11 การ์ดงานแต่ง“ท้องเหรอครับ?”ผมถามทวนอีกครั้งตอนที่เปิดแผ่นกระดาษแข็งสีชมพูที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากในซอง ชื่อบ่าวสาวที่สลักเป็นตัวอักษรสีทองหางยาวดูอ่อนช้อยปรากฏอยู่จนทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเจ้าสาวของงานยังดูมีใจกับชายหนุ่มในกางเกงบอลสีขาวขาสั้นกับผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววแถว ๆนี้อยู่เลย
พี่ธันเหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจสุดแรง มัดกล้ามที่บวมเป็นกระเปาะยืดตัวตามสรีระที่บิดเบี้ยวไปก่อนเอนตัวใช้แขนทั้งสองข้างยันพื้นบ้านรับน้ำหนักที่ถ่ายไปด้านหลัง พยักหน้าส่ง ๆ ใช้นิ้วโป้งเท้าเขี่ยขาผมที่นั่งอยู่บนโซฟากับหมาอีกสองตัว
“ประมาณสองเดือนแล้วแหละ แต่ก็เตรียมการตั้งแต่เดือนแรกที่ประจำเดือนมี่ไม่มากันแล้ว ก็ธรรมดาเนอะ คบกันมันก็ต้องมีอะไร ๆ กันบ้าง นี่มันก็สมัยใหม่แล้ว”
“ครับ ผมเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจว่าจะเขี่ยทำไมครับ”
“ปอไม่อยากจะมีอะไร ๆ กับพี่อีกเหรอ”
คนถามถามหน้าซื่อ ผมหันไปคว้าหมอนอิงได้ก็ปาใส่ไม่ยั้ง ไอ้พี่ธันร้องโอดโอย ยกผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายสตอเบอรี่ขึ้นมากั้น เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอนได้รูปที่ผิวเปลือย ๆ นั่นจนเลือดผมฉีดขึ้นแก้มจนร้อนฉ่า ภาพของพี่ธันที่กรึ่ม ๆ กำลังขยับโยกเอวโดยจับข้อเท้าผมทั้งสองข้างแยกออกคนละทางชัดขึ้นมาในความทรงจำ ยิ่งตอนถึงจุด อีกฝ่ายเกร็งหน้าท้องจนเห็นเป็นลอนแบบนี้แทบจะทำให้ใจผมเต้นรัวด้วยความเขินอาย
ใครจะหน้าด้านแบบมัน ตอนทำน่ะเมาแท้ ๆ ตื่นมายังสมอ้างได้อย่างหน้าตาเฉยว่าพี่จงใจ...ไหนจะเรื่องเจ็บนิดเดียวเหมือนมดกัดนั่นอีก มดเอ็กซ์เหรอครับ กัดทีวันต่อมาผมแทบคลานไปสอบ โชคดีหน่อยที่อ่านหนังสือมาแน่น คะแนนที่ควรจะได้ท็อปเซคเลยร่วงมาเป็นแค่เกาะค่าเฉลี่ยเท่านั้น
“หื่นว่ะครับพี่ธัน ไปทำกับข้าวเลยไป จะได้ถอด ๆ สักที ชุดบ้าอะไร พี่ไม่อายก็สงสารลูกกะตาผมเถอะครับ เห็นแล้วขนลุกขนพอง”
“อ้าว ไม่ชอบแบบนี้เหรอ?” เจ้าของบ้านถามไม่เลิก ไอ้ผ้ากันเปื้อนลายหวานสะท้านขวัญนี่เพิ่งได้มาวันก่อนตอนเดินซุปเปอร์ด้วยกันเมื่อเย็นวันก่อน ผมแค่บอกว่าน่ารักดี ซึ่งขณะนั้นผมหมายถึงถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ใส่คงเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนตาหวาน แต่พี่ธันตีความไปว่าผมจะชอบอกชอบใจถ้าเจ้าของร่างใหญ่โตนั่นเอามาสวมเสียเอง
ที่เอาใจขนาดนี้ไม่ต้องบอกหรอกครับว่ามันรักมันหลง ทำไมผมจะไม่รู้ ทำดีหวังผลชัด ๆ
“ไม่ลองดูเหรอหมอ พี่ยอมสวมชุดนี้ตอนทำเลยก็ได้นะเอ้า”
“ไม่ครับ! ทุเรศ!”
“ไหนบอกน่ารัก”
“ชุดน่ะน่ารักครับ แต่พี่ธันน่ะไม่”
“เขาไม่น่ารักแล้วตัวเองมารักเขาทำไมล่ะ”
โว้ยยยยยยยยยยยยยยย! ผมเกลียดมันครับ ท่าทางประจบประแจง ตอแหลอ้อนตีนแบบนี้ไม่รู้ว่าเป็นตั้งแต่เมื่อไร ผมลุกขึ้นมาหยิบหมอนอิงที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นฟาดมันรัว ๆ หมาที่นอนอืดอยู่บนพื้นบ้างบนโซฟาบ้างหันมามอง สักพักลูกน้องมันก็ลุกมาเล่นด้วยด้วยการงับหมอนยื้อไปจากมือ
“หมาหมู่นี่หว่า” ผมโวยวายเสียงลั่น พี่ธันหัวเราะชอบอกชอบใจก่อนจะดึงผมที่ไปก่อสงครามกับร็อตไวเลอร์ตัวสีดำเมี่ยมแทนมากอดไว้บนตัก เอาคางสาก ๆ ที่หนวดเคราขึ้นเขียวครึ้มมมาวางพาดบ่าแล้วกดจมูกลงบนแก้ม จังหวะนั้นผมเผลอปล่อยมือจากหมอน ให้เจ้าร็อตไวเลอร์ตัวดีแย่งไปฟัดสะบัดจนหน้าหันได้ในที่สุด
“หอม”
“ฉวยโอกาสตลอด”
“คนคบกันก็แบบนี้แหละน่า”
“ใครคบด้วยครับ” แสร้งถามแล้วเบือนหน้าหนี พี่ธันหัวเราะร่วนแล้วสอดมือเข้ามาในเสื้อนิสิตที่ผมสวมอยู่ “ไม่ได้คบกันอีกเหรอ ต้องทำให้ท้องแบบมี่ก่อนหรือไงถึงจะยอมรับว่าคบกับพี่”
“ผมไม่ท้องหรอกครับ ไม่ต้องมาทำเป็นพูด”
“ใครจะไปรู้” พี่ธันพูดเสียงเรียบ จุดยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้บนมุมปาก “ทำบ่อย ๆ อาจจะท้องก็ได้”
“ไม่เอาา มันเจ็บ” ลองเปลี่ยนกันบ้างไหมล่ะ ไหนว่ารักผมไง โธ่... ผมมุ่ยหน้า ครั้งเดียวพอ เลิก อวสานไปเลยก็ได้ ผมชอบพี่ธัน โอเค ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พอรู้ว่าที่บ้านไฟเขียวก็อยาก ‘ลองแหย่’ อีกฝ่ายนิด ๆ หน่อย ๆ อยากจะรู้ว่าพี่ธันอดทนได้มากแค่ไหน ผลการทดสอบที่ผ่านมาก็ยังถือว่าหื่นในระดับปกติของพี่ธัน (ถึงจะสูงเป็นพิเศษในระดับคนทั่วไปก็เถอะ) ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายเก็บกดมากขนาดนี้ พอถึงจุดระเบิด เรียกได้ว่าถ้าเขียนเป็นกราฟก็เลยจุดครากที่ทำให้วัสดุเสียรูปไปเรียบร้อย ระเบิดบู้มเป็นโกโก้ครั้นช์ ผมล่ะอร่อยเต็มรสช็อกโกแลตคนเดียว จากวันนั้นเช้าวันถัดมาก็ได้แต่ประกาศอย่างเด็ดขาดว่าไม่ ไม่เอาอีกแล้ว!
“โธ่ ปอ มันเรื่องธรรมชาติน่า ถึงเจ็บแต่ก็ฟินไม่ใช่เหรอ พี่จำได้นะร้องเสียงหลงเชียว”
“พี่ธันเมาจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” ผมพูดเสียงสะบัด โว้ย แล้วทำไมผมต้องมาพูดเรื่องเสียเอกราชทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่บนตักหัวหน้ากองทัพที่บุกมาตีประตูเมืองจนพ่ายแพ้ย่อยยับด้วยวะครับ “ปล่อยผมได้แล้วครับ หิวแล้ว ไปทำกับข้าวต่อให้เสร็จเลยพี่ธัน”
“ขี้เกียจแล้ว”
“เฮ้ย ได้ไงครับ นี่รอกินตั้งแต่เช้านะ หิวไส้กิ่วแล้วเนี่ย” ใครจะรอให้พี่ธันเนียนมาจับนั่นจับนี่ไปเรื่อย ชิ่งสิครับ แต่ก็อย่างว่า ผมกับพี่ธันกระดูกคนละเบอร์ แขนที่รัดเอวผมไว้ถึงกระชับให้แนบกับร่างกายเจ้าของบ้านขึ้นไปอีก “หิวก็กินพี่สิครับหมอปอ พี่ธันคนนี้ทั้งหอม หวาน นุ่มลิ้นนะ เต็มปากเต็มคำเลยนะ”
ไม่เอาครับ!ผมดิ้นขลุกขลัก ๆ จนสุดท้ายก็เลื้อยลงจากตักเขาได้ในที่สุด ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อมยิ้ม ทิ้งความอบอุ่นละมุนไว้ในดวงตา
“ยอมแล้ว ๆ เดี๋ยวจะลุกไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้แหละ แต่ขออะไรอยางสิครับที่รัก”
“อะไรครับ” ไม่ต้องมาทำตาหวานเชื่อมแบบนั้นเลย ผมไม่หลงกลหรอก พอได้แล้วก็คิดจะเอาเปรียบกันเหมือนเด็กติดยาไม่มีผิด อย่าได้เปิดโอกาศเชียว ลามกยิ่งกว่าไอ้อินเป็นล้านเท่า “ถ้าเป็นอะไรที่...”
“ไอ้ฮัสกี้อะ พี่ยังไม่อาบน้ำให้มันเลยเดือนนี้ อาบให้หน่อยดิ เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จแล้วพี่เช็ดขนเอง”
โอ้ย ไอ้บ้าพี่ธัน!ถ้าเทียบ ๆ กันแล้วบรรดาหมาทั้ง 5 ตัวของเจ้าชายอสูรผมชอบอาบน้ำให้ไซบีเรียนฮัสกี้ขนสีดำแซมขาวตัวอวบระยะสุดท้ายมากที่สุดเพราะมันเป็นตัวเดียวในบรรดาฝูงสุนัขที่ดูมีความสุขกับการเล่นน้ำเป็นพิเศษ ถ้าเป็นช่วงปกติที่อากาศไม่หนาวเท่าไร ผมชอบพาบรรดาหมาพันธุ์ใหญ่อย่างฮัสกี้กับร็อตไวเลอร์มาอาบสายยางนอกบ้านครับ แต่ต้องจับดี ๆ หน่อย ไม่ใช่ว่าจะวิ่งหนี แต่ไอ้ฮัสกี้นี่มีแต่กระโจนใส่จะพากันเลอะเทอะทั้งคนทั้งหมาพอดี เมื่อก่อนผมไม่รู้จักหรอกครับไซบีเรียนฮัสกี้ ตอนพี่ธันอุ้มลงมาจากรถเป็นหมาหน้าตาหล่อเหลา หล่อตั้งแต่เด็ก ๆ เลย โตขึ้นถ้าไม่โดนตัดไข่นี่สาว ๆ ติดตรึมแน่นอน แต่อย่างว่าล่ะครับ มองอะไรอย่ามองแค่ภายนอก เห็นหน้าตาแฉล้มแบบนี้มาอยู่บ้านวันแรกเท่านั้นล่ะ พี่ธันแทบอยากเอาไปคืนที่ฟาร์ม ทั้งดื้อทั้งปัญญาอ่อน เทียบกับดาราหล่อ ๆ ก็คงอารมณ์พี่ตูน บริบั๊ก นั่นล่ะ
‘โฮ่ง’
แหม่ ก็ยังเสือกรู้อีกนะว่ากูนินทา เห่าเสียงเข้มแต่กระดิกหางระริกเชียวไอ้หมาบ้า ผมขยี้ฟองจนทั่วตัว ขนที่เป็นสังกะตังบางส่วนเดี๋ยวให้พี่ธันจัดการ หมาพี่ธันสุขภาพดีทุกตัวยกเว้นคอร์กี้ที่ต้องคุมอาหารเป็นพิเศษเพราะช่วงขาสั้นที่ต้องรับน้ำหนักตัวมากกว่าตัวอื่น ๆ ส่วนชิสุห์ต้องดูแลเรื่องขนครับ ยิ่งขนยาวปัญหายิ่งมาก บางทีขนเข้าตาตัวเองอีก ต้องลำบากเอาคอตตอนบัดเช็ดทำความสะอาดให้ แต่พี่ธันมันว่างดูแลหมาของมันทุกวันแหละ ก็อยู่กินราวจะเป็นคู่ผัวตัวเมียกันขนาดนี้ ถ้าพวกตัวเมียไม่ได้ทำหมันกับตัวผู้ไม่โดนตัดไข่ผมว่าอาจมีปรากฏการณ์ลูกสุนัขพันธุ์ผสมครึ่งคนครึ่งหมาแล้วแหง อย่าไว้ใจไป ไอ้พี่ธันมันหื่นยิ่งกว่าหื่นอย่างที่เห็น
“ที่รัก ใกล้เสร็จยัง”
เสียงตะโกนจากในบ้านมาก่อนตัว ผมเงยหน้าเลอะฟองสบู่หมาขึ้นมามองพ่อครัวมือฉมัง พี่ธันถือตะหลิวยิ้มกรุ้มกริ่มมองมา “ชอบจริง ๆ ตอนปอใส่เสื้อขาวแล้วตัวเปียกเนี่ย”
“ทะลึ่ง”
“แต่ชอบกว่าตอนไม่ใส่อะไรเลยนะ แล้วก็จะชอบเป็นพิเศษตอนไม่ใส่อะไรเลยอยู่บนเตียงด้วย นอกจากหมออยากเปลี่ยนสถานที่ ในครัวหรือบนโซฟาก็น่าสนใจนะ”
ผมเปิดน้ำจากสายยางเขียว ๆ จนถึงขีดสุดแล้วเอานิ้วหัวแม่มืออุดส่วนปลายไว้บางส่วน แรงส่งจากน้ำเพิ่มขึ้นจนฉีดไล่ตาเฒ่าทารกกลับเข้าไปในบ้านได้ก่อนล้างฟองให้ฮัสกี้จนสะอาดเอี่ยมอ่อง ปล่อยมันสะบัดขนจนน้ำกระเซ็นหนำใจแล้วทำทีวิ่งหนี หมาบ้าวิ่งตามตะกุยจนสุดขา สักพักก็กระโดดงับชายเสื้อของพี่ธันที่ผมเอามาใส่ได้ทัน ยื้อยุดจนคอเสื้อย้วยไปถึงหัวไหล่พลางขู่เสียงขรม แต่หางนี่สะบัดตีด้วยความสนุกสนาน
“เอ้า ๆ เลิกเล่นได้แล้วทั้งคนทั้งหมาเลย หมอไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่จัดการต่อ”
พี่ธันพูดพลางเอาผ้าเช็ดตัวสีตุ่นมาคลุมผมไว้ ก้มมองดี ๆ แม่งมามุกเดิมอีกแล้วครับ “พี่ธัน นี่ผ้าหมา”
“อ้าวเหรอ หมอแม่ง สมกับเป็นหมอหมาจริง ๆ รู้ดี”
ไม่พูดเปล่าหยิกจมูกผมไปด้วย เจ็บนะโว้ย “พอเลยครับ ไปเช็ดตัวหมาเลย เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแล้ว”
“ให้พี่ชวยไหมครับหวานใจ”
“เช็ดตัวหมาไปเถอะครับ ผมกราบล่ะ” ไอ้พี่ธันหัวเราะคิกคัก นั่งลงบนพื้นบ้านเปียก ๆ สักพักฮัสกี้ตัวใหญ่ก็วิ่งเข้ามายื้อผ้า เล่นด้วย เห็นว่าอีกฝ่ายติดหนึบกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดแล้วก็ชิงหนีขึ้นบันได แต่เจ้าของบ้านยังไม่วายตะโกนไล่หลัง “ถ้าอยากให้ผมช่วยเช็ดขนก็บอกนะครับหมอ จะไปเช็ดให้ทุกหย่อมหญ้าเลย”
จ้างให้ก็ไม่เรียกหรอกครับ!ผมกลับลงมาจากชั้นสองอีกครั้งหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฮัสกี้ตัวหอมนอนคลุกเล่นกับร็อตไวเลอร์ท่าทางขี้หงุดหงิดส่วนพ่อมันกำลังนั่งดวดเบียร์อยู่บนโซฟากับแขกไม่ได้รับเชิญ ไม่รู้พี่กรณ์มาตั้งแต่เมื่อไร แต่เหมือนเมาก่อนมาถึงอยู่แล้วเพราะซากบรรจุภัณฑ์ยังไม่เกลื่อนกลาด มีกระป๋องเบียร์วางอยู่บนพื้นสองสามกระป๋องกับทาโร่ที่คนกับหมากินด้วยกันอยู่บนตัก
“อ้าว อยู่ด้วยเหรอ”
พี่กรณ์ถามตาเยิ้ม ไม่ได้มองผมด้วยความพิศวาสหรอกครับ แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ล้วน ผมยกมือขึ้นไหว้เพื่อนพี่ชายคนสนิทแล้วเดินมาหา
“พี่กรณ์มาตั้งแต่เมื่อไรครับ”
“สักพักน่ะ นั่งแท็กซี่มา”
“เมาตั้งแต่หัววันเลยนะครับ” พูดพลางปรายตามองแล้วชี้นิ้วไปทางเจ้าบ้าน พี่ธันรีบยัดกระป๋องเบียร์ใส่มือพี่กรณ์แล้วชูมือขึ้นสองข้าง “พี่ไม่ได้กินเลยสักอึก”
“โกหกขอให้จู๋ไม่แข็งครับ”
“โอเค กินไปครึ่งกระป๋องเอง”
“รับปากผมว่าไง”
“จะไม่กินเหล้าจนเมาอีก”
“เปล่าครับ” ผมพูดเสียงเข้ม กอดอกแน่น “ผมให้โอกาสพูดใหม่”
“ครับ จะไม่กินเหล้าอีก” พี่ธันตอบเสียงจ๋อย ทำหน้าสลด ผมเดินเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่กรณ์ดังแว่ว ๆ “กลัวเมียเหรอมึง”
“ไม่ได้กลัว แต่อยู่ในช่วงทัณฑ์บนเว้ย”
“ไปทำอะไรผิดมา”
“ก็มึงนั่นแหละมอมกู กูเลยปล้ำน้องไง”
“ไม่งั้นเมื่อไรจะได้วะ มึงก็เอาแต่แคร์น้องมันสารพัด มองอย่างเดียวไม่ได้แดกนะไอ้เหี้ย”
“เออ กูรู้น่า” พี่ธันพูดหน่าย ๆ “มึงก็อย่าคิดมาก มี่มีความสุขก็ดีแล้ว”
“กูไม่น่ามองอย่างเดียวเลยว่ะ”
“อย่างน้อยมึงกับมี่ก็ยังเป็นเพื่อนกันนะกรณ์ มองในแง่ดีดิวะ” พี่ธันเอ่ยเสียงเรียบ ผมหยิบน้ำผลไม้กระป๋องได้ก็เหลือบตาไปมองกับข้าวที่พี่ธันวางไว้ในฝาชีแก้วใส มีปลาหมึกผัดไข่เค็มธรรมดา ๆ กับต้มยำปลากะพงหนึ่งถ้วย ฝีมือลูกชายเจ้าของร้านอาหารไม่ใช่แค่รสชาติที่หายห่วง หน้าตายังน่ารับประทานอีกด้วย
“พี่กรณ์กินข้าวมาหรือยังครับ”
ผมชะโงกหน้าออกมาถาม เจ้าของชื่อส่ายหัว สักพักผมเลยเดินไปหยิบไข่สามฟองออกมาเจียว แล้วกลับมาในห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับข้าวทั้งสองมือ
“กินอะไรรองท้องหน่อยครับ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ กินเบียร์ตอนท้องว่างไม่ดี”
“ห่วงเพื่อนผมด้วย อย่างนี้แหละ เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนเรา เนอะ” พี่ธันพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้ดื่มเบียร์แล้ว อมน้ำแข็งเต็มกระพุ้งแก้มแทน
“ไม่ต้องมาเนอะเลยครับ ไปยกข้าวกับไข่เจียวช่วยผมเลย”
พี่กรณ์หัวเราะแห้งเมื่อเพื่อนตัวเองยอมลุกเข้าครัวตามผมมาอย่างว่าง่าย ไข่เจียวร้อน ๆ กับหม้อหุงข้าวถูกยกไป ขณะที่ผมเตรียมช้อนส้อมกับน้ำเปล่า “พี่กรณ์เป็นอะไรเหรอครับ”
“อกหัก”
“พี่มี่เหรอครับ”
พี่ธันพยักหน้า “มันเลิกกับแฟนมันเพราะตั้งใจจะจีบมี่น่ะ”
“สมน้ำหน้าครับ มีแฟนอยู่แล้วดันนอกใจ”
“มันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกหมอ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถอนหายใจหนักเครียดกับเพื่อนสนิทตัวเองไปด้วย “ถ้าความรักมันเลือกหรือกำหนดได้โลกนี้คงไม่มีคนอกหักหรอก”
“แต่ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่กำหนดได้นะครับ”
“มันก็แฟร์กับนุ้ยพอสมควรนะ อย่างน้อยมันก็ไม่จีบมี่ตอนที่มีนุ้ย” พี่ธันพูดพลางโคลงหัว “ถ้าเลือกได้ใครไม่อยากสมหวังกับความรัก”
“ก็จริง” ผมว่าพี่กรณ์เองก็คงไม่อยากให้ตัวเองหลงชอบพี่มี่เหมือนกัน ยิ่งก่อนหน้านี้ที่ฝ่ายนั้นยังชอบพี่ธันอยู่แล้วตัวเองต้องเป็นพ่อสื่อให้อีก คิดตามแล้วคงเจ็บปวดพิลึก “แต่พี่กรณ์เป็นไบหรือเปล่าครับ”
“ก็....ที่จริงประมาณนั้นแหละ หมอรู้ได้ไง ผีเห็นผีเหรอ”
“ผมไม่ใช่เกย์นะ” เถียงเสียงลั่น พี่ธันหัวเราะร่วน “อ้อเหรอ ผมเพิ่งรู้นะครับว่าแฟนตัวเองไม่ใช่เกย์”
“ขี้ตู่”
“ก็หมอปากแข็ง” พี่ธันพูดพลางยิ้มยั่ว หม้อกับจานข้าวเดินมาหา “แต่ผมก็รักนะ”
“พอเถอะครับ ป่านนี้พี่กรณ์นอนร้องไห้กับหมาไปแล้ว”
พูดพลางเบี่ยงตัวหนีชายหนุ่มที่โน้มตัวลงมาใกล้ พี่ธันผิวปากหวือเมื่อจมูกเฉียดแก้มผมเป็นผลสำเร็จ “ชอบเวลาหมอแก้มแดง ๆ จัง น่ารัก”
มันใช่เวลามาเกี้ยวกันหรือเปล่าพ่อคุณ เพื่อนนั่งชีช้ำกะหล่ำปลีอยู่ข้างนอกไม่นึกถึงเลย ผมส่ายหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกมา พี่กรณ์ดวดเบียร์ไปอีกเกือบครึ่งโหล
“พี่กรณ์ ทานข้าวกันครับ เดี๋ยวผมตักให้”
พี่ธันวางหม้อหุงข้าวลงใกล้ ๆ กัน ผมตักข้าวใส่จานแล้วยื่นส่งให้แต่ละคน กินกันบนพื้นบ้านนี่แหละครับ อย่างพี่กรณ์คงลุกไปนั่งโต๊ะไม่ไหว ส่วนลูกน้องของพี่ธันมารยาทดีทั้งนั้น นั่งเรียงหน้ากระดานน้ำลายหยดติ๋ง ๆ ในระยะสองเมตร ไม่เข้ามาขอของกินตามสัญชาตญาณแต่อย่างใด
“เป็นไงมั่งหมอ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ไอ้ธันเอวดีไหม หรือแก่ ไม่ได้ทำนานจนเงอะ ๆ งะ ๆ ไปเสียทุกอย่าง”
ผมรู้สึกร้อนวูบที่ผิวหน้า ก้มหน้าลงไม่ตอบ เสียงหัวเราะของคนถามเลยดังขึ้นเบา ๆ “เมียคนนี้มึงน่ารักจริงว่ะธัน ขี้อายเสียด้วย”
“เออน่า อย่าพูดมาก แดกข้าวไป”
“บ้านมึงให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวเหี้ย ๆ เลยรู้ปะ มีทั้งพ่อทั้งแม่ ไหนจะลูกอีก 5 ตัว น่าอิจฉา”
ผมไม่ได้ตอบ ขณะที่พี่ธันยิ้มหน้าบาน “มึงโชคดีกันมากเลยนะ ทั้งคู่เลยที่หาคนของตัวเองจนเจอ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ผมพูดพลางตักไข่เจียวฝีมือตัวเองใส่จานคนเมา ผมก็ท่าจะประสาท คุยกับคนสติไม่สมประดีอยู่ได้ “เดี๋ยวพี่กรณ์ก็เจอ...”
“พี่เคยคิดว่าพี่เจอแล้วนะ แต่ดันเจอคนที่ใช่กว่า แล้วไงล่ะ เขาไม่ได้ใช่กับเราเสียหน่อย”
“ถ้ามึงยังรักนุ้ยอยู่ก็ไปง้อดิ”
“พูดง่าย” พี่กรณ์ตอบทั้ง ๆ ที่ข้าวเต็มปาก สักพักก็ตักหนวดปลาหมึกลงจาน “ขืนโผล่หัวไปพ่อเขาได้เอาลูกซองมาไล่ยิงพอดี”
“ถ้าทำอย่างน้อยมึงก็ได้ลองไง กรณ์ บางทีกับมี่อาจเป็นแค่เพราะช่วงหลัง ๆ มึงสนิทกับมี่ก็ได้นะ แต่ถ้ามึงไม่ลองเลยโอกาสที่มึงจะดีกับนุ้ยก็เป็นศูนย์ กูไม่บอกหรอกว่านุ้ยดีหรือเปล่าเพราะมึงรู้จักเขาดีกว่ากู แต่ถ้ารักขนาดนี้อะไรก็ต้องยอมล่ะวะ”
“เหมือนที่มึงยอมเมียน่ะเหรอ”
ผมเริ่มค้อนขวัก พี่กรณ์นี่เป็นคนคบไม่ได้ยังไงก็คบไม่ได้อย่างนั้น ส่วนพี่ธันน่ะเหรอ หัวเราะร่วนชอบอกชอบใจใหญ่ “แดก ๆ ไป ไอ้ห่า เดี๋ยวโดนเมียกูเอาตีนฟาดปากแล้วจะร้องไม่ออก”
ผมว่า ฟาดอีพี่ธันคนแรกเลยดีไหมครับ
เสียงกระป๋องเบียร์ถูกบี้แล้วยัดลงถุงดังกรอบแกรบ ผมนั่งหวีขนชิสุห์และคลายยางที่รัดเป็นปมบนหัวมันออกให้สบายผิวปรายตากลับไปมองที่นั่งโซฟาตรงหน้าทีวี ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านลุกขึ้นเก็บซากของกินขณะที่เพื่อนร่วมวงนอนเป็นศพท่าทางประหลาด ๆ ผมละมือจากหมาตัวเล็ก เอากลุ่มขนที่ปั้นเป็นก้อนขาวใส่ถุงขยะบ้างแล้วลุกมาช่วยพ่อบ้านเก็บบ้านพร้อมร่างที่นอนปวกเปียกอยู่กับพื้น ไม่ได้ตั้งใจฟังหรอก แต่มันได้ยินเอง พี่กรณ์เหมือนจะรู้เรื่องพี่มี่คบกับผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรกด้วยซ้ำ แต่พอเห็นการ์ดงานแต่งก็ยังอดที่จะเป็นอย่างที่เห็นไม่ได้
“เดี๋ยวมันก็ทำใจได้”
พี่ธันพูดยิ้ม ๆ ขณะที่ส่งถุงดำขนาดมหึมาให้ผม คือให้กางถุงแล้วเอาพี่กรณ์ยัดลงไปใช่ไหมครับ?
“เดี๋ยวพี่ลากมันขึ้นไปนอนห้องเล็ก ฝากปิดบ้านด้วยนะหมอ”
“ครับ เดี๋ยวผมกลับบ้านเลยถ้างั้น”
“เฮ้ย นอนนี่สิ นอนด้วยกัน”
ไอ้พี่ธันพูดหน้านิ่งแต่ตาระยิบระยับ ผมหัวเราะแล้วส่ายหน้า “คำว่านอนด้วยกันคืออะไรครับ”
“บ๊ะ ไอ้เด็กนี่ นับวันจะรู้ทันกันเกินไปหน่อยแล้ว” ไม่ทันก็แย่สิครับ มีหวังโดนเอาเปรียบกันตลอดชีวิต แค่นี้ก็แย่แล้ว “เอาน่าหมอ ผมไม่ทำอะไรหรอก แค่อยากนอนกอด เผื่อกลางคืนไอ้กรณ์มันลุกมาปล้ำผมหมอจะได้ช่วยชีวิตผมไว้ไง”
“พี่กรณ์ปล้ำพี่ธันยังไม่น่ากลัวเท่าพี่ธันปล้ำผมนะครับ” ไม่ใช่ไม่เคย อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส “ไม่เอาหรอก ทั้งจุกทั้งเจ็บ”
“ขอโทษ ตอนนั้นมันเมานี่มันเลยใส่ไม่ยั้ง อยากฟัดหมอมานานแล้วด้วย โธ่ ที่รักก็รู้ว่าผู้ชายน่ะสัญชาตญาณเรื่องแบบนั้นมันรุนแรงขนาดไหน”
“ผมเรียกมันว่าสันดานครับ แค่ไม่โกรธก็บุญแล้วนะ”
“โอเค ผมยอมก็ได้...งั้นรอก่อน เดี๋ยวเดินไปส่ง ดึกแล้ว”
“ผมปีนรั้วเข้าบ้านไปก็ได้ครับ พี่ธันพักเถอะ” คู่สนทนาส่ายหน้าหวือแล้วเดินมาสวมกอดผมไว้ทั้งตัว “ไม่เอา พี่เป็นห่วง มืดแล้ว”
“งั้นถ้าผมนอนนี่...ผมจะเชื่อพี่ธันได้หรือเปล่าว่าจะไม่ทำอะไร”
“จะไม่ใส่เข้าไปถ้าปอไม่ขอ สาบานเลย”
ผมมองค้อนขวัก ก็แม่งเป็นเสียอย่างเนี้ย “จริง ๆ พี่จะไม่ทำอีกถ้าปอไม่พร้อม ไม่ได้เมาด้วย กินแต่น้ำผลไม้ หมอก็เห็น”
ผมนิ่งเงียบไปสักพัก ที่จริงไม่ได้โกรธหรือเกลียดที่ถูกทำแบบนั้นหรอก แต่ว่า...มันก็ยังอายอยู่ทุกที ยิ่งพี่ธันพูดถึงเช้าบ่าย ๆ ผมยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ “หมอไม่ชอบบ้านนี้เหรอ บ้านเล็กไปหรือเหม็นสาบหมา หรือหมอเกลียดพี่”
“ไม่ใช่นะครับ”
“แล้วทำไมไม่อยากมาอยู่ด้วยกันล่ะ” พี่ธันพูดเสียงอ้อน ขณะที่ผมก้มหน้าลงนิด ๆ สักพักสัมผัสหยาบกร้านจากปลายนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ก็บรรจงสัมผัสที่ปลายคาง บังคับให้ผมเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายที่กำลังทอดลงมาอย่างเว้าวอน
“คืนนี้อยู่ด้วยกันนะครับ พี่ไม่อยากละสายตาจากปอเลย”
“เวอร์น่า....”
“พี่พูดจริง ๆ นะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วพี่ออกไปส่ง ตอนเย็นพี่ไปรับที่มหา’ลัย จะได้ออกไปซื้อชุดด้วยกัน”
"ชุด?" เอียงคอถาม กลับได้ยิ้มละมุนกลับมา
"งานแต่งมี่ไง"
"แต่พี่เขาไม่ได้ชวนผม" หน้าซองจ่าถึงคุณชายธันชนกคนเดียว ถ้าผมไปด้วยไม่แปลกเหรอ พี่ธันส่ายหน้าแล้วโน้มตัวลงมาจูบหน้าผาก "คนเป็นแฟนกันไปด้วยกันแปลกตรงไหน"
"ขี้ตู่" ผมก้มหน้างุด ร้อนวูบขึ้นมาทั้งแก้ม ให้พี่ธันทะลึ่งทะเล้นเสียยังจะดีกว่ามาหยอดคำหวานทำตาเยิ้มแบบนี้ รู้สึกมือไม้มันเกะกะไปหมด ยิ่งอีกฝ่ายก้าวขามาประชิดจนผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของตัวเองที่ปะทะกับแผ่นอกกว้างแล้วสะท้อนกลับมาที่ใบหน้าอีกครั้งยิ่งรู้สึกเงอะงะจนอยากจะอันตรธานหายไปให้พ้น สุดท้ายมือใหญ่ของชายหนุ่มวัยทำงานก็มาแตะมือผม บังคับให้โอบรอบเอวแข็งแรงของตนจนกลายเป็นผมสวมกอดอีกฝ่ายไว้ในที่สุด
“เขินอีกแหนะ”
“เปล่าสักหน่อย” ผมตอบงุบงิบในลำคอ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยอมรับ ใครจะหน้าทนเหมือนพี่ธันกันเล่า ! “เอาพี่กรณ์ไปเก็บเลยไป!”
“แล้วหมอล่ะครับ”
“เดี๋ยวพาหมาขึ้นห้องไปก่อนเอง” ผมตอบแล้วหมุนตัวหนี เรียกสุนัขตาปรือทั้งห้าเดินนำขึ้นบันไดไป โดยมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอไล่หลังมาติด ๆ
สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำอะไร ถ้าเกิดผิดคำสัญญาล่ะก็ผมจะ! จะ‼ จะ...
จะยอมก็ได้วะ....มาถึงขนาดนี้แล้วนี่เนอะ เฮ้อ...
กราบขอประทานโทษทุกท่านที่รอตั้งแต่เมื่อคืนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะที่ผิดสัญญา /ร้องไห้ เมื่อคืนแต่งเกือบจบแล้วค่ะ สะดุ้งตื่นตอนห้าทุ่มเศษ ๆ หน้าจอคอม อ้าว...พิมพ์ไปหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เลยขอยกยอดมาต่ออีกย่อหน้าสุดท้ายให้จบในวันนี้ เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา ให้สมอุราให้สาแก่ใจเลยค่ะ น้อมรับผิดทุกประการ วันนี้เลยมาหวาน ๆ ให้กระชุ่มกระชวยกันหน่อย พอจิชดเชยกันได้บ้างมั้ย แฮร่
ไม่มีอะไรมาก ฝากไว้ในใจเธอ อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ว ในที่สุดก็ได้นิยายที่ไม่มีดราม่า ไม่มีหักมุมเลยตั้งแต่ต้นจนจบมาหนึ่งเรื่อง
(หรือเราควรหักมุมโดยการบอกว่ามี่ท้องกับพี่ธัน หมอปอเลยไปคว้าพี่กรณ์มาดามใจ โฮรรรร) ล้อเล่นค่ะ ๆ ไม่มีอะไรแล้ว ค่อย ๆ รักกันเบา ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เนอะ รุนแรงนักจะทั้งจุกทั้งเจ็บ อิหมอบอก
ขอให้มีความสุขกับวันศุกร์และการอ่านค่ะ มาช้าแต่ก็รักนะ 