็กไหลได้ก้องภพช่วยไว้ และเป็นวันพระจันทร์ข้างขึ้น ทำให้พลังของอีกคนลดน้อย
ถอยลงไม่เช่นนั้น ของศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายนี้ต้องตกไปถึงมือคนๆนั้นอย่างแน่นอน
สิงขรเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงคนที่ขีดเส้นชะตากรรมของเขาไว้ ถ้ามันเป็นทางเดียว
ที่เขาจะช่วยไม่ให้ความเลวร้ายบังเกิดขึ้นได้ เขาจะยอมรับมัน
หนุ่มน้อยคว้ากระเป๋าเป้ที่บรรจุสิ่งสำคัญไว้ แล้วหยิบกล่องที่บรรจุเหล็กไหลขึ้นมา เหล็กไหลสีเขียวนี้
นับว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีค่ามาก เหล็กไหลมีชีวิตของมันเอง ชอบความเย็น เงียบ และที่สำคัญ มันจะอยู่กับ
คนดี
สิงขรนั่งขัดสมาธิ วางกล่องบรรจุเหล็กไหลตรงหน้า ก่อนที่จะระลึกถึงพระรัตนตรัย เขาบอกกล่าวถึง
วัตถุประสงค์อยู่ในใจ พลางอธิษฐาน แล้วจึงกำหนดใจทำสมาธิ
จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็บังเกิด