บทที่ยี่สิบเจ็ด --- หึง & ซาวน่า (ต่อ)
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเดินกลับเข้ามา ผมก็หยิบเอาถุงพายไก่แล้วเดินเข้าห้องประชุมเล็กทันทีโดยไม่เข้าไปนั่งร่วมวงสทนาต่อ ตอนนี้จากวงสี่ห้าคนเพิ่มเป็นสิบกว่าคนอย่างรวดเร็วคงเป็นเพราะความสามารถพิเศษของสอง แต่ผมสังเกตเห็นว่าสองมองตามผมตลอดเวลา
“ขออนุญาตเข้าห้องนะครับท่านายกสุดหล่อ”ผมเปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยแล้วถึงค่อยแกล้งทำเป็นพูด แต่พี่นิคไม่เงยหน้ามามองเลย เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้ม
“โกรธเขาเหรอตัวเอง ขอโทษนะ นี่ๆเอาพายไก่ของโปรดของน้องหมาตัวไหนก็ไม่รู้มาให้ด้วย”ผมทำเสียงอ้อนๆแล้วเดินเข้าไปหาที่โต๊ะ (ปกติผมอ้อนคนไม่ค่อยเป็น เพราะถูกทางบ้านและคนอื่นเอาใจมาโดยตลอด การที่ผมทำอย่างนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว) แต่พี่นิคยังเฉย
“ไม่อยากกินเหรอ น่าอร่อยนะดูซิ”ผมแกะห่อพายไก่ออกแล้วเศษพายไก่มันหกลงบนเอกสาร
“ทำอะไรเนี่ยะ เลอะหมดแล้วเห็นไหม ถ้าจะกินออกไปกินข้างนอกโน่น”พี่นิคบอกเสียงแข็งพร้อมหยิบเอกสารไปสะบัดออก ทำเอาผมหน้าเสียไม่คิดว่าจะงอนขนาดนี้ อีกอย่างผมก็เริ่มไม่พอใจที่มาทำเสียงแข็งใส่ผมอย่างนี้
“ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย ก็รู้แล้วว่าทำผิด แล้วก็มาขอโทษแล้วไง ยังซื้อพายไก้มาง้อ ยังอุตส่าห์จำใจช่วยรับเป็นบัดดี้นักศึกษาโครงการเรียนรู้นั่นอีก ทั้งๆจะสอบอยู่แล้ว”ผมโวยออกมาบ้าง
“จำใจเหรอ นึกว่ายินยอม เห็นมีการรู้จักกันมาก่อนด้วยนิ่ คงสนิทกันมาซินะ ทำมาเป็นสร้างข้อตกลงว่ามีอะไรจะไม่ปิดบังกัน โธ่เอ๊ย...ไอ้เรามันโง่เอง ถูกเด็กหลอก”พี่นิคบ่นออกมา ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าพี่นิคไม่ได้โกรธผมเรื่องเมื่อคืนอย่างเดียวแต่โกรธจากวงสทนากับสองเมื่อกี้ด้วย ที่จริงก็แอบหึงผมนี่เอง เข้าใจแล้ว
“อ๋อ......ที่จริงก็แอบหึงเอใช่ม้า หึงแล้วต้องทำตัวอย่างนี้ด้วย แฟนใครหว่า น่ารักจังขอหอมแก้มที”ผมบอกพร้อมเข้าไปหอมที่แก้มพี่นิคหนึ่งที คิดว่าคราวนี้ยังไงๆก็ต้องหายงอนแน่ๆ
“ทำอะไรอ่ะ กฎข้อ1จำไว้หน่อยซิ เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอก”พี่นิคตอกกลับมา (อะไรว่ะ ไม่เป็นไปตามคาดไว้ อย่างนี้ต้องลงทุนใช้ไม้ตาย – ผมคิด)
“อ่ะ ยังไม่หายโกรธ งั้นพรุ่งนี้วันเสาร์จัดรายการเสร็จไปนอนบ้านอาอี๊ด้วยกัน เดี๋ยวจะจัดการให้
เจ้านิคน้อยได้เจอกับเอน้อยเอาป่ะ”ผมบอกออกไปอย่างอายๆ
“พรุ่งนี้วันเสาร์วันพระกฎข้อ3จำไว้ซะมั้งซิ แล้วพรุ่งนี้ก็มีพิธีเปิดกีฬาระหว่างคณะไม่ไปจัดรายการ”พี่นิคบอกแต่ไม่มองหน้าดูผม ทำให้ผมหมดความเชื่อมั่นในตัวเองไปในทันทีแต่กลายเป็นความหมั่นไส้ในตัวพี่นิคขึ้นมาแทน
“เออดี เบื่อแล้วที่ต้องไปจัดรายการ แล้วจะจำกฎทุกข้อแหละไม่ต้องมาย้ำ”ว่าแล้วผมก็ตั้งใจเดินเอาพายไก่ไปทิ้งลงตรงถังขยะข้างๆโต๊ะทำงานของพี่นิค เพื่อให้พี่นิคเห็นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
ผมเดินหน้ามุ่ยออกมาในใจก็คิด เป็นใครกันว่ะ เกิดมายังไม่เคยง้อใครขนาดนี้เลย ถึงกับเอาตัวเข้าแลกก็ยังไม่ยอม รู้ไหมว่าเราอายแค่ไหนที่พูดออกไป ดี ต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะได้ง่ายๆเลย ปีละครั้งแล้วกัน น้อยไปสิบปีครั้งก็พอแล้ว คนอะไรใจร้าย จะเอาแต่ใจตัวเอง ไอ้พี่นิคบ้า ที่ตัวเองมีสาวๆมารุมจีบต่อหน้าต่อตา เรายังไม่เคยว่าอะไรเลย กับไอ้แค่จำไม่ได้ว่าเคยเจอสอง แล้วไม่บอก มาทำเป็นโกรธเอาๆ คนบ้า คนอะไร ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ถึงว่ามอขอมันถึงไม่เจริญซักที เพราะมีนายกไม่เอาไหนแบบไอ้พี่นิคแหละ ผมพาลด่าในใจไปหมด จนได้ยินเสียงคนเรียกขึ้นมา
“เอ หงุดหงิดอยู่เหรอ”เสียงของสองดึงผมออกจากความคิด
“อ้าว สองมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”ผมถามเมื่อเห็นสองมาที่นั่งชิงช้าข้างองค์การดูท่าทางเหนื่อยๆ
“สองเหนื่อยเลยออกมาพัก เวลาสองใช้พลังจิตมากๆ สองจะหมดแรง”สองบอกพร้อมก้มหัวไปซบกับเชือกที่ห้อยชิงช้าอยู่
“งั้นเดี๋ยวสองหายเหนื่อยแล้ว เราพาสองทัวร์ในมอดีกว่า จะได้รู้จักมอเราดีๆ”ผมเสนอ ที่จริงผมอยากหาเพื่อนขี่รถเล่นแก้เซ็งจากเรื่องพี่นิคต่างหาก
“ขอบใจนะ แต่ไม่หรอก สองอยากชวนเอไปผ่อนคลายที่อื่นดีกว่า ในมอสองมาบ่อยแล้ว”สองพูด
“เอาดิ่วันนี้วันศุกร์ เรากำลังเบื่อๆอยู่พอดี ไปไหนดีอ่ะ”ผมพูดขึ้น
“เบื่อที่ไม่ได้ดั่งใจใช่ม่ะ อย่างเอนะดีแค่ไหนแล้ว ที่มีแต่คนเอาใจ ไม่เหมือนสอง ช่างมันเถอะ”สองพูดออกมาแล้วเงียบไปเหมือนปิดบังอะไรในใจบางอย่างอยู่
“แหมสองนี่ใช้พลังจิตอ่านใจเราด้วยเหรอ ว่าแต่สองจะชวนเราไปไหนล่ะ”ผมถามต่อ
“สองอยากไปผ่อนคลาย เราไปซาวน่ากันนะเอ”สองพูดออกมาเสียงเรียบๆ
“ซาวน่า ซาวน่าที่ไหนอ่ะ เราไม่เคยไป อยู่ในมอหรือเปล่า”ผมถามขึ้น
“เปล่าหรอก อยู่นอกมอ ข้างๆริมบึงแก่นนครนะ ไปด้วยกันนะ”สองบอก
“เอาดิ่ ได้ๆ เราจะได้ออกไปนอนที่บ้านด้วยเลย แถวบึงแก่นนครใช่ไหม ไม่ไกลจากบ้านเราไม่ไกลจากบ้านสองด้วย”ผมตอบตกลงเพราะเบื่อๆอยู่พอดีไม่ได้คิดอะไร คิดว่าซาวน่าคงเป็นเหมือนสปาใช้ธรรมชาติบำบัดทั่วๆไป คิดแล้วก็ยิ่งดีจะได้ไปพักผ่อนบ้าง
ผมกับสองก็ออกจากในมอตอนทุ่มกว่าๆ โดยที่สองบอกให้ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ของสองออกไปจะสะดวกกว่า ตอนขากลับสองจะไปส่งผมที่บ้าน แล้วพรุ่งนี้ตอนบ่ายก็จะไปรับที่บ้านเพื่อร่วมพิธีเปิดงานกีฬาระหว่างคณะ ผมก็เลยตกลงทำตามที่สองบอก
...
เราสองคนไปถึงซาวน่าตอนเกือบสองทุ่ม ผมอ่านป้ายชื่อซาวน่า (เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าชายทะเล) แล้วก็มีตัวหนังสือมีแดงเขียนว่า Man Only ตอนแรกผมก็เอะใจว่าทำไมเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ผมคิดว่าคงไม่แปลกเพราะสปาซาวน่าบางแห่งก็รับเฉพาะผู้หญิง
ซาวน่านี้เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สามชั้นตั้งอยู่แถวริมบึงแก่นนคร แต่ต้องเข้าไปในซอยอีกนิดหน่อยถึงจะถึงที่ ทันทีที่มาถึงสองก็เดินนำผมเข้าไปในซาวน่าทันที ดูเหมือนสองคุ้นเคยกับที่นี่มาก
“อ้าว วันนี้มาแต่หัววันเลยนะ อ่ะๆพาเหยื่อรายใหม่มาด้วย น่ารักดีว่ะ ถ้าเบื่อคนนี้แล้วพี่ขอนะ”คำทักของคนที่เป็นบริกรตรงเคาน์เตอร์ทักสองเหมือนสนิทกันดี
“สองคน ขอกุญแจด้วย”สองไม่ตอบสิ่งที่เขาถาม แล้วสองก็จ่ายค่าบริการไปคนละ 149 บาทโดยหันมาบอกว่าสองเลี้ยงผมเองเพราะเป็นคนชวนมา แล้วเรียกผมที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่กำลังเห็นในซาวน่าให้ไปรับกุญแจล็อคเกอร์
สิ่งที่ผมเห็นผมเห็นคือภาพนู้ดผู้ชาย (นู้ดนะไม่ใช่โป๊) ที่ถูกเอามาตกแต่งร้าน พร้อมแบบกางเกงในแปลกๆหลายแบบที่สวมอยู่ในหุ่นตั้งอยู่เต็มไปหมด ผมเริ่มเอะใจกับสิ่งที่เห็นมากขึ้น
ซาวน่านี้แบ่งเป็นสามชั้น ชั้นแรกจะเป็นเคาน์เตอร์บริการ เดินเข้าไปข้างในจะมีตู้ล็อคเกอร์ไว้ให้เก็บเสื้อผ้าและของมีค่า ถัดจากล็อคเกอร์จะมีห้องอาบน้ำรวมที่ใช้กระจกหนาสีดำมือสนิทเป็นตัวกั้น ถัดไปอีกเป็นเหมือนห้องอาหารสามารถสั่งอาหารเครื่องดื่มและร้องเพลงคาราโอเกะได้ที่นี่ ถัดออกมาด้านนอกถูกจัดเป็นสวนไว้ในนั่งเล่นพักผ่อน
ผมรับกุญแจมาไขล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนชุด แล้วผมก็ต้องตะลึงอีกรอบเพราะว่าในล็อคเกอร์มีผ้าขนหนูสีน้ำเงินเข้มให้สองผืนพร้อมกับถุงยางอนามัยหนึ่งชิ้น
ผมหันไปมองสองเห็นสองเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าขนหนูเสร็จแล้วเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำรวม ผมมองไปรอบๆเริ่มเห็นว่ามีคนมองผมมากขึ้น ประมาณจ้องมาว่าเมื่อไหร่มึงจะถอดเสื้อผ้าอะไรอย่างนี้ ผมเลยรีบเปลี่ยนไปนุ่งผ้าขนหนูแล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกไปตรงมุมสวนทันที
“ไอ้อ๊อฟเหรอ ถามไรหน่อยดิ่”ผมถามอย่างลนลานแต่เสียงเบา เพราะมีคนสามสี่คนที่มองมาทางผมอย่างกับจะกลืนกินผมลงไปอย่างนั้น
“มีอะไรอีกล่ะ คราวนี้จะให้ฉันเล่าเรื่องครั้งที่สองของฉันให้ฟังหรือไง”ไอ้อ๊อฟตอบกลับมาแบบกวนๆ
“ไม่ใช่ แกรู้จักซาวน่าที่อยู่แถวริมบึงไหม ที่ชื่อ........อ่ะ”ผมบอก
“อ๋อ รู้ซิ ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าแกจะพาพี่นายกดีเจสุดหล่อของฉันไปน่ะ รับรองถ้าแกพาพี่นายกดีเจสุดหล่อไปเขาฆ่าแกตายแน่ๆ”ไอ้อ๊อฟตอบกลับมา
“ป่าวๆ ไม่ได้ชวน แล้วถ้าชวนทำไมพี่เขาต้องฆ่าเราด้วยล่ะ”ผมถามคืน
“เชอะ ไม่รู้อะไรซะแล้ว ก็ไอ้ซาวน่านั่นน่ะเป็นซาวน่าสำหรับชาวเรา หรือให้เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นซาวน่าเกย์ ใครไปก็เท่ากับประกาศตัวให้รู้นะซิว่าเป็นเกย์ แถมอีกอย่างคนที่ไปที่นั่นอ่ะนะ เขาไม่ได้หวังไปอบซาวน่าอะไรหรอก เขาหวังไปหาเซ็กซ์กันมากกว่า แบบว่าน้ำแตกแล้วแยกทางไม่มีพันธะอะไรกันทั้งนั้น ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไมพี่นายกสุดหล่อจะฆ่าแกถ้าแกพาพี่เขาไป”อ๊อฟอธิบายมา ทำเอาผมถึงบางอ้อเข้าใจทั้งหมดเมื่อเอาเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน ตั้งแต่ Man Onlyที่ป้าย รูปนู้ดพวกนั้น แบบกางเกงในต่างๆ ถุงยางอนามัยในล็อคเกอร์ สายตาของคนที่มองผมแปลกๆ
“เออๆ ขอบใจ แค่นี้นะ”ว่าแล้วผมก็รีบวางสายกะว่าจะรีบไปชวนสองกลับทันที
ผมมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำรวมชั้นหนึ่ง แต่พอเข้าไป แว๊ก ผู้ชายแก้ผ้าอาบน้ำอยู่สามคน ไม่มีสองผมเลยรีบปิดประตูแล้วตัดสินใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง
ชั้นสองแบ่งเป็นห้องซาวน่าแบบเปียกและแบบแห้ง โซนออกกำลังกายประเภทเวทต่างๆ โซนให้นั่งพักมีทีวีให้นั่งดูพร้อมหนังสือให้อ่าน และมีมุมหนึ่งที่มีประตูเขียนป้ายบอกว่า Dark Room
ผมมองหาสองตรงห้องนั่งเล่นและโซนออกกำลังกายแต่ไม่มี ผมคิดว่าสองคงเข้าไปอบซาวน่า พอผมเข้าไปมันมืดมีแต่แสงสลัวมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร ไหนยังจะมีไอน้ำขึ้นมาเป็นระยะๆอีก พอผมเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ ผมต้องรีบถอยออกมาแทบไม่ทันเพราะมือใครต่อมือใครก็ไม่รู้ต่างตรงเข้ามาลวนลามที่ตัวผม ตรงอกบ้างล่ะ หัวนมบ้างล่ะ ตรงหน้าท้อง ตรงสะโพก ตรงก้น ตรงเอน้อยก็ยังโดนเลย เหมือนมือพวกนั้นกำลังรอคอยการจับสัมผัสจากแขกผู้มาเยือนใหม่อย่างยาวนาน
พอผมถอยออกมาด้วยใจที่อกหวั่นขวัญหาย ผมหยุดทำใจอยู่นานก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ห้อง Dark Room เพราะผมคิดว่าสองอาจจะอยู่ในนั้น ทีนี้ผมเปิดประตูช้าๆอย่างระวังเพราะกลัวจะเป็นเหมือนห้องซาวน่า แต่แค่ผมเปิดประตูเข้าไปไม่ทันจะได้ตั้งตัวอะไร ผมก็โดนมือใครก็ไม่รู้กระชากดึงอย่างแรงจนมือผมหลุดจากประตูเข้าไปในห้องที่มืดมองไม่เห็นอะไรเลย ผมตกใจมากจะรีบวิ่งออกมาที่ประตูแต่ว่ามันมืดมากและเหมือนมีคนมาขวางไว้พยายามดึงผมเข้าไปอีกครั้ง
ในห้องนั้นมืดจนไม่เห็นอะไร ผมได้ยินแต่เสียง ซีด.......อ้า......ๆๆ ดังมาเป็นระยะ และเป็นเสียงของหลายคนด้วยไม่ใช่คนเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ ใจผมเกิดความกลัวระแวงขึ้นมาทันที คิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะสู้สุดชีวิตเลย ทันใดนั้นก็มีใครมาดึงผ้าที่ผมนุ่งอยู่ออกแล้วพยายามดึงผมเข้าไปในห้องให้ลึกกว่าเดิม ทันทีที่ผ้าหลุด ผมก็ใช้ทั้งเท้าทั้งมือเตะต่อยไปรอบๆ โดนบ้างไม่โดนบ้าง ทำให้คนที่ขวางผมอยู่และเข้ามาดึงผมหลีกออกไป ผมรีบก้มลงควานหาผ้าเช็ดตัวแล้วนุ่งก่อนคลำหาทางออกมาที่ประตูทันที
ผมออกมานั่งพักที่มุมหนังสือ ผมเพิ่งสังเกตว่ามันเป็นหนังสืออย่างว่า แต่ดีที่มันสว่างและเปิดโล่งคงไม่มีใครกล้ามาทำอะไร เพียงแต่มีคนเดินเข้ามาถามๆว่าชื่ออะไร เล่นกันไหม เข้ามาสะกิดบ้างอะไรอย่างนี้หลายคนต่อหลายคน ทำให้ผมที่อยู่ในอาการกลัวอยู่แล้วเกิดอาการหวาดระแวงมากยิ่งขึ้น นั่งก้มหน้ากำหมัดแน่นอยู่ตลอดเวลา ในใจผมก็คิดว่าทำไมสองต้องพาเรามาในที่อย่างนี้ ไหนว่าจะมาผ่อนคลายไง ไอ้เราเองก็โง่นึกว่าจะเป็นซาวน่าแบบธรรมชาติบำบัด แล้วผมก็สูดหายใจเข้าปอดฮึดใหญ่เพื่อระงับความวิตกหวาดระแวงต่างๆและเป็นการเรียกความกล้าขึ้นมาเพื่อไปตามหาสองที่ชั้นสามต่อไป เพราะตอนนี้ผมอยากออกจากที่นี่เต็มแก่แล้ว
ผมเดินขึ้นมาที่ชั้นสาม ชั้นสามนี้ถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆเกือบๆสิบห้องโดยแต่ละห้องถูกใช้ไม้อัดธรรมดาตีเป็นฝากั้นเอาไว้เอง แต่ละห้องมีฟูกที่นอนขนาดคนเดียววางไว้กับพื้นแล้วก็ข้างๆจะมีเหมือนขวดใส่ครีมหรือเจลอะไรซักอย่างวางไว้พร้อมกับกล่องกระดาษทิชชู่และถังขยะใบเล็กๆ (ตอนแรกผมคิดว่าถ้าอบซาวน่าเสร็จคงต้องมานอนพักหรือนวดครีมพวกนี้เพื่อพักผ่อนหรือรักษาผิว แต่พอผมเดินเข้าไปดูก็รู้ว่ามันไม่ต่างอะไรกับเจลKYที่ผมเคยให้พี่นิคเคยใช้กับผมเลย ผมเลยถึงบางอ้ออีกครั้งว่าห้องนี้เขามีไว้ทำอะไรกันนั่นเอง เพราะในถังขยะมีแต่กระดาษทิชชู่และถุงยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้วทั้งนั้น) อีกห้องเป็นห้องกระจกมีทีวีที่เปิดหนังอย่างว่า แล้วก็มีคนไปนั่งดูพร้อมกับทั้งล้วง ทั้งคลำ ทั้งทำอะไรต่อมิอะไรให้กันอย่างไม่อาย ทั้งๆที่มีคนอยู่ข้างนอกห้องกระจกยืนดูอยู่ก็ตาม
ผมตัดสินใจแล้วว่าถ้าไม่เจอสองในชั้นนี้ผมจะกลับบ้านเองโดยทันที แล้วผมที่กำลังจะหันหลังออกจากห้องที่เข้ามาดูว่ามีสองหรือไม่ ก็ได้หันไปเจอกับสองที่มายืนข้างหลังผมพอดี ผมดีใจมากโผล
เข้ากอดสองแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวทันที
“สอง...ฮื้อๆ...เรากลับกันเถอะ....เรากลับกันฮื้อๆ”ผมบอกออกมาอย่างลนลานพร้อมน้ำตา
สองไม่ได้กอดผมคืนหรือพูดอะไรกับผมเลย แต่ตรงกันข้ามสองค่อยๆเดินไปล็อคประตูแล้วจับผมนั่งลงบนฟูกที่นอนในห้องนั้นแทน
“สองจะทำอะไร อย่านะสอง”ผมที่นั่งลงแล้วเอามือมาจับแน่นที่ผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่
“เอไม่ต้องกลัวนะ เอทำใจเย็นๆสบายๆ”สองพูดออกมาอย่างเรียบๆแต่แฝงไปด้วยพลังบางอย่างพร้อมจ้องมาที่ตาผมไม่กระพริบ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปได้บ้าง
“สอง เรากลับกันนะ ที่นี้มันไม่ดีเลย เราไม่ชอบ”ผมบอกออกมา
“สองจะพาเอกลับก็ต่อเมื่อ เอสัญญากับสองว่าถ้าออกไปจากที่นี่แล้ว เอจะเลิกกับพี่นิคแล้วมาเป็นของสองแทน ตอนแรกที่เห็นเอ สองไม่ได้คิดอยากเป็นเจ้าของเอเลย แต่พอได้คุยกับเอ สองก็รู้ว่าสองเองอยากเป็นเจ้าของเอ เอจะมาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับสองได้”สองพูดออกมาอย่างจริงจัง
“สอง สองพูดอะไร เรากับพี่นิค ไม่..”ผมที่อึ้งอยู่นานแล้วค่อยตอบออกมาแต่ก็ถูกสองขัดขึ้นว่า
“เอกำลังจะโกหกสองว่าไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นิค ลืมแล้วเหรอว่าสองมีพลังจิต เรื่องแค่นี้สองรู้ได้”
“สอง”ผมพูดออกมาอย่างตกใจแล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
สองค่อยๆมองตาผมแล้วพูดซ้ำติดกันหลายครั้งว่า “เอมาเป็นของสองนะ เอเป็นของสองคนเดียว เอต้องเป็นของสอง” สองพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้พร้อมกับมองตาผมแล้วค่อยๆผลักผมนอนลง แต่สายตาของสองยังมองมาที่ผมพร้อมพูดประโยคเดิมๆด้วยเสียงเบาๆไม่หยุด
ผมรู้สึกว่าร่างกายผมอ่อนระทวยไปหมดไม่มีแรงที่จะขัดขืนในการผลักให้ผมลงนอนของสองได้เลย ทั้งๆทีในใจผมไม่ได้อยากนอนลง แต่ผมบังคับตัวเองไม่ได้ หัวผมคิดแต่ว่าต้องขัดขืน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทันทีที่ผมนอนลงสองก็เอามือมาลูบไปมาขึ้นลงระหว่างช่วงอกของผมกับท้องน้อยแต่ตาของสองก็ยังมองผมอยู่พร้อมกับยังพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า “เอมาเป็นของสองนะ เอเป็นของสองคนเดียว เอต้องเป็นของสอง”
ผมตอนนั้นไม่ได้มีอารมณ์สนองตอบอะไรเลย แต่อยู่ดีๆเจ้าเอน้อยกลับตื่นขึ้นมาเอาดื้อๆ มันเหมือนมีแรงพลังอะไรบางอย่างมากระตุ้นที่ร่างกายผม แต่จิตใจและอารมณ์ของผมไม่ได้ต้องการ แล้วสองก็เอื้อมมือไปจับที่ผ้าเช็ดตัวที่ผมนุ่งอยู่หวังว่าจะปลดมันออก ในหัวผมตอนนั้นผมคิดถึงแต่พี่นิค อยากให้พี่นิคมาช่วย เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเราจะให้ใครก็ได้ แต่เราจะให้กับพี่นิค คนที่เรารักเท่านั้น
ผมนึกอะไรไม่ออกเพราะเหมือนตกอยู่ในสภาพของคนที่จะโดนข่มขืน ผมนึกถึงคุณพระรัตนตรัยแรงบุญกุศลที่ผมเคยทำมา นึกถึงคุณพ่อให้มาช่วยผมที นึกถึงพี่นิคด้วย แล้วเหมือนสองที่กำลังจะแก้ผ้าเช็ดตัวผมออกก็หยุด พร้อมทั้งไม่จ้องตาผมและไม่พูดอะไรออกมาอีก ทำให้ผมรู้สึกตัวและมีแรงขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังมีอาการเหนื่อยหอบเหมือนไปวิ่งรอบสนามมา
“อย่างนี้เองเหรอพลังของความรัก ขนาดเรายังควบคุมไม่ได้”สองที่นั่งหันหลังให้ผมพูดออกมาแล้วหายใจถี่รัว ดูเหมือนสองเองก็เหนื่อยเหมือนกัน (คงเป็นเพราะใช้กำลังจิตกับผมมากเกินไป)
ผมถือจังหวะนั้นลุกขึ้นแล้วต่อยที่หน้าสองไปเต็มแรงหนึ่งทีก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องไปอย่างเร็ว
“เอต้องเป็นของสองคนเดียว เอต้องมาเป็นส่วนเต็มเติมให้กับสอง คอยดู สองไม่ยอมง่ายๆหรอก”สองตะโกนไล่หลังออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเอามากๆ
ผมรีบลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากร้านซาวน่าอย่างรวดเร็วโดยไม่มองอะไรทั้งนั้น ผมกัดฟันกำหมัดแน่นอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะขึ้นมานั่งบนรถตุ๊กตุ๊กเพื่อให้มาส่งที่บ้านอาอี๊แล้วก็ตาม
พอมาถึงบ้านอาอี๊ผมรีบวิ่งไปที่บ้านของผมล๊อคประตูทุกอย่างให้แน่นหนา แล้วผมก็ได้รับ MMS จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเข้ามา ผมเปิดดูมีเสียงเพลงดังขึ้น
(
http://www.imeem.com/fairypla/music/APTkQCjQ/hyper/ --- ฟังเพลงขวากนาม ของ Hyper)
.............เธอยังมองหาใครอยู่ ฉันอยากรู้ว่าเธอได้เจอหรือเปล่า
เค้าคนนั้นหรือดีพอ ดีกว่าฉันที่รักเธอ อยากให้รู้ว่าคงไม่เจอ ไม่มีวัน
ฉันรู้ว่าเธอก็คงต้องการ ไปกับเขา และเธอก็ตัดสินใจ จากฉันไปเพื่อมีใคร
เธอคงอยากพบรักที่ยิ่งใหญ่ อยากให้รู้ไว้ ว่าฉันจะคอยขวางทาง.........
แล้วก็มีเป็นรูปสองยิ้มที่มุมปาก แววตาดูน่ากลัว พร้อมกับข้อความว่า “ในเมื่อเอไม่ได้เป็นของสอง เอก็จะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น”
........ทางใดที่เธอจะมีความสุขกับเขา ทางนั้นจะมีฉันคอยกั้นกลาง
เธอเป็นดอกไม้ ฉันจะเป็นขวากหนาม
ทิ่มแทง ให้เขาต้องปวดใจ ให้เขาทิ้งเธอไป ให้เขาไม่รักเธอ...................
MMSนั้นทำให้ความกลัวแต่เดิมที่ผมมีอยู่แล้ว ทำให้ผมยิ่งกลัวและหวาดระแวงมากกว่าเดิมอีก จนผมต้องไปขอนอนกับอาอี๊ที่ตึกใหญ่ อาอี๊แปลกใจมากเพราะผมไม่ได้มานอนกับอาอี๊ตั้งนานแล้ว แต่อาอี๊ก็ไม่ได้ซักอะไรมาก คืนนั้นผมนอนผวาตื่นขึ้นมาเกือบทั้งคืน จนครั้งสุดท้ายอาอี๊ต้องตื่นมาถามว่าเป็นอะไร ผมบอกว่าฝันร้าย อาอี๊เลยให้ผมสวดมนต์แล้วทำสมาธิก่อนนอนผมถึงหลับลงได้ตอนใกล้ๆฟ้าสางนั่นเอง
+++ จบบทที่ยี่สิบเจ็ด +++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- คุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่คุยให้เสียงเข้าหู หรือเข้าสมองแล้วคิด แต่คุยเพื่อความเข้าใจ คุยออกมาจากใจเพื่อให้เข้าไปในใจ