สุริยายอแสง จันทราคล้อย (mpreg) ปัจฉิมบท (P.25) จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สุริยายอแสง จันทราคล้อย (mpreg) ปัจฉิมบท (P.25) จบแล้วค่ะ  (อ่าน 226963 ครั้ง)

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกมากเลย ชอบเจ้าจันทร์ดวงนี้จังเลยค่ะ
เพิ่งได้ิ่านครั้งแรกยิงยาวมาถึงตอนนี้เลย ลุ้นตลอดเลยค่ะ กลัวไปหมด 55555 เห็นคนเขียนบอกอีก 2 ตอนนี่หวานๆแล้ว ดีใจจจจ


รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
จะมีดราม่าอีกไหมน้อออออออ

ไม่มีแล้วค้าาา เนื้อเรื่องหลัก ไม่มีดราม่าแล้ว

รีบๆมาน้า เด้กเกษตรปะหว่า สอบเส้ด15เนี่ย
ไม่ใช่ค่ะ 5555 เด็ก HCU ค่ะ

สนุกมากเลย ชอบเจ้าจันทร์ดวงนี้จังเลยค่ะ
เพิ่งได้ิ่านครั้งแรกยิงยาวมาถึงตอนนี้เลย ลุ้นตลอดเลยค่ะ กลัวไปหมด 55555 เห็นคนเขียนบอกอีก 2 ตอนนี่หวานๆแล้ว ดีใจจจจ


รอตอนต่อไปค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ^3^ ยิงยาวด้วยย <3

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ปฏิญญาที่ ๑๙

อ้อนวอนขอให้กลับสู่แดนแม่
ไร้ข้อแม้ขอแค่เพียงกลับไป
สัญญาว่าจะไม่บีบบังคับใจ
ดวงจันทร์ให้ชอกช้ำเช่นกาลก่อน


วันคืนผ่านไปไม่ไหลย้อนกลับ เรื่องราวต่าง ๆ มากมายก็ผ่านพ้นเช่นกัน มีดีย่อมมีร้าย ปะปนกันไป ตามยถากรรมของแต่ละคน ทุกวันที่ผ่านพ้นย่อมมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป

อันดับแรก รานีนิศามณีและเจ้าชายองค์โตแห่งวสุนธราก็ต้องกลับสู่วังหลวงไปหลังจากที่ทินสิริถือกำเนิดได้ไม่นาน แม้จะไม่อยากจากลา แต่จะให้เจ้าหลวงรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มิได้... ทุกคนย่อมมีหน้าที่ของตน

เจ้าดาราที่พลัดถิ่นไปอยู่แดนไกลนั้นยังคงสุขสบายดี และคัดค้านการขึ้นเป็นพระชายาอีกคนของเจ้ารพีอย่างไม่ยอมลง แม้ว่าจะเป็นพระบัญชาจากองค์กษัตริย์โดยตรงก็ตามที... และแน่นอนว่าเจ้ารพีก็คัดค้านเช่นกัน ด้วยพระองค์เองก็มิอยากรับใครเข้ามาอยู่ข้างกายอีกแล้ว

พระชายานลินประไพได้ให้กำเนิดพระราชธิดาองค์น้อยแสนน่ารักเป็นองค์แรก แม้ว่าจะทรงผิดหวังไปสักหน่อย แต่องค์อินทัชก็ทรงรักใคร่พระราชนัดดาองค์น้อยเป็นอย่างยิ่ง ทรงพระราชทานพระนามองค์หญิงน้อยว่า ฤทัยกลินท์ ซึ่งมีความหมายว่า ดวงใจของพระอาทิตย์ องค์รัชทายาทเองก็ทรงรัก และเอ็นดูองค์หญิงไม่น้อย พระองค์ทรงทุ่มเทเวลาให้กับพระธิดาองค์แรกของพระองค์อย่างหมดใจเช่นกัน

ส่วนนพคุณ แม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้มิต้องออกรบอีก แต่ด้วยสายเลือดความเป็นทหารที่เข้มข้นของตัวเขานั้น เขาเองก็อดที่จะจับดาบขึ้นมาพุ่งรบกับศัตรูมิได้ ยังคงวิ่งวนเวียนแถบเมืองหลวงและชายแดนอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัวเขามิอยากที่จะอยู่ในวังหลวง

แม้ว่าคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่าองค์รัชทายาทมิใช่ของเขา แต่ก็อดเจ็บปวดลึก ๆ ไม่ได้ ยอมที่ได้เห็นพระองค์อุ้มลูกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน โดยมีพระชายาที่งดงามอยู่ข้างพระวรกาย... ยิ่งได้มอง ยิ่งนึกเปรียบเทียบกับตนเองที่เป็นแค่คนเดินดินคนหนึ่งที่เคยมีโอกาสได้รับความรักจากผู้สูงศักดิ์...

และคงถึงเวลาที่เขาจะต้องเจียมตัวเองเสียที

นพคุณค่อย ๆ เดินห่างออกมาจากพระวรกายขององค์ชายรพีธรณินน้อย ๆ อย่างมิให้พระองค์ได้รู้สึกตัว เขาค่อย ๆ ถอนตัวออกจากหัวใจรักที่ได้รับ แม้จะรู้สึกเจ็บปวด... แต่รั้นจะดึงดันต่อไปคงได้เจ็บมากกว่านี้เป็นทบทวี...

สิ่งที่ถูกต้อง... ก็มิใช่สิ่งที่ถูกใจเสมอไป

ความเหินห่างที่มากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นเริ่มสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้เป็นองค์ชายที่ทรงเริ่มสังเกตได้ ดวงใจของพระองค์ยังคงรักมั่นอยู่ที่ราชองครักษ์ส่วนพระองค์มิเสื่อมคลาย แม้ว่าจะมิได้ใกล้ชิดกันเท่าไรนัก

เรื่องของทั้งสองดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางสายตาของคนใกล้ชิด ที่เริ่มเห็นรอยแยกของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และได้แต่ปรารถนาว่ามันจะจบลงด้วยดี...

แน่นอนว่าองค์อินทัชนั้นก็ยังทรงกดดันที่จะมีพระราชนัดดาที่เป็นบุรุษเพศเพื่อสืบราชบัลลังก์ของอุษณกรต่อไป และเป็นเรื่องที่องค์รพีเองก็มิอาจจะค้านขัด... ยังทรงต้องหลับนอนกับพระชายาของพระองค์ต่อไป แม้ว่าดวงหทัยจะทรงคะนึงหาเจ้านกน้อยที่ตั้งท่าจะโผบินออกไปในทุกวินาที


ศศินคคนานต์อุ้มเด็กน้อยที่อายุเกือบครบขวบแล้ว แต่ก็ยังไม่เริ่มเดิน และยังไม่สามารถพูดอะไรเป็นคำ ๆได้ เสียที พัฒนาการของเด็กน้อยเป็นไปอย่างเชื่องช้าทุก ๆ ด้าน... รวมทั้ง ด้านร่างกายด้วย สร้างความกังวลใจให้กับผู้เป็นมารดา และบิดาเป็นอย่างยิ่ง

สุริยมาศนั้นเจริญวันขึ้นมาอย่างภาคภูมิ ทั้งด้านสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด ด้านร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง ใจตอนนี้เขาสามารถเดินได้อย่างมั่นคง พูดได้ถูกต้อง และเริ่มเรียนรู้การยิงธนูจากผู้เป็นพ่อแล้ว

“ทินสิริ ไหนให้พ่ออุ้มหน่อยเร็ว”แขนแกร่งรั้งเอาร่างเล็กของลูกเลี้ยงมาโอบกอดเอาไว้อย่างรักใคร “ไหน เรียกพ่อหน่อยสิลูก”

“แอ๊ แอ๊”ก็ยังเป็นเสียงอ้อออของเด็กอยู่ตามเคย ทั้งที่เวลาผ่านมาสิบเดือนแล้วแท้ ๆ

“กัลยา พาองค์ชายน้อยเข้าไปพักก่อน ตากแดดตากลมมากเข้าคงมิดีนัก”องค์ภาสวรส่งเด็กตัวน้อยให้กับพระพี่เลี้ยง ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้กับคนรักอย่างมีความนัยน์

“เพคะ”หญิงสาวคลานเข่าเข้ามารับเอาองค์ชายเข้าไปในเรือนอย่างเงียบเชียบ

“ศศิน ทินสิริยังมียอมพูดเลย... เป็นเช่นนี้จะดีหรือ”เมื่อกัลยาลับสายตาไปแล้ว พระองค์ก็เอ่ยกับคู่ชีวิตอย่างเป็นกังวลนัก “ลูกยังไม่เติบใหญ่ขึ้นเลย เจ็บออด ๆ แอด ๆ มาหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งยังไม่เริ่มที่จะลุกเดิน ทั้งที่จะครบขวบในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วแท้ ๆ”

“ภาสวร ท่านอย่าเพิ่งกังวลไปเลย ลูกจะต้องพูดได้ จะต้องเติบใหญ่ขึ้นมาให้เราทั้งคู่ได้ชื่นใจแน่”ศศินเองก็เป็นกังวลที่ลูกน้อยนั้นไม่เติบโตอย่างที่ควร แต่จะให้พระองค์ซึ่งเป็นแม่รู้สึกหดหู่ ย่อท้อ คงใช่ที “ท่านต้องเชื่อว่าลูกจะต้องหาย ต้องเติบใหญ่ให้เราได้ภูมิใจ เรามีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดี และต้องคอยประคองเขาให้รอดถึงฝั่งมิใช่หรือ”

“ศศิน ข้ามิเคยหวั่นเกรง ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ข้าก็พร้อมที่จะดูแลเขา แต่ข้าหวั่นใจ”อ้อมแขนแกร่งโอบรั้งร่างของคนข้างกายให้เข้ามาแนบชิด “ข้ากลัว กลัวว่าวันใด หากเราทั้งคู่เป็นอะไรไป ใครจะดูแลทินสิริ ใครจะเป็นหลักยึดให้ลูกก้าวเดินต่อไป เมื่อลูกยังมิอาจยืนด้วยขาทั้งสองของเขาได้”

คำพูดที่สะท้อนถึงความนัยน์อย่างไม่ปิดบัง มิใช่ว่ารังเกียจที่มิใช่บุตรของตน แต่ห่วงใยชีวิตในวันข้างหน้าของเด็กตัวน้อยที่ต้องก้าวเดินไป อนาคตที่ยังอีกยาวไกลนัก

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่...”เสียงเล็ก ๆ ของโอรสองค์โตดังขึ้นในภวังค์ เรียกให้บุคคลทั้งสองหันมาสนใจในร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกล “มาศจะดูแลน้องเอง”

“มาศจะดูแลน้องยังไง หืม”องค์ภาสวรทรงแกล้งตรัสถามพระโอรสอย่างหยอกล้อ ด้วยเห็นว่าบุตรของตนนั้นยังเล็กนัก “มาศจะเอาอะไรไปปกป้องน้องล่ะ”

“มาศจะดูแลน้อง อยู่กับน้อง คอยเช็ดตัวยามน้องเป็นไข้ คอยป้อนข้าวยามน้องไม่มีแรง มาศจะสอนน้องให้น้องทำทุกอย่างได้เหมือนที่มาศทำ มาศจะดูแลน้องตลอดไป”เสียงของเด็กชายเอ่ยตอบพระบิดาอย่างมั่นคง เฉกเช่นเดียวกับดวงตาที่ฉายแววมั่น “มาศจะไม่มีวันทิ้งน้อง เพราะอย่างนั้น เสด็จพ่อ เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

คำพูดที่เกินกว่าวัยไปโขใหญ่ทำเอาสุริยภาสวรและศศินคคนานต์นิ่งอึ่งไปครู่หนึ่ง ดวงเนตรของทั้งสองมองบุตรชายวัยสองขวบเศษอย่างตื่นตะลึง

“สุริยมาศ ลูกไปจำคำพวกนี้มาจากไหนลูก”องค์ศศินอดที่จะทรงเอ่ยถามกับลูกไม่ได้ กับคำพูดคำจาที่ได้รับฟังนั้น สร้างความแปลกใจให้พระองค์เป็นอย่างยิ่ง

“ลูกไม่ได้จำมาจากไหน นี่เป็นคำที่ดังอยู่ในหัวของลูกมาตลอด นับตั้งแต่วันที่น้องถือกำเนิดขึ้นมา”สุริยมาศตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง “มาศจะดูแลทินเอง เสด็จพ่อเสด็จแม่โปรดวางใจ”

จบคำเด็กน้อยก็เดินกลับเข้าไปในเรือน ไปยังห้องของผู้เป็นอนุชาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ทิ้งให้พระบิดา และพระมารดาประทัยอยู่ด้วยกันสองพระองค์

“ภาสวร ที่มาศเล่านั่นคือ...”ศศินตรัสถามพระสวามีด้วยความมึนงง อะไรเป็นอะไรกันแน่ สุริยมาศของพระองค์นั้นโตเกินวัยเกินไปเช่นนั้นหรือ...

“คงเป็นฟ้าที่ลิขิตให้สุริยมาศคอยดูแลทินสิริกระมัง...”ทั้งที่ปกติพระองค์มิเคยชื่อในโชคชะตา ในสิ่งที่เรียกว่าฟ้าลิขิต แต่ครานี้... ก็อดที่จะเชื่อมิได้ “เอาเถอะ... ถ้าสุริยมาศคอยดูแล้วเจ้าตัวน้อยอยู่ ก็คงวางใจได้แล้ว”

“ท่านก็เลิกทำหน้าเคร่งเครียดได้แล้ว รู้ไหม”นิ้วเรียวยาวนวดคลึงที่ระหว่างคิ้วของเจ้าดวงอาทิตย์ที่รักเบา ๆ “วางใจเถอะ ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่”

“นั่นสินะ”พระเนตรคมทอดมองร่างบางในอ้อมอก ก่อนจะคลี่รอยยิ้มกรุ่มกริ่ม “ถึงเรื่องของเราบ้างแล้ว... ข้าว่าเรามิได้... มานานแล้วนะ ศศิน”หัตถ์อุ่นลูบไล้เอวที่คอดลงอย่างนุ่มนวล “ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

“ฟ้ายังสางอยู่เลยนะ ภาสวร”ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบมองไปบนท้องนภาที่สุกสว่าง “ลูกก็อยู่”

“ลูกมิได้เฝ้ามองเราเสียหน่อย... ฟ้ายังสว่างแล้วกระไร ข้ามิได้รักกับเจ้ากลางแจ้งเสียหน่อย”นาสิกโด่งสูดความหอบหวานจากแก้มเนียนอย่างฉกฉวย “มาเถอะ ที่รัก”

สุริยภาสวรไม่ว่าเปล่า อุ้มเอาร่างโปร่งเดินเข้าห้องนอนของทั้งคู่ไป โดนมิสนใจสายตาของสุริยมาศที่เหลือบมองมาจากห้องของตนและอนุชาเลยแม้แต่น้อย


หัตถ์หนาค่อย ๆ ปลดเอาอาภรณ์ของคนรักให้ร่วงหล่นลงสู่พื้นไปทีละชิ้น ๆ ผิวขาวนวลของคนเมืองหนาวได้ประจักษ์สู่สายตาของผู้จ้องมองอีกครั้ง

หลังจากที่ห่างหายกันมาพักใหญ่ ด้วยกิจที่ไม่อยากหวนคิดถึง ร่างเพรียงบางของเจ้าจันทร์ก็ได้คืนสู่อ้อมกอดของคนรักอย่างสมบูรณ์...

หัตถ์อุ่นหนาลูบไล้เรือนกายที่นวลเนียนอย่างพึงใจ ไล้ขึ้นข้างบน วนลงข้างล่าง ฟ้อนเฟ้นเนื้อขาวเนียนให้ขึ้นสีเรื่อ ร่างของจันทราบิดน้อย ๆ ด้วยแรงอารมณ์ที่พัดโหมเข้ามา

ดวงเนตรอันฉ่ำเยิ้มสบกันอย่างหวานซึ้ง ก่อนที่องค์ชายผู้อยู่เหนื่อกว่าจะแทรกกายเข้าไปในร่างของผู้ที่อยู่ใต้ร่างอย่างเชื่องช้า
ด้วยเลิกร้างกับเรื่องเช่นนี้มาหลายโมงยามแล้ว ความเจ็บปวดที่ไม่อยากจะทนนั้นได้โถมกลับมาสู่เจ้าจันทราอยากสุดจะห้าม ร่างเพรียวผวาเข้าโอบคอของคนตรงหน้า ใบหน้าชื้นเหงื่อซบลงกับซอกคอแกร่ง

หยาดเหงื่อที่หลั่งไหลเคล้ากลิ่นกาม เสียงแห่งความรักของทั้งคู่ดังผะแผ่วออกจากห้องบรรทมจนถึงยามทิวากาล กว่าที่จะหยุดลง...


เพียงแค่ขยับก็รู้สึกว่าทั้งกายจะแตกร้าว ความรู้สึกที่มิได้พบเจอมานาน แต่ถึงกระนั้นในดวงหฤทัยก็เต็มไปด้วยความสุขเล็ก ๆ กับการที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของคนรัก

ศศินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงสว่างพุ่งเข้าสู่ดวงตาจนต้องหรี่ลงพักหนึ่งถึงจะปรับสู่สภาพปกติได้ ภาพแรกที่เข้าสู่การรับรู้คือแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นแสงสว่างในหัวใจของพระองค์... และสิ่งที่อยู่ในหัตถ์ของคนตรงหน้านั้นทำให้พระองค์ต้องเม้มโอษฐ์แน่นอย่างตริตรอง...

“ท่านอยากมีลูกอีกหรือ ภาสวร”ทรงอดที่จะส่งเสียงออกไปถามมิได้ ดวงพักตร์ที่หล่อเหลา แต้มรอยยิ้มบางหันมาหาพระองค์ “เราสา...”

“พอแล้วล่ะ ศศิน”นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากแดงช้ำเบา ๆ เชิงให้หยุดที่จะพูดคำ ๆ นั้นออกมา “เรามีลูกกันสองคนแล้ว พอแล้วล่ะ”

“แต่...”ลูกของท่านมีเพียงคนเดียว... คำที่ไม่อยากจะพูด แต่คนที่ได้รับฟังนั้นเข้าใจเป็นอย่างดี สุริยภาสวรเอื้อมมือขึ้นลูบไล้กลุ่มเกศานุ่มเบา ๆ

“ทินสิริคือลูกของเรา เขาเป็นลูกของเราสองคน”องค์ภาสวรเอ่ยไป จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสไป ย้ำให้ฝังลึกสู่หัวใจของคนตรงหน้า “เท่านี้ก็พอแล้ว ข้ามิได้อยากมีโอรสธิดามากมาย... อีกทั้งมิอยากให้เจ้าต้องเจ็บแล้ว... เพียงเท่านี้ เจ้าก็น่าอดสูมากพอแล้ว ศศิน”

ศศินคคนานต์ก้มหน้าลงต่ำอย่างสลดใจ ใช่... พระองค์ถือกำเนิดเป็นบุรุษ รูปร่างก็บ่งบอกถึงความเป็นบุรุษ มิใช่สตรี กับการที่ต้องเป็นพระชายา กับการที่ต้องมีพระโอรส... มันก็น่าอดสูกับชะตากรรมที่ได้รับนัก

“เรามาเลี้ยงพวกเขาทั้งสองคนให้ดี ให้เติบใหญ่ขึ้นอย่างน่าภาคภูมิกันดีกว่า คนดีของข้า”นาสิกโด่งรั้นกดลงที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาเบา ๆ

“อืม พวกเขาจะต้องเติบโตขึ้นมาอย่างที่พวกเราหวังแน่นอน”โอษฐ์อิ่มประทับจุมพิตที่จากสากเบา ๆ ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะมอบความรักให้กันอีกครั้ง... และอีกครั้ง


หลายปีพ้นผ่าน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งความสุขและความทุกข์ แต่ถึงกระนั้น องค์ชายพลัดถิ่นก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข

ในเรื่องแรกก็คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าขององค์ชายรพีธรณิน ที่นพคุณนั้นหายตัวออกจากพระราชวังไป และมิติดต่อกลับไปเลย และแน่นอนว่าตัวนพคุณนั้นได้ย้ายถิ่นฐานของตัวเองมาอยู่ในอาณาจักรวสุนธรากับองค์ชายภาสวรแทน ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...

ที่จากมามิใช่ว่าไม่รัก แต่จะให้องค์หญิงน้อง องค์ชายน้อยที่ถือกำเนิดมารู้ได้อย่างไร้ว่าพระบิดาของพวกเขานั้นมิได้รักใครในตัวพระมารดาเลย อีกทั้งยังรักกับองครักษ์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่คู่ควร... เช่นนี้ขอจากมาเสียก่อนที่จะมีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้นให้เป็นแผลภายในจิตใจของทุกคนเสียยังจะดีกว่า

ใช่แล้ว พระชายานลินประไพถือประสูติองค์ชายน้อยที่พระวรกายสมบูรณ์ แข็งแรงแก่องค์รัชทายาทแล้ว ท่ามกลางความสุขของอาณาประชาราษฎร์ และองค์กษัตริย์

องค์ชายสุริยมาส ยิ่งเจริญวัยยิ่งเห็นถึงความเฉลียวฉลาด ทรงมีพัฒนาการที่เลยวัยไปไม่น้อย และที่สำคัญคือพระองค์นั้นหวงและห่วงอนุชาคนเดียวของพระองค์ยิ่งชีพ... ส่วนองค์ชายทินสิรินั้น เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นเด็กที่โตช้า ทั้งร่างกายและสติปัญญา กว่าที่เด็กน้อยจะยอมเดินก็มีอายุได้สองขวบเศษแล้ว แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นพระบิดาและพระมารดาก็ยังคงรัก และเอาใจใส่ลูกน้อยเป็นอย่างดี

รานีนิศามณีและองค์ชายสุริเยนทร์ไทวะทรงเสด็จมาหาพระราชนัดดาบ้างเป็นครั้งคราว อาจจะมิบ่อยครั้งนัก แต่ทุกคราที่มาก็จะมีของติดไม้ติดมือมาฝากทุกคนในตำหนักสวนหมอกแห่งนี้เสมอ

เมื่อได้อยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แม้ว่าจะยังมีเรื่องในใจอยู่บ้าง แต่นั่นก็มิสำคัญเท่าความสุขที่มีในวันนี้...

แต่ความสุขก็มิได้อยู่กับใครได้นานนักหนา ในปีที่องค์ชายสุริยมาสมีพระชนมายุได้ 6 ชันษา ถัดจากนั้นไม่นานนัก

ในวันที่ฝนพรำลงมา หลังจากที่นพคุณได้ติดตามสุริเยนทร์ไทวะไปเป็นทูตต่างเมืองไม่นาน ก็มีคนจำนวนมากวิ่งกรูกันเข้ามาในป่าหมอกแห่งนี้

ทหารที่อยู่ในชุดพร้อมรบแห่งอุษณกรตีวงโอบล้อมพระตำหนักสายหมอกเอาไว้แน่นหนา องค์ชายผู้อาศัยทั้งสองสบเนตรกันอย่างหวาดหวั่น ทั้งสองพระองค์ตัดสินพระทัยก้าวออกไป โดยให้น้องกำนัลทั้งหมดคอยดูแลองค์ชายน้อยเอาไว้... และหากมีอะไรเกิดขึ้น ให้พาองค์ชายน้อยทั้งสองหนีไปตามช่องทางลับที่ซุกซ่อนเอาไว้

“สุริยภาสวร เจ้ามาอยู่ที่นี่เองหรือ”สุรเสียงที่เคยคุ้น เสียงของบิดาผู้ให้กำเนิดพระองค์มาดังขึ้น ทำให้องค์ชายผู้หนีออกจากวังมาตกตะลึงมิใช่น้อย “พ่อตามหาเจ้ามา 5 ปี ในที่สุดก็ได้พบ”

“ถวายบังคมพะยะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์สุริยภาสวรและศศินคคนานต์น้อมกายลงถวายคำนับแด่องค์กษัตริย์แห่งอุษณกรอย่างนอบน้อย “ทรงเสด็จมาได้อย่างไรหรือพะยะค่ะ”

“พ่อส่งคนตามหาเจ้าไปทั่วทุกสารทิศ จนเมื่อไม่นานมานี้มีคนได้พบเจ้าเข้าไปร่วมงานฉลองในเมืองหลวงของวสุนธรา พ่อจึงได้จัดทัพออกมาตามหาเจ้า”เสียงที่ตรัสออกมานั้นเต็มไปด้วยความคะนึงหา ความเป็นห่วงยิ่งนัก พระวรกายที่บึกบึนองอาจสมเป็นชายชาติทหารซูบผอมลงไปเล็กน้อย องค์อินทัชทรงขยับกายลงจากหลังอาชา ก้าวเข้ามาหาพระโอรสช้า ๆ “ภาสวร กลับบ้านของเรากันเถอะลูก กลับบ้านของเรา แม่ของเจ้า และพ่อคิดถึงเจ้ามากรู้ไหม”

“เสด็จพ่อ...”จ้าวสุริยาเอื้อมหัตถ์ไปกุมมือเรียวของคนข้างพระวรกาย เพื่อเรียกกำลังใจให้กลับมา... เพียงแค่ได้พบพระบิดา พระองค์ก็แทบจะถลาเข้าไปกอด และตอบรับที่จะกลับไป... แต่ถ้าต้องไปสู่วังวนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นอีก อีกครึ่งชีวิตของพระองค์คงมิอาจที่จะทานทนไหว

“พ่อจะไม่บังคับอะไรอีกแล้วลูก ขอแต่พวกเจ้ายอมกลับไป กลับสู่บ้านของเรา กลับสู่นครของเรา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ความเป็นใหญ่อะไรนั่น พ่อก็ไม่เอาแล้ว กลับกันเถอะนะลูกพ่อ”

องค์ชายสุริยภาสวรหันไปหาองค์ศศินด้วยความสับสน พระองค์ควรที่จะกลับ... หรือไม่กลับไปกัน

จะเลือกทางไหน ถึงจะไม่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดนั้นอีก...

###############################

อู้การอ่านหนังสือมาต่อนิยายค่ะ 555 เหลืออีก 3 วิชาถึงจะสอบเสร็จ (ชีทหนาปาหัวหมาแตก TT) ใครให้เอาสรีและแลปสรีรวมกันในข้อสอบเดียวคะอาจารย์ (บ่นนอกเรื่องค่ะ 555)

เหลืออีก 1 ตอนแล้วว พยายามไม่ดราม่า แต่ทำไมมันออกมาหน่วง ๆ ก็ไม่รู้ ฮือออ (แต่งตอนอารมณ์มันหน่วง ๆ มันเลยหน่วงตามอารมณ์เลยค่ะ แหะๆ)

ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันมานะคะ >< คิดว่าเรื่องนี้เป็นแนว mpreg เรื่องสุดท้ายของคนเขียนแล้วล่ะค่ะ (ถ้าไม่คลอดแนวแฟนตาซีออกมานะคะ 555) จบเรื่องนี้จะเอาจ้าวหัวใจ จอมใจจักรพรรดิมาลงใหม่ (พร้อมกับการปรับเนื้อเรื่องใหม่ ให้โอเคขึ้น) แล้วก็อาจจะลงคู่กับนิยายที่เป็นแนวปัจจุบัน... ที่นั่งแต่งง๊อง ๆ แง๊ง ๆ อยู่ 2 เรื่อง สลับไปสลับมา ยังไม่รู้จะเอาเรื่องไหนลงก่อนดีระหว่าง
weeeek series เรื่องของหนุ่ม ๆ ในกลุ่ม 7night ที่มีวันเกิดเป็นแต่ละวันของสัปดาห์ แบ่งเป็น 7 ตอนใหญ่ ของ 7 คู่
กับ
The four boys เรื่องของคนสี่คนที่มีชีวิตต่างสไตร์กันต้องมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน (เรื่องนี้มี 2 คู่หลัก กี่คู่ย่อยยังไม่ได้วาง 555)

เฮ้ออ จ้ำจี้ต่อไปค่ะ 555

//เวิ่นยาว บ่งบอกความเครียดในสมอง... ออกพรรษาแล้ว อย่าลืมไปทำบุญกันนะคะ พบกันตอนหน้า ตอนสุดท้ายค้า  :mew1:

ปล. มีใครไปคอมมิคอเวนิวกับฟิคชั่นมาร์เก็ตไหมคะ

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
จะจบละ รออยู่นะ
Get A นะจ๊ะคนเขียน  o13

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
มัน.....จะว่ายังไงดีนะ

มันแปลกไป แต่คนเขียนบอกว่าไม่ดราม่าแล้ว

ข้าเจ้าจะเชื่อตามนั้น

รอตอนต่อไปขอรับ


ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ไม่เอาดราม่านะ แค่นี้หนูศศินก็โดนเยอะพอแหละ

ออฟไลน์ kitwiphat

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-7
อยากได้นิยายเรื่องนี้มาก.. .องค์รพีแย่มากมายไม่คิดถึงลูกที่เกิดกับศศินเลย
เราอยากให้นพคุณได้กับพี่ชายของศศิน.องค์รพีจะได้เจ็บๆๆๆๆอยากให้คนที่ทำให้ทินต้องพิการได้รับกรรมของคนเลว.. ภาสวรอย่ากลับไปเลยสงสารศศินเวลาเห็นหน้ารพี

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ไม่ดราม่าแล้วใช่มะ งั้นกลับเมืองไปเล๊ยยย :hao7:

ป.ล. ไม่ได้ไล่นะ 55555555555

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ขอให้ไม่ดราม่า .... นะๆๆๆ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พี่มาสกับน้องทิน :)

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
หลงรักสุริยะมาศจัง ดูเท่ห์ตั้งแต่เด็กเลย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เพลียกับเสด็จพ่อนะ

มาถึงตอนนี้แล้วทำใจเชื่อยากเหลือเกิน

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ kapook_koopak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อึมครึม แฮะ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
จะจบแล้ววววว
แอบจิ้นคู่เด็กน้อยทั้งสองคนอะ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
จะจบละ รออยู่นะ
Get A นะจ๊ะคนเขียน  o13

สาธุค่ะ (T/l\T) ขอให้ผ่าน ขอให้ A (เพิ่งจะมิดเทอม 555 ฮือออ)


+++++++

ไม่ดราม่าค่ะ ไม่ดราม่า... วางเรื่องนี้ไว้ใส ๆ ไม่มาม่า (มองแต่ละตอน) อืม...

พี่มาส น้องทิน น่ารักที่สุด <3

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ขอให้มีความสุขทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วายรุ่นเยาว์

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
สงสารนพคุณอ่ะ   :hao5:  เริ่มรู้สึกเกลียดรัชทายาทกับพระชายาล่ะ  แลดูจะมีความสุขกันเหลือเกินนะโดยเฉพาะชายาอ่ะ  เพราะพวกเธอทำให้นพคุณเจ็บช้ำ  :m31:

ศศินกับภาสวรขอให้พบกับความสุขนะ  อย่าได้ต้องแบกรับอะไรแบบนั้นอีกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
อยากได้นิยายเรื่องนี้มาก.. .องค์รพีแย่มากมายไม่คิดถึงลูกที่เกิดกับศศินเลย
เราอยากให้นพคุณได้กับพี่ชายของศศิน.องค์รพีจะได้เจ็บๆๆๆๆอยากให้คนที่ทำให้ทินต้องพิการได้รับกรรมของคนเลว.. ภาสวรอย่ากลับไปเลยสงสารศศินเวลาเห็นหน้ารพี

อันนี้ต้องดูในตอนพิเศษค่ะ อุ๊ ^x^'

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
นพคุณน่าสงสารอ่ะตอนนี้ องค์รพี(แม่ง)ฮึ่ยยยยย เอามันไปเก็บเลยป่ะ
เด็กน้อยสองพี่น้องก็น่ารัก ดูแลทินดีๆนะมาส><

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จะเอาอีกกT^T ยังไม่พอๆ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เอายังไงละ กลับไปลูกคนเล็กจะทำยังไง คิดดีๆนะ ศศินละ จะเป็นยังไง
ครั้งก่อนเขาก็บอกยกศศินให้แล้วต่อมาทำแบบไหน
ยังเชื่อได้อีกหรือ

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สนุกมากกก ติดตามๆ :L2:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทสุดท้ายขะเข็นมาลวในเร็วๆนี้นะคะ ใกล้เสร็จแล้ววว ^^

ออฟไลน์ miho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ใกล้จะจบแล้วสิน่ะ อย่าดราม่าเลยสงสารศศินจะแย่อยู่แล้ว ขอให้นพคุณรักกับพี่ของศศินเลย ส่วนรพีก็กระอักเลือดตายไปซะ สมน้ำหน้า ภาสไม่ต้องกลับเลย ถ้ากลับไปศศินแย่แน่ๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
รู้สึกทุเรศกับความคิดของพ่อภาสวรตั้งแต่ให้ศศินไปมีรู้กับไอ้บ้านั้น ้วมาตอนนี้ยังจะมาขอร้องให้กลับไปอยู่วัง รู้สึกมันเชื่อไม่ได้ว่าพ่อมันจะจริงใจ
ถ้ามีพ่อแล้วสั่งให้ทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้เราไม่นับเป็นพ่อแล้วล่ะ เข้าใจว่าทำเพราะคำทำนายแต่จิตใจลูกตัวเองไม่เคยสนใจ ส่วนไอ้องค์รพีนี่เห็นแก่ตัวและทุเรศยิ่งกว่าพ่อมันอีก รู้ว่าเป็นเมียน้องชายยังจะหน้าด้านไปขอ สรุปคือทั้งพ่อทั้งไอ้องค์รพีนี่น่าจะโดนเอาคืนเจ็บๆบ้างนะ รู้สึกจะเห็นแก่ตัวมานาน
ส่วนพ่อมันที่มาตามกลับวังอย่าไปกลับเลย คิดว่าคนที่ยัดเยียดชูกชายอีกคนให้ไปเป็นผัวของเมียลูกชายอีกคนมันดีเหรอ ทุเรศ เราอ่านมาเนื้อเรื่องมันออกแนวดราม่าเกินไปหน่อยป่ะอ่านแล้วเหนื่อยแทน แต่ใช้ภาษาได้ดีมากอันนี้ยอมรับ สุดท้ายคือเกลียด2พ่อลูกพวกนี้มาก มีดีแค่ภาสวร จะรอดูว่าอี2พ่อลูกมันจะสำนึกกับสิ่งที่ภาสวรกับศศินเสียใจไปมั้ย น่าจะไม่สำนึกถึงสำนึกก็ลบล้างความทุเรศที่ทำไว้ไม่ได้หรอก หรือเห็นว่าเป็นพ่อพระเอกเลยไม่อยากจะทำให้เจ็บกับสิีงที่มันทำไป ถ้าเขียนออกมาแบบนั้นโคตรไม่สมเหตุสมผล ที่พ้ช่อมันยังทำกับลูกได้

ขอโทษที่เมนต์ยาวนะ ถ้าไม่พอใจเดี๊ยวลบทืิ้งให้ก็ได้

ยาวกว่านี้ก็ได้นะคะ <3 ^^ เรื่องความรู้สึกของอินทัชรออ่านในตอนสุดท้ายนะคะ ว่าทำไมเขาถึงมาตามลูกกลับ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ปัจฉิมบท


กลับสู่ยศฐาจ้าวบรรดาศักดิ์
ปรปักษ์ในวังนั้นหมดสิ้น
ดาราเจ้ารับน้องกลับคืนถิ่น
เรื่องน่ายินดีมาไม่ขาดตอน


สุริยภาสวรมีสีพระพักตร์ที่เคร่งเครียด ใจหนึ่งก็ทรงอยากกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์เอง แต่อีกใจหนึ่งก็ห่วงถึงความรู้สึกของคู่ชีวิต และลูกน้อย

จะให้เอาตนเป็นที่ตั้งเช่นกาลก่อนคงมิได้แล้ว

“ลูกขอเวลาคิดก่อนนะพะยะค่ะ เสด็จพ่อ...”องค์ภาสวรตัดสินใจยังไม่ตอบตกลงหรือปฏิเสธอะไร แต่ขอเวลาในการตัดสินใจแทน “อีกสองวัน ลูกจะไปให้คำตอบกับเสด็จพ่อเองพะยะค่ะ ระหว่างนี้ขอพระองค์ทรงโปรด ให้ลูกและครอบครัวอยู่ด้วยกันตามลำพังเถิดพะยะค่ะ”

ยังไม่ทันที่องค์อินทัชจะเอื้อนเอ่ยวจีใด วรกายบางร่างน้อยของรานีแห่งวสุนธราก็ประกฎกายขึ้นเสียก่อน องค์นิศามณีเยื้องย่างเข้ามาอยู่เบื้องหน้าของกษัตราผู้ยิ่งใหญ่พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้อย่างเป็นมิตร

“ขอประทานอภัยที่มิได้ออกมาต้อนรับให้เร็วกว่านี้นะเพคะ พระองค์คงจะทรงเป็นกษัตริย์แห่งอุษณกรใช่ไหมเพคะ”พระเนตรที่หวานตรึงใจช้อนขึ้นสบกับกษัตริย์แดนแม่ตรงหน้า “เป็นเกียรติที่ได้พบนะเพคะ”

“...เจ้าคงเป็นรานีแห่งวสุนธรา”ดวงเนตรคมกวาดมองร่างตรงหน้าอย่างพินิตพิจารณา “งดงามสมคำร่ำลือจริง ๆ”

“พระองค์ทรงชมหม่อมฉันมาไปแล้วเพคะ”พระนางตอบกลับอย่างถ่อมองค์ “ในเมื่อพระองค์ทรงให้เกียรติเสด็จมาเยือนถึงวสุนธราแห่งนี้ ก็ขอทรงโปรด เสด็จไปที่พระราชวันกับหม่อมฉันเถิดเพคะ”

“แต่...”

“เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะไปพบพระองค์ ณ พระราชวังเองเพคะ”คำพูดที่กดดัน ช่างขัดกับรอยยิ้มที่ตราตรึง องค์นิศามณีจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างกดดัน “ไปกันเถอะเพคะ ก่อนที่อากาศจะหนาวไปมากกว่านี้”

ราวกับมีมือมาผลักให้องค์สูงใหญ่นั้นก้าวตามสตรีร่างบางไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ทรงได้ยินมาว่ารานีนิศามณีนั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานและสงบเสงี่ยมแท้ ๆ

แต่ทำไมถึงดูมิใช่ ราวกับฟ้ากับเหวเช่นนี้...

แน่นอนว่ามิมีบุคคลภายนอกคนใดได้ล่วงรู้ถึงเหตุที่สตรีผู้สงบเสงี่ยมอย่างพระแม่แห่งวสุนธรานั้นเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ได้เช่นไร... ด้วยลูกที่ทั้งรักทั้งห่วงต้องถูกพรากไปจากอก ต้องไปทนทุกข์อยู่นานนับปี โดยที่พระนางมิอาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้เลย ด้วยความอ่อนแอ และการยอมคนมาตลอดของพระนางเอง ที่ทำให้ลูกคนเล็กต้องทุกข์ทน หลังจากต้องจากลากันไปไม่นาน พระนางก็เริ่มแข็งข้อกับองค์ภาณุวัฒน์ และมิยอมสิ่งที่พระนางไม่เห็นควรเรื่อยมา

สิ้นแล้วซึ่งความอ่อนน้อม สิ้นแล้วซึ่งการยอมโอนอ่อน พอกันทีกันความเจ็บปวดที่แสนสาหัสนั้น พระนางให้คำมั่นกับองค์เองไว้ว่าจะไม่ยอมให้ลูกคนใดของพระนางต้องเจ็บปวด และทุกข์ทนจากความอ่อนแอของพระนางอีกต่อไป

แม้พระนางต้องทำให้ได้ ถึงแม้นว่าจะต้องหักกับองค์เจ้าหลวงก็ตามที


“ศศิน...”สุริยภาสวรเอ่ยเรียกคนที่ยืนอยู่ข้างกายของพระองค์ตลอดเวลา หลังจากที่เหล่าทหารจากดินแดนของพระองค์นั้นหายไปจนหมดจากสายพระเนตรแล้ว “ข้า...”

“เรารู้ว่าท่านอยากกลับไป เรามิคัดค้านหรอกนะ”มือที่ยังจับกุมกันอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจ “เลือกในสิ่งที่ท่านอยากให้มันเป็นไปเถอะ”

“แต่... ถ้าการตัดสินใจของข้ามันผิดพลาดล่ะ”พระองค์เคยพลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว... และมิอยากที่จะเห็นคนที่พระองค์รักต้องทนทุกข์อีกแล้ว “ข้ากลัว ข้ากลัวว่าเรื่องร้าย ๆ มันจะเข้ามาหาเจ้าอีกเพราะข้า”

“หากคำว่าผิดพลาดของท่านคือการที่เราอาจจะเจ็บปวด มันก็จะไม่มีคำว่าผิดพลาดหรอกนะ ภาสวร...”ศศินยิ้มให้อย่างอ่อนโยนอย่างเคย “เพราะเราก็เลือกเช่นกัน... เลือกที่จะอยู่ข้างท่าน เลือกที่จะอยู่กับท่าน ไม่ว่าจะต้องพบเจออะไรในวันข้างหน้า แต่เราเลือกแล้ว ที่ข้างกายจะมีท่าน เช่นเดียวกับที่ข้างกายท่านจะมีเรา”

ดวงตาสองคู่สบกันด้วยความเข้าใจ ก่อนที่จะพากันเดินกลับเข้าไปในตำหนักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ไปหาลูกน้อยที่รอคอยอยู่ข้างใจด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น

โอรสของพระองค์ต้องการคนดูแล ต้องการการรักษาจากหมอที่เก่ง และต้องการพระอาจารย์คอยสอนสั่ง... เพราะอย่างนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกของพระองค์คือการกลับไป...

แม้ว่าอาจจะต้องเจ็บ เพราะต้องไปพบกับบุคคลที่สร้างรอยแผลขนาดใหญ่เอาไว้ในหัวใจของพระองค์และคนรัก อย่างเข้าพี่รพีธรณินก็ตามที่...

แต่จะให้มุดหัวอยู่ในกระดอง แล้วปล่อยให้ลูกน้อยเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงมิได้ มิใช่รังเกียจ แต่ความเป็นห่วงที่ท้นท่วมหัวใจ... ถ้าหากวันใดพระองค์กับศศินมีอันเป็นไป ทินสิริจะอยู่อย่างไร แม้นว่าสุริยมาสจะคอยดูแล แต่ลูกก็ยังเล็กนัก ยังเล็กเกินกว่าที่จะยืนด้วยตัวเองได้

ซึ่งศศินเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตัวเขาก็ห่วงลูกน้อยที่ให้กำเนิดมาอยู่เต็มหัวใจเช่นกัน


เมื่อครบสองวันตามที่ได้เอ่ยเอาไว้ สุริยภาสวรและศศินคคนานต์ก็เดินทางเข้าไปยังวังหลวงแห่งวสุนธราเพื่อเข้าพบองค์กษัตริย์ที่รอคำตอบของทั้งสองพระองค์อยู่

แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ก้าวเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาเล็ดลอดออกมาเสียก่อน

“ถ้าพวกเขาทั้งสองยอมกลับไปกับท่าน ท่านจะทำอย่างไรกับพวกเขา.. ไม่สิ ท่านจะทำอะไรกับโอรสของหม่อมฉันอีกไหมเพคะ”เสียงที่คุ้นหูมาตลอดหลายปีที่พ้นผ่านเอ่ยถามใครอีกคนที่รู้อยู่แก่ใจ “ตัวเราไม่ทราบหรอกว่าท่านคิดอะไร อย่างไร แต่เรามิอาจทนเห็นลูกของเรา หลานของเราต้องเจ็บปวดอีก”

“ข้าแค่ต้องการให้ลูกของข้ากลับไป”เสียงที่ตอบกลับมานั้นนิ่งสนิท “เจ้าเป็นแม่คนเจ้าก็รู้ การไม่ได้เห็นหน้าลูก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าลูกเป็นอย่างไร สบายดีหรือไม่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่ามันเจ็บปวดแค่ไหน”

ศศินยื่นมือไปจับหัตถ์ใหญ่ รอยยิ้มบางเบาคลี่ส่งให้เป็นกำลังใจ สุริยภาสวรเองก็อาจจะมิได้มีชีวิตที่ต่างจากพระองค์นัก มิได้เป็นที่รัก แต่อย่างน้อยก็ไม่เป็นที่ชัง

“ในวันนี้เราก็มิทราบว่าลูกของท่านจะให้คำตอบอย่างไร ถ้าพวกเขาต้องการกลับไป เราก็มิมีเรื่องอะไรจะคัดค้าน แต่หากว่าพวกเขาปฏิเสธ ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะค้านอะไรเขาอีก”คำที่เหมือนประโยคธรรมดา แต่น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงแววข่มขู่เอาไว้

“ข้าทราบดี ถ้าไม่บังคับพวกเขาอยู่แล้ว ข้าแค่หวังว่าเขาจะกลับไปกับข้า ข้าจะไม่ขออะไรอีกแล้ว”คำพูดที่ฟังดูน่าซึ้งใจ แต่กับบุตรชายของพระองค์นั้น... รู้อยู่แก่ใจดีว่าคงมีจุดประสงค์อื่นเป็นแน่

แต่พระองค์ก็ตั้งสินใจแล้วที่จะกลับไป... เพื่อลูกน้อย ทินสิริยังต้องการหมอหลวงในการรักษา และต้องการคนดูแล... มิใช่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ

แต่เป็นทั้งชีวิต

สุริยภาสวรบีบมือเรียวแน่น ก่อนที่จะคลายออกหลวมแล้ว แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปภายใน... ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะกลับไปสู่วังวนที่อาจจะโหดร้ายอีกครั้ง ด้วยความเต็มใจ

“พวกเจ้ามาแล้วหรือ”องค์อินทัชตรัสทักด้วยพระพักตร์ที่แย้มยิ้ม

“พะยะค่ะ เสด็จพ่อ ลูกนำคำตอบที่พระองค์ต้องการมาถวายพะยะค่ะ”องค์ชายทรงตัดบทก่อนที่จะได้ยินคำที่ไม่จริงใจ ที่ทำให้พระองค์รู้สึกเสื่อมศรัทธาในตัวของพระบิดาไปมากกว่านี้...

ไม่ใช่ไม่รัก พระองค์ทรงรัก และห่วงใจพระบิดาของพระองค์เสมอ... แต่กับความศัทธาในฐานะของกษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตานั้นไม่มีอีกแล้ว...

“ลูกจะกลับไปพะยะค่ะ”

คำตอบที่สดับฟังนั้นทำให้องค์ราชาแห่งดินแดนที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในยุคยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงใจ  และมิทรงคิดจะถามถึงเหตุผลของการตัดสินใจของบุตรชยเลยแม้แต่น้อย

“ดี ในอีกสามวันเราจะเดินทางกลับกัน”


องค์ชายสุริยภาสวรและพระชายา รวมถึงพระโอรสและนางกำนัลได้กลับคืนสู่วังหลวงอีกครา หลังจากที่หายออกไปนานนับปี งานเลี้ยงฉลองถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ พร้อมกับการสถาปนาองค์ชายทินสิริขึ้นเป็นองค์ชายแห่งอุษณกร

“พี่ไม่คิดว่าเจ้าจะยอมกลับมาง่ายดายเช่นนี้นะ ภาสวร”องค์รพีธรณินที่ประทับอยู่ข้างพระอนุชาเปรยขึ้นเบา ๆ “เจ้าคงมีเหตุผลอะไรที่ยิ่งใหญ่พอให้ตัดสินใจกลับมานที่แห่งนี้เป็นแน่”

“อะไรทำให้เสด็จพี่ทรงคิดอย่างนั้นหรือพะยะค่ะ”องค์ภาสวรถามกลับด้วยรอยยิ้มที่บางเบา ในขณะที่พระเนตรจ้องมองคนรักที่ป้อนอาหารให้กลับลูกน้อย

“ที่แห่งนี้ทำร้ายเจ้า และครอบครัวของเจ้ามามาก มากเกินกว่าที่เจ้าจะกลับมาแบกรับความทรงจำอันเจ็บปวดนี้ได้อีก”สุรเสียงที่ตรัสนั้นเรียบนิ่ง นัยเนตรฉายแววเศร้าหมอง “เจ้าคงมีเหตุจำเป็นที่ต้องกลับมาสินะ”

“น้องไม่ปฏิเสธในเรื่องนั้นพะยะค่ะ ใช่ น้องมีเหตุจำเป็นที่ต้องกลับมา”พระองค์ทอดมองไปยังพระโอรสองค์เล็กอย่างอาทร โดยมิเอ่ยอะไรอีก

“ทินสิริเช่นนั้นหรือ...”องค์รัชทายาททรงมองตามสายตาของผู้เป็นน้องไป ก่อนจะตรัสขึ้นแผ่วเบา “พี่ขอถามตามตรง... ทินสิริ... คือลูกของพี่ใช่หรือไม่”

“ทินสิริเป็นลูกของน้องและศศิน...”ดวงตาสีทองสุกสว่างจ้องมองผู้เป็นพี่อย่างแข็งกร้าว “เขาเป็นลูกของพวกเรา มิใช่ของท่าน”

“อย่างนั้นหรือ”รพีธรณินสบเนตรกับอนุชากลับด้วยแววตาที่รู้ทัน แม้จะไม่เคยได้พบ มิเคยได้อุ้ม ได้ดูแล แต่ความรู้สึกของพระองค์นั้นส่งเสียบอกพระองค์อยู่ตลอดเวลาว่า เด็กคนนี้คือบุตรของพระองค์ แต่พระองค์จะไม่ทรงเซ้าซี้อีก เพราะถึงอย่างไร บุตรชายคนนี้ก็ไม่ใช่ของพระองค์... “วันนี้ พรุ่งนี้ และตลอดไป เขาคือลูกของเจ้า ภาสวร”

ราวกับคำมั่นในมอบให้ว่าพระองค์จะมิมีวันที่จะแย่งเอาลูกคนนี้กลับคืนมา นับตั้งแต่วันนี้ พระองค์จะขอแค่ได้ดูแลลูกอยู่ห่าง ๆ ก็เพียงพอแล้ว... จะไม่ทรงเข้าไปทำร้าย ‘ครอบครัว’ ของผู้เป็นน้องให้ต้องมีรอยแผลอีก...

“เสด็จพี่ทรงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะพะยะค่ะ”องค์ชายภาสวรอดที่จะเอ่ยขึ้นมิได้ “ทรงมิดื้อดึงเหมือนเช่นกาลก่อนแล้ว”

“เจ้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว จะให้พี่เป็นเด็กอยู่หรืออย่างไร”พระองค์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ข้าคงต้องโตขึ้นสักที... ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้”

หัตถ์หนากำตราของราชองครักษ์ส่วนพระองค์เอาไว้แน่น ภาสวรเหลือบไปเห็นจึงได้แต่เงียบ และความเงียบงันก็เข้ามาครอบคลุม

ดวงหฤทัยของรัชทายาทแห่งอุษณกรคงมีแต่องครักษ์คนเดียวของพระองค์ไปอีกนานแสนนาน...

ทางด้านเจ้าหญิงศรวิษฐา ก็ทรงเข้าไปช่วยพระอนุชาดูแลนัดดาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม พระนางดีพระทัยยิ่งนักที่ได้พบกับน้องอีกครา

“เจ้าพี่... หลังจากนี้จะทรงอยู่ที่นี่ต่อไป หรือจะทรงเสด็จกลับวสุนธราหรือพะยะค่ะ”ศศินถามขึ้นหลังจากที่สุริยมาศเข้ามาขอดูแลทินสิริเอง และคอนป้อน คอยเช็ดข้าวปลาที่เปรอะเปื้อนกายน้องด้วยตั้งใจ

“พี่จะอยู่ที่นี่กับน้อง อยู่จนกว่าจะมั่นใจว่าน้องจะมีความสุขที่แท้จริง พี่ถึงจะกลับนครของเรา”เจ้าหญิงคนงานตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “พี่จะช่วยน้องดูแลหลาน ๆ เองนะ”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ เจ้าพี่”ศศินเองก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่พระภคินีจะอยู่กับตนต่อไป “แล้วเสด็จพ่อจะมิทรงตำหนิหรือพะยะค่ะ”

“ใครสน น้องสนหรือ พี่ไม่สน”พระนางยั๊กไหล่อย่างไม่ยี่ระต่อคำถาม “เจ้าพ่อมีพะโอรส พระธิดามากมาย ขาดพี่ไปสักคนมิเห็นจะเป็นอะไร”

“โถ่ เจ้าพี่...”สุดจะเอ่ยคำใด ด้วยคำของเจ้าจันทร์มิเคยเปลี่ยนใจเจ้าจอมดาราได้อยู่แล้ว

“เรื่องนั้นพี่จะจัดการเอง แต่ตอนนี้พี่แน่ใจว่าจะมิมีใครทำร้ายเจ้าอีกเป็นแน่”ดวงตาสีฟ้าใสฉายแวววาวโรจน์ แน่ล่ะ ตลอดเวลาที่ทรงประทับอยู่ที่นี่ พระนางคอยแต่จับเอาพวกที่เป็นอริกับอนุชาของนางมาจัดการลงทัณฑ์ด้วยศาลเตี้ยมาโดยตลอด เผื่อว่าวันใดที่ศศินจะได้อยู่อย่างมีความสุข

ทดแทนในสิ่งที่พระนางเคยผิดพลั้งไป


หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนแยกย้ายกลับไปยังบ้าน ยังตำหนักของตน ศศินและภาสวรส่งลูกทั้งสองเข้านอนพร้อมกับให้พระที่เลี้ยงเข้าไปเฝ้าดู หากองค์ชายต้องการอะไร

ส่วนพวกเขาก็มาประทับอยู่ที่ตั่งตรงระเบียงของพระตำหนักโดยมิพูดอะไรกัน แต่มือข้างหนึ่งของทั้งคู่จับกันเอาไว้แนบชิด มอบไออุ่น ส่งผ่านกำลังใจให้แก่กันและกัน

“เรากลับกันมาแล้วนะศศิน”เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยให้ความเงียบงันนั้นปกคลุมมานาน “เรากลับมาในที่แห่งนี้กันแล้วนะ”

“อืม พวกเรากลับมาแล้ว”รอยยิ้มบางเบาฉาบทับบนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ดวงตาที่สว่างไสวเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างใหญ่

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ”เสียงของทั้งคู่ประสานเป็นหนึ่ง ก่อนที่จะหันมามองหน้าซึ่งกันและกันด้วยความขบขัน

“ต่อไปนี้ข้าจะดูแลเจ้ากับลูกให้ดี จะไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีกแล้ว”มือเรียวลูบไล้ปรางนุ่มเบา ๆ ก่อนที่จะโน้มกายลงไปมอบจุมพิตให้กับคนรักอย่างลึกซึ้ง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ที่รักของข้า”

“ข้ารักท่านนะ ภาสวร”

“ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน ศศินของข้า หัวใจของข้า”

*******************************

จบแล้วค้าาา  :mew1:

เขียนจนจบจนได้ จริง ๆ ก็คิดว่าจะไม่จบแล้วนะคะ เรื่องนี้ 5555

เขียนได้หน่วงแล้ว หน่วงอีก TT ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าจะเขียนได้หน่วงขนาดนี้ แล้วยังพลิกไป พลิกมาอีก ขอโทษด้วยค่ะ

นิยายแนว mpreg เรื่องสุดท้ายของคนเขียนแล้วค่ะ ^++++^ ถ้าไม่ออกแนวแฟนตาซีมา ก็คงไม่เขียนแนวนี้แล้ว พอใจแล้วค่ะ 5555 จริงๆที่เขียนแนวนี้เพราะก่อนหน้า ไม่ค่อยมีให้อ่าน(ทำนอง ไม่มีให้อ่านก็แต่งอ่านเองนี่ล่ะค่ะ) ตอนนี้มีเรื่องสนุกๆให้อ่านเยอะแล้ว ไปตามของคนอื่นเขา (ความสุขในมุมเล็กๆ) ตอนนี้ติดอยู่หลายเรื่องเลย

ในเรื่องนี้ทางคนเขียนไม่ได้ตัดจบ หรือีบให้จบอะไรนะคะ วางเรื่องมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะให้จบแบบนี้ค่ะ ^^ // บทกลอนที่แต่งของต่ละตอนก็แต่งไว้ตั้งแต่ตอนวางเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ)

ขอฝากเพจของคนเขียนไว้สักหน่อยนะคะ https://facebook.com/flymoon.midnight  ^^ ตั้งใจว่าจะแต่งฟิคเดรโกแฮร์รี่ต่อ ^w^ // กับนิยายเรื่องใหม่... ที่ขอทำต้นฉบับให้มีสต็อกก่อนค่อยลงลงค่ะ

พบกันเรื่องหน้านะคะ

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบนะคะ คนเขียนน้อมรับคำติชมของทุกคน และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในเรื่องต่อ ๆ ต่อ นะคะ

ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2014 19:37:56 โดย midnight »

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อาห์ เด็จพี่โหดจริงๆ
มีความสุขกันซะที หลังจากดรามามาหลายตอน //พรากก

ยังคงรอหนิงกวางอย่างใจจดใจจ่อนะตะเอง :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด