ร้ายซ่อนรัก
บทที่ 36
“ปฏิเสธสิว่าไม่จริง พัทธ์ที่เป็นผัวเก่าของกานต์ กลายมาเป็นเมียของผัวอีกคนของกานต์ พัทธ์ตอบมาสิว่า
กานต์เข้าใจผิด โอ๊ย!”
เสียงอุทานดังขึ้นอย่างตกใจเมื่อคอเสี้อถูกกระชากเข้าหาร่างแกร่งที่มองราวกับจะเผาอีกฝ่ายให้มอดไหม้
“ถ้ามึงไม่หยุด กูจะเป็นคนหยุดให้เอง”
“โมกข์ หยาบคายที่สุด คุณพูดอย่างนี้กับผมได้ไง ผมก็เป็นเมียของคุณเหมือนกันนะ”
“มึงไม่เคยเป็นเมียกู ก็แค่สนองความร่านให้มึงหายอยากเท่านั้น”
“โมกข์”
“โมกข์ พอเถอะ อย่ารุนแรงกันเลยนะ ผมขอร้อง”
พัทธ์ที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจตั้งแต่เห็นโมกข์ฟิวส์ขาด เพิ่งจะตั้งสติได้ เขาผวาเข้ายึดแขนข้างหนึ่งที่ยังรั้งคอ
เสี้ออีกฝ่ายไว้พลางกล่าวห้ามเสียงสั่น ในขณะที่กานต์มองโมกข์อย่างคับแค้นและโกรธเคือง
กานต์ออกแรงผลักไหล่หนาของโมกข์แล้วตวัดฝ่ามือลอยละลิ่วหวังจะให้ปะทะกับหน้าเข้มสุดแรงเกิด โมกข์
มองเห็นแล้วก็ฉากใบหน้าหนีแก้มสากเลยถูกแค่ปลายนิ้วของกานต์ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้โมกข์
ทะลักจุดเดือด
เขาปรี่เข้าผลักจนร่างสูงเพรียวของกานต์ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นแล้วทำท่าจะเข้าไปซ้ำ พัทธ์รีบก้าวไปขวาง
แล้วกางมือโอบรัดโมกข์ ออกแรงดันจนสุดแรงเพื่อไม่ให้โมกข์เข้าไปทำร้ายกานต์
“โมกข์ หยุด พอแล้ว อย่ามีเรื่องกันเลย”
พัทธ์รีบพูดเสียงดังเตือนสติ จนโมกข์ได้แต่ฮึดฮัดมองคนที่กำลังใช้มือยืนพื้นแล้วลุกขึ้นมายืนพลางมองเขา
อย่างโกรธจัด
“เลว ระยำที่สุด”
กานต์ยกมือสั่นๆชี้หน้าพลางด่าเสียงดัง โมกข์แค่นยิ้มดวงตาคู่ดุมองอย่างสมเพช
“กูไม่เคยบอกว่ากูเป็นคนดี วันนี้บอกกันตรงๆก็ได้ กูไม่ได้พิสวาทมึงเลยสักนิดคนที่กูรักคือพัทธ์ และเตือน
ไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าใครหน้าไหนเข้ามาทำร้ายพัทธ์ กูจะจัดการไม่ให้เหลือ”
“แล้วกูล่ะ”
กานต์น้ำตารื้น กัดฟันมองหน้าโมกข์อย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน
“มึงก็เคยเอากูเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าที่มึงทำเพราะหลอกกู มึงหลอกล่อให้กูรักมึง ฟันกูเพื่อหาทางเข้าหา
พัทธ์ มึงตอบมาสิว่าไม่ใช่”
“กานต์ ใจเย็นก่อน”
พัทธ์ละล้าละลัง ใจนึกอยากจะเข้าไปปลอบโยนกานต์แต่ก็กลัวโมกข์จะแผลงฤทธิ์
“อย่าเสือก! มึงก็ตัวดี ทำเป็นหน้าใสแล้วก็วิ่งแร่มาให้เขาเอา เป็นตัวผู้อยู่ดีๆ ก็อยากจะเป็นตัวเมีย ถุย!”
โมกข์ทนไม่ไหว เขาพุ่งทะยานเข้าหาแล้วเงื้อกำปั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว จุดหมายคือปากโสโครกของกานต์ที่
บังอาจด่าคนที่เขารัก แต่เล้วโมกข์ก็ต้องตกใจเมื่อพัทธ์ถลาเข้ามายืนบังร่างกานต์ โมกข์พยายามยั้งหมัดที่
พุ่งออกไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่ผ่อนแรงลงเล็กน้อยแค่นั้นเมื่อมันกระทบซีกหน้าที่เกร็งรอรับของพัทธ์เข้าเต็มๆ
“พัทธ์!”
โมกข์รีบประคองร่างที่เซเพราะเมาหมัดเข้าไว้ในอ้อมกอด พลางใช้มือผลักกานต์ให้ออกห่าง
“ไปให้ไกลๆ ตีนกูก่อนที่จะยั้งไม่อยู่ อย่าให้กูโมโหและทนไม่ได้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่มึงขโมยผลงาน
เอาไปให้บริษัทอื่น”
พูดจบโมกข์ก็ประคองพัทธ์เดินแยกทางออกไป ทิ้งไว้แต่กานต์ที่ยืนกัดฟันกรอดมองตามหลัง
โดยที่มีดวงตาสีน้ำข้าวมองดูอย่างสาแก่ใจอยู่อีกมุมหนึ่งที่ไกลออกไป
“เจ็บมากไหม”
โมกข์ถามอย่างห่วงใยเมื่อก้าวขึ้นมานั่งคู่กันอยู่ในรถกระบะ เขายกมือไปประคองใบหน้าที่ยังเผือดสีของ
พัทธ์ไว้อย่างกังวล
“ทำอย่างนี้ทำไมพัทธ์ ทำไมต้องห้ามผมด้วย ไอ้หมอนั่นมันด่าคุณสาดเสียเทเสียทำไมต้องปกป้องมัน”
พัทธ์ถอนหาย กระแทกศีรษะด้านหลังลงกับเบาะที่นั่งแล้วหลับตาลง
“กานต์พูดก็มีส่วนถูก มันดูไม่ค่อยดีนักในสายตาของคนอื่นที่ผมมีความสัมพันธ์กับคนที่แฟนเก่าหมาย
ปอง”
“พัทธ์ ทำไมพูดแบบนี้”
โมกข์มองเสี้ยวด้านข้างที่เริ่มมีรอยเขียวช้ำจากหมัดของเขาอย่างตัดพ้อ
“ผมรักคุณ เรารักกัน มันผิดหรือที่เราจะมีความสัมพันธ์ทางกายที่ต่อเนื่องจากความรักของเรา”
เขาเห็นพัทธ์กลั้นน้ำตาเมื่อหันมามองสบตากับเขา
“แต่คนอื่นเขาจะคิดยังไง….”
“คนอื่น คนอื่น คนอื่น … มีแต่คนอื่นในความคิดของคุณ แต่กลับไม่มีผมอยู่ในนั้นเลยใช่ไหม”
โมกข์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อหันหน้ามองออกไปที่ถนนเบื้องหน้า พลางสตาร์ทรถแล้วเหยียบ
คันเร่ง
“เมื่อไหร่ที่คุณกำจัดคนอื่นออกไปจากความคิดได้แล้ว ช่วยมาตามผมกลับไปด้วยนะพัทธ์”
กานต์กระแทกตัวลงนั่งบนอาร์มแชร์มุมห้องของโรงแรมห้าดาวที่แดเนียลมาพักอย่างหงุดหงิด
ปลายนิ้วจิกลงกับที่เท้าแขนเพื่อระบายอารมณ์จนเกิดเป็นรอยบุ๋มอยู่ในเนื้อผ้ากำมะหยี่
แดเนียลที่เดินตามเข้ามายกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นท่าทีของกานต์ สะพานแรกสู่การทำลายล้างเริ่มต้นอย่าง
สวยงาม
ร่างเผือกขาวเดินมาหยุดหน้ากานต์แล้วเอื้อมมือไปคลึงคางบุ๋มเล่นอย่างหยอกเย้า
“เฮ้ ที่รักไปหงุดหงิดอะไรมา หน้าตาเหมือนคนสวรรค์ล่ม”
“แดน ขอร้อง อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้ อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดโว้ย”
เขาตะโกนใส่หน้า ยกมือขึ้นปัดมือแดเนียลออก แต่อีกฝ่ายยังยิ้มแย้มผิดวิสัย
“หงุดหงิดที่เจอผัวเก่าสองคนพร้อมกันโดยไม่ได้คาดคิดหรือไงที่รัก”
กานต์เงยหน้ามองแดเนียลอย่างไม่คาดคิด
“รู้ได้ไง หรือว่า…มึงรู้อยู่แล้ว เลยพากูไปงั้นสิ ไอ้แดน มึงนี่มันชั่ว”
กานต์ลุกพรวดขึ้นทำท่าจะทำร้าย แดเนียลเลยจับข้อมือกานต์บิดจนกานต์ร้องลั่น ก่อนที่แดเนียลจะทิ้งตัว
ลงไปนั่งบนอาร์มแชร์แล้วดึงร่างของกานต์ให้หันหลังแล้วนั่งลงบนตักของเขา
แดเนียลโอบรัดลำตัวของกานต์จนแผ่นหลังเบียดทาบอยู่กับแผ่นอกของเขา แดเนียลดึงหน้าให้กานต์หันมา
รับจูบรุนแรง มือหนาตะปบลงไปที่เป้ากางเกงอีกฝ่ายแล้วบีบเค้นไปมา
“อื้ออ ปล่อยกู เชี่ยแดน”
กานต์ด่าลั่นเมื่อแดเนียลไถลฟันลงที่แผ่นหลัง กางเกงถูกรูดซิปก่อนที่จะถูกถลกลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้า
ในขณะที่แดเนียลก็รูดซิปกางเกงตัวเองแล้วควักแท่งร้อนออกมาถูไถไปกับร่องสะโพกของกานต์
“ไม่ดีหรือไง ที่ผมทำให้คุณได้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร คุณต้องขอบคุณผมเสียด้วยซ้ำ”
แดเนียลยกสะโพกกานต์ขึ้นแล้วเสียบแท่งเนื้อเข้าไป ใช้มือจับเอวกานต์ให้กดลงมาจนแก่นกายแทงทะลุเข้า
ไปจนกานต์ต้องแอ่นกายด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า พร้อมกับที่คั่งค้างจากการได้เห็นหน้าโมกข์ กานต์เผลอ
ครางเมื่อบดสะโพกลงไปบนต้นขาของอีกฝ่าย
“อา ที่รัก ลีลาคุณยังเยี่ยมจริงๆ ทำไมนะ ไอ้โมกข์มันถึงได้เมินคุณได้”
แดเนียลครางเสียงแหบพร่า โน้มหน้ากัดเนื้อที่สะบักอีกฝ่ายจนเป็นรอยฟัน กานต์ร้องลั่นมือข้างหนึ่งยันต้น
ขาแดเนียลไว้ ส่วนมืออีกข้างกอบกุมแก่นกายตนเองรูดรั้งขึ้นลง
แดเนียงเกร็งท้องน้อยสวนกลับรับการบดเบียด เสียงหายใจหอบถี่ดังรัวแข่งกัน จนกระทั่งกานต์กดสะโพก
ลงแรงๆ อีกครั้ง เขาก็หลั่งน้ำกามเปรอะเปื้อนมือตัวเอง
แดเนียลใช้มือจับมือข้างนั้นของกานขึ้นมาใช้ลิ้นเลียน้ำเมือกเข้าปากตัวเองจนหมด ก่อนที่เขาจะบีบคางให้
กานต์หันมารับจูบรุนแรงปิดท้าย
“คิดดูสิ เบบี้…”
แดเนียลกระซิบเสียงกระเส่า ในขณะที่กานต์ก็ยังหอบลึก
“เขาทั้งสองมีความสุขกัน ในขณะที่คุณได้อะไรบ้าง คุณต้องมาอยู่กับผมทั้งที่คุณก็ไม่อยาก โอ… ที่รัก
ผมรู้ตัวดี ไอ้โมกข์มันหลอกคุณใช้คุณเป็นเครื่องมือ ในขณะที่แฟนเก่าคุณล่ะ …ปากก็บอกรักคุณนักหนา
และสุดท้ายก็มาแย่งผู้ชายที่คุณอยากได้ ถ้าเป็นผมนะ…”
แดเนียลกัดติ่งหูกานต์ ก่อนที่จะกระซิบเสียงหนักจนสะเทือนไปทั้งหัวใจของกานต์
“ผมจะไม่ยอมให้มันทั้งคู่ได้มีความสุขด้วยกันหรอก หรือคุณว่าไง”
โมกข์ไม่พูดกับเขาแม้กระทั่งตอนนี้ที่กลับมาถึงบ้านนานแล้ว
กลับมาถึงบ้าน โมกข์รอจนพัทธ์เปิดประตูก้าวลงจากรถ โมกข์ก็เหยียบคันเร่งจนรถกระบะแล่นด้วย
ความเร็วสูงหายไปกับฝุ่นควันคลุ้ง ปล่อยให้พัทธ์มองตามหลังและเดินกลับเข้าบ้านเพียงลำพัง
ลำพังแม้ตอนนี้ที่ตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว พัทธ์ก็ยังขังตัวเองอยู่กับความมืดในห้อง ทิ้งตัวเองนอนคุดคุ้
อยู่บนเตียงอย่างเดียวดาย
นอนตะแคงซุกตัวอยู่กับที่นอนนุ่มปล่อยให้น้ำตาไหลลงโดยมีที่นอนเป็นสิ่งรองรับ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้น
หูก้าวขึ้นมาบนชั้นสอง ฝีเท้านั้นก้าวผ่านห้องเขาเข้าไปอีกห้อง ได้ยินแม้แต่เสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ตก
กระทบพื้นกระเบื้อง พัทธ์นอนน้ำตาไหลจนกระทั่งผลอยหลับไปในท่านั้น
รู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่มีผ้าขนหนูอุ่นๆ ประคบมาที่ซีกหน้าช้ำ พัทธ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในแสงสลัวของโคมไฟ
หัวเตียง จึงได้เห็นใบหน้าห่วงใยแกมกังวลของโมกข์ที่ก้มหน้ามาใกล้แล้วถอนหายใจเบาๆ
พัทธ์นอนเงียบๆ ปล่อยให้โมกข์ใช้ผ้าขนหนูวางประคบใบหน้าให้อย่างเบามือ เขาช้อนตามองโมกข์อย่าง
ขอลุแก่โทษ ดวงตาคมที่สบตาตัดพ้ออยู่ในที ก่อนที่โมกข์จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ ก้มหน้ามาประทับริมฝีปากลง
บนเรียวปากซีดเย็นของพัทธ์
โมกข์ดึงร่างของพัทธ์ให้ลุกขึ้นนั่ง กดศีรษะให้พัทธ์ซุกอยู่กับแผ่นอกของเขา
“ทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะคนอื่นด้วย”
โมกข์พูดเบาๆ พลางลูบผมพัทธ์อย่างอ่อนโยน
“ผมไม่สบายใจเลยรู้ไหม”
น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้ว ไหลรินออกมาอีกครั้งจนเปียกชุ่มชุดนอนของโมกข์ พัทธ์สวมกอดโมกข์ไว้จนแน่น
“ผมขอโทษ”
“อย่าขอโทษเพราะคุณไม่ผิด”
โมกข์เอ่ยห้าม
“มันเป็นเพราะคุณใจดีเกินไป เห็นใจคนอื่นมากเกินไป จนลืมนึกถึงตัวเอง แต่เพราะคุณเป็นแบบนี้ผมถึงได้
รักคุณมากขนาดนี้”
โมกข์จับไหล่ของพัทธ์ออกจากอ้อมกอด เพื่อให้สบตากับเขา ปลายนิ้วกร้านงานหนักลูบไล้เบามือที่ซีกแก้ม
ซ้ำ
“เจ็บมากไหม”
พัทธ์พยักหน้าเบาๆ โมกข์จึงบรรจงแนบริมฝีปากลงไปช้าๆ บนซีกหน้าข้างนั้นเพื่อรับขวัญ
“ไม่เอาแล้วนะ เราจะไม่ทะเลาะกันงอนกันอย่างนี้อีกแล้ว รู้ไหมว่าผมทรมานขนาดไหนที่ไม่ได้พูดกับคุณ
ไม่ได้กอดคุณ ไม่ได้หอมแก้มคุณอย่างนี้”
โมกข์มองตาเป็นทำนองขอคำตอบ พัทธ์จึงคลี่ยิ้มน้อยๆ แทนคำสัญญา
โมกข์มอบจุมพิตหวานเป็นรางวัล เขาสอดลิ้นเข้าไปในเรียวปากที่รอรับอยู่แล้ว พัทธ์ตวัดปลายลิ้นตอบรับ
มือเรียววางอยู่บนไหล่กว้างบีบเบาๆ เมื่อจุมพิตแสนหวานเริ่มเรียกร้องมากขึ้น ขอบเสื้อยืดตัวหลวมของเขา
ถูกมือร้อนล้วงลึก พัทธ์เองก็ไม่ปฎิเสธแถมยังเป็นฝ่ายใช้มือปลดกระดุมชุดนอนของโมกข์ออกทีละเม็ดจน
หมด แล้วเขาก็วางมือทาบไปบนอกกว้าง บีบเค้นเบาๆ ก้มหน้าไปโลมไล้ปลายยอดอกด้วยปลายลิ้นของเขา
“ยั่วจริงๆเลยนะ”
โมกข์หยอกเย้าพลางขบเม้มที่ซอกคอระหง พัทธ์ได้แต่หัวเราะอายๆ
“ขอบไหมล่ะครับ คุณยักษ์”
โมกข์ยิ้มด้วยดวงตาระยิบระยับเมื่อดึงเสื้อยืดที่ขวางทางออก กางเกงบอกเซอร์ของพัทธ์ถูกดึงออกโยนทิ้ง
ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อและกางเกงออกจากตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วผลักร่างโปร่งของพัทธ์ให้หงายไปบนที่
นอนนุ่ม
“ขอบมากครับพัทธ์ แต่ถ้าเพิ่มอัตราเร็วของการถอดให้เร็วกว่านี้จะดีมาก”
“หื่น”
โมกข์หัวเราะ เขาเอนตัวทาบทับแนบเนื้อก่อนชิมความหวานจนทั่วร่าง
พัทธ์หอบกระเส่า เขาตักตวงความสุขที่โมกข์ปรนเปรอทั้งลิ้นทั้งนิ้วจากโมกข์จนแทบสำลัก ไม่มีส่วนไหนที่
โมกข์เว้นว่าง เขาแวะสำรวจไปทุกพื้นที่ ก่อนที่เขาจะผสานเนื้อตัวเป็นหนึ่งเดียวกับพัทธ์
“ฮัก ฮัก โมกข์ ตรงนั้น”
โมกข์ควานลึก คับแน่น จนพัทธ์จุกเสียดท้องไปหมด พัทธ์เกร็งหน้าท้องตอบรับขยับสวนเข้าจังหวะ
จนโมกข์เองก็ครางอย่างพอใจ ช่องทางรักของพัทธ์เองก็ตอดรัดสร้างความปั่นปวนให้เขาจนแทบขาดใจ
“ผมรักคุณนะพัทธ์ ผมรักคุณ”
ร่างแกร่งยิ่งเบียดแน่น จนแทบไม่เหลือช่องว่าง โมกข์พร่ำรำพันบอกรักพัทธ์อยู่ตลอดเวลา
เขาค่อยๆ พาพัทธ์ทะยานขึ้นสรวงสวรรค์ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า…
จนกระทั่งฟ้าสาง
“ผมเองก็รักคุณ โมกข์ รักคุณ…”
พัทธ์กระซิบบอกรักก่อนหลับตาลงในอ้อมกอดของกันและกัน