นินเป็นคนแรกที่เดินมากอดเขาแน่น น้ำชาตัวร้อนจี๋นั่นคือสิ่งแรกที่นินรู้ หมอนั่นลากน้ำชาขึ้นไปยังห้องนอนของโฟล์ค แต่น้ำชาดึงดันว่าจะไม่มีวันนอนที่นี่ สุดท้ายจึงย้ายลงมาที่ห้องของเป๊ก น้ำชาถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนๆ นินแทบบีบปากให้เขากินข้าว น้ำชากินไปได้สามคำก็เบือนหน้าหนี ก่อนที่จะถูกบังคับให้กลืนยาสองเม็ด
“มึงต้องไหวนะ แค่นี้ไม่ตายหรอก” นินกระซิบ มือนินที่วางทาบบนหน้าผากของเขาเย็นจนรู้สึกดี ไอปีนขึ้นมานั่งข้างๆ จับมือเขาไว้แน่น “แล้วก็คุยกัน กูไม่อยากเห็นมึงเลิกกันหรอกนะ”
“เลิกไม่ได้ด้วยกูไม่อนุญาต เพื่อนกูมันคนดี มันทนมึงมานานแล้ว มึงลองทนมันบ้าง หึหึ” นินหัวเราะเบาๆ และเมื่อเห็นน้ำชาจ้องตานิ่งๆจึงส่ายหัว “กูก็พูดไปเรื่อย...แต่มันเป็นเรื่องที่ทนได้จริงๆน้ำชา กูก็เคยทนภัทรเรื่องคนอื่น เรื่องไม่ไว้ใจ ภัทรก็เคยทนกูหลายต่อหลายเรื่อง ของมึงมันจิ๊บมาก นอนซะนะ...”
หลังจากที่หลับไปโดยไม่รู้ตัว น้ำชาตื่นขึ้นมาบนฟูกหนา แอร์ในห้องนอนหนาวจัด รู้สึกเหมือนไข้ลดลงหน่อยหนึ่ง ไม่ปวดหัวเท่าไหร่ เขาขดตัวนิ่ง มองออกนอกกระจกบานใหญ่ ตามซอกม่านที่ปิดไม่สนิท ฟ้าด้านนอกยังคงมืดสลัว ไร้แสงอาทิตย์รำไรตรงขอบฟ้า น้ำชาหยิบมือถือขึ้นมองเวลา เกือบตีห้า… โฟล์คคงกลับจากโรงพยาบาลแล้ว คงนอนหลับอยู่ที่ห้องนอน การที่เขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงด้วย...โฟล์คจะเดือดเนื้อร้อนใจบ้างไหม…หรือว่าจะไม่รู้สึกอะไร เพราะโฟล์คไม่ได้กลับมา และนอนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล
จริงๆแล้วความรักของโฟล์คที่มีต่อเขาแทบไร้ข้อกังขา น้ำชานึกไม่ออกจริงๆว่าเขาคิดอะไร แต่สุดท้ายแล้วเขาก็แค่บ้าบอ สลัดความคิดมากวุ่นวายใจไม่ได้สักที
สักวันถ้าโฟล์คได้เจอใครที่ดีกว่า ดีกว่าเขา...น่ารัก ไม่รั้น เชื่อฟัง เป็นคนในแบบที่โฟล์คชอบจริงๆ...ชอบมากๆ...น้ำชาจะยังเป็นที่หนึ่งของโฟล์คอยู่หรือไม่
อีกฟากหนึ่งของเตียงมีไอนอนหลับตาพริ้มอยู่ เขาลุกขึ้นนั่ง ฟุบหัวลงกับเข่าที่ชันขึ้น… ก่อนลากตัวเองลงจากเตียง ฟุ้งซ่านไปไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี อยากได้บุหรี่อัดปอดสักตัว…
น้ำชาหยิบโทรศัพท์ติดมือพร้อมกับซองบุหรี่และไฟแช็ค เขาเดินอ้อมเตียงไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้า… บนพื้นข้างเตียงมีฟูกนิ่มวางปูเอาไว้ เป๊กนอนกอดแยมแน่น คางได้รูปของเพื่อนรักวางอิงลงบนไหล่ขาวของคนรักที่โผล่พ้นคอเสื้อ น้ำชามองยิ้มๆก่อนเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องนอนไป
ห้องข้างๆเป็นห้องนอนของภัทรและนิน ส่วนถัดไป ปอม กาย และเต นอนด้วยกัน ทางเดินในบ้านเปิดไฟสลัว อาคารหลังโตเงียบสนิทเพราะเป็นเวลาเช้าตรู่ น้ำชาลังเลใจชั่วครู่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรแต่สุกท้ายก็ตัดสินใจก่อนพาตัวเองขึ้นไปยังชั้นบน แง้มประตูเข้าไปแล้วพบว่าโฟล์คนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็เบาใจ ก่อนจะแง้มปิดลงอย่างเบามือแล้วตั้งท่าจะถอยออกมา…
เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำเอาเขาสะดุ้ง หันขวับไปมองก่อนลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ฟลุ๊คในเสื้อกีฬาและกางเกงสามส่วน นายหัวหนุ่มทำท่าเหมือนจะออกไปวิ่งกำลังกายยามเช้าตรู่ แต่เมื่อเห็นคนรักของน้องชายมาด้อมๆมองๆหน้าห้องนอนเช่นนี้เลยต้องเลิกคิ้ว
“ตื่นเช้าอะไรขนาดนี้ไม่ง่วงหรือไง” พี่ฟลุ๊คถามยิ้มๆ น้ำชาเม้มปาก
“นอนหลับไม่ค่อยสนิท” น้ำชาเฉไฉ
“งั้นหรือ” ฟลุ๊คเลิกคิ้วอีกรอบ “ว่าจะไปตกปลาตรงสะพานปลา เผื่อได้ตัวโตๆเอามาให้แม่ครัวต้มยำให้กิน ไปด้วยกันไหม” เขาถาม ลอบมองหน้าน้ำชาที่ดูมีเรื่องกังวลใจอย่างปิดไม่มิด “ว่าไง หรือมีอะไรจะทำหรือเปล่า”
“ก็ไม่มีหรอกครับ” น้ำชาถอนหายใจ
“ไปไหม”
“...…”
“รับรองโฟล์คแม่งไม่รู้หรอก กูเป็นคนเนียนๆ” ยังมีหน้าว่าติดตลก น้ำชาหลุดขำนิดๆแล้วส่ายหัว
“ไม่ดีมั้งครับ”
“แล้วจะไปไม่ไป”
“ไปก็ได้ครับ” น้ำชาว่า นายหัวหนุ่มเดินนำออกไป น้ำชาก้าวตามแผ่นหลังกว้าง พี่ชายของโฟล์ค ผู้ชายร่างใหญ่ที่สุดแสนจะปากร้ายแต่ใจดีเหลือเกิน
ฟอร์จูนเนอร์สีขาวคันเงาวับถูกนายหัวเลือกใช้ในเช้าวันนี้ น้ำชาขึ้นนั่งข้างคนขับ ฟลุ๊คคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนเคลื่อนรถออกไปจากบริเวณบ้าน เขาเลือกเส้นทางเลียบชายหาด ขับไม่เร็วนักเพราะฟ้ายังคงมืด ไฟหน้ารถช่วยให้มองเห็นถนนเบื้องหน้าใต้ฟ้าสีจาง…
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน นายหัวหนุ่มเลื่อนเปิดกระจกและดับแอร์ ให้หนุ่มน้อยจากเมืองกรุงได้ชะโงกหน้ารับไอทะเลยามเช้าอย่างเต็มที่ น้ำชาเท้าคางกับกระจก เหม่อลอยไปไกลแสนไกล ไม่รู้ตัวเลยว่าสิบนาทีหลังจากนั้นรถคันใหญ่ก็มาจอดลงที่หน้าสะพานปลา ที่มีผู้คนมากมาย ทั้งชาวประมงที่กำลังจะนำเรือออกไปตกหมึกในน่านน้ำ และลูกเรือที่ขนเข่งสัตว์ทะเลอย่างขยันขันแข็งเพื่อนำคัดแยกและส่งขายต่อไป
สะพานปลาทอดตัวยาวอยู่ในทะเล เป็นท่าเรือสำหรับการประมงโดยเฉพาะ ฟลุ๊คกระโดดลงจากรถ เปิดหลังรถลากกล่องอุปกรณ์ ถัง และคันเบ็ดลงจากรถ มีลูกเรือมากมายยกมือไหว้นายหัวหนุ่มที่มาปรากฏตัวตั้งแต่เช้าตรู่…
น้ำชามองบรรยากาศมีชีวิตชีวารอบๆด้วยรู้สึกแปลกใหม่ ฟลุ๊คส่งกล่องอุปกรณ์และเหยื่อสำหรับคันเบ็ดให้เขาถือ ก่อนเดินนำพร้อมกับถังและคันเบ็ดไปยังสะพานปลา คนงานหลายคนทักทายนายหัวรูปหล่อด้วยน้ำเสียงขยันขันแข็ง พี่ฟลุ๊คทักทายตอบ ก่อนหยุดลงตรงหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวๆนั้น…
“ไอ้โก้ มึงเอาไส้ปลามาให้กูสักตัวสองตัว กูจะเอามาทำเหยื่อ” ชายหนุ่มว่า ยื่นถังให้ไอ้เด็กหนุ่มผิวคล้ำ ผอมกะหร่อง หน้าตากวนตีน เด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์อายุราวสิบห้าสิบหกรีบวิ่งปร๋อ หาซากปลาที่เสียโฉม ขายไม่ได้ในลังคัดแยก งัดแงะเอาหัวปลาออกก่อน โยนไส้ปลาและส่วนที่พอใช้การได้ลงถังก่อนวิ่งปร๋อกลับมา
“นี่ครับนายหัว” มันยิ้มแฉ่ง
“ดีมาก” พี่ฟลุ๊คว่า “นี่มึงไปเรียนบ้างเปล่าวะเนี่ย”
“ไปเรียนจ้า” ไอ้โก้ตอบเสียงแจ๋ว “เดี๋ยวเสร็จงานที่ท่าเรือก็จะไปแล้วจ้า” มันยังจำลำแข้งนายหัวภูมิได้ เตะก้นปั่กจนเซถลา ตอนที่รู้ว่ามันจะไม่ยอมเรียนต่อแล้วมาทำประมง นายหัวภูมิบังคับมันไปเรียน บอกว่าถ้าไม่ไปเรียนจะไล่พ่อมันที่เป็นต้นหนเรือออก สุดท้ายไอ้โก้เลยรีบลนลานกลับไปเรียนต่อ นายหัวภูมิเลยใจดีให้มันมาช่วยดูแลคิวที่ท่าเรือช่วยคนอื่นๆ
หลังจากมันเสร็จธุระ ไอ้โก้ก็ไม่ยอมไปไหน เมียงๆมองๆหน้าคนที่พ่วงมาด้วยกับนายหัวก่อนเอียงคอ...ก็จำได้ว่าคนรักนายหัวไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ยังไงก็ไม่ใช่คุณหลิวผู้แสนน่ารักและใจดีของไอ้โก้แน่ๆ
“คุณหลิวไม่ได้มาด้วยเหรอจ๊ะ” มันกอดอกถามนายหัว คุณหลิวยิ่งขี้น้อยใจ ไอ้โก้จะปล่อยปละละเลยนายหัวไม่ได้
“แหกตาดูแล้วเห็นไหมล่ะ” นายหัวหนุ่มถามกลับ
“นายหัวจะนอกใจคุณหลิวเหรอ ไอ้โก้ไม่ยอมนะเหวย เดี๋ยวจะชิทๆแชทๆไปฟ้องคุณหลิว” มันจีบปากจีบคอจนโดนฟลุ๊คเตะเปรี้ยงจนเซถลา นายหัวหนุ่มนึกหน่ายใจ เดี๋ยวจะริบสมาร์ทโฟนมัน ในขณะที่ไอ้โก้ร้องโอดโอย “นายหัวทำร้ายไอ้โก้ทำไมเนี่ย”
“มึงนี่นะ ไปไกลๆเลยไป เล้าหลือกูจริง ไม่ทำงานเดี๋ยวกูไล่ออก เดี๋ยวๆ” พี่ฟลุ๊คส่ายหัว ไอ้โก้มองค้นปละหลับปละเหลือกก่อนวิ่งแจ้นไป ผู้ชายตัวโตส่ายหัวอย่างอิดหนาระอาใจก่อนเดินนำคนที่ตามมาไปยังปลายสะพาน…
แสงนวลของพระอาทิตย์เริ่มอาบทอเกลียวคลื่น ผืนทราย และสะพานปลา แดดเริ่มกระจายแสง… ฟลุ๊คเกี่ยวเหยื่อเข้ากับคันเบ็ดเงียบๆก่อนเหวี่ยงมันลงในน้ำแล้วถือมันไว้อย่างมั่นคง…
น้ำชามองเสี้ยวหน้าของผู้ชายตัวโตเงียบๆ พี่ฟลุ๊คเป็นคนเดาใจยาก บางครั้งก็เฮฮา แต่บางคราก็กลับมีโลกส่วนตัวจนใครๆก็เข้าไม่ถึง… หลิวที่ว่านั่น...โฟล์คเคยเล่าให้ฟังอยู่ แฟนเด็กของนายหัวภูมิ หนุ่มน้อยหน้าตาแก่นเซี้ยวที่มาพบรักกับนายหัวระหว่างที่ลงมาจัดค่ายอาสาฯที่ใต้เมื่อปิดเทอมที่แล้ว ตีกันไปตีกันมาก็เข้าตำราศัตรูที่รักเสียฉิบ
น้ำชาไม่เคยเจอหลิวจังๆ ได้ข่าวว่าหลิวเรียนศิลปกรรมศาสตร์ เป็นรุ่นน้องพวกสองปี โฟล์คเคยเจอแฟนพี่ชายอยู่บ่อยครั้งตามคำบอกเล่าที่มันเล่าให้เขาฟัง ส่วนน้ำชาที่ปีที่ผ่านมาขลุกร่างอยู่ในสตูฯอย่างเดียว ยังไม่เคยจะได้เจอหลิวเลย
“ไม่นึกว่าพี่จะทำประมงด้วย นึกว่าทำแต่บริหารรีสอร์ต” น้ำชาเปิดประเด็นชวนคุยระหว่างยืนมองคันเบ็ดนิ่งๆกันมานานสองนาน… ฟลุ๊คเบือนใบหน้าคมคร้ามมามองเขานิ่งๆแล้วพยักหน้า
“จริงๆกูสนใจพวกประมงชายฝั่งยั่งยืน…ตรงนี้ไต้ก๋งเก่าเขาขายธุรกิจเรือประมงต่อมาให้ เขาทำไม่ไหว ช่วงพิษเศรษฐกิจ ราคาอาหารทะเลถูกกดยับ”
“ทางออกก็คือเราต้องขายเอง ไม่ผ่านคนกลาง ก็เลยจัดการขายเองด้วย อยากลองทำแบรนด์ดู น่าจะมันส์ ชาวบ้านก็ได้ด้วย เราก็แฮปปี้ ตอนนี้พยายามอยู่ แค่เริ่มต้น ลงมาดูเองไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ใช้ซื้อใจชาวประมงเอา หาคนที่ไว้ใจได้มาคุม...คิดว่าไม่น่ายากหรอก งานที่รักน่ะ” ดวงตาคมทอดแสงอ่อน น้ำชาพยักหน้ารับ ไม่ยากหรอก คนอย่าง ฟลุ๊ค มาตุภูมิ
“แถบนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวหมดแล้ว แรงงานหันไปทำธุรกิจท่องเที่ยวหมด แต่กูก็ยังชอบวิถีชาวบ้านแบบนี้ มันยังคงอยู่ควบคู่ไปกับความเจริญและความยั่งยืนของชาวบ้านได้ ไม่รู้ว่าที่คิดเนี่ยหัวล้าหลังไปหรือเปล่านะ… ภูเก็ตเปลี่ยนไปมากจนเหนื่อยว่ะ” นายหัวหนุ่มบ่น แต่ก็เหมือนแค่บ่นไปงั้น “มีบุหรี่เปล่า?” จู่ๆก็ถาม
“ครับ?”
“ขอบุหรี่สักตัว ไม่งั้นเดินไปขอจากพวกนั้นให้หน่อย” เขาพยักเพยิดไปยังลูกจ้างที่ทำงานกันแข็งขัน
“มี นี่ครับ” น้ำชาส่งให้พร้อมไฟแช็ค
“ขอบใจ” มือหนาจุดบุหรี่แล้วอัดควันเข้าปอด ฟลุ๊คยืนนิ่งๆปล่อยควันลอยละล่องขึ้นไปในอากาศ “แม่งพยายามเลิก ยากชิบหาย”
“กำลังเลิกเหรอครับ”
“อือ” พี่ฟลุ๊คพยักหน้า อัดควันบุหรี่เข้าปอดเพิ่ม “แฟนขอ อีกสามวันจะลงมาหา...ไม่รู้จะเป็นยังไง”
น้ำชายิ้ม มองใบหน้าคมแล้วส่งสายตาล้อเลียนเล็กๆ “งั้นผมน่าจะได้เจอ” น้ำชาว่า “ว่าแต่มีแฟนเด็กนี่ เขาว่าเป็นอมตะจริงไหมครับ”
“เดี๋ยะๆ กวนตีนเหมือนไอ้โฟล์คเลยนะ” พี่ฟลุ๊คยิ้มหึ “ว่าแต่…”
“ครับ?”
ฟลุ๊คเหลือบมองหน้าน้ำชาแล้วถามเรียบๆ “สรุปกูยังจะได้มึงเป็นน้องสะใภ้หรือเปล่าเนี่ย”
“...…”
“เมื่อคืนมันเล่าให้ฟังหมดแล้ว ซมซานกลับมา จะไปหาน้ำชาแต่กูบอกว่าปล่อยน้ำชาไปก่อน คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก…”
น้ำชานิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี อึดอัดไปหมด
“กูอยากได้มึงเป็นน้องสะใภ้นะ ไอ้โฟล์คแม่งยิ้มเป็นคนบ้าได้แบบทุกวันนี้เพราะมึงนั่นแหละ”
“จะไม่คุยกันเลยหรือไง คืนดีกันได้แล้ว เขาว่าคนรักกันอย่าทะเลาะกันนาน รีบๆพูด รีบๆเคลียร์”
“มึงก็คงไม่ได้มีโฟล์คเป็นแฟนคนแรกเปล่าวะ...ทุกคนมีอดีต ทุกคนทำพลาด แต่ที่สำคัญคือใครเป็นอนาคตต่างหาก…” พี่ฟลุ๊คหยุดหายใจ อัดบุหรี่เข้าปอด “รู้ไหม พวกมึงโชคดีนะ ได้อยู่ด้วยกัน เติบโตไปพร้อมๆกัน จะบอกให้นะ บางเรื่องโยนทิ้งแม่งไปเถอะ ผ่อนๆกันลงบ้าง กูเนี่ย...แฟนก็เด็ก ไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนพวกมึง นานๆทีถึงจะได้เจอกัน เจอกันทีคุยกันทีก็จะตีกันตาย แต่กูก็ยอมนั่นแหละ ไม่รู้จะไปเถียงด้วยทำไมไอ้เด็กหัวดื้อพรรค์นั้น ทั้งขี้งอนขี้หึง เสียเวลาฉิบหายคนจะได้อยู่ด้วยกัน...กูก็เลยยอมๆไป เอาเวลามารักกันดีกว่า”
“ความรักทุกคนมันยากทั้งนั้นแหละ มีข้อบกพร่อง ผิดพลาด ตั้งใจ ไม่ตั้งใจ แต่กูก็รักเขา…คิดว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันเร็วๆก็คงดี มันคงเป็นความสุขในชีวิตผู้ชายแก่ๆแบบกู” ฟลุ๊คหัวเราะหึ
น้ำชาฟังเสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างกาย เขาเอื้อมมือจับขอบสะพาน รู้สึกได้ว่ามือค่อนข้างสั่นเทา น้ำตาไหล่เอ่อจนต้องกระพริบตาไล่ถี่ๆ หขนาดนี้แล้วอะไรๆก็มั่นคง แต่สิ่งที่ไม่มั่นคงคือใจเขางั้นหรือ? น้ำชาไม่อยากจะคิดแบบนั้น แต่เขารู้เสมอว่าเขามันขี้ขลาด
มันน่าตลกนัก ที่เขากลัวความผิดพลาดอีกครั้ง แน่นอนว่าสิ่งที่เคยทำแล้วเขาจะไม่ทำอีก แต่ถึงกระนั้น...เวลาทำผิดพลาด แม้ว่าจะเอ่ยคำขอโทษได้อย่างจริงใจ แต่สิ่งที่ทรมานกว่านั้นคือความรู้สึกผิดที่ยังคงอยู่ในใจ หลอกหลอน และไม่หายไปไหน…
“พี่รู้ไหม…” น้ำชากระซิบ
“ผมไม่ใช่คนดีเลย แสดงความรู้สึกก็ไม่เก่ง เอาแต่ใจนิสัยเสีย…”
“ไม่ได้โกรธด้วยซ้ำเรื่องจูบ แต่มันทั้งโกรธทั้งกลัวมากกว่าที่...พอเจอใครสักคนที่ทำให้โฟล์คยิ้มได้ ที่ไม่ใช่ผม ก็พาลไปหมด เขาอาจจะดีกว่าผม ทำให้โฟล์คมีความสุขได้มากกว่านี้”
“แล้วไงต่อล่ะ” เสียงข้อมือหนาเหวี่ยงคันเบ็ดดัง ฟืบ! พี่ฟลุ๊คมองนิ่งไปยังสายน้ำเบื้องหน้าที่ทอดยาว สะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าเป็นประกาย “แล้วโฟล์คมันจะเลือกคนอื่นไหมล่ะ”
น้ำชาได้แต่ส่ายหัว น้ำตาไหลเป็นสาย
“ผมเคยตัดสินใจอะไรแย่ๆมาแล้ว ทรมานชะมัด”
ถ้าเสียโฟล์คไปอีก เขาอยู่ไม่ได้แน่ๆ
น้ำชาไม่อยากพลาดอีก คนอย่างโฟล์คมีแค่คนเดียวบนโลก...เท่านั้น
“งั้นอย่าทำอีก” น้ำชาหันมองหน้าพี่ฟลุ๊ค เม้มปากแน่น “ไม่ต้องมองกูแบบนั้น น้องชายกู กูต้องเข้าข้างสิวะ ฮ่าๆๆๆ” อ้อมแขนของพี่ฟลุ๊คตวัดรัดให้คนขี้แยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด มันอาจจะไม่ได้น่ารักและรักได้เท่ากับอ้อมกอดโฟล์ค แต่มันก็อบอุ่นเหลือเกิน น้ำชาซบศีรษะลงบนไหล่กว้าง น้ำตาอุ่นๆไหลเปรอะหน้า แต่เขารู้แล้วว่าที่ของเขาคือที่ไหน และเขาเป็นใคร…
ฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่จอดลงที่หน้าบ้านหลังสวยในตอนแปดโมงเช้า นายหัวรูปงามกระโดดลงจากรถ น้ำชาปีนตามลงมาก่อนจะอ้อมไปหลังรถเพื่อหยิบเอาสัมภาระอื่นๆและถังสังกะสีใบใหญ่ที่ใส่ปลาไว้หลายตัว เขาช่วยกันกับพี่ฟลุ๊คหิ้วเข้ามาที่หน้าบ้าน แม่บ้านร่างเล็กซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของทั้งฟลุ๊คและโฟล์คกุลีกุจอออกมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม…
“น้องฟลุ๊ค จ๊ะก็ว่าอยู่หายไปไหน พวกคุณหนูตื่นกันแล้ว ลงมาทานอาหารกันอยู่ที่ริมสระเนี่ย”
“ครับจ๊ะ วันนี้ฟลุ๊คว่าจะพาเด็กๆไปเล่นเซิร์ฟที่หาดป่าตอง กะจะลาพัก นี่ไปตกปลามากับน้ำชา ได้ปลาทรายกับปลาทูมาครับ” เขายื่นถังให้ดู “ทำต้มยำทานเย็นนี้ไหมครับ”
“ได้สิ เดี๋ยวจ๊ะจัดการให้ จะไปเล่นน้ำกันตอนบ่ายๆใช่ไหมคะ”
“ครับ”
น้ำชาแยกกับพี่ฟลุ๊คไปที่สระน้ำริมผา เขาได้ยินเสียงพูดคุย เสียงกระโดดน้ำ เสียงหัวเราะ ของบรรดาเพื่อนๆที่ดูเหมือนว่าการมาเที่ยวต่างจังหวัดจะทำให้พวกมันตื่นเช้ากว่าปกติได้ น้ำชาไม่รู้หรอกว่าหน้าตาเขาอิดโรยมากแค่ไหน แต่มองจากจุดนี้ ที่ระเบียงบ้าน เขาเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยที่นั่งคู้อยู่ที่เก้าอี้ริมสระ เหม่อมองลงไปที่ทะเลเบื้องล่าง แล้วน้ำตาก็รื้นออกมาเสียเฉยๆ
เขาเปิดเมสเสจที่เพิ่งได้รับมาระหว่างนั่งรถกลับอีกรอบ ไม่รู้ว่าเบอร์ใคร แต่อ่านข้อความด้านในก็รับรู้ได้ทั้งหมด...เขาสูดลมหายใจลึกๆอีกครั้ง
‘น้ำชา เราขอโทษ
เรื่องเมื่อคืนจะบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจก็คงไม่ได้เพราะเรารู้ว่าเราทำอะไรและเรายังรู้สึกดีๆกับโฟล์คอยู่
แต่น้ำชาอย่าสนใจเลย สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเราจะไม่กลับไปหาโฟล์คอีกแล้ว
และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความจงใจของโฟล์คที่จะทำให้เกิดขึ้น เราเริ่มก่อน เราคนเดียว
เราเคยเสียโฟล์คไป เรานอกใจโฟล์ค เราเลวมากกระทั่งไม่สนใจ ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นโฟล์คเป็นยังไง
แต่เรารู้ว่าโฟล์คต้องเสียใจมากแน่ๆ เพราะโฟล์ครักใครก็รักมาก เหมือนที่โฟล์ครักน้ำชาตอนนี้
เรารู้เมื่อสายไปว่าเราโง่ที่เราปล่อยมือโฟล์ค
เราเคยคิดโง่ๆกว่านั้นว่าเราอยากจะได้โฟล์คกลับคืนมา เราอาจจะคืนดีกันได้
แต่เรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว โฟล์คมีแค่น้ำชา ไม่มีน้ำชาโฟล์คก็อยู่ไม่ได้
ตอนนี้ เราแค่ได้เจอโฟล์คอีกครั้งและโฟล์คก็ยังยิ้มให้เรา เราได้รู้แล้วว่าเราได้รักคนที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว
ยกโทษให้โฟล์คนะ เราพูดแบบนี้คงดูน่ารังเกียจ แต่เราขอร้อง เรารู้แล้วว่าเรามันโง่ที่สุด...
อย่าปล่อยมือโฟล์คไปเหมือนที่เราเคยทำอีกเลย...’
ขาเรียวสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ กระทั่งนั่งลงข้างๆอีกคนเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นการมาถึงของเขาหรือเปล่าแต่ช่างเถอะ…
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่ง โฟล์คอัดบุหรี่หนักๆเข้าปอด น้ำชาเอื้อมมือแตะไหล่กว้าง อีกฝ่ายหันมาขวับแล้วคว้ามือเขาเอาไว้เหมือนจะกลัวว่าจะหายไปไหนอีก โฟล์คหน้าตาเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน น้ำชาจ้องตาอีกฝ่ายนิ่งๆ แล้วเปิดปากถาม
“มึงไม่ไปเยี่ยมตองเขาเหรอ” น้ำชาถามเรียบๆ โฟล์คจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ บีบมือแน่นกว่าเดิม
“ถ้ามึงจะมาขอเลิก กูไม่คุย กูไม่เลิก” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นของอีกฝ่ายดังอย่างใส่อารมณ์ น้ำชาเม้มปากแน่น “กูบอกแล้วว่าไม่มีอะไร กูขอโทษ...มันก็แค่…”
“...…”
“กูขอโทษ ชา กูขอโทษ กูทำร้ายจิตใจมึงทำไมวะ ทำไมกูไม่---” โฟล์คกัดฟันแน่น “ที่กูพูดเมื่อวานกับตองบนเรือ ขอไม่ให้ตองทิ้งกูไปไหนอีก...มันคือคำสัญญาสุดท้ายในฐานะเพื่อน ก่อนที่กูจะยอมปล่อยมือเขาไปหาคนใหม่ของเขา ขอให้เขาอย่าเลิกติดต่อกูในฐานะเพื่อน...”
“แล้วถ้ากูจมน้ำด้วยวันนั้น...มึงจะช่วยใคร” น้ำชาถาม จ้องตาโฟล์คนิ่ง อีกฝ่ายจ้องตอบด้วยสายตาอึ้งๆ ไม่รู้จะตอบอะไร
“...…”
“มึงไม่ต้องตอบหรอก”
“ชา คือกู--- กูไม่รู้” น้ำชามองหน้าโฟล์ค ผู้ชายที่เขารัก น้ำตารื้น “กูรู้แค่ว่ารักมึง ถ้าถึงวันนั้นกูก็คงคว้ามึงก่อน เพราะกูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง”
น้ำชาจ้องหน้าโฟล์คนิ่ง ก่อนเผยยิ้มบางๆออกมา “ที่กูถามน่ะ กูล้อเล่น”
“...…”
“อยากลองทำให้มึงลำบากใจบ้าง” เขายิ้มทั้งน้ำตาที่ยังคลอหน่วยตา โฟล์คมองหน้าคนรัก แล้วก็ค่อยๆยิ้มออกมา “กูไม่คิดอะไรแล้ว ขอโทษที่งี่เง่า ขอโทษ ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงรักกูมากแค่ไหน”
“ชา...” น้ำชาวางคางลงบนไหล่อีกฝ่าย เลยไม่ทันมองว่าโฟล์คทำหน้าอย่างไร
“ตามึงแล้ว มาขอโทษกูเร็ว กูจะได้หายโกรธ” น้ำชาว่ายิ้มๆ เขาได้ยินเสียงโฟล์คหัวเราะด้วยรู้สึกโล่งใจ
“ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้มึงร้องไห้นะชา…”
“อือ ไม่เป็นไร เจ๊ากันกับตอนปีใหม่ไง” น้ำชาว่ายิ้มๆ วางใบหน้าลงกับซอกคอคนรัก “กูรักมึง”
“วันนี้เป็นอะไรมาแปลก…” โฟล์คถาม พวกเขากอดกันแน่น “...บอกรักด้วย”
“นานๆทีปากตรงกับใจบ้างไม่ดีหรือไง”
“ดีสิ ดีมากเลย” โฟล์คหอมเบาๆที่กระหม่อมของคนตัวเล็กกว่า แล้วพวกเขาก็หัวเราะใส่กันราวกับว่าเพิ่งผ่านเรื่องราวที่งี่เง่าที่สุดมา
อีกหนึ่งครั้งกับบททดสอบความสัมพันธ์ น้ำชาจึงได้รู้ ว่า ‘รัก’ มันก็แค่นี้จริงๆ...
FIN
จบแล้วสำหรับตอนนี้ ไคลี่จะลงให้อีกตอนน้า จากนั้นก็...เจอกันในเล่มน้า
ทางไปสอยหนังสือจ้า ที่นี่เลย >>
www.hermitbookshop.com