นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>  (อ่าน 598158 ครั้ง)

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
 :L2: :L2: :L2:


พี่นิคไม่ด่าพี่เอ หลอกค่ะ

พี่เอ บอกพี่นิค ซิ

ว่าคนในเล้า    เป็น กำลังให้ พี่นิคกับ พี่เอนะค่ะ

 :bye2: :L2: :bye2:

armakusa

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารายงานตัวคับ

อ่านทีเดียวรวดตั้งแต่แรกเลย

อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วนึกถึงตอนตัวเองเลยคับ

คุณพ่อผมก้อเข้า รพ. ตอนผมไปรับน้องคืนสุดท้าย คืนนั้นนอนไม่หลับเลย ใจนึกจะกลับกรุงเทพให้ได้ แต่ตอนที่รู้นั่นก้อ 5 ทุ่มแล้ว ไปไหนไม่ได้เลย :m31:

ตอนคุณพ่อจะไปแล้ว ผมอยู่กรุงเทพ คุณพ่ออยู่ที่สัตหีบ ตอนที่บ้านโทรมาบอก ไม่สนใจหน้าไหนเลย  :serius2:เก็บของวิ่งออกจากบริษัทไม่บอกอะไรใคร จนที่ทำงานโทรมาถามถึงได้รู้เรื่อง o7

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยครับ

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
เป็นกำลังใจให้พี่นิคน่ะค๊าบบ

เอคุงสู้ๆๆน่ะ :L2:

ออฟไลน์ A-ram 70

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 765
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เป็นกำลังใจให้คุณย่า ของ พี่นิคหายเร็วๆๆๆแล้วกัน
ทำใจให้สบายๆๆๆๆอย่าเครียดแล้วกันคับ

ออฟไลน์ ~@มาวินฮับ@~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ขอให้คุณย่าพี่นิคหายป่วยเร็วๆๆนะคับเอเป็นหลานสไภ้ของคุณย่าอย่าลืมดูแลคุณย่าให้หายป่วยเร็วนะคับ

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
 :m22:แวะมาดูครับ  

วันนี้เอาไปนั่งปั่นที่โรงพยาบาล ได้ครึ่งตอนแล้ว  ถ้าไม่ง่วงซะก่อน :a12: คืนนี้น่าจะเสร็จครับ

อาการของคุณย่าพี่นิคมีแต่ทรงกับทรุดครับ :เฮ้อ:

 :pig4: :L2: :pig4: :L2:ขอบคุณมากมายทุกกำลังใจ  ข้อน้อมรับทุกข้อเสนอแนะทุกความคิดเห็นครับ

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

BABY_CHICK

  • บุคคลทั่วไป
 :L2:ซำบายดี นะครับ นิคกะเอ ขอเป็นกำลังใจละกันครับ

NighT

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อแล้วอะคับ :angry2: :angry2:

ยังงัยคืนนี้ก้อจะอยู่รอคับ

พี่เอ อย่าพึ่งหลับนะคับ :serius2:

มาต่อก่อน อิอิ :oni3: :oni3:

P_love

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เอ กับ พี่นิคด้วยนะค่า :L2: :L2:

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :L1: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Otaku

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-1
คอยให้พี่เอว่างๆแล้วค่อยมาต่อก็ได้คับ

เป็นกำลังใจให้พี่นิคและพี่เอนะ :L2:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25

ออฟไลน์ สาวเครือฟ้า

  • "IF I WERE A BOY"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 607
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
    • http://images.forstudent.com/

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2

มาเม้นเป็นกำลังใจให้พี่เอคับ........... :L2:

เด็กไอทีเหมือนกัน........

สู้ๆนะคับ.........



ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
บอกพี่นิคม่ะต้องเคลียดน๊า

สู้ๆๆ 

เอก็สู้ๆๆ  อย่าเคลียดตามแฟนน่ะ o13

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
เฮ้อ ๆ  ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอาไร  ในบอร์ดมีแต่เรื่องเศร้า ๆๆ

บทที่  เป็นบทที่อ่านยากมาก  ใช้เวลาอ่านนานมากกว่าจะจบ

กว่าจะอ่านผ่านไปแต่ละตัวอักษร  มันรู้สึกถึงความสูญเสีย  ความเจ็บ

แต่พี่เอเก่งนะคับเนี่ย  บรรยายด้ายลึกซึ้งมาก  ถ้าเป็นผมคงทำไม่ด้าย

*-----*------*------*-----*-----*

เป็นกำลังใจให้คุณย่าของพี่นิคคับ  ผมเสียท่านไปแล้วร้องไห้จนเป็นลม  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ~@มาวินฮับ@~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เป็นกำลังจัยให้น้องเอ นะครับดูแลสุขภาพด้วยแล้วกันขอให้คุณย่าของนิคหายเร็วนะคับ :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
มาลงชื่อว่าได้อ่านแล้วครับ

ปล..ผมเสียเตี่ย(พ่อ) ไปตอนเรียน อยู่ ม.2 ตอนนั้นเตรียมทำใจแล้ว เพราะเตี่ยป่วยเป็นเบาหวานและอัมพฤกษ์อยู่ก่อนแล้ว ถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้ว แต่ก็อดเศร้าไม่ได้ ตอนนี้ก็ผ่านมานานเป็นสิบปีแล้วครับ แต่ยังจำวันนั้นได้ไม่ลืมเลือน

เป็นกำลังใจให้เอและนิคครับ (อายุเราน่าจะใกล้เคียงกัน)

 :oni2: o13

Bm_Boy

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:  คิดถึงเอครับ

แอบรักเอ   :กอด1:

ถ้านายออน msn  ช่วยคุยกับผมด้วยนะครับ

ปล.เด็กเลี้ยงแกะ  อย่ายุ่งนะ :เตะ1:

BABY_CHICK

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25

ออฟไลน์ Joobperman

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
 คิดถึงน้องเอกะพี่นิคนะจ๊ะ...
 
 :L2: :L1: :L2: :กอด1:

Estel

  • บุคคลทั่วไป
อ่า วันนี้ไม่ออนเหรอพี่
เกิดไรขึ้นรึเปล่าหว่า ยังไงก้แวะมาบอกข่าวหน่อยน้า

แล้วก็อย่าโหมงานล่ะ เด๋วจะเป็นไรไปอีกคน

(ว่าแล้วก็เดี๋ยวโทรไปเช็คกะพี่โอ๊ต ก๊ากๆๆๆ) :laugh:

jurassic

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งแรงนะค่ะ

 :L2:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป

Siri_nan

  • บุคคลทั่วไป

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สิบแปด ---  มหัศจรรย์ริมโขง


“เอ กลับไปตั้งใจเรียนนะลูก  ต่อไปเอต้องเป็นหลักของครอบครัว  เรียนจบแล้วก็มาช่วยงานบริษัทของคุณพ่อต่อจากแม่  เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง  คุณพ่อคอยมองความสำเร็จของเออยู่  เอต้องเป็นตัวแทนคุณพ่อ  ไม่ต้องห่วงแม่กับน้อง  กลับถึงขอนแก่นแล้วโทรมาบอกด้วยนะ”

เสียงคุณแม่พูดตอนที่มาส่งผมขึ้นเครื่องก่อนกลับจากชลบุรีมาที่ขอนแก่น  เหลืออีกตั้งหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเปิดเรียนเทอมสอง  ผมยังไม่อยากกลับขอนแก่นเท่าไหร่  แต่คุณแม่บอกว่าให้กลับมาเตรียมตัว  ที่จริงผมยังอยากอยู่กับคุณแม่และเจ้าโอ๊ต  เพราะในใจยังห่วงคุณแม่ว่าจะทำใจเรื่องคุณพ่อได้หรือยัง  ขนาดผมเป็นลูกอยู่กับคุณพ่อมาได้สิบเจ็ดสิบแปดปีเอง ยังรักและคิดถึงขนาดนี้  แต่คุณแม่อยู่กับคุณพ่อมาตั้งยี่สิบกว่าปี  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณแม่จะรักและคิดถึงคุณพ่อขนาดไหน  แต่คุณแม่เข้มแข็งและแกร่งมาก  ผมไม่เห็นน้ำตาคุณแม่อีกเลยตั้งแต่วันที่เราสามคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้เมื่อวันแรกที่ผมไปถึงที่งานศพ  ผิดกับผมที่เวลามองรูปคุณพ่อทีไรน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาทุกที  ช่วงที่อยู่ชลบุรีก็โทรศัพท์จากพี่นิค พี่หมอที พี่เก่ง พี่แป้ง และเพื่อนๆมาไม่ได้ขาดทำให้ผมคลายความเศร้าไปได้มากโข

ติ๊ด..............ติ๊ด............เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น  ดึงผมออกจากความคิดหลังจากนั่งเหม่ออยู่หน้าทีวี  จนทำให้อาอี๊หันมามอง

“สวัสดีครับพี่แหวว”ผมรับโทรศัพท์

“ดีจ๊ะน้องเอ  ได้ข่าวว่ากลับมาขอนแก่นแล้วเหรอจ๊ะ  เห็นพี่นิคบอกพี่”พี่แหววรายงาน

“ครับเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เองครับ”

“แล้วนี่อยู่ที่หอ หรืออยู่ที่ไหนจ๊ะ”พี่แหววถาม

“ผมอยู่ที่บ้านครับ ยังไม่อยากเข้าหอ รูมเมทผมยังไม่กลับอ่ะครับ นัดกันวันอาทิตย์”

“เหรอจ๊ะ  แล้วนี่น้องเอสบายใจขึ้นเหรอยังจ๊ะ”

“ก็ดีขึ้นเยอะครับ”

“ดีแล้วจ้า  อย่าคิดมากนะ  น้องเอพอดีพี่  ก็ไม่เชิงพี่หรอกนะ  คือพี่นิคนะ เขาชวนพวกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่สนิทกันในองค์การไปเที่ยวบ้านพี่แก เป็นวันออกพรรษาน่ะ  เห็นบอกจะมีบั้งไฟพญานาคด้วยนะ  เป็นงานขึ้นชื่อของจังหวัดเลยนะ  พี่นิคอยากชวนน้องเอไป  แต่คงไม่กล้ามั้ง  พี่เลยโทรมาชวนเอง  น้องเอไปด้วยกัน”พี่แหววชวน

“ไปวันไหนเหรอครับ แล้วไปกี่วัน”ผมถามคืน

“ก็พรุ่งนี้แหละ ไปค้างสองคืน กลับมาถึงขอนแก่นวันเสาร์ตอนค่ำๆ”

“มีใครไปบ้างอ่ะครับ แล้วไปกันยังไง”ผมถาม

“ที่แน่ๆตอนนี้ก็มีพี่ ปอ พี่ริช พี่ยุ้ยที่เป็นเหรัญญิก น้องเอรู้จักอยู่มั้ง ส่วนคนอื่นๆก็ยังอยู่บ้านยังไม่กลับเข้ามอกันเลย”

“ครับ  แต่ผมไปจะสะดวกหรือเปล่าครับ  เพราะมีแต่พวกพี่ไป”ผมเริ่มหาข้ออ้าง อยากอยู่บ้านไม่อยากไปไหน

“สะดวกจ้า  สะดวกมากๆด้วย”พี่แหววบอก

“ผมว่าไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ  ขอบคุณมากนะครับพี่แหววที่ชวนผม”ผมบอก

“ไม่เป็นไรจ๊ะ  เดี๋ยวพี่ซื้อของมาฝากนะ”พี่แหววบอกแล้ววางสายไป

“ใครโทรมา อาเอ”อาอี๊ถามผม

“พี่ในมออ่ะอี๊  เขาชวนไปหนองคาย  แต่เอปฏิเสธไปแล้ว”ผมตอบ

“อาเออ้า  อาอี๊เข้าใจลื้อน้า  แต่ลื้อจะมามัวนั่งเหม่อลอยเก็บตัวอย่างนี้ม่ายล่ายนา”อาอี๊บอกผม

“ไม่ได้เก็บตัว แค่......”ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี

“อาเอ  อี๊ว่าน้า  ลือไปกับเขาเถอะ  ไปเที่ยวจะได้เปิดหูเปิดตา”อาอี๊เดินมาลูบหัวผมเบา

ผมพยักหน้ารับ  เพราะไม่อยากให้อาอี๊หนักใจ  แล้วโทรไปบอกพี่แหววว่าผมจะไปด้วย

..................................................................................................

ถึงวันเดินทางผมตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในมอ (ทั้งๆที่อาอี๊โวยวายให้ขับรถไป) ผมไปถึงก่อนเวลานัดหมายสิบนาที  เห็นพี่ยุ้ยกับพี่แหววยืนอยู่  อีกซักพักพี่นิคก็ขับรถมาแล้วตามมาด้วยรถพี่ริชที่มีพี่ปอนั่งมาด้วย  เราทักทายกันนิดหน่อยแล้วก็แบ่งกันขึ้นรถโดยผมไปนั่งที่รถพี่ริชกับพี่ปอ
 แล้วให้สองสาวไปนั่งรถพี่นิค  โดยพี่แหววให้เหตุผลว่าพี่ริชชอบเปิดเพลงเพื่อชีวิตเสียงดังมากเวลาขับรถ  เลยไม่อยากไปนั่งถึงแม้จะมีพี่ปออยู่ก็ตาม  แต่ขับไปยังไม่ทันถึงอุดรพี่ริชก็พาแวะปั๊มบ่อยมาก (ห็พี่ปอลงไปซื้อน้ำสีอำพัน) พี่แหววเห็นท่าไม่ดีเลยชวนพี่ยุ้ยมานั่งที่รถพี่ริชแทน เพราะอย่างน้อยจะได้มีคนคอยยั้งพี่ริชกับพี่ปอได้มั้ง  ผมเลยต้องไปนั่งรถพี่นิค

“ทำไมวันนี้ใส่แว่นมาล่ะ”พี่นิคชวนคุยระหว่างที่ขับรถผ่านอุดร

“อ๋อ ช่วงนี้ยุ่งๆครับ คอนเทคหมด ยังไม่ได้ซื้อเลยครับ”ตั้งแต่งานคุณพ่อ ผมก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านปล่อยตัวปล่อยใจไม่สนอะไรเลยแม้แต่เรื่องตัวเอง

“แล้วจะซื้อไหม เดี๋ยวพี่พาแวะซื้อในตัวเมืองอุดร หรือตัวเมืองหนองคายก็ได้ พี่เห็นเราใส่แว่นแล้วมันเป็นยังไงก็ไม่รู้”พี่นิคถาม

“มันเป็นยังไงล่ะครับ”ผมถาม

“ก็มัน.......มัน.....น่ารักเกินไปมั้ง 555”พี่นิคพูดแล้วหัวเราะ  ผมยิ้มให้หน่อยหนึ่งแล้วหันไปมองข้างทางพร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร

“หนึ่งเหรอ..........ตอนนี้เราอยู่อุดรกำลังจะไปหนองคาย........ทำอะไรอยู่........ ยุ่งอยู่เหรอ งั้นแค่นี้แล้วกันนะ”ผมวางสายแล้วก็ถอนหายใจออกมา หวังว่าจะคุยกับหนึ่งแก้เหงาแต่หนึ่งกำลังช่วยแม่ขายของอยู่ที่ตลาด

“ฟังเพลงไหม”พี่นิคถาม  ผมส่ายหน้า

“เพื่อนเราที่เป็นรูมเมทชื่อหนึ่ง อยู่อุดรเหรอ”พี่นิคถามเพื่อชวนคุย  ผมพยักหน้า

“ถ้าอยากแวะปั๊มก็บอกนะ”พี่นิคบอก  ผมพยักหน้า

“วันนี้ตั้งแต่โหมดพยักหน้ากับส่ายหน้ามาเหรอ  สงสัยลืมใส่โปรแกรมพูดมาด้วย”พี่นิคแอบกัดผม

ผมกำลังจะส่ายหน้าแต่คิดขึ้นได้ว่ากำลังถูกกัดเลยพูดว่า “ไม่ครับ”

“อ่ะพูดได้ด้วย”พี่นิคแซว   ผมยิ้มน้อยๆแล้วก็เข้าสู่โหมดเหม่อลอย

“เอครับ  เอฟังพี่นะครับ  พี่เห็นเออย่างน้อยแล้วไม่สบายใจเลย  เอไม่สดชื่นไม่ร่าเริง  พี่รู้ครับว่ามันเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยาก  แต่พี่ว่าถ้าคุณพ่อของเอมาเห็นเอตอนนี้ก็คงไม่สบายใจเหมือนกับพี่”คำพูดของพี่นิคทำเอาผมสะอึกหันกลับไปมองหน้าพี่นิค  แต่พี่นิคก็ยังพูดต่อ

“เอดูตัวเองบ้างไหม  ตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง  หน้าตามอมแมมผมเผ้าดูไม่ได้  ตัวก็เล็กอยู่แล้วยิ่งดูผอมแห้งจะเป็นกระดูกเดินได้อยู่แล้ว” พี่นิคบอก แล้วผมก็มองดูตัวเองมันก็จริงอย่างที่พี่เขาว่า

“แหววเหรอ........ บอกให้ไอ้ริชมันขับล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ  พี่แวะทำธุระในตัวอุดรเดี๋ยว  เจอกันร้านแดงแหนมเนือง............  อ๋อ ไม่มีธุระอะไรมากหรอก พอดีพี่เจอลูกแมวมันขนยาวดูมอมแมม
ก็เลยว่าจะพามันไปตัดขนซักหน่อย”พี่นิคโทรศัพท์บอกพี่แหวว  ผมหันมองไปในรถ

“หาอะไร”พี่นิคถามแล้วยูเทิร์นกลับเข้าไปในตัวเมืองอุดร

“ก็พี่นิคบอกว่าจะพาลูกแมวไปตัดขน  ผมไม่เห็นลูกแมวที่พี่ว่าเลย”ผมบอก

“ฮ่าๆ  นี่ไงมองในนี้ซิ”พี่นิคหัวเราะแล้วให้ผมมองในกระจกที่ใช้มองหลังรถ

ผมมองไปที่กระจกก็เห็นตัวเอง แล้วก็หัวเราะออกมา

“ว่าแต่เราไว้ทุกข์อยู่หรือเปล่า พี่ลืมถามไป”

“ไม่แล้วครับ คุณแม่บอกว่า คุณพ่อไปสบายแล้ว ไม่มีทุกข์อะไร  เราไม่ต้องไว้ทุกข์  แต่ผมรู้นะพี่
ว่าที่จริงคุณแม่ไม่อยากให้ผมจมกับเรื่องของคุณพ่อ  เลยให้ไว้ทุกข์แค่เจ็ดวัน”

“แต่เราก็แอบไว้ใช่ม่ะ  เชื่อเลยว่าถ้าพี่ดูเสื้อผ้าที่เราเอามาในกระเป๋าคงมีแต่สีขาวซินะ  ตัวก็ขาวซีดจะแย่อยู่เลย  ยังจะใส่แต่สีขาวอีก”พี่นิคเดาถูกเหมือนกับไปช่วยผมจัดกระเป๋าเสื้อผ้า

พี่นิคพาผมแวะเข้าห้างที่ตั้งอยู่กลางเมืองอุดร ปล่อยผมไว้ที่ร้านตัดผม แล้วก็หายไป  ก่อนที่ผมจะตัดผมเสร็จพี่นิคกลับมาพร้อมถุงในมือสามสี่ใบ

“ขอโทษนะครับ  ที่ร้านมีห้องน้ำไหมครับ”พี่นิคถามเจ้าของร้านก่อน

“มีค่ะ  เดินตรงไปด้านในจะอยู่ทางขวามือนะคะ”เจ้าของร้านบอก

“ขอบคุณครับ”พี่นิคบอกแล้วเดินมาหาผมที่ตัดผมเสร็จพอดี

“ยังนี้ค่อยยังชั่วหน่อย  เอ้านี่  เอาไปเปลี่ยนซะ ห้องน้ำอยู่หลังร้าน เดินตรงไปอยู่ทางขวามือ”พี่นิคบอกผมพร้อมยื่นถุงมาให้ผมสองถุง

“อะไรครับ”ผมถาม

“เอาไปแล้วไปห้องน้ำก็รู้เองแหละ”พี่นิคบอก ผมรับถุงแล้วเดินไปที่ห้อง  ผมเปิดออกมาเป็นเสื้อสามตัวมีสีฟ้าอ่อนๆ สีครีม สีเขียวอ่อน เป็นสีที่ไม่ฉูดฉาดเกินไปนัก แต่ดูเท่ ล้ำสมัย ผมเลือกใส่สีฟ้าแล้วก็เดินออกมากะว่าจะไปจ่ายเงินค่าตัดผม

“เท่าไหร่ครับ”ผมถามกับเจ้าของร้าน

“อ๋อ มีคนจ่ายแล้วค่ะ”เจ้าของร้านบอกแล้วหันไปยิ้มให้กับพี่นิค

“ครับๆ”ผมพูดแล้วพยักหน้าเชิงรับรู้ว่าใครจ่ายให้

“ขอบคุณนะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ  เพื่อนของคุณน่ารักดีนะคะ เทคแคร์ดีมากเลย”เจ้าของร้านบอก แต่ประโยคหลังมากระซิบที่หูผม

“พี่นิค ค่าตัดผมกับค่าเสื้อเท่าไหร่ครับ”ผมถามขณะที่เรากำลังเดินลงบันไดเลื่อน

“ไม่รู้ดิ่  พี่เคยซื้อให้แต่คน  ไม่เคยซื้อให้เจ้าลูกแมว เลยไม่รู้ว่าเท่าไหร่”พี่นิคตอบหน้าตาเฉย

“ขอบคุณนะครับ พี่นิค”ผมบอก

แล้วพี่นิคก็พาแวะร้านแว่นตาให้ผมซื้อคอนเทคเลนส์  ส่วนพี่นิคไปร้านขายยากับร้านขายอาหารฟาสฟู๊ด  พอกับมาถึงที่รถ พี่นิคก็ส่งแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้นใหญ่ให้ผม แล้วก็มีเฟรนไฟส์ มันบด โค้กแก้วใหญ่

“กินซะ พอดีอาหารแมวมันหมด  กินพวกนี้จะได้อ้วนไวๆ  แล้วนี่ก็พวกยากับวิตามินบำรุง  พี่โทรถามหมอทีก่อนซื้อแล้ว”พี่นิคบอกพร้อมส่งถุงที่ข้างในมีกระปุกยาสองสามกระปุกมาให้  ผมได้แต่มองหาพี่แกอย่างไม่เข้าใจ 

“มองอะไร  เอาไปกินเร็วๆดิ่  หรือว่าจะให้ป้อน”พี่นิคบอก  ผมยังนั่งมองหน้าพี่แกอีกไม่รับของ

“เอ้า  มองไม่เลิก  จะให้ป้อนจริงๆใช่ไหม”พี่นิคพูดแล้วทำท่าจะวางมือจากพวงมาลัย

“เปล่าๆครับ ผมแค่มองน้องหมาที่วันนี้ใจดีผิดปกติ”ผมกัดคืนแล้วรีบรับของพวกนั้นมา

“นี่เรากล้าว่าพี่เป็นหมาเหรอ  อ๋อ....สงสัยอยากโดนหมากัดอีกใช่ไหม”พี่นิคพูด ทำให้ผมนึกถึงวันที่ไปนั่งกินนมด้วยกัน

“ทำไมพี่ต้องทำดีกับผมขนาดนี้ด้วย”ผมถามออกมาตรงๆ พร้อมกัดแฮมเบอร์เกอร์ไปหนึ่งคำ

“ก็ไม่มีอะไร เราจะไปบ้านพี่ทั้งที  ถ้าไปโทรมๆมอมๆ เดี๋ยวใครเค้าจะหาว่าพี่จะพาเราไปขายฝั่งลาว”พี่นิคพูด  (แหม....จะพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปเปิดตัวทั้งที 555 --- ผมคิดเองนะ)

“แล้วพี่ริชล่ะ  แต่งตัวมอมกว่าผมอีก”ผมบอกพร้อมกัดแฮมฯอีกคำ

“อันนั้นกรณียกเว้น  อย่างมันใครเห็นคงเข้าใจว่ามาจับคนไปขายฝั่งลาวมากกว่า”พี่นิคพูดแล้วหันมามองหน้าผม

“มองอะไรครับพี่  มองทางดิ่  อยากกินด้วยเหรอ  ไม่ให้หรอก”ผมแซวเล่น  พี่นิคหันไปมองทางแล้วปล่อยมือซ้ายจากพวงมาลัยมาเช็ดปากผมตรงที่มีเลอะซอส  เป็นการจู่โจมที่ปากของผมอย่างกะทะหัน  ทำให้ผมเขินขึ้นมาทันที  ผมหน้าไม่กล้ากินต่อ  พี่นิคเห็นอย่างนั้นเลยบอกว่า

“อยากกินเฟรนด์ไฟส์  ป้อนหน่อยดิ่”

ผมหยิบถุงเฟรนด์ไฟส์ออกมา แล้วยื่นให้พี่แก  “ก็บอกให้ป้อนไง ขับรถอยู่ไม่เห็นเหรอ” พี่นิคย้ำ

“ขับมือเดียวไง”ผมว่า

“มันอันตราย”พี่นิคอ้าง

“ทีเมื่อกี้....ยัง........”ผมพูดยังไม่ทันจบ พี่นิคก็ปล่อยมือซ้ายจากพวงมาลัยมาจับมือผม หยิบเฟรนด์ไฟส์ขึ้นมาแล้วเอามาป้อน  “ทำอย่างนี้  ทำเป็นไหม”  พี่นิคบอกพร้อมปล่อยมือแล้วคุยอย่างอร่อย  ทำให้ผมต้องคอยป้อนพี่แก 

เราสองคนมาถึงร้านแดงแหนมเนือง ที่หนองคายก็เกือบๆเที่ยง มีพวกพี่ริชนั่งคอยก่อนแล้ว บนโต๊ะดูจากร่องรอย แสดงว่าเพิ่งเริ่มกินกันได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว  ที่ร้านแดงแหนมเนืองจะขายอาหารพวกเวียดนาม  ที่ขึ้นชื่อก็คงไม่พ้นแหนมเนือง  ปอเปี๊ยะสด/ทอด  กุ้งพันอ้อย  อาหารที่นี่อร่อยมาก  บรรยากาศก็ดี ร้านติดริมโขง  (ได้ค่าโฆษณาไหมเนี่ยะ อิอิ)

“มากันช้าจัง  ว้าว น้องเอดูเปลี่ยนไป  หล่อกว่าเมื่อเช้านี้อีก  พี่นิคแล้วไหนแมวล่ะ”พี่แหววทัก  ผมยิ้มให้ แล้วนั่งลง  พี่ริชสั่งอาหารมาเพิ่ม

“อ๋อ คือลูกแมวตัวนี้มันดื้อ  บอกให้ทำอะไรก็ไม่ค่อยทำ  พี่เลยปล่อยลงข้างทางไปแล้ว”พี่นิคพูดพร้อมส่งสายตามาทางผม

ตลอดเวลาที่ที่นั่งทานแหนมเนือง พี่นิคพยายามบอกให้ผมทานเยอะๆ  ตักนั่นตักนี่ให้  บางทีก็ห่อแหนมเนืองให้  ผมที่เพิ่งกินอะไรมาบนรถก็รู้สึกอิ่ม  แต่ต้องกินให้พี่แก (เดี๋ยวน้อยใจ  หาว่าแฟนทำให้แล้วไม่ยอมกิน......เหอๆ  ตอนนี้ยังไม่คบเป็นแฟนนี่หว่า)

หลังจากทานกันเสร็จเรียบร้อย  พี่นิคก็พาแวะกราบหลวงพ่อพระใส  พระคู่บ้านคู่เมืองของหนองคาย พร้อมเล่าประวัติให้ฟัง  หลวงพ่อพระใสงดงามมากและมีประวัติความเป็นมาที่ชวนอัศจรรย์  พี่นิคเล่าให้ฟังว่า

“หลวงพ่อพระใสเดิมทีอยู่ที่ฝั่งลาวแล้วก็มีพี่น้องด้วย  ที่มีพี่น้องเพราะว่าธิดาของกษัตริย์ล้านช้างได้สร้างพระประจำตัวมีชื่อว่า พระเสริม  พระสุก  พระใส  ตอนที่อันเชิญลงแพข้ามแม่น้โขงเพื่อมายังฝั่งไทย  ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง  ทำให้แพที่อัญเชิญหลวงพ่อพระสุกนั้นแตกและพระสุกก็ตกลงไปในน้ำโขง โดยเชื่อกันว่าเป็นความต้องการของพญานาคอยากได้พระไว้บูชา  เพราะตรงที่แพแตกนั้นเป็นเมืองที่พญานาคอยู่พอดี  ส่วนหลวงพ่อพระเสริม กับพระใสพอขึ้นฝั่งไทยก็ได้จัดเกวียนไว้อัญเชิญต่อ อัญเชิญมาเรื่อยๆจนมาถึงวัดโพธิ์ชัยนี่แหละ อยู่ดีๆเกวียนที่อัญเชิญหลวงพ่อพระใสก็ไม่สามารถขยับเขยื่อนต่อไปได้ ใช้ทั้งแรงคนแรงวัวเท่าไหร่ก็ไม่เคลื่อน ทำให้เกวียนหักลง  ชาวบ้านเลยพากันอัญเชิญให้ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัยแห่งนี้ เพราะคิดว่าเป็นความต้องการจของท่าน  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อพระใสเลยเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย  ถ้าใครมาหนองคายแล้วไม่ได้กราบหลวงพ่อพระใส แสดงว่ายังมาไม่ถึงนะ”

หลังจากนั้นก็แวะเที่ยวที่ศาลาแก้วกู่  มีพระพุทธรูป  เทวรูปต่างๆที่ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ  กว่าจะใช้เวลาเดินทั่วก็เกือบๆสองชั่วโมง 

จากนั้นพวกเราก็พากันไปบ้านพี่นิค  บ้านพี่นิคอยู่ในเขตโรงงานชั้นใน (เขตชั้นนอกเป็นที่ตั้งของโรงงานและบ้านพักของพวกคนงาน)  มีบ้านรับรองสำหรับแขกโดยเฉพาะตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง
พวกเราพากับเข้าไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของพี่นิค แล้วก็เก็บของเข้าที่บ้านพักรับรอง  โดยพี่ริชนอนกับพี่ปอ  พี่แหววนอนกับพี่ยุ้ย  ผมนอนคนเดียว ส่วนพี่นิคนอนที่ห้องของตัวเองที่บ้านของพ่อแม่ 

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
             บทที่สิบแปด ---  มหัศจรรย์ริมโขง (ต่อ)

ในคืนนี้พวกเราตั้งวง อันที่จริงมีแต่พี่นิค  พี่ริชกับพี่ปอมากกว่าที่ดื่ม ส่วนผม พี่แหวว  พี่ยุ้ย นั่งกินกับแกล้มกันมากกว่า  แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆ ทำให้ผมลืมเรื่องคุณพ่อไปได้บ้าง

“พรุ่งนี้นะ จะพาไปวัดอรัญบรรพต วัดหินหมากเป้ง  อ้อ....จะพาไปไหว้พระธาตุบังพวนด้วย  ค่ำๆค่อยไปหน้าวัดไทย  ไปนั่งดูบั้งไฟพญานาคกัน”พี่นิคบอก

“ไอ้นิค มึงสนใจไปวัดไปวาตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”พี่ริชถาม

“กูสนเมื่อไหร่ก็เรื่องของกู  แต่กูรู้ว่ามีคนในนี้ชอบไปวัดว่ะ  กูเลยอยากพาไป”พี่นิคพูดแล้วมองมาทางผม

“แหวว เจ้าอยากไปวัดติ่  เป็นไปบ่ได้”พี่ปอแซวพี่แหววแฟนสาว (แหวว อยากไปวัดเหรอ  เป็นไปไม่ได้)  พี่แหววค้อนให้

“นี่พี่ปอ ถ้าอย่างแหววจะไปวัด ก็เพราะหนีพี่ไปบวชชีนี่แหละ 55”พี่ยุ้ยแซว

“พี่นิคบั้งไฟพญานาคมันมีจริงๆเหรอครับ”ผมถาม

“เอาไว้พรุ่งนี้ คอยดูเองแล้วกัน  เขาเชื่อกันมาว่าชาวหนองคายและชาวลาวสืบเชื้อสายมาจากพญานาค  ดังนั้นคนที่นี่จะเคารพนับถือพญานาคมาก”พี่นิคบอก

“กูไม่รู้ว่ามึงสืบเชื้อสายมาจากไหน  แต่กูรู้ว่ามึงอ่ะ  พวกหัวพญานาค”พี่ริชแซว

“อิหยั๋งว่ะ หัวพญานาคนาค”พี่ปอถาม  (อะไรว่ะ  หัวพญานาค)

“ก็ยิ่งกว่าหัวงูไงว่ะ 55555”พี่ริชบอกแล้วหัวเราะร่า  พวกเราหัวเราะตาม พี่นิคตบหัวพี่ริชหนึ่งที

พวกเรานั่งกันไปอีกซักพักฤทธิ์แอลกอฮอร์ก็ออก  พี่นิคจากที่เข้มๆขึงๆกลายเป็นพี่นิคที่พูดมาก  พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง  พี่ปอนั่งคอพับคออ่อนไปแล้ว  พี่ริชนั่งดื่มเงียบๆคนเดียวไม่พูดจาอะไรเลยเหมือนมีอะไรในใจให้คิด  ส่วนผมกับพี่แหวว พี่ยุ้ยก็ง่วงนอนกันมากๆ  พี่แหววกับพี่ยุ้ยช่วยกันหิ้วปีกพี่ปอไปที่ห้อง เพราะพี่ริชบอกว่าอยากนั่งต่อคนเดียวอีกซักพัก พี่ริชบอกให้ผมพาพี่นิคไปส่งที่ห้องแล้วเข้านอนได้เลย

...

“เอ...เชื่อ...พี่...ไหม”พี่นิคถามผมอย่างอ้อแอ้  ตอนที่ผมพยุงพี่แกจะเดินเข้าห้อง

“เชื่ออะไรครับพี่”ผมถามแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องพี่นิค   (ดีนะ  ที่พ่อแม่พี่นิคเข้านอนหมดแล้วไม่งั้นต้องโดนคุณแม่พี่นิคว่ายกใหญ่แน่  ก็คุณแม่พี่นิคหวงพี่นิคอย่างกับอะไรดี)

“ก็.........เชื่อว่า.......พี่ไม่ได้.....เป็นคนหัว....งู”พี่นิคพูดอย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง

“ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้หัวงู  แต่หัวพญานาคต่างหาก”ผมว่าแล้วทิ้งตัวพี่แก ลงบนเตียง แล้วผมจะเดินกลับห้องไปนอน

“เดี๋ยว...กลับมานี่เลย.......พี่มียิ่งกว่าพญานาค......เป็นอนาคอนด้า......จะดูไหม”พี่นิคลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วทำท่าชี้อะไรซักอย่าง  แล้วก็ล้มลงไปนอนเหมือนเดิม

(พี่นิคนี่  เมาแล้วทะลึ่งจัง  ว่าแต่ว่าอนาคอนด้าจริงเปล่าหว้า อิอิ --- ผมคิด)แล้วผมก็เดินไปเปิดแอร์ให้พี่แกพร้อมกับจับพี่แกที่นอนอยู่ริมขอบเตียงให้นอนอย่างเข้าที่เข้าทาง ห่มผ้าให้  พี่นิคนี่เวลาหลับผมว่าดูดีที่สุดเลย  ไม่ต้องมาคอยทำเสียงเข้มๆ มีตาน่ากลัวๆมาดุเรา  คนอะไรหน้าก็คมเข้มดีหรอก  แต่ผิวกลับขาวใสเนียนดูพิลึก ผมปล่อยตัวปล่อยใจให้นั่งพิจารณาหน้าตาพี่นิคอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้

“นั่งมองพี่อย่างนี้แล้วจะหลับไหมนี่  ไฟก็ไม่ปิด”พี่นิคพูดขึ้นมาทั้งๆทียังหลับตาอยู่แล้วยิ้มๆที่มุมปาก  ผมตกใจเขินนิดๆรีบลุกขึ้น  ว่าจะเดินไปปิดไฟแล้วออกจากห้อง

“ปิดไฟแล้วมานอนนี่นะ”พี่นิคบอกพร้อมขยับตัวเองไปริมเตียงเพื่อมีที่ให้ผมนอน

“ไม่เป็นไรครับ  ผมกลับไปนอนที่หลังโน้นดีกว่า”ผมบอก

“อ้าว...นึกว่าอยากดูอนาคอนด้า”พี่นิคพูดกลับมาแต่ยังนอนหลับตาอยู่บนเตียง  แต่ความคิดผมเตลิดไปถึงไหนแต่ไหนแล้ว  หัวใจเต้นเป็นจังหวะยิ่งกว่า mix non stop ซะอีก

“ไงถ้าอยากดู แผ่นวางอยู่ในชั้นใต้ทีวีนะ”พี่นิคพูดพร้อมชี้มือไปที่ชั้นเก็บแผ่นซีดี ที่อยู่ใต้ทีวี 

“อ๋อ ครับๆ”ผมรีบเดินไปปิดไฟแล้วออกจากห้องไปทันที  เราคิดอะไรว่ะเนี่ยะ   ทำไมความคิดเราเลวร้ายขนาดนี้  พี่เขาแค่อยากให้ดูหนังเรื่องอนาคอนด้าเท่านั้น  แต่เราคิดไปถึง...........ไม่ๆ ทำไมความคิดเราไม่ดีขนาดนี้  พี่เขาทำดีกับเราขนาดไหน ถึงเราจะรู้ว่าพี่เขาแอบชอบเราอยู่ แล้วเราก็ตัดสินใจเลือกพี่เขาแล้วก็เถอะ  แต่ตัวเราเองหรือพี่เขาก็ไม่เคยบอกรักหรือบอกคบกันอย่างเป็นทางการเลย  ใช้ไม่ได้เลยความคิดเรานี่  อย่างนี้เหรอที่จะเป็นหลักให้กับครอบครัวแทนคุณพ่อ  เป็นพี่ที่ดีของเจ้าโอ๊ต  ผมคิดว่าตัวเองตอนเดินกลับไปนอน

...

เช้าวันุร่งขึ้น  พวกเราไปทานข้าวเช้าที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ของพี่นิค  คุณแม่ดูแลพี่นิคเหมือนกับเป็นเด็กๆ  พี่นิคคงอายพวกเราเลยพยายามฝืนๆ  แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่คุณแม่ของพี่นิคก็ยิ่งเอาใจเท่านั้น  กว่าพวกเราจะออกจากบ้านพี่นิคได้ก็เกือบๆเก้าโมง เราไปที่พระธาตุบังพวนก่อน แล้วไปที่วัดอรัญบรรพต ต่อด้วยวัดหินหมากเป้ง  ทั้งสองสวยวัดสวยงามประทับใจผมมากๆ  เป็นวัดที่ดูสงบ  เข้าไปแล้วรู้สึกถึงความร่มเย็น ความสงบทำให้เกิดความสุขได้เลย แล้วเราก็ขับรถย้อนกลับมาที่ อ.โพนพิสัย  มาถึงที่หน้าวัดไทยประมาณเกือบทุ่มเห็นจะได้   เพิ่งจะหัวค่ำอยู่แท้ๆ แต่ผู้คนไม่รู้ว่ามากมายหลั่งไหล มาจากไหนบ้าง  มองไปทางไหนเห็นแต่คนเต็มไปหมด

ทุกคนนั่งอยู่ริมฝั่งติดริมน้ำโขงทุกสายตามองไปที่กลางแม่น้ำโขง  มองเรือไฟที่ชาวบ้านเขาปล่อยกันเป็นการไหลเรือไฟ และเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่าง  พวกเราพากันจับจองที่นั่งได้แล้ว โดยอาศัยการเบียดๆกับกลุ่มคนลงไปที่ริมฝั่ง  พวกเรานั่งไปได้ซักพักประมาณยี่สิบนาทีปรากฏการณ์ที่ยังไม่มีข้อสรุปก็บังเกิด

กลางแม่น้ำโขงได้มีลูกไฟ สีชมพูส้มๆเหลืองนวลๆพุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้า (เหมือนพุแต่ไม่แตกกระจาย) โดยปราศจากควันหรือกลิ่นและเสียง  จะมีก็มีแต่เสียงเฮของชาวบ้าน  ผมที่ไม่เคยเห็นก็ตื่นเต้นพลอยปล่อยเสียงเฮตามชาวบ้านเขาไปด้วย

“งึดอีหลี  เคยฟังแต่เพิ้นว่า  หัวแต่มาเห็นกับตา”พี่ปออุทาน (มหัศจรรย์จริงๆ เคยมีแต่คนพูดให้ฟัง เพิ่งเคยจะมาเห็นกับตา)

“นี่แหละบั้งไฟพญานาค  ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า  วันออกพรรษาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากที่ไปโปรดพุทธมารดา  วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาทำให้ทั้งสามโลกมองเห็นกัน (สวรรค์ มนุษย์ บาดาล(นรก)) เขาเรียกว่าวันพระเจ้าเปิดโลก  พวกนาคที่อยู่ในเมืองบาดาลได้มีโอกาสเห็นพระพุทธเจ้า ก็เกิดความปิติสุขใจมากจนเหลือล้น เลยกลั่นบั้งไฟด้วยฤทธิ์ที่มีอยู่ในตัวพ่นออกมาถวายเป็นพุทธบูชา”พี่นิคอธิบาย

“สาธุ......หลวงปู่นิค”พี่ริชแซว

“แต่ผมเคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ทนะครับ เขาบอกว่ามันเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเป็นก๊าซมีเทนอะไรประมาณนี้แหละครับ  บางคนก็บอกว่าฝั่งลาวเป็นคนจุดบ้าง  บางคนก็บอกว่ามนุษย์ทำขึ้นบ้าง ผมเลยไม่รู้จะเชื่อฝ่ายไหนดี”ผมบอก

“ดูด้วยตา คิดด้วยสมอง แล้วเชื่อด้วยใจซิจ๊ะ”พี่แหววบอก พร้อมกับมีเสียงเฮดังขึ้นอีก พวกเราก็กวาดสายตามองไปตามเสียงเฮ  สรุปแล้ววันนั้นพวกเราได้ได้ดูบั้งไฟพญานาคไปกันสิบกว่าลูกแล้วก็ขับรถออกจากหน้าวัดไทยประมาณห้าทุ่มกว่า เพราะถ้าดึกกว่านั้นรถจะติดมาก
ยังดีนะที่บ้านพี่นิคอยู่เลยวัดไทยไปไม่ไกลมาก กลับมาพวกเราก็พากันอาบน้ำเข้านอน  วันนี้ไม่มีตั้งวง พี่แหววสั่งห้ามเด็ดขาด เพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถกลับกันแต่เช้า

ผมอาบน้ำเสร็จยังไม่ง่วงนอนเลยออกมานั่งคิดอะไรที่ระเบียงบ้านริมแม่น้ำโขง  (บั้งไฟพญานาค  สวยดีจัง  ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะเคยมาดูหรือเปล่าน้า  ปีหน้าไว้ลองชวนคุณแม่กับเจ้าโอ๊ตมาดูดีกว่า แล้วคำพูดคุณแม่ก็ดังขึ้นมาในหัวผม “ต่อไปเอต้องเป็นหลักของครอบครัว  เรียนจบแล้วก็มาช่วยงานบริษัทของคุณพ่อต่อจากแม่  เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง  คุณพ่อคอยมองความสำเร็จของเออยู่  เอต้องเป็นตัวแทนคุณพ่อ” )

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”เสียงพี่นิคดังขึ้น ดึงผมออกจากความคิด

“ถ้านอนแล้วพี่จะเห็นผมไหมนี่  หรือว่าพี่เข้ามาในความฝันของผม จะมาทำให้ผมฝันร้ายใช่ม้า”ผมตอบ 

“ย้อนเก่งนะเดี๋ยวนี้  รู้ซะบ้างใครพี่ใครน้อง”พี่นิคทำเสียงเข้ม

“ขอโทษครับ”ผมบอก พร้อมยกมือไว้ 

“ไม่เป็นไร  พี่แซวเล่น  นั่งคิดอะไรอยู่  คิดถึงคุณพ่อเหรอ”พี่นิคที่ยืนอยู่ขยี้หัวผม แล้วนั่งลงข้างๆ

“ครับ  ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะเคยได้มาดูบั้งไฟพญานาคหรือเปล่า  ช่างมันเถอะพี่  ว่าแต่มหัศจรรย์จริงๆเลยเน๊อะ  ถ้าผมไม่มาเห็นเองผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลย”ผมพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องคุณพ่อ

“เอครับ”พี่นิคเรียกผมแล้วเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ “พี่รู้ว่าสิ่งที่เอเจอ มันยากเกินกว่าที่เอจะทำใจได้ในเวลาแป๊บเดียว แต่เอก็ต้องไม่ลืมนะครับว่าเวลาที่ผ่านไปทุกนาทีมีค่าเสมอ อย่าใช้เวลาในการทำใจนานนักนะครับ  พี่รู้สึกไม่ดีเลยเวลาเห็นเอที่นั่งเหม่อลอย ไม่สนใจตัวเองไม่ดูแลตัวเอง”พี่นิคพูด

“คือ...ผม...จะพยายามครับ”ผมบอกแล้วพยายามดึงมือกลับมาแต่พี่นิคจับไว้แน่นกว่าเดิม ทำให้ผมต้องก้มหน้าลง

“เอครับ  เอมองหน้าพี่ซิ  มองตาพี่  แล้วเอจะรู้ว่าพี่คอยเป็นกำลังใจให้เอเสมอ”พี่นิคบอกแต่ผมไม่กล้ามอง  ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงเอามากๆ  หายใจไม่ค่อยอยากจะออก  หัวใจเต้นจังหวะมั่วไปหมด  ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง  ควรพูดอะไรออกไป  แม้แต่คิดก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ควรคิดอะไรดี

“เอครับ  เป็นแฟนกับพี่นะครับ” พี่นิคพูดออกมา พร้อมเอามือทั้งสองข้างของพี่เขาที่จับมือผมอยู่แล้วยกมือผมขึ้นมาไว้ระดับหน้าอกแล้วกระชับมือเข้าสื่อถึงความจริงจังในคำพูด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหนึ่งที่โดนสารภาพรัก  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภู  พี่เก่งเราก็โดนบอกรักมาแล้ว  แต่นี่กับพี่นิค  ทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันต่างโดยสิ้นเชิงสำหรับสองคนนั้น  ความรู้สึกตอนนี้คงไม่มีตัวหนังสือใดๆเขียนเป็นคำบรรยายออกมาได้แน่ๆ (นอกจากคุณจะเคยรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนี้เอง)

“คือ...พี่ไม่รู้ว่า...มันเกิดขึ้นตอนไหน...เกิดขึ้นเมื่อไหร่  เกิดขึ้นได้ยังไง  และพี่ก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาสมควรที่จะพูดเรื่องนี้กับเอ  แต่พี่ทนไม่ได้ที่จะเห็นเอเป็นแบบนี้  พี่อยากให้ความรู้สึกที่พี่มีให้ต่อเอ ได้ทดแทนชดเชยความรู้สึกที่เอมีอยู่ตอนนี้  ถึงแม้ว่ามันจะทดแทนไม่ได้ทั้งหมด  แต่ให้มันเป็นส่วนเล็กๆที่มาจากใจจริงของพี่ที่มีให้เอก็พอ”พี่นิคพูด  ผมเงยหน้ามองหน้าพี่เขา  เห็นสีหน้าและแววตาที่สื่อออกมาจากความจริงใจ  ทำให้ผมคิดถึงเรื่องคุณพ่อที่ผ่านมาและคำพูดของคุณแม่ที่ว่า “ต่อไปเอต้องเป็นหลักของครอบครัว  เรียนจบแล้วก็มาช่วยงานบริษัทของคุณพ่อต่อจากแม่  เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง  คุณพ่อคอยมองความสำเร็จของเออยู่  เอต้องเป็นตัวแทนคุณพ่อ”

“คือ ผมว่า........”ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี  เรื่องมหัศจรรย์ยิ่งกว่าบั้งไฟพญานาคได้เกิดขึ้นตรงหน้าผม  คนที่เรารู้ว่าเขาแอบชอบเรา แล้วเราก็ตัดสินใจที่จะเลือกเขา คนๆนั้นกำลังขอคบกับเราเป็นแฟน  นี่มันอะไรกัน ผมแปลกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกะทันหันขนาดนี้  แล้วผมก็สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับพี่นิค

“พี่เป็น........พี่ชายที่ดีของผมนะครับ.......ผมก็จะต้องเป็นพี่ชายที่ดีให้กับโอ๊ตเหมือนกัน”ผมพูดแล้วก็ดึงมือตัวเองออกจากมือพี่นิค  พร้อมลุกหนีเข้าห้องไปนอน ปล่อยให้พี่นิคนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวโดยผมไม่รู้ด้วยว่าพี่เขาทำหน้าตาท่าทางยังไง  ผมไม่กล้าหันไปมองเลย

ผมล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่ใจผมมันล้มตั้งแต่บอกประโยคที่ว่า “พี่เป็น........พี่ชายที่ดีของผมนะครับ......”ให้กับพี่นิคเป็นการตอบรับ ในการขอคบเป็นแฟนกับผม  บอกนอนบอกตัวเองซ้ำๆว่าเราทำถูกแล้ว  เราต้องเป็นตัวแทนคุณพ่อ  เราต้องเป็นพี่ที่ดีของน้อง  แล้วพี่ชายที่ดีคนไหนจะมีแฟนเป็นผู้ชายได้  อีกอย่างพ่อแม่พี่นิคก็คงหวังเช่นนั้นเหมือนกัน  ยิ่งพี่นิคยิ่งเป็นลูกชายเดียวของครอบครัว  อย่าเลย  เราสองคนมันคงได้แค่นี้แหละ  ผมบอกตัวเองเท่าไหร่เหมือนมันยิ่งตอกย้ำอะไรในใจผมซักอย่าง  ใจที่มันหวิวๆอยู่แล้วมันกลับยิ่งหวิวๆ ดูวังเวงกว่าเดิม  จนทำให้รู้สึกว่าตัวผมลอยเบาไร้น้ำหนัก ไม่มีตัวตน ลอยไปตามความคิดและอาการของใจที่หวิวๆ ไม่รู้ว่าผมนอนใจลอยไปนานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมก็รู้สึกตัวก็คือ ไอ้อาการปวดหัวจี๊ดๆที่มันขึ้นมาข้างเดียว  ทำให้ผมมองดูนาฬิกาบอกเวลาตีสี่  (ผมเข้าห้องตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆ) ผมนึกไปถึงยาแก้ปวดหัว ผมจำได้ว่าข้างนอกตรงห้องรับแขกมีตู้ยาสามัญประจำบ้านอยู่  ผมเลยเดินออกจากห้องไปจะเอายา

พอผมทานยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินกลับไปนอน กวาดตาเหลือบมองไม่เห็นพี่นิคที่ยังอยู่ที่ระเบียงริมโขงที่เดิม  ทำให้ผมเดินออกไปที่ระเบียงริมโขงอีกครั้ง  พอผมเดินไปถึงพี่นิคหันหน้ามามองแล้วรีบหันกลับไปมองแม่น้ำโขงเหมือนเดิม

“พี่ยังไม่นอนเหรอครับ  พรุ่งนี้พี่ต้องขับนะครับ”ผมทักเบาๆ พี่นิคไม่ตอบอะไร อาการปวดหัวจี๊ดๆของผมมันขึ้นมาอีกแล้ว

“นั่งตรงนี้ยุงเยอะนะครับ พี่ไม่ไปนั่งข้างในเหรอครับ”ผมบอก พี่นิคก็ยังเงียบ  หัวผมเริ่มตึงนิดๆ

“งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ”ผมบอกแล้วเดินไป เพราะอาการปวดหัวมันแรงขึ้นทุกที

“เดี๋ยว....... ทำไม.........”พี่นิคพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มแล้วก็หยุด  ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินหนีผมไป

ผมเดินกลับไปที่ห้อง  ปล่อยให้ยาออกฤทธิ์ทำให้ผมหลับไป

...

+++ จบบทที่สิบแปด +++


*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***

- ดูด้วยตา คิดด้วยสมอง แล้วเชื่อด้วยใจ
- เวลาที่ผ่านไปทุกนาทีมีค่าเสมอ อย่าใช้เวลาในการทำใจนานนัก

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาต่อให้ก่อนนะครับ :m22:


เดี๋ยวจะเข้ามาคุยด้วยครับ :oni1:

ขอเคลียร์อะไรบางอย่างก่อนนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด