ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1307284 ครั้ง)

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
รักเรื่องนี้ค้าาาาา รอๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ซึ้ง น้ำตาไหลพราก :m15: มีความสุขเต็มที่ซะทีนะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ฟ้าหลังฝน สิน้ะ ชื่นใจ

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4444 เมื่อ23-06-2016 23:20:44 »

ผมคือ...นางเอก
อวสาน

หลังพักฟื้นในโรงพยาบาลได้ 4 วัน ในที่สุดสดายุก็ได้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ส่วนแม่เอง ก็ดีขึ้นมากแล้ว เดินเหินอะไรได้อย่างปกติ ทานอาหารได้ ดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีก  เพียงแต่ยังต้องอยู่โรงพยาบาล ดูอาการต่อไปอีกระยะ เพื่อดูว่าจะมีแนวโน้มของอาการสลัดไตหรือไม่ และร่างกายมีผลต่อ ‘ยากดภูมิฯ’ หรือเปล่า เพราะยานั้นต้องทานไปตลอดชีวิต ซึ่งผลจนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้น สดายุจึงกลับบ้านมาพักผ่อนได้ อย่างไม่ต้องกังวลมากนัก
การเข้าผ่าตัดเปลี่ยนไตให้แม่ในครั้งนี้ สดายุกำชับทุกคนไว้ไม่ให้บอกใคร แม้แต่ในโรงพยาบาลก็พยายามอำพรางตัว เวลาต้องเดินออกไปไหนมาไหนนอกห้องพักฟื้น เพราะเพิ่งผ่านการแถลงข่าว และประกาศตัวออกจากวงการ ด้วยความบ้าบิ่นมุทะลุมาได้ไม่นาน นักข่าวบางคนยังคงตามกลิ่นกันอยู่  หากจู่ ๆเรื่องที่เข้าผ่าตัดแพร่งพรายออกไป ก็อาจเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีก โดยส่วนตัวแล้ว สดายุไม่ได้แคร์ตัวเองสักเท่าไหร่หรอก แต่ไม่อยากลากครอบครัวของแม่เข้ามาเกี่ยวด้วย หากให้นักข่าวพวกนั้นระแคะระคาย ครอบครัวแม่คงถูกรบกวนไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคือ สดายุไม่อยากทำให้กฤตเมธต้องวุ่นวายไปด้วยอีกแล้ว…
“อาบน้ำหน่อยไหม? เดี๋ยวพี่ซีลแผลให้”
กฤตเมธยังคงเอาใจใส่อย่างดีเหมือนเช่นเคย และเหมือนจะยิ่งโสดายุมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ด้วยเพราะตอนนี้ สดายุคือคนป่วย การเหลือไตเพียงข้างเดียว ทำให้สดายุเหนื่อยง่ายในช่วงแรก ระบบร่างกายที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของสดายุติดขัดในหลาย ๆ อย่าง ซึ่งในเรื่องนั้น กฤตเมธจึงเป็นคนอาสาดูแลให้ เช่นตอนนี้ที่สดายุจะต้องอาบน้ำ แต่แผลผ่าตัดยังโดนน้ำไม่ได้เพราะยังไม่หายดี จึงต้องอาศัยกฤตเมธช่วยใช้เทปพลาสติกันน้ำพิเศษจากโรงพยาบาล  มาช่วยพันปิดแผลเอาไว้ให้ก่อน เพื่อกันน้ำซึม
“ดูแลอย่างกับแม่แน่ะลุง” สดายุออกปากแซว ขณะนอนมองกฤตเมธทำโน่นทำนี่ให้จากบนโซฟา สดายุรู้สึกเพลียกว่าปกติก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป่วยขนาดช่วยเหลือตัวเอง หรืออาบน้ำเองไม่ได้เสียหน่อย
“หึ งั้นก็อย่าดื้อล่ะ เดี๋ยวแม่จับตีก้นลายนะ รีบมาอาบน้ำเร็วเลย จะได้ทานข้าวทานยา พักผ่อน” โดนเด็กแซว ผู้ใหญ่เลยหยอกกลับ พร้อมบ่นยาวตามหลังเสมือนตัวเองเป็นแม่ของสดายุจริงๆ
“เดินไม่ไหวอ่า…แม่อุ้มหน่อย” โดนผู้ใหญ่ตบมุกมา เด็กก็สวนกลับแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน แสร้งชูสองมือขึ้น ในท่าที่เหมือนเด็กน้อยขอให้อุ้มจริงจัง ท่าทางแบบนั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากกฤตเมธไม่น้อย ผู้ใหญ่หัวเราะเบา ๆ พลางเดินเข้ามาช่วยเด็กน้อยถอดเสื้อผ้า และตั้งใจจะอุ้มเข้าห้องน้ำตามที่เด็กอ้อน
เห็นว่าเด็กยังป่วย ผู้ใหญ่เลยจะตามอย่างให้เต็มที่ หัวใจดวงโตของกฤตเมธเอง ตอนนี้ก็ฟูฟ่องจะแย่ เพราะตอนสดายุแข็งแรงดี โมเม้นท์แบบนี้แทบไม่ปรากฏให้เห็น คีบลุคหนุ่มซึนฯได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จนบางครั้งยังแอบหมั่นไส้ แต่พอป่วยเข้าหน่อย อ้อนเอา อ้อนเอา เป็นเด็ก ๆ เมื่อก่อนไม่เห็นเคยทำเสียงออเซาะ เดี๋ยวนี้ทำถี่เสียจนกฤตเมธแทบจะลอยได้ ก็นะ...เลยทำให้ผู้ใหญ่ได้มีมีความสุข (มาก ๆ) ตามประสา

“นี่ลุง...มันอึดอัดนะ”
สดายุบ่นอุบ กับสภาพที่เป็นอยู่  ที่นอนคิงไซส์  แทนที่จะได้นอนแผ่สบาย ๆ  กลับมีมนุษย์ลุงตัวใหญ่นอนประกบกอดอยู่ด้านหลังไม่ห่าง ที่ตั้งกว้าง มาซุกอยู่ได้ แถมบ่นให้ฟังยังยิ้มรับไม่อิดออดอีกต่างหาก ที่นอนอุ่น ๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย แต่ผิวกายร้อนจัดของคนที่โอบกอดจากด้านหลัง ทำให้สดายุอึดอัดไปด้วย จนทำให้อดไม่ได้ที่ต้องออกปากบ่นคนที่มานอนแย่งความสบายจากสายน้ำอุ่นในตอนนี้
“ช่วงนี้หงุดหงิดบ่อยนะเรา” กฤตเมธกระเซ้า  พลางกระชับอ้อมกอดคนหน้าบูดแน่นขึ้น เป็นการหยอกเย้า
“เบียดเบียนคนป่วยว่ะ” สดายุแค่บ่นเพิ่ม แต่ก็ปล่อยให้กฤตเมธกอดเฉย ๆ ไปอย่างนั้น
“นี่” จู่ ๆ ทุ้มเสียงต่ำพร่าก็มากระซิบใกล้ที่ใบหู “ปล่อยของหน่อยไหม...เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำที่เชิญชวนไปในทางลามก ทำสดายุต้องหันกลับไปมองหน้ากฤตเมธด้วยสีหน้าอ่อนเพลียใจ
“อย่าหื่นน่าลุง ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะครับ อย่ารังแกกันนักซี่...” สดายุบ่นเนือย ๆ ไม่ใช่เขาจะหมดไฟ หรือไม่หื่น เก็บกดมาตั้งหลายวัน มันก็ต้องมีกันบ้าง แต่เพราะยังปวดแผลอยู่นิดหน่อย เลยยังไม่ค่อยอยากซ่า สักเท่าไหร่
“พี่เปล่าจะทำอะไรยุเสียหน่อย” โดนคำตัดพ้อเข้าไปกฤตเมธก็ส่ายหน้าวืด ๆ แสร้งทำตาโตว่าไม่ได้คิดในแง่ไม่ดี ที่ทำลงนี่ก็แค่เป็นห่วงเป็นใย “แค่อยากคลายเครียดให้ก็เท่านั้นเอง” พูดจบก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตากับคนรักที่ยังแสร้งทำหน้าตาย ทั้ง ๆ ที่รู้ความหมาย ว่าตาลุงคนนี้หมายถึงอะไร...
“ให้พี่ช่วยนะครับ” กฤตเมธกระซิบหวาน ด้วยดวงตาวาววามของผู้ล่า
“...ไอ้หื่น” และถึงออกปากด่า แต่สดายุก็ไม่คิดขัดขืน
เมื่อเชื้อมันยังมี ไม่ต้องขยี้ก็มีไฟ

"อือ...ลุง...อย่าเอาแต่ลูบสิ..." 
เสียงครางเครือร้องว่า ขัดใจนักหนากับฝ่ามือระอุที่มัวแต่ลูบคลำอยู่เพียงด้านนอกกางเกงนอนเนื้อบาง ผู้กระทำที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยิ้มรับเสียงตัดพ้อ ที่สั่นกระเส่าได้อย่างน่ารักน่าชังของสดายุไม่ขาด   พลางฟอนเฟ้นหนักมือขึ้น จนเสียงน่ารักหอบฮั่กไปด้วยแรงอารมณ์
“อ้อนเพราะ ๆ สิครับคนเก่ง” ยิ่งเห็นสดายุสะท้าน กฤตเมธก็ยิ่งหยอกเย้า เขาไม่ได้ต้องการให้สดายุต้องทรมานนานนักหรอก เพราะถึงอย่างไร เด็กน้อยก็ยังถือว่าเป็นคนป่วยที่ต้องดูแลกันอยู่  แต่ที่กฤตเมธยังแกล้งหยอกไม่หยุดนี่ ก็แค่เห็นแก่ความน่ารักน่าหยิกก็เท่านั้น...
“อย...อย่าแกล้งได้ไหม อื้อ...พอเลย...” แต่แน่ล่ะ เด็กเอาแต่ใจ ย่อมไม่ยอมลงให้ง่าย ๆ เมื่อผู้ใหญ่แกล้งไม่หยุด สดายุก็เลยคิดจะทำเอง ให้จบ ๆ เรื่องไป
“ฮื่อ อย่าดื้อสิครับ” เมื่อเด็กใจกล้าออกอาการพยศ กฤตเมธก็ต้องกำราบกันนิดหน่อย แค่อยากได้ยินเสียงอ้อนน่าสงสาร มือใหญ่กอบกำความปรารถนาที่แทบจะลุกเป็นไฟของสดายุไว้มั่น เพื่อปัดป้องไม่ให้มือสั่นระริกของผู้เป็นเจ้าของได้แตะต้อง งานนี้กฤตเมธโดนความหงุดหงิดงุ่นง่านของสดายุสบถใส่ไปเสียหลายคำ
แต่แทนที่จะโกรธ กฤตเมธกลับยิ่งพึงใจ เพราะยิ่งสดายุเดือดพล่าน ไฟปรารถนาของกฤตเมธก็ลุกโชนเช่นกัน
“พูดว่า ‘ทำให้ยุหน่อย’ แค่นิดเดียวไม่ได้เหรอ?” กฤตเมธเย้ายั่ว “ถ้ายอมพูดดี ๆ ล่ะก็...” ริมฝีปากฉ่ำชื้นกระซิบถ้อยคำยั่วยุที่ใบหูร้อนฉ่า ชักจูงให้สดายุที่กำลังติดบ่วงปรารถนา คล้อยตามมาโดยง่าย
...แน่นอน ว่ามันได้ผล...แต่เด็กน้อย ก็ใช่จะยอมเสียเชิงง่ายนัก
“พี่เมธ...อย่าแกล้งยุ...อือ...” 
เสียงหวานร้องกระเส่า สดายุพลิกกายเข้าเบียดกฤตเมธที่นอนโอบอยู่ด้านหลัง  เรียวมือขาวล้วงเข้าใต้เสื้อนอนของผู้ใหญ่ ลูบวนลอนกล้ามแน่นตรงหน้าท้องแกร่ง ริมฝีปากที่เอ่ยคำอ้อน เผยออ้าเล็กน้อย พลางแลบปลายลิ้นสีสดขึ้นโลมไล้ริมฝีปากของกฤตเมธแผ่วเบา ปลุกเร้า ให้เจ้าคนขี้แกล้ง ได้ลุกเป็นไฟดูบ้าง เสียงครางต่ำที่ได้สดับหลังมอบจุมพิตแผ่วผิว ทำสดายุอดกระหยิ่มใจไม่ได้
…เดี๋ยวก็ได้รู้ ใครกันแน่ ที่ต้องเป็นฝ่ายอ้อน
สงครามอันอ้อยอิ่ง  เริ่มโหมแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อสดายุเดินหน้าท้าสู้กฤตเมธบ้าง
การถูกยั่วยวน ทำให้อารมณ์ดิบของกฤตเมธเริ่มร้อนขึ้นมาบ้าง หมั่นเขี้ยวเจ้าตัวแสบ ที่ไม่ยอมจำนนง่าย ๆ ตรงหน้า จนต้องตามฉกจูบปลายลิ้นเราะร้ายนั่นเป็นพัลวัน
พอไล่ล่าจนริมฝีปากแดงจัดนั่นหนีไปไหนไม่รอด ก็สอดปลายลิ้นเข้าไปทักทายบ้าง รสจูบดูดดื่ม เรียกร้องให้สดายุโอบแขนคล้องคอของกฤตเมธไว้เพื่อเหนี่ยวรั้ง และเรียกร้อง รสจูบที่หวานล้ำขึ้น
นอกจากปรนเปรอจูบหวาม ๆ แล้ว มือของกฤตเมธเองก็ไม่ได้อยู่สุข สองมืออุ่นจัดลูบเรื่อยจากแผ่นหลังลงถึงสะโพกกลมเด้ง แน่นตึง พลางบีบจับ ลูบไล้อยู่ตรงแก้มก้นเปลือยเปล่าของสดายุด้วยความเพลิดเพลิน
ก้น คืออวัยวะที่กฤตเมธชอบเป็นอันดับต้น ๆ ในร่างของสดายุ ถึงขั้นเคยสงสัยในรสนิยมของตัวเองว่าแอบโรคจิตอ่อน ๆ หรือเปล่า ถึงได้คลั่งไคล้สะโพกงอนกลมเด้งสู้มือนี่นัก  จำได้ว่าสดายุมักบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าตัวเองมีสะโพกที่ผาย และเนื้อที่ก้นเยอะเกินไป  ถึงจะไม่ได้ดูเยอะจนแลดูอ้อนแอ้นเป็นผู้หญิง แต่พอมีมากไป ก็ทำให้ใส่กางเกงได้ไม่สวย
ทั้งหมดนั่น กฤตเมธก็ได้แต่ช่วยปลอบว่า สดายุคิดไปเองทั้งนั้น เพราะแท้จริงแล้วสะโพกจิ้มลิ้มนี่ ไม่ได้ใหญ่จนน่าเกลียดเหมือนที่เจ้าตัวคิด เพราะสำหรับกฤตเมธแล้ว ขนาดของสดายุ ถือว่าเหมาะมือมาก
อย่างเช่นตอนนี้ ที่เหมือนยิ่งได้จับ ยิ่งติดใจ คราวนี้ไม่ใช่แค่ลูบคลึงเปล่า ๆ  เพราะปลายนิ้วร้ายกาจ ดูเหมือนจะหมิ่นเหม่อยู่ตรงร่องสะโพก จนดูเหมือนว่าพร้อมล่วงล้ำได้ทุกเมื่อ
แต่ถึงจะอยากรุกรานแค่ไหน กฤตเมธก็ได้แค่กลืนความอยากลงคอ เพราะสดายุเพิ่งออกจากโรงพยาบาล จะเล่นบทหนักไม่ได้ กฤตเมธพยายามยั้งใจสุดกำลัง เพราะรู้ตัวเองดีว่า ขืนเขายังพยายามสอดนิ้วเข้าไปตอนนี้ คงทำให้ตนไม่สามารถหยุดแรงหื่นได้ไหวแน่
ทั้งที่กำลังห้ามใจ แต่ไอ้ตัวแสบก็ช่างยั่วเหลือเกิน สะโพกกลมนั่นถึงได้ส่ายรับมือเขาไม่หยุด
ไม่ได้การแล้ว!!
“อ๊ะ!” สดายุเผลอร้องออกมาเบา ๆ เพราะตกใจที่จู่ ๆ ก็ถูกกฤตเมธผละออกจากอ้อมแขน แล้วจับร่างตนกดลงบนที่นอน และยิ่งตกใจกว่านั้น เมื่อเห็นว่ากฤตเมธกำลังมุ่งหน้าไปหาส่วนสำคัญที่กำลังตั้งชันร้อนจัดของตน
“ทำอะไรน่ะลุง!?” เสียงแหบพร่า ร้องถามด้วยความตกใจ ก่อนจะสะท้านกายเฮือก เมื่อถูกริมฝีปากร้อนจัดของคนที่คร่อมอยู่บนร่างครอบครองส่วนอ่อนไหวที่กำลังร้อนผ่าวไม่แพ้กัน
กฤตเมธไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ช้อนสายตาร้ายกาจขึ้นมอง ขณะที่มีส่วนสำคัญของสดายุอยู่ในปาก ภาพนั้นช่างลามกบาดตา จนสดายุอยากรีบเบือนหน้าหนี แต่เพราะมันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันแสนเซ็กซี่ ทำให้ไม่อาจถอนสายตา
“อือ…” ในเมื่ออยากบ่น แต่ไม่เหลือสติให้ทำอะไรได้ เพราะสดายุหมดทางดิ้นรนอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยอมรับก็ได้ ว่าวันนี้ตนพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ก็หากจะได้ถูกกฤตเมธเอาใจเสียขนาดนี้ สดายุก็จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้อย่างว่าง่าย เมื่อปลงใจแล้ว ร่างกายก็ผ่อนคลายขึ้น เมื่อส่วนปลายความปรารถนาถูกปลายลิ้นหนาหยอกเย้า เพียงแค่อึดใจเดียว สารคัดหลั่งของสดายุก็ถูกผลิตออกมาจนชุ่ม เสียงเหนอะหนะที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากการโลมไล้ ทำเอาสดายุถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเสียวซ่านทรมานสดายุก็ปล่อยเสียงครางหวามออกไปเบา ๆ อย่างยากที่จะอดกลั้น แล้วจำใจกัดฟันรับการรุนรานจนสะท้านไปทั้งร่าง เพราะไม่สามารถปฏิเสธริมฝีปากร้อนเร่าที่กำลังปรนนิบัติตนเองอยู่ได้เลย
"อ๊ะ...พี่…เมธ..." เสียงแหบหวานครางเครือ ลมหายใจสะดุดห้วง แผ่นหลังแอ่นโค้ง เมื่อถูกรุกรานด้วยความหวานล้ำที่รุกรานอยู่ เมื่อส่วนกลางของร่างกายถูกปรนนิบัติจากโพรงปากร้อนผ่าวและเรียวลิ้นช่ำชอง เอวของสดายุก็บิดพล่านโดยไม่รู้ตัว ส่วนปลายสุดถูกทำให้ถูอยู่กับเนื้อเยื่อที่ร้อนรุ่มและฉ่ำแฉะในโพรงปากโหดร้าย เทคนิคของของกฤตเมธทำเอาสดายุแทบจะขาดใจ เรียวขาขาวสั่นระริกถูกจับแยกออกกว้าง แล้วตรึงเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง ศีรษะของคนช่างบริการซุกลงตรงกลางอย่างเอาแต่ได้ โดยไม่สนใจเสียงอ้อนวอนที่เหมือนจะขาดใจได้ทุกเมื่อของสดายุแม้แต่น้อย   
"อื้อ...พี่เมธหยุด...อึก...จ...จะถึง!..."  สองมือของสดายุจิกขยุ้มเส้นผมดำขลับของกฤตเมธที่อยู่ตรงกึ่งกลางร่างกายเพื่อระบายความเสียดเสียว ปากก็ร้องห้ามด้วยลมหายใจหอบสะท้าน
ทว่าเสียงห้าม กลับทำได้แค่ให้กฤตเมธช้อนใบหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเย้ยสดายุเท่านั้น เมื่อเห็นดวงตาปรือฉ่ำด้วยแรงปรารถนาที่มองต่ำลงมา กฤตเมธก็แลบเลียส่วนอ่อนไหวของสดายุช้า ๆ จงใจให้เห็นเรียวลิ้นสีแดงสดที่กำลังโลมไล้จุดสำคัญนี้อยู่
เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันจึงรู้ดีว่า ภาพแบบนี้มีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน และก็จริงอย่างที่กฤตเมธคิด เพราะทันทีที่เห็นภาพบาดตานั้น สดายุก็บิดกายเกร็งร่างสะท้าน ด้วยอารมณ์หวามไหวที่พลุ่งพล่าน ที่ใกล้จะปะทุออกมาในไม่ช้า
“พร้อมกัน…ไม่อยาก…คนเดียว…” สดายุร้อง กัดฟันผลักศีรษะของกฤตเมธออกไปให้พ้น ก่อนที่ตนจะทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาเสียก่อน สดายุอ้อน อยากถึงพร้อมกัน เพราะรู้ว่ากฤตเมธที่ต้องดูแลตนมาตลอด ย่อมมีความอัดอั้น และต้องการปลดปล่อย เช่นกัน
“ให้…ผม….ให้ผมช่วย…พี่ด้วยนะ…ด้วยกัน…” แค่เสียแหบพร่านั่นร้องอ้อน หัวใจของกฤตเมธก็ออกอาการระทดระทวย ทั้งที่ตั้งใจจะส่งสดายุให้ถึงฝั่งฝันก่อนแท้ ๆ ในส่วนตัวของเขาน่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวไปจัดการกันทีหลังก็ได้
“…เร็วสิ…ผมจะ…ไม่ไหวแล้วนะ…” สดายุเร่งเร้า ปลายลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากแห้งผาก ที่กำลังเผยอน้อย ๆ เพราะหอบหายใจ
ในจังหวะที่กฤตเมธกำลังตัดสินใจ เพียงชั่วเสี้ยววินาที จู่ ๆ สดายุก็ส่งเสียงซีด เย้ายั่ว ทั้งยังกัดเม้มริมฝีปาก ราวกับทรมาน เพราะกำลังจะอดทนต่อไปไม่ไหว ถึงตรงนี้กฤตเมธก็ไม่รีรออีกต่อไป ร่างหนาจัดการคว้าหมอนมาหนุนใต้สะโพกของสดายุเอาไว้ เพื่อลดภาระที่จะเกิดกับหลัง จากนั้นก็ทาบร่างลงไปโดยไม่ต้องคิด
สดายุสูดหายใจสะท้าน จ้องตากฤตเมธที่คร่อมอยู่เหนือร่าง ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงปรารถนา ต่างฝ่ายต่างแผดเผาซึ่งกันและกัน จนแทบหลอมละลาย กฤตเมธดึงขอบกางเกงนอนตัวบางของตัวเองลง เพื่อนำพาความร้อนรุ่มแข็งขันของตนออกมาบ้าง จริงอย่างที่สดายุคาดไว้ กฤตเมธเองก็อ่อนไหว เพราะไม่ได้ปลดปล่อยมานานวัน จึงไม่แปลกเลยที่ส่วนนั้นจะร้อนรุ่มจนแทบระเบิด
“อือ…” สองหนุ่มถอนลมหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อกฤตเมธทาบอาวุธร้ายของตนแนบเข้ากับของสดายุ หากเป็นปกติ กฤตเมธคงไม่รอช้าที่จะเชื่อมร่างกับสดายุ แต่เพราะวันนี้สดายุยังคงป่วยอยู่ กิจกรรมที่หนักเกินไปจึงต้องงดไปก่อน แม้แต่การใช้มือในครั้งนี้ ก็ต้องทำด้วยความอ่อนโยน แม้ว่าอารมณ์ตอนนี้จะเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้วก็ตาม
กฤตเมธคร่อมร่างสดายุไว้ โดยใช้แขนซ้ายค้ำร่างกายไว้เพียงข้างเดียว ส่วนมือขวาก็ทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้กับทั้งตัวเองและสดายุ
“พี่เมธ!...อ๊ะ…จะไม่ไหวแล้ว” เพียงแค่ขยับมือได้ไม่เท่าไหร่ สดายุก็ร้องจ้าเร่งเร้า เพราะเขาหมิ่นเหม่อยู่เต็มทน ตั้งแต่ที่กฤตเมธใช้ปากให้เมื่อครู่แล้ว แต่เพราะอยากมีความสุขไปพร้อมกันกับคนรัก สดายุถึงต้องกัดฟันทนอดกลั้นแทบเป็นแทบตายอยู่ตอนนี้
“อีกนิดเดียวยุ…อืมมม…” กฤตเมธครางบอก แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกสดายุโน้มคอลงไปจูบ เรียวลิ้นนุ่ม ร้อนผ่าวสอดแทรกเข้ามาทันที  สดายุคงเกือบถึงที่สุดของอารมณ์แล้ว กฤตเมธเองก็เช่นกัน ร่างใหญ่จูบตอบ เติมเต็มช่องปากของสดายุ
“อื้มมม…” สดายุครางต่ำในลำคอ การถูกโต้ตอบด้วยจูบเร่าร้อน ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดทำให้หัวใจดวงเท่ากำปั้นสั่นสะท้านไปหมด ริมฝีปากของกฤตเมธทั้งเร่งเร้า รุกไล่ ริมฝีปากที่แนบสนิท กับข้อมือกำยำที่ขยับไม่หยุด กำลังทำให้เลือดอันร้อนรุ่มในกายของทั้งคู่เดือดพล่านจนแทบหลอมละลาย
ความต้องการครั้งสุดท้ายทะยานสูง กฤตเมธขยับข้อมือรัวเร็ว พลางดูดปลายลิ้นของสดายุรุนแรง ลมหายใจของทั้งคู่หอบหนัก ริมฝีปากผละจากกันทันทีที่สดายุแหงนหน้ารับความสุขที่กำลังได้รับการปลดปล่อยรุนแรงจนสมองชาวาบ จุดสุดยอดที่มาถึงราวสายฟ้า ฟาดฟันให้ต้องสะท้านหนัก ทั่วทั้งผิวกายขนลุกชัน ด้วยความหฤหรรษ์ที่คาดไม่ถึง ร่างกายยังคงยังกระตุกเบา ๆ ทั้งที่หัวใจยังคงล่องลอย
ทว่าเสียงครางต่ำในลำคอในวินาทีต่อมาของอีกคนบนร่างทำสดายุได้สติและปรือตาขึ้นมอง ภาพของกฤตเมธที่กำลังยืดคอขึ้น ไล้เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องมายังสดายุอย่างกับจะกลืนลงท้องเสียให้ได้ ในขณะที่กำลังถึงจุดสุดยอดนั้น ช่างเซ็กซี่เหลือทนจนหัวใจของสดายุเต้นไม่เป็นจังหวะ
สดายุนึกทึ่งในตัวกฤตเมธทุกครั้ง ที่ได้เห็นความเย้ายวนของเพศชายที่ฟุ้งกำจายออกจากร่างอย่างไม่หยุดหย่อน สมแล้วที่เป็นถึงพระเอกตัวพ่อ ที่ไม่ใช่แค่หล่อ  และนิสัยดี
เพราะบางมุมที่แสดงออกมาว่าเป็นนักล่า ซึ่งตรงกันข้ามกับบุคลิกปรกติโดยสิ้นเชิงนี่แหละ ที่มีเสน่ห์จนคนทั้งประเทศหลงใหล…
ร้ายจริงนะ…ตาลุง
 
หลังอิ่มเอมกับความหฤหรรษ์จนหมดเรี่ยวแรงแล้ว สดายุก็กลายสภาพเป็นของเหลว ทั้งที่ใช้พลังไปเพียงแค่นิดหน่อย สดายุก็เหนื่อยเสียแล้ว  แต่การได้ปลดปล่อย ก็ช่วยทำให้อารมณ์อึดอัดงุ่นง่าน โล่งขึ้นมาก พอร่างกายหอบสะท้านค่อยผ่อนคลายลง ความง่วงงุน ก็เริ่มเข้าโจมตี คงเพราะร่างกายเพลียง่ายกว่าปกติ สดายุเลยผล็อยหลับไป ทั้งๆ ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอาบน้ำอีกรอบ
สภาพที่หลับปุ๋ยไปในทันทีที่ถึงฝั่งฝันของสดายุ ทำกฤตเมธกระหยิ่มใจไม่น้อย ที่สามารถปรนเปรอคนรักจนสุดปลายทางได้ ร่างหนาก้มลงจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความเอ็นดู ก่อนลุกขึ้นจัดการหาผ้าขนหนูชุบน้ำ มาช่วยเช็ดตัวให้ เพื่อที่สดายุจะได้สบายตัว

จัดการคราบไคลให้คนป่วยเสร็จ พร้อมจับเปลี่ยนชุดนอนใหม่เรียบร้อยแล้ว กฤตเมธก็เริ่มจัดการกับตัวเองบ้าง จากนั้น ก็จะอาบน้ำอีกรอบ  แค่เพียงครู่ก็เสร็จเรียบร้อย ผิดบุคคลิคที่ดูเจ้าสำรวยของตัวเองนิดหน่อย เป็นพระเอกดัง ใคร ๆ ก็ย่อมนึกว่ากฤตเมธ ต้องดูแลตัวเองอย่างดี ผิวพรรณที่เห็นว่าสะอาดสะอ้านนั้นต้องผ่านการขัดสีฉวีวรรณอย่างละเมียดละไม เพราะฉะนั้นการอาบน้ำในแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นแน่
ที่ไหนได้...ไม่ทัน 10 นาที พ่อคุณก็เดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือยครึ่งบน ใส่เพียงกางเกงนอนเนื้อบางตัวเดียว ใครที่ไหนจะรู้ ว่ากฤตเมธชอบนอนถอดเสื้อ ซ้ำพอออกจากวงการมา ผมเผ้าก็เริ่มยาวรุงรัง หนวดเคราก็ไม่ค่อยยอมโกน จนโดนสดายุบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าจะเหมือนพี่อ๊อดเข้าไปทุกที  แต่ก็นี่แหละ ตัวตนที่แท้จริงของกฤตเมธล่ะ
เพราะยังไม่ดึกนัก และคนรักก็หลับไปแล้ว กฤตเมธจึงเริ่มทำงานของตัวเองบ้าง ช่วงที่ต้องดูแลสดายุเขาฝากงานที่ร้านไว้กับผู้จัดการร้าน และงานของโรงงานไว้กับเลขาคนสนิทของแม่กรพิณน์  เพราะที่โรงพยาบาลเอางานไปทำด้วยลำบาก วันนี้กฤตเฒธจึงตั้งใจจะเริ่มตรวจเช็คงานในส่วนของสี่วันที่หยุดไปให้เสร็จ
ตั้งแต่ออกจากวงการมา กฤตเมธก็ตั้งหน้าตั้งตาสานต่อธุรกิจของครอบครัวต่อจากผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้ แทบจะปักหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น เพื่อบริหารร้านอาหารที่นั่นกับบรรดาเพื่อน ๆ ที่เป็นหุ้นส่วน  แน่นอนว่าที่สดายุเข้าผ่าตัดนี่ก็ไม่ได้บอกให้แม่กรพิณน์ทราบ เพราะไม่อยากให้ท่านต้องกังวล จนต้องรีบบินกลับมาดูแล เอาแม่กรพิณน์กลับมาเมื่อไหร่ แล้วค่อยบอกท่านทีหลัง ถึงแม้จะโดนบ่นบ้างก็เถอะ
ความฝันที่แท้จริงของกฤตเมธนั้น แท้จริงแล้ว คือการเป็น ‘ผู้กำกับหนัง’ ชายหนุ่มชอบงานด้านนี้มานาน ขนาดเคยช่วยเป็นลูกมือของผู้กำกับอ๊อดอยู่บ่อย ๆ เพราะฉะนั้นงานบริหารอย่างที่ทำอยู่นี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ตนชอบเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัวที่คุณพ่อได้ทิ้งเอาไว้ให้ แถมตัวกฤตเฒธเองก็จบทางด้านบริหารมา เขาจึงพอมีความรู้ในเรื่องการจัดการต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว  ต้องขอบคุณคุณพ่อ ที่ท่านมองการไกล และพยายามเคี่ยวกรำทายาทเพียงคนเดียวอย่างกฤตเมธ ให้ความสามารถในด้านการบริหารอย่างชาญฉลาด
และตอนนี้ กฤตเมธเองก็กำลังปั้นทายาทของตนอย่างขมักเขม้นอยู่แช่นกัน นั่นก็คือสดายุ สุดที่รักของเขานี่เอง พูดถึงสดายุ กฤตเมธเองยังแอบทึ่งไม่น้อย ด้วยไม่นึกว่าสดายุจะมีหัวทางด้านบริหารและตัวเลขชนิดหาตัวจับยาก ซ้ำยังหัวไว เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะสอนอะไรไป แค่ได้ลองทำเพียงครั้งเดียว สดายุก็สามารถต่อยอดได้แล้ว อึ้งยิ่งกว่า เมื่อได้รู้ว่าสดายุเรียนจบอะไร ใครจะไปนึกฝันว่าอดีตพระเอกหน้าตาย แถมยังไม่เป็นมิตร จะเรียนจบเอกภาษาญี่ปุ่น ที่เจ้าตัวบอกว่า เลือกเรียนเพราะแค่ชอบเล่นเกมส์ญี่ปุ่น เกลียดตัวอักษรภาษาอังกฤษ และเห็นว่าจบง่ายไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ แค่เรียนให้เกรดผ่าน หน่วยกิตครบ จบแน่...แม้ว่าจะเกเรเสียจนเกือบเรียนไม่จบก็ตาม
ถึงเหตุผลจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่การที่สดายุจบเอกภาษาก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะในการทำธุรกิจ การมีภาษาที่สามติดตัว ย่อมเป็นประโยชน์ในเรื่องการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับร้านอาหารของแม่กรพิณน์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งอีกไม่นาน กฤตเมธก็มีโครงการพาสดายุไปฝึกงานไกลถึงแดนอาทิตย์อุทัยแน่นอน
ในอนาคต เมื่อถึงวันที่สดายุสามารถบริหารธุรกิจของครอบครัวได้ดี กฤตเมธจะยอมให้สดายุได้เปิดร้านกาแฟตามฝันบ้าง ถึงตอนนั้น เขาเองก็จะลองทิ้งงาน ไปขอเป็นผู้กำกับหนังสักเรื่องดู

งานในส่วนของ 4 วันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เสร็จภายในเวลาอันสั้น เวลาล่วงมาจนเกือบตีสามแล้ว กฤตเมธก็ยังคงนั่งหลังขดหลังแข็งเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ของงานที่ดองเอาไว้  ความเงียบทำให้กฤตเมธมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงาน จนไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้มีใครอีกคนตื่นมาอยู่เป็นเพื่อน
“ให้ผมช่วยไหม?”
เสียงแหบเสน่ห์หลุดเข้ามาในภวังค์ จนกฤตเมธนึกว่าฝัน กระทั่งฝ่ามือเย็นเฉียบของสดายุมาแตะลงที่บ่า พาเอาสะดุ้ง
“ทำไมมือเย็นจัง?”  กฤตเมธทัก พลางรีบคว้ามือเย็นของสดายุเข้ามาใกล้ จับตัวจับหัวของอีกฝ่ายก็ว่าดูท่าไม่ค่อยดี “ตัวรุม ๆ ด้วยนี่ ไม่สบายเหรอ?”
“แค่เพลีย ๆ เอง” สดายุไหวไหล่ ไม่ยี่หระกับอาการของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้รู้สึกว่าตนไม่สบายตรงไหน
แต่กฤตเมธย่อมไม่ยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ
“เป็นหวัดเข้าแล้วล่ะ ไปนอนพักเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้ไข้ไม่ลงเดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาล”
“ไม่เอาอ่ะ เพิ่งออกมาเมื่อวาน พรุ่งนี้จะให้ไปอีกแล้ว ไม่เอาด้วยเด็ดขาด”
“ก็ยุจะไปเยี่ยมแม่อยู่แล้วนี่ แวะตรวจหน่อยเป็นไรไป”
“หึ! เยี่ยมก็ส่วนเยี่ยมดิ ไม่เอาอ่ะ ไม่ตรวจ”
สดายุส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกฤตเมธต้องขอยอมแพ้ ด้วยเห็นว่าอาการของสดายุก็ไม่ได้หนักหนา ลองให้พักผ่อนดูก่อน หากพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้น แล้วค่อยบังคับพาตัวไปทีหลัง
“อ่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นก็นอนพักต่อได้แล้วนะ พรุ่งนี้จะได้หาย” กฤตเมธพยายามปะเหลาะ
“ตาสว่างแล้วอ่ะ ให้ผมช่วยงานเสร็จเร็วกว่านะ” แต่กระนั้น สดายุก็ยังดื้อ เพราะไม่อยากให้กฤตเมธต้องมานั่งเหนื่อยทำงานอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่งานดองเป็นกองขนาดนี้ ก็เพื่อต้องมาคอยเฝ้า คอยดูแลตนที่โรงพยาบาล แค่เห็นสดายุก็รู้สึกผิดแล้ว
“...พี่จะได้นอนพักบ้าง”
น้ำคำแสดงความห่วงใยจากหัวใจที่จริงจัง พาหัวใจของกฤตเมธอุ่นซ่าน การถูกรัก ทำให้หัวใจพองโตได้เสมอ
“ไม่ต้องทำหรอก พี่จะไปนอนแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวค่อยทำต่อพรุ่งนี้เอาก็ได้ เหลืออีกแค่นิดเดียวแล้วล่ะ” กฤตเมธว่า พลางบิดขี้เกียจ ได้เวลานอนของตนเสียทีเหมือนกัน ตอนแรกก็ตั้งใจจะทำจนเสร็จนั่นแหละ แต่เห็นท่าสดายุคงไม่ยอมเข้านอนแน่ ถ้าเขายังขืนทำงานอยู่ จึงไม่ยากเลย ที่กฤตเมธจะตัดใจทิ้งงานได้อย่างง่ายดาย เพื่อพาเจ้าชายของตนเข้านอน
“พี่ไปนอนเถอะ เดี๋ยวผมทำต่อให้เอง” สดายุออกตัวรับงานแทนอย่างต็มที่
“ไม่ต้องหรอก ไปนอนกอดพี่ดีกว่า”
“ไม่เป็นไร เหลืออีกนิดเดียวไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวผมทำต่อให้เอง พี่ไปนอนเถอะ”
สดายุที่เถียงไม่หยุด ทำกฤตเมธเริ่มเข้าโหมดเข้ม ก็แหม...ขนาดเอาตัวเข้าแลกแล้วยังไม่ยอมอีก แล้วจะไม่ให้กฤตเมธถึงกับหรี่ตามองจี้ได้อย่างไร “อย่าดื้อสิยุ ไปนอน”
“ลุงต่างหากที่ดื้อ! เฮ้ย!!?”
เพราะขี้เกียจเถียงกันยาวอีกแล้ว กฤตเมธจึงตัดสินใจอุ้มสดายุกลับห้องด้วยตัวเองเสียเลย เจ้าตัวแสบตกใจเล็กน้อยในครั้งแรก แต่สุดท้ายก็ยอมนิ่งให้อุ้มเข้าห้องแต่โดยดี
“เอะอะใช้แต่กำลังนะเดี๋ยวนี้...”
สดายุเปรยขึ้น เมื่อถูกกฤตเมธวางลงบนเตียงอย่างเบามือ คำว่า ‘ใช้กำลัง’ เล่นเอากฤตเมธหลุดขำ
“ก็อย่าพยศนักสิ ไม่ดื้อไม่ซน พี่ก็ไม่ทำอะไรยุหรอก”
“เฮอะ...ผมพยศใส่ลุงตอนไหนวะ?” สดายุเถียงปร๋อ เมื่อโดนคนแก่จี้ใจดำเข้าให้ “แล้วไอ้สำนวนลิเกอย่างคำว่า พยศ เนี่ย เลิกใช้เสียทีเหอะ โบราณจนขนลุกเลย” แถมไม่ใช่แค่เถียง มีค่อนขอดเหน็บท้ายประโยคมาอีกกระบุง
งานนี้กฤตเมธขอยกธงขาว ประกาศตัวยอมแพ้ ก่อนจะเกิดอารมณ์อยากกดเด็กปากดีอีกรอบ
...ชิ รอหายดีก่อนเถอะ! แผนร้ายที่วาบขึ้นในใจ ทั้งที่กำลังโปรยรอยยิ้มเทพบุตร

 :katai4:


ต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2016 00:03:47 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4445 เมื่อ23-06-2016 23:23:50 »

 :n1:


งานถกเถียงหาผู้ชนะจบลงในที่สุด เมื่อต่างก็ตกลงกันได้ว่าควรนอนพักกันได้แล้ว กฤตเมธก็เอื้อมตัว หมายจะปิดไฟที่หัวเตียง แต่จังหวะที่ปลายนิ้วกำลังจะสัมผัสสวิตช์ กลับถูกมือเย็น ๆ แตะห้ามไว้
แม้จะออกปากถามไปว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายกลับเงียบงัน มีเพียงปลายนิ้วเย็น ๆ เท่านั้น ที่ลูบรอยแผลเป็นตรงหลังของกฤตเมธอยู่ รอยแผลเป็นจากคมกระสุน ร่องรอยที่ได้มาเพราะกฤตเมธสละร่างกายเพื่อปกป้องสดายุ
“ยัง...เจ็บอยู่ไหม?” เสียงแหบพร่าถามขึ้นเบาๆ  ขณะที่นิ้วมือเย็นจัดยังลูบวนอยู่ตรงรอยแผลไม่ห่าง
เพราะกระสุนไม่ทะลุ ด้านหน้าจึงไม่มีรอยใด ๆ ให้เห็น แม้กระทั่งยามที่ถอดเสื้อ ก็ดูเหมือนกฤตเมธจะพยายามหลบเลี่ยงที่จะเผยแผลเป็นนี้ให้สดายุได้เห็น เพราะกฤตเมธรู้ดี สดายุฝังใจกับรอยแผลนี้มากแค่ไหน รู้ว่าสดายุเฝ้าแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่เป็นต้นเหตุให้กฤตเมธต้องโดนยิง
ในทุกครั้งที่เห็นรอยแผลนี้ สดายุจะเข้ามาลูบคลำแผ่วเบา ราวกับกำลังร่ายมนต์ให้หายเจ็บปวด ราวกับกำลังขอร้องต่อฟ้า ว่าให้แผลนี้ย้ายไปอยู่บนร่างตน ดังนั้น หากเลี่ยงได้ กฤตเมธก็จะพยายามหลีกเลี่ยง โดยหลังจากออกจากโรงพยาบาลคราวนั้น ก็พยายามใส่เสื้อนอนตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้สดายุเห็น
แต่วันนี้ดันเผอเรอเอาเสียได้ ที่คิดง่าย ๆ ว่าสดายุหลับไปแล้วคงไม่ตื่นขึ้นมาเจอ
ร่างสูงลอบถอนหายใจบาง ๆ โดยไม่ให้สดายุรู้ตัว แล้วเอื้อมมืออุ่นไปจับมือเย็น ๆ นั่นไว้
“พี่ไม่เจ็บแล้ว”
กฤตเมธตอบอย่างหนักแน่น จริงจัง พลางหันมาเผชิญหน้ากับสดายุตรง ๆ  “แผลนี้ ไม่เคยทำให้พี่เจ็บ ยุไม่ต้องกังวลกับมันหรอกนะ”
“ไม่เจ็บได้ยังไง…ต่อให้หายแล้ว แต่มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม…เสียดายหลังเนียน ๆ ต้องมามีรอยแผล” สดายุบ่นเสียงเบา
“พี่เคยบอกแล้วไง ว่ามันคือเหรียญตราแห่งความภูมิใจ ที่พี่ปกป้องคนรักเอาไว้ได้ ในฐานะลูกผู้ชายแล้ว ยุว่ามันไม่น่าดีใจเหรอ?” กฤตเมธอธิบายพร้อมรอยยิ้ม พลางหันมาสวมกอดสดายุเอาไว้ “ถ้าเพื่อยุล่ะก็ ต่อให้มีแผลทั้งตัวพี่ก็ไม่เกี่ยง”
กฤตเมธพูดหยอกทีเล่นทีจริง เพื่อให้สดายุได้ผ่อนคลายลง รู้สึกได้ว่าศีรษะหนัก ๆ ของสดายุนั้น ก็กำลังซุกเข้าหาอ้อมอกของตนเหมือนกัน กฤตเมธยิ้ม แล้วทิ้งแก้มของตนแนบบนกระหม่อมหอม แล้วลอบถอนหายใจบาง ๆ พลางเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วพาคนป่วยเอนกายลงนอนอิงกัน กฤตเมธกระชับอ้อมกอด คนที่นอนซุกกายใกล้ พลางปิดปากนิ่ง ด้วยเพราะกำลังคาดโทษตัวเอง ที่เผลอทำหัวใจของสดายุเจ็บเข้าอีกแล้ว
ความเงียบเข้าปกคลุมเนิ่นนานจนกฤตเมธคิดว่าสดายุคงผล็อยหลับไปแล้วในอ้อมกอดของเขา สติของกฤตเมธจึงล่องลอยบ้าง
ฝ่ายสดายุเอง ก็คิดว่ากฤตเมธคงหลับไปแล้วเช่นกัน จากเสียงของลมหายใจที่สม่ำเสมอของเจ้าของอ้อมแขน
 “พี่เมธ…พี่…คือพรวิเศษของผมนะ” เพราะอย่างนั้น สดายุจึงเผลอไผล พูดความในใจออกมาเบา ๆ “พี่คือทุกอย่าง…ทุกอย่างที่ผมใฝ่ฝัน…พี่เป็นคนดีเสียจนผมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพี่ยังไง…”
หัวใจกฤตเมธกระตุกวูบ ตื่นเต็มตาทันทีที่ได้ฟัง ใช่ว่าสดายุจะไม่เคยพูดจาหวาน ๆ ให้ได้ฟัง แต่เพราะน้อยครั้งที่จะได้ยิน กฤตเมธคิดไปถึงขนาดที่ว่า นี่อย่าบอกนะ ว่าสดายุเทียวพร่ำบอกรักซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ทุกคืนที่ เขาหลับ แต่แม้จะรู้สึกตัวตื่นอยู่ กฤตเมธก็ทำเป็นนิ่งไม่กระโตกกระตาก พยายามสะกดใจไม่ให้เต้นรัวนัก เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่า เรื่องอะไรบ้างนะ ที่สดายุต้องเก็บมาระบายกับคนรักอย่างเขาที่หลับไหลอยู่
“ผมไม่รู้เลยว่า ผมยังมีอะไรที่มีค่าพอจะมอบให้...ผม…ที่มีแค่ตัว…คนที่ให้อะไรพี่ไม่ได้เลยแม้แต่อนาคต…”

หมับ!
“!!!??”
สดายุสะดุ้งหวือ ทันทีที่ถูกรวบเข้าไปกอดแน่น หัวใจเต้นโครมครามทันทีที่รู้ว่า กฤตเมธตื่นอยู่ ไม่ได้นึกอายเท่าไหร่กับสิ่งที่พูดไป แต่แค่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาได้ยิน
“…ตื่นอยู่ก็ไม่บอก ให้คุยคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน…” สดายุที่กำลังบ่นออกมาเบา ๆ ชะงักไปเล็กน้อย เพราะถูกกฤตเมธมอบจูบให้ที่หน้าผากเสียจูบใหญ่
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะยุ พี่ขอได้ไหม…อย่าคิดอะไรแบบนี้อีก” กฤตเมธครวญขอ ในหัวใจยอกปลาบ เมื่อรู้ว่าสดายุยังคงเห็นว่าตัวเองช่างด้อยค่า “เมื่อไหร่ ยุจะรู้ตัวเสียที ว่ายุมีค่ามากกว่าที่ตัวเองคิด”
“ก็รู้อยู่…” สดายุรีบตอบ
“ตอบแบบขอไปทีอีกแล้วนะ” ซึ่งก็โดนกฤตเมธบ่นกลับทันทีเช่นกัน เพราะคำว่า ‘ก็รู้อยู่’ ของสดายุนั้น มักพูดออกมาแค่เพื่อให้ตนหรือคนรอบข้างสบายใจ ไม่ได้มาจากความรู้สึกจริง ๆ
“ก็รู้จริง ๆ ถ้าผมไม่มีค่า พี่คงไม่รักผมขนาดนี้หรอก” สดายุยังคงเถียง ซึ่งแบบนั้นยิ่งทำให้กฤตเมธถอนหายใจ อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่คบกันมาก็ร่วมปีกว่า ทำไมกฤตเมธจะไม่รู้นิสัยของสดายุกันเล่า ‘ไอ้คนขี้เก็กจนหน้าหมั่นไส้เอ้ย’ ต่อหน้าทำเป็นพูดดีทุกที แล้วพอลับหลังก็มาโอดครวญน่าสงสารอยู่คนเดียวนี่นะ แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้อาจจะยังเร็วไป กฤตเมธบอกตัวเองว่าเขายังมีเวลาอีกทั้งชีวิต ที่จะค่อย ๆ ปล่อยให้เจ้าตัวแสบซึมซับความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญไปทีละนิด ส่วนตอนนี้เจ้าตัวจะว่ายังไง ก็ปล่อยให้เพลิดเพลินกับความคิดแบบนั้นไปก่อนแล้วกัน
“เฮ้อ…รู้ก็ดีแล้ว ไม่มีค่าอะไรกัน รักจะตายแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็กอดรัดสดายุแน่น ๆ แกล้งซุกหอมทั้งผม ทั้งหน้า จนสดายุนึกรำคาญขนาดตั้งใช้มือดันคางของกฤตเมธเอาไว้ เรียกเสียงหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ามือที่ใช้ยันปลายคางอยู่นั้น จะเปลี่ยนเป็นลูบข้างแก้มสากแทน
ลูบไปมาเพลิน ๆ อยู่อย่างนั้น กฤตเมธก็นอนให้ลูบไล้ไม่อิอดออด วงแขนแข็งแรง ที่ยังกอดร่างโปร่งบางเอาไว้หลวม ๆ ก็เริ่มลูบไล้แผ่นหลังบางแผ่วเบา คล้ายช่วยปลอบประโลมใจ ซึ่งกันและกัน กฤตเมธยิ้มบางลำพังในความมืด ให้กับความรั้นของสดายุ คนรักของเขาที่ผู้ชายแข็ง ๆ ขี้เก็ก เอาแต่ใจ อดีตผู้ชายที่ทำตัวเสเพลเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง ชอบทำเป็นไม่สนใจใคร ทั้งที่ตัวเองออกจะขี้เหงา ชอบทำตัวร้าย ทั้งที่แท้จริงช่างเปราะบาง แข็งนอกอ่อนใน อ่อนไหวง่ายไปกับทุกสิ่งเร้า ผู้ชายอายุน้อยกว่า ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา ชอบทำหน้าตาย หรือไม่ก็หน้ามุ่ยตลอดเวลา ทั้งที่เวลายิ้มออกจะน่ารักน่ามองแท้ ๆ
ถึงอย่างนั้น คนรักของเขาคนนี้ ก็ยังเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ เหมือนลูกแมว ที่แม้เวลาปกติจะแสนเย่อหยิ่ง แต่พอเอาเข้าจริง ก็ช่างอ้อน แบบนี้สินะ เขาถึงได้หลงรัก หัวปักหัวปำ...     
ความอุ่นใจแผ่ซ่านในทรวงอก มือของสดายุที่ลูบคลำอยู่ข้างแก้มสาก เต็มไปด้วยตอหนวดนั้น รับรู้ได้ในทุกสัมผัส ว่ากฤตเมธมีตัวตน
ในบางครั้งหัวใจดวงนี้ก็วูบโหวง เวลาเห็นกฤตเมธในที่ไกล ๆ เผลอคิดไป ว่านี่คือคนรักของตนจริงน่ะหรือ ผู้ชายที่แสนดีคนนั้น พระเอกเนื้อทองของวงการที่รักของทุกคนที่อยู่ใกล้ ใจดี ยิ้มสวย ผู้ชายอบอุ่น ชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น ทะนุถนอมเขาคนนี้ยิ่งกว่าไข่ในหิน คนที่ดีถึงขนาดนั้น การมีกฤตเมธเป็นคนรักมันเป็นเรื่องที่ราวกับฝันไป มีคนรักเป็นผู้ชาย ทั้งเขาเองยังกลายเป็นฝ่ายรับ บางทีก็คิดว่าช่างน่าขัน เหมือนแค่เรื่องที่ใช้อำกันเล่น
ยิ่งกฤตเมธดีกับเขามากเท่าไหร่ สดายุก็ยิ่งกังวล สดายุยอมรับด้วยหัวใจเลยว่าเขารักกฤตเมธมาก รักชนิดที่ว่า ไม่เคยนึกรักใครอย่างหมดใจได้เท่านี้มาก่อน  ทั้งรัก ทั้งหวงแหน อย่างที่ไม่เคยมีให้ใคร
เพราะไม่ใช่คนที่เชื่อใจในรักนิรันด์ มันจึงหวาดหวั่นทุกครั้งที่ต้องเอ่ยคำว่ารัก
เพราะไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว จึงเคยตั้งใจว่าจะไม่รักใครอีก
ทำอย่างไรดีเล่า ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นแท้ ๆ วันนี้กลับพ่ายแพ้แก่ความดีที่กฤตเมธมอบให้อย่างหมดรูป
เผลอรักไปจนหมดทั้งใจ จะให้ถอนตัวอย่างไรกัน คนอย่างสดายุ ลองว่าได้รักแล้ว ไม่สามารถตัดใจได้ง่าย ๆ เสียด้วย นึกรำคาญตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ที่ไม่ยอมปล่อยวางความรู้สึกหวาดหวั่นนี้เสียที ทั้ง ๆ ที่ควรเชื่อมั่นในตัวกฤตเมธ เชื่อในความรักที่อีกฝ่ายมีให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าถูกรักขนาดไหน ทำไมนะ ถึงยังต้องกลัว...   
 “อย่าปล่อยมือผมนะ…”
สดายุเอ่ยออกไปอย่างเผลอไผล แต่ถึงได้สติ ก็ไม่คิดกลับคำ หรือเฉไฉอย่างปกติ เพราะถึงเผลอก็คือความรู้สึกจริง ๆ ที่อัดอั้นอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้องขอ จำไม่ได้แล้วว่าเคยพูดไปแล้วกี่ครั้ง และไม่รู้ว่าในอนาคตต่อไป พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือปี ต่อ ๆ ไป เขาจะยังย้ำคิดย้ำทำ ขอแต่เรื่องเดิม ๆ นี่อยู่หรือเปล่า  แค่อยากได้ยิน ว่าจะไม่ทิ้ง แค่อยากอุ่นใจ
คำอ้อนแสนหวานขนาดนั้น แน่นอนว่ากฤตเมธย่อมรับไว้ด้วยรอยยิ้ม และหัวใจที่พองโต ร่างสูงใหญ่ขยับกอดแน่น แนบหน้าผากตนเข้ากับหน้าผากอุ่นของสดายุ แม้จะปิดไฟไปแล้ว แต่แสงสลัวที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาก็ยังพอสะท้อนให้เห็นดวงตาของกันแล้วกัน  กฤตเมธกุมมือของสดายุตรงข้างแก้มตนเอาไว้ กดจูบบนมือเย็นจัดนั่นแผ่วเบา ด้วยความรัก ด้วยความห่วงแหน
 “พี่ไม่ทิ้งหรอก…พี่สัญญา”
กฤตเมธมอบคำมั่น จูบเบา ๆ ที่หน้าผากอุ่น ไม่มีคำพูดสวยหรูมากกว่านี้ในตอนนี้ ทั้งที่มีถ้อยคำที่อยากบอกอีกเป็นร้อยเป็นพันประโยค แต่กลับไม่มีคำเลยที่หนักแน่นไปกว่ารอยจูบนี้ คำสัญญาที่ลั่นออกไป ใช่จะพูดไปเพียงแค่ให้สดายุได้ฟัง แต่มันคือคำสัญญาที่กฤตเมธมอบให้ตัวเองด้วย
ถ้อยคำสัญญา กับรอยจูบหวาน ๆ ทำสดายุยิ้มได้  เท่านี้เองที่ต้องการ แค่อยากเติมเต็มในส่วนที่แหว่งหาย การถูกกฤตเมธสวมกอด เป็นอะไรที่สดายุชอบมาก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่เสพติดอ้อมกอดอุ่น ๆ นี้ เสียงทุ้มที่คอยมอบคำหวาน ๆ นั่นก็ใช่ ทั้งที่แต่ก่อนสดายุไม่ใช่คนที่นิยมคำหวาน แต่พอเป็นอะไรที่กฤตเมธเป็นคนพูด ต่อให้เลี่ยน ก็ยังรู้สึกดี
ถึงตรงนี้สดายุก็หลุดขำตัวเอง เบา ๆ ที่ทำเป็นอ้อนนู่นนี่กฤตเมธไม่หยุด
...สงสัย จะไม่สบายจริงอย่างที่กฤตเมธว่าเสียแล้วมั้ง
สดายุรู้สึกพอใจ หลังจากรู้สึกว่าตัวเองอ้อนอย่างเต็มที่แล้ว จิตใจที่ผ่อนคลายลง ทำให้ร่างกายผ่อนคลายตามไปด้วย ความง่วงงุนจึงเหมือนจะเข้ามาทักทายเป็นระยะ ตีสาม เป็นเวลาที่ต้องนอนแล้วสินะ คิดได้แบบนั้น สดายุที่นอนตะแคงอยู่ ก็วูกกายเข้าหากฤตเมธมากขึ้น
ในจังหวะกำลังก้ำกึ่งอยู่กับความฝันความจริง สดายุรู้สึกได้ว่ากฤตเมธขยับกายเข้ามาใกล้ จนใบหูสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ได้ยินชัดทุกคำ ทำดวงตาที่หลับไปแล้วเปิดโพลง
 “ยุ…เราแต่งงานกันไหม?”

3 เดือนโดยประมาณ หลังจากวันที่กฤตเมธชวนแต่งงาน ในที่สุด งานมงคลที่รอมานานก็ถูกจัดขึ้น จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแต่งกันทันทีหลังจากที่สดายุและแม่หายดี ทว่าตอนนั้นกลับยังไม่สะดวก เพราะข่าวของเขาทั้งคู่ยังไม่เงียบสักเท่าไหร่  แม้กระแสจะซาไปบ้าง แต่ภาพแอบถ่าย หรือการขุดคุ้ยลงคอลัมม์เล็ก คอลัมม์น้อยก็ยังคงมีอยู่  หากผลีผลามจัดงานแต่งขึ้นมา  คงได้ฮือฮากันไปอีกพักใหญ่ ๆ แน่ ๆ โครงการที่วางไว้ว่าจะได้ใช้ชีวิต สงบ ๆ โดยเร็ว ก็คงต้องล่าถอยออกไปอีก ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดปัญหา และหลีกเลี่ยงการขึ้นหน้าหนึ่งโดยไม่จำเป็นในช่วงที่กระแสข่าวยังไม่จางกลิ่น กฤตเมธและสดายุจึงเลื่อนงานแต่งเบา ๆ ของพวกตนออกไปก่อน  ทำเพียงอาศัยอยู่ด้วยกันไปอย่างเดิม ๆ เท่านั้น
จนกระทั่งวันนี้ ที่ทุกฝ่ายต่างพร้อม และสังคมภายนอก ก็ดูเหมือนจะลืมเรื่องของพวกเขาไปบ้างแล้ว กฤตเมธและสดายุจึงจูงมือกันจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่รู้กันในหมู่ญาติ และเพื่อนสนิทขึ้นมา 
พิธีแต่งงานเรียบง่าย จัดงานแค่ช่วงเช้าถึงสาย สบาย ๆ แค่ทำบุญเลี้ยงพระ ทานอาหารเที่ยงก็เสร็จ ไม่มีปาร์ตี้ ไม่มีพิธีอื่นใดเอิกเริก โดยพิธีเริ่มจากการทำบุญเลี้ยงพระกันที่บ้านในช่วงเช้า รีบศีลรับพรเพื่อเป็นสิริมงคล แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ก็มีเพียงแค่คนในครอบครัว อย่างแม่ดา แม่พิณน์ พ่อเลี้ยง และสุริยะ กับบรรดาคนสนิทอย่าง บลูม่า ซอลย่า สุริยาวดี พอร์ช รุจน์ อ๊อด และกมลผู้ติดตาม เพียงเท่านี้ บ้านแม่ดา ก็ดูจะเนืองแน่นไปด้วยความสุขอบอวล
   พิธีทางศาสนา เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่  7 โมงตรง คณะสงฆ์ 5 รูปที่พ่อเลี้ยงนิมนต์ไว้ก็เดินทางมาถึงบ้าน พิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย แค่มีสายมงคล กับมาลัยคล้องคอบ่าว-บ่าว สวดมนต์ เลี้ยงพระตามพิธีการที่ถูกต้อง เจ้าบ่าวทั้งสองในวันนั้น อยู่ในชุดสุภาพ ไม่ได้แต่งเป็นชุดเจ้าบ่าวเต็มยศแต่อย่างใด แค่เสื้อเชิ๊ตสีขาว กับกางเกงสีทองมุกคู่กันเท่านั้น
   หลังพิธีทางศาสนา ก็ถึงเวลาของการสู่ขอ สินสอดไม่มากไม่น้อยที่กฤตเมธยกมา เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาแขกเหรื่อที่นังแซวไม่ขาดระยะ แม่ดารับมาตามพิธี โดยหลังจากนั้นก็คืนให้สดายุทุกบาทโดยไม่ยอมเก็บเอาไว้ ด้วยตั้งใจให้ลูก ๆ ได้ใช้ลงทุนชีวิตต่อ 
   
สำคัญที่สุดของพิธีมงคลสมรส คงไม่พ้นการสวมแหวนแต่งงานให้กันและกัน โดยกฤตเมธเป็นคนเริ่มก่อน  เขาค่อย ๆ จับมือซ้ายของสดายุขึ้นมา แล้วบรรจงสวมแหวนลงที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยความนุ่มนวล ในขณะนั้น เสียงลั่นชัตเตอร์ พร้อมเสียงร้องเขินแทนจากคนรอบข้างดังเซ็งแซ่ จนทั้งกฤตเมธและสดายุเองก็ยังกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่  ยิ่งตอนที่สดายุต้องกราบแทบที่อกของกฤตเมธด้วยแล้ว เสียงเชียร์ยิ่งดังกระหึ่ม  และเพราะกฤตเมธอายุมากกว่า   พอสดายุสวมแหวนกลับให้บ้าง กฤตเมธจึงไม่ต้องไหว้กลับ ทำหน้าที่เจ้าบ่าวของงานอย่างสมบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่สดายุตั้งใจว่าจะไม่ยอมเป็นเจ้าสาวอย่างเด็ดขาดแท้ ๆ

พิธีสุดท้าย ในช่วงเช้า จบลงตรงที่ทุกคนได้ร่วมกันผูกข้อไม้ข้อมือคู่แต่งงานใหม่ เพื่อร่วมอวยชัยอวยพร ให้รักมั่นยืนยาว แม่ดา แม่พิณน์ ช่วยกันผู้สายสิญจ์มงคลให้บนข้อมือของสดายุและกฤตเมธ พร้อมคำอำนวยพร ที่แสนมีค่า คำสอนทั้งน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม
แม่พิณน์ยิ้มร่าจนต่าหยี พูดติดตลกว่ายินดีต้อนรับลูกสะใภ้ที่รัก พร้อมจะยกสมบัติให้ทั้งหมด
แม่ดาก็เอาแต่ร้องไห้เพราะปลื้มใจ แต่ก็ยังอุตส่าห์กอดสดายุและกฤตเมธเอาไว้ แล้วอวยพรให้รักยั่งยืน “ฝากยุของแม่ด้วยนะเมธ” คือคำฝากฝังทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตัน แล้วยิ่งต้องสะอื้นหนัก เมื่อกฤตเมธรับคำมั่นเหมาะ “ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดครับแม่ ทั้งชีวิตของผม จนแก่เฒ่า”
ส่วนพ่อเลี้ยง ถึงจะไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ก็ยังอุตส่าห์อวยพรให้มีความสุข แล้วลูบศีรษะของสดายุและกฤตเมธเบา ๆเพื่อส่งคำอำนวยพร
ในส่วนของบรรดาแขกคนพิเศษ ต่างร่วมอวยพรกันอย่างเซ็งแซ่ โดยเฉพาะบลูม่า ที่ถึงกับบ่อน้ำตาแตก พร่ำแต่บอกว่าตัวเองเป็นแม่นกที่กำลังปลื้มปริ่มเมื่อเห็นลูกน้อยโผจากรัง พอร์ชกับรุจน์เองก็รู้สึกเขิน ๆ กับสายตาของสดายุที่มองอย่างรู้ทัน ว่าทั้งคู่ตกลงปลงใจ ตกร่องปล่องชิ้นกันไปแล้วเรียบร้อย
ถึงตรงนี้ คนสุดท้ายที่เข้ามาอวยพรคือสุริยะน้องชายคนเดียวของสดายุ ที่ตอนนี้ผู้เป็นน้องชายนั้น ไม่ได้อยู่ในอาการที่ยินดีสักเท่าไหร่นัก เอาเข้าจริง สุริยะคือคนเดียวเลยก็ว่าได้ ที่ออกปากคัดค้านงานแต่งงาน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เห็นจำเป็น ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ผู้ชายด้วยกัน จัดงานแต่งไปแล้วได้อะไร และอีกร้อยพันเหตุผล เท่าที่จะสามารถยกมาอ้างได้
ข้ออ้างที่ทุกคนรู้ดี ว่าสุริยะไม่ได้ยกขึ้นมาเพื่อขัดขวางความรักของสดายุ
แต่มันคือข้ออ้าง ของเด็กที่เกิดหวงพี่ชายที่ตัวเองปลื้มมากก็เท่านั้น
เพราะสดายุคือพี่ชายที่สุริยะเฝ้าฝันอยากเจอ พี่ชายในอุดมคติที่อยากอยู่ด้วยมาตั้งแต่ยังเยาว์ ครั้นพอได้พบหน้า ได้เสวนา ได้สนิทสนม สุริยะจึงรู้สึกยิ่งรักและหวงแหน อยากครอบครองพี่ชายไว้เป็นของตัวเองคนเดียว เพื่อเติมเต็มช่วงเวลาที่ห่างไปให้หายคิดถึงบ้าง แต่ดันมีกฤตเมธคอยผูกขาดขัดขวางอยู่ไม่ห่างเสียได้ พี่เขยกลายเป็นหนามยอกใจทันทีในความรู้สึก
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าสุริยะคิดจะทำลายหรือขัดขวางความรักของพี่ชายแต่อย่างใด ที่ทำไปทั้งหมดนั้น ก็เพราะน้องชายวัย 16 ปีคนนี้ ก็แค่อยากมีตัวตน อยากอยู่กับพี่ชายบ้างก็เท่านั้น 
“มีความสุขมาก ๆ นะพี่ยุ” สุริยะหน้าบู้ อวยพรเสียงเบาบาง ขณะจับมือพี่ชายนวดไป นวดมา
“ขอบใจ” สดายุเอ่ยขอบใจออกไปขำ ๆ เพราะสีหน้าเหมือนอมยาขม ๆ ไว้ในปากของน้องชายนั้น ดูช่างจริงใจอวยพรเสียเหลือเกิน แถมยังเลือกอวยพรเฉพาะพี่ชายอย่างสดายุเพียงคนเดียวอีกด้วย ไม่มีชายตาหาพี่เขยเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าเขาทำอะไรให้พี่เสียใจ พี่รีบบอกยะเลยนะ เดี๋ยวยะจะปกป้องพี่เอง” ได้ทีสุริยะรีบกระซิบทางหนีทีไล่ให้พี่ชายใหญ่ พลาดชำเลืองสายตาไปคาดโทษพี่เขย ที่กำลังนั่งยิ้มมองมาแบบเป็นต่อ
“โอเค ๆ ถ้าลุงแกทำอะไร พี่จะรีบมาหายะแล้วกันนะ” สดายุว่าขำ พลางลูบหัวห้องชายไปที ด้วยความรู้สึกเอ็นดู ห่างกันมานาน เลยยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่ก็อุ่นใจ ที่พอกลับมาได้ใกล้ ก็ไม่รู้สึกอึดอัด มิหนำซ้ำดูเหมือนสุริยะยังติดสดายุแจอีกต่างหาก

หลังเสร็จงานตอนเช้า ก็ตั้งวงทานข้าวกัน คงเพราะแขกคนพิเศษมีน้อย บรรยากาศจึงดูเฮฮาเป็นกันเอง  เจ้าบ่าวทั้งสอง ถูกลากไปถ่ายรูปที่ระลึกกันสนุกสนาน ด้วยตากล้องมือโปรหน้าละอ่อนอย่างกมล ความสุขที่ฉาบชัดอยู่บนใบหน้าของสดายุ รอยยิ้มเต็มแก้มที่ไม่ได้เห็นมานาน ทำให้แม่ดา กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ 
แม่นั่งมองลูกรักจากที่นั่งประจำตรงศาลาไม้ ดีใจในวันสำคัญของสดายุจนไม่อาจห้ามน้ำตา เห็นลูกเติบใหญ่ และมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า มีความรัก มีครอบครัว ในฐานนะแม่ แค่นี้ก็ปลาบปลื้มล้นปรี่
เติบโตขนาดนี้แล้วหรือลูกแม่ เพิ่งเห็นยังเป็นแค่เด็กน้อยอยู่เมื่อไม่นาน เด็กชายหน้าบึ้ง ที่เกาะอยู่ข้างหลังแม่ตลอด ร้องไห้จ้า จะตามแม่กลับบ้านให้ได้ ตอนส่งเข้าเรียนอนุบาล ลูกน้อย ที่เกเรจนมีเรื่องให้คุณครูมาฟ้องไม่ขาดไม่เป็นมิตร ไม่เอาเพื่อน ทะเลาะวิวาท ทั้งที่พอเวลาอยู่กับแม่ ราวกับลูกแมวที่คอยอ้อนข้างตัวไม่ไปไหนแท้ ๆ เด็กน้อยที่แม่เผลอปล่อยมือไป ตอนนั้น โตขนาดนี้แล้วหรือ
ตอนที่ออกจากอกแม่ไปเป็นดารา แม่แทบไม่เชื่อสายตา เด็กที่มีหน้าบึ้งหน้าเดียวคนนั้น ช่างเจิดจรัสในจอโทรทัศน์จนแม่ทึ่ง ลูกคือคนดีของแม่ รู้สึกแย่เหลือเกินที่ปล่อยมือลูกในวันนั้น เพราะทิฐิ เพราะคิดว่าลูกคงกลับมา เข้าข้างแต่ตัวเองว่าแม่คือความถูกต้อง
หัวใจของแม่หายไปตั้งแต่วันนั้น อยากไปหาใจจะขาดตอนที่ลูกมีปัญหา แต่แม่ป่วย หากเจอหน้าก็รังแต่จะเป็นภาระ  ลูกของแม่เป็นเด็กดี เห็นแม่เป็นแบบนั้น คนดีของแม่คงเป็นห่วงแม่จนอยู่ไม่สุข คิดว่าดีแล้วที่ลูกไม่รู้ แต่สุดท้ายลูกก็มา กลับมาพร้อมหัวใจของแม่
สดายุคนดีของแม่ ทั้ง ๆ ที่แม่เป็นคนใจร้าย ในวันนี้ที่ลูกกลับมา ยังอุตส่าห์นำพาแต่ความสุขมาให้ โอ้...ลูกจ๋า ลูกรัก ขอให้ลูกของแม่มีความสุขตลอดไป  แม่สัญญาจะอยู่เคียงข้างลูกของแม่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ จากนี้และตลอดไป
แม่ยิ้ม เมื่อลูกน้อยวิ่งเข้ามาหา อ้อมกอดนั้นอบอุ่น รอยยิ้มของลูกพราวพร่าง งดงามราวฟ้ากระจ่าง ข้างกายลูกมีคนที่รักลูกของแม่มากมาย เข้ามาคลุกคลียินดีกับลูก แม่สุขใจจนน้ำตาปริ่ม ลูกของแม่ช่วยซับน้ำตาให้อย่างน่ารัก บอกให้แม่ยิ้มกว้าง ๆ แล้วเราถ่ายรูปกัน ข้างซ้ายคือลูกแม่ ส่วนอีกข้างคือลูกชายคนใหม่อีกคนที่แม่รัก  ถ่ายรูปกันได้เพียงนิด สุริยะก็วิ่งห้อเข้ามาร่วมด้วย
เห็นลูกๆ ของแม่มีความสุข แม่เองช่างมีความสุขเหลือเกิน

“สุดยอดเลยว่ะ มาถึงขั้นนี้กันจนได้นะ”
อ๊อดทักกฤตเมธที่กำลังเติมน้ำดื่มอยู่เพียงลำพัง ขณะที่สดายุถูกสุริยะกับบลูม่าลากไปถ่ายรูปตรงนั้น ตรงนี้กันอยู่
“ขอบคุณครับพี่อ๊อด” กฤตเมธกล่าวขอบคุณในคำชื่นชม
“เก่งนะเราน่ะ ทำไอ้ยุติดแจเชียว ปกติมันเอาใครที่ไหน ไม่เคยเห็นมันเดินตามใครต้อย ๆ อย่างเมธสักที เคยเห็นอ้อนกันด้วยนี่ พี่นี่ขอคาราวะเลยว่ะ” เห็นน้องชายนอบน้อม อ๊อดก็ออกปากชมใหญ่ ท่อนแขนแกร่งโถมเข้าล็อคไหล่ของกฤตเมธไว้ แล้วพาเดินท่อง คุยกันไปเรื่อย ๆ “ไหนบอกพี่หน่อยสิ ใช้มนต์อะไรเป่ากระหม่อมไอ้ยุมันกัน มันถึงได้เชื่องเป็นแมวเลี้ยงขนาดนี้” แถมได้ทียังขอวิธีจัดการตัวแสบของกฤตเมธด้วย เผื่อครูพักลักจำ นำไปใช้ปราบกมลคนดีของตนบ้าง
“คงเพราะผมรู้ดีว่าสดายุเขาเป็นคนยังไงมั้งครับ ผมรู้ว่ายุเขาชอบเก็บตัว ผมก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเขา  รู้ว่าเขาชอบคิดแง่ลบ ผมก็จะพูดแง่บวกให้เขาได้ฟัง บางทีที่ยุชอบดูถูกตัวเอง ผมก็จะกอดเขาแน่น ๆ แล้วบอกว่ายุมีค่าแค่ไหนสำหรับผม หึหึ” เมื่อถูกถาม กฤตเมธก็ไม่ปิดบัง เพราะอ๊อดคือพี่ชายที่เขาวางใจ และเชื่อใจพอที่จะเล่าหลาย ๆ อย่างให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องของสดายุ ที่กฤตเมธภูมิใจนักหนา 
“ ยุน่ะเป็นคนที่ถูกกระทบกระเทือนใจง่าย ใครพูดผิดหู หรือเจออะไรที่ไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ก็พร้อมจะตีกำแพงขึ้นกันตัวเองทุกเมื่อ ทั้งที่เนื้อแท้แล้ว ก็เป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย ขี้อ้อน แต่กลับชอบห่มหนังอสรพิษ แล้วซุกซ่อนตัวอยู่แต่ในพงหนาม ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเอาใจเสียได้...แต่นั่น ก็คือเสน่ห์เขานั่นแหละครับ”  แล้วพอได้เล่า ก็ยั้งปากไม่ค่อยอยู่ ความภาคภูมิในคนรักมันทะลักทลายจนห้ามไม่ไหว
งานนี้เล่นเอาอ๊อดถึงกับส่ายหน้า รู้แหละว่าที่กฤตเมธพูดมาน่ะใช่ แต่มันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จริง ๆ คนมีความรักที่มันหน้าบานจนอยากจะเอามีดมาหั่นออกเสียบ้างเหลือเกิน
“...เออ ดีแล้ว เมธมีความสุข พี่ก็ดีใจ หืม...หุบยิ้มบ้างก็ได้นะ ยิงฟันขาวจนพี่แสบตาหมดแล้ว!”  เมื่อหมั่นไส้จนทนไม่ไหว อ๊อดก็ชื่นชมปนประชดออกไปเบา ๆ เพราะพาลนึกอนาถตัวเองขึ้นมา ที่เป็นฝ่ายต้องเดินตามกมลต้อย ๆ
“ก็มันน่าดีใจจริง ๆ นี่ ที่ผมเป็นคนที่สดายุเลือก คิดดูสิ คนที่ระวังตัวแจ และมีหนามล้อมรอบด้านขนาดนั้น แต่กลับยอมให้ผมกอด ยอมให้ผมเข้าไปคอยเอาใจ เพราะเขามีผมคนเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็สุขจะแย่แล้วล่ะครับ” กฤตเมธว่าต่อพลางยิ้มกว้าง ยิ่งรู้ว่าตอนนี้กำลังโดนอ๊อดเขม่นอยู่ ก็เลยถือโอกาสอวดทับเสียเลย
“ครับคุณเมธครับ ผมเชื่อแล้วครับว่าคุณโคตรฟิน โน่นครับ ไปถ่ายรูปกับหวานใจคุณต่อเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้วครับ” งานนี้พี่อ๊อดคนดีถึงกับหมั่นไส้จนฟิวส์ขาด ขนาดออกปากไล่ แล้วดันหลังกฤตเมธที่กำลังหัวเราะร่าไปไกล ๆ  แถมไม่วายบ่นตามหลัง ให้กฤตเมธได้สะใจต่อเนื่องด้วย “หวานเลี่ยนจนขนลุกไปหมดแล้ว พ่อเจ้าพระคุณรุนช่องเอ้ย” 

กฤตเมธเดินมาหาสดายุ ส่งแก้วน้ำที่เติมมาให้คนรักได้ดับกระหาย ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยซับเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวข้างหน้าผากให้ สดายุยิ้มน้อย ๆให้กับการถูกเอาใจใส่ต่อหน้าผู้คนที่ทำเอาเขิน  แต่พอเห็นเม็ดเงื่อที่ไหลลงข้างแก้มของกฤตเมธ ก็อดใจใช้มือเปล่า ๆ ช่วยปาดเช็ดให้ไม่ได้ แต่เพราะใช้มือเปล่า ๆ พอปาดเม็ดเหงื่อได้ สดายุก็ยื่นมือไปเช็ดกับชายเสื้อของกฤตเมธเพื่อทำความสะอาดมือ การกระทำแบบนั้นของสดายุ ทำเอากฤตเมธนึกขันไม่หยุด คนรักของเขานี่ ช่างเป็นคนละเอียดอ่อน เสียจนอ่อนใจจริง ๆ
กำลังขบขันกันสองคนได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเรียกให้สองเจ้าบ่าวได้ไปสนุกกันต่อ ก็ดังขึ้น
วันนี้คือวันแห่งความสุข กฤตเมธและสดายุตระหนักดี เพราะมันคือวันที่ทุกคนอุตส่าห์สละเวลามาร่วมยินดีกับความรักของเขาทั้งคู่ กฤตเมธและสดายุ รู้สึกขอบคุณเหลือเกิน มันคือวันที่ดีที่สุด วันที่เขาทั้งคู่จะจดจำไปทั้งชีวิต
กฤตเมธมองหน้าสดายุ แล้วยิ้ม สดายุมองหน้ากฤตเมธแล้วยิ้มตอบ
สองมือสอดประสานเข้าหากัน  แล้วออกเดินพร้อมกันทีละก้าว
นี่ไม่ใช่ก้าวแรก เพราะเขาทั้งคู่ฝ่าฟันร่วมกันมานาน
นี่ไม่ใช่ก้าวสุดท้าย เพราะเส้นทางชีวิตของทั้งคู่มันยังต้องมีต่อ
แต่นี่...คือก้าวสำคัญ ของคนที่จะใช้ชีวิตกันในฐานะ คู่ชีวิต
แม้จะไม่มีอะไรการันตี ไม่มีกฏหมายรองรับ และจะไม่มีวันมีแม้กระทั่ง ‘โซ่ทองคล้องใจ’  แต่กฤตเมธก็มั่นใจว่าสองมือของเขาทั้งคู่ จะไม่มีวันปล่อยจากกัน ไม่ได้ศรัทธาในรักนิรันดร์ แต่ศรัทธาในหัวใจของกันและกัน ที่ได้ร่วมฝ่าฟันกันมา

ทางของเรายังมีต่อไป
หากเจออุปสรรคใด ๆ เราจะช่วยกันถากถาง และผ่านมันไปให้ได้

ไม่ใช่แค่คำว่ารัก แต่มันคือทั้งชีวิต

“อยู่กับพี่ไปนาน ๆ นะ”
“จนแก่เลยลุง”


สองเท้าก้าวไปข้างหน้า
สองมือจับกันไว้มั่น

กฤตเมธโน้มหน้าลงมา
สดายุแหงนหน้าส่งให้
แล้ว...

จุ๊บ...เบา ๆ ที่ข้างแก้มหอม


***************อวสาน***************


Credit : Google
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2016 10:06:59 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4446 เมื่อ23-06-2016 23:25:00 »

 :hao5:
จบแล้วค่ะ!!!
อวสาน บริบูรณ์……………♡♡♡♡
ในที่สุดก็จบเสียทีหลังจากที่ฝ่าฟัน (บวกอู้บ้างไรบ้าง) มานานถึง 2 ปี กับอีก 8 เดือน!!?
‘ผมคือ...นางเอก’ คือนิยายเรื่องแรกที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ด้วยความยาวถึง 56+ ตอน
ด้วยความที่ อนาคี หาใช่คนขยันไม่ จึงตกใจตัวเองไม่น้อยค่ะ ที่สามารถปั่นนิยายเรื่องยาวถึงขนาดนี้ออกมาได้

นิยายเรื่องนี้ แท้จริงจุดริ่มต้นมันเกิดขึ้นแค่จากการที่ได้ดูซีรีย์วายต่างๆ แล้วได้ดูการถ่ายทำเบื้องหลัง ที่เห็นแล้วโคตรฟิน อิน จิ้น ขวยเขินไปกับเบื้องหลังการถ่ายฉากเลิฟซีน ซึ่งมัน...แหม่ เห็นแล้วเกิดความฮึกเหิม เลยอยากลองเขียนออกมาเป็นนิยายดูบ้าง แล้วก็เลยกลายเป็นต้นเรื่องของ ‘ผมคือ...นางเอก’ นี่แหละค่ะ ส่วนบทหนังที่นำมาแสดงนั้น ตอนแรกก็กะจะเอานิยายแนวทั่วไป (จำเลยรัก สวรรค์เบี่ยง ไรงี้...อิอิ) แต่คิดไปคิดมา เอานิยายของเราเองแล้วกัน ปลอดภัยกว่า ขืนเอาเรื่องคนอื่นมา เดี๋ยวโดนข้อหาขโมยวรรณกรรม หุหุหุ
พอตัดสินใจใช้นิยายของตัวเอง...จะแต่งใหม่ก็เหนื่อยอ่ะ เอาที่จบแล้วก็แล้วกัน (กลับไปรื้อกรุสมบัติเก่า)
จะเอาเรื่อง ‘ซวยแล้วไง...เมื่อผมกลายเป็น พระชายา’ แหม่...เรื่องนี้มันก็ฮาเกินแกง
จะเอาเรื่อง ‘Sin Spiral_เกลียวบาป แฝด’ เรื่องราวมันก็ Dark side เกิ๊น แถมยังเป็นฝาแฝดอีก หาตัวแสดงยาก
สุดท้ายเลยมาจบตรงที่ ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ นิยายดราม่าไม่ยาวมาก แถมยังจบแล้ว ตัวเอกเป็นผู้ใหญ่หาตัวแสดงง่าย จึงตัดสินใจเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นพล็อตค่ะ
ตอนแรกก็แต่งไปแบบใช้อุดมการณ์ง่ายๆว่า เน้นแค่พระนางรักกัน แค่นั้น จบ
สุดท้ายดันจบไม่ลง เพราะเนื้อหามันยังจบไม่ได้ ไหนจะนั่น นู่น นี่
ท้ายที่สุดเลยต้องต่อยาวออกมา เพื่อเคลียร์ปมทั้งหมดให้ได้
มโนเก่งไปหน่อยค่ะ ยิ่งเคลียร์ปมเลยยิ่งเพิ่ม กว่าจะเคลียร์หมด ไถมาเสีย 56+ตอนกันเลยทีเดียว

ถึงตรงนี้ ต้องขอขอบคุณจริงๆนะคะ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
และต้องขอโทษอย่างมากสำหรับความเอาแต่ใจในหลายๆเรื่อง ทั้งหยุด ทั้งลา หายหัว หายหน้า
เลยทำให้ท่านผู้อ่านต้องรอ ร๊อ รอ รอกันนานเหลือเกิน รอกันจนลืม
ต้องขอโทษจากใจอีกครั้งค่ะ...

ในส่วนของการรวมเล่มนั้นมีแน่นอนค่ะ
รอทำเสร็จแล้วจะออกมาประกาศให้ทราบอีกครั้งนะคะ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณมากค่ะที่ร่วมฝ่าฟันกันมา
ขอบคุณนะคะที่เป็นแรงใจให้พี่เมธกับน้องยุได้พบความสุขได้เสียที

รัก
อนาคี99 # Thearboo

ปล.น้องยุกำลังจะรวมเล่มนะคะ ตอนนี้กำลังรีไรท์ และทำปกอยู่ค่ะ
(ตัวอย่างปกบางส่วน เอาลงโชว์ให้ดูบ้างแล้วในเพจ)
สนใจลงชื่อจอง กดติดตามได้ที่เพจตามลิงค์นี้เลยค่ะ^^
https://www.facebook.com/Anakee99.Thearboo/?ref=aymt_homepage_panel

หากสนใจสามารถดูรายละเอียดและลงชื่อจองไว้ก่อนได้ที่
https://docs.google.com/forms/d/1G0VCI42hZJuoQF_MN0CM7X-sOTSjb7OCYKKYCIgDSTE/edit


...จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งเอ็ดไป
เรายังมีบทส่งท้ายตามมาอีก 2 บท หุหุหุ
แต่จะเป็นอะไรนั้น รอชมกันต่อไปนะจ๊ะ อิอิ
 :hao7:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4447 เมื่อ23-06-2016 23:31:26 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4448 เมื่อ23-06-2016 23:42:20 »

มาเม้นท์ก่อนค่อยอ่าน หุๆๆ :laugh:
คนเขียนจ๋า ขอถามหน่อยว่าจะมีเรื่องแยกดนัยกับดินไหม
คู่นี้ก็รักมากเหมือนกันอ่ะ :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 23:52:07 โดย Paparazzi »

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4449 เมื่อ23-06-2016 23:57:06 »

อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
« ตอบ #4449 เมื่อ: 23-06-2016 23:57:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4450 เมื่อ24-06-2016 00:05:40 »

ขอบคุณคนเขียนมากจ้า ติดตามกันมานานเลยทีเดียว  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4451 เมื่อ24-06-2016 00:41:25 »

ดีใจกับลุงได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ^^

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4452 เมื่อ24-06-2016 00:43:20 »

เย้ๆ ยังมีต่อ รอๆน้า

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4453 เมื่อ24-06-2016 08:58:07 »

รอ ๆ บทส่งท้ายยยย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4454 เมื่อ24-06-2016 08:59:04 »

รอบทส่งท้ายยย

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4455 เมื่อ24-06-2016 10:26:55 »


ฟินกันไป

น่ารักจนฉากสุดท้าย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4456 เมื่อ24-06-2016 10:54:09 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[  จบแล้ว ตามอ่านมายาวนานมาก อิอิฟินสุด

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4457 เมื่อ24-06-2016 14:43:10 »

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่า

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4458 เมื่อ24-06-2016 14:53:11 »

โอ้ยยย จบได้หวานจริงๆ ยุเปลี่ยนไปมากๆเลย โตขึ้นจากตอนแรกๆเยอะเลย พี่เมธน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4459 เมื่อ24-06-2016 15:03:54 »

มาทิ้งให้อยากและมาจากฉันไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
« ตอบ #4459 เมื่อ: 24-06-2016 15:03:54 »





ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4460 เมื่อ24-06-2016 15:16:57 »

มันทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น และซึ้งมากๆเลยค่ะ :impress:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่แต่งให้อ่านมาตลอดนะคะ  :bye2:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4461 เมื่อ24-06-2016 15:22:48 »

 :impress2: จบแระอิ่มใจ รอบทส่งท้ายจ้า

ออฟไลน์ Kkookai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4462 เมื่อ24-06-2016 15:55:31 »

จบได้อุ่นมากอะ รอตอนพิเศษนะ

ออฟไลน์ yunghanna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4463 เมื่อ24-06-2016 18:35:11 »

หวานนนน อิ่มเอิบใจมากกกกก  :mew1:
น้องสดายุพี่กฤตเมธ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4464 เมื่อ24-06-2016 19:12:40 »

กรี้ด ชอบมากข่า น่ารักมากกกก รออ่านเรื่องต่อไปน้า

ปล.อยากอ่านตอนพิเศษจัง

 อ่านตอนก่อนหน้านี้ ที่สดายุอ้อนขอกฤตเมธไม่ให้ปล่อยมือ แล้วก้อมีความคิดแวบขึ้นมาว่า ...แล้วถ้าวันนึงสดายุคิดว่ากฤตเมธปล่อยมือตัวเองแล้วจะเป็นยังไงนะ...

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4465 เมื่อ24-06-2016 20:10:43 »

น่ารัก จบลงตัว ฟิน สนุกมาก คนแต่งก็น่ารัก

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4466 เมื่อ24-06-2016 20:42:59 »

อิ่มเอมกับตอนจบมาก มีความสุขตลอดไปนะลุงกับยุ :mew1:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ  :pig4: o13 :bye2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4467 เมื่อ24-06-2016 21:41:31 »

จบได้น่ารัก  รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4468 เมื่อ24-06-2016 23:24:11 »

จบซะแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
«ตอบ #4469 เมื่อ25-06-2016 00:53:23 »

 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด