บาสค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพราะในตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาก็ไม่ว่างที่จะให้เขาใช้ยึดจับอะไรเวลาเดินได้
และในตอนนั้นเองที่เขาเกิดพลาดสะดุดขาล้มลงจนชามมาม่าหกใส่ขาเขาในทันที
เพื่อนๆไม่มีใครพูดถึงตอนนี้เลยนะครับ เป็นตอนที่เจ็บปวดมากๆสำหรับผม
บาสไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดสักนิดให้บีมารัก มาห่วงใย แต่กลับเป็นห่วงว่าตัวเองจะทำให้บีลำบากใจ ไม่สบายใจ แม้ตัวเองร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
พอพร้อมที่จะออกมาดูว่าบีกินข้าวหรือยังด้วยความเป็นห่วง ก็ฝืนและพูดกลับบีก่อนเพื่อให้บีสบายใจ
*******************************************************************
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ชีวิตจริงเราก็ปฎิเสธไม่ได้นะ ว่าเราก็ต้องเลือกใครเพียงคนใดคนหนึ่ง บีเลือกแล้วและคิดว่าอาจเป็นหนทางให้บาสเจ็บน้อยที่สุด

wee เพลงเพราะมากเลยครับ ขอบคุณครับ
shell คนดีมักจะต้องเจ็บเสมอ แต่อย่ายอมแพ้นะครับ เราทำดีโดยไม่ฝืนตัวเองและมีความสุขอย่างพอเพียงครับ
ปลายฟ้า ถ้าเป็นบี จะทำวิธีไหนให้บาสเจ็บน้อยที่สุดครับ
between มาเลยเดี๋ยวให้พูห์ช่วย คิกคิก
kirati69 "ความผิดพลาดอย่างเดียวของผมก็คือการที่เรย์...ไปรักเขา " แงๆๆๆๆ
มูมู่น้อย อ่าวเปลี่ยนใจมาเชียร์บาสหรือยังครับ เข้าชมรมคนรักบาสป่าวครับ เอิ้กๆ
หมูพูห์ ถ้ารักออกแบบได้ นั่นแปลว่ามันไม่ได้ออกมาจากหัวใจ แล้วมันจะใช่รักที่แท้จริงหรือครับ
][GobGab][ มีคนมากมายเคยบอกเอาไว้ว่าเวลาจะช่วยเยียวยารักษาจิตใจ แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ ไม่รู้ทำไม ไม่ลืมเขาเลย (อิอิ ยืมเพลงมาใช้)
Rrmz` โห น้ำตาไหลแบบนั้นก็ผีหลอกแล้วดิ คิกคิก
******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 8 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------
ในคืนนั้นผมกลับมาร้องไห้อย่างหนักตลอดทั้งคืน ในขณะที่เริ่มคิดว่าผมเองกลับเป็นฝ่ายที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมนี้ของตัวเองอีกต่อไป
แต่ถ้าหากผมจะยกเลิกแผนการนี้ แล้วผมจะทำยังไงกับบาสล่ะ ผมจะปล่อยให้เขารักผมต่อไปทั้งๆที่ผมไม่อาจรักเขาได้อย่างนั้นหรือ ผมจะปล่อยให้เขารักผมเพื่อจะให้เขาพบความจริงในสุดว่าเขาไม่อาจเป็นเจ้าของหัวใจของผมได้อย่างนั้นเหรอ
หรือว่าบางทีผมควรจะขอร้องเขาไปตรงๆว่าให้เขาเลิกรักผม แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นแล้วบาสเขาจะทำตามคำขอร้องของผมได้อย่างไร ในเมื่อเรายังต้องใช้ชีวิตร่วมกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันภายในบ้านหลังนี้
ที่สำคัญหากไม่มีเหตุผลให้เขาตัดใจจริงๆ เขาจะเลิกรักผมไปเฉยๆ ได้เหรอ
ขนาดทีมซึ่งทำร้ายผมมาอย่างแสนสาหัสขนาดนี้ ผมก็ยังไม่อาจเลิกรักเขาได้เลย แล้วบาสล่ะ ถ้าผมยังทำดีกับเขาต่อไป เขาจะเลิกรักผมได้จริงๆเหรอ
มันก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้บาสเลิกรักผมได้จริงๆ แม้ในช่วงแรกมันอาจจะทำให้เขาเจ็บปวด แต่เมื่อเขาแปรเปลี่ยน “ความรัก” มาเป็น “ความเกลียด” ได้แล้ว เขาก็จะลืมผมได้อย่างรวดเร็ว
สุดท้ายคนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นตัวผมเองนี่แหละ ซึ่งผมก็ยินดีจะรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้นี้
ในเช้าวันต่อมา ผมจึงตื่นแต่เช้าแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้อง
เมื่อมาถึงด้านนอกผมก็เหยียบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนพื้นหน้าประตู และเมื่อผมก้มลงดู ผมก็พบว่ามันคือบันทึกอีกฉบับที่บาสคงเอามาเสียบไว้ที่ประตูตั้งแต่เมื่อคืน
ผมค่อยๆ ก้มลงหยิบบันทึกฉบับนั้นขึ้นมาแล้วก็ตัดสินใจว่าตั้งแต่วันนี้ ผมจะไม่อ่านบันทึกเหล่านี้อีกต่อไป ในตอนนั้นเองที่ผมเหลือบไปเห็นบาสนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ซึ่งแสดงถึงว่าเขาได้นอนอยู่ตรงนี้มาตลอดทั้งคืน
ผมยืนมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างไร้เดียงสานั้นด้วยความสงสารจับใจ แต่ผมก็คงจะทำอะไรมากไม่ได้นอกจากจะทำสิ่งที่ตัวเองคิดต่อไปเท่านั้น ผมจึงแกล้งปิดประตูด้วยความแรงจนเกิดเสียงดัง บาสจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“อ้าว บีตื่นแล้วเหรอ”
บาสพูดพลางขยี้ตาเบาๆ
“ทำไมมานอนตรงนี้”
“ไม่มีอะไรหรอก ในห้องมันร้อน บาสเลยออกมานอนข้างนอก แล้วนี่..บีจะออกไปไหนเหรอ”
บาสถามขึ้นเมื่อเห็นการแต่งตัวที่พร้อมจะออกไปข้างนอกของผม
“บีจะไปเดทกับพี่หมอ จะไปดูหนัง กินข้าวกัน”
ผมแกล้งตอบไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้นัดอะไรพี่หมอเอาไว้เลย ซึ่งคำตอบนี้ทำให้บาสถึงกับซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วบีจะกลับดึกหรือเปล่า”
“ถามทำไม บาสไม่ใช่พ่อแม่ของบีนะ บีถึงต้องคอยมารายงานว่าจะกลับกี่โมง”
“ป่าว บาสแค่อยากรู้ คือว่าวันนี้เป็น.........”
“พอเถอะ พอ บีไม่อยากฟังแล้ว”
ผมรีบพูดตัดบทแล้วก็เดินเอาบันทึกของบาสไปวางไว้บนโต๊ะรับแขกตรงหน้าเขา
“แล้วก็บันทึกบ้าๆ นี่ บาสก็ไม่ต้องเอามาให้บีแล้วนะ บีไม่อยากอ่านมันอีกแล้ว”
พูดจบผมก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองบาสอีกเลย
ผมเดินอย่างไร้จุดหมายออกมาจากบ้านโดยยังไม่รู้ว่าจะไปไหน จนอีกสักระยะผมก็ตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยเพื่อไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถอ่านหนังสือที่อยู่ตรงหน้าให้รู้เรื่องได้
ในใจยังคงมีแต่ความสับสนว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ราวกับว่าในตัวของผมตอนนี้มีทั้งเทพและมารคอยเอาชนะคะคานกันอยู่ในตัว
ด้านหนึ่งก็บอกว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องแล้วเพราะหากผมรักเขาไม่ได้ ผมก็ควรจะให้เขาเลิกรักผมเสียตั้งแต่วันนี้ การปล่อยให้เขารักผมต่อไปเพื่อไปผมจุดจบว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้น มันไร้ความหมาย มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับบาส
ในขณะที่อีกด้านก็กำลังประณามผมอย่างรุนแรงที่ผมได้ทำเรื่องโหดร้ายกับผู้ชายที่รักผมมากขนาดนี้ ราวกับว่าผมเป็นคนไม่มีหัวจิตหัวใจเพราะรู้ทั้งรู้ว่าบาสจะต้องทนเจ็บปวดกับพฤติกรรมนี้ของผมขนาดไหน แต่ผมก็ยังทำ
ในที่สุดเมื่อผมไม่สามารถตัดสินใจหาทางออกให้กับตัวเองได้ ผมจึงนึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา คนที่มีประสบการณ์โดยตรงกับความโลเลที่ทำให้เขาต้องเคยเจ็บปวดมาเพราะผมมาแล้ว
ว่าแล้วผมก็รีบออกจากห้องสมุดเพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปยังโรงพยาบาลศิริราช
“ว่าไง ลมอะไรหอบบีมาหาพี่ถึงที่นี่ คิดถึงพี่จนทนไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ”
“พี่หมอ อย่าล้อบีอย่างนี้สิ”
“แหม จะแกล้งทำเป็นคิดถึงกันบ้างไม่ได้หรือไง”
“ก็คิดถึงนั่นแหละ บีถึงมาหา แล้วบีก็มีเรื่องอยากปรึกษาพี่หมอด้วย”
“ทำไม บีมีเรื่องอะไรเหรอ”
“ก็เรื่อง....เรื่องเดียวกับที่บีเคยทำผิดไว้กับพี่หมอนั่นแหละ”
ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“อ๋อ เกี่ยวกับเพื่อนบีคนนั้นน่ะสิ”
ทันทีที่พี่หมอพูดจบ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัยว่าเขารู้เรื่องของผมกับบาสได้ยังไง ในทันใดนั้นเองที่พี่หมอก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องสงสัยหรอก แค่บียืนคุยกับพี่ เขาก็มีท่าทีหึงพี่ออกชัดเจนขนาดนั้น จะไม่ให้พี่รู้ได้ไง ทำไม บีจะบอกเลิกกับเขาเหมือนกับที่ทำกับพี่เหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อย บียังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาหรอก แต่บีแค่คิดถึงที่พี่หมอเคยบอกว่าถ้าบีรักเขาไม่ได้ ก็อย่าไปให้ความหวังเขา”
“ใช่พี่พูดอย่างนั้น แล้วไง”
“ 2 – 3 วันมานี้บีก็เลยพยายามทำตัวแย่ๆกับเขาเพื่อให้เขาเกลียดบีให้ได้”
“อะไรนะ”
“ถ้าบีไม่ทำอย่างนี้ พอถึงวันที่เขารู้ความจริงว่าบีไม่ได้รักเขาเลย มันคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก .....พี่หมอก็รู้ดี”
เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงของผมได้เบาลงอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมเคยทำกับพี่หมอไว้
“มันก็ใช่ แต่พี่ว่าที่บีทำน่ะ มันแย่มากเลยนะ บีไม่คิดเหรอว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน”
“บีรู้ แต่พี่หมอจะให้บีทำยังไงล่ะ ให้เขาเจ็บปวดเสียแต่วันนี้ มันคงดีกว่าที่เขาจะต้องมาเจ็บปวดในวันที่มันสายไปแล้ว พี่หมอก็เคยต้องเจ็บปวดเพราะบีมาแล้ว พี่หมอน่าจะรู้ดีที่สุด”
“ใช่ ตอนนั้นพี่เจ็บปวดมากเลยบี แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าบีไม่เคยทำให้พี่มีความสุขเลยนี่”
“พี่หมอ….”
“ตอนที่พี่คบกับบีอยู่ พี่มีความสุขมากเลยนะบี ทุกวันนี้เวลาพี่นึกถึงทีไร พี่ยังอดยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้ พี่ถึงเคยบอกบีไงล่ะว่าพี่ไม่โทษบีหรอก เพราะพี่เชื่อนะว่าเรื่องความรักเนี้ย เป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้จริงๆ ถึงบีไม่บอกเลิกพี่ตอนนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้เราต้องเลิกกัน...บีเข้าใจที่พี่พยายามจะบอกใช่มั้ย”
“ปล่าว บีไม่เข้าใจ”
ผมตอบพี่หมอไปตามตรง
“พี่แค่อยากจะบอกบีว่า...ความรักมันมีเส้นทางเดินของมันเอง ไม่มีใครไปกำหนดหรือกะเกณฑ์มันได้หรอกว่าจะให้ความรักมันเป็นยังไงหรือเดินไปทางไหน ก็เหมือนกับที่พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้บีรักพี่ แต่พี่ก็ทำไม่ได้ หรือที่บีอยากจะเลิกรักผู้ชายคนนั้น บีก็ทำไม่ได้เหมือนกันนี่”
“ไม่รู้สิพี่หมอ บีงง บีสับสนกับตัวเองจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว”
“ปล่อยมันไปสิบี ปล่อยให้ความรักเดินไปตามทางของมัน ถ้าวันหนึ่งบีรักเขาไม่ได้แล้วต้องเลิกรากันไปจริงๆ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น เพราะ มันก็แค่เส้นทางรักอีกรูปแบบนึงที่บีกับเขาจะต้องเจอ แต่ถ้าหากว่าเขาสามารถทำให้บีรักเขาได้ล่ะ การที่บีมาตัดโอกาสเขาตั้งแต่วันนี้ มันจะไม่แฟร์กับเขาไม่หน่อยเหรอ”
“พี่หมอ...”
ผมเรียกชื่อพี่หมอออกมาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขาพยายามช่วยให้คำแนะที่หวังดีต่อผมอย่างจริงใจ ทั้งๆที่ผมเคยทำให้เขาเจ็บปวดมาขนาดนี้
“บีให้โอกาสเขาเถอะ หรือไม่ก็ถือว่าให้โอกาสตัวเอง แล้วลืมผู้ชายคนนั้นไปเสียที เขาทำร้ายบีมามากพอแล้วนะ บีจะปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน ขนาดพี่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังพลอยโดยหางเลขเพราะผู้ชายคนนี้ไปด้วย เนี้ยพี่ยังเคยคิดเลยนะว่าถ้าเจอหน้ามันเมื่อไหร่ พี่จะต่อยมันให้หายแค้นสักที”
พี่หมอพยายามพูดติดตลกในขณะที่แววตานั้นยังมีร่องรอยของความเจ็บปวดให้เห็น
“พี่หมอ บีขอโทษ บีเสียใจกับสิ่งที่บีทำกับพี่หมอจริงๆ บีพยายามแล้ว แต่บีเลิกรักผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ”
“ก็นั่นนะสิ ขนาดบียังบังคับให้ตัวเองเลิกรักไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นไม่ได้ แล้วบีไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้เพื่อนคนนั้นเลิกรักบีได้ ???”
คำพูดของพี่หมอทำให้ผมเก็บเอามาคิดตลอดทั้งช่วงบ่ายหลังจากที่แยกกับที่หมอแล้ว
ผมกลับไปนั่งใช้ความคิดถึงสิ่งที่พี่หมอพูดด้วยความสงบอยู่บริเวณที่นั่งริมเจ้าพระยาภายในมหาวิทยาลัย เพราะถึงยังไงผมก็ยังไม่อยากกลับไปที่บ้านในขณะที่จิตใจของตัวเองยังสับสนแบบนี้
ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปห้างสรรพสินค้าแล้วก็เดินเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมายอยู่ที่นั่นจนดึกดื่น จากนั้นผมก็ตีตั๋วเข้าไปในโรงภาพยนตร์โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ตัวเองเข้าไปดูนั้นคือเรื่องอะไร
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงภาพยนตร์นั้นผมก็ไม่ได้สนใจเลยว่าจอภาพเบื้องหน้ากำลังมีฉากหรือบทพูดอะไรบ้าง ในใจเฝ้าแต่คิดว่าผมควรจะสานต่อแผนการที่ตัวเองลงมือทำเอาไว้ หรือว่าควรจะหยุดมันไว้แค่นี้ดี
ผมนั่งใช้ความคิดอยู่กับตัวเองต่อไปสักพัก อยู่ดีๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกเป็นห่วงบาสขึ้นมาอย่างประหลาด ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ทั้งๆที่หนังยังไม่จบด้วยซ้ำ
ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว เมื่อผมออกมาถึงด้านนอกก็พบว่าฝนกำลังตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้ใจหนึ่งจะพยายามบอกตัวเองว่าควรจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนแล้วจึงค่อยกลับบ้าน แต่อีกใจมันก็รู้สึกว่าอยากจะกลับไปให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด
ในที่สุดความรู้สึกเป็นห่วงบาสอย่างไม่รู้สาเหตุที่มีมาตั้งแต่ในโรงหนังก็ทำให้ผมตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปที่บ้าน
ในขณะที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่นั้น ความรู้สึกของผมเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ผมจึงรู้สึกเป็นห่วงบาสขึ้นมาถึงขนาดนี้ ดังนั้นเมื่อแท็กซี่มาจอดหน้าประตูบ้าน ผมก็รีบจ่ายค่าโดยสารแล้วลงจากรถไปเปิดประตูรั้วอย่างไม่กลัวฟ้าฝนที่ยังโหมกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก แต่ทันทีที่ผมก้าวผ่านประตูรั้วเข้ามาด้านใน ผมก็รู้สึกเหมือนมีเงาตะคุ่มๆ อยู่ที่ริมรั้ว
ผมพยายามรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆจนเห็นบาสนั่งกอดอกตัวสั่นงันงกอยู่บนเก้าอี้โดยภายในมือถือร่มคันใหญ่เอาไว้แน่น
“บาส มานั่งทำอะไรกลางฝนเนี้ย”
เสียงตะโกนกลางสายฝนของผมได้ทำให้บาสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความดีใจก่อนที่จะพูดออกมาอย่างปากสั่นด้วยความหนาวว่า
“อ้าว บีกลับมาแล้วเหรอ”
“บาส บีถามว่า บาสมานั่งทำอะไรกลางฝนแบบนี้”
“ก็บาสเห็นฝนมันตกหนัก เมื่อเช้าบีก็ไม่ได้เอาร่มไป บาสกลัวว่าบีจะเปียกฝนตอนเดินเข้าบ้าน บาสก็เลยเอาร่มออกมานั่งรอ”
“บาส...”
ผมครางเรียกชื่อเขาออกมาอย่างไม่เชื่อตัวเองว่าจะมีใครที่สามารถทำอะไรเพื่อผมได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าหากไม่มีเม็ดฝนที่ตกลงมาท่วมตัวเราทั้งคู่ บาสก็คงได้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของผมกำลังเจิ่งนองไปด้วยหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอย่างสุดที่จะห้ามได้
“รีบเข้าบ้านกันก่อนเถอะบาส”
ผมรีบเดินไปพยุงตัวบาสให้ยืนขึ้น และทันทีที่ผมได้จับมือของเขาผมก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่ทำให้ผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขามานั่งตากฝนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว
ความรักที่บาสมีต่อผมอย่างมากมายนั้นกำลังทำให้ผมเริ่มสติแตก ดังนั้นเมื่อพาเขาขึ้นมาบนบ้านได้ผมก็ระเบิดอารมณ์ใส่เขาอย่างสุดจะทน
“โง่ โง่ที่สุด ทำไมบาสทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ ไปนั่งตากฝนอย่างนั้นทำไม บาสมาทรมานตัวเองเพื่อคนอย่างบีทำไม”
ผมพูดออกมาในขณะที่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่ยอมหยุด
“บาสทำผิดอีกแล้วใช่มั้ย งั้นบาสขอโทษนะบี คราวหลังบาสจะไม่ทำอีก”
“พอทีเถอะบาส พอที”
ผมพูดออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วก็พยายามเบือนหน้าหนีบาสไปทางอื่น แต่ในทันใดนั้นเองที่ผมหันไปเห็นสิ่งหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะซึ่งนั่นทำให้ผมถึงกับตกตะลึงจนแทบจะล้มลงทั้งยืนเมื่อนึกไปถึงคำพูดของบาสเมื่อเช้าที่ผมเป็นฝ่ายตะโคกตัดบทใส่เขา ก่อนที่เขาจะพูดจบ
-----------------------------------
“แล้วบีจะกลับดึกหรือเปล่า”
“ถามทำไม บาสไม่ใช่พ่อแม่ของบีนะ บีถึงต้องคอยมารายงานว่าจะกลับกี่โมง”
“ป่าว บาสแค่อยากรู้ คือว่าวันนี้เป็น.........”
“พอเถอะ พอ บีไม่อยากฟังแล้ว”
----------------------------------------
ผมค่อยๆหันกลับไปมองบาสด้วยหัวใจที่แสนจะชิงชังและรังเกียจตัวเอง
“บาส.....เค้กนั่น ??? ”
“คะ....คือ....วันนี้เป็นวันเกิดของบาส ตอนแรกบาสคิดว่าถ้าเผื่อบีกลับบ้านเร็ว บาสก็แค่อยากมีสักครั้งในชีวิตที่บาสจะได้เป่าเค้กวันเกิดกับคนที่บาสรัก”
หลังบาสพูดจบผมก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างอ่อนแรง แล้วก็ก้มหน้าปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก
“ฮือๆๆๆๆๆๆ ได้โปรดเถอะบาส เลิกรักบีเถอะ อย่ามารักคนเลวๆอย่างบีเลย ฮือๆๆๆๆ”
“ทำไมล่ะบี ทำไมบาสถึงรักบีไม่ได้”
เมื่อได้ยินคำถามของบาส ผมก็ระเบิดความอัดอั้นตันใจที่อยากจะบอกเขาออกมาอย่างสุดจะห้าม
“ก็เพราะบีไม่มีวันจะรักบาสได้น่ะสิรู้มั้ย บียังรักทีมอยู่ และก็ไม่มีวันจะรักผู้ชายคนอื่นได้ ในหัวใจของบีมีแต่ทีมเท่านั้น ได้ยินมั้ยบาส บีจะรักแต่ทีมคนเดียวเท่านั้น ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
คำตอบของผมทำให้บาสถึงกับตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่พอสักพักเมื่อปรับใจได้ เขาก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วก็พูดกับผมด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลลงมานองหน้าว่า
“อ๋อ อย่างนั้นเองน่ะเหรอ.....ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรนี่ บีก็รักทีมเขาต่อไปสิ บีไม่ต้องมาสนใจบาสก็ได้ บีไม่ต้องมารักบาสเลยก็ได้ แต่บาสขอร้อง ให้บาสได้รักบีต่อไปนะ ให้บาสเฝ้ารักบีอย่างนี้ต่อไปนะ อย่าบังคับให้บาสเลิกรักบีเลย
..........บาสทำไม่ได้หรอก.............
------------------------------------------------------