บัวเพลิดเพลินกับธรรมชาติสองข้างทางเอามากๆ กล้วยไม้ป่าสีเหลืองสลับชมพูขึ้นอยู่ตามคบไม้ เห็ดสีสดใสก็ซ่อนตัวอยู่หลังกองหินริมข้างทาง เฟิร์นหลากหลายพันธุ์แผ่ใบใหญ่ออกกว้างอย่างอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ก็ลำต้นหนาหลายคนโอบแถมยังสูงใหญ่ไม่เหมือนป่าใหม่ที่บัวเคยผ่านตามาก่อน ตอนนี้บัวเลยรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนยุคกลับเข้าไปในอดีตยุคไดโนเสาร์หรือยุคเริ่มต้นสิ่งมีชีวิตใหม่ๆอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาทั้งสี่คนเดินไต่กองหินขึ้นไปช้าๆ ระยะทางแค่กำลังพอเหนื่อยพอดีก็ถึงบริเวณลานกว้างที่เต็มไปด้วยหินก้อนใหญ่ระเกะระกะ พร้อมเบื้องหน้าของบัวที่ปรากฏเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีเขียวอมฟ้า แผ่นน้ำใสแจ๋วทำให้สะท้อนสภาพใต้น้ำออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าปลาตัวน้อยแหวกว่ายไปมาอย่างรื่นรมย์ มันเป็นภาพแอ่งน้ำตามธรรมชาติโดยแท้ที่สวยงามยิ่งกว่าที่บัวจินตนาการเอาไว้เสียอีก
“...โห สวยจังเลย...” บัวอุทานออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ
“นี่ยังเพิ่งแค่ชั้นแรกนะบัว ชั้นที่สามกับสี่สวยกว่านี้อีกร้อยเท่า...” นายเหมืองได้ทีรีบสำทับคำหลอกล่อ บัวหันมามองคนพูดด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วยิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อสองแสบพุ่งตรงเข้ามาคว้ามือครูเข้าคนละข้างจะพาออกเดิน ปากน้อยๆบรรยายความสวยงามกันเจื้อยแจ้ว บัวฟังเพลินหู เท้าก็ออกเดินตามแต่ที่สองแสบจะพาไป
นายเหมืองสิงห์เห็นอาการลูกแล้วก็ต้องส่ายหน้า...ท่าทางจะกลัวครูบัวหายไปจัด ถึงขนาดช่วยกันจับเอาไว้ไม่ปล่อยเลยนะ...แต่นึกๆไปแล้วก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน สามแรงจับขนาดนี้ครูบัวตัวขาวจะดิ้นหนีไปไหนพ้น
“ว้าวว...สวย...สวยมากๆเลยไลเกอร์ ไทกอน...” บัวอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง
ตอนนี้ตรงหน้าของบัวคือน้ำตกชั้นที่สาม ขอบน้ำถูกกั้นเป็นแอ่งตามธรรมชาติด้วยรากไม้ใหญ่รวมกับแนวหิน ต้นไม้สูงใหญ่ที่อยู่โดยรอบบริเวณแผ่กิ่งก้านสาขาเข้ามาทำให้บริเวณแอ่งนั้นร่มรื่นเพราะแสงแดดตกต้องมาไม่ถึงพื้นน้ำ บัวเดินเข้าไปใกล้แล้วชะโงกตัวมองบนพื้นน้ำ ภาพตัวเองสะท้อนกลับมาชัดแจ๋วทำให้บัวยิ่งปลื้มน้ำตกแห่งนี้มากขึ้น กาฝากที่พันลำต้นไม้และต้นหวายน้ำห้อยย้อยลงมาเรี่ยผิวน้ำ มองไปไกลๆคล้ายม่านธรรมชาติที่กั้นแอ่งน้ำชั้นที่สามให้เป็นส่วนตัว บัวได้ยินเสียงเด็กเจื้อยแจ้วดังมาจากชั้นบนเหนือน้ำขึ้นไปอีก คิดว่าคนส่วนใหญ่คงจะเล่นกันอยู่ที่ชั้นบนขึ้นไปอีกกระมัง
“ทางการเขามาตรวจแล้วบอกว่าเราเล่นที่ชั้นสามและชั้นสี่ได้ เพราะน้ำมันไม่ลึกมากและไม่ไหลเชี่ยวแรงเหมือนชั้นบนๆ แต่คนส่วนใหญ่จะชอบขึ้นไปเล่นที่ชั้นสี่เพราะมันกว้างกว่า ส่วนชั้นสามมันค่อนข้างตื้นก็เลยไม่ค่อยมีคน” นายเหมืองเอ่ยอธิบาย
“อืม...งั้นเราเล่นที่ชั้นนี้ก็ได้นะครับ ไม่ต้องไปเบียดใครด้วย อีกอย่างน้ำมันไม่ลึก สองแสบน่าจะเล่นได้อย่างปลอดภัยมากกว่า” บัวบอก ในกระแสเสียงแฝงแววความห่วงใยในตัวลูกศิษย์ตัวน้อยอยู่เสมอ
“ว่าไงไลเกอร์ ไทกอน...จะเล่นชั้นไหน” นายเหมืองหันมองลูกๆ ปกติพวกเขาจะไปเล่นกันที่ชั้นสี่หรือห้า เพราะเด็กๆนั้นชอบน้ำมากกว่าที่คิด อีกทั้งยังถนัดว่ายน้ำในคลองในเหมืองในตั้งแต่เด็กๆ แต่จากท่าทางในตอนนี้นายเหมืองเดาคำตอบลูกได้ไม่ยากเลยว่าคงต้องเป็น...
“เล่นชั้นนี้แหละพ่อ เนอะเกอร์เนอะ” ไทกอนถามพี่ ซึ่งคนโดนถามก็พยักหน้าตอบรับทันทีอย่างหน้าชื่นตาบาน ตอนนี้พวกเขาสองคนต้องเอาใจครูบัวให้มากๆ และต้องไม่ดื้อกับครูโดยเด็ดขาด
นายเหมืองสิงห์แอบขำลูกๆ จากสิงห์น้อยกับเสือเล็ก กลับเหลือสภาพเป็นแค่แมวน้อยกับแมวเล็กเสียแล้ว...หึหึ
บัวเดินไปเลือกก้อนหินเรียบๆได้ก้อนหนึ่งที่อยู่ริมน้ำก็ขอเสื่อที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองมาจากนายเหมือง ทั้งสองคนช่วยกันปูเสื่อบนก้อนหิน ก่อนจะหยิบของที่ถือมาลงวาง จากนั้นบัวก็เข้าประกบไลเกอร์ ส่วนนายเหมืองก็เข้าประกบไทกอน ทั้งสองคนช่วยกันลอกคราบเด็กๆให้อยู่ในชุดพร้อมรบในสมรภูมิน้ำเบื้องหน้า เมื่อเสร็จทั้งสองแสบก็ร้องตะโกนเรียกพลังกันลั่นป่าแล้วแท็กทีมกันพุ่งไปกระโดดลงน้ำเสียงดังตู้มใหญ่ จนอีกครอบครัวที่เลือกเล่นที่ชั้นสามเหมือนพวกเขาต้องหันมามองด้วยความตกใจ
“นายเหมือง แน่ใจนะครับว่าเด็กๆว่ายน้ำแข็ง” บัวถาม สายตาก็จับจ้องไปที่ร่างเล็กๆที่แข่งกันดำผุดดำว่ายกันในน้ำอย่างสนุกสนานด้วยความกังวล นายเหมืองสิงห์เมื่อเอาเสื้อผ้าลูกที่ถอดออกวางใส่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ลงไปยืนในน้ำด้วยชุดเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ขับรถมานั่นเอง บัวเมื่อได้ยินเสียงจ๋อมดังขึ้นเบาๆใกล้ตัวก็ก้มลงมอง ทันเห็นนายเหมืองถอดเสื้อตัวนอกออกทางหัวพอดี แขนยาวพร้อมกล้ามเนื้อเข้ารูปสวยงามยกขึ้นยืดไปเสยผมตัวเองที่ยุ่งเพราะถอดเสื้อออกทางศีรษะ ก่อนจะใช้ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่ร่างขาวๆบนโขดหินพร้อมกับเดินลุยน้ำเข้าไปหา แล้วเอามือเท้าหินคร่อมเท้าบัวที่ปล่อยให้หย่อนลงน้ำด้วยท่าทีคุกคามนิดๆ ฝ่ามือใหญ่ยื่นเสื้อตัวเองในมือไปให้บัวก่อนเอ่ย
“พี่ฝากเสื้อไว้ด้วยแล้วกันนะบัว ขี้เกียจเอาตัวใหม่เปลี่ยน” ชายหนุ่มเอ่ย จงใจเปิดเผยร่างกายตัวเองให้ครูบัวเห็น แอบหวังเอาไว้ว่ามันอาจช่วยให้ครูตัวขาวตกหลุ่มเสน่ห์เขาได้บ้างไม่มากก็น้อย
“เอ่อครับ...เดี๋ยวบัวเฝ้าของให้ คุณไปเล่นกับลูกๆเถอะครับ” บัวเอ่ยบอก พยายามบังคับหัวใจและสายตาให้หันเหออกไปจากร่างกายสุดเซ็กซี่แสนร้ายกาจของชายหนุ่มตรงหน้า...
...ไม่นะบัว แกจะใจง่ายไม่ได้ ท่องไว้สิว่าอีกไม่นานเราก็ต้องกลับ จะปล่อยให้หัวใจมันคอยรัดเราเอาไว้ให้อยู่ที่นี่อีกไม่ได้นะ...
“หึหึ...ของน่ะถึงไม่เฝ้ามันก็ไม่หายหรอก แต่ถึงหายก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้มีของมีค่าอะไรติดตัวมา...อีกอย่างพวกเราตั้งใจพาบัวมาเที่ยว ไม่ใช่มาเที่ยวกันเองเสียหน่อย แล้วจะปล่อยให้บัวนั่งดูพวกเราเล่นน้ำกันเนี่ยนะ...ฮึ๊บ...!” พอพูดจบนายเหมืองร่างใหญ่ก็ยื่นแขนเข้าไปรัดร่างครูบัวเอาไว้แน่นก่อนจะพาลากลงมาจนเกือบลงน้ำ ครูบัวร้องหวีดตกใจเสียงดัง สองมือที่ว่างคล้องหมับเข้ารอบคอนายเหมืองด้วยความตกใจ เพราะตัวเองนั้นว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกลัวน้ำ เพียงแค่ตกใจที่จู่ๆก็โดนนายเหมืองตัวสูงแกล้งจะเอาเขาลงน้ำก็เท่านั้น
“นายเหมืองทำบ้าอะไรเนี่ย!! บัวตกใจจริงๆนะ...บัวว่ายน้ำไม่เป็น...” บัวอุทธรณ์ แต่นายเหมืองกลับยิ้มกริ่มพร้อมยิ่งลากบัวลงน้ำ แต่ทว่าหนนี้มันเป็นไปด้วยความเชื่องช้า รอให้บัวปรับตัวกับอุณหภูมิน้ำที่ค่อนข้างต่ำ แล้วเขาจึงค่อยปล่อยให้บัวยืนในน้ำด้วยตัวเอง
“เห็นมั้ยมันไม่ได้ลึกเท่าไหร่ แค่สะโพกบัวเท่านั้นเอง” นายเหมืองสิงห์เอ่ยบอก สองมือคอยประคองอยู่แถวเอวของคนเพิ่งลงน้ำมา บัวยังมีท่าทางกลัวๆพื้นใต้เท้าอยู่ อีกฝ่ายจึงได้ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
“ลองเดินมาที่ลูกสิบัว”
“ที่ใต้เท้ามัน...ลื่น...แปลกๆ”
“แค่ใบไม้กับทรายน่ะ เดินมาสิ ช้าๆนะ...” นายเหมืองพยายามหลอกล่อให้บัวเดินไกลออกมาจากฝั่ง และดูเหมือนมันจะได้ผลเมื่อคุณครูบัวยอมทำตามที่นายเหมืองพูด ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าค่อยๆก้าวลงไปบนทรายใต้น้ำ เขาค่อยๆก้าวเข้าไปหานายเหมืองมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อนายเหมืองพยายามทิ้งระยะห่างระหว่างกันมากขึ้น
“อ๊ะ...อ่ะนายเหมือง...ปลา...ปลามันมาตอดหลังบัว...” และในระหว่างที่เดินเข้าไปหานายเหมือง บัวก็แอบโย้ตัวหลบเล็กๆพร้อมขำน้อยๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมโอบเข้าป้องหลังให้ครูบัวทันที ปลาน้ำตกตัวเท่านิ้วกลางว่ายวนตอดผิวที่แขนเขาตุ้บๆ รู้สึกจั้กจี้มากกว่าจะเจ็บ แต่ถึงกระนั้นนายเหมืองก็ไม่อยากให้ครูบัวรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่ดีใดๆทั้งสิ้น
“รู้มั้ยว่าปลาพวกนี้มันมีอยู่แค่ที่นี่นะ พอเลยลงไปในช่วงคลองหลังเหมืองพี่มันก็ไม่มีแล้ว” นายเหมืองเอ่ยเล่า ครูบัวมีท่าทางสนใจในสิ่งที่ได้ยิน สองมือน้อยยื่นเข้าไปหานายเหมืองด้วยตัวเองเพื่อช่วยพะยุงตัวให้ลอยอยู่ในน้ำได้เมื่อต้องเดินผ่านบริเวณที่เป็นน้ำลึก
“จริงเหรอครับ คลองที่อยู่หลังเหมืองเป็นน้ำจากที่นี่งั้นเหรอครับ” บัวย้อนถามซ้ำ
“ใช่ ถ้าหากบัวเดินตามลำน้ำลงไปเรื่อยๆก็จะเข้าเขตเหมืองของเราที่ด้านหลัง ตรงนั้นจะมีบ้านของคนงานปลูกอยู่ เอาไว้ไปนอนเฝ้าสวน ถ้าเจอบ้านนั้นก็เท่ากับเราเข้าเขตเหมืองของพี่แล้ว” นายเหมืองเอ่ยอธิบาย บัวพยักหน้าร้องอ๋อในลำคอเบาๆ
น้ำเย็นกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ป่าโชยมาตามลมทำให้บัวรู้สึกสดชื่นมากๆ และกล้าที่จะลองก้าวข้ามนายเหมืองไปหาเด็กๆและร่วมวงเล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน โดยมีนายเหมืองคอยดูแลทั้งสามคนอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ทั้งสี่คนเล่นน้ำกันไปสักพักจนเริ่มหิว ก็เลยพากันว่ายวนกลับมาที่ฝั่ง ทว่ามีแค่บัวคนเดียวที่ต้องขึ้นฝั่งไปแกะข้าวกล่อง เพราะอีกสามคนนั้นประท้วงขอทานอาหารไปด้วยในระหว่างที่กำลังเล่นน้ำอยู่ และแน่นอนที่สุดว่าบัวนั้นขัดศรัทธาไม่ได้อยู่แล้ว เขาจึงต้องยอมทำตัวเป็นแม่นก หยิบอาหารมาป้อนให้ลูกนกตัวเขื่องทั้งสามตัวในน้ำ
บัวเตรียมข้าวกับไข่ต้ม ผัดผักกับหมูทอดมา อาหารพื้นๆแต่เหมาะกับการปิกนิกนอกบ้านเพราะมันไม่เลอะ แถมเพราะฝีมือครูบัวกับป้าพุดนั้นไม่เป็นสองรองใคร ขนาดนายเหมืองยังต้องคอยแย่งข้าวกับลูกๆไปด้วยเวลาที่บัวหยิบช้อนขึ้นมาป้อน บัวเหยาะน้ำปลาลงไปบนไข่ จากนั้นก็ตัดแบ่งออกเป็นสี่ส่วน คำแรกบัวตักหมูและไข่ป้อนให้ไทกอน คำที่สองบัวตักไข่กับผักป้อนให้ไลเกอร์ คำที่สามบัวตักกับทั้งสามอย่างรวมกันป้อนให้ลูกนกตัวที่เหลือ...ไม่สิ ไม่ใช่ลูกนก แต่เป็นพ่อนกต่างหาก...ทั้งสามคนพอได้ข้าวมาแล้วก็เคี้ยวกันกร้วมๆอย่างเอร็ดอร่อย มือก็วักน้ำสาดกันเป็นกระบวนการ โดยมีหัวโจกเป็นคุณพ่อหม้ายที่นำทัพลูกๆเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุก แม้ว่าบัวจะเตือนแล้วว่าระวังจุกแต่ก็ไม่มีใครฟัง
สุดท้ายพอป้อนข้าวหมดบัวก็ถูกเรียกร้องให้ตบท้ายด้วยของหวาน เมื่อวานบัวอบมัฟฟินไว้ แต่บัวใช้พิมพ์ขนาดเล็กแบบขนาดพอคำ ทำให้มันมีขนาดหลายชิ้นขึ้น แถมแต่ละชิ้นยังตกแต่งหน้าไม่ซ้ำกันอีก ทำให้เด็กๆรู้สึกสนุกสนานมากเวลาได้ลุ้นว่าชิ้นต่อไปของตัวเองเป็นหน้าอะไร คราวนี้นายเหมืองแย่งลูกๆทานแค่ชิ้นสองชิ้นเท่านั้นเพราะเขาเป็นคนไม่ได้พิศวาสของหวานอะไรมากมาย ทานได้แต่ไม่มาก ไม่เหมือนลูกๆของเขาสองคนที่ดูท่าทางจะชอบของหวานมากกว่าที่คิด
...ความจริงอาจไม่ใช่แค่ของหวาน แต่ลูกเขาแค่เป็นของอะไรก็ตามที่เอาเข้าปากได้ก็ชอบหมดละมั้ง...
พอทั้งสี่คนเติมท้องด้วยกับข้าวอร่อยๆกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกิจกรรมรอบสองต่อ สองแสบยังคงสนุกสนานกับการปีนขึ้นไปบนหินก้อนเขื่องแล้วกระโดดตู้มลงน้ำ ในขณะที่นายเหมืองกลับชอบนอนแช่น้ำนิ่งๆเหมือนๆกับบัว ที่ก้าวลงน้ำไปนั่งบนก้อนหินที่อยู่กลางน้ำกับนายเหมือง แล้วดื่มด่ำซึมซับกับธรรมชาติรอบๆตัวอย่างชุ่มปอด
“อ๊ะ นายเหมือง...มีใบไม้กับเศษไม้ลอยน้ำมาเต็มเลย สงสัยข้างบนคงจะเล่นน้ำกันสนุกน่าดูเนอะ...” และในระหว่างที่บัวกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบ เศษใบไม้และเศษกิ่งไม้ก็ลอยตามน้ำมาติดที่ก้อนหินที่บัวกับนายเหมืองนอนเล่นกันอยู่เยอะมาก บัวหยิบเศษไม้กิ่งไม้ขึ้นมาดู แล้วก็พบว่ามันเหมือนเศษไม้ที่ติดอยู่ตามตลิ่งบนฝั่งเลย
“เอ๊ะ...เศษไม้ลอยน้ำมางั้นเหรอบัว...” นายเหมืองพลิกตัวขึ้นนั่งทันควัน สายตาชายหนุ่มหันมองรอบตัวด้วยแววตาคมกริบจนบัวเริ่มรู้สึกว่าอาการแบบนี้มันไม่ปกติแล้ว แถมเสียงครืนคล้ายเสียงฟ้าร้องก็ดังตามมาจากข้างบนด้วยจนบัวสะดุ้ง ตอนนี้ที่น้ำตกชั้นสามนั้นเหลือเพียงครอบครัวของเขา เพราะอีกครอบครัวเขากลับออกไปแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเขาทานข้าวกันอยู่
นายเหมืองสิงห์หันขวับไปมองลูกๆทันทีที่ได้ยินเสียง แต่ทว่าคนที่อยู่ใกล้กว่าคือไทกอน ในขณะที่ไลเกอร์กำลังมุดน้ำไปที่ริมขอบน้ำตกที่จะตกไปยังชั้นที่สอง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่รีบหันหน้ามาบอกบัวทันทีที่นึกรู้แล้วว่าตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
“บัว! พาไทกอนเข้าฝั่ง...พี่จะไปพาไลเกอร์เอง” นายเหมืองสิงห์เอ่ยบอกบัว คุณครูหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นยืนที่ก้อนหินกลางน้ำก้อนนั้นพร้อมกวักมือเรียกไทกอนตามคำบอก แต่ทว่าปากก็รีบถามนายเหมืองออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อชายหนุ่มดูท่าทางจะรีบร้อนว่ายน้ำไปหาไลเกอร์อย่างรวดเร็ว
“พาลูกเข้าฝั่งเร็ว! น้ำป่าหลาก...เร็วเข้าบัว เอาไทกอนเข้าฝั่งก่อน!!” นายเหมืองตะโกนบอกกลับมาอีกครั้ง บัวตกใจมากกับคำตอบที่ได้รับ ทว่าสติที่มีก็รีบบอกบัวให้เข้าไปคว้าแขนเด็กที่ว่ายกลับมาหาบัวตามคำสั่งพ่อขึ้นไปยืนบนหินกันก่อน ตอนนี้ถ้าจะให้บัวพาไทกอนกลับไปทางฝั่งที่พวกเขามาก็ไกลเกินไป บัวต้องพาไทกอนเข้าฝั่งอีกด้าน เพราะถ้าน้ำป่ามันไหลหลากจริงบัวเคยได้ยินมาว่ามันจะมาเร็วมาก เพราะงั้นบัวต้องไม่เสี่ยง เขาจะต้องพาไทกอนขึ้นฝั่งไปก่อนตามคำบอกของนายเหมืองสิงห์ให้ได้
“ไทว่ายขึ้นฝั่งด้านนี้ไปก่อนลูก! เร็ว!!” บัวบอกลูกศิษย์ตัวน้อยพร้อมดันก้นเด็กให้รีบลงน้ำไปอีกฝั่ง แต่เจ้าเสือน้อยกลับละล้าละลังหันมองครูทีพ่อทีอย่างเป็นกังวล
“แต่ครูตาหวาน...ไลเกอร์กับพ่อยังอยู่ตรงโน้น!!”
“...ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อกับไลเกอร์จะตามมาแน่ๆ ไปเร็วครับไปกับครู...” บัวรีบไถตัวลงน้ำ แล้วพาลากไทกอนไปขึ้นฝั่ง เด็กน้อยพยายามให้ความร่วมมือจนกระทั่งทั้งคู่ช่วยกันประคองขึ้นฝั่งไปจนได้
บัวพาเด็กเดินเลาะเลียบไปตามแนวหินริมฝั่ง หวังที่จะไปให้ถึงที่นายเหมืองกับไลเกอร์กำลังลอยตัวกันอยู่ในน้ำ แต่ทว่าเสียงครืนครานราวฟ้าร้องก็ทำให้บัวสะดุ้ง ไทกอนเกาะสะโพกครูบัวแนบแน่นพร้อมตะโกนเรียกพ่อกับพี่ที่ยังอยู่ห่างไกลฝั่งเสียเหลือเกินให้เข้ามาหา
“บัวพาลูกถอยออกไปจากฝั่งเร็ว! น้ำมาแล้ว เร็วๆ!!” บัวได้ยินเสียงนายเหมืองตะโกนลอยเตือนมา คุณครูหนุ่มมีอาการละล้าละลังเมื่อใจหนึ่งก็อยากทำตามคำที่นายเหมืองพูด แต่อีกใจก็ไม่อยากเมื่อทั้งไลเกอร์และนายเหมืองยังคงลอยตัวกันอยู่ในน้ำไม่ได้กลับเข้าฝั่งมาเหมือนกับเขาและไทกอน
“พ่อ!!!! ไลเกอร์!!! ขึ้นมาเร็วๆ!!!” ไทกอนช่วยตะโกนเรียกพ่อกับพี่ให้มาหา นายเหมืองพยายามพาลูกว่ายฝ่ามวลน้ำที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามันสูงขึ้นมาอย่างกะทันหันมาทางพวกเขา บัวต้องพาไทกอนถอยห่างออกมาจากฝั่งอย่างที่นายเหมืองพูดเมื่อก้อนหินที่พวกเขาใช้ยืนอยู่เมื่อกี้มันถูกน้ำที่จู่ๆก็เพิ่มขึ้นสูงท่วมมิดไปแล้ว
“นายเหมือง!! ไลเกอร์ลูก!!! มาเร็วๆ...!!!” บัวช่วยตะโกนอีกแรงพร้อมกับต้องรั้งตัวไทกอนไว้ด้วย เมื่อเด็กน้อยนั้นเริ่มมีอาการอยากจะกระโจนเข้าไปช่วยพ่อกับน้องเต็มแก่ เมื่อตอนนี้น้ำมันขึ้นมาจนเกือบท่วมถึงคอของนายเหมืองแล้ว
แต่ทว่าในตอนที่นายเหมืองกำลังจะพาไลเกอร์มาถึงฝั่งที่บัวกับไทกอนอยู่ จู่ๆมวลน้ำมหาศาลก็เทลงมาจากน้ำตกด้านบนพร้อมเสียงครืนยาวดังลั่น บัวเหมือนใจจะขาดตอนที่เห็นร่างของนายเหมืองสิงห์ที่มีไลเกอร์อยู่ในอ้อมกอดถูกมวลน้ำกลืนหายเข้าไปทั้งคู่ต่อหน้าต่อตา...
“พ่ออออ ไลเกอร์!!!!” ไทกอนที่เกาะครูบัวแน่นตะโกนออกมาอย่างขวัญเสีย บัวเองก็ไม่แพ้กันเมื่อต้องมาเห็นคนที่ตัวเองรักถูกน้ำพัดหายไปต่อหน้าต่อตา...
“ไม่จริง...
ไลเกอร์ นายเหมือง!!!!!!!”
------------------------------------------------------------------------
อิอิ หั่นฉับๆ...

ขอโทษที่เค้ามาช้าาาา ก็ใช่ว่าเค้าจะไม่มานะตัวเอง ฉุ๊บๆ
