10 A little pain/color]ช่วงนี้หมอทำตัวน่ารักจนน่าเป็นกังวลผมพูดไม่ผิดหรอกครับ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาหมอปอก็ทำตัวน่ารักจนผมกลัวว่าลับหลังแอบไปทำอะไรผิด ๆ มาหรือเปล่า ที่พูดนี่ก็ชอบนะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ก็อดระแวงนิด ๆ ไม่ได้อยู่ดี หมอหมาเดี๋ยวนี้มันทำตัวอันตราย มีลับลมคมในอะไรตลอด
“อาหารเม็ดจะหมดแล้วนะครับ พรุ่งนี้พี่ธันออกไปไหนก็อย่าลืมซื้อเข้ามาด้วยล่ะ”
อย่างเช่นตอนนี้ ที่อีกฝ่ายใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวโก้งโค้งอยู่ที่ตู้ใส่อาหารหมา ผมนอนมองต้นขาอ่อนขาว ๆ เพรียว ๆ จากพื้น ก้มลงอีกนิดปอ อยากเห็นแก้มก้นแล้วยักยิ้มที่มุมปาก ขาวว่ะ น่าใช้ปากไล่จูบจากตาตุ่มขึ้นมาถึงสะโพกเลยจริง ๆ
“พี่ธัน” เสียงเรียกของอีกฝ่ายที่กดลงต่ำกว่าเดิมทำเอาผมสะดุ้ง หมอปอถอนหายใจหนัก ๆ แล้วบ่น
“แอบมองขาผมอีกแล้ว”
“ไม่ได้แอบ”
มองตรง ๆ ให้เห็นจะ ๆ เลยต่างหาก อยากจะพูดแบบนั้นก็กลัวโดนด่าเสียยืดยาว เรื่องที่บอกว่าแปลกไม่ใช่ที่ห่วงว่าหมาไม่มีอะไรกินพรุ่งนี้หรอกครับ แต่เพราะเสื้อผ้าที่ชอบใส่มาหลอกล่อให้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะต่างหาก นี่ยังไม่นับถึงเรื่องที่ชอบมาค้างที่บ้านบ่อย ๆ ด้วยนะ ก่อนหน้านี้มีที่ไหน ตั้งแต่รู้ตัวว่าถูกจ้องจะงาบก็ระวังตัวแจ ถ้าปอจะใส่กางเกงในแบบมีรหัสล็อกผมเองก็ไม่แปลกใจเลยด้วยซ้ำ
“พรุ่งนี้ผมไปติวหนังสือห้องเพื่อนนะครับ” ระหว่างที่คิดเพลิน ๆ เด็กหนุ่มก็หันหน้ามาพูดให้ผมสะดุ้งอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อกี้ว่าอะไรนะ จะไปติวหนังสือห้องเพื่อน?
“เพื่อนคนไหน” ไม่ต้องเสียเวลาคิด ผมถามกลับทันที น้ำเสียงที่เย้าแหย่ในทีแรกเครียดลงจนกระทั่งตัวเองก็รู้สึกได้ เด็กสมัยนี้มันไว ต้องจับให้ได้ไล่ให้ทัน แก่หงำเหงือกอยู่บ้านเดี๋ยวก็เผลอไปจิ๊จ๊ะสาว ๆ อีก คนเก่าเหมือนจะเคลียร์ไปแล้วก็จริงแต่ผมก็ยังกลัว ยอมรับตรง ๆ เลยครับ กลัวจริง ๆ ถึงจะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีเท่าไรแต่ถ้าปออยากมีแฟนคัพซีผมก็แพ้ราบอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งโชคดีที่เด็กหนุ่มจับน้ำเสียงของผมได้เลยปิดประตูตู้แล้วหันหน้ามาพูดกันตรง ๆ ไม่ใส่อารมณ์กลับ
“หอไอ้อ๋องน่ะครับ กว่าจะเลิกแลปก็หกโมงเย็นได้ วันมะรืนมีสอบเก็บคะแนนอีกเลยคิดว่าจะอยู่อ่านกันที่นั่นต่อ”
“อะไรวะ เพิ่งเปิดเทอมเองไม่ใช่เหรอ จะสอบแล้วหรือไง”
“ก็อย่างนี้ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงโวยวายขึ้นมาล่ะครับ” คนพูดเท้าเอวมอง ผมถอนหายใจแล้วปีนขึ้นมานอนเหยียดบนโซฟา เอาหัวหนุนร็อตไวเลอร์ที่ขึ้นมายึดที่ก่อนหน้านี้เซ็ง ๆ “หมอไม่มาแล้วผมจะดูต้นขาใครไว้จินตนาการตอนถึงล่ะ”
“จริง ๆ ไม่ได้ชื่อพี่ธันใช่ไหมครับ คุณป้าอาจจะอยากตั้งชื่อให้ว่าพี่จัญมากกว่า”
ไม่ต้องบอกชื่อจริงพี่นะปอ ให้พี่สมมติว่าปอหมายถึงจันทราไม่ใช่จัญไรไปก่อนแล้วกัน พูดอีกก็เซ็งอีก มาอ่อยมายั่วทุกวันจะไม่ให้ธันคนนี้จัญใส่ได้ยังไงวะ
“ก็หมอไม่ยอมผมสักที มันเลยเก็บกด”
“นี่ก็ยอมให้อยู่นี่ครับ”
“ไม่ได้หมายถึงยอมให้จีบ หรือยอมอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ดิ” พูดแล้วก็หงุดหงิด พอกำกวมใส่ก็ทำใสซื่อกลับ พอพูดกันตรง ๆ เปิดอกคุยแมน ๆ ก็หาว่าทะลึ่ง “ยอมเป็นเมียน่ะ เข้าใจไหม”
“ขอผมทำใจหน่อยเถอะครับเรื่องนั้น”
“ทำใจมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ...ป๊อดว่ะ แค่นี้ก็ไม่กล้า”
“ครับ ผมป๊อด” ปอพูดกลั้วหัวเราะ เห็นแล้วขึ้นเลย ทำทะเล้นอย่างนี้โดนสักหน่อยดีไหม ผมกระโจนลุกจากโซฟาเขาประชิดตัวอีกฝ่าย คว้าเอวได้ก็จับกอดจับหอมให้สาแก่ใจ แก้มหมอแม่งหอม หอมแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อก่อนเข้าใจว่าเป็นกลิ่นแป้งอยู่หรอก แต่พอโตมาก็รู้ว่าไม่ใช่ มีกลิ่นสาบของผู้ชายปนอยู่หน่อย ๆ แต่กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์หื่นได้ถนัดนัก
“พี่ธัน!! อย่าแกล้ง ฮ่า ๆๆ ยอมแล้วครับ ยอมแล้ว” คนในอ้อมแขนหัวเราะร่วน ดิ้นขลุกขลักอย่าในอ้อมแขน สักพักพอเหนื่อยก็หยุดดื้อไปเอง เอียงคอหลบจมูกผมนิด ๆ ไม่อยากให้โดนแก้ม แต่คิดว่าจะรอดหรือเปล่าครับ ฝันไปเถอะ เบี่ยงตัวไม่ให้จูบแก้มก็งับที่คอแม่งเลย ขาวนักใช่ไหม นุ่มนักใช่ไหม ไหนลองชิมหน่อยซิว่าจะหวานด้วยอีกอย่างหรือเปล่า
“อื้อ...”
เสียงครางดังขึ้นผะแผ่วขากลำคอ คนในอ้อมกอดผมตัวสั่นนิด ๆ เหมือนลูกนก ผมช้อนตาขึ้นมอง แก้มใสตอนนี้เปล่งสีเลือดฝาด ตากลมปิดเข้าหากันสนิทท่าทางตื่นเต้นเต็มที่
หมอแม่ง...โคตรน่ารัก“ปอครับ...ลืมตาหน่อย” ผมแกล้งถามขณะที่เลื่อนริมฝีปากขึ้นไปใกล้กกหู พอจมูกชนติ่งหูเล็ก ๆ เด็กหนุ่มก็ย่นคอเข้าหากัน
“ลืมตาสิครับ ที่รัก”
“มะ...ไม่เอา...พี่ธัน ปล่อยได้แล้ว”
“ถ้าพี่ไม่ปล่อยได้หรือเปล่า” กระซิบเสียงพร่าอย่างเดียวเดี๋ยวไม่พอ ลองแทรกเข่าไปตรงหว่างขาให้อีกฝ่ายกางออกเป็นรูปตัววีแล้วยกเข่าขึ้นชนกับเป้า ไล่ริมฝีปากขึ้นมาขบเบา ๆ แล้วแหย่ลิ้นเข้าไปในรูหู
“อ๊ะ....”
มือเล็กยกขึ้นจิกบ่า ขณะที่กลีบปากสวยบดเข้าหากัน ลมหายใจหมอปอกระชั้นถี่ ไอ้ที่ตันสู้กับเข่าผมอยู่ก็เป็นหลักฐานชิ้นเอกอีกอย่างว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มตอนนี้เป็นยังไง
“ให้พี่ช่วยไหม...” ถามแม้รู้ว่าปอจะปฏิเสธ แต่วลีเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การถามตาม’มารยาท’เท่านั้น เพราะถึงจะดึงดันบอกว่าไม่ เชื่อเถอะเมื่อลูกไก่ในกำมือผมตื่นตัวเต็มที่ขนาดนั้นแล้วใครจะไปปล่อยให้จัดการเพียงลำพังลง ผมไซ้จมูกลงต่ำ หยิบฉวยโอกาสที่แนบชิดกอบโกยกำไรเข้าเต็มปอด
หากแต่เมื่อคนในอ้อมแขนครางรับออกมาเบา ๆ ในลำคอ ผมกลับอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มจนปากแทบกว้างไปถึงหางคิ้ว วลีที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเล็ก ๆ ในเร็ววัน
“อื้อ...พี่ธัน...ช่วยปอหน่อย....”
“ควายล้วน ไม่มีวัวผสม”นั่นคือคำแนะนำของไอ้กรณ์เพื่อนรัก ณ ร้านเหล้าใกล้มหาวิทยาลัยของปอ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมากินเหล้าเพราะว่าที่ศรีภรรยาออกไปอ่านหนังสือนอกบ้านนะครับ เผื่อเข้าใจผิด เพียงแต่จู่ ๆ ไอ้กรณ์ก็โผล่ไปหาที่บ้าน โวยวายล้งเล้งชุดใหญ่ว่าไม่ได้ท่องราตรีมานานเกินไปแล้วเลยยอมออกมาด้วยแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือนายธัญชนกเพื่อนสนิทกู ไอ้เหี้ย มึงทำตัวเหมือนเด็กอายุ 14 เพิ่งหัดมีความรัก”
“อะไรของมึง”
“เด็กมันยอมขนาดนั้นแล้วทำไมไม่เอา ๆ ไปให้สิ้นเรื่อง แล้วยังมีหน้ามาเล่าอย่างภูมิอกภูมิใจอีกว่าน้องยอมให้มึงแตะต้องแบบไม่ต้องอาศัยฉวยโอกาสแล้ว กูปวดหัว ปวดหัวจริง ๆ” คนพูดพูดพลางยกมือกุมขมับทำท่าประกอบ ทึ้งผมเส้นหนาของตัวเองไปด้วย “ไอ้ธัน มึงรออะไรวะ”
“ก็...รอให้น้องพร้อม”
“น้องพร้อมของมึงคือยังไง ให้เดินมาบอกว่าพี่ธันครับ เอาผมเป็นเมียสักทีเหอะ อย่างนั้นเหรอ เหี้ยเอ๊ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามึงจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้”
ผมหัวเราะขำ ๆ ไอ้กรณ์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแล้วชงให้ตัวเองใหม่ “แล้วยังไงต่อ มึงก็เข้าไปชักเองในห้องน้ำ?”
“เปล่าเว้ย” พูดแล้วเขิน รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นผิวหน้าขึ้นมาทันที ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพลางหลบตาไอ้กรณ์ “มึงอย่าเอาไปพูดที่อื่นนะ คือกูไม่ได้มีเจตนาจะเมาท์น้องมัน กูแค่ฟินอะ มึงเข้าใจปะ ฟินเฟว่อ” พูดแบบเอาฟันขบปากล่างไว้ด้วย ปล่อยให้เสียงลมผ่านช่องฟันให้พอน่าหมั่นไส้นิด ๆ
“ฟินเหี้ยไร”
“น้องใช้มือให้กู”
“โอ้ยยยย โง่กว่าควายก็มึงแล้วไอ้ธันนนนนน” เพื่อนรักลากเสียงยาวเหยียดอย่างหัวเสียขณะที่ผมยังยิ้มแป้น คนมีความรักมันกระชุ่มกระชวยอย่างนี้เองเฮ้ย
“เออ ๆ คอนเกรททูเลชั่นแล้วกัน ขอให้มีความสุขกับมือนิ่ม ๆ”
“จริง ๆ ตรงนี้ก็ไม่สุดเท่าไรว่ะ น้องแม่งเขิน กูก็เขิน ไม่กล้าสอนมาก เดี๋ยวหาว่าเชี่ยว”
เพื่อนสนิทขำพรืดจนเหล้าพุ่งขึ้นจมูก ผมผิวปากตามทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดี มองไปทางไหนตอนนี้โลกก็เป็นสีชมพูหมดครับ ยังจำสัมผัสเงอะ ๆ งะ ๆ ของอีกฝ่ายได้แม่น ปลายนิ้วที่แตะต้องตัวผมเหมือนของร้อน ริมฝีปาก เสียงคราง ผิวของปอแดงเหมือนกุ้งต้มเลย น่าฟัดไปหมด
“ไปแล้วเพื่อนกู สติสตัง เอา ๆ มาฉลองกันหน่อย ในที่สุดมึงก็ได้มือน้องเขาเป็นเมียแล้ว ยินดีด้วยเว้ยเพื่อน”
ผมหัวเราะพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับมัน ไอ้กรณ์ยกมุมปากนิด ๆ อย่างมีเลศนัย คิดอะไรของมันวะ ช่างแม่งเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมโคตรมีความสุขเลยว่ะครับ ชงให้ก็ดื่ม มีคนมาชนเอ้า ชนสิ เรื่องที่เกิดเมื่อวานมันเหมือนได้ก้าวขึ้นบันไดมาอีกขั้น หลังจากยอมให้แตะต้องด้วยความเต็มใจ กอรปกับใช้มือให้แล้วต่อไปก็ปาก พอหลังจากปากก็...
หึหึหึหึ...ใจเย็นธัน มึงได้กลืนกินน้องมันทั้งตัวเร็ว ๆ นี้แน่...เตรียมเฮได้เลย
“อืม พี่ก็ไม่ไหวว่ะปอ เมาเหมือนกัน จะให้ขับรถไอ้ธันกลับก็กลัวโดนตำรวจเป่า เมาเป็นหมาเลย อ้วกใส่ตัวเองด้วย...”เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลเท่าไร ผมหลับตาลง พยายามปรือตาเปิดก็เห็นไฟสีส้มเหลืองอยู่บนเพดานสีขาว
“พี่ดูมันไม่ได้ พรุ่งนี้พี่ทำงานเช้า จะเรียกแท็กซี่กลับแล้ว”กลิ่นอโรมาอ่อน ๆ ไม่คุ้นจมูกช่วยให้ความรู้สึกหนัก ๆ ในหัวทุเลาลงไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ผมดื่มไปกี่แก้ววะ พอเหล้าหมดไอ้กรณ์ก็สั่งเบียร์มาเพิ่ม ตอนหลัง ๆ มีคนส่งแก้วเหล้าเพียว ๆ มาให้ดื่มด้วย
“พี่ทิ้งมันไว้โรงแรมไอบิส เปิดห้องไว้ให้ ถ้ามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปล่อยมันนอนคากองอ้วกมันไปแหละ ยังไงพรุ่งนี้สอบเสร็จก็แวะมาเอามันกลับบ้านไปหน่อยแล้วกัน”
โรงแรมไอบิสเหรอ จำได้ว่าอยู่เยื้อง ๆ กับมหาวิทยาลัยปอ เยื้องไปทางซ้าย หรือเยื้องไปทางขวานี่แหละ เป็นโรงแรมหกดาวราคาเหยียบหมื่นต่อคืน เคยพาเด็กมานอนที่นี่ครั้งหนึ่ง หิ้วมาจากผับที่ไปวันนี้นี่แหละ ที่จริงคนนั้นก็ไม่ใช่เด็กแล้ว อายุรุ่น ๆ เดียวกัน เป็นดาราช่องหลายสีชื่อเอม...แอม...อะไรสักอย่าง กว่าจะได้เคี้ยวก็ลงทุนไปพอสมควร ใครจะไปรู้ว่าตอนสลัดออกต้องใช้เงินหนามากกว่าช่วงจีบขนาดนั้น
นั่นน่ะสิ...ถ้าพูดถึงเรื่องลำบากแล้ว เวลาจีบใครผมแทบจะไม่ต้องลงแรงอะไรเลย หว่านเงินทำตัวอวดรวยนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เดินตามติดมาเป็นพรวน เคยมีครั้งหนึ่งสาวเจ้าไปโผล่เซอร์ไพรส์หน้าบ้าน เห็นผมสวมเสื้อยืดขาด ๆ ล้างรถอยู่เท่านั้นแหละ โวยวายลั่นไปเกือบท้ายซอย
โอ้ย..ใครมันจะไปทรงเครื่องเหมือนเดินออกจากนิตยสารได้ตลอดเวลาวะ นี่ชีวิตจริงนะโว้ย ไม่ใช่ละครช่อง 7 ที่หน้าตึงผมเป๊ะทั้งตอนหลับตอนตื่น ทำเป็นกับว่าพอเป็นตัวตนของผมจริง ๆ ผมที่ทำตัวมอมแมมเหม็นน้ำลายหมา คนที่ยังชื่นชมก็มีแค่ไอ้เด็กข้างบ้านเท่านั้นแหละ
ถ้าอย่างนั้น ใครจะปล่อยมันไปได้ ต้องทำทุกอย่าง ทำทุก ๆ อย่างให้มันอยู่กับผม ให้หมอปออยู่กับผมทั้งตัว...ทั้งหัวใจ...ไม่ให้หนีไปไหน ไม่ให้ใครมาแย่งไปทั้งนั้น...
“อืออ...” ผมครางฮือขึ้นมาเมื่อสัมผัสเย็นชื้นแตะลงบนหน้าผากก่อนไล่ลงมาข้างแก้ม หรี่ตาขึ้นเปิดอย่างยากเย็นเพื่อเห็นแสงสีสว่างจ้าแล้วปิดลงไปใหม่ แรงเสียดสีจากผ้า...ใช่ เป็นผ้าอะไรสักอย่างที่หยาบฉิบหายถูลงบนหน้าผมแรงจนแสบไปหมด มีเสียงบ่นงุ้งงิ้งอยู่ข้างหูเหมือนแมลงวัน น่ารำคาญชะมัด
“เงียบน่า...” ผมขู่เสียงขรมพลางป่ายมือปัดแต่กลับไปโดนร่างของใครเสียก่อน เมื่อหรี่ตาขึ้นดูอีกครั้งก็เห็นเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาใต้แว่นหนาเตอะทำท่าบึ้งตึง เลยคลานขึ้นจากที่นอนแผ่หราบนเตียงลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือไปจับแก้มขาวทั้งสองข้างไว้แล้วหยิกด้วยความมันเขี้ยว
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิครับ พี่กลัวนะปอ”
“ผมเจ็บ...”
“แยกเขี้ยวใส่อีกน่ะ” แซวพลางโน้มตัวไปใกล้ ๆ พอจมูกชนปุ๊บเด็กหนุ่มก็ผินหน้าหนี “อยู่นิ่ง ๆ ให้ผมเช็ดตัวก่อนได้ไหมครับ”
“ม่ายด้ายย” อยู่กับปอใครจะไปนิ่งไหว ทำใจผมสั่นขนาดนี้แล้ว “ปอน่ารัก”
“ต่อไปนี้ผมสั่งเลยนะพี่ธัน ห้ามกินเหล้าเด็ดขาด ทำไมถึงเมาแบบนี้เนี่ย”
“ก็ปอน่ารัก”
“ไม่ได้เกี่ยวกันเลยครับ” คนตัวเล็กทำเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทน ผมเลยพูดต่อ “พี่เลยเมารักปออยู่นี่ไง”
“น้ำเน่า”
“แค่กับปอเท่านั้นแหละ” เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วผลักผมลงบนเตียง ถอนหายใจหนัก ๆ
“เงียบไปเถอะครับ ผมไม่ใจสั่นเพราะคำพูดของคนเมาหรอก แล้วก็อยู่นิ่ง ๆ ให้เช็ดตัวด้วย ถ้าลุกขึ้นมาอีกจะเอาเสื้อมามัดแขน”
ผมหัวเราะร่วนก่อนจะยอมนอนนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายเช็ดตัวตามเจตนารมณ์แต่โดยดี อย่าจับพี่มัดเลยคนเก่ง แค่นี้พี่ก็ดิ้นไปไหนไม่หลุดจะแย่แล้ว...
ตีสองสี่สิบห้า
ไฟสีนวลในห้องถูกปิดลงจนมืดสนิท มีเพียงแสงเล็ก ๆ จากดวงจันทร์โผล่พ้นรอยแยกของผ้าม่ายส่องมาให้เห็นร่างเล็กของเด็กหนุ่มที่ปีนขึ้นมานอนใกล้ ๆ กัน ผมไม่เคยนอนกับปอที่อื่นนอกจากบ้านเดี่ยวหลังนั้น เตียงนอนขนาดควีนไซส์ที่มีหมา ๆ นอนกระแซะเบียดเต็มพื้นที่
พอได้นอนบนเตียงนุ่ม ๆ กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนผ่อนคลายแบบผิดที่ผิดทางอย่างนี้แล้วรู้สึกเตียงมันกว้างเกินไปพิลึก บางส่วนอาจเป็นเพราะไม่ต้องแบ่งพื้นที่ให้สุนัขแสนรู้ทั้งห้าตัวให้หลับฝันดีใกล้ ๆ กัน ดังนั้นต่อให้ยังรู้สึกมึนหัวมากแค่ไหนก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับ
จากตรงนี้ผมมองเห็นเงาราง ๆ ของแผ่นหลังเล็กกับไหล่ลู่ของอีกฝ่าย ปอท่าทางหัวเสียพอสมควรถึงได้นอนหันหลังให้แถมยังห่างเป็นวาขนาดนี้ เอาร็อตไวเลอร์มานอนแทรกยังรู้สึกว่าใกล้กว่า ผมผิดเหรอ ก็อาจจะใช่ แต่ไอ้กรณ์ผิดกว่ามันจงใจมอมผมนี่ ถามว่ารู้ได้ยังไงก็สังเกตเอาจากที่มันเดินตัวปลิวไม่มีวี่แววของคนเมาเลยแม้แต่น้อยนั่นแหละ กินเหล้าด้วยกันประสาอะไรวะ ทำไมผมถึงเมาอยู่ฝ่ายเดียว
“ปอ โกรธพี่เหรอ...” ถามพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียกแต่อย่างใดผมเลยถือวิสาสะขยับตัวให้ใกล้มากขึ้นอีก ระยะห่างระหว่างเราลดลงเรื่อย ๆ จนแผ่นอกผมชนกับแผ่นหลัง ยกแขนขึ้นกอดเอวบางของอีกฝ่ายได้ในที่สุด
ผิวของปอหอมจัง เส้นผมก็หอม ใช้สบู่กับแชมพูยี่ห้อเดียวกันแท้ ๆ กลับรู้สึกว่ามันต่าง เอวคอดของเด็กหนุ่มนุ่มลื่น พอแทรกมือเข้าไปใต้เสื้อยืดใส่นอนแล้วก็ลูบจนเพลิน หน้าท้องแบนเรียบ ไม่มีทั้งพุงทั้งกล้าม ผอมขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่กินเก่งจะแย่ ไม่รู้ว่าเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมจรดจมูกลงไปกลางศีรษะ หัวโตแท้ ๆ แต่ตัวกลับเล็กนิดเดียว คิดว่าตัวเองเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นหรือไงก็ไม่รู้
“พี่ธัน...” เสียงทุ้มเอ่ยเตือนขึ้นมาในที่สุดเมื่อนิ้วหัวแม่มือผมไล้รอบสะดือ ผมครางรับในลำคอก่อนเปลี่ยนจากริมฝีปากเป็นจมูกที่ซุกลงไปในเรือนผม หอมจริง ๆ นะ หอมจนอยากหายใจเข้าอย่างเดียวไม่อยากหายใจออกเลยล่ะ
“ผอมจัง พี่จับนิดเดียวก็ถึงกระดูกแล้ว”
พูดพลางไล้มือขึ้นสูงมาถึงซี่โครง ลมหายใจของคนในอ้อมกอดขาดช่วง ตามตะครุบมือผมเอาไว้ ยกเข่าขึ้นงอกับโค้งตัวลงงุ้มหนีสัมผัส ไม่ยินยอมให้แตะต้องแต่โดยดี
“พรุ่งนี้ผมมีสอบนะ”
“อือ...รู้แล้ว พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่อยากรู้ว่าผอมแค่ไหน”
“พอแล้ว”
“อย่าก้มลงไปสิ...” ผมพูดเสียงสั่นพร่าเพราะเมื่ออีกฝ่ายงอตัวมากเท่าไรสะโพกมนก็ยิ่งบดเบียดกับร่างกายผมมากขึ้นเท่านั้น อาศัยมองจากมุมนี้จะเห็นเส้นผมที่ระลงมาบนลำคอ ผิวขาว ๆ บริเวณหลังคอยิ่งขาวกว่าที่อื่น ถ้าเป็นแวมไพร์คงเลือกที่จะกัดตรงนี้ ทิ้งรอยคมเขี้ยวไว้เพราะต้นคอของอีกฝ่ายดูสะอาดจนเกินไป
“พะ...พี่ธัน!”
เสียงแหบห้าวฟังดูตระหนกเมื่อผมจรดริมฝีปากลงไปในที่สุด มือข้างหนึ่งเลื้อยขึ้นจนแตะต้องอวัยวะบางส่วนที่แข็งเป็นไตอยู่บนแผ่นอก ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยนิดเดียวเสียงครางฮือก็ดังลอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก ถ้าข้างบนตื่นเต้นขนาดนี้...ข้างล่างจะตื่นตัวสักแค่ไหนเชียวนะ
ผมหลับตาพลางกดย้ำปลายนิ้วไปตามร่างกายในอ้อมแขนท่ามกลางความมืด ผิวของปอเมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกราวถูกหลอกล่อให้เสพติด ยิ่งเมื่อมีเสียงต่ำ ๆ จากลำคอนั่นยิ่งปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างยากจะหักห้าม
นานมากแค่ไหนนะที่ไม่ได้ทำแบบนั้น...
“พี่อยากกอดปอ”
พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกว่ากำลังจะทนไม่ไหว เพียงสัมผัสจากฝ่ามือยังไม่มากพอจะเติมเต็มความปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมาได้ ผมผละถอยออกมานิดหน่อยเพื่อจับอีกฝ่ายพลิกตัวนอนหงายแล้วขยับขึ้นคร่อมร่างเล็กไว้ง่ายดาย ปอดิ้น จะดิ้นทำไมก็ไม่รู้แค่อยากกอดเฉย ๆ แท้ ๆ
“พี่ธัน...ไม่อะ...” เสียงแหบกลืนหายไปเมื่อผมจรดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากกระจับ ช่วงชิงมันโดยไม่รอให้ตั้งตัว ลิ้นร้อนสอดลึกเข้าไปในช่องว่างเพียงเล็กน้อย จูบของผมยังคงเจือด้วยรสแอลกอฮอล์จาง ๆ แต่หวานกว่าปกติเพราะคนที่กำลังจุมพิตอยู่ด้วยเป็นปอ ไล้วนปลายลิ้นในโพรงปากช้า ๆ แต่หนักหน่วง คนในอ้อมแขนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างแต่หยุดต่อต้านแล้ว
“ผะ...ผม...”
“ไม่เจ็บหรอกคนดี” ผมกระซิบปลอบแผ่วเบา “เหมือนมดกัด...นิดเดียว” พูดจบก็เชยคางขึ้นจูบอีกครั้ง มือขาวยกขึ้นจิกบ่าเหมือนเป็นหลักคอยหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เตลิดเปิดเปิง ผมไล่พรมจูบจากปากมายังแก้ม ไล้ลงต่ำมาถึงปลายคาง ลำคอและไหปาร้าหลังจากบังคับให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นถอดเสื้อยืดตัวย้วยให้หลุดออกจากร่างแต่โดยดี
ร่างขาวปรากฏชัดในสายตา ยอดอกที่แข็งขืนเป็นสีชมพูตัดกับผิวอย่างคนสุขภาพดีเชื้อเชิญให้ผมจรดปลายลิ้นลงไปในที่สุด ร่างเล็กดิ้นเร่าครางประท้วงไม่เป็นภาษาเมื่อถูกดุนและดึงขึ้นเบา ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นกำลังกระตุ้นให้ผมร้อนลงไปถึงท้องน้อยผมเคยช่วงชิมมันแล้ว แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกหวานเหมือนถูกมอมเมา ขบกัดจนแผ่นอกบางลอยสะท้าน ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเหยเก
มันดีกว่าที่ผมจินตนาการไว้เยอะมาก
ผมใช้มือสอดเข้าไปในขอบกางเกงบอลของอีกฝ่าย ผ้าผิวลื่นเมื่อออกแรงนิดหน่อยก็หลุดออกจากข้อเท้าง่ายดาย ร่างกายที่เด่นตระหง่านขึ้นมาเมื่อถูกปลดเปลื้องบอกผมว่าอีกฝ่ายก็ปรารถนาเช่นเดียวกัน ผมไล่สายตามองร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง จากล่างขึ้นบน และสบตาพอดีกับเด็กหนุ่มที่ปรือตาหวานเยิ้มเปิดออกอย่างยากลำบาก
“อ้ะ...อ๊ะ...”
ปรเมศวร์ส่งเสียงครางประท้วงเมื่อผมแตะปลายนิ้วลงบนเรือนร่าง กอบกำละชักจูงให้รู้สึกวาบหวามและร้อนเร่า มือขาวปล่อยจากไหล่ผมมาควานสะเปะสะปะ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวพลิกซุกลงบนหมอนด้วยความกระดากอาย
น่ารัก...ไม่รู้จะใช้คำบรรยายอะไรนอกจากนี้แล้ว ปอเหมือนลูกกวางตัวเล็ก ๆ ที่ดิ้นรนหาทางรอดจากคมเขี้ยวนายพราน ยิ่งดิ้นทุรนทุรายด้วยแรงแห่งอารมณ์ยิ่งเพิ่มความน่ารักระคนเซ็กซี่ขึ้นมาถนัด เสียงครางในลำคอเริ่มร้องไม่เป็นภาษาเมื่อผมกระหวัดปลายนิ้วอย่างช่ำชอง น้ำตาใสไหลออกมาที่หางตาด้วยความทรมานเมื่อรูเล็กส่วนปลายเริ่มมีหยาดน้ำเหนียว ๆ หลั่งบ่งบอกอารมณ์
“..ระ...เร็ว ๆ สิครับ....” เสียงหวานออดอ้อนจนผมแทบจะกระเจิง ปอน่ารัก ยิ่งเวลาร้องเรียกหาผมแบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ผมขยับมือให้เร็วขึ้นตามความต้องการของอีกฝ่ายขณะเดียวกันมืออีกข้างก็จับขาเรียวขึ้นชันให้สามารถแตะต้องยังส่วนนั้นได้สะดวก จะไม่ยอมให้เสร็จข้างนอกอีกแล้ว อยากจะกลืนกินประทับตราทั้งร่างเอาไว้ให้ใคร ๆ ได้รู้ว่าปอเป็นของผม คนที่เห็นท่าทางกระหายกอดอย่างสิ้นท่าจะมีเพียงผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น
“อ๊ะ...”
ทั้ง ๆ ที่ช่วยผ่อนคลายขนาดนี้ยังรัดนิ้วไปหมด...ใส่เข้าไปได้แค่ข้อเดียวร่างเล็กก็ดิ้นพล่าน ผมเหลือบตามองหาตัวช่วยอื่น ๆ เมื่อเห็นว่ามีขวดน้ำยาหล่อลื่นที่ไอ้กรณ์ซื้อทิ้งไว้ก็คลานขึ้นไปหยิบแล้วบีบราดบนช่องทางนั้นรวมถึงปลายนิ้ว คนตัวเล็กบิดหน้าเหยเกมากกว่าเก่าเมื่อผมถอนออกแล้วสอดเข้าผ่านช่องแคบช้า ๆ
“อึ๊ก...”เสียงที่กลั้นเอาไว้ทำเอาผมอมยิ้ม แกล้งสอดปลายนิ้วเข้าลึกจนคนตัวเล็กผวาขึ้นกอด “อ๊า...”
“ร้องออกมาสิ พี่จะได้รู้ว่าควรทำยังไง”พูดพลางไซ้จมูกตามซอกคอและติ่งหูไปด้วย ปลายลิ้นแตะชิมรสเหงื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ โอบโอบกอดเอวผอมให้ยกขึ้นเพื่อยึดสะโพกไม่ให้ถดหนี
แน่น...รัดแน่นชะมัด...ทั้ง ๆ ที่เล้าโลมขนาดนี้แล้ว ผนังหยุ่นที่โอบรัดร่างกายผมไว้บีบตัวคล้ายจะโอบกอดกันให้มั่น เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับมือเล็กจิกลงบนผ้า ผมขยับตัวออกเพื่อเสือกตัวลงให้ลึกกว่าเดิม สัมผัสในส่วนที่มีเพียงผมที่จะเข้าไปได้ลึกกว่านี้ด้วยตัวเองช้า ๆ
“อ๊ะ...อึก...อ๊า”
“ผ่อนลมหายใจ ปอ” ผมกระซิบเสียงหวาน ขณะที่เจ้าของชื่อพยายามซ่อนใบหน้ายุ่งเหยิงลงกับหมอน ริมฝีปากแดงสั่นสะท้าน หอบหายใจหนักจนแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงแรง
“อย่าเกร็ง...”
“อึ่ก...หยะ”
“เป็นยังไงบ้าง” ถามพลางจูบที่ริมฝีปากนั้นเป็นการปลอบโยน ปรเมศวร์ปรือตาเปิดเพื่อให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในหน่วยตามากเพียงใด
“ข้ะ...ข้างใน...มันใหญ่...ขึ้น”
“โธ่...คนดี” ผมพูดพลางไล้มือลงสัมผัสส่วนนั้นของเด็กหนุ่มเป็นการปลอบประโลม ขยับข้อมือรูดขึ้นลงพร้อมกับสอดใส่ชำแรกร่างกายตัวเองลงลึก
“ก็รัดพี่แน่นเสียขนาดนี้...”
ผมพูดพลางบิดหน้าเหยเก ขยับสะโพกเข้าออกเป็นจังหวะ ภายในของอีกฝ่ายตอดรัดจนต้องสะกดกลั้น พรมจูบทั้งปากและแก้มใสไปทั่ว มือข้างหนึ่งกระตุกโน้มน้าวให้คนตัวเล็กผ่อนคลาย ขณะที่อีกข้างยึดสะโพกเล็กให้แม่นมั่น ผิวเปลือยเปล่าที่แนบชิดกันเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เอวคอดเล็กส่ายไหวตามจังหวะที่ผมสลักร่างลงไป
คนที่อยากกอดมานาน...อยากสัมผัสแบบนี้มาตลอด
น้ำตาแห่งความรื่นรมย์ไหลจากกรอบตาที่ปิดสนิท ผมใช้แก้มตัวเองแนบลงไปเพื่อเป็นการเช็ด ความสุขเอ่อล้นจนยากจะบรรยายเมื่อนึกขึ้นมาว่าคน ๆ นี้เป็นของผม ก้มลงมองร่างกายที่เชื่อมกันอยู่แล้วข่มใจไม่ให้เผลอทำอะไรรุนแรง กระนั้นก็เผลอขยับเอวออกอย่างรวดเร็วเมื่อขาขาวขยับกางออกจากกันมากขึ้น
“อ๊ะ...อ๊า...” คนตัวเล็กกรีดร้องเมื่อผมฝังร่างลงลึก ใบหน้าขาวส่ายสะบัดจนเม็ดเหงื่อกระเซ็น “ลึก...ลึกไป...”
“จุกเหรอ?”
ปรเมศวร์พยักหน้าลงไม่เป็นศัพท์ ผมหัวเราะแล้วผ่อนแรงลงแม้จะยังขยับสะโพกลงลึกเหมือนก่อนหน้านี้ “แล้วรู้สึกดีหรือเปล่า” ถามด้วยเสียงสั่นพร่าเพราะจังหวะตอดรัดกระชั้นถี่ขึ้นจนรู้สึกได้ ปอกำลังจะถึง เพียงเพราะผมฝังร่างลงไปลึกตรงจุดชวนกระสัน
“ระ...ร้อน..”
“อยากให้พี่ทำยังไง...”
“...มากกว่า....มากกว่านี้” เสียงคนตัวเล็กร้องเรียกไม่เป็นภาษา ทว่าผมกลับเนิบนาบรอจังหวะ “อะไรมากกว่านี้...”
“ลึก..หรือเร็ว...”
ปรเมศวร์ปรือตาขึ้นเปิด ขบริมฝีปากล่างไว้ด้วยฟัน “ทั้งสอง...”
“อ้อนพี่สิ...พี่จะได้ไม่รู้สึกว่ากำลังรังแกเราอยู่ฝ่ายเดียว”
พูดพลางยักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คนตัวเล็กโอบมือขึ้นเหนือลำคอผม โน้มลงไปหาอย่างง่ายดาย ริมฝีปากกระจับจูบข้างแก้มก่อนไซ้จมูกลงบนกกหู
“พี่ธันครับ....
ขอร้อง...”
เพียงสิ้นคำหวานผมก็ขยับสะโพกตามความต้องการของอีกฝ่าย เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายภายในด้วยร่างกายจนล้นปรี่ เสียงกรีดร้องครางลั่น ขณะที่ผมสลักฝังร่างลงไปทุกซอกทุกมุม สิ่งที่อัดแน่นภายในพุ่งทะยาน อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจากร่างกายที่บดเบียดซึ่งกันและกันด้วยแรงปรารถนา หลายสิ่งผสมปนเปดังสะท้อนไปทั้งห้องเมื่อผมขยับสะโพกอย่างตะกรุมตะกรามก่อนเด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายถึงฝั่งฝันก่อน น้ำเสียงทุ้มครางกระเส่าสั่นพร่า ลมหายใจของผมปั่นป่วน ท้ายที่สุดก็เหยียดตัวหยัดลงลึกและปลดปล่อยมันออกมาด้วยความสุขที่ล้นทะลักตาม ๆ กัน
และสิ่งที่อบอวลหอมหวนในบรรยากาศมากกว่านั้น ผมไม่ปฏิเสธที่จะเรียกมันว่าความรักแต่อย่างใด
“พี่รักปอ...”
พูดพลางจูบบนหน้าผากและขมับ พรมมาถึงพวงแก้มและริมฝีปากที่ยังเผยอทิ้งไว้ ตากลมปรือปรอยคล้ายหมดแรง ก่อนจะขยับริมฝีปากตอบกลับแบบไม่มีเสียง
“อือ...”TBC
ตอนต่อไปคือปอสอบตก โกรธพี่ธัน บอกเลิก จบ เย้!!
ตอนนี้ตั้งชื่อตามที่พี่ธันบอกเลยนะ เจ็บนิดเดียว เหมือนมดกัด 55555555555555555 ความหื่นทำให้คนขี้โกหกนะจ๊ะ
งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่กรณ์รึเปล่าหนอ เสร็จโจรเลยหมอเอ้ยยย
สุขสันต์วันพิพิธภัณฑ์ไทยค่ะ ฮาาา ที่จริงอยากลงวันเสาร์ วันเยาวชนโลกนะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชนเท่าไรเลย

เจอกันอีกทีวันปิยะค่ะ ขอเวลาคิดก่อนว่าจะให้ปอทำยังไงกับคนขี้เมาต่อ เหลืออีก 3 ตอนจบ ครบ 1 ปี พอดี แป๊บ ๆ เองเน้อ
ปล. เราเปิดเรื่องใหม่ไว้เรื่องนึง แวะไปอ่านกันได้นะคะ when the winds blows back ค่าา