(ต่อจากด้านบน)
เอาใหม่ครับ
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก... ซู่!!แม่ง...ไม่เรียกพรำแล้วครับ แบบนี้
หลังจากโบกแท็กซี่กลับมาได้ก็เหมือนฟ้าจะร้องไห้หนักกว่าเก่า ผมจ่ายเงินให้คุณลุงคนขับก่อนรับเงินทอนแล้วกลั้นใจวิ่งฝ่าฝนจากรั้วหน้าบ้านกลับเข้ามาข้างใน ระยะทางสั้น ๆ แต่ฝนตกเหมือนก๊อกแตกแบบนี้ก็เปียกไปถึงชั้นในได้เหมือนกัน เข้าบ้านได้เจอพี่ป่านนั่งทาเล็บอยู่ ทำหน้าเหยียด ๆ น้องชายที่เปียกมะลอกมะแลกไม่คิดจะช่วยเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ เลยต้องขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยตัวเอง
“พี่ป่านหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิครับ”
“ทาเล็บอยู่ ลุกไม่ได้ ไม่เห็นเหรอยะ”
ผมถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่ถ้าเป็นพี่ธันนะแทบจะอุ้มผมมาเปลี่ยนชุดให้แล้วชัวร์ ๆ นี่พี่สาวแท้ ๆ ของผมจริงเหรอครับ ทำไมใจร้ายได้ขนาดนี้
“แล้วนี่ป้อนไปไหนครับ”
“ไปเล่นบ้านเพื่อน ยังไม่กลับ ถามทำไม”
“ชุดผมซักไว้ไม่แห้งสักตัวเลยน่ะสิครับ กางเกงตัวสุดท้ายก็เปียกแล้วด้วย เลยว่าจะยืมกางเกงเสียหน่อย”
ป้อนไม่อยู่บ้านแล้วชอบล็อกห้องครับ เพราะงี้เลยเดือดร้อนจนต้องถามถึง พี่ป่านพยักหน้าแล้วก้มลงมาตะไบเล็บต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อนไปด้วย
“แกใส่ของฉันไปก่อนสิ ค่อยไปเอาชุดที่บ้านพี่ธัน มีทิ้งไว้ที่นั่นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ผมหัวเราะเหอะ ๆ ใส่กางเกงขาสั้นเสมอจิ๊ของพี่ป่านน่ะเรอะ อาจจะสวมแบบไม่ต้องรูดซิปได้อยู่เพราะเอวผมไม่ต่างจากพี่สาวมาก แต่ถ้าแต่งตัวแบบนั้นเข้ารังตะเข้คิดว่าผมจะกลับออกมาสภาพไหนกัน พักหลัง ๆ ไอ้พี่ธันยิ่งจ้องจะฟันผมทุกวินาทีอยู่ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมรอฝนหยุดแล้วสวมบ็อกเซอร์ไปเอาชุดที่บ้านนั้นก็ได้”
อย่างน้อยก็ไม่น่าอายเท่าใส่กางเกงผู้หญิงล่ะวะผมอ่านหนังสือรอในห้องพักใหญ่ ๆ ก่อนฟ้าด้านนอกจะใสแล้วค่อยออกมา ใช้วิธีการปีนข้ามฝั่งผ่านกำแพงด้วยความชำนาญ กระโดดลงมาบนพื้นได้ก็เดินเข้าบ้านหลังโตด้วยความคุ้นเคย หลังประตูบ้านไม้โอ๊คประดับกระจกบานใหญ่มีพี่ธันแอนด์เดอะแก๊งนอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น แกะลิ้นจี่กินเองสลับกับป้อนร็อตไวเลอร์ตัวเซื่องดูทีวีโชว์สบายใจเฉิบ
"ให้หมากินของแปลก ๆ อีกแล้วนะครับพี่ธัน"
ได้ยินเสียงผู้บุกรุกเจ้าของบ้านก็ตกใจทำลิ้นจี่ร่วงผล็อยกลิ้งหลุน ๆ ไอ้ผมก็มัวแต่ขำท่าทางตกใจเกินพอดีของทั้งคนทั้งหมาจนลูกลิ้นจี่เลยไปด้านหลัง ไอ้พี่ธันมุ่ยหน้าลง บ่นผมเสียงกวน ๆ ไม่จริงจังนัก
"เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย กระผมว่าวอยู่ทำไงวะหมอ"
"ทุเรศแล้วครับพี่ธัน กลางบ้าน กลางวันแสก ๆ กับหมาอีก 5 ตัวเนี่ยนะ จะหื่นก็จำกัดเวลาบ้างเถอะ"
ผมด่าแล้วก้มลงไปหยิบลิ้นจี่ พอหันกลับมาเห็นเจ้าของบ้านทำตาวาววับกลิ้งลูกลิ้นจี่มาใหม่ก็ท้าวเอวจ้อง
“กวนตีนแล้วครับ”
“เก็บให้หน่อยดิ อุ้ย กลิ้งไปอีกแล้ว”
พูดไม่ทันขาดคำไอ้พี่ธันก็โยนลูกลิ้นจี่มาอีกระลอก ผมถอนหายใจหน่ายก้มลงเก็บให้ทีละลูกพลางบ่นเสียงหน่าย ไม่เข้าใจชีวิตและตรรกะชายวัย 30 เท่าไร เป็นอะไรมิทราบหาเกมวอนโดนตีนคนอื่นมาเล่นแบบนี้หน้าตาเฉย
"เหงาก็เอาลูกเทนนิสมาเล่นกับหมาครับ จะกวนผมทำไม"
"ก็แหม หมาเก็บแล้วจะได้เห็นขาอ่อนปอตอนก้มเหรอวะ เอาอีกเม็ดดิ๊"
สันดาน!ไม่ทนแล้วครับ สิ้นคำสารภาพของชายหื่นผมก็ปาลิ้นจี่ในมือใส่ไอ้พี่ธันไม่ยั้ง ถามว่าสลดหรือเปล่า ก็ไม่เลย เจ้าของบ้านหัวเราะร่วนยกชิสุห์มาเป็นกำบังให้อย่างมาดแมน ถุยจริง ๆ
"เฮ้ย ๆ ล้อเล่นน่า แค่จะถามว่าทำไมใส่ชุดนี้มา ยั่วเหรอ บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเนี่ย"
"ยั่วบ้าอะไรล่ะครับ เรื่องแบบนี้มีแต่พี่ธันนั้นแหละที่คิด กางเกงผมแห้งไม่ทันเลยจะมาเอาชุดที่ทิ้งไว้นี่ต่างหาก"
พี่ธันหัวเราะร่วน หยัดตัวขึ้นยืนพลางโคลงหัว "ว้า อดเลย นึกว่าบรรยากาศเป็นใจแบบนี้จะได้เมียเสียอีก"
"สักนาทีเถอะครับที่จะไม่คิดเรื่องนี้น่ะ" ผมบ่นเสียงเนือย เจ้าของบ้านยังคงยิ้มสบาย ๆ เดินนำผมและฝูงหมาขึ้นชั้นสอง ร็อตไวเลอร์ของพี่ธันกระดิกหางระริก มองหัวหน้าทีมมันแต่กลับเดินมาเล่นกับผมหน้าซื่อ
"เฮ้ย ๆ ๆ"
ร้องเสียงหลงสิครับ พอนายมันไม่หื่นไอ้หมาก็เอาจมูกมาซุกดัน ๆ ขาขากางเกงบ็อกเซอร์ผมให้ถลกขึ้นสูง ไอ้พี่ธันหันกลับมา ทำหน้าดุใส่หมาตัวเองแล้วดึงผมไว้ด้านหลัง ยกมือชี้นิ้วด่าหมากราด
"อย่านะมึง ไม่อยากเป็นลูกชิ้นอย่ามาทะลึ่งกับว่าที่เมียพ่อ"
เมียพ่องสิครับ! ไอ้พี่เวร!
ความจริงแล้วจะให้มาหยิบชุดคนเดียวก็ได้นะครับ ผมหมายถึงบ้านนี้ผมเข้าออกทุกซอกทุกมุมจนรู้หมดแล้วว่าพี่ธันเก็บเสื้อผ้าผมไว้ห้องไหน ลิ้นชักไหน แต่เจ้าตัวเดินมาด้วยก็ดี จะได้ไม่รู้สึกเหมือนโดนทิ้งเกินไป เขาไม่ได้ช่วยผมหาหรอกครับ นั่งเฉย ๆ อยู่บนเตียงมองผมรื้อตู้เท่านั้นแหละ ซึ่งผมว่าก็ดีแล้ว ไม่ต้องมาเกะกะกันดี เสื้อผ้าที่ผมทิ้งไว้นี่เยอะกว่าที่คิดแฮะ เอากลับบ้านสักสองสามชุดน่าจะดีกว่า
“พี่ธันมีถุงไหมครับ ผมจะเอาชุดกลับบ้าน”
“มี ๆ รสสตรอว์เบอรี่กับช็อกโกแลต หมอชอบแบบไหน”
ถุงห่าอะไรล่ะครับนั่น! มันใส่เสื้อผ้าได้ที่ไหน ผมหันมองค้อนขวักให้เจ้าบ้านที่ยังยิ้มหน้าระรื่นไม่สำนึก “ผมไม่ได้หมายถึงถุงยางครับ ขอบคุณมาก แต่ไม่จำเป็นต้องใช้”
“หมอไว้ใจพี่ขนาดให้สดเลยพี่ก็ดีใจ ว่าแล้วเรามาเริ่มกันดีไหม”
ปึ่ก!ไม่ต้องรอให้ถึงตัวหรอกครับ ผมเขวี้ยงกางเกงในมือใส่หน้าไอ้โรคจิตสุดแรง ไอ้พี่ธันร้องหงิงแกล้งล้มไปนอนบนเตียงราวกับโดนที่ทับกระดาษฟาดเข้าให้ ประทานโทษ นั่นมันแค่กางเกงขาสั้นของผมนะ ไม่ต้องโอเวอร์แอคติ้งขนาดนั้นก็ได้มั้ง
“หมอโหดว่ะ ทำร้ายร่างกายผม”
“โหดได้มากกว่านี้อีกครับ ถ้าพี่ธันยังพูดไม่รู้เรื่อง ผมล่ะเหนื่อยจริง ๆ” ถึงจะบอกแบบนั้นผมกลับเดินมาดูอาการคนเจ็บอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าโดนกระดุมหรือซิบไปหรือเปล่า แต่หน้าด้าน ๆ แบบนี้ไม่น่าเป็นอะไรมากหรอกเชื่อดิ
“เจ็บตรงไหนครับ”
ถามพลางดึงไหล่คนที่นอนซุกหน้าอยู่กับเตียงให้พลิกขึ้นมาด้วย แต่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เป็นยังไง ไอ้พี่ธันก็อย่างนั้น ออกแรงนิดเดียวแขนล่ำ ๆ ของเขาก็ตวัดขึ้นพลิกผมไปนอนกอดได้สบายใจเฉิบ จมูกผมชิดกับแผ่นอกกว้าง เงยหน้าขึ้นมาปุ๊บก็พบว่าเจ้าของบ้านทอดสายตาลงมองหวานหยดเสียแล้ว
“เล่นอะไรแบบนี้”
“อยากนอนกอดปอนี่ ไม่ได้นอนกอดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” คนเจ้าแผนการจุดยิ้มที่มุมปาก ผมหลบสายตาลงต่ำ ไม่ได้พลิกตัวหนีไปไหน
“ก่อนเปิดเทอมจะมีออกค่ายอีกไหม”
“ไม่มีครับ แต่ว่าเดือนหน้าต้องไปเรียนขี่ม้า กับช่วงหนึ่งสัปดาห์ปลายเดือนกรกฎาต้องเตรียมงานรับน้อง”
“จะขึ้นปี 3 แล้วนี่เนอะ” ผมพยักหน้าชิดอก พี่ธันถอนหายใจยาว ก้มลงจูบเบา ๆ ที่กระหม่อม “โตไวเหมือนกันนะเรา”
“ผมน่ะโตตั้งนานแล้ว พี่ธันนั่นแหละที่มองว่ายังเป็นเด็กอยู่ได้”
“จริงหรือเปล่า”
เจ้าของเสียงถามกระเซ้า ไล้มือใหญ่ไปบนแผ่นหลังผมแผ่วเบาก่อนเลื่อนลงต่ำจนถึงสะโพก มือหยาบลูบที่ก้นก่อนนวดคลึงอย่างถือวิสาสะ ผมเงยหน้ามองดุแทบจะในทันที ขณะเดียวกันนั้นพี่ธันที่เหมือนจ้องรอจังหวะอยู่แล้วก็โน้มตัวลงมาจรดริมฝีปากที่กลีบปากผมพอดิบพอดี เป็นอีกครั้งแล้วที่ผมถูกจูบ ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร มันบ่อยจนเกินจะนับ แต่ทุกครั้งก็ยังคงทำให้ผมเตลิดเปิดเปิงได้เหมือนครั้งแรกตลอด
ปลายนิ้วทั้งห้า ไม่สิ... สิบแล้วต่างหากที่บีบสะโพกผมแล้วเลื้อยลงต่ำ สัมผัสแผ่วเบาที่โคนขาอ่อนก่อนดันขึ้นสูงล้วงเข้ามาในบ็อกเซอร์เพื่อสัมผัสเนินเนื้อแบบไร้อาภรณ์กั้น ผมครางฮือห้ามในลำคอ หากแต่ปลายลิ้นของชายหนุ่มกลับใช้จังหวะนั้นเป็นโอกาสสำหรับจาบจ้วงเข้ามาอย่างฮึกเหิม ผมเผลอจูบพี่ธันกลับ ตวัดเกี่ยวปลายลิ้นและกลืนกินลมหายใจของกันและกันผะแผ่ว สัมผัสจากฝ่ามือ ริมฝีปากและปลายลิ้นเป็นไปอย่างวาบหวาม หัวใจผมแทบจะระเบิดเมื่อรู้สึกถึงร่างกายที่ตื่นตัวของอีกฝ่ายเมื่อบดลงมาแนบหน้าขา
“พี่ธัน...”
“เริ่มโตจริง ๆ แฮะ”
เสียงหวานเชิงกระเซ้าเอ่ยกลั้วหัวเราะ ผมทุบอึกที่อกแกร่งหนัก ๆ อีกครั้งแล้วพลิกตัวหนี พี่ธันคลายแรงที่รัดผมลง แต่ยังไม่ปล่อยให้หลุดไปจากอ้อมแขน อีกฝ่ายขยับตัวกอดจากด้านหลังมองไปยังท้องฟ้าที่เมฆเคลื่อนตัวมาอีกครั้ง
“สงสัยคืนนี้ฝนได้ตกหนักอีกแน่”
“พายุเข้านี่ครับ” ผมบอกตามที่ได้ยินจากรายการพยากรณ์อากาศ พี่ธันพยักหน้าอยู่ด้านหลัง ไม่ได้พูดอะไรเสริม เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนฝนโปรยลงมาอีกรอบของวันจริง ๆ อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นแต่อ้อมกอดของพี่ธันกลับอบอุ่น ครึ่งปีแล้วสินะ นับตั้งแต่วันนั้นที่พี่ธันทำอะไรให้ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันก้าวมาไกลกว่าคำว่าพี่น้องแล้วชอบกล
พี่ธันเป็นคนน่ารัก ถึงจะทะลึ่งอยู่บ้างแต่ผมว่าเขาน่ารักนะ ชอบฉวยโอกาสกับผมเป็นครั้งเป็นคราว แต่ถ้าเทียบกับเรื่องที่ต้องอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ผมว่าพี่ธันเก่งมากเลย อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากเรื่องมากอะไรนะโว้ย แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำใจยากนี่ครับ ผมชอบพี่ธันนะ ชอบในฐานะพี่ชายคนหนึ่งแน่ ๆ แต่มากกว่านั้นหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ บางครั้งผมก็หวง ไม่ค่อยชอบใจเรื่องพี่มี่แต่ก็ไม่ถึงกับหึงหวงอะไร ไม่ได้ซึนนะครับ แต่ตอนคบกับเฟิร์นน่ะผมหึงได้มากกว่านี้เยอะเลยล่ะ
“พี่ธัน”
“ว่าไง”
“พี่ธันชอบผมตั้งแต่เมื่อไรครับ”
“ชอบเหรอ” พี่ธันครางในลำคอเหมือนกำลังคิด ไซ้จมูกลงบนหัวผมเบา ๆ “ตั้งแต่เจอในตู้อบเลยล่ะมั้ง”
“ไม่ใช่แบบนั้นดิ... ผมหมายถึง แบบที่อยากแต๊ะอั๋งอะ”
พี่ธันหัวเราะในลำคอกวน ๆ ยังคงปัดจมูกไปมาเหนือเส้นผมของผมไม่เลิก “ไม่รู้ว่ะ แต่นอนกับผู้ชายคนแรกก็คิดถึงภาพปอเลย จากก็ฝันถึงบ่อย ๆ สักพักก็ลามมานึกถึงตอนช่วยตัวเอง หลัง ๆ มันเลยห้ามตัวเองไม่ค่อยได้เวลาอยู่ด้วยกัน”
สาบานเลยครับว่าไอ้คนพูดน่ะพูดหน้าตาเฉยมาก ส่วนผมนี่ร้อนวาบทั่วไปทั้งหน้า ที่พี่ธันเคยนอนกับผู้ชายน่ะบอกตรง ๆ ว่าผมก็แปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไรนัก ประสบการณ์ดูโชกโชนเสียขนาดนี้
“หมอถามไม”
“ก็สงสัย คนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด นึกพิศวาสอะไรผมวะ กับไอ้ป้อนไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
คนถูกถามส่ายหัวอยู่ด้านหลัง ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นจากด้านหลัง ไอ้พี่ธันเขินเหรอครับ “เรื่องนั้นไม่รู้แล้วว่ะ มันรู้สึกเอง เป็นแค่กับปอด้วย ถามอะไรมาก ผมก็เขินเป็นนะครับหมอ”
ถึงทีผมหัวเราะกวนประสาทกลับไปบ้าง อีกฝ่ายเลยพลิกผมนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมมาฟัดข้างแก้มด้วยความหมั่นไส้ จั๊กจี๋ฉิบเป๋งเลย ไอ้พี่ธันบ้า
“หัวเราะอะไรวะหมอ กวนเหรอ”
“ไม่ได้กวนครับ พี่ธัน อย่า... อ้ากกกก”
ผมดิ้นขลุกขลักสู้แรงหมียักษ์สักพักก็ดึงหมอนมากอด อารมณ์สาวน้อยมากครับนาทีนี้ ต้องกรี๊ดกร๊าดด้วยไหมวะ พี่ธันหยุดสักพักก็ดึงหมอนออกปาไปทางอื่น หอบแฮกอยู่เหนือร่างผมแต่มีรอยยิ้มร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้า
“เล่นอะไร เหนื่อย”
“พี่ธันเริ่มก่อน” ผมสวนแทบจะในทันที อีกฝ่ายไม่เถียงกลับแต่กวาดตามองทั่วกรอบหน้าผม หลุบสายตาไล่มาตามสันจมูกและริมฝีปาก ตาคู่สวยหวานหยดหยาดเยิ้มอย่างคนเจ้าชู้ ยกมือขึ้นลูบแก้มผมเบา ๆ ด้วยความหลงใหล
“อยู่ใกล้ ๆแบบนี้แล้วไม่อยากห้ามใจเลย”
ผมควรจะพูดอะไรต่อจากนั้นวะ 'ก็ไม่ต้องห้ามสิครับ'อะไรพรรค์นี้เหรอ เอาจริง ๆ ขนลุกตายชัก นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไปก่อนดีกว่า พี่ธันก้มหน้าลงต่ำเรื่อย ๆ ก่อนริมฝีปากเราจะจรดกันอีกครั้งฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง เสียงร้องงี้ด ๆ กับแกรก ๆ ของฝีเท้าหมาตะกุยทางเข้าก็ดังจนไอ้พี่ธันผละตัวหนีด้วยความเสียดาย เปิดประตูได้ห้าหมาก็แข่งกันโกยเข้าห้อง กระโดดขึ้นเตียงจนเจ้านายยืนเท้าเอวทำหน้าเซ็งสุดขีดใส่
“ได้ทีอ้อนใหญ่เชียวนะพวกเอ็ง”
บีเกิ้ลตัวอ้วนเบียดกระแซะขึ้นบนตักผม ไอ้พวกที่เหลือก็ร้องอี๊ด ๆ อยู่รอบตัวอย่างน่าสงสาร สุนัขส่วนใหญ่กลัวเสียงฟ้าร้องด้วยสัญชาตญาณ ผมว่ามันน่าสงสารออก ทำไมพี่ธันถึงดูงอน ๆ หมาเสียอย่างนั้น ปกติก็ชอบนอนกับหมาแท้ ๆ
“เป็นอะไรครับ”
“อิจฉา”
ผมเลิกคิ้วขึ้นงง ๆ สักพักคนตัวโตก็เลื้อยลงบนเตียงคลานมาแย่งตักผมเบียดกับหมา เอามือผมไปลูบสันคางตัวเองอ้อน ๆ
“อิจฉาหมาเหรอครับ”
“อื้อออ” พูดพลางยกมือขึ้นกอดเอวผมไว้ ตลกดีครับ ไม่ค่อยเจอพี่ธันโหมดเซื่อง ๆ แบบนี้เท่าไร
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูซึม ๆ”
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย ใช้หลังมือถูไรหนวดเขียวครึ้มของอีกฝ่าย หนวดพี่ธันขึ้นไวมาก ต้องโกนวันต่อวันเท่านั้นไม่งั้นจะเห็นเป็นตอหรอมแหรมแบบนี้ตลอด ที่จริงก็เท่ดีหรอก ดูโหด ๆ แมน ๆ แบบหนุ่มใหญ่วัยเลข 3ดี
“มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะครับ”
พี่ธันเป็นคนคิดน้อย ไม่ได้พูดถึงในเชิงด่านะ ผมหมายถึงเป็นคนอารมณ์ดีแทบจะตลอดเวลาต่างหาก ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอะไรมาเป็นอารมณ์ พอเห็นอีกฝ่ายไม่ค่อยสบายใจแล้วก็เครียดไปด้วย
“หมอ ผมถามจริงนะ หมอรู้สึกยังไงถึงยอมให้ผมจูบวะ”
“.........” เงียบ
เงียบฉี่....มีซาวด์ฝนตกจั๊ก ๆ กับท้องฟ้าคำรามด้านนอกประกอบฉากเท่านั้น จะตอบยังไงดีวะ ถามว่าคิดอะไรไหม แค่รู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้ มันจะต้องเป็นอย่างนี้ต่อ สมมติสบตากันนาน ๆ แล้วเราก็จะต้องจูบกันตามแรงดึงดูดของอะไรสักอย่าง ครั้งแรกก็ตกใจ ทั้งตกใจทั้งกลัวเลยล่ะ แต่หลัง ๆ มันก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณและความลื่นไหลของบทบาท จูบกับพี่ธันแล้วรู้สึกดี พี่ธันจูบเก่ง ชวนให้เคลิบเคลิ้ม แถมยังใจเต้นแรงอีกต่างหาก ถ้าถามว่าชอบไหม เอาจริง ๆ ก็ชอบแหละ จูบเพราะเอาใจพี่ธัน จูบเพราะเอาใจตัวเอง บางทีผมก็ไม่กล้าตั้งคำถามไปถึงว่าทั้งหมดทั้งมวลนั่นใช่ความรักในเชิงชู้สาวจริง ๆ หรือเปล่า
บางครั้งผมก็รู้สึกว่า ผมรักพี่ธันมากกว่าพี่ชายจริง ๆ
แต่บางครั้งผมก็ยังรู้สึกว่า ผมชอบความสัมพันธ์ในลักษณะนี้
มีงอน มีง้อกันบ้างตามกระษัย แต่ไม่ใช่ต้องมานั่งทะเลาะหรือรายงานกันทุกระเบียดนิ้ว ยกเว้นกรณีที่ไปกับไอ้อินนี่แหละถึงจะต้องเขียนความเรียงไปสามสี่หน้าเพื่อชี้แจงว่าผมจะไปเจอมันทำไม ไปกี่คน ที่ไหนและกลับเมื่อไร ผมเลยไม่แน่ใจว่าถ้าพี่ธันต้องการกระชับความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ เรื่องระหว่างเราจะเป็นยังไง
ผมอยากให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าต้องมาบีบบังคับกัน
ถามว่ากลัวพี่ธันจะเบื่อ ทิ้งผมไว้ข้างหลังไหมบอกได้เลยว่ามาก ผมก้าวออกมาแล้ว ผมเปิดใจให้พี่ธันแล้ว แค่ยังเดินไม่ถึงมืออีกฝ่ายต่างหาก ดังนั้นถ้าต้องเป็นผมที่ยืนอยู่บนสะพานที่ถูกสร้างไว้เพียงครึ่งก็คงเจ็บปวดน่าดู
ผมรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะสามารถรั้งพี่ธันไว้ได้ แต่ก็ยังกลัว เพราะการที่ต้องยื่นมือไปหาอีกฝ่าย นั่นหมายถึงระยะห่างของเราก็จะกระชั้นขึ้นอย่างฉับพลันเช่นเดียวกัน
ถ้าสุดท้ายแล้วผมสบายใจที่จะเป็นแค่พี่น้อง ความรู้สึกตอนนี้กับพี่ธันเป็นเพียงความวูบไหวแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ว่าใครก็คงเจ็บไม่ต่างกัน
เพราะแบบนั้นถึงอยากให้เป็นไปอย่างช้า ๆ และชัดเจนมากที่สุด
“พี่ธันรู้ไหม ผมเคยคบผู้หญิงนะ”
“ไม่ต้องย้ำเรื่องนั้นหรอกน่า จำได้แม่นจะตาย แม่งแอบไปมีแฟนตอนไหนวะ ไม่เห็นเคยรู้”
“คบกันเป็นปี ๆ ด้วยเถอะ อย่าให้เล่า”
พี่ธันยกมือขึ้นปิดหูไม่อยากฟัง ผมเลยต้องดึงมืออีกฝ่ายออก “ผมแค่จะบอกว่าผมเป็นผู้ชาย...”
“ผู้ชายที่ไหนเขาจูบกันวะปอ”
“ฟังก่อนสิครับ” พี่ธันจิ๊ปากหงุดหงิดแต่ก็ยอมเงียบเสียงให้
“ที่ผมเลิกกับเฟิร์น ผมก็เสียใจนะพี่ธัน ผมยังไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก กับเฟิร์นมันเป็นไปตามฮอร์โมน ตามอารมณ์ ตามความใกล้ชิด หรือตามแฟชั่นผมก็ตอบไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ ๆ คือมันก็เป็นธรรมชาติของผู้หญิงผู้ชาย ผมคบกับเฟิร์น ผมเลิกแล้วผมก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ แต่กับพี่ธันไม่เหมือนกัน ถ้าผมเป็นแฟนพี่ พี่คิดว่าถ้าเราเลิกกันผมจะกลับไปคบกับผู้หญิงได้อีกจริง ๆ เหรอ”
“แล้วปอคิดว่าถ้าคบกันแล้วพี่จะยอมเลิกกับปอจริง ๆ เหรอ”
“อย่าพูดอะไรแบบนี้สิครับ อนาคตน่ะพี่ธันจะไปรู้ได้ยังไง ต่อให้หมอดูมาทักว่าพี่ธันเป็นเนื้อคู่ของผม ผมก็ไม่เชื่อขนาดจะยอมเป็นเกย์เพราะหมอดูหรอกนะ”
พี่ธันถอนหายใจยาวเหยียด ตอบผมด้วยเสียงเนือย ๆ “เอาเป็นว่าพี่เข้าใจแล้วกัน ถามอย่างดิหมอ ถ้ามีผู้หญิงมาชอบหมอ หมอจะหวั่นไหวไหมวะ”
“ไม่รู้สิครับ” ผมตอบตามที่คิด “ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบมองผู้หญิงนะพี่”
“งั้นเหรอ” พี่ธันพูดพลางผุดลุกขึ้นนั่ง ท่าทางหัวเสียพอสมควร “แต่พี่บอกปอไว้อย่างเลยนะ ต่อให้เป็นผู้หญิงพี่ก็ไม่ถอยให้หรอก ถ้าปอต้องการเวลา พี่ก็จะให้ แต่บอกไว้เลยว่าพี่ไม่ยอมรออย่างเดียวแน่ ๆ”
ผมพยักหน้ายิ้ม ๆ ขยับตัวไปกอดอีกฝ่ายไว้จากด้านหลังอ้อน ๆ “อย่าอารมณ์เสียดิ ผมแค่ไม่อยากโกหกพี่ธันแค่นั้นเอง”
“จะให้อารมณ์ดีได้ไงวะ จีบมาตั้งนานนึกว่าจะมีใจให้กันบ้างแล้วแท้ ๆ...”
“โธ่ พี่ธัน ใจน่ะผมก็พอจะมีให้อยู่หรอกนะ” พูดพลางเอาคางเกยบ่ากว้าง พี่ธันชะงักไปกับประโยคสารภาพแบบไม่ไว้เชิงของผม
“แต่ผมก็กลัวนี่ครับ”
เสียงถอนหายใจยาวเหยียดดังขึ้น พี่ธันยกมือขึ้นยีหัวตัวเองหนัก ๆ แล้วท้าวแขนกับหัวเข่า ผมยังคงกอดอีกฝ่ายเอาไว้จากด้านหลัง เราไม่ได้สบตากัน แต่กลับมองไปนอกหน้าต่างที่มีภาพของเม็ดฝนสาดซัดมาหนักหน่วงราวกับพายุจะไม่จบลงง่าย ๆ
ทำให้ผมนึกถึงเพลง อดทนเวลาที่ฝนพรำขึ้นมาชอบกล
ทั้ง ๆ ที่
ซู่!! มันไม่เรียกพรำแล้วก็ตาม
เดือนที่แล้วเราเปล่าอู้น้าาาา พอดีประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยเลยไม่สะดวกจะแต่งนิยายค่ะ ต้องอยู่ในดินแดนที่มีน้องชายเป็นบุรุษพยาบาล ตอบคำถามยากสุดอะไรสุดว่านี่เ
ปิดคอมทำอะไร ฮาาา
นี่เริ่มดีขึ้นแล้ว สำแดงฤทธิ์ได้แล้วค่ะ กร๊ากกก
อุ้ย ลืม สวัสดีวันวันอาสาฬหะบูชา อย่ามัวแต่กอดกันจนลืมไปทำบุญนะ เดือนนี้ถ้ามีโอกาสจะพยายามชดเชยให้อีกตอนค่ะ นอนเดี้ยงมา 3 สัปดาห์พอลุกได้ก็พบว่ามีแมนี่ติงจิงเกอร์เบลต้องทำมากก ไม่แน่ใจว่าจะว่างเขียนเพิ่มอีกตอนรึเปล่า ฮาาา
ตอนนี้ไม่มีอะไรเนอะ เอื่อย ๆ เรื่อย ๆ อุ่น ๆ /อย่าประมาทนังเตย บอกไว้เลย เดี๋ยวนางจะมีบทบาทอีกแน่
ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ ไม่สิ้นเดือนนี้ก็วันแม่เลยแล้วกัน 
ปล. ปกคร่าว ๆ คำประกาศของความรู้สึกใหม่มาแล้วนะ ชะแว้บไปดูในเพจได้ น่าหม่ำทั้งคู่เลย (แอบขายของนิดนึง) เปิดจองถึงสิ้นเดือนนี้นะคะ ด้วยรักและเคารพอย่างสูง
มามะ กอดกันเถอะ 