มันเป็นอะไรที่ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก อ่านซีนแรกนั่งอมยิ้ม กับการลงตัวที่ยากจะเป็นไปได้ แต่ในโลกนี้อะไร ๆ
ก็เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น มันมีความสุขมาก ๆ กับสิ่งที่ได้อ่าน แต่ใจมันยังหวั่น ๆ ยังไงพิกล
พอมาอ่านซินที่ 2 มันรู้สึกชา และอึ้งไปกับตัวหนังสือที่น้องเอ ถ่ายทอดออกมา มันเหมือนกับเป็นพินัยกรรม
หรือคำประกาศที่ช๊อคความรู้สึก ของพี่ ( คิดว่าเพื่อน ๆ ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน ) ในความรู้สึกตอนแรกอยาก
ให้เป็นการอำกันเล่น ๆ ( แม้แต่ตอนนี้ก็ยังอยากให้เป็นอย่างนั้น ) แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็คงเป็นไปตาม
บุรพกรรม ที่ถูกกำหนดมาด้วยผลของกรรม แต่ชาติปางก่อน เพียงแต่มันทำไมมาเร็วนักนะ สำหรับคนดี ๆ
อย่างน้องเอ แม้จะรู้ว่าไม่มีใครหรือผู้ใดที่จะหนีมันพ้น แต่อย่างน้อยถ้าคิดในแง่ดี มันก็เป็นการเตรียมตัวที่จะ
ละโลกนี้ไปสู่ภพใหม่ ในขณะที่เรายังรู้ตัวอยู่ แม้จะโหดร้ายไปบ้าง แต่ถ้าเรายังมีสติ รู้ตัวตนของตนอยู่ในขณะ
นี้ ว่าเวลาที่เหลืออยู่มันช่างน้อยนิด แต่เอาเวลาที่เหลืออยู่น้อยนี้แหละ รักษาจิตให้อยู่ในสภาวะปกติ รักษาจิต
ให้รู้ตัวตนของตนตลอดเวลา จนวาระสุดท้ายของชีวิต ทางพุทธศาสนา ว่าไว้ว่าเราจะไปสู่ภพภูมิที่ดี เพราะขณะ
นั้นจิตเราเป็นปกติคิดในบุญกุศลที่ได้ทำมาตลอด อานิสงฆ์ผลบุญจะนำเราไปสู่ภพภูมิที่ดี ถ้าน้องนิคได้เข้ามา
อ่านหรือว่า น้องนิคเข้ามาพบ ลองบอกน้องเอ ดูนะครับ นั่งภาวนาจนลมสุดท้าย หรือภาวนาขณะนอน ว่า
พุทโธ จนลมสุดท้าย ไม่อยากเขียนหรือแนะนำอย่างนี้ดอกนะครับ แต่ถ้ามันเป็นจริงตามที่บอกเล่ามา ก็น่า
จะทำดู นะครับ ส่วนน้องนิค ในใจคงเจ็บช้ำ และเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ขอให้อยู่ด้วยการมีสติ อย่าให้
เหตุการณ์นี้ทำให้น้องนิค สิ้นหวังในชีวิต ยังมีคนรอบข้างเรา ที่ยังรอ และหวังในความเป็นน้องนิคอยู่
และคิดว่า น้องเอ ก็คงอยู่ข้าง ๆ น้องนิคตลอดไป แม้จะไม่ใช่ด้วยการหยาบ แต่เป็นกายทิพย์ก็ดี
หวังว่าข้อคิดเห็น แม้เพียงน้อยนิด แต่ถ้ามันมีส่วนช่วยให้น้องเอ และน้องนิค รู้สึกดีขึ้น พี่ก็มีความสุขแล้วละครับ
สุดท้าย หวังว่าเหตุการณ์นี้คงไม่ใช่เรื่องจริง นะครับ

รักน้อง ทั้งสองคนมาก เราคงได้พบกันอีกนะครับ

หวังว่าข้อคิดเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ถ้ามีส่วนช่วยให้อะไร ๆ มันดีขึ้น พี่คงรู้สึกดีและมีความสุขขี้นมาบ้าง