ตอนที่32-อะไรคือความเชื่อใจ อะไรคือความไว้ใจ
ติณณภพยืนอัดบุหรี่เข้าปอดเป็นมวนที่สามอยู่ตรงระเบียงหลังจากเพิ่งทะเลาะกับเนปจูนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเสร็จ
ทำไมว่ะ คนกำลังดูๆกันอยู่จะไม่สามารถรู้ได้เลยรึไงว่าอีกคนกำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่
จะรู้ไม่ได้เลยใช่มั้ยว่าทำไมช่วงนี้มันทำตัวคลุมเครือกับเขานักหนา
“หยุดสูบได้ละไอ้เหี้ย” เนปจูนเดินมาดึงบุหรี่ในมือติณออก จ้องเสี้ยวหน้ามันเขม็ง
ติณเมินหน้าหนี คว้ากล่องบุหรี่เดินเข้าห้อง
“ติณ มึงอย่ามาทำแบบนี้ดิ” จูนเดินตามไปคว้าแขนเจ้าของห้อง
ยอมจำนนต่อหลักฐานบนโต๊ะคอมแล้วก็ยอมรับผิดด้วย
แต่แม่งมันเป็นความลับของบริษัทนี่หว่า ถ้าเขาบอกตอนนี้ก็ถือว่าตัวเองไม่มีสัจจะในความเป็นพ่อสื่ออ่ะดิ
ติณณภพหยุดเดินตามตามแรงดึง แต่ยังไม่ยอมหันหน้าไปคุยด้วยจนกระทั่งคนตัวเล็กด้านหลังต้องอ้อมมายืนเผชิญหน้า
“กูบอกมึงไม่ได้จริงๆ” จูนพูดบอก กำข้อมือใหญ่แน่น กลัวมันเดินหนีอีก
“ทำไม แค่มึงกำลังทำงานอยู่ บอกกูสักนิดไม่ได้เลยเหรอ
ต้องให้กูคิดเองเออเองใช่มั้ยเรื่องที่วันนึงมึงนั่งอยู่กับไอ้รักแรกอะไรนั่นแล้วอีกวันไปนั่งคุยกับสาวออฟฟิต
มันจะตายใช่มั้ยจูน เออ ใช่สิ เราไม่ใช่แฟนกันนี่ กูไม่มีสิทธิรู้อะไรความเป็นไปเกี่ยวกับมึงทั้งนั้นแหละ”
ติณระเบิดอารมณ์ใส่ เดินไปหยิบรูปบนโต๊ะคอมที่มีคนส่งมาให้แล้วฉีกทิ้งลงถังขยะ
มันเป็นรูปที่เขาจ้างคนไปตามดูช่วงที่ห่างกับเนปจูนสี่ห้าวันก่อน
เขาจะไม่เอะใจอะไรเลยถ้าเลิกเรียนแล้วมันก็หาย ตอนเย็นนัดเจอก็ไม่ว่าง
แต่วันนั้นเขาดันขับรถผ่านร้านหลังมอเห็นมันนั่งคุยกับไอ้ผู้ชายคนหน้าตาคุ้นเคย
เหมือนกับว่าไอ้มิตรเคยบอกว่าเป็นรักแรกจูน นั่นแหละเขาถึงสงสัยให้คนไปตามสืบ แต่กลับกัน ตามสืบหนึ่งแต่ได้มาสอง
เมื่อวานตอนนักสืบมาส่งรูปก็พอจะรู้ว่ามันคงทำงานอยู่ แต่รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่บอกอะไรเลย ยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไม่ว่าง ไม่เจอ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะติณ มึงเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นกฏของบริษัท มันเป็นงานของกู
โอเค ตอนนี้กูกำลังทำงานอยู่ เราคงไม่ว่างเจอกันบ่อยๆ กูบอกอย่างนี้มันพอจะทำให้มึงหายโกรธได้บ้างมั้ย”
“มันช้าไปแล้วจูน...กูว่าตอนนี้เราห่างกันสักพักก็ได้นะ
ทำไมกูรู้สึกว่ามึงยังไม่ไว้ใจกูเลย ทำไมกูรู้สึกว่ามึง...ยังไม่พร้อมจะให้กูอยู่ข้างๆเลย”
ติณบอกด้วยเสียงอ่อนล้า นั่งลงบนโต๊ะคอมอย่างคนหมดแรง
“มึง...พูดว่าอะไรนะ” เนปจูนถามเสียงพร่า ยืนอึ้งกับประโยคที่ได้ยิน ใจเต้นรัว น้ำตาคลอ
“มึงยังไม่ไว้ใจกู และถ้ามึงยังทำงานนี้ต่อ เราไม่ต้องมาทะเลาะกันทุกครั้งที่มึงทำงานเลยเหรอ”
“...ถ้ามึงเชื่อใจกู เราจะไม่เป็นแบบนี้แน่ติณ...กู...เสียใจวะ” จูนบอกเสียงเบา เดินปาดน้ำตาออกมา ขับรถกลับห้อง
ปัญหามันอยู่ตรงไหนว่ะ ตรงที่เขาไม่ไว้ใจไอ้ติณหรือตรงที่มันไม่เชื่อใจเขา
เนปจูนต้องเลือกมั้ย ระหว่างมันกับงาน
รักมันแล้วทำงานไปพร้อมกันไม่ได้เหรอ ..
“แม่งเอ๊ย” ติณณภพสบถหลังจากได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง
ใจก็นึกห่วงคนน้ำตานองหน้าขับรถกลับ จะตามไปคุยตอนนี้คงมีแต่อารมณ์
ตอนนี้ทำได้แค่หยิบโทรศัทพ์ไลน์ไปบอกเพื่อนคนใดคนหนึ่งของมันให้ตามไปอยู่ด้วยแค่นั้น
แต่ไม่รู้จะมีใครว่างมั้ย ได้แต่หวังว่าจูนคงถึงห้องอย่างปลอดภัยและมีเพื่อนคอยดูแลอยู่
.
.
.
“มึงโอเคนะ”
“อืม”
ตั้มยืนมองคนตอบคิ้วขมวด โอเคอะไรของมัน นั่งหน้าหงอยเหมือนหอยป่วย
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงไม่ยอมทิ้งสาวแล้วรีบมาหาจริงๆนะเนี่ย
“มีอะไรก็บอกได้นะเว้ย แต่ถ้าไม่มีอะไรเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆก็ได้”
“ใครบอกให้มึงมา”
“ไม่มี๊”
พิรุธเต็มตัวเลยนะสัดตั้ม...
เนปจูนนั่งซบหน้ากับเข่า นึกไปถึงคนที่บอกให้ไอ้ตั้มมาหาแล้วน้ำตาก็ไหลกับคำพูดมัน
ห่างกัน...ยิ่งคิดแล้วใจยิ่งเจ็บ ความรู้สึกแม่งร้าวรานกว่าตอนรู้ว่ามันกับอิงฟ้าคบกันซะอีก
“เฮ้ย มึงโอเคจริงมั้ยเนี่ย แม่งร้องใหญ่เลย” ตั้มที่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนสนิทนั่งสะอื้นไม่พูดไม่จา
“เอาดีๆจูน มึงทะเลาะไรกับเชี่ยติณมา” เขาเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ตบบ่าเบาๆ
เนปจูนได้แต่ส่ายหน้าไปมา ยกมือห้ามไม่ให้มันพูดรวมทั้งเขายังไม่อยากพูดด้วย
“เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูด สบายใจเมื่อไหร่ค่อยพูด กูอยู่ตรงนี้แหละ”
“ไอ้ติณบอกให้มึงมาใช่มั้ย” จูนถามเสียงอู้อี้ เช็ดน้ำตากับแขนเสื้อ
“อืม มันก็ห่วงมึงแหละ” ตั้มตอบ โยกหัวเพื่อนตัวเล็กเบาๆ
เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครผิดถูก แต่คิดว่าพวกมันน่าจะปรับความเข้าใจกันได้ เพราะถ้าไม่ได้เดี๋ยวไอ้ติณมีเฮแน่
“มึงกลับไปเถอะ กูอยู่คนเดียวได้” จูนเงยหน้าบอก แต่สภาพทั้งหน้าไม่สามารถทำให้ตั้มเชื่อแบบนั้นได้เลย
ดวงตาแดงก่ำมีน้ำคลอตลอดเวลาอย่างนี้ มันจะอยู่คนเดียวได้ไง
“กูอยู่เป็นเพื่อนได้นะเว้ย”
“แต่กูอยากอยู่คนเดียว ขอบใจมึงมาก ออกไปล็อคห้องให้ด้วยนะ” จูนพูดบอก รีบเดินเข้าห้องไปนอนน้ำตาไหลกอดฟองติณเงียบๆ
งานตอนนี้เริ่มทำมาได้อาทิตย์กว่าแต่เหมือนฝ่ายหญิงจะอยากรู้แล้วว่าคนที่เขาจีบให้คือใคร ดูเหมือนเธอจะมีใจและเริ่มสงสัยว่าใครคือคนนั้น
ประวัติที่เขาได้อ่าน คือก่อนหน้านั้นพี่ภัทรเคยจีบคนนี้ แต่เธอมีแฟนแล้วไม่อยากยุ่งกับชายอื่น
พี่ภัทรเลยบอกจะรอ แล้วไปๆมาๆ ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนได้เดือนเดียว พี่ภัทรก็มาจ้างพ่อสื่อให้ไปจีบ
วันเริ่มงานวันแรก เขาไลน์ไปหาพี่ภัทรบอกว่าตัวเองเป็นใคร ดูท่าลูกค้าจะตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะมาทำงานแบบนี้
เรานัดเจอกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลและเริ่มแผนการโดยมีพี่ภัทรคอยส่งไลน์มาบอกตลอดว่าอยากให้ทำอะไร
เนปจูนกับพี่ภัทรคุยกันได้ ทำงานด้วยกันได้โดยไม่มีเรื่องตะขิดตะขวงใจ
แต่ทุกครั้งที่ต้องปฏิเสธติณว่าไม่ว่าง ไม่ใช่ว่าจะสบายใจเลย แต่มันเป็นงาน
จะให้บอกยังไงว่าเดี๋ยวต้องไปเจอคนนั้นคนนี้ ทำนั่นทำนี่ อยากบอก อยากบอกมาก แต่มันบอกไม่ได้ คำว่างานมันค้ำคออยู่
เขาก็เสียใจที่บอกอะไรมันไม่ได้ แต่ก็น้อยใจที่มันไม่เชื่อใจเขาเลย
ติณณภพอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินออกไปนอนห้องข้างๆด้วยความเคยชิน
เพราะคืนไหนถ้าจูนมานอนที่นี่เขาต้องไปนอนอีกห้อง แต่คืนนี้มันไม่ใช่ เขาลืมไปว่าเพิ่งจะบอก ขอห่างกับจูน
เขาว่าเขาคิดผิดวะ
คนที่ทรมานเพราะคำพูด ไม่ใช่ใครเลย แม่งคือตัวเองนี่แหละ ที่พูดไม่คิด
เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เขาเสพติดจูนทุกอย่างจนกลายเป็นความเคยชิน
เมื่อห้าวันก่อนแค่เดินออกมาจากห้องยังเจอจูนนั่งกอดฟองจูนดูทีวีอยู่เลย
แล้ววันนี้มันไปไหนว่ะ!
ติณนั่งลงปลายเตียง ซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ
ไม่เจอกันตั้งหลายวันก็คิดถึงจะตายห่าอยู่แล้ว พอวันนี้อุตส่าห์ได้เจอ ยังมาทะเลาะกัน แล้วเขาดันขอห่างกับจูน จนมันเสียใจอีก
ทำไมมึงเป็นคนที่นิสัยแย่แบบนี้ว่ะ
สงสัยต้องกลับไปกลืนน้ำลายตัวเองอีกแล้ววะเหี้ยติณ...
.
.
.
“เป็นไร เมียไม่รักเหรอเดินขอบตาคล้ำมา”
ติณมองหน้าคนทัก ถ้าเป็นปกติเขาคงเดินไปตบหัวไอ้แชมป์แล้วที่ทุกวันนี้มันยังขยันแซวไม่เลิก
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มหรือคุยกับใครได้เลย
และดูเหมือนคนแซวก็คงจะฉลาด เริ่มสังเกตได้ว่าเพื่อนไม่โอเค
“เฮ้ย มึงเป็นอะไร ทะเลาะกับไอ้จูนเหรอ”
แม้แต่เพื่อนยังทายถูกเลย ชีวิตช่วงนี้เขามีแต่มันจริงๆวะ
แชมป์นั่งมองหน้าเพื่อน ถามแล้วไม่ตอบเขาเลยย้ายสายตาไปมองเอิร์ธที่ตอนนี้มองหน้ากันไปมาเพราะความอยากรู้
“มึงรู้เรื่องป่าวว่ะ” คนอยากรู้หันไปกระซิบถามเอิร์ธ ฝ่ายนั้นก็ส่ายหัวไปมา
กานต์รีบจูงมือนนท์เดินเข้ามาหาเพื่อนเพราะไอ้แชมป์นั่งกวักมือเรียกหยิกๆซะยิ่งกว่านางกวักนั่งเรียกแขกเข้าร้าน
เขามองหน้าไอ้ติณเพราะนิ้วชี้ไอ้แชมป์ พอกำลังจะอ้าปากถามมันก็เอานิ้วชี้ไปทาบปากจุ๊ๆห้ามไม่ให้พูด ตกลงมึงจะเอายังไงกับกูเหี้ยแชมป์
“มึงไม่มีเรียนเหรอนนท์” เอิร์ธถามแฟนเพื่อนเพราะเห็นมันมามหา'ลัยแต่ใส่ชุดไปรเวท
“กูมีบ่าย” นนท์ตอบ ยืนค้ำหัวกานต์ไม่ยอมนั่ง แค่มาส่งมันเฉยๆ เดี๋ยวเขาก็กลับไปทำความสะอาดห้องซักผ้าตากผ้าแล้ว
“เออนนท์ กูฝากนี่ให้จูนหน่อยนะ” ติณที่นั่งเงียบอยู่นานยื่นถุงเซเว่นไปให้ ในนั้นมีนมกล่อง น้ำเปล่า แล้วก็ข้าวอยู่สองกล่อง
“อ้าว แล้วไม่เจอกันเหรอ” นนท์ตะล่อมถาม อยากรู้อาการคนยื่นของมาให้เหมือนกัน
เห็นที่คงต้องเปลี่ยนแผนจากกลับห้องไปหาไอ้จูนแทนแล้วละ
ติณณภพส่ายหัวตอบ หยิบหนังสือลุกเดินขึ้นตึกไป เพื่อนทุกคนได้แต่สงสัยมองตาม
“ทะเลาะกับไอ้จูนชัวร์” แชมป์ฟันธง
“เรื่องคนอื่นเนี้ยสอดรู้ ตกลงมึงยังหาแฟนผู้ชายไม่ได้ใช่มั้ย” เอิร์ธว่าเข้าให้
“หึหึ กลับห้องไปได้ละ” กานต์หัวเราะเพื่อนแล้วหันมาพูดกับนนท์
“เดี๋ยวดิ๊ กูขอไปหาจูนก่อนนะ” นนท์บอกแฟน ทำท่าทีเหนียมอายให้คนมองเห็นใจ
“จะน่ารักใส่ทำไม หื้อ ไปก็ไป” กานต์ลุกขึ้นโยกหัวแฟน เตรียมตัวขึ้นไปเรียน
“อยากให้คู่มึงทะเลาะกันบ้างวะ กูเลี่ยนนนน” แชมป์พูดบอก ทำหน้าปุเลี่ยนประกอบจนเอิร์ธแซว
“กูว่ามึงรีบไปหาผัวหรือเมียเป็นตัวเป็นตนเหอะป่ะ”
คนโดนแซวหัวเราะเอิ้กอ้าก พยักหน้าขึ้นลงแรงๆแล้วบอกว่า เดี๋ยวกูหาๆๆ
.
.
.
นนท์ยืนรอจูนมาเปิดประตูให้พร้อมกับถือถุงเซเว่นอยู่ในมือ
นานมากแล้วที่ไม่ได้มาห้องนี้ ตั้งแต่เขาย้ายออกไปอยู่กันกานต์เคยแค่แวะมาหาแต่ไม่เคยนอนค้างเลยเพราะแฟนเขามันไม่ให้ =[]=
“อ้าวนนท์” เนปจูนที่เพิ่งตื่นทักเพื่อนด้วยเสียงงัวเงีย ใต้ตาบวมเป่ง ไม่บอกก็รู้ว่าเมื่อคืนคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“มึงเป็นอะไร” คนมาใหม่ไม่รอท่า รีบถามด้วยความเป็นห่วง แค่เห็นหน้าหงอยๆของมันก็พอรู้ว่าคงทะเลาะกับไอ้ติณนั่นแหละ
“เปล่านี่” เนปจูนส่ายหน้า เดินไปกินน้ำในครัว
“บอกมา อย่าปากแข็ง” นนท์พูด เดินตามเข้าครัวไปวางถุงเซเว่นที่เคาน์เตอร์
“ปากแข็งอะไร ไม่มีคือไม่มีไง ซื้อข้าวมาให้กูเหรอ” จูนพูดบอก เปิดดูของในถุง มีแต่ของชอบเขาทั้งนั้น เออเนอะ นานทีไอ้นนท์มันจะซื้อมาให้
“เออซื้อ แต่ไม่ใช่กูนะ คนที่มึงกำลังทะเลาะกับเขาอยู่แหละ”
จูนชะงักมือที่กำลังหยิบข้าวกล่องไปอุ่นไว้กลางคัน เขาเดินเอาข้าวไปไว้ที่เดิมแล้วลากเก้าอี้ออกมานั่ง
“เนี่ยนะ คนไม่ปากแข็ง”
..…
“มึงรู้ตัวมั้ยจูน ว่าตอนนี้มึงกำลังเป็นเหมือนตอนกูทะเลาะกับไอ้ต๊อดไม่มีผิดเลย
มึงเคยว่ากูยังไง ตอนนี้มึงกำลังเป็นแบบนั้นแหละ” นนท์บอกแล้วเดินมานั่งลงตรงข้าม มองหน้าเพื่อนจริงจัง
“อื้ม กูทะเลาะกับมันอยู่ แต่กูผิดเองแหละ” จูนยอมแพ้ ก้มหน้ามองโต๊ะกินข้าว คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วน้ำตาพาลจะไหล
“เรื่องอะไร บอกกูได้มั้ย”
“กูทำงานแล้วไม่ได้บอกมัน”
“แค่นี้เหรอ”
“กูไม่มีเวลาให้มัน กูไม่ได้บอกมันว่ากำลังทำงานให้ใคร ไม่ได้บอกอะไร
มันเลยไม่เชื่อใจ ให้คนตามดู จนมันรู้ มันคิดว่ากูไม่ไว้ใจมันถึงไม่บอก
แต่...แต่มันไม่ใช่นะเว้ยมึง ไม่ใช่กูไม่อยากบอก แต่กูบอกไม่ได้ กูก็เสียใจ แต่กู...”
“พอๆ พอแล้วมึง” นนท์รีบลุกเดินเข้าไปกอดเพื่อน
เขาปล่อยให้มันซบไหล่ร้องไห้โฮเสียงดัง
“ร้องออกมาดังๆเลย ไม่ต้องอายใคร มึงจะได้สบายใจ”
เนปจูนพยักหน้าขึ้นลงตามคำบอกเพื่อน ปล่อยน้ำตาให้ไหลหนักยิ่งกว่าเดิม
แต่ที่ยิ่งกว่าน้ำตา คือความคิดถึง เขาคิดถึงไอ้ติณ อยากกอด อยากให้มันอยู่ตรงที่ไอ้นนท์อยู่มากกว่า
คิดถึงจริงๆนะ ..
เรา...ไม่ห่างกันได้มั้ยติณ... —(••÷[โปรดติดตามตอนต่อไป]÷••)—
ดราม่าไม่เยอะๆ

ส่วนเรื่องมันจะได้กันเมื่อไหร่ รอแปร๊บนุงน๊า