นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>  (อ่าน 542318 ครั้ง)

ออฟไลน์ Otaku

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-1
ไม่เบื่อคับพี่เอ    :m1:

 o2ว่าทำไมต้องถามด้วยอ่ะ o2

แก้ว

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เบื่อค่ะ

สู้ ๆ นะคะ A


 :m1:

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เบื่อครับ อ่านได้เรื่อย ๆ  :m1:

sarin

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:...เบื่อ..เง้อ...ล้อเล่น..อิ.อิ. :เตะ1:
ครายจะเบื่อล่ะค้าบ..ตามติดทุกตอนเลยอ่ะ.. :a3:
เหมียนติดกาแฟเลยอ่ะ.... :a11:
..รอตอนต่อปายค้าบ...อิ.อิ. :a4:
 :bye2: :bye2:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่ไม่ทราบว่าที่บริษัทมีตำแหน่งอะไรว่างบ้างคะ หนูเบื่องานนนนนนนนนนนนนนนนนที่เดิม :m15:

Bm_Boy

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เอครับ

ไม่เบื่อครับ

คอยติดตามครับ

three

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มีทางเบื่อหรอกครับรีบมาต่อนะครับพี่เอ o13

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ทำไมเอคิดว่าพวกเราคนอ่านจะเบื่อล่ะจ๊ะ

สนุกน่าติดตามขนาดนี้ ไม่มีใครเบื่อหรอกจ๊ะ

 o13 o13 o13

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เบื่อ แถมชอบมากๆเลย  :m1:

jobisuka

  • บุคคลทั่วไป
ถามแปลก ๆ จะเบื่อได้ไง เหอ ๆ ออกจะเข้มข้นขนาดนี้  :a2: รอติดตามอยู่น้า :oni2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






P_love

  • บุคคลทั่วไป
ยังรอนิยายของเอต่อไปค่า  :L2: :L2:

เวลาเข้าเน็ตมาก้อต้องเข้ากะทู้เอทุกครั้งไม่รู้สึกเบื่อเลย

ยังงัยเอก้ออย่าเพิ่งเบื่อไปก่อนละกัน  o7

Money_LovE

  • บุคคลทั่วไป

กำลังสนุกเชียว มาต่อวัยๆนาคาบบบบบบบบ :กอด1:

ออฟไลน์ Mint

  • นิสัย!!
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +881/-17
 :m13: :m13: :m13:

ยังไม่เบื่อหรอกค่า   

:m1: :m1:

รอได้ค่ะ สู้ๆๆนะคะ

 :oni1: :oni1:


BABY_CHICK

  • บุคคลทั่วไป
 :m23:แต่ผมเบื่อ....เบื่อตัวเองครับ แฮะ แฮะ

ทำไมต้องมานั่งอ่าน นิยายในบอร์ด หลังขดหลังแข็งทุกวัน

ตั้งแต่รู้จักบอร์ดนี้ มา วันที่ไม่อ่านคือวัน ที่เมาเปิดคอมไม่ได้ 55

ถ้าเมาแล้วเปิดได้ ก็ได้อ่าน

เหมือนกับว่า มันเป็นโลก ของเรายังไงไม่รู้

บางเรื่องก็ยิ้ม คนเดียว เหมือนคนบ้า บางเรื่อง ก็ร้องไห้ คนเดียว เหมือนบ้าอีกละ 55

อ่านมันทุกเรื่อง รอเก้อบ้าง ไม่เก้อบ้าง ก็สุดแล้วแต่คนแต่ง จะมีเวลามาแต่งให้อ่าน

ก็มีความรู้สึกคนละแบบ ตอนนี้ ติดซะแล้ว

คุณเอ อย่าเพิ่งจบนะครับ เรื่องยังสนุกอยู่เลย

ไม่ได้ห้ามไม่ให้จบนะครับ  เพราะเรายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเยอะ งานเลี้ยงต้องมีเลิกลา จริงมะครับ

แต่ตอนนี้ อ่านแล้ว มันทำให้เราได้คิดหลายๆอย่าง มีสติมากขึ้น

หลายๆเรื่องเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้เอต่อไปนะครับ เขียนเยอะๆเลย อ่านได้ไม่มีเบื่อ 55 :L2: :L2:

Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
 :m13:แหม...รอได้ อย่าเพิ่งคิดไปว่าเบื่อ แต่เรื่องมันสนุกจนอยากเห็นตอนที่มีจุดเชื่อมความสัมพันธ์ของคุณนิคและคุณเอเร็วๆเท่านั้นเอง หุๆ ขออภัยที่ใจร้อนค่ะ

แต่เราขอรออย่างสนุกสนาน เรารักนิยายที่คุณแต่งเหมือนเดิมค่ะ อย่าเปลี่ยนอะไรเลย..มาเรื่อยๆเหมือนเดิมนะ :m1:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
มีสปอย มาห้ายอ่านด้วย   o13

แต่ ไหง มาน แปลกๆๆ เนี่ย   :m31:

เรื่องจา พลิกอีก หลอ   :serius2:


ม่าเบื่อ เรื่อง ของ พี่เอ หลอก  เข้า มารอ อ่านทุกวัน จา เบื่อ ได้ไง 


รอตอนต่อ ไปน้า 


 :a4:      :a3:      :a11:


  รอ           ร้อ            รอ



 :bye2:

Siri_nan

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เบื่อจ้า รอตอนต่อไปอยู่น่ะ :oni1:

meawmeaw

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆอีกนะจ๊ะ
 :L2: :L2: :L2:

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4:มาต่อให้แล้วครับ  บทนี้ค่อนข้างยาวหน่อยนะครับ

และคิดว่าคงเป็นบทที่หลายคนรอคอย (รวมไปถึงบทหน้าด้วยมั้ง  :laugh:)

ที่ถามว่าเบื่อหรือยัง คือว่า ผมกำลังจะตัดสินใจว่าน่าจะย่อเรื่องเข้ามาบ้าง หรือตัดบางเรื่องออกไปให้มากกว่านี้ เพราะถ้าเอาจาก Diary มาแต่งเกือบทั้งหมดคงจะนานมากครับ เลยอยากจะลองถามๆดูความเห็นอ่ะครับ (อาจจะให้จบแล้วเลือกเขียนเป็นตอนต่ภาคพิเศษอะไรอย่างนี้อ่ะครับ)

พอรู้ว่าไม่เบื่ออย่างนี้ ผมจะตั้งใจแต่งไปเรื่อยๆนะครับ (แล้วทีนี้อย่ามาว่าผมแต่งยาวนะ  :m20:ล้อเล่นครับ)

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:ขอกอดทุกคนแรงๆสามทีครับ  ขอบคุณมากครับ


A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ยี่สิบสอง --- ปี๋ใหม่แอ่วเหนือ

“อะไรนะ แล้วโทรมาบอกอะไรเอาป่านนี้”ผมพูดกลับในในโทรศัพท์ หลังจากออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายเสร็จแล้วมาเปิดโทรศัพท์ดูพบว่าเป็นเบอร์ของคุณแม่กับเจ้าโอ๊ตเกือบๆสิบสาย

ตอนแรกที่ผมเห็นเบอร์ในโทรศัพท์ ใจไม่ดีเลยกลัวเป็นเหมือนเมื่อคราวคุณพ่อ ผมเลยเลือกที่จะโทรกลับไปหาโอ๊ตแทนคุณแม่ แต่ผลกลับมาทำให้ผมอารมณ์ค่อนข้างฉุนคือ คุณแม่กับเจ้าโอ๊ตเปลี่ยนทริปแทนที่จะนอนที่เชียงใหม่ก่อนดันไปนอนที่เชียงรายแทนแล้วค่อยมาเชียงใหม่โดยให้เหตุลว่าคุณแม่บอกให้เที่ยวจากเชียงรายลลงมาเชียงใหม่จะง่ายและสะดวกกว่า

“แล้วจะให้พี่เอายังไง จองไฟล์ไปเชียงใหม่แล้วด้วย”ผมบอกกลับไปพร้อมเดินลงจากตึกห้องสอบ

“พี่เอก็ลงเครื่องที่เชียงใหม่ แล้วค่อยต่อมาเชียงรายก็ได้”เจ้าโอ๊ตน้อยชายตัวดีของผมตอบ

“แล้วคิดว่ามันจะมีเหรอ อย่าว่าแต่เครื่องเลยรถบัสรถทัวร์ก็ยังยาก ก็รู้ๆอยู่ว่าช่วงปีใหม่คนเดินทางเยอะขนาดไหน ทำไมไม่โทรมาบอกพี่วันเดินทางกลับเลยล่ะ”ผมประชดกลับไป

“ก็โทรหาพี่เอตั้งหลายครั้งไม่ยอมรับสาย อีกอย่างก็คุณแม่เปลี่ยนใจ คุยกับคุณแม่เองซิ”เจ้าโอ๊ตเอาคุณแม่มาอ้าง

“ก็คนมันสอบอยู่  เออๆ  ไว้ไปถึงเชียงใหม่โทรบอกอีกทีแล้วกัน แล้วนี่เพิ่งลงจากเครื่องเลยใช่ป่ะ มีที่พักในเชียงรายยัง”ผมถาม

“กำลังเลือกๆอยู่”โอ๊ตตอบ

“เอางี้ไปเช็คอินที่รีสอร์ทพี่รหัสของพี่นะ เดี๋ยวพี่เอาเบอร์โทรให้ แล้วพี่จะโทรไปบอกพี่เขาให้อีกที”ผมบอกเพราะคิดได้ว่าบ้านพี่กำปั้นอยู่ที่เชียงรายทำธุรกิจรีสอร์ท

“ได้ๆ เดี๋ยวบอกคุณแม่ให้”โอ๊ตตอบกลับมา

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ไว้พี่โทรบอกพี่เขาแล้วจะส่งเบอร์ไปให้”ผมวางสายโทรหาพี่กำปั้นซึ่งตอนนี้อยู่เชียงรายแล้ว พี่กำปั้นบอกว่ายินดีไม่มีปัญหา เดี๋ยวบริการให้ จะจัดรถไปรับที่สนามบินเลย แต่ว่าห้องพักหลังVIPคนจองเต็มหมดแล้ว เหลือหลังแบบธรรมดา ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรแต่ขอหลังใหญ่หน่อยแล้วกัน คุยกับพี่กำปั้นเสร็จผมก็ส่ง smsไปหาโอ๊ตบอกว่าเรียบร้อยพร้อมให้เบอร์โทรพี่กำปั้นไว้ติดต่ออีกด้วย

ส่วนผมก็ต้องรีบขับมอเตอร์ไซค์กลับไปที่หอเพราะพี่หมอทีส่ง sms มาบอกว่าตอนนี้คอยอยุ่ที่หน้าแล้ว ระหว่างทางกลับไปหอผมดูบรรยากาศข้างทาง จากที่คนเคยพลุกพล่านตอนนี้กลับเปล่าเปลี่ยว ในมอที่เคยได้สมญานามว่าเมืองไม่เคยหลับตอนนี้คงได้หลับพักผ่อนบ้างแล้วอย่างน้อยก็สี่ถึงห้าวัน

เป็นธรรมดาที่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ยาวๆอย่างนี้ นักศึกษาในมอมักจะเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาถิ่นบ้านเกิด หรือจัดทริปไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ทำให้ในมอดูเงียบสงบ จนบางทีเหมือนมอร้างไปเลย

ผมกลับมาที่หอเห็นพี่หมอทียืนคอยอยู่แล้ว ผมบอกว่าขอเวลาสิบนาทีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลากกระเป๋าลงมาจากหอเพื่อไปสนามบินกัน พอถึงสนามบินเช็คตั๋วอะไรเรียบร้อยหมด ขึ้นเครื่องได้ผมก็หลับเลยครับอาจจะเป็นเพราะเพลียจากการใช้สมองในการสอบและอีกอย่างผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่หมอทีดี ทั้งๆพี่หมอทีก็ทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง

...

พอมาถึงสนามบินเชียงใหม่ พี่ชายของพี่หมอทีก็มาคอยรับอยู่แล้ว หลังจากทักทายกันเสร็จ พี่หมอทีก็บอกให้พี่ชายพาผมไปที่อาเขต (อาเขตก็คือสถานีรถโดยสารหรือที่เราเรียกว่า บขส.) เพื่อดูเที่ยวรถที่จะต่อไปเชียงรายหลังจากที่ดูไฟล์บินแล้วไม่มีแน่ๆ แต่พอไปดูทีอาเขตรถทุกเที่ยวเต็มหมดพนักงานขายตั๋วบอกว่าพรุ่งนี้ตอนสิบโมงค่อยมาดูใหม่อีกที ผมชักสีหน้าไม่ดีเพราะไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้ในกรณีนี้เลย เพราะคิดว่าอย่างน้อยน่าจะมีรถต่อไปเชียงรายได้

“เอาไงดีหว่า”ผมบ่นออกมาหลังจากซักถามพนักงานขายตั๋วเสร็จ แล้วเดินออกมากับพี่หมอทีเพื่อกลับไปหาพี่ชายของพี่หมอทีที่คอยอยู่ที่รถ

“ไม่มีรถเหรอ”พี่ชายพี่หมอทีถาม

“ครับพี่ เขาบอกให้มาดูใหม่พรุ่งนี้ตอนสิบโมง”พี่หมอทีตอบแทนผม

“พี่ครับ พี่ช่วยพาผมไปหาโรงแรมได้ไหมครับ”ผมตัดสินใจในเมื่อไปไหนไม่ได้ก็นอนค้างมันที่นี่แหละ แล้วค่อยไปพรุ่งนี้แทน

“จะไปนอนโรงแรมทำไม ไปบ้านเราก็ได้ ใช่ไหม ที”พี่ชายของหมอทีบอก พี่หมอทียิ้มกว้างรับทันที

“ได้ซิครับ ผมว่ากำลังจะชวนน้องเออยู่พอดีเลยครับ”พี่หมอทีรีบพูดสนับสนุน

“ขอบคุณครับ ไม่ดีกว่าครับ แค่นี้ก็เกรงใจพี่ทั้งสองคนแล้วครับ”ผมรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

“ถ้าบ่ไปนั่นแหละ ปี้จะถือว่าบ่เกรงใจปี้ บ่ฮื้อประเพณีคนเมืองเหรอ ใครมาถ้าเฮือนชานต้องต้อนฮับ”พี่ชายของพี่หมอทีบอกออกมาเป็นภาษาคำเมือง ทำเอาผมปฏิเสธไม่ได้ พี่หมอทียิ้มดีใจออกนอกหน้า

ผมโทรไปบอกคุณแม่ว่าคืนนี้คงได้ค้างที่เชียงใหม่ที่บ้านพี่หมอทีเพราะไม่มีรถไป คุณแม่จำพี่หมอทีได้ตอนไปงานศพคุณพ่อ คุณแม่บอกว่าได้เจอกับพี่กำปั้นเข้าเช็คอินเรียบร้อย แถมพี่กำปั้นยังเสนอตัวพาเที่ยวเชียงรายอีกต่างหาก คงเป็นเพราะเจ้าโอ๊ตตีสนิทกับพี่กำปั้นเร็วมาก จนพี่กำปั้นถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ จะขอให้คุณแม่ยกเป็นน้องชายบุญธรรม ผมคิดว่าพี่กำปั้นแกเป็นลูกชายคนเดียวคงอยากมีน้องชายเป็นธรรมดา

........................................................................

พอมาถึงบ้านพี่หมอทีผมก็ประทับความงามของบ้านเรือนไทยในรูปแบบล้านนา ที่ถูกจัดวางอย่างลงตัวกับสวนรอบๆบ้าน บ้านเรือนไทยล้านนาสองหลังที่มีระเบียงทางเดินเชื่อมหากัน เรือนใหญ่มีชื่อว่า เฮือนคำ ห้องโถงกว้างถูกใช้เป็นห้องสำหรับรับแขก ทานข้าวและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันของคนในครอบครัว รวมทั้งยังมีห้องพระ ห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ของพี่หมอทีและห้องนอนสำหรับแม่บ้านสองคนอีกด้วย ถัดมาเป็นเรือนหลังเล็กลงมาหน่อยมีชื่อว่า เฮือนแก้ว มีทั้งหมดสามห้องเป็นห้องนอนของพี่ชายของพี่หมอที ห้องพี่หมอที และห้องของน้านวล น้องสาวของแม่พี่หมอที ที่ไปเรียนโทต่อที่อเมริกา พอเรียนจบก็แต่งงานกับคนที่นั่นและทำงานอยู่ที่นั่นเลย จะกลับมาไทยก็ปีละครั้ง  ทำให้ห้องนั้นเป็นเหมือนห้องร้างหรือเป็นห้องรับแขกไปโดยปริยาย

“เดี๋ยวพี่จะเข้าไปที่คลินิกซักหน่อย คุณพ่อคุณแม่คงอยู่ที่นั่น ทีเพิ่งกลับมายังไม่ต้องไปกับพี่หรอก เดี๋ยวค่ำๆท่านทั้งสองคงกลับมา ให้เอนอนที่ห้องน้านวลก็ได้นะ เดี๋ยวบอกแม่บ้านไปทำความสะอาดให้ อ้อ วันนี้ผมคงนอนที่คลินิกกะว่าตอนเช้าจะได้เลยไปเข้าเวรที่โรงบาลต่อเลย มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน อยู่หลายวันไม่ใช่เหรอ กุญแจรถอีกคันอยู่ที่เดิมนะเพื่ออยากจะไปไหน เอทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ พี่ไปแล้ว”พี่ชายของพี่หมอทีบอกขณะที่พี่หมอทีพาผมเดินดูรอบๆบ้าน

“ครับ ขอบคุณครับพี่”ผมบอกกับพี่ชายของพี่หมอที

“งั้นเอเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องของพี่ก่อนแล้วกัน ไว้แม่บ้านทำความสะอาดเสร็จค่อยไปที่ห้องน้านวล”พี่หมอทีบอก

“ผมนอนห้องพี่หมอทีก็ได้ครับ ไม่ต้องลำบากเลยครับ”ผมบอกออกไปโดยตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรจริงๆ มีแต่ความเกรงใจอย่างเดียว

“น้องเอจะนอนกับพี่เหรอครับ”พี่หมอทีถามเป็นเชิงแซวติดตลก แล้วเอากระเป๋าของผมวางลง ห้องพี่หมอทีเป็นระเบียบร้อยมาก เครื่องเรือนทุกชิ้นออกเป็นสีโมโนโทนสอดรับกับบ้านเรือนไทยสไตล์ล้านนา

“ป่าวๆ คือนอนห้องเดียวกับพี่ครับ  ห้องพี่น่าอยู่จังครับ”ผมรีบปฏิเสธแล้วเอ่ยชมเพื่อกลบเกลื่อนความอายที่พี่หมอทีแซว

“พี่เป็นคนออกแบบแล้วเลือกเองแหละครับ น้องเอเหนื่อยหรือเปล่าครับ จะนอนพักก็ได้นะครับ”พี่หมอทีถาม

“ไม่ครับ”ผมตอบ

“งั้นดีเลย ไหนๆก็ได้นอนที่เชียงใหม่หนึ่งคืนแล้ว พี่ขออาสาเป็นไกด์พาน้องเอเที่ยวดีไหมครับ”พี่หมอทีถาม

“ถ้าพี่หมอทีไม่เหนื่อย ผมก็ยินดีเป็นลูกทัวร์ที่ดีครับ ดีกว่านั่งคอยให้ถึงพรุ่งนี้เฉยๆ”ผมบอกพร้อมยิ้มออกมา ตอนนี้ความรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกดีๆที่มีให้พี่หมอทีเริ่มกลับมาที่ใจของผม ทำให้ผมลืมเรื่องทุกอย่างหมดออกไปจากหัว รวมถึงเรื่องพี่นิค และการวางตัวในระยะห่างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับพี่หมอที อาจเป็นเพราะตอนนี้ผมมีความสุข สุขมากจนลืมทุกอย่าง

.................................................................................................

ตอนแรกผมคิดว่าพี่หมอทีคงพาผมไปเที่ยวตามที่เที่ยวทั่วไปๆของเมืองเชียงใหม่ ยิ่งเวลาตอนบ่ายอย่างนี้คงหนีไม่พ้นพาไปเดินกาดสวนแก้วแน่ๆ แต่แล้วก็ผิดคาดพี่หมอทีรู้ใจผมเสมอว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พี่หมอทีพาผมไปไหว้พระที่วัดพระสิงห์วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่แล้วก็มาไหว้พระที่วัดพระอุปคุต พี่หมอทีเล่าให้ฟังถึงประเพณีที่แปลกไปจากที่อื่นของวัดนี้ว่า ถ้าถึงวันพุธเพ็ญ (วันพุธขึ้นสิบห้าค่ำ) จะมีการตักบาตรตอนเที่ยงคืนด้วย เพราะเชื่อว่าพระอุปคุตที่อยู่ใต้สะดือทะเลจะขึ้นมารับบิณฑบาตในวันพุธเพ็ญตอนเที่ยงคืน ถ้าใครได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้วจะร่ำรวย คำว่าไม่มีจะไม่พบเจอเลย

ต่อจากนั้นพี่หมอทีก็พาผมไปที่เมืองโบราณ เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณคล้ายๆพวกสุโขทัย อยุธยาอะไรทำนองนั้น พี่หมอทีเช่าจักรยานมาหนึ่งคันให้ผมเป็นคนซ้อนแล้วก็ปั่นไปเที่ยวรอบๆเวียงกุมกาม เราแวะพักที่ตลาดโบราณ ตลาดที่จำลองมาจากสมัยโบราณในสมัยนั้น พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของยังนุ่งชุดไทยล้านนาโบราณอยู่เลย

“เป็นไง ผมบอกแล้วให้ขึ้นรถรางก็ไม่เชื่อ นั่งหอบเลยเห็นไหม เดี๋ยวต่อไปผมปั่นบ้างนะครับ”ผมพูดขึ้นระหว่างที่นั่งพักที่ตลาดโบราณ

“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะกว้างขนาดนี้ สมัยก่อนมีแต่เดินเท้าคงนานมาก ขนาดเราปั่นจักรยานยังเหนื่อยขนาดนี้”พี่หมอทีพูดหยุดหอบเป็นระยะ ผิวที่ขาวมากของพี่หมอทีเริ่มออกเป็นสีแดงๆอาจเป็นเพราะโดนแดดและเลือดคงสูบฉีดดี

“พี่นั่งคอยตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมมา”ว่าแล้วผมก็ลุกตรงไปหาคุณป้าที่แต่งตัวด้วยผ้าแถบรัดอก นุ่งผ้าถุงยาวมีผ้าสไบห้อยลงมาทั้งสองข้างจากลำคอ ป้าแกกำลังนั่งขายมะพร้าวน้ำหอมเป็นลูกๆอยู่

“คุณป้าครับ ลูกล่ะเท่าไหร่ครับ”ผมถาม

“หน่วยละซาวบาทเจ้า”ป้าตอบกลับมาเป็นภาษาคำเมืองที่แสนไพเราะ ผมก็พอฟังออกบ้างแต่ไอ้ซาวบาทนี่มันกี่บาทหว่า ผมทำหน้างงๆแล้วหันมามองหน้าพี่หมอทีที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่ไกลพอที่จะได้ยินเสียงสนทนาเมื่อครู่

“ซาวบาทกา”พี่หมอทีเดินมาถามคุณป้าเป็นภาษาคำเมืองเหมือนกัน

“เจ้า”คุณป้าตอบกลับมา

แล้วพี่หมอทีก็สั่งมะพร้าวน้ำหอมมาสองลูก ผมมองดูพี่หมอทีพร้อมคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนอีกไหมที่จะลงตัวและสมบูรณ์ไปหมดเหมือนพี่หมอที ทั้งฐานะทางบ้าน ครอบครัว การศึกษา หน้าตารูปร่าง บุคลิกนิสัยทุกอย่างดีไปหมดไม่มีที่ติ ช่างเกิดมาโชคดีอะไรอย่างนี้นะพี่หมอที ถ้าใครได้พี่เขาไปเป็นแฟนคงมีความสุขที่สุดในโลกแน่ๆเลย แล้วทำไมเราถึงไม่เลือกพี่หมอทีละ ทั้งๆก็รู้อยู่ว่าพี่หมอทีเขาแอบชอบเราอยู่  หรือว่าตัวเลือกที่เราเคยบอกไว้กับหนึ่งมันเป็นตัวเลือกที่ผิด ความคิดของผมหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงคุณป้าพูดถึงผม

“ปี้น้องคู่นี้ น่าฮักแต๊ๆเจ้า”เสียงป้าพูดก่อนที่จะยื่นมะพร้าวมาให้พี่หมอทีสองลูก พร้อมกับรับเงินสี่สิบบาทจากพี่หมอที

“รำ หอม จื่นอ๊กจื่นใจ๋แต๊ๆกั๊บ”พี่หมอทีพูดคำเมืองชมหลังจากดูดน้ำมะพร้าว จนป้าแกยิ้มออกมาจนแก้มปริ

แล้วผมกับพี่หมอทีก็เดินเล่นในตลาดโบราณพี่หมอทีซื้อขนมแปลกๆมาให้ผมทานด้วย มันมีชื่อว่าขนมแป้งกับขนมเกลือ ห่อใส่ใบตองเป็นคำๆ ทานตอนแรกๆจะรู้สึกแปลกๆ แต่พอคำที่สอง คำที่สามรับรองว่าจะหยุดไม่ลง พี่หมอทีแกะขนมที่อยุ่ในใบตองออกแล้วป้อนผม

“ไม่เป็นไรครับ ผมแกะทานเองได้”ผมปฏิเสธ

“เดี๋ยวมือเลอะ ให้มือพี่เลอะคนเดียวก็พอ”พี่หมอทีตอบ ทำให้ผมไม่มีทางปฏิเสธ ยอมให้พี่แกป้อนอย่างโดยดี

 ผมรู้ว่าพี่หมอทีไม่มีเจตนาที่จะฉวยโอกาสเกินเลยกับผม พี่หมอทีเป็นสุภาพบุรุษพอ ดังนั้นทุกข้ออ้างของพี่หมอทีสำหรับผมมันเลยฟังขึ้นทุกคำพูด เพราะถ้าพี่หมอทีเขาจะทำอย่างนั้นกับผมจริงๆพี่เขาก็มีโอกาสตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะตอนที่เช็ดตัวให้ผมในโรงพยาบาล ตอนที่ผมเมาไปนอนห้องพี่แกถึงสองครั้ง แต่พี่เขาก็วางตัวดีเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ไม่เกินเลยแม้กระทั่งทางคำพูดหรือการกระทำ 

แต่ผมต่างหากที่ตอนนี้เริ่มใจคุมตัวเองไม่ได้ นี่แหละมั้งที่เขาบอกว่าความดีชนะทุกอย่าง พี่หมอทีทำดีกับผมทุกอย่างแล้วก็เสมอต้นเสมอปลายด้วย จนอาจทำให้ผมใจอ่อนไขว้เขว่เอียงเอนเปลี่ยนตัวเลือกมาเป็นพี่หมอทีก็เป็นได้

“ไหนดูซิครับว่าล้างมือเกลี้ยงหรือเปล่า”ผมหาเรื่องขอจับมือพี่หมอที หลังจากที่พี่หมอทีล้างมือเสร็จ แล้วผมก็ไม่ยอมปล่อยมือแต่กลับกระชับมือของผมกับพี่หมอทีให้แน่นกว่าเดิม เราเดินจับมือกันอย่างนั้นไปเดินตลาดโบราณต่อ

“น้องเอ ......”พี่หมอทีเรียกผมแล้วมองมาที่มือของผมที่จับมือพี่เขาเดินมาได้ซักพัก ผมเข้าใจความหมายของพี่หมอทีทันที

“ไม่อยากให้ผมจับมือเหรอครับ ขอโทษครับ แค่ผมกลัวหลงกับพี่ที”ผมเอาข้ออ้างที่ว่ากลัวหลงมาพูด(มันจะหลงได้ยังไง นับคนที่เดินอยู่นี่ยังได้) แล้วทำท่าว่าจะเอามือออก แต่พี่หมอทีจับไว้ก่อน

“ไม่ครับๆ คือ...ว่า....  อะไรนะครับ! เมื่อกี้น้องเอเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ”พี่หมอทีถามอย่างตกใจ

“ก็เรียกพี่ทีไงครับ แล้วพี่ก็เลิกเรียกผมว่าน้องเอซะทีซิครับ ฟังดูแล้วเหมือนผมเป็นเด็กไม่รู้จักโต”ผมบอกแล้วจับมือพี่หมอทีเดินไปที่จักรยาน

“ครับ ...ครับ  น้อ..ง   เอ๊ย  ไม่ใช่ๆ  ครับ เอ”พี่หมอทีพูดติดขัดด้วยความดีใจ แววตาพี่แกดูสดใสกว่ากว่าเดิมยิ้มไม่ยอมหุบ

“พี่ทีบ้าจี้ป่าวครับ”ผมถามขณะที่ซ้อนจักรยานเพื่อเอาไปคืนที่ร้าน

“ไม่ครับ เอถามทำไมครับ”พี่หมอทีบอก ผมไม่ตอบแต่เอามือทั้งสองข้างของผมมากอดเอวพี่เขาไว้แล้วก็เอาหน้าไปซบที่แผ่นหลังของพี่หมอที กลิ่นน้ำอ่อนๆแบบสุภาพที่ปนออกมากลับกลิ่นเหงื่อทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นานแล้วซินะที่เราไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้

ความสุขความอบอุ่นแบบนี้เริ่มหายไปจากผมตั้งแต่ตอนที่ผมได้รับข่าวร้ายเรื่องคุณพ่อ ตั้งแต่นั้นมาผมก็รู้สึกว่าหัวใจผมว้าเหว่เงียบเหงา เย็นยะเยือกอยู่ข้างในไม่สามารถบอกใครได้ ไหนจะเรื่องต่างๆที่ถาโถมเข้ามาไม่ว่าจะเรื่องพี่นิค เรื่องพี่แป้ง ทำให้ใจผมยิ่งเปล่าเปลี่ยวมากขึ้นทุกที

จนวันนี้ผมได้รับความอบอุ่นขึ้นมาในใจอีกครั้งจากพี่หมอที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความดีที่พี่เขาทำ ความช่างเอาอกเอาใจใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของผม หรือเพราะว่าผมเหลืออดกับปัญหาต่างๆที่เข้ามา หรือเป็นเพราะไม่มีคนคอยเตือนสติผม หรือบรรยากาศต่างๆที่เป็นใจก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก สุขจนถึงขั้นปล่อยตัวปล่อยใจไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น

“เอครับ วันนี้พี่มีความสุขจังครับ”พี่หมอทีบอกขณะปั่นจักรยานใกล้ถึงร้านที่เช่ามา

“เอ ก็มีความสุขมากครับพี่ที”ผมบอกกลับไปแต่หน้าผมก็ยังซบที่หลังพี่หมอที

“เอเหนื่อยหรือยังครับ”พี่หมอทีถาม

“เอจะเหนื่อยได้ยังไงละครับ เอไม่ได้เป็นคนปั่นซะหน่อย คนที่เหนื่อยควรจะเป็นพี่ทีต่างหาก”ผมบอก

“พี่ไม่เหนื่อยเลยครับ ให้ปั่นไปส่งเอที่เชียงรายหรือปั่นกลับขอนแก่นก็ได้นะครับ แต่ขอให้เอเป็นคนซ้อนพี่อย่างนี้”พี่หมอทีบอกแล้วหัวเราะ

“เสร็จนี่แล้วเรากลับบ้านเลยไหมครับ”ผมถามเพราะเห็นว่ามันจะบ่ายสี่โมงแล้ว

“ตอนแรกว่าจะกลับครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ พี่จะพาเอไปดูที่มาของพี่”พี่หมอที่บอกกับพอดีถึงร้านจักรยาน

หลังจากส่งจักรยานเสร็จ พี่หมอทีมายืนข้างหน้าผมหันหลังให้แล้วย่อตัวลงนิดหนึ่ง

“ขึ้นมาครับ”พี่หมอทีบอก

“อะไรกันครับพี่ที เอไม่ได้พิการนะครับ”ผมปฏิเสธที่จะขี่หลังพี่แก เพราะจากร้านนี้ไปนิดเดียวก็ถึงที่จอดรถแล้ว

“ก็พี่ไม่อยากให้เอเดินเหนื่อยนี่ครับ”พี่หมอทีบอก

“แล้วจะให้เอเอาเปรียบพี่ทีได้ยังไงครับ เมื่อกี้พี่ทีก็ปั่นให้เอนั่งซ้อน นี่จะยังมาให้เอขี่หลังเป็นเด็กๆอีก”ผมบอกอย่างอายๆ

“งั้นถ้าเอไม่หลังพี่ พี่จะขอขี่หลังเอแทนนะ”พี่หมอทีบอก ทำให้ผมต้องยอมขี่หลังพี่แกไปที่รถ

“แล้วอย่ามาหาว่าเอทรมานคนแก่นะครับ”ผมบอกหลังจากขึ้นไปบนหลังพี่หมอที

“ว่าใครแก่ อย่างนี้ต้องโดน”พี่หมอทีบอกพร้อมกระโดดไปกระโดดมาเพื่อแกล้งผมที่นั่งอยู่บนหลัง

“เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ยะ”พี่หมอทีบ่นหลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว

“ช่วยไม่ได้ เอเตือนแล้ว เราจะไปไหนกันต่อนะครับ”ผมถาม

“ไปดูที่มาของพี่ไง”พี่หมอทีบอก

“จะพาเอไปโรงบาลเหรอครับ”ผมถาม

“เอาน่า เดี๋ยวไปถึงก็รู้”พี่หมอทีตอบแล้วทำท่ายิ้มกรุ้มกริ่ม

...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
                           บทที่ยี่สิบสอง --- ปี๋ใหม่แอ่วเหนือ (ต่อ)

ขับรถมาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงศูนย์ชนเผ่าศึกษา มองจากด้านนอกทางเข้าจะมีตึกสูงสี่ชั้นสีขาวตั้งเด่นตระหง่าอยู่ แต่พอขับรถเข้าไปจะเห็นบรรยากาศรอบๆของภายในที่มีการจำลองเป็นหมู่บ้านของพวกชาวเขาเผ่าต่างๆรวมด้วยกันถึง 9 ชนเผ่า ไม่ว่าจะเป็นอาข่า ลั่วะ เย้า ม้ง(แม้ว) ปะปากะยอ(กระเหรี่ยง) ฯลฯ

“ไหนว่าจะพาเอมาดูที่มาของพี่ทีไงครับ  อย่าบอกว่าพี่ทีเกิดที่นี่”ผมถามเมื่อเดินลงจากรถ

“พี่ไม่ได้เกิดที่นี่หรอก ตามมานี่ซิ”พี่หมอทีบอกแล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านของชาวปะปากะยอ
ในหมู่บ้านของชาวปะปากะยอได้มีการจำลองบ้านที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ตลอดจนมีการจัดวางเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆของชาวปะปากะยอเพื่อให้ผู้คนที่เข้ามาดูได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ (ที่นี่ทำให้ผมได้รู้ว่ากระเหรี่ยง(ปะปากะยอ)ไม่จำเป็นต้องใส่ห่วงให้คอยาวทุกเผ่า จะมีกระเหรี่ยงบางเผ่าเท่านั้นที่ใส่ห่วงให้คอยาว แล้วก็รู้อีกว่าม้งหรือแม้วนั้นแบ่งเป็นม้งขาว ม้งเขียว ม้งดำ โดยดูได้จากเสื้อผ้าที่ใส่ และเกร็ดความรู้ต่างๆอีกมากมาย)

“@#$%%%%$$###@@$#$#$@$%%&*$$#”พี่หมอทีพูดภาษาปะปากะยอกับชายเฒ่าผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดปะปากะยอที่อยู่บนเรือน (ที่ต้องใช้ภาษามั่วๆ ไม่ได้ต้องการดูหมิ่นภาษาชนเผ่าแต่อย่างไร แต่ผมจำไม่ได้จริงๆว่าพูดว่าอะไร จำแต่คำแปลได้ประมาณว่า สวัสดีครับ สบายดีเหรอ)

แล้วชายเฒ่าผู้นั้นก็ทักตอบมาเป็นภาษาปะปากะยอ(คงประมาณว่าสบายดี เพราะดูจากหน้าตาที่ยิ้มแย้ม) พี่หมอทีมองมาทางผมที่ทั้งอึ้งทั้งงง อึ้งที่พี่หมอทีพูดภาษาประปากะยอได้แต่ก็งงกับสิ่งที่ฟัง

“อ๋อ พี่ทักพ่อเฒ่าว่าสบายดีไหม พ่อเฒ่าก็บอกว่าสบายดี”พี่หมอทีบอกเหมือนเดาใจผมออกว่ากำลังงง

“พี่ทีพูดภาษากระเหรี่ยงได้ด้วยเหรอครับ”ผมถาม พี่หมอทีรีบทำท่าจุ๊ๆที่ปากเหมือนผมพูดผิดอะไรซักอย่าง ชายเฒ่าผู้นั้นก็หุบยิ้มลง

“เอเรียกว่าปะปากะยอดีกว่าครับ อย่าเรียกว่ากระเหรี่ยง เพราะว่ามันเหมือนเป็นการดูถูกครับ อย่างเวลาเรียกคนเชื้อสายจีนให้เรียกว่าคนจีน อย่าเรียกว่าเจ๊กอย่างนี้นะครับ”พี่หมอทีรีบอธิบาย

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆครับ ผมไม่รู้ครับ”ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษชายเฒ่าคนนั้น

“ไม่ เป๊ะ ไร ไม่รู้ ไม่ผิด”ชายเฒ่าผู้นั้นตอบกลับมาเป็นภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แล้วยิ้มออกมาทำให้ผมสบายใจขึ้น

พี่หมอทีพูดคุยกับชายเฒ่าผู้นั้นเป็นภาษาปะปากะยออีกหลายประโยคก่อนที่หันมาบอกผมว่าลงไปเดินดูรอบๆบ้านกัน

“เดี๋ยวเอ ความเชื่อชาวปะปากะยอเวลาลงบันไดให้เอาเท้าซ้ายลงก่อนแล้วสองขั้นสุดท้ายให้กลั้นหายใจกระโดดลงเป็นการเคารพผีปู่ย่าจะทำให้โชคดี”พี่หมอทีบอกผม

ผมก็ทำตาม ไอ้ที่ลงด้วยเท้าซ้ายไม่เท่าไหร่แต่ให้กลั้นหายใจแล้วกระโดดสองขั้นสุดท้ายมันทำให้ผมขายหน้ามาก เพราะผมกระโดดพลาดลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับดิน แต่ที่ขายหน้ากว่านั้นคือ พี่หมอทีเดินลงมาเฉยๆไม่ได้กระโดดแต่อย่างไร เอาเท้าขวาลงมาด้วย

“ทำไมพี่ทีไม่ทำอ่ะ เดี๋ยวโชคร้ายนะ”ผมลุกขึ้นปัดดินออกจาก้นแล้วหันไปพูด

“เด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำนะ ไหนเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”พี่หมอทีพูดแล้วก็อมยิ้มพร้อมหัวเราะออกมา

“พี่ทีหลอกเอเหรอ”ผมจะโมโหก็โมโหจะอายก็อายที่โดนหลอก เลยทำหน้าบูดๆเดินหนี

“โกรธพี่เหรอครับ พี่ขอโทษ พี่แค่อยากเล่นกับเอเฉยๆ ไม่ได้คิดว่าเอจะเจ็บตัว”พี่หมอทีบอกด้วยเสียงและสีหน้าที่สำนึกผิดเอามากๆ

ผมยังคงเดินก้มหน้าหนีต่อไป ที่จริงในใจผมไม่ได้โกรธอะไรหรอกแค่รักษาฟอร์ม

“เอ ระ....วัง”เสียงพี่หมอทีดังขึ้น ทำให้ผมหันกลับไปตอบแต่ไม่หยุดเดินว่า “จะหลอกอะไรอีกล่ะ”

โป๊ก ! เสียงของแข็งที่เรียกว่าหัวกระทบอย่างแรงกับท่อนไม้ไผ่ที่เอามาตีเป็นขอบใต้ถุนบ้าน ทำเอาผมหยุดเดินแล้วออกอาการมึนๆเอ๋อๆชั่วขณะ ก็มันหัวผมนี่นา

“โอ้ย......”ผมร้องออกมา เอามือมาลูบที่หัวบริเวณหน้าผากด้านซ้าย

“ไหนดูซิ ดีนะเลือดไม่ออก แสดงว่าหัวแข็งเลยไม่แตก”พี่หมอทีรีบวิ่งมาดู เอามือผมออกแล้วเอามือตัวเองมานวดกลึงๆให้ผมแทน

“โอ๊ย...เจ็บ เบาหน่อยๆหน่อยดิ่พี่ที ยังจะมาว่าดีอีกเจ็บนะเนี่ยะ”ผมบ่นออกมาแบบฉุนนิดๆ

“หรือว่าเลือดจะคลั่งในสมอง ต้องผ่าตัดด่วนหรือเปล่านี่ นี่กี่นิ้ว”พี่หมอทีแซวแล้วเล่นเป็นเด็กๆพร้อมชูสองนิ้วขึ้นมา

“มันก็ห้านิ้วแหละพี่ที ชูสองนิ้ว อีกสามนิ้วก็ยังอยู่ในมือ”ผมตอบ

“แสดงว่าสมองยังใช้การได้ดี นี่แน่ะมาแกล้งเอทำไม หายนะเพี้ยง”พี่หมอทีหันไปทำท่าตีไม้ไผ่แล้วหันมาเป่าหัวผม ทำให้ผมนึกถึงตอนที่เจ้าโอ๊ตน้องชายผมเป็นเด็กตอนสี่ห้าขวบได้ โอ๊ตวิ่งหกล้มแล้วก็ร้องไห้ผมเลยเอามือไปตีที่พื้นดินว่าทำไมมาแกล้งโอ๊ต แล้วก็เป่าเพี้ยงให้โอ๊ตหายเจ็บ โอ๊ตเองก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ แล้วบอกให้ผมตีพื้นดินอีก ตีแรงๆ จนผมเจ็บมือร้องไห้ออกมาเอง

“ตีอีกเลยพี่ที ตีแรงๆเลย มันมาแกล้งเออ่ะ รู้ว่าเอจะเดินผ่านทำไมไม่หลบ”ผมเริ่มเล่นมุขเดียวกับเจ้าโอ๊ต

“นี่แน่ะ ๆ ๆ พอยังครับ”พี่หมอทีดันรับมุขตีที่ไม้ไผ่ไปอีกห้าหกทีแต่ว่าทำท่าแกล้งตี แล้วมันจะไปเจ็บได้ยังไง

“พอแล้วครับ เดี๋ยวบ้านเขาพัง พี่ทีเล่นตีซะแรงขนาดนั้น”ผมพูดประชด

“แหม เอนี่ไม่ใช่เล่นเลยนะ”พี่หมอทีพูดพร้อมยิ้มๆ

“อ๋อ เอเข้าใจแล้ว ที่พี่ทีพาเอมาที่นี่ บอกว่าจะพามาดูที่มาของพี่ที ที่แท้พี่ทีก็เกิดจาดกระบอกไม้ไผ่นี่เอง”ผมพูดแซว

“ถูกต้องนะครับ  ไม่ใช่แล้ว”พี่หมอทีรับมุขผมแล้ว ดูไปดูมาพี่หมอทีก็ออกเอ๋อๆเหมือนพี่นิคว่าจริงๆแหละ

แล้วพี่หมอทีก็เล่าให้ฟังว่าสาเหตุที่ได้ชื่อว่าทีก็เพราะว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ของพี่หมอทีนอกจากจะทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐและที่คลินิกของตัวเองแล้ว ยังเป็นแพทย์ พอ.สว. อีกด้วยตอนลงชุมชนที่แม่ฮ่องสอนแถวสบเมยได้เข้าไปที่หมู่บ้านปะปากะยอ ไปรักษาดูแลคนในหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าปะปากะยอ แล้วอยู่ๆคุณแม่ก็เกิดเจ็บท้องทั้งที่เพิ่งเจ็ดเดือนเอง ไปๆมาๆคุณแม่เลยได้คลอดในหมู่บ้านชนเผ่าปะปากะยอโดยความดูแลของเพื่อนๆหน่วยแพทย์ พอ.สว.และชาวบ้านซึ่งนำโดยพ่อเฒ่าที่เห็นอยู่บนบ้านนั่นแหละ พอคลอดออกมาพ่อเฒ่าเห็นว่าเด็กนี้ตัวขาวและเนื้อเย็นเหมือนสายน้ำเลยตั้งชื่อให้ว่าที เพราะทีแปลว่าน้ำในภาษาปะปากะยอ 

ตอนสร้างศูนย์นี้ใหม่ๆก็หาคนแต่ละชนเผ่ามาอยู่เพื่อดูแลศูนย์ คุณพ่อคุณแม่เลยคิดถึงพ่อเฒ่าคนนี้เลยไปชวนมาอยู่เพราะเห็นว่าไม่มีลูกหลานญาติพี่น้อง อยู่ตัวคนเดียว มาอยู่ที่นี่น่าจะดีกว่า ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะไม่มา แต่พอบอกว่าจะพาพี่หมอทีมาเล่นด้วยทุกวันอาทิตย์แกเลยยอมมา พ่อเฒ่าบอกว่ารู้สึกรักเด็กคนนี้ ตอนเด็กพี่หมอทีเลยมาเล่นกับพ่อเฒ่านี้ แล้วพ่อเฒ่านี้ก็คอยสอนภาษาประปากะยอให้พี่หมอที ทำของเล่นของชาวประปากะยอให้เล่น พอโตขึ้นมาหน่อยก็ถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรให้ด้วย จนพี่หมอทีได้ไปเรียนที่ขอนแก่นแหละ นานๆทีถึงจะได้กลับมาเยี่ยม

แล้วเราก็เดินชมหมู่บ้านอื่นๆอีกได้แค่สองสามหมู่บ้านก็หกโมงเย็นแล้ว ผมเลยชวนพี่หมอทีกลับเพราะเพื่อว่าคุณพ่อคุณแม่พี่หมอทีกลับมาแล้วจะไม่เจอใคร พอเดินมาถึงทีรถพี่หมอทีก็รับโทรศัพท์ แล้วผมก็คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง เลยทำภาษาใบ้ให้พี่หมอทีที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ประมาณว่าเดี๋ยวมา ให้คอยอยู่ที่นี่

แล้วผมก็รีบวิ่งเข้าไปให้หมู่บ้านของชนเผ่าม้ง เพราะใกล้กับที่จอดรถที่สุด จนผมกลับมาแล้วพี่หมอทีก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ พอคุยเสร็จพี่หมอทีก็ขึ้นรถ แต่ผมไม่ยอมขึ้นจนพี่หมอทีเรียก

“เอ เอครับ ไม่ขึ้นรถละครับ”พี่หมอทีเรียก ผมทำเฉยเหมือนไม่ได้เรียกผม

“ใครชื่อเอ ผมชื่อหว่างเหย่ครับ”ผมพูดแล้วขึ้นมานั่งบนรถ

“อย่าบอกนะว่าที่วิ่งหายไป ไปให้เขาตั้งชื่อให้ แล้วแปลว่าอะไรล่ะ ไม่ใช่ภาษาปะปากะยอแน่ๆ”พี่หมอทีถามพร้อมออกรถ

“เป็นของเผ่าม้งครับ หว่างเหย่แปลว่า กรงหินผา ครับ เขาบอกว่าเอดูข้างนอกอ่อนแอ แต่ข้างในหนักแน่นเหมือนหินผาและดื้อรั้นเหมือนกรงที่ใช้ขังตัวเอง เขาเลยตั้งชื่อนี้ให้ครับ”ผมอธิบาย

“แล้วจะให้พี่เรียกว่าอะไรดีล่ะ เอ หรือหว่าง หรือเหย่ดี พี่ว่ามันดูตลกๆนะ”พี่หมอทีบอก

“ก็ใช่นี่ ใครจะไปชื่อเพราะเหมือนพี่ทีละ พี่ที พี่สายน้ำ แถมยังไปพ้องเสียงกับตัวอักษรอังกฤษอีก เท่ชะมัดเลย  เออพี่ที คนที่ตั้งชื่อเขาบอกเอด้วยนะว่า มาขอให้ตั้งชื่อเป็นภาษาม้งแล้วต้องแต่งเป็นเขยของม้งนะ ห้ามแต่งกับเผ่าอื่น จริงเหรอพี่ที”ผมถาม พี่หมอทีไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องพูด

“เมื่อครู่คิมโทรมา เอจำคิมเพื่อนของพี่ได้ไหมครับ”พี่หมอทีถาม

“ได้ครับ ทำไมครับ”ผมถามต่อ

“ก็คิมเขารู้ว่าพี่กลับมาบ้านแล้วเลยมาหาที่บ้าน แต่ไม่เจอ เจอแต่คุณพ่อคุณแม่ของพี่ คิมเลยขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่พี่ว่าจะชวนพี่ไปทานข้าวนอกบ้าน คุณพ่อคุณแม่พี่ท่านก็ไม่ว่าอะไร คิมเลยโทรหาพี่ พี่เลยตอบตกลง”พี่หมอทีพูดเหมือนบอกให้รู้ว่าต่อไปเราจะไปไหนกันต่อ (ใช่ซินะพี่คิมเป็นเพื่อนพี่หมอทีจบมาจากโรงเรียนเดียวกัน บ้านก็อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน---ผมคิดในใจ)

...

พี่หมอทีขับรถมาจอดที่ร้านอาหารริมแม่น้ำปิงร้านหนึ่ง บรรยากาศตอนนี้ช่างดูสวยงามโรแมน
ติกเป็นอย่างมาก ร้านอาหารที่มีโคมสีต่างๆแขวนเป็นทางเดินเข้าไปสลับกับตุงดูงดงาม สุดทางเดินตรงไปจะเป็นคล้ายๆเรือยแพไม้ที่ยื่นลงไปในริมปิง บรรยายกาศในร้านตกแต่งเป็นแบบล้านนาประยุกต์ แม้กระทั่งวงดนตรีที่เล่นสดก็เล่นโฟล์คซองคำเมือง ทำให้ผู้คนที่มานั่งทานอาหารได้ซึมซับเอาบรรยากาศริมปิงแบบล้านนาได้ไปอย่างจุใจ ผมกับพี่หมอทีเดินเข้าไปในร้านได้ยินเสียงเพลงตอนท้ายๆแต่ก็กินใจผมมากๆ

............ชมดอกไม้ลำนำป่าเขา เสียงซอเคล้าเสียงซึงสะล้อ
หากฮักจริงบ่ดีหื้อรอ จะไปสู่ขอ มาอยู่ตวยกั๋น
ถิ่นล้านนาจะเป็นเวียงสวรรค์ เมื่อมีน้องเคียงข้างกันเป็นคู่ขวัญอ้ายเอย..............

“เพลงเพราะดีนะครับ เอชอบจังครับ ชื่อเพลงอะไรอ่ะครับ”ผมพูดขึ้นระหว่างเดินตามทางเข้ามาเพื่อไปที่โต๊ะของพี่คิม ที่มีพี่ตี๋โบกมือทักมา แล้วพี่หมอทีโบกมือทักกลับไปแต่ผมสังเกตว่าปากพี่หมอทีร้องคลอตามเพลงเบาๆ

“อ๋อ เพลงงามแต๊แม่ปิงครับ เพลงนี้คุณพ่อเคยใช้ร้องตอนขอคุณแม่แต่งงานด้วยนะ คุณพ่อเล่าให้พี่ฟัง”พี่หมอทีบอกอย่างอารมณ์ดี แล้วเราก็เดินมาถึงที่พี่คิมกับพี่ตี๋นั่งอยู่

ผมสวัสดีทักทายพี่คิมกับพี่ตี๋ ดูพี่คิมกับพี่ตี๋คงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมมากับพี่หมอที ผมเองก็แปลกใจที่เห็นพี่ตี๋มากับพี่คิม จะว่าไปก็ไม่แปลกเท่าไหร่เพราะอยู่ในมอสองคนนี้ก็เหมือนเป็นเงาตามตัวกัน แต่ผมไม่คิดว่าพี่คิมจะกล้าพาพี่ตี๋มาถึงบ้านที่เชียงใหม่ แล้วพี่หมอทีก็อธิบายที่ไปที่มาว่าทำไมผมถึงมากับพี่เขาได้และไปไหนมาบ้างแล้ว

พิ่คิมกับพี่ตี๋นั่งฝั่งเดียวกัน ผมนั่งตรงข้ามกับพี่ตี๋ พี่หมอทีนั่งตรงข้ามกับพี่คิม  พวกยกให้พี่หมอทีกับพี่คิมเป็นคนจัดรายการอาหารมื้อเย็น เพราะอย่างน้อยเจ้าถิ่นน่าจะรู้ว่าอะไรอร่อย แล้วอาหารแต่ละอย่างที่สั่งมาก็ดูน่าทานและไม่พ้นอาหารพื้นเมืองอันเป็นที่ขึ้นของเชียงใหม่ ข้าวซอย แกงโฮ๊ะ ไส้อั่วและอีกสองสามอย่างล้วนแต่อร่อยๆทั้งนั้น

ระหว่างทานอาหารพวกเราก็พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองสนุกสนาน พี่ตี๋คอยดูแลเอาใจพี่คิมเป็นอย่างดี ดูแล้วเห็นแล้วน่าอิจฉามากๆเหมือนข้าวใหม่ปลามันมาฮันนีมูนกันยังไงอย่างนั้นเลย  พี่หมอทีเองก็คอยตักอาหารให้ผม ผมเองก็ตักให้เป็นบางครั้ง แต่ที่ผมสังเกตดูพี่คิมมักมองมาที่ผมแล้วแอบยิ้มมุมปากอยู่บ่อยๆ

 บรรยายกาศในร้านผมมองดูไปรอบๆ แต่ละโต๊ะจะมาเป็นครอบครัวหรือคู่รักหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ เพลงบนเวทีตอนนี้เล่นเพลง บ้านบนดอย ของจรัญ มโนเพ็ชร ต่อด้วยเพลง สาวมอเตอร์ไซค์ที่มีการแสดงพรีวิวน่ารักๆตลกๆประกอบเพลง เรียกเสียงหัวเราะจากแขกที่นั่งชม
(http://www.imeem.com/people/IOP9Nwv/music/8hUxh97h/mp3/ --- ฟังเพลงบ้านบนดอย)
(http://www.imeem.com/muutah/music/EzYxzwcZ// --- ฟังเพลงสาวมอเตอร์ไซค์)

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
                              บทที่ยี่สิบสอง --- ปี๋ใหม่แอ่วเหนือ (ต่อ)

ที่ร้านนี้ยังมีช่วงที่ให้แขกที่มานั่งทานอาหารได้ขึ้นมาร้องเพลงอีกด้วย โดยจะมีการเวียนไมค์ไปตามโต๊ะเรื่อยๆ ถ้าโต๊ะไหนไม่ร้องก็ผ่านไปก็ได้ ถ้าโต๊ะไหนจะร้องก็ส่งตัวแทนขึ้นมาบนเวทีซึ่งจะมีเนื้อเพลงเป็นเหมือนคาราโอเกะขึ้นให้ดูที่จอคอมพิวเตอร์ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องร้องเพลงที่เป็นสไตล์ล้านนาหรือเพลงที่เกี่ยวกับเมืองเหนือเท่านั้น เพื่อรักษาบรรยากาศของร้าน

แล้วไมค์ก็เวียนมาถึงโต๊ะเราในรอบแรก พี่ตี๋ที่เป็นหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีเลยเสนอตัวจะร้องเพลง บอกว่าเพลงนี้ร้องให้พี่คิมโดยเฉพาะ พี่ตี๋ถือไมค์แล้วเดินไปเลือกเพลง เป็นเพลงที่น่ารักเหมาะกับบุคลิกขี้เล่นน่ารักๆของพี่ตี๋เอามากๆ พี่ตี๋ร้องเพลงไปส่งสายตาหวานเยิ้มจนมดแทบจะขึ้นมาที่พี่คิม พี่คิมเองก็ยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่บางทีผมเขินแทนพี่คิมมากกว่าเสียอีก
(http://www.imeem.com/muutah/music/NU0ltIRj// --- ฟังเพลง พี่สาวครับ ของจรัญ มโนเพ็ชร)

...................ลันลันลันลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา    ลันลาล้าลันลัน ลา  วู้    วู
ปี้สาว ครับ     สวัสดี ครับ ปี้ ครับ  จำน้องจาย คน นี้ ได้ ก่อ    จำได้ บ่ได้ ก็ บอก มา   ลา   ลา ..
ปี้สาว ครับ   ตอนนี้ผมเป๋นหนุ่ม แล้วครับ   มีแม่หญิงมาไล่ จับ จะยับ เอาผม ไปเป็นแฟน ลา  ลา...

“จะหวานกันไปถึงไหน อิจฉานะเนี่ยะ”พี่หมอทีพูดขึ้นขัดจังหวะระหว่างที่เพลงมีแต่เสียงดนตรี

“อยากไปร้องบ้างเหรอ หรือว่าอยากให้มีคนร้องให้”พี่คิมแซวกลับ

....... เจอ กันเมื่อสอง สาม ปี ก่อน ผม ยังละอ่อน และ ซน แก่น
ฮัก เป๋นปี้สาว บ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน ปี้ก็ฮัก ผม เป็น น้อง จาย .........

ตอนนี้บนเวทีพี่ตี๋ยังคงร้องเพลงอยู่ แต่เริ่มมีสาวๆสองสามคนเดินเอากุหลาบไปให้แล้วขอถ่ายรูปด้วยดูเหมือนเป็นดาราเลย ดูเหมือนพี่ตี๋เองก็เล่นด้วยทำหน้าทะเล้นเล่นกับคนที่มาถ่ายรูป

“พี่คิมไม่ไปให้กำลังพี่ตี๋หน่อยเหรอครับ”ผมถาม

พี่คิมไม่พูดอะไรแต่ลุกจากโต๊ะเดินไปหาพี่ตี๋  ฉวยจังหวะที่พี่ตี๋กำลังก้มรับดอกไม้คว้าคอพี่ตี๋ลงมาแล้วจูบแก้มพี่ตี๋ไปหนึ่งที ทำเอาพวกสาวๆที่กำลังถ่ายรูปอยู่ตาเขียวปั๊ดเลย พี่ตี๋ดูออกจะดีอกดีใจอยู่ไม่น้อยแล้วพี่คิมก็เดินกลับมาที่โต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“กำลังใจแค่นี้พอหรือเปล่า”พี่คิมนั่งลงแล้วถามผม ผมได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มๆเขินอายแทน

...........ปี้สาว ครับ     ตอน นี้ ผม ฮักปี้ แล้วครับ   จะฮักปี้บ่ มี  หน่าย
บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว ล่ะ .  บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว ล่ะ .. บ่อยากเป๋นน้องจาย แล้ว  ล่ะ
*ลันลันลัน ลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา     ลันลาล้าลันลัน ลา  วู้    วู .
ลันลันลัน ลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลัน ลา     ลัน ลา ลัน ลัน ลัน ลาลันลา     ลันลาล้าลันลัน ลา........

พี่ตี๋ร้องเพลงเสร็จกลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วก็หมอที่แก้มของพี่คิมหนึ่งที พี่คิมก็นั่งเฉยยอมให้หอม

“ถ้าไมค์มารอบต่อไปต้องเป็นคราวของคู่นั้นบ้างแล้วนะ สลับกัน”พี่ตี๋พูดหมายถึงผมหรือพี่หมอทีคนใดคนหนึ่งที่ต้องออกไปร้องเพลง

ที่จริงเรื่องร้องเพลงนี่ผมไม่เกี่ยง เพราะเป็นคนที่ชอบฟังเพลงและร้องเพลงอยู่แล้ว แต่นี่ให้ไปร้องเพลงล้านนาหรือเพลงที่เกี่ยวกับภาคเหนือผมเลยจนปัญญา เพราะคิดไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไรดีส่วนใหญ่เพลงที่ผมฟังจะเป็นเพลงสากล แจ๊ส ป๊อบ คลาสสิกอะไรทำนองนั้น ตอนแรกผมคิดจะขึ้นไปร้องเพลงของวงนกแลที่ผมเคยฟังตอนเด็กๆ แต่คิดว่าคงดูเอ๋อเกินไป เลยต้องเป็นหน้าที่ของพี่หมอที เมื่อไมค์เวียนมาถึงรอบสอง

“ตี๋ไปอีกรอบก็ได้นี่ หรือคิมจะไปก็ได้ เอลองขึ้นไปเลือกเพลงดูก่อนก็ได้มั้ง”พี่หมอทีหาทางเลี่ยง

“พี่ทีแหละครับ ผมอยากฟังพี่ทีร้องเพลง”ผมบอก

“พี่ร้องไม่เก่งครับ เดี๋ยวอายคนเขา ดีไม่ดีแขกจะไม่เข้าร้านนี้อีก”พี่หมอทีบอก

“แต่ตอนที่เดินเข้ามาผมเห็นพี่ร้องคลอตามเพลงด้วย นะครับๆพี่ทีผมอยากฟังพี่ร้องเพลง”ผมอ้อน

“ก็ได้ รอบเดียวนะ ไม่เพราะอย่ามาว่ากันด้วย”พี่หมอทีรับไมค์แล้วเดินไปทีเวที

“ยุขึ้นโว้ยเพื่อนเรา”พี่คิมพูดออกมาเบาๆ พี่ตี๋ลุกขึ้นตบมือออกหน้าออกตา

“เพลงนี้ผมขอร้องให้น้องชายของผมครับ เขาได้ยินเพลงนี้ช่วงท้ายๆตอนที่เดินเข้ามาในร้าน ผมเลยอยากให้เขาฟังเพลงนี้ทั้งหมดครับ ยังไงถ้าไม่เพราะก็ทนฟังด้วยนะครับ ผมจะตั้งใจร้องเต็มที่ครับ”พี่หมอทีพูดก่อนที่จะร้องเพลง
(http://www.imeem.com/bankin/music/jfjt6J6i/etc/  -- ฟังเพลง งามแต๊แม่ปิง ของ Ect.)

....................งามแต๊แต๊เลยหนอ สมดังน้ำกำเปิ้นบอก
เวียงพิงค์เป็นเมืองสวรรค์ ดอกไม้บานหน้าหนาวเหนือคำรำพัน
รัญจวนกึดเติงหากัน เมื่อยามที่เฮาห่างไกล
โอ้สักกี่น้ำปิง มั่นคงดังยิ่งน้ำปิงบ่เกยหยุดไหล
ดอยสุเทพตี้เฮาฮักเฮาฝากใจ
ครูบาเปิ้นหื้อฝากไว้ เป็นมิ่งขวัญเวียงพิงค์

พี่หมอทีร้องเพลงไปก็มองไปทั่วๆร้านอาหารแล้วก็มาหยุดลงที่ผม  เสียงพี่หมอทีชวนเคลิ้มมาก ไพเราะนุ่มนวลเข้ากับบรรยากาศ เข้ากับเนื้อเพลงสะกดคนที่ฟังให้เงียบได้เป็นอย่างดี
งามแต๊แต๊เลยนะ เจดีย์ล้วนตระการตา
ประเพณีอินทขินทร์ เจ็ดยอดเอยสืบทอดพระธรรมล้ำยิ่ง
กราบบูชาพุทธสิหิงค์ คู่บารมีเจียงใหม่
 “ไม่ไปให้กำลังหมอทีหน่อยเหรอ”พี่คิมถามผม

“ผมไม่กล้าหรอกครับ ไม่เห็นมีคนเอาดอกไม้ไปให้เลย”ที่จริงผมอยากเอาไปให้ แต่ไม่มีคนเอาไปให้เลย มีแต่คนตั้งใจฟังเหมือนโดนมนต์สะกด

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง จะบอกว่าเอฝากมาให้นะ”พี่ตี๋พูดเสร็จก็คว้าเอาดอกกุหลาบที่ตัวเองได้มาไปให้พี่หมอที หลังจากที่พี่ตี๋เอาไปให้ก็เริ่มมีคนทยอยเอาตามไปให้อีกคนสองคน

ชมดอกไม้ลำนำป่าเขา เสียงซอเคล้าเสียงซึงสะล้อ
หากฮักจริงบ่ดีหื้อรอ จะไปสู่ขอ มาอยู่ตวยกั๋น
ถิ่นล้านนาจะเป็นเวียงสวรรค์ เมื่อมีน้องเคียงข้างกันเป็นคู่ขวัญอ้ายเอย

จนเพลงจบลง พี่หมอทีเดินลงมานั่งที่โต๊ะ ผมว่าพี่แกคงตื่นเต้นมากเพราะเห็นหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่หน้า แล้วผมก็ไปคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพร้อมถอดแว่นของพี่แกออกแล้วเช็ดให้แทน ดวงตาพี่หมอทีที่ซ่อนตัวอยู่หลังแว่นช่างดูสดใสสวยงามเป็นประกาย เป็นดวงตาที่มีเสน่ห์สามารถดึงดูดสะกดใจคนที่จ้องให้แทบหยุดหายใจเลยทีเดียว

“อ้าวๆ มดขึ้นหมดแล้ว พี่น้องคู่นี้ทำอะไรกันน้า”พี่ตี๋แซวเมื่อเห็นผมที่เอาแต่จ้องตาพี่หมอทีค้างไม่ยอมเช็ดหน้าให้พี่หมอทีต่อซักที

“ตี๋นี่ขัดจังหวะ คนเขากำลังจะก้าวข้ามความเป็นพี่น้อง เฮ้อ..ไปห้องน้ำดีกว่า”พี่คิมพูดแล้วเดินออกไป

ผมรีบเช็ดแล้วสวมแว่นคืนให้พี่หมอทีแล้วแก้เขินด้วยการขอตัวไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน

ผมเดินบ่นกับตัวเองออกมา เรากำลังทำอะไร  พี่น้องๆ ท่องไว้นะเอ พี่น้องๆ ทำไมเราเป็นแบบนี้ ผมมายืนบ่นอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ แล้วพี่คิมก็เนออกมาจากห้องน้ำ

“สับสนเหรอ”พี่คิมถามขณะล้างมือข้างๆผม

“พี่ถามเอตรงๆนะ เอคิดยังไงกับหมอที”พี่คิมถามแล้วเปิดก๊อกน้ำ คำถามนั้นทำเอาผมถึงกับอึ้งตกใจ

“ก็....พี่ทีก็เป็น..คนดีครับ”ผมตอบเลี่ยงๆ

“เห้อ...สงสัยคำถามของพี่กว้างเกินไป ถามใหม่นะ เอรักหมอทีไหม”คำถามนี้ทำเอาผมอึ้งตกใจกำลังสอง

“เออ....ก็.....รักครับ พี่ทีเป็นคนดี ใครๆก็ต้องรักเป็นธรรมดาครับ”ผมโล่งอกที่ตอบเลี่ยงไปได้อีกครั้ง

“พี่คงต้องโฟกัสคำถามให้ตรงจุดกว่านี้ เอกับหมอทีคบกันแบบไหน”คำถามนี้ทำเอาผมอึ้งตกใจกำลังสิบ

“ก็...ก็....พี่น้องกันครับ”ผมตอบเสียงเบาๆ

“แต่พี่ว่าหมอทีไม่ได้คิดแค่นั้นแน่ สำหรับเอ พี่ไม่รู้ว่าคิดยังไง แล้วเอเคยบอกหมอทีหรือยังว่าคิดกับเขาแค่พี่น้อง อย่าว่าพี่ยุ่งเลยนะ พี่เป็นห่วงเพื่อนพี่ แล้วพี่ไม่อยากให้เอกับหมอทีเสียความรู้สึกดีๆความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้กัน”พี่คิมพูดแล้วยิ้มมาให้

ผมทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อหนีคำถามจากพี่คิม “ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“ถ้าคิดจะหนีเราคงต้องหนีมันทั้งชีวิต สู้เลือกที่จะเผชิญมันแล้วตามหาความจริงไม่ดีกว่าเหรอ”พี่คิมพูดก่อนที่จะเดินออกไป ปล่อยให้ผมอยู่ยืนคนเดียว

...

กลับมาที่โต๊ะผมเห็นแต่พี่หมอทีกับพี่ตี๋ แล้วก็ได้ยินเสียงพี่คิมดังมาจากเวที (ไมค์คงวนมาที่โต๊ะผมเป็นรอบที่สาม)

“เพลงที่จะร้องต่อไปนี้มอบให้กับเพื่อนและน้องชายของเพื่อนผมเองครับ”พี่คิมพูด

“อะไรอ่ะ ไม่ได้ร้องให้แฟนตัวเองเหรอ เดี๋ยวคืนนี้ต้องลงโทษให้เข็ด”พี่ตี๋บ่น

“เอเป็นอะไร สีหน้าไม่ค่อยดี”พี่หมอทีถามผม

“เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำ ข้างนอกอากาศหนาวๆอ่ะครับ สงสัยคงปรับตัวไม่ทัน”ผมบอกปัดไป แต่ที่จริงผมกำลังคิดมากเรื่องที่พี่คิมพูดในห้องน้ำต่างหาก

“งั้นเดี๋ยวคิมร้องเพลงนี้จบ เราขอตัวกลับกันก่อนนะครับ เอจะไม่สบายเอาได้ ดูซิพี่ไม่ดีเอง ตอนบ่ายพาไปปั่นจักรยานตากแดด ตอนหัวค่ำยังพามานั่งตากอากาศเย็นๆอีก”พี่หมอทีว่าตัวเองแล้วถอดเอาเสื้อตัวนอกของตัวเองมาห่มให้ผม

“ขอบคุณครับ ฟังพี่คิมร้องเพลงดีกว่าครับ”ผมบอกเพราะไม่อยากให้พี่หมอทีรู้สึกผิด
(http://www.imeem.com/iprim/music/HN9Lslq_/lana_commins/ --- ฟังเพลงไว้ใจได้กา)

........................แต่ก่อนแต่ไร   ไปแอ่วต่างได๋กัน    เฮาก็ไปโตยกัน    ตึงวันแสนม่วนใจ๋..
พอพบ    ฮู้จักสาวชาวกรุง..บ่เต้าใด    อ้ายก็ไปเอาอกเอาใจ๋แต่เขา
แค่เพียงบ่เมิน    เชื่อกำเปิ้นแล้วกา    ฮู้จักเพียงหน้าตา    ฮู้ใจ๋เปิ้นหรือเปล่า..
ตึงวันเปิ้นมีป้อจายมาคอยเฝ้า    เปิ้นจะอี้แล้วคงบ่ดีไปไว้ใจ๋
เคยกิ๋นผักกาดจอ    บ่เคยกิ๋นพิซซ่า    หากว่าลงต๊องจะยะจะได
เปิ้นบ่ไจ้คนเมือง   บ่เมินหากเปิ้นลาไกล   อ้ายจะอู้จะได้บ่ออก

เพลงที่พี่คิมบอกว่าจะร้องให้พี่หมอทีกับผมมันคือเพลงไว้ใจได้กา ของลานนา คัมมินท์ ผมฟังไปแล้วก็คิดว่าพี่คิมคงต้องการสะกิดใจผมและเตือนอะไรบางอย่างให้พี่หมอทีรู้ โดยเฉพาะถึงท่อนที่ว่า

.........ก็บ่ได้หวง    ทวงอะหยังวุ่นวาย    เป็นแต่เพียงเสียดาย    ข้ากลัวอ้ายโดนหลอก
เปิ้นกึ้ดกับอ้ายจะได    ก็บ่บอก  เป็นจะอี้แล้วเปิ้นจะไว้ใจ๋ได้กา
ปากแดง ๆ  จะไว้ใจ๋ได้กา   หน้าสวย ๆ   จะไว้ใจ๋ได้กา
แก้มขาว ๆ  จะไว้ใจ๋ได้กา   ตาหวาน ๆ   จะไว้ใจ๋ได้กา
ใส่เอวลอย   จะไว้ใจ๋ได้กา   นุ่งสั้น ๆ      จะไว้ใจ๋ได้กา
อยู่เมืองไกล จะไว้ใจ๋ได้กา   บ่ไจ้ข้าเจ้า    จะไว้ใจ๋ได้กา........

พี่คิมมองมาทางผมอย่างตั้งใจ ทำเอาผมถึงหลบตา แต่พี่หมอทีคงไม่รู้เรื่องอะไรคงนั่งยิ้มอย่างเดียว ผิดกับพี่ตี๋ที่ยืนเต้นตามจังหวะเพลงแล้วทำท่าพูดในอากาศว่าแฟนผม ๆ

หลังจากพี่คิมเดินกลับมา พี่หมอทีก็ขอตัวพาผมกลับบ้านก่อน โดยบอกว่าผมมีอาการเริ่มจะไม่สบายต้องกลับไปพักผ่อน เป็นอันว่าเราทั้งหมดเลยได้กลับพร้อมกัน

...

กลับมาถึงบ้านพี่หมอทีก็สี่ทุ่มแล้ว พี่หมอทีเลือกขึ้นบันเล็กเล็กทางเฮือนแก้ว ไม่ขึ้นบันไดใหญ่ทางเฮือนคำ โดยให้เหตุผลว่าถ้าขึ้นเฮือนคำต้องเจอคุณพ่อคุณแม่ต้องได้นั่งคุยกันอีกนาน อยากให้ผมได้รีบอาบน้ำแล้วพักผ่อน ผมท้วงว่าน่าจะได้ไปสวัสดีท่านก่อนก็ยังดี  พี่หมอทีบอกว่ายังไงพรุ่งนี้ตอนอาหารเช้าก็ต้องเจอกับคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว ค่อยไปสวัสดีท่านก็ได้

มาถึงห้องพี่หมอที ผมทำท่าเดินเอากระเป๋าจะไปนอนที่ห้องน้านวล แต่พี่หมอทีบอกว่าให้นอนที่นี่เพื่อไข้ขึ้นจะได้คอยดู (ผมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางไข้ขึ้นแน่นอนเพราะผมไม่ได้ป่วยนี่ แต่ก็ยอมนอนที่ห้องพี่หมอที) พี่หมอทีให้ผมอาบน้ำก่อนโดยกำชับว่าให้ปรับอาบน้ำอุ่นกว่าเดิมที่ตั้งไว้ แล้วออกมาก็ให้ผมใส่เสื้อผ้าหนาๆสามชั้น แล้วทานยาอีกสองเม็ด (ผมร้อนจะตายแต่ก็ต้องใส่เพราะไหนๆโกหกแล้วก็ต้องเนียนซะหน่อย) แล้วขึ้นเตียงนอน

พี่หมอทีเข้าไปอาบน้ำ แล้วเดินออกมาโดยมีชุดคลุมอาบน้ำสีขาวออกมา ทำให้ผมที่กำลังจะหลับอารมณ์กระเจิงไปถึงไหนต่อไหน (นี่ขนาดมีเสื้อคลุมนะ ถ้านุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวออกมาจะขนาดไหน ก็แค่ชุดคลุมที่ทำให้เห็นหน้าอกที่ขาวเนียน แอบเห็นหัวนมสีชมพูสดนิดๆที่ตัดกับสีผิวของแผงอกที่ขาวจั๊ว(น่าเจี๊ยะ) กล้ามอกก็มีพอน่ารักไม่เป็นมัดๆจนน่ากลัว --- อิอิ ไม่บรรยายแล้ว อารมณ์กระเจิงเดี๋ยวเขียนต่อไม่ได้) พอหมอทีแต่งตัวในชุดนอนเสร็จก็เดินมาดูผม

“ยังไม่หลับเหรอ”พี่หมอทีถาม พร้อมขยับผ้าห่มมาให้ถึงคอ

ผมพยักหน้ารับ “อืม...พี่ทีครับ ทำไมพี่ทีถึงทำดีกับเอจังครับ”ผมถามออกมา ขณะที่พี่หมอทีนอนลงข้างๆแล้วปิดไฟที่หัวเตียง

“ก็...เอาไงดีล่ะ...ก็เอเป็นน้องชายที่ดีไงครับ พี่เลยต้องทำดีด้วย”พี่หมอทีบอก

“งั้นคืนนี้เอขอนอนกอด แล้วซบอกพี่ชายที่แสนดีของเอได้ไหมครับ”ผมถาม

พี่หมอทีไม่ตอบแต่จับศรีษะผมยกขึ้นอย่างเบาๆช้าๆ ค่อยๆสอดแขนข้างขวาเข้ามาให้ผมหนุนแทนหมอน ผมเองก็นอนหันหน้าไปทางพี่เขาแล้วก็เอาหน้าซบลงตรงอกของพี่หมอที กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆออกมาจากแผงอกที่แข็งแก่ง ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นหมอนให้ผมไปแล้ว ผมเอื้อมมืออีกข้างไปกอดไปพี่หมอทีอย่างเบาๆ ลมหายใจของพี่หมอทีกระทบถึงหัวผม ผมได้ยินเสียงเต้นของหัวใจพี่หมอที มันยังคงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งต่างจากหัวใจผมที่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาซะเลย

ผมต้องพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติไม่อยากนั้นพี่หมอทีคงจับได้แน่ นอกจากนั้นผมยังต้องควบคุมอารมณ์และอะไรหลายๆอย่างให้ตัวผมให้มันเรียบร้อย ไม่งั้นขายหน้าพี่หมอทีแน่ แต่ไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็................................................

+++ จบบทที่ยี่สิบสอง +++


*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***

- ถ้าคิดจะหนีเราคงต้องหนีมันทั้งชีวิต สู้เลือกที่จะเผชิญมันแล้วตามหาความจริงไม่ดีกว่าเหรอ

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
 :a3:ขอตอบเม้นท์คุณๆหน่อยแล้วกันนะครับ :a11:

Joobperman+kdds+Mint +jurassic+uno+dragonfly08+P_love+Ferfa+Xeroz   --- สงสารกับเห็นใจแต่พี่นิค ไม่เห็นใจผมเหรอครับ ในบทแรกๆผมโดนพี่นิคแกล้งซะ  :o12:

๐DoNuT๐  --- ใครจะกล้าสู้หน้าพี่นิคละครับ สายตาตอนนั้นพี่แกดุกว่าเสืออีก

Otaku + Money_LovE +Tsukasa999 --- ติดตามคนที่ชื่อสองต่อไปนะครับ รับรองว่าคุณจะ  :sad3: o21 :freeze:

wan --- ใช่ครับ พี่หมอทีวางตัวเสมอต้นเสมอปลาย สุภาพบุรุษสุดๆ (คิดแล้วแค้นใจตัวเอง ทำไมไม่เลือกพี่เขาว่ะเนี่ยะ o12)

thomaskung -- สงสัยทั้งน้ำตาผสมกับน้ำลายมั้งครับ (หรือน้ำอย่างอื่นด้วย  :laugh3:)

19NT+jobisuka  --- ติดตามไปครับ ไม่นานเกินรอ

kimi dake!!! --- ใช่ครับ เรื่องนี้ยังมีอีกหลายปมที่ยังไม่ได้คลาย o3

happy_icekung69 --- ค้นหาตัวเองให้เจอไม่ยากครับ แต่ให้ยอมรับในสิ่งที่เจอยากกว่าครับ

sarin --- เหมือนเขาบอกว่าหนีอะไรก็หนีไป แต่หนีใจตัวเองไม่พ้นมั้งครับ

gift_deb --- เลิกงอนง่ายๆก็ไม่ใช่เอซิครับ o17   แล้วคุณสนใจงานด้านไหนล่ะครับ

Bm_Boy --- ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องลำบากมาหาถึงที่หรอกครับ

sakiko --- บะจ่างอร่อยมากมายครับ ไม่อร่อยได้ไงครับฝีมืออาอี๊ซะอย่าง พี่อ่านทุกเม้นท์ครับ แล้วจะพยายามตอบถ้ามีเวลาครับ ให้เรานอนหลับฝันดีเหมือนกันนะครับ :a12: (อวยพรล่วงหน้าทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนครับเพื่อไม่มีเวลาตอบเม้นท์) ชอบใช่ป่าวรูปการ์ตูนเหมือนพี่ป่ะ  ส่วนฉากสวีทอีกไม่นานเกินรอครับ

BABY_CHICK --- ผมว่าความรักไม่แปลกนะครับ คนเราซิครับที่แปลกมักไปยุ่งกับความรัก ว่าป่ะ

ขอบคุณ :pig4: ---๐DoNuT๐ ,kdds ,a22a ,Eis ,Joobperman ,nana ,wan ,jurassic ,Otaku ,แก้ว ,@#Jackie#@  ,sarin ,gift_deb ,Bm_Boy ,three ,patee ,ISACBTMN ,jobisuka ,
P_love ,Money_LovE ,Mint ,BABY_CHICK ,Tsukasa999 ,sakiko ,Siri_nan ,andy_kwan,meawmeaw , :pig4: ขอบคุณครับที่ยังไม่เบื่อและจะติดตามต่อไป ขอบคุณจริงๆครับ :L2:



ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
พี่คิมพูดน้อยต่อยหนักดี จี้ได้โดนจุดมาก  :a2:
จริงๆเรื่องนี้ ถ้าเอไม่ได้เฉลยมาตั้งเเต่เเรกว่าพี่นิคเป็นตัวจริง คงได้ลุ้นตัวโก่งล่ะ ว่าใครจะเป็นพระเอก ตัวเลือกเยอะมาาาก

ปล. พี่นิคอยู่หนาาาาาาาาาาาาาาาาาาาย :m15:

Pztor

  • บุคคลทั่วไป
 :a1:
มารอพี่นิคเท่านั้น อิอิ

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
ทำบุญมาแต่หนใด ใครๆ ก็รัก ฮิ้ว

 :m13:

O_o

  • บุคคลทั่วไป
 :a11: :a3: :a4: :a5:

อ่ะ รู้แล้ววทำไมเพื่อนๆพี่หลายๆคน(รือทุกคน)เห็นใจพี่นิค
ก็พี่เอเล่นเสน่ห์แรง มีคนตามตื้อ(เยอะ)ขนาดเน้ น่าเห็นใจพี่นิคเป็นที่สู้ดดดดเลยเน้อ
ฮ่าๆ
ตอนนี้ไม่มีพี่นิคเลยอ่า
น่าเห็นใจที่สู้ดดดดดด ฮาๆ
มารออ่านตอนพี่นิคกะพี่เอน้า  :a2: :a1: :a4:



อ่ะ ลืม ปล ฮ่าๆๆๆ ปล อนุโมทนาบุญกะพี่เอที่ไปทำบุญที่เชียงใหม่น้าเจ้า สาธุ~~~~~~~

ออฟไลน์ Mint

  • นิสัย!!
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +881/-17
 :m1: พี่หมอทีน่ารักจังเลย  :m1:

 :o  :o  :o

ลืมไปเราเีชียร์เพ่นิค

เพ่นิค เพ่นิค เพ่นิค

รอเพ่นิคมีบทอยู่

พี่เออย่าพึ่งหวั่นไหวกะพี่หมอทีหล่ะ  :m13:

ปอลอ. พี่เอกินอะไรทำไมถึงเสน่ห์แรงอย่างนี้  :laugh: :laugh:

ไปดีกว่า  :oni1: :oni1:



ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
พี่ทีก็น่ารักซะขนาดนี้ :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด