บทที่ยี่สิบสอง --- ปี๋ใหม่แอ่วเหนือ (ต่อ)
ที่ร้านนี้ยังมีช่วงที่ให้แขกที่มานั่งทานอาหารได้ขึ้นมาร้องเพลงอีกด้วย โดยจะมีการเวียนไมค์ไปตามโต๊ะเรื่อยๆ ถ้าโต๊ะไหนไม่ร้องก็ผ่านไปก็ได้ ถ้าโต๊ะไหนจะร้องก็ส่งตัวแทนขึ้นมาบนเวทีซึ่งจะมีเนื้อเพลงเป็นเหมือนคาราโอเกะขึ้นให้ดูที่จอคอมพิวเตอร์ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องร้องเพลงที่เป็นสไตล์ล้านนาหรือเพลงที่เกี่ยวกับเมืองเหนือเท่านั้น เพื่อรักษาบรรยากาศของร้าน
แล้วไมค์ก็เวียนมาถึงโต๊ะเราในรอบแรก พี่ตี๋ที่เป็นหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีเลยเสนอตัวจะร้องเพลง บอกว่าเพลงนี้ร้องให้พี่คิมโดยเฉพาะ พี่ตี๋ถือไมค์แล้วเดินไปเลือกเพลง เป็นเพลงที่น่ารักเหมาะกับบุคลิกขี้เล่นน่ารักๆของพี่ตี๋เอามากๆ พี่ตี๋ร้องเพลงไปส่งสายตาหวานเยิ้มจนมดแทบจะขึ้นมาที่พี่คิม พี่คิมเองก็ยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่บางทีผมเขินแทนพี่คิมมากกว่าเสียอีก
(
http://www.imeem.com/muutah/music/NU0ltIRj// --- ฟังเพลง พี่สาวครับ ของจรัญ มโนเพ็ชร)
...................ลันลันลันลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา ลันลาล้าลันลัน ลา วู้ วู
ปี้สาว ครับ สวัสดี ครับ ปี้ ครับ จำน้องจาย คน นี้ ได้ ก่อ จำได้ บ่ได้ ก็ บอก มา ลา ลา ..
ปี้สาว ครับ ตอนนี้ผมเป๋นหนุ่ม แล้วครับ มีแม่หญิงมาไล่ จับ จะยับ เอาผม ไปเป็นแฟน ลา ลา...
“จะหวานกันไปถึงไหน อิจฉานะเนี่ยะ”พี่หมอทีพูดขึ้นขัดจังหวะระหว่างที่เพลงมีแต่เสียงดนตรี
“อยากไปร้องบ้างเหรอ หรือว่าอยากให้มีคนร้องให้”พี่คิมแซวกลับ
....... เจอ กันเมื่อสอง สาม ปี ก่อน ผม ยังละอ่อน และ ซน แก่น
ฮัก เป๋นปี้สาว บ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน ปี้ก็ฮัก ผม เป็น น้อง จาย .........
ตอนนี้บนเวทีพี่ตี๋ยังคงร้องเพลงอยู่ แต่เริ่มมีสาวๆสองสามคนเดินเอากุหลาบไปให้แล้วขอถ่ายรูปด้วยดูเหมือนเป็นดาราเลย ดูเหมือนพี่ตี๋เองก็เล่นด้วยทำหน้าทะเล้นเล่นกับคนที่มาถ่ายรูป
“พี่คิมไม่ไปให้กำลังพี่ตี๋หน่อยเหรอครับ”ผมถาม
พี่คิมไม่พูดอะไรแต่ลุกจากโต๊ะเดินไปหาพี่ตี๋ ฉวยจังหวะที่พี่ตี๋กำลังก้มรับดอกไม้คว้าคอพี่ตี๋ลงมาแล้วจูบแก้มพี่ตี๋ไปหนึ่งที ทำเอาพวกสาวๆที่กำลังถ่ายรูปอยู่ตาเขียวปั๊ดเลย พี่ตี๋ดูออกจะดีอกดีใจอยู่ไม่น้อยแล้วพี่คิมก็เดินกลับมาที่โต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กำลังใจแค่นี้พอหรือเปล่า”พี่คิมนั่งลงแล้วถามผม ผมได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มๆเขินอายแทน
...........ปี้สาว ครับ ตอน นี้ ผม ฮักปี้ แล้วครับ จะฮักปี้บ่ มี หน่าย
บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว ล่ะ . บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว ล่ะ .. บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว ล่ะ
*ลันลันลัน ลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา ลันลาล้าลันลัน ลา วู้ วู .
ลันลันลัน ลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา ลันลาล้าลันลัน ลา........
พี่ตี๋ร้องเพลงเสร็จกลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็หมอที่แก้มของพี่คิมหนึ่งที พี่คิมก็นั่งเฉยยอมให้หอม
“ถ้าไมค์มารอบต่อไปต้องเป็นคราวของคู่นั้นบ้างแล้วนะ สลับกัน”พี่ตี๋พูดหมายถึงผมหรือพี่หมอทีคนใดคนหนึ่งที่ต้องออกไปร้องเพลง
ที่จริงเรื่องร้องเพลงนี่ผมไม่เกี่ยง เพราะเป็นคนที่ชอบฟังเพลงและร้องเพลงอยู่แล้ว แต่นี่ให้ไปร้องเพลงล้านนาหรือเพลงที่เกี่ยวกับภาคเหนือผมเลยจนปัญญา เพราะคิดไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไรดีส่วนใหญ่เพลงที่ผมฟังจะเป็นเพลงสากล แจ๊ส ป๊อบ คลาสสิกอะไรทำนองนั้น ตอนแรกผมคิดจะขึ้นไปร้องเพลงของวงนกแลที่ผมเคยฟังตอนเด็กๆ แต่คิดว่าคงดูเอ๋อเกินไป เลยต้องเป็นหน้าที่ของพี่หมอที เมื่อไมค์เวียนมาถึงรอบสอง
“ตี๋ไปอีกรอบก็ได้นี่ หรือคิมจะไปก็ได้ เอลองขึ้นไปเลือกเพลงดูก่อนก็ได้มั้ง”พี่หมอทีหาทางเลี่ยง
“พี่ทีแหละครับ ผมอยากฟังพี่ทีร้องเพลง”ผมบอก
“พี่ร้องไม่เก่งครับ เดี๋ยวอายคนเขา ดีไม่ดีแขกจะไม่เข้าร้านนี้อีก”พี่หมอทีบอก
“แต่ตอนที่เดินเข้ามาผมเห็นพี่ร้องคลอตามเพลงด้วย นะครับๆพี่ทีผมอยากฟังพี่ร้องเพลง”ผมอ้อน
“ก็ได้ รอบเดียวนะ ไม่เพราะอย่ามาว่ากันด้วย”พี่หมอทีรับไมค์แล้วเดินไปทีเวที
“ยุขึ้นโว้ยเพื่อนเรา”พี่คิมพูดออกมาเบาๆ พี่ตี๋ลุกขึ้นตบมือออกหน้าออกตา
“เพลงนี้ผมขอร้องให้น้องชายของผมครับ เขาได้ยินเพลงนี้ช่วงท้ายๆตอนที่เดินเข้ามาในร้าน ผมเลยอยากให้เขาฟังเพลงนี้ทั้งหมดครับ ยังไงถ้าไม่เพราะก็ทนฟังด้วยนะครับ ผมจะตั้งใจร้องเต็มที่ครับ”พี่หมอทีพูดก่อนที่จะร้องเพลง
(
http://www.imeem.com/bankin/music/jfjt6J6i/etc/ -- ฟังเพลง งามแต๊แม่ปิง ของ Ect.)
....................งามแต๊แต๊เลยหนอ สมดังน้ำกำเปิ้นบอก
เวียงพิงค์เป็นเมืองสวรรค์ ดอกไม้บานหน้าหนาวเหนือคำรำพัน
รัญจวนกึดเติงหากัน เมื่อยามที่เฮาห่างไกล
โอ้สักกี่น้ำปิง มั่นคงดังยิ่งน้ำปิงบ่เกยหยุดไหล
ดอยสุเทพตี้เฮาฮักเฮาฝากใจ
ครูบาเปิ้นหื้อฝากไว้ เป็นมิ่งขวัญเวียงพิงค์
พี่หมอทีร้องเพลงไปก็มองไปทั่วๆร้านอาหารแล้วก็มาหยุดลงที่ผม เสียงพี่หมอทีชวนเคลิ้มมาก ไพเราะนุ่มนวลเข้ากับบรรยากาศ เข้ากับเนื้อเพลงสะกดคนที่ฟังให้เงียบได้เป็นอย่างดี
งามแต๊แต๊เลยนะ เจดีย์ล้วนตระการตา
ประเพณีอินทขินทร์ เจ็ดยอดเอยสืบทอดพระธรรมล้ำยิ่ง
กราบบูชาพุทธสิหิงค์ คู่บารมีเจียงใหม่
“ไม่ไปให้กำลังหมอทีหน่อยเหรอ”พี่คิมถามผม
“ผมไม่กล้าหรอกครับ ไม่เห็นมีคนเอาดอกไม้ไปให้เลย”ที่จริงผมอยากเอาไปให้ แต่ไม่มีคนเอาไปให้เลย มีแต่คนตั้งใจฟังเหมือนโดนมนต์สะกด
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง จะบอกว่าเอฝากมาให้นะ”พี่ตี๋พูดเสร็จก็คว้าเอาดอกกุหลาบที่ตัวเองได้มาไปให้พี่หมอที หลังจากที่พี่ตี๋เอาไปให้ก็เริ่มมีคนทยอยเอาตามไปให้อีกคนสองคน
ชมดอกไม้ลำนำป่าเขา เสียงซอเคล้าเสียงซึงสะล้อ
หากฮักจริงบ่ดีหื้อรอ จะไปสู่ขอ มาอยู่ตวยกั๋น
ถิ่นล้านนาจะเป็นเวียงสวรรค์ เมื่อมีน้องเคียงข้างกันเป็นคู่ขวัญอ้ายเอย
จนเพลงจบลง พี่หมอทีเดินลงมานั่งที่โต๊ะ ผมว่าพี่แกคงตื่นเต้นมากเพราะเห็นหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่หน้า แล้วผมก็ไปคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพร้อมถอดแว่นของพี่แกออกแล้วเช็ดให้แทน ดวงตาพี่หมอทีที่ซ่อนตัวอยู่หลังแว่นช่างดูสดใสสวยงามเป็นประกาย เป็นดวงตาที่มีเสน่ห์สามารถดึงดูดสะกดใจคนที่จ้องให้แทบหยุดหายใจเลยทีเดียว
“อ้าวๆ มดขึ้นหมดแล้ว พี่น้องคู่นี้ทำอะไรกันน้า”พี่ตี๋แซวเมื่อเห็นผมที่เอาแต่จ้องตาพี่หมอทีค้างไม่ยอมเช็ดหน้าให้พี่หมอทีต่อซักที
“ตี๋นี่ขัดจังหวะ คนเขากำลังจะก้าวข้ามความเป็นพี่น้อง เฮ้อ..ไปห้องน้ำดีกว่า”พี่คิมพูดแล้วเดินออกไป
ผมรีบเช็ดแล้วสวมแว่นคืนให้พี่หมอทีแล้วแก้เขินด้วยการขอตัวไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
ผมเดินบ่นกับตัวเองออกมา เรากำลังทำอะไร พี่น้องๆ ท่องไว้นะเอ พี่น้องๆ ทำไมเราเป็นแบบนี้ ผมมายืนบ่นอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ แล้วพี่คิมก็เนออกมาจากห้องน้ำ
“สับสนเหรอ”พี่คิมถามขณะล้างมือข้างๆผม
“พี่ถามเอตรงๆนะ เอคิดยังไงกับหมอที”พี่คิมถามแล้วเปิดก๊อกน้ำ คำถามนั้นทำเอาผมถึงกับอึ้งตกใจ
“ก็....พี่ทีก็เป็น..คนดีครับ”ผมตอบเลี่ยงๆ
“เห้อ...สงสัยคำถามของพี่กว้างเกินไป ถามใหม่นะ เอรักหมอทีไหม”คำถามนี้ทำเอาผมอึ้งตกใจกำลังสอง
“เออ....ก็.....รักครับ พี่ทีเป็นคนดี ใครๆก็ต้องรักเป็นธรรมดาครับ”ผมโล่งอกที่ตอบเลี่ยงไปได้อีกครั้ง
“พี่คงต้องโฟกัสคำถามให้ตรงจุดกว่านี้ เอกับหมอทีคบกันแบบไหน”คำถามนี้ทำเอาผมอึ้งตกใจกำลังสิบ
“ก็...ก็....พี่น้องกันครับ”ผมตอบเสียงเบาๆ
“แต่พี่ว่าหมอทีไม่ได้คิดแค่นั้นแน่ สำหรับเอ พี่ไม่รู้ว่าคิดยังไง แล้วเอเคยบอกหมอทีหรือยังว่าคิดกับเขาแค่พี่น้อง อย่าว่าพี่ยุ่งเลยนะ พี่เป็นห่วงเพื่อนพี่ แล้วพี่ไม่อยากให้เอกับหมอทีเสียความรู้สึกดีๆความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้กัน”พี่คิมพูดแล้วยิ้มมาให้
ผมทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อหนีคำถามจากพี่คิม “ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
“ถ้าคิดจะหนีเราคงต้องหนีมันทั้งชีวิต สู้เลือกที่จะเผชิญมันแล้วตามหาความจริงไม่ดีกว่าเหรอ”พี่คิมพูดก่อนที่จะเดินออกไป ปล่อยให้ผมอยู่ยืนคนเดียว
...
กลับมาที่โต๊ะผมเห็นแต่พี่หมอทีกับพี่ตี๋ แล้วก็ได้ยินเสียงพี่คิมดังมาจากเวที (ไมค์คงวนมาที่โต๊ะผมเป็นรอบที่สาม)
“เพลงที่จะร้องต่อไปนี้มอบให้กับเพื่อนและน้องชายของเพื่อนผมเองครับ”พี่คิมพูด
“อะไรอ่ะ ไม่ได้ร้องให้แฟนตัวเองเหรอ เดี๋ยวคืนนี้ต้องลงโทษให้เข็ด”พี่ตี๋บ่น
“เอเป็นอะไร สีหน้าไม่ค่อยดี”พี่หมอทีถามผม
“เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำ ข้างนอกอากาศหนาวๆอ่ะครับ สงสัยคงปรับตัวไม่ทัน”ผมบอกปัดไป แต่ที่จริงผมกำลังคิดมากเรื่องที่พี่คิมพูดในห้องน้ำต่างหาก
“งั้นเดี๋ยวคิมร้องเพลงนี้จบ เราขอตัวกลับกันก่อนนะครับ เอจะไม่สบายเอาได้ ดูซิพี่ไม่ดีเอง ตอนบ่ายพาไปปั่นจักรยานตากแดด ตอนหัวค่ำยังพามานั่งตากอากาศเย็นๆอีก”พี่หมอทีว่าตัวเองแล้วถอดเอาเสื้อตัวนอกของตัวเองมาห่มให้ผม
“ขอบคุณครับ ฟังพี่คิมร้องเพลงดีกว่าครับ”ผมบอกเพราะไม่อยากให้พี่หมอทีรู้สึกผิด
(
http://www.imeem.com/iprim/music/HN9Lslq_/lana_commins/ --- ฟังเพลงไว้ใจได้กา)
........................แต่ก่อนแต่ไร ไปแอ่วต่างได๋กัน เฮาก็ไปโตยกัน ตึงวันแสนม่วนใจ๋..
พอพบ ฮู้จักสาวชาวกรุง..บ่เต้าใด อ้ายก็ไปเอาอกเอาใจ๋แต่เขา
แค่เพียงบ่เมิน เชื่อกำเปิ้นแล้วกา ฮู้จักเพียงหน้าตา ฮู้ใจ๋เปิ้นหรือเปล่า..
ตึงวันเปิ้นมีป้อจายมาคอยเฝ้า เปิ้นจะอี้แล้วคงบ่ดีไปไว้ใจ๋
เคยกิ๋นผักกาดจอ บ่เคยกิ๋นพิซซ่า หากว่าลงต๊องจะยะจะได
เปิ้นบ่ไจ้คนเมือง บ่เมินหากเปิ้นลาไกล อ้ายจะอู้จะได้บ่ออก
เพลงที่พี่คิมบอกว่าจะร้องให้พี่หมอทีกับผมมันคือเพลงไว้ใจได้กา ของลานนา คัมมินท์ ผมฟังไปแล้วก็คิดว่าพี่คิมคงต้องการสะกิดใจผมและเตือนอะไรบางอย่างให้พี่หมอทีรู้ โดยเฉพาะถึงท่อนที่ว่า
.........ก็บ่ได้หวง ทวงอะหยังวุ่นวาย เป็นแต่เพียงเสียดาย ข้ากลัวอ้ายโดนหลอก
เปิ้นกึ้ดกับอ้ายจะได ก็บ่บอก เป็นจะอี้แล้วเปิ้นจะไว้ใจ๋ได้กา
ปากแดง ๆ จะไว้ใจ๋ได้กา หน้าสวย ๆ จะไว้ใจ๋ได้กา
แก้มขาว ๆ จะไว้ใจ๋ได้กา ตาหวาน ๆ จะไว้ใจ๋ได้กา
ใส่เอวลอย จะไว้ใจ๋ได้กา นุ่งสั้น ๆ จะไว้ใจ๋ได้กา
อยู่เมืองไกล จะไว้ใจ๋ได้กา บ่ไจ้ข้าเจ้า จะไว้ใจ๋ได้กา........
พี่คิมมองมาทางผมอย่างตั้งใจ ทำเอาผมถึงหลบตา แต่พี่หมอทีคงไม่รู้เรื่องอะไรคงนั่งยิ้มอย่างเดียว ผิดกับพี่ตี๋ที่ยืนเต้นตามจังหวะเพลงแล้วทำท่าพูดในอากาศว่าแฟนผม ๆ
หลังจากพี่คิมเดินกลับมา พี่หมอทีก็ขอตัวพาผมกลับบ้านก่อน โดยบอกว่าผมมีอาการเริ่มจะไม่สบายต้องกลับไปพักผ่อน เป็นอันว่าเราทั้งหมดเลยได้กลับพร้อมกัน
...
กลับมาถึงบ้านพี่หมอทีก็สี่ทุ่มแล้ว พี่หมอทีเลือกขึ้นบันเล็กเล็กทางเฮือนแก้ว ไม่ขึ้นบันไดใหญ่ทางเฮือนคำ โดยให้เหตุผลว่าถ้าขึ้นเฮือนคำต้องเจอคุณพ่อคุณแม่ต้องได้นั่งคุยกันอีกนาน อยากให้ผมได้รีบอาบน้ำแล้วพักผ่อน ผมท้วงว่าน่าจะได้ไปสวัสดีท่านก่อนก็ยังดี พี่หมอทีบอกว่ายังไงพรุ่งนี้ตอนอาหารเช้าก็ต้องเจอกับคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว ค่อยไปสวัสดีท่านก็ได้
มาถึงห้องพี่หมอที ผมทำท่าเดินเอากระเป๋าจะไปนอนที่ห้องน้านวล แต่พี่หมอทีบอกว่าให้นอนที่นี่เพื่อไข้ขึ้นจะได้คอยดู (ผมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางไข้ขึ้นแน่นอนเพราะผมไม่ได้ป่วยนี่ แต่ก็ยอมนอนที่ห้องพี่หมอที) พี่หมอทีให้ผมอาบน้ำก่อนโดยกำชับว่าให้ปรับอาบน้ำอุ่นกว่าเดิมที่ตั้งไว้ แล้วออกมาก็ให้ผมใส่เสื้อผ้าหนาๆสามชั้น แล้วทานยาอีกสองเม็ด (ผมร้อนจะตายแต่ก็ต้องใส่เพราะไหนๆโกหกแล้วก็ต้องเนียนซะหน่อย) แล้วขึ้นเตียงนอน
พี่หมอทีเข้าไปอาบน้ำ แล้วเดินออกมาโดยมีชุดคลุมอาบน้ำสีขาวออกมา ทำให้ผมที่กำลังจะหลับอารมณ์กระเจิงไปถึงไหนต่อไหน (นี่ขนาดมีเสื้อคลุมนะ ถ้านุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวออกมาจะขนาดไหน ก็แค่ชุดคลุมที่ทำให้เห็นหน้าอกที่ขาวเนียน แอบเห็นหัวนมสีชมพูสดนิดๆที่ตัดกับสีผิวของแผงอกที่ขาวจั๊ว(น่าเจี๊ยะ) กล้ามอกก็มีพอน่ารักไม่เป็นมัดๆจนน่ากลัว --- อิอิ ไม่บรรยายแล้ว อารมณ์กระเจิงเดี๋ยวเขียนต่อไม่ได้) พอหมอทีแต่งตัวในชุดนอนเสร็จก็เดินมาดูผม
“ยังไม่หลับเหรอ”พี่หมอทีถาม พร้อมขยับผ้าห่มมาให้ถึงคอ
ผมพยักหน้ารับ “อืม...พี่ทีครับ ทำไมพี่ทีถึงทำดีกับเอจังครับ”ผมถามออกมา ขณะที่พี่หมอทีนอนลงข้างๆแล้วปิดไฟที่หัวเตียง
“ก็...เอาไงดีล่ะ...ก็เอเป็นน้องชายที่ดีไงครับ พี่เลยต้องทำดีด้วย”พี่หมอทีบอก
“งั้นคืนนี้เอขอนอนกอด แล้วซบอกพี่ชายที่แสนดีของเอได้ไหมครับ”ผมถาม
พี่หมอทีไม่ตอบแต่จับศรีษะผมยกขึ้นอย่างเบาๆช้าๆ ค่อยๆสอดแขนข้างขวาเข้ามาให้ผมหนุนแทนหมอน ผมเองก็นอนหันหน้าไปทางพี่เขาแล้วก็เอาหน้าซบลงตรงอกของพี่หมอที กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆออกมาจากแผงอกที่แข็งแก่ง ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นหมอนให้ผมไปแล้ว ผมเอื้อมมืออีกข้างไปกอดไปพี่หมอทีอย่างเบาๆ ลมหายใจของพี่หมอทีกระทบถึงหัวผม ผมได้ยินเสียงเต้นของหัวใจพี่หมอที มันยังคงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งต่างจากหัวใจผมที่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาซะเลย
ผมต้องพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติไม่อยากนั้นพี่หมอทีคงจับได้แน่ นอกจากนั้นผมยังต้องควบคุมอารมณ์และอะไรหลายๆอย่างให้ตัวผมให้มันเรียบร้อย ไม่งั้นขายหน้าพี่หมอทีแน่ แต่ไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็................................................
+++ จบบทที่ยี่สิบสอง +++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- ถ้าคิดจะหนีเราคงต้องหนีมันทั้งชีวิต สู้เลือกที่จะเผชิญมันแล้วตามหาความจริงไม่ดีกว่าเหรอ