บทที่ 204 16 – 4
“เยส!”
เภสัชกรหนุ่มพูดพร้อมกับกำมือเล็กๆ อย่างยินดี เขาเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ ว่าการแข่งขันนี่ต้องใช้ความรู้ ไม่ใช่แค่ดวงอย่างที่คำประกาศนั้นว่า และสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจเช่นนั้นคือประโยคที่บอกว่าของรางวัลจะถูกจัดสรรให้ตามความสามารถระหว่างแข่งขัน นั่นแปลว่า ถ้าเกมนี้ใช้แต่ดวงจริง มันจะไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ชนะในแต่ละครั้งแน่นอน
“โน้น”
ธันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมชี้นิ้วไปยังหน้าจอขนาดเล็กที่อยู่บริเวณส่วนบนของบริเวณคล้ายลิฟต์ที่พวกเขาอยู่นั้น ความจริงหน้าปัดของมันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลิฟต์ทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่ตัวเลขที่แสดงอยู่ตอนนี้ดูจะมากเกินกว่าหมายเลขบอกลำดับชั้นไปเสียหน่อย
“107 คือจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่ยังเหลืออยู่ในเกมนี้” เสียงของกันต์พูดขึ้นเรียบๆ พร้อมกับอธิบายถึงตัวเลขสามหลักที่แสดงอยู่บนหน้าปัดนั้น
“เยอะจังวะ”
เฟี๊ยตบ่นอย่างเซ็งๆ เขาหลงคิดไปว่าคำถามที่ต้องใช้ความรู้แบบเมื่อกี้น่าจะพอคัดกรองคนออกไปได้มาก
“รังมังกรยังมีอะไรให้พิชิตอีกเยอะ” กันต์พูดขึ้นโดยไม่แสดงอารมณ์เท่าไหร่นัก ชายหนุ่มมองไปยังลวดลายตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
‘ไบเบิ้ล’
“นายท่าน”
‘ตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าปัดที่เรากำลังมองเห็นอยู่นี้แสดงถึงจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่ยังเหลืออยู่ในกิจกรรมใช่หรือไม่’
“ถูกต้องตามที่เพื่อนร่วมทีมของท่านพูด นายท่าน”
‘ตัวเลขแสดงผลเป็นจำนวนคนหรือจำนวนทีม’
“จำนวนทีม นายท่านยังเหลือคู่แข่งอีก 106 ทีมในกิจกรรมนี้”
‘ขอบคุณมาก ไบเบิ้ล’
“ด้วยความยินดี นายท่าน”
เสียงตอบกลับมาของไบเบิ้ลดังขึ้น ในจังหวะเดียวกันกับที่ลิฟต์ตัวนั้นส่งเสียงร้องเบาๆ เป็นสัญญาณสิ่งสุดการเคลื่อนที่ พวกเขาทั้งสามเดินทางมาถึงรอบต่อไปแล้ว
ลิฟต์นั้นเปิดออกให้เห็นภาพเบื้องหน้าที่เป็นห้องโถงขนาดย่อมลงมาจากห้องโถงในรอบแรกพอสมควร ภายในนั้นมีคนยืนอยู่ประมาณ 20 กว่าคนได้ ภาพการตกแต่งยังคล้ายลักษณะเดิม ปิดทึบมืดสนิท มีเพียงจอภาพตรงกลาง และลวดลายที่เคลื่อนที่ไปบนประตูจอภาพเหล่านั้นที่เรียกร้องความสนใจจากผู้เข้าแข่งขันอยู่ในขณะนี้
“ท่าทางว่าเกมนี้จะแบ่งห้องย่อยเป็นหลายห้องแฮะ คนในห้องดูน้อยกว่าจำนวนคงเหลืออยู่มาก”
ธันพึมพำออกมาตรงกับความรู้สึกของเฟี๊ยต แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบรับใดๆ นอกจากพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยเท่านั้น
“สลาก 10 ใบใส่ไว้ในกล่องใบหนึ่ง สลากมีหมายเลข 0 – 9 เขียนอยู่ หนึ่งใบหนึ่งหมายเลข สิบใบสิบหมายเลขไม่ซ้ำกัน กำหนดให้หมายเลข 1 – 5 เป็นเลขต่ำ และหมายเลข 6 – 0 เป็นเลขสูง แมรี่ทำการหยิบสลากทีละใบมาแปะบนกระดาษเพื่อเรียงเป็นหมายเลข 2 หลัก คุณคิดว่าจำนวนนับที่แมรี่สุ่มได้มาแปะบนกระดาษจะเป็นหมายเลขแบบใด”
เสียงโจทย์ใหม่ดังกังวานไปทั่วห้องขนาดไม่กว้างแห่งนั้น พร้อมกันกับที่จอภาพแสดงภาพจำลองการหยิบสลากหมายเลขจากกล่องไปในขณะเวลาเดียวกัน
“ต่ำ – ต่ำ”
“ต่ำ – สูง”
“สูง – ต่ำ”
“สูง – สูง”
“เดาแบบไหนวิ่งเข้าประตูคำตอบนั้น ใครเดาถูกเข้ารอบ ใครเดาผิดตกรอบ!”
เสียงประกาศโจทย์จบลงพร้อมกับหน้าจอหลักของห้องก็ดับลงไปด้วย ขณะนี้จึงเหลือเพียงประตูมากมายที่ทางเข้าของมันบอกถึงคำตอบที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกเสียแล้ว ต่ำต่ำ ต่ำสูง สูงต่ำ สูงสูง พวกเขาทั้งสามคนกวาดตามองไปยังประตูเหล่านั้นอย่างตัดสินใจ
“ไม่สูงต่ำก็ต่ำสูง เห็นด้วยไหม” เฟี๊ยตพูดขึ้นเป็นคนแรกหลังจากที่พวกเขาเริ่มสุมหัวเพื่อตัดสินใจหาคำตอบของคำถามรังมังกรอีกครั้ง
“เห็นด้วย การหยิบครั้งแรกกับครั้งที่สองไม่เป็นอิสระต่อกัน ถ้าครั้งแรกหยิบได้สูง โอกาสจะหยิบได้สูงซ้ำจะน้อยกว่าหยิบได้ต่ำ ถ้าคิดแบบตรงข้ามก็เหมือนกัน ดังนั้น สูงต่ำ ต่ำสูง มีโอกาสขึ้นมากกว่าสูงสูงกับต่ำต่ำแน่นอน” กันต์พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบ
“งั้นจุดนี้ผ่าน แต่ประเด็นคือมันจะเป็นสูงต่ำหรือต่ำสูงนี่สิ”
ดูเหมือนว่าเภสัชกรหนุ่มจะยังขบปริศนานี้ได้ไม่แตกเท่าไหร่นัก เพราะน้ำเสียงนั้นมีเค้ารางของความไม่มั่นใจอย่างชัดเจน ในขณะที่กันต์ที่เพิ่งตอบคำถามเพื่อนร่วมทีมไปเมื่อครู่ก็เงียบไปอย่างไม่มีความเห็นด้วยเช่นกัน
“ต่ำสูง” เสียงของผู้ที่มีวัยวุฒิน้อยที่สุดในทีมดังขึ้นอย่างเรียบๆ
“ว่าไงนะแขก” เฟี๊ยตถามขึ้นพร้อมกับหันมามองหน้าอย่างสนใจ
“กูบอกว่าต่ำสูง มึงได้ยิน อย่ากวนตีน ไอ้โลกแคบ”
ธันตอบแบบกวนๆ พร้อมกับล้อเลียนลักษณะดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟี๊ยตเสริมไปในตอนจบเป็นของแถม
“เพราะ?” เสียงอีกฝ่ายสูงขึ้นอย่างเป็นคำถาม ในขณะที่กันต์ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม
“โอกาสในการได้ตัวเลขสูงต่ำกับต่ำสูงเท่ากัน แต่โอกาสในการได้จำนวนนับสูงต่ำกับต่ำสูงไม่เท่ากัน เพราะเลขสองหลักที่ขึ้นต้นด้วย 0 ไม่นับเป็นจำนวนนับ ดังนั้น โอกาสในการที่จะได้สูงต่ำจะหายไป 9 เหตุการณ์ ทำให้โอกาสในการได้ต่ำสูงนั้นมากกว่า” ธันพูดพร้อมกับยักคิ้วอย่างเป็นต่อ
“เชี่ยยย” เฟี๊ยตเย้าขึ้นพร้อมกับทำหน้าตกใจจนดูว่าเป็นการเย้าแหย่มากกว่าจะเป็นความรู้สึกที่แท้จริง
“ไม่ต้องอิจฉาพี่ น้องตี๋ แข่งเรือแข่งพายมันแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาที่จะเกิดมาฉลาดมันแข่งไม่ได้จริงๆ น้อง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ธันหัวเราะร่วนพร้อมกับตบบ่าเฟี๊ยตอย่างกวนประสาท อีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไรออกไป นอกจากพึมพำอะไรอยู่ในลำคอ ก่อนที่ทั้งสามคนจะมุ่งหน้าไปยังประตูที่เขียนว่าสูงต่ำอย่างตัดสินใจในที่สุด
“ยินดีด้วย พวกคุณได้ผ่านเข้ารอบต่อไป บิงโก!”
พวกเขาทั้งสามคนผ่านการแข่งขันรอบแล้วรอบเล่าด้วยคำถามที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละรอบ กิจกรรมที่ขึ้นต้นว่าใช้แต่ดวงนี้ แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบทางสติปัญญามากมาย อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการบุกวิหารมีนาคมครั้งนี้คือ ไม่ใช่แต่เฟี๊ยตคนเดียวที่มีความฉลาดรอบรู้ หากแต่ธันกับกันต์มีเป็นบุคคลที่น่าจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับ “มันสมอง” เช่นกัน ไม่มีใครเป็นตัวถ่วงของใคร มีแต่ต่างฝ่ายต่างเสริมส่งกันให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้น
ธันเองพิสูจน์ตัวเองให้เฟี๊ยตเห็นมานานแล้วว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะตัวอย่างชัดเจน ถ้าจะให้วิเคราะห์ ธันมีความสามารถในการต่อสู้อย่างล้นเหลือ ยิ่งได้ไหวพริบมาผสมผสานกับความสามารถของไพ่นักสร้างเมืองกับกำแพงล่องหนแล้ว เด็กหนุ่มสายฟ้าคนนี้ถือว่ามีความยืนหยุ่นในการต่อสู้สูงมาก และเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นทัพหน้าของทีมเป็นที่สุด
บุคลิกของธันเปลี่ยนไปจากตอนที่รู้จักกันแรกๆ พอสมควร จากคนที่ดูเย่อหยิ่งนิดๆ มั่นใจในตัวเองพอสมควร และมีความเป็นผู้นำค่อนข้างมาก กลับกลายมาเป็นเพื่อนสนิทในเกมไปอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งรู้จักกัน ธันยิ่งแสดงความเป็นเด็กออกมามากขึ้น ราวกับว่าโดยปรกติแล้วเป็นคนที่ถูกหล่อหลอมให้เป็นผู้ใหญ่ตลอดเวลา และจะแสดงลักษณะที่แท้จริงออกมาเมื่ออยู่กับคนสนิทเท่านั้น ตัวเขาเองก็ตอบได้ยากว่าธันจะรู้สึกเป็นตัวเองเมื่ออยู่กับเขาในระดับไหน แต่ด้วยลักษณะที่เขาสัมผัสได้ที่เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยก็ทำให้เขาค้นพบว่าธันเป็นคนที่มีไดนามิกส์ในตัวเองอยู่ไม่น้อยเลย
ธันต่างกับกันต์อย่างชัดเจน ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขาได้ร่วมหอลงโลงฝึกวิชาอยู่เกือบเดือนจนรู้สึกว่าตนน่าจะรู้จักกันดียิ่งขึ้นนั้น ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรต่อความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก กันต์ยังคงรักษาความลึกลับในตัวเองได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่ว่ากันต์จะไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรให้เพื่อนรับทราบ หากแต่เป็นนิสัยหรือตัวตนที่แท้จริงต่างหากที่ตัวเขาเองสัมผัสแทบไม่ถึงก้นบึ้งของคนๆ นี้เลย ถ้าจะให้พูดโดยสรุปว่ากันต์เป็นคนแบบไหนก็ดูจะยากที่จะอธิบายให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ซึ่งต่างกับธันพอสมควร ธันคือคนที่น่าจะก้าวมาอยู่ในจุดที่เรียกว่า “รู้จัก” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้ว เขาสามารถพอจะประมาณการณ์ได้ว่า ถ้าพบสถานการณ์แบบนี้ ธันจะจัดการหรือรับมือกับมันอย่างไร แต่กับกันต์ เขาสัมผัสหรือกะเกณฑ์เหตุการณ์ออกมาแทบจะไม่ได้เลย
“เฮ้ยยย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากเขาไปเท่าไหร่นัก และนั่นทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์อีกครั้ง สายตาของเขากวาดไปมองหาต้นเสียงก็พบกับเพื่อนคิ้วเข้มที่กำลังพยักเพยิดไปทางหน้าจอที่กำลังจะเริ่มโจทย์ข้อใหม่แล้ว การแข่งขันนี้ยังคงดำเนินต่อไป
“นักธุรกิจชื่อนากามูระ เจ้าของนากามูระพริ้นทิ้งกรุ๊ป หัวเรือใหญ่เจ้าของกิจการโรงพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 100 ปีกำลังจะตัดสินใจเลือกผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บริหารคนใหม่ของนากามูระกรุ๊ป”
เสียงโจทย์ข้อใหม่ดังขึ้นพร้อมกับรูปคุณลุงสัญชาติญี่ปุ่นหน้าตาดุดันคนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนจอที่เด่นชัดในความมืดนั้น
“คุณนากามูระตั้งใจจะสืบทอดกิจการให้กับลูกที่มีความรักและใส่ใจในอาชีพและองค์กรเท่านั้น โดยคุณนากามูระได้เรียกลูกชายและลูกสาวทุกคนเข้ามาพบและมอบปริศนาหนึ่งให้ โดยปริศนานั้นสื่อถึงตัวเลข 0 – 9 ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น โดยผู้สืบทอดทุกคนมีเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มในการแก้ปริศนานั้นในห้องลับโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น”
“ผู้ที่ตอบคำถามถูกต้องจะได้รับคัดสรรเข้าสู่บอร์ดบริหารของนากามูระพริ้นทิ้งกรุ๊ป ในขณะที่ผู้ที่ตอบคำถามผิดจะไม่มีสิทธิ์ในการบริหารองค์กรตลอดชีวิต”
“และปริศนาที่ใช้ในการคัดสรรผู้สืบทอดธุรกิจนั่นคือ...”
เสียงของคนในห้องนั้นเงียบสนิทระหว่างที่รอจังหวะในโจทย์นั้น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นข้อแรกที่เกมนี้เริ่มฉายแววว่าต้องใช้สมองในการฝ่ามันไปให้ได้
“011111100000001000011110000000100000001001111110”
“และคำใบ้ที่คุณนากามูระมอบให้มีเพียงสิ่งเดียว คือ กระดาษใบเล็กๆ ใบหนึ่งที่มีลายมือของเขาเขียนไว้ว่า...”
“16 - 4”
ติดต่อการอัพเดตตอนใหม่ :
www.facebook.com/allornonetheauthorจากผู้แต่ง : สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน เย้เย้ พรุ่งนี้ผมจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดแหละ เย้เย้ อิจฉาใช่ม้า เที่ยวทะเลตอนฝนตก เอากันให้เหงาตายกันไปข้างนึงเลย ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้มีจะเรื่องจะบอกเยอะมาก แต่ก่อนอื่น มีคอมเมนท์ถามว่าเวลาในเรื่องผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว อยากตอบว่าผ่านมาน้อยมาก ถ้าเทียบกับเวลาในโลกชีวิตจริงนี่ประมาณ 10 วันเท่านั้น 55555555555 หลายคนอาจงงว่าเฮ๊ย สองร้อยกว่าตอนนี่สิบวันเองเหรอ คือคิดดูดิ ตั้งแต่เฟี๊ยตกลับมาบนพื้นดินจนถึงตอนนี้ มันกินเวลาแค่วันครึ่งเองนะ ซัดไปหลายสิบตอน งี้แหละ คนแต่งขี้โม้ต้องทำใจ 55555555555555 อีกอย่าง มีคนเมนท์ว่าเขินคนแต่ง คนแต่งก็อยากบอกเหมือนกันนะว่าเวลาที่คนอ่านมาเมนท์คนแต่งก็เขินนะ โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกได้ว่าความรู้สึกของเรื่องมันสื่อไปถึงคนอ่านได้ คนแต่งจะฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เข้าเรื่องสำคัญ TLW จะครบรอบสองปีในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ คนแต่งเลยมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ มาให้ร่วมสนุกกัน แต่ถ้าทำแล้วแป้ก ผมก็จะแกล้งลืมไปเฉยๆ แล้วกันนะ เดี๋ยวหน้าแตก กติกาตามด้านล่างเลยค๊าบบบ
กิจกรรม : สุขสันต์วันเกิด TLW อายุ 2 ขวบ
1. ผู้อ่านที่สนใจเข้าไปในหน้านิยาย TLW ของเว็บเด็กดี (หาไม่เจอเสิดกูเกิ้ลเลย) แล้วกดเขียนคำนิยมให้กับนิยายเรื่องนี้ตามใจชอบ (เฉพาะเด็กดีนะ เล้าเป็ดทำไม่ได้ เพราะคอมเมนท์มันจะรันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนคำนิยมในเด็กดี)
2. หลังจากเขียนคำนิยมเสร็จ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งอินบ๊อกซ์ส่วนตัวมาที่เพจ (ลิ้งค์อยู่ข้างบน) โดยบอกชื่อที่ใช้เขียนคำนิยมในเด็กดี เพื่อที่ใช้ติดต่อกลับในกรณีที่ชนะ
3. ผู้แต่งจะเลือกคำนิยมที่ถูกใจที่สุดขึ้นมา 1 รางวัล และมอบของรางวัลให้ แต่ถ้าชอบหลายคำนิยมก็จะมอบหลายๆ รางวัลก็ได้ ตามใจคนแต่ง 55555
4. คำนิยมที่ถูกใจไม่มีข้อกำหนดตายตัว แค่อ่านแล้วรู้สึกว่าผู้อ่านมีความชอบและผูกพันกับนิยายเรื่องนี้จริงๆ เน้นที่นิยายนะครับ ไม่ต้องมาแอบชมว่าคนแต่งน่ารัก เพราะคนแต่งจะเขิน (ใครจะชมเมิ้งงงง)
5. ถ้าคนร่วมกิจกรรมไม่ถึง 10 คำนิยม ถือว่ากิจกรรมนี้ล่ม ยกเลิก 5555555555555
6. ปิดกิจกรรมวันที่ 10 กันยายน ให้เวลาหนึ่งเดือน เพราะคนอ่านนิยายเรื่องนี้น้อย บางคนอ่านแค่เดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง คนแต่งเข้าใจ และรอได้
7. ของรางวัลที่หนังสือ 1 เล่ม ที่ผู้แต่งจะเลือกให้ผู้ชนะ โดยให้ผู้ชนะเลือกหมวดหมู่มาให้ เช่น อยากได้หนังสือท่องเที่ยว ผู้แต่งจะเลือกหนังสือท่องเที่ยวที่ชอบให้คนชนะหนึ่งเล่ม โดยแล้วแต่คนชนะว่าอยากได้หนังสืออะไร เช่น หนังสือท่องเที่ยว จิตวิทยา การลงทุน ประวัติศาสตร์ นิยาย สาระ พระไตรปิฎก หรืออาจจะบอกเป็น หนังสือที่อ่านแล้วฟินที่สุด หนังสือที่ดีที่สุด หนังสือที่อ่านแล้วมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อที่สุดก็ได้ ให้โจทย์มา เดี๋ยวผู้แต่งจะไปหามาให้
ขอบคุณครับ