ขอโทษที่หายไปนานนะครับ (บางคนอาจจะเข้าใจว่าผู้เขียนเสียชีวิตไปแล้วแบบค็อปรึเปล่า 555555+ ยังครับ ยังไม่ตาย) พอดีช่วงก่อนหน้านี้มีปัญหาชีวิตเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เลยสามารถกลับมาเขียนต่อได้ ขอบคุณสำหรับผู้อ่านบางท่านที่ถามไถ่มาหลังไมค์นะครับ
บอกตรงๆ ว่ายังเขียนไม่จบ แต่อยากมาลงเป็นน้ำจิ้มให้คนที่ยังติดตามอ่านอยู่ได้หายคิดถึง : )
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปติดตามกันเลยครับ
---------------------------------------------------------
ลิฟท์แดง ตอนอวสาน.1
“ไอน้อง มาทำอะไรเวลานี้”
“…ลืมของ”
“เดี๋ยวก่อนนะ... เอ็ง… ไอเด็กที่เคยลิฟท์ค้างนี่หว่า”
“…”
“เฮ้อ อายุอานามก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมความจำปลาทองจังวะ… ครั้งก่อนลืมกระเป๋าตังค์ คราวนี้ลืมอะไรอีก ว่ามา”
“มือถือ”
“เออๆ ให้ไวเลยนะ ตึก...”
“ตึกจะปิดแล้ว ถ้าลงไม่ทันสองทุ่ม… จะไม่รอ”
“มีย้อนอีกนะเอ็ง แต่รู้ก็ดีแล้ว นี่เอ้อ… อย่าไปทำลิฟท์ค้างอีกล่ะ รอบนี้ไม่ไปช่วยแล้วนะเว้ย”
“ครับ”
เด็กหนุ่มร่างบางพาตัวเองกลับมายัง ณ สถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง เขายังจำความรู้สึกขนหัวลุกในค่ำคืนนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าคราวนี้ ความรู้สึกของเขากลับกลับต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
สองขาเพรียวมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟท์แดงเก่าแก่ประจำขณะ สนิมเหล็กเกรอะกรังที่เกาะอยู่ทั่วบานประตู ทำให้ลิฟท์ตัวนี้ดูขลังขึ้นไม่น้อย
อันที่จริงแล้ว เด็กหนุ่มไม่ได้ลืมโทรศัพท์มือถือหรืออะไรหรอก แต่เขามีภารกิจอย่างอื่นต่างหาก…
ไบ้ท์พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนกับวันนั้นทุกขั้นตอน ถึงปากจะบอกว่าอยากเจอรุ่นพี่หนุ่มคนนั้นอีกครั้งแทบใจจะขาด แต่เอาเข้าจริงบรรยากาศตอนนี้แม่งก็ยังชวนขนหัวลุกอยู่ดี... ถ้าเกิดไม่ใช่เป็นค็อปที่ออกมาเจอเขาล่ะ แต่เสือกเป็นวิญญาณตนอื่นมาจ๊ะเอ๋แทน... โอ๊ยๆๆ ไม่คิด กูต้องสะบัดความคิดนี่ออกจากหัวเสียก่อน เด็กหนุ่มได้แต่บอกตัวเอง
เสียงประตูลิฟท์ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ไฟสีขาวอมเหลืองริบหรี่ภายในชวนให้ขนหัวลุกได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างบางก้าวเท้าเข้าไปในตัวลิฟท์อย่างกล้าๆ กลัวๆ เขายื่นไปกดปุ่มชั้น 8 อย่างเคย สายตาของเขาหลุบมองที่พื้นอยู่ตลอดเวลา ใจนึงก็กลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมาอาจจะเจออย่างอื่นแทนรุ่นพี่ที่ตนอยากพบ ส่วนอีกใจนึงก็เหลือเกิน ว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอกับความว่างเปล่า... แสดงว่าเขาจะต้องเสียเที่ยวอย่างนั้นเหรอ??
ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังเลื่อนปิด ปรากฏร่างชายหนุ่มตัวโย่งคนนึงวิ่งสวนเข้ามาในลิฟท์แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพื่อนร่วมลิฟท์อีกคนที่เพิ่งเข้ามาวิ่งตรงไปยืนพิงชิดผนังลิฟท์ด้านหลัง ไบ้ท์เองไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะวิ่งสวนเขาเข้ามาเมื่อกี้ ความเงียบเข้าปกคลุมชายหนุ่มทั้งสอง จะมีก็แต่เสียงพัดลมระบายอากาศเหนือศีรษะที่ดังหึ่งๆ ไบ้ท์คิดว่าเขาควรจะต้องพูดอะไรออกไปสักอย่าง แต่กลับเป็นชายหนุ่มนิรนามที่เอ่ยเสียงขึ้นมาก่อน...
“กดชั้น 5 ให้หน่อยดิ”
เอ๊ะ... รอบนี้ไม่เหมือนเดิมแหะ ครั้งก่อนพี่ค็อปขอให้เราช่วยกดชั้น 9 หนิ แต่ทำไมคราวนี้จะไปชั้น 5 วะ หรือวิญญาณคนตายมันไม่ได้วนเวียนไปแต่ที่เดิมซ้ำๆ เหมือนที่เคยได้ยินมา ไบ้ท์ได้แต่นึกอยู่ในใจ
“เอ้ย! กดชั้น 5 ให้หน่อย” เสียงที่อยู่ด้านหลังดังขึ้นอีกครั้ง
ไบ้ท์รีบกดปุ่มชั้น 5 ทันที แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองปลายเท้าตัวเองอยู่เหมือนกัน
“เห้ย มึงมาทำไรที่ตึกดึกๆ แบบนี้วะ” ชายหนุ่มนิรนามถาม
“...คือ กู... เอ้ย ไบ้ท์ลืมของ” ไบ้ท์ตอบเสียงตะกุกตะกัก เขาควรใช้สรรพนามแทนตัวเองให้ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะยังไงค็อปก็แก่กว่าเขา
“แหม เรียกชื่อแทนตัวเองซะน่ารักเลยนะ” ชายหนุ่มนิรนามแซวอย่างติดตลก
ต้องใช่แน่ๆ น้ำเสียงติดตลกแบบนี้ ต้องเป็นคนที่เขาอยากเจอหน้า อยากได้ยินเสียงมาตลอดหลายสัปดาห์นี้แน่ๆ ไบ้ท์เงยหน้าขึ้นพร้อมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปสุดเสียง “พี่ค็อป!”
“เห้ย!!??”
“!!!??”
“อ้าว ไอเชี่ยใบ้!” ชายหนุ่มนิรนามเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตกใจสุดๆ เช่นกัน
“...ไอทอย”
“กูว่าคุ้นๆ ชื่อมึงไอไบ้ท์ พวกกูเรียกมึงไอใบ้จนติดปาก แม่งเอ้ย กูตกใจหมด มาค็อปเคิ่ปเหี้ยอะไรล่ะ พ่อมึงสิ!”
ปรากฏว่าชายหนุ่มร่างโย่งที่โดยสารลิฟท์มาด้วยกันตั้งหลายวินาที กลับเป็นเพื่อนต่างภาควิชาของไบ้ท์ที่ชื่อว่า ‘ทอย’ ทั้งสองคุยกันจนได้ความว่า ไอทอยลืมรายงานไว้บนห้องภาค ที่ชั้น 5
“ค็อปไหนมึงวะ คณะเรามีคนชื่อค็อปด้วยเหรอวะ” ทอยถามกลับ
“คือ...”
“เออๆ ถึงชั้น 5 พอดี งั้นกูไปเอาของก่อนนะมึง จะได้รีบกลับๆ แม่งซะที ตึกเหี้ยไรวะ น่ากลัวฉิบหาย” ทันทีที่ทอยพูดจบ เขาก็วิ่งหายออกไปจากลิฟท์ที่จอดอยู่ชั้น 5 ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดลงอีกครั้ง และมุ่งหน้าสู่ชั้น 8
“เฮ้อ...” ไบ้ท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงได้คว้าน้ำเหลวแน่ๆ หรือพรุ่งนี้ลองไปถามพระที่วัดแถวบ้านดูดีกว่าวะ จะเจอผีนี่แม่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเนี่ย ไอเวลาไม่ได้อยากเจอก็เสนอหน้ามาหากูเชียว ไอทีเวลาแบบนี้ อยากเจอผีเสือกได้เจอคนแทน ชายหนุ่มได้แต่บ่นกับตัวเอง
และเมื่อลิฟท์มาจอดที่ชั้น 8 ไบ้ท์รีบกดลิฟท์กลับลงไปชั้น 1 ทันที เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ท่าทางวันนี้ดวงเจอผีของเขาอาจจะยังไม่มาก็เป็นได้ ไบ้ท์ค่อยๆ เดินไปยืนพิงชิดผนังลิฟท์ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมากดเช็คข้อความ แต่อยู่ดีดีลิฟท์ก็มาจอดท่ชั้น 5 อีกครั้ง สงสัยคงเป็นไอทอย มันคงเอาของเสร็จแล้วแน่ๆ เลย
ชายหนุ่มร่างโย่งเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วยืนหันหน้าเข้าที่บริเวณแผงควบคุมลิฟท์ เขาก้มหน้าเพื่อจะกดปุ่ม แต่พบว่าคนก่อนหน้านี้ได้กดไว้เรียบร้อยแล้ว
“ไปชั้น 1 เหมือนกันเหรอวะ”
“อืม... สรุปมึงหาของเจอมั้ยไอทอย”
“ใครวะทอย... กูไม่ได้ชื่อทอย”
"!!!"
เดี๋ยวดึกๆ มาต่อจนจบนะครับบบบบบบบ