บทที่ยี่สิบสี่ --- ตามหา(ต่อ)
ผมร้องไห้ออกมานานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมีบ้างอย่างมาขัดจังหวะการร้องไห้ของผม มันเหมือนมีตัวอะไรมันบินตอมแถวๆต้นคอ ผมใช้มือปัดแต่ยังก้มหน้าร้องไห้อยู่ มันก็หายแล้วก็มาใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้ง จนผมรำคาญ ผมเลยเงยหน้าขึ้นพร้อมหันไป สิ่งที่ผมเห็นคือ...................
พี่นิคกำลังใช้ดอกหญ้ามาแหย่ที่ต้นคอผม พอผมหันไปพี่นิคแกก็ยิ้มให้แล้วทำเสียง “เหมียวๆ”ออกมา ในจังหวะนั้นผมบอกไม่ถูกว่าจะดีใจหรือเสียใจหรือมีความรู้สึกอะไรกันแน่
ผมไม่พูดอะไรและไม่คิดอะไรทั้งนั้น ผมรีบคว้าตัวพี่นิคเข้ามาโผลกอดไว้อย่างแน่นราวกับว่าจะกลัวพี่นิคจะหนีหายไปไหนอีก พี่นิคที่ไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจกับการตอบรับของผมเหมือนกัน
“เอ เอครับ พอแล้ว พี่ไม่ใช่ปลาทูนะครับ จะกินกันเลยเหรอไง กอดซะแน่นเชียว หายใจไม่ออก”เสียงพี่นิคพูดออกมาอย่างติดขัด คงเป็นเพราะผมกอดแน่นจริง
ผมเอามือออกแล้วนั่งก้มหน้า ไม่กล้าพูดหรือแม้กระทั่งแต่มองหน้าก็ยังไม่กล้า พี่นิคเองก็นั่งนิ่งไม่ทำอะไรจนเวลาผ่านไปนานพอควรพี่นิคทำท่าเหมือนไปหยิบอะไรที่อยู่ข้างหลังออกมาส่งให้ผม
มันเป็นตุ๊กตาที่ผมเพิ่งเอาไปให้พี่เขาเมื่อเช้าเอง แต่สภาพมันเปลี่ยนจากที่พันมือน้องหมาพันหน้าอกน้องมามาเป็น ทั้งสองตัวนี้กำลังกอดกันแล้วพันด้วยผ้าผืนเดิม (คล้ายๆตุ๊กตาคุณไสยรักยมเลย..ฮ่าๆ)
ผมเห็นตุ๊กตาคู่นั้นก็พอที่จะทราบความหมายที่พี่นิคมีให้ต่อผมคือให้อภัยและยังรักเหมือนเดิม ผมรับตุ๊กตาคู่นั้นมาพร้อมกับถามว่า “พี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
“ก็ไม่เห็นยากนี่ แค่พี่เห็นตุ๊กตาในกล่องของขวัญพี่ก็รู้แล้วว่าใครที่มีนิสัยเด็กๆเอาของอย่างนี้มาให้พี่ได้นอกจากเรา พี่เลยโทรหาเราแต่ไม่ติด ตอนแรกพี่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเป็นเรา เพราะเห็นว่าเราจะไปเชียงใหม่กับหมอที พี่เลยโทรเช็คกับหมอที หมอทีบอกว่าเราจะมาหาพี่ พี่เลยมั่นใจว่าต้องเป็นเรา พี่เลยรีบขับรถกลับมาขอนแก่น เข้าไปหาเราที่บ้านอาอี๊ อาอี๊บอกว่าเรายังอยู่ในมอโทรหาก็ไม่ติด พี่เลยเข้ามาหา ในมอมันกว้างก็จริงนะ แต่ที่สำหรับคนที่คิดว่ากำลังจะอกหักนะมันมีไม่กี่ที่หรอกที่จะมานั่งทำใจ พี่เลยมาหาเราเจอไง”พี่นิคอธิบายซะยืดยาว
ผมได้แต่เงียบฟังแล้วคิดตามตลอดเวลาที่ผมพยายามหลบหน้าพี่นิค ไม่ใส่กับพี่นิคแต่พี่นิครู้เรื่องของผมตลอด รู้กระทั่งว่าผมจะไปเชียงใหม่กับพี่หมอที
“ไหนยามเขาบอกว่าพี่ไปฝั่งลาว”ผมถามขึ้น
“ก็ไปไง ไปตั้งแต่เช้าไปไหว้ธาตุหลวงแล้วก็กลับ ตอนแรกว่าจะกลับเย็นๆแต่พี่รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้อยู่ดีๆก็อยากกลับบ้าน เลยบอกกับทุกคนว่าไม่ปวดหัวค่อยสบายอยากกลับบ้านไปพักผ่อน
พอกลับมาบ่ายสองได้มั้ง น้ายามก็เอากล่องของขวัญมาให้ พี่เลยรีบตามมาหาเรานี่แหละ”พี่นิคบอก
“แล้ว....พี่...ไม่โกรธผมเหรอ.....ที่....ผม........เอ่อ.........”ผมพูดอย่างไม่เต็มปากที่จะถามเรื่องที่ผมเคยปฏิเสธพี่เขาไป
“ถ้าโกรธแล้วจะมาหาไหมเนี่ยะ ดูตุ๊กตาซิว่าเขาทำอะไรกัน ถ้าโกรธตุ๊กตาหมาคงไม่มายืนกอดตุ๊กตาแมวอย่างนี้หรอก พี่คงจับให้ตุ๊กตาหมาเหยียบตุ๊กตาแมวให้ขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว”พี่นิคพูดพร้อมเอาตุ๊กตาที่มือผมไปทำท่าประกอบ ทำให้ผมยิ้มออกมาได้
“พี่ๆ ขอๆ ขอตุ๊กตา”เสียงเด็กน้อยผู้ชายที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มาทำท่าแบมือขอตุ๊กตาอยู่ข้างหลังผมกับพี่นิค
“จะเอาตุ๊กตาเหรอครับ เอาตัวไหนดีเอ่ย เอาตุ๊กตาน้องแมวไปแล้วกันน่ารักดี”ผมบอกพร้อมหยิบตุ๊กตาแมวจากมือของพี่นิคส่งไปให้เด็กคนนั้น พี่นิคทำตาโตเหมือนไม่พอใจใส่ผมแล้วคว้าตุ๊กตาแมวคืนมา ผมทำหน้างงๆ เด็กคนนั้นก็มองหน้าพี่นิค
“งั้นเอาตุ๊กตาน้องหมาก็ได้นะ ดูดุหน่อยแต่น่ารักดี”ผมทำท่าจะคว้าตุ๊กตาหมาจากมือพี่นิคแต่พี่นิคเอาหลบ
“ไม่ให้ ของเขาอยู่เป็นคู่กัน จะมาแยกกันได้ยังไง”พี่นิคพูดขึ้นลอยๆเชิงบอกผม
“งั้นเอาไปสองตัวเลยนะ เดี่ยวพี่เอาให้”ผมบอกกับเด็กน้อย แต่พี่นิคถือตุ๊กตาไปซอ่นไว้ข้างหลังทั้งสองตัว
“ไม่ให้ อยากได้ไปเอาตัวอื่น เด็กอะไรขี้ขอชะมัด”พี่นิคพูดออกมา เด็กคนนั้นเริ่มเบะปากทำท่าจะร้องไห้
“พี่นิคให้น้องเขาตัวหนึ่งดิ่ น้องเขาจะร้องไห้แล้ว เดี๋ยวผมซื้อให้พี่ใหม่ก็ได้”ผมบอกพร้อมทำท่าจะโอ้เด็ก
“ไม่ได้ๆ ไม่เหมือนกัน ไม่ให้ด้วย”พี่นิคทำท่าหวงของเล่นเป็นเด็กๆ
“งั้นเดี๋ยวไปกับพี่นะครับ ไปเอาตุ๊กตาในรถกับพี่นะ”ผมบอก
“ไม่เอา จะเอาตัวนี้ จะเอาๆ”เด็กน้อยเริ่มงอแง
“ไม่ให้ บอกว่าไม่ให้ไง ไม่เข้าใจหรือไง”พี่นิคทำเสียงดุหันไปพูดกับเด็กน้อยคนนั้น เด็กน้อยคนนั้นร้องไห้แงออกมาเลย
“ซวยแล้วพี่นิคทำลูกเขาร้องไห้ โอ๋...ๆๆๆ.....อย่าร้องนะ พี่นิคเอาตุ๊กตามาซิ เร็วๆ”ผมปลอบเด็กพร้อมบอกพี่นิคให้เอาตุ๊กตามา แต่พี่นิคกลับยืนเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้
“โอ๋ๆ ลูกพ่อ หยุดร้องนะครับ กลับบ้านกัน ขอโทษนะครับที่เด็กมากวน”คนเป็นพ่อเด็กเดินมาหลังจากได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกตัวเองแล้วอุ้มลูกกลับไปที่รถเพื่อกลับบ้าน
“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษครับที่ทำให้ร้องไห้”ผมบอกออกไปพี่นิคทำเฉย
“คนอะไรไม่รู้ใจร้ายแม้กระทั่งกับเด็ก”ผมบ่นออกมาลอยๆ
“ว่าใคร เรายังมีความผิดอยู่นะ”พี่นิคพูดพร้อมหันมามองหน้าผม
“ความผิดอะไร ผมทำอะไรผิด”ผมหันกลับมาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่นิคเงยหน้ามามองผมทำให้ผมกับพี่นิคเราสองคนสบตากัน
นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้มองดวงตาของพี่นิคได้เต็มๆแบบนี้ ดวงตาที่ชวนลุ่มหลงเหมือนมีมนต์สะกดสำหรับผม ดวงตาคู่นี้ที่สื่อผ่านอะไรบางอย่างออกมาจากใจ ผมหยุดนิ่งค่อยๆหลับตาลงพี่นิคเองก็ค่อยๆบรรจงเอาริมฝีปากมากำลังจะประกบกับริมฝีปากของผม แล้วก็มีเสียงดังขึ้นว่า
“.............เวลา 18 นาฬิกา เตรียมเคารพธงชาติ.........”เสียงที่เข้ามาขัดจังหวะ ทำให้เราทั้งสองคนต้องผละออกจากกันเพื่อยืนตรง ผมหันหน้าออกจากพี่นิคทันทีพร้อมแก้มที่แดงและเขินอาย
“เสียสละเพื่อชาติ”พี่นิคกัดฟันบ่นออกมา
เพลงชาติดังขึ้น ผมยืนตรงหันหลังในพี่นิค
“เอ เพลงชาติจบแล้ว หันมาซิ”พี่นิคบอก
“หึ...”ผมส่งเสียงปฏิเสธออกมาจากลำคอ พร้อมส่ายหน้าด้วยความเขินอาย
“หันมาเร็วๆ อย่าดื้อน่า”พี่นิคพูดบ่นรำคาญนิดๆ
“ไม่ๆหมดเวลาแล้ว ไปดีกว่า”ผมบอกปัดด้วยความอายแล้วทำท่าเดินหนี
“จะไปไหน”พี่นิคเอื้อมมือมาจะจับมือผม ผมรู้ทันเลยวิ่งหนีแต่สายตาผมเหลือบเหมือนไปเห็นใครบางคน ผมไม่ได้สนใจอะไรมากแล้วตะโกนกลับไปว่า
“จะเข้าบ้านไปปาร์ตี้กับอาอี๊”
“เออ....ใช่ ตอนที่พี่เข้าไปถามหาเอ อาอี๊ก็ชวนพี่ด้วย”พี่นิคบอก
“ไม่ใช่อยากไปกับเขา เลยขี้ตู่เอาเองหรือป่าว”ผมบอกเล่นแบบแหย่ๆ
“ไม่ไปก็ได้”พี่นิคบอกแบบงอนๆ
“ดีจะได้ไม่มีคนแย่งกิน ไปดีกว่า”ผมบอกแล้วทำท่าเดินหนี แต่พี่นิคเร็วกว่าคว้าข้อมือผมแล้วดึงตัวผมเข้ามากอดไว้
“จะหนีพี่ไปไหน คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้เอหนีไปไหนกับใครอีกแล้ว”พี่นิคบอก
“ผมก็จะไม่ยอมให้พี่หนีผมอีกแล้ว ผมเบื่อที่จะตามหาพี่”ผมตอบกลับ
พี่นิคทำท่าจะก้มลงจูบผมแต่ผมเบือนหน้าหนี ทำเอาพี่นิคชะงักแล้วปล่อยผมออกจากอ้อมกอด
“พี่ไม่คิดเลยว่าเราจะมีวันนี้ วันสิ้นปีเหมือนสิ้นปัญหาทุกอย่างที่พี่แบกรับเก็บมาไว้นานคนเดียว”พี่นิคบอกออกมาพร้อมส่งสายตาทอดยาวออกไปที่ริมบึงสีฐาน
“ใครว่าพี่แบกรับคนเดียว ผมก็แบกไม่น้อยไปกว่าพี่เลย พี่นิคครับ พี่เป็นเหมือนหัวใจของผมนะครับ เวลาพี่หนักใจผมก็หนักด้วย พี่นิคครับ..........ผม..........รัก.......พี่นะครับ”ผมได้โพล่งความรู้สึกในใจออกไป
พี่นิคหันมายิ้มแล้วบอกกับผมว่า “วันนี้เป็นวันที่พี่มีความสุขที่สุดเลยครับ พี่ว่าปีหน้าทั้งปีคงมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาทำให้พี่มีความสุขแน่เลยครับ เอครับไปกับพี่นะครับ ไปจัดรายการกัน วันนี้พี่มีความสุขพี่อยากส่งความสุขนี้ให้กับคนฟัง ไว้จัดรายการเสร็จค่อยเข้าไปบ้านอาอี๊พร้อมกันนะครับ” ผมพยักหน้า พี่นิคบอกว่าให้เอารถไปคันเดียวแล้วก็จัดแจงบอกให้ผมเอารถไปจอดที่หอ แล้วพี่แกจะขับตามไปรับ
ผมเดินมาที่รถ ผมเห็นสิ่งที่ผิดสังเกตคือที่กระจกมองข้างมีถุงพลาสติกสีออกชมพูแดงๆห้อยไว้อยู่ ผมเลยเดินไปเอามาดู ปรากฏว่าข้างในถุงนั้น มีรูปถ่ายตอนที่พี่นิคจะจูบผมอยู่ที่ใต้ภาพมีวันที่และเวลาบอกอย่างชัดเจนว่ามันคือวันนี้และเวลาก่อนเคารพธงชาติเล็กน้อย ผมพลิกดูไม่เห็นมีข้อความอะไร ดูจากกระดาษภาพถ่ายแล้วรู้ได้ว่าภาพนี้มาจากกล้องโพลาลอยด์แน่ๆ ผมคิดในใจว่าจะใช่คนๆนั้นหรือเปล่า แลว้ต้องใช่กับคนที่ผมเห็นแวบๆตอนวิ่งหลบพี่นิคด้วย เพราะผมคุ้นท่าทางเขาดี
ผมดูในถุงนั้นอีกก็พบลูกอมรูปหัวใจ 6 เม็ด ที่นี้ผมมั่นใจเลยว่าใช่เขาแน่ๆ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เก่ง ผู้ชายคนแรกที่บอกรักผมที่สุพรรณตอนที่เราไปงานแต่งพี่สาวของไอ้บอย แล้วให้ลูกอมรูปหัวใจกับผม 6 เม็ดโดยพี่แกบอกว่าทั้งซองมันมี 12 เม็ด พี่เก่งแบ่งให้ครึ่งหนึ่งเหมือนกับใจพี่เขาที่ให้ผมมาครึ่งหนึ่ง ว่าแต่ว่าพี่เก่งมาทำอะไร ไม่กลับบ้านเหรอ แล้วเขาถ่ายรูปผมกับพี่นิคทำไม หรือว่าไว้แบล็คเมล์ แต่ผมรู้และเชื่อใจพี่เก่งว่าไม่ได้มีนิสัยอย่างนั้นแน่นอน
“เอ เป็นอะไร ทำไมไม่ขึ้นรถไปซักที”เสียงพี่นิคที่นั่งอยู่ในรถของตัวเองตะโกนเรียกผม ทำให้ผมรีบขึ้นไปในรถแล้วขับออกไปทันที
...
หลังจากที่ผมเอารถไปเก็บไว้ที่หอแล้วก็มานั่งรถพี่นิค ตลอดทางไปสถานีพี่นิคจับมือผมไว้ตลอดเวลา
“อ้าวนิค ไหนว่าจะกลับหนองคาย มาโผล่ที่นี้ได้ไง อย่าบอกนะว่าจะมาเข้ารายการ พี่เห็นนิคส่งเทปมาแล้วนี่”พี่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคสถานีทักพี่นิค
“หวัดดีครับพี่ วันนี้ผมมีความสุขผมอยากจัดสด ไม่อยากจัดแห้งเปิดเทปอ่ะครับ”พี่นิคพูดพร้อมดึงตัวผมเข้ามากอดไหล่
ระหว่างที่พี่นิคจัดรายการผมสังเกตว่าวันนี้พี่นิคดวงตาดูสดใสเป็นประกาย พูดไปยิ้มไปหัวเราะไป ทักทายกับผู้ฟังเป็นอย่างดี เพลงแต่ละเพลงที่เลือกมาเปิดก็เป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก ความสุข ความสมหวังทั้งนั้น
“น้องรู้เปล่านิคมันเป็นอะไร วันนี้มันเปิดเพลงแต่เพลงแนวนี้จนพี่เลี่ยน”พี่เจ้าหน้าเทคนิคเอ่ยถามผม
“ไม่รู้ครับ สงสัยพี่เขากำลังมีความสุขอินเลิฟมั้งครับ”ผมบอกออกไป
“..........ครับต่อไปเป็นช่วงขอเพลงหน้าไมค์นะครับ มาแล้วครับสายแรก สวัสดีครับแนะนำตัวเองเลยครับ”เสียงพี่นิคพูดจัดรายการกับผู้ฟังที่โทรศัพท์เข้ามาขอเพลง
“ผมขอเพลงหน่อยครับ”เสียงตอบกลับมา เสียงนั้นทำเอาผมคุ้นหู
“จะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอครับ ซักนิดก็ยังดีนะครับ”พี่นิคตอบ
“เรียกผมว่าตากล้องหมดหัวใจก็แล้วกันครับ”เสียงปลายสายตอบกลับมา
“ครับ คุณตากล้องหมดหัวใจครับ จะขอเพลงอะไรดีครับ”พี่นิคถามต่อ
“ผมขอเพลงฉันยังเหมือนเดิม ของศิริศักดิ์ให้กับ A SC ครับ”เสียงนั้นตอบกลับมาแล้วก็วางสายไปทันที ผมฟังแล้วก็ถึงกับกังวลทันที เพราะคนที่ใช้ชื่อว่าตากล้องหมดใจฟังจากเสียงผมก็พอจำได้ว่าเป็นพี่เก่ง แล้วเพลงที่ให้ก็คือผม ชื่อเอ SC ชื่อย่อของคณะที่ผมเรียน แต่ดูเหมือนพี่นิคจะไม่ฉุกคิดอะไรเลย อย่างนี้แหละน้าคนกำลังมีความสุข หรือความรักทำให้คนหูหนวกตาบอดกันแน่
“วางสายไปแล้วนะครับ แต่ไม่เป้นไรครับ เราจัดให้ มาฟังเพลงฉันยังเหมือนเดิมของศิริศักดิ์ที่คุณตากล้องหมดใจ ขอให้กับคุณ A SC กันนะครับ ไปฟังกันเลยครับ..........”พี่นิคเกริ่นนำก่อนเข้าเพลง
(
http://www.imeem.com/lowso501/music/AEQdBmHg// ---ฟังเพลงฉันยังเหมือนเดิม ของศิริศักดิ์)
..........ไม่รู้ทำไม ฉันจึงได้พบเธอ แม้เพียงแรกเจอ ก็เหมือนคุ้นเคยมานาน
เหมือนมีอะไรบันดาล ระหว่างเธอกับฉัน ทั้งที่เราสองคนก็คนละใจ
แค่ได้มองตา ลึกๆในใจก็สั่น ยิ่งได้คบกัน ยิ่งคิดฝันไปมากมาย
เหมือนมีอะไรเป็นพิเศษ ที่เธอไม่เหมือนใคร คล้ายๆว่าเธอคือคนที่ฉันรอ
ผมนั่งฟังเพลงนี้ไป ก็คิดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่เก่ง เรื่องราวที่แสนจะโรแมนติก แม้ว่าพี่เก่งจะพยายามเอาใจผม ดูแลผมมากเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกของผมก็มีให้พี่เขาได้แค่เพื่อนหรือพี่ได้แค่นั้นจริงๆ ไม่เหมือนพี่หมอทีที่บางครั้งใจผมยังกล้าถลำมากไปกว่านั้น
ถ้าหากว่าเป็นกำหนดจากฟ้า ให้เราเกิดมาคู่กัน ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นตลอดไป
แต่หากว่าเป็นแค่เหตุบังเอิญ ที่ฟ้าไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่เป็นไรใจฉันจะยังเหมือนเดิม
ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังรักเธอ.....................
การที่พี่เก่งขอเพลงนี้ให้ผมเหมือนต้องการบอกผมเป็นนัยๆว่า ไม่ว่าผมจะมีใคร หรือเป็นยังไงพี่เก่งก็ยังจะคงรักผมเหมือนเดิม ข้อนี้ผมเลยคลายความกังวลใจเรื่องรูปถ่ายเมื่อตอนเย็นไปได้ว่าพี่เก่งไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงแน่นอน แล้วพี่เก่งเองก็คงพร้อมที่จะหลีกทางให้ผมเดินไปกับพี่นิค
หลังจากพี่นิคจัดรายการเสร็จ เราสองคนก็เข้าไปที่บ้านของอาอี๊ร่วมสมทบวงปาร์ตี้ของเหล่าวงศาคณาญาติร่วมๆสิบคน จนเที่ยงคืนทุกคนนับถอยหลังพร้อมกัน อาเตี๋ยวเตรียมประทัดไว้ 1000 นัดเพื่อจุดฉลองตอนผ่านเที่ยงคืนเข้าสู่ปีใหม่ แล้วหน้าที่จุดประทัดนี้ก็ไม่ใช่ใครเป็นพี่นิคของเรานี่เอง งานนี้ทำให้ผมรู้ว่าพี่นิคกลัวประทัด แต่กลัวเสียฟอร์มเลยต้องจำใจไปจุดเพื่อเอาหน้ากับอาเตี๋ยว หลังจากผ่านเที่ยงคืนไปได้นิดหน่อย บางคนก็พากันขอตัวเข้านอน บางคนก็ยังคุยกันต่ออย่างออกรสออกชาติ พี่นิคก็เป็นหนึ่งในนั้น นั่งวงกับกลุ่มของอาเตี๋ยวอาเจ๊กดื่มไวน์กัน ส่วนผมที่ขับรถไปกลับขอนแก่นหนองคายเริ่มไม่ไหวแล้วเลยขอตัวไปนอน
ผมอาบน้ำเสร็จก็เห็นพี่นิคมานอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ในมือนอนกอดตุ๊กตาสองตัวนั้นอยู่ ผมเลยไปปลุกพี่นิคให้อาบน้ำ พี่นิคงัวเงียขึ้นมาแล้วทำเป็นสดชื่นพร้อมบอกผมว่า
“ถ้าพี่อาบน้ำเสร็จ แล้วทำเหมือนตุ๊กตานี้นะ”พี่นิคพูดจบก็ส่งตุ๊กตาสองตัวนั้นมาให้ผมแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที
ผมมองตุ๊กตาสองตัวนั้นอย่างงงๆก่อนที่จะตะโกนไล่ตามหลังพี่นิคไปว่า “ทะลึ่ง บ้า” เหตุที่ผมพูดไปอย่างนั้นก็เพราะว่าตุ๊กตาที่พี่นิคส่งมาให้มันอยู่ในท่าทีแบบว่าน้องหมานอนทับเจ้าแมวเหมียวอยู่แล้วก็เอาผ้าพันแผลสีขาวบางๆผืนเดิมนั่นแหละ พันทับตรงเป้าของตุ๊กตาทั้งสองตัวเอาไว้
ผมรีบแก้ผ้าพันแผลนั้นออกเปลี่ยนเป็นให้เจ้าแมวเหมียวหันหลังให้น้องหมาเอาผ้ามาพันมือพันเท้าของน้องหมาแทนแล้วก็วางไว้ตรงหมอนพี่นิค ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงนอนและไม่ลืมเอาหมอนข้างมากั้นอาณาเขตบนเตียงด้วย
“เอใจร้าย”พี่นิคบ่นเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วเดินมาเห็นตุ๊กตาที่ผมเปลี่ยนท่าให้มันใหม่แล้ววางไว้ที่หมอนของพี่นิค
“รีบๆนอนเลยพี่ ถ้าพี่ยังไม่อยากนอน ผมจะไปนอนห้องอื่น พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญวันปีใหม่กับอาอี๊แต่เช้านะ”ผมบอกเป็นการขู่ไปในตัว
พี่นิคไม่ตอบ ผมหันกลับไปดูเห็นพี่นิคเปลี่ยนท่าตุ๊กตาให้มันนอนคู่กันแบบธรรมดาบนหมอนข้างที่ผมเอามาคั่นไว้ตรงกลาง แล้วตัวพี่แกเองก็นอนหันหลังให้ผม
“งอนเหรอ”ผมถามพร้อมเอามือจี้ที่เอวพี่นิค แต่พี่นิคก็เฉย
“โกรธผมเหรอครับ ก็พี่อ่ะ เราเพิ่ง......จะ....เป็นแฟนกันเอง......ผม.......ไม่.......เคย..เรื่อง...”ผมอายที่จะพูดต่อแต่เอามือไปหยิบหมอนข้างออกแล้วก็ขยับตัวเข้าไปกอดพี่นิค
“ขอผมกอดพี่หน่อยนะครับ”ผมบอกออกมาเบาๆ ได้ผลพี่นิคหันมาแล้วทำท่าจะจูบผมแต่ผมเบี่ยงหน้าหนีตามเคย
“หลบพี่ทำไมครับ”พี่นิคถามแล้วยังพยายามจะใช้จมูกมาไซร้ที่ต้นคอผมให้ได้ แต่ผมเอามือดันไว้
“ผมขอกอดพี่เฉยๆ”ผมบอกออกไป
“โธ่เอ๊ย แล้วมายั่วให้อยาก...”พี่นิคบ่นพร้อมหันหลังกลับทันที
“ไม่กอดก็ได้”ผมเริ่มงอนบ้าง ว่าแล้วก็หันหลังให้พี่นิคบ้าง
“จะกอดหรือไม่กอด”พี่นิคพูดขึ้น ผมเงียบ
“ถ้าไม่กอดพี่จะปล้ำละนะ”พี่นิคขู่ทำเอาผมรีบหันกลับมาทันที แล้วพี่นิคก็เอาตัวผมไปอยู่ในอ้อมกอด ผมนอนซบอกซอกแขนตรงหัวไหล่ของพี่นิค มันให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ออกมา ถึงแม้ว่าพี่นิคจะไม่อบอุ่นแสนดีเหมือนพี่หมอที ไม่โรแมนติกเหมือนพี่เก่ง แต่พี่นิคก็คนที่ผมเลือกแล้วนั่นเอง
+++ จบบทที่ยี่สิบสี่ +++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- วันสิ้นปีแต่เราต้องไม่สิ้นใจ
- ความสุขกับสิ่งที่รอคอย รอที่จะไปตามหาจนเจอ
- ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังจะทำลงไปนี่แหละ