
สวัสดีครับผม
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์ครับ
(กิ๊กผม...มีคนทายถูกด้วย..เก่งจริงๆครับ)
มาแล้วครับสดๆร้อนๆจากปลายนิ้วน้อยๆ จิ้มรัวๆถี่ๆ
เต็มใจเสนอเรื่องราวส่วนตัว...จะกระดากอายสักนิดก็หามีไม่
ช่างกล้าหาญชาญชัยเสียเหลือเกินนะตัวเรา..อิอิ

กลับเข้าสู่...วันชื่น..คืนเสาร์-เช้าอาทิตย์ในเมืองหลวงของผมกันต่อครับ
ผ่านการรบ จบศึกรัก ลงนอนพัก ยังไม่ทันหายเหนื่อย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนสายๆของวันอาทิตย์แห่งชาติ
โอ...วันเวลาช่างแสนสั้น
“ฮัลโหล”
“ไฮ...ฮาวอาร์ยู..ทูดาย เอ๊ย ทูเดย์”
ยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกจากหูมาเพ่งดูหน้าจอชัดๆอีกที
หน้าตาเกรียนๆกวนๆของเฮียปานโชว์หรา
“ขำตายหล่ะ...โทรมามัยแต่เช้าเนี่ยคนเรา งานการไม่ทำรึไง...ฮ้าว”
โทรมาปลุกผมแต่เช้า..ยังนอนไม่เพียงพอกับความต้องการเลยอะครับ
“ไม่เช้าแล้วครับผม ตะวันจะตรงหัวแล้ว อีกอย่างวันนี้..ซันไชน์เดย์ ฮอลิเดย์ครับที่รัก”
“เง้อ..ผีฝรั่งเข้าสิงรึไง พูดไทยคำฝรั่งคำ แล้วมาที่ร้งที่รักไรกัน”
ชักหงุดหงิดเล็กๆ จะโทรมากวนมาเกรียนอะไรมากมาย ใช่เวลามาป่วนกันมั๊ย
คนยิ่งไม่เต็มร้อยอยู่ด้วย อูย..จะพลิกขวา ตะแคงซ้ายก็ร้าวระบมไปทุกส่วนสัด
“มีอะไรกันครับ มาๆนอนๆ.. ฟอดๆ”
เฮียมี่ขยับตะแคงตัว พาดแขนมาตรงบั้นเอว ดึงตัวผมเข้ามากอด
แล้วหอมแก้มผมสองทีติด..เบิ้ลรับอรุณเลยอ่า
“แหมๆ เฮียหมอท่าทางจะจัดหนักหล่ะสิ ระวังเถอะ
จะเช็คเอ้าท์ไม่ทันโดนชาร์ทสองคืนเลยนะคร๊าบบบบบ”
เฮียปานแกจะตะโกนเสียงดังให้เฮียมี่ได้ยินรึไงเนี่ย
“เปิดสปีคเกอร์หน่อยครับ”
เฮียมี่ฟื้นคืนชีพแล้ว ดีๆ เล่นงานเฮียปานให้เกรียนไม่ออกเลยอิอิ
เล่นกับใครไม่เล่น..ไม่รู้ว่าไผ๋เป็นไผ๋ซะแล้ว..ฮะ ฮะ
“ว่าไงปาน”
“ผมไม่กล้าว่าไงหรอกเฮีย แค่โทรมาเช็คสภาพช่วงล่างของคนข้างๆเฮีย..
ยังซ่อมแซมได้มั๊ย รึถึงขั้นต้องยกเครื่องใหม่ ฮะ ฮะ ฮ่า”
“อ้าวๆเฮียปานนิ...มายุ่งอะไรกับเครื่องเคราผมหล่ะ..วู๊..เงียบไปเลยป่ะ”
ก็มันน่ามั๊ยหล่ะครับ เรื่องบางเรื่องคนเขาก็อยากจะเก็บไว้ให้มิดชิด
ไม่อยากเปิดเผย ให้เป็นเรื่องส่วนตัวบ้างไรบ้าง(จริงดิ)
“ฮะ ฮะ ฮ่า แกจะกวนโมโหน้องมันทำไมว้า แค่นี้ก็หงุดหงิดแย่แล้ว ฮะ ฮะ”
ผมหันมามองหน้าเฮียแบบผิดคาด สงสัยในโหมดนี้ของแก
“ตกลงเฮียเข้าข้างใครห๊ะ”
“โอ๋ๆ เข้าข้างที่รักสิครับ ฟอดๆ”
ผมยิ้มกริ่ม ถูกอกถูกใจซะจริงเชียว เชอะ
ไงๆคนของเราก็ต้องเข้าข้างเราอยู่แล้วครับ
ไม่ว่าจะเข้า...ข้างบน ข้างล่าง ข้างหน้า ข้างหลัง
อร๊าย..ม่ายช่ายแหละ..วกไปอีกจนได้..ของมันเคย ฮะ ฮะ
“มีอะไรอีกมั๊ยปาน แค่นี้นะ ง่วง”
“เฮ๊ย..เฮีย ไม่มีติ๊บมีแต๊งค์ไรมั่งเหรอไง”
“เออๆ ติดไว้ก่อน ตอนนี้ไม่สะดวก”
เฮียรีบตัดบท หันมามองหน้าผมที่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยโสภาแล้วครับ
สองเฮีย..งุบงิบทำอะไรไม่ดี ลับหลังผมแน่ๆ
“แค่นี้นะไอ้เฮียบ้า”
ผมกำลังจะกดวางสาย ยุติการสนทนาบ้าบอ
“เดี๋ยวๆหน่อย อย่าลืม...”
“ลืมไรอะ”
ฮึ..ยังมีแก่ใจ หวังดีประสงค์ร้าย(กาจ)อะไรอีกนะ
“เช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงนะน้องหนู อย่าจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันเพลินหล่ะ ฮะ ฮะ ฮ่า”
แล้วเฮียปานก็เป็นฝ่ายวางสายไปก่อน..
อดกินเบรคฟาสต์เลยอ่ะ ต้องมาเสียตังค์กินมื้อกลางวันแทน
อาหารเช้ามันเลยเวลาแล้วอะครับ กว่าจะออกจากห้องได้
พนักงานเก็บกันเกลี้ยงโต๊ะเลย
“น่า นะ นานๆทีนะครับ อร่อยด้วย”
เฮียมี่ออดอ้อนจนผมอ่อนใจ...อิอิ จริงๆก็อยากกินไม่น้อย
นั่งกันอยู่ที่ห้องอาหารจีนของโรงแรมที่พักครับ
มื้อกลางวัน เป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำครับ
อร่อยมากๆ นาทีนี้ไม่กังวลเรื่องอ้วน เรื่องน้ำหนักกันแล้ว
กินให้คุ้มกับเงินที่เสียไป..... “อีท มอร์ แดน ยู แคน อีท”
กินเท่าที่คุณจะกินไหว
กินเหมือนผ่านมื้อนี้ไปแล้ว จะถึงยุคข้าวยากหมากแพง
ไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ ว่าไปนั่น
จริงๆข้าวสารมีครับ แต่ไม่มีหม้อ อิอิ
กินกันเยอะครับ ชดเชยพลังงานที่สูญเสีย ...อร๊ายยย
อิ่มหนำสำราญกันแล้ว เอวกางเกงคับกันเลยทีเดียวเชียว
ถ้าเจอลูกค้าแบบผมกับเฮียเข้าไปสักครึ่งร้าน
เจ้าของร้าน...จะมีกำไรไหมเนี่ย

“กลับบ้านกันเลยนะเฮีย”
เมื่อยอะครับ คิดฮอดบ้านแย้ววว
“ไปเที่ยวกันครับ”
เฮียทิ้งรถไว้ที่โรงแรม จูงผมเดินมาที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพญาไท
จากโรงแรมเดินมาไม่ถึง5นาทีสำหรับภาวะร่างกายปกติ
ส่วนผม...ก็...5นาทีเหมือนกันครับ...ศรีทนได้...อิอิ
ไปลงสถานีหมอชิตครับ
ครับ..ถูกต้องนะครับ
สองสามีภรรยา(อิอิ)...มาเดินเล่นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร
หวานชื่น อบอวล อุ่นไอรัก น่าอิจฉากว่าใครในสามโลก
ซะเมื่อไหร่
“ร้อน ร้อนอ่า เฮียพามาทำไมเนี่ย ผมร้อนจะตายอยู่แล้ว
ร้อนๆ โคตะระร้อน วู๊..ทำไมมันร้อนขนาดนี้สยามประเทศ”
ผมเดินไปบ่นไป หน้าหงิกหน้างอ เหงื่อไหลไคลย้อย
เหนียวเหนอะหนะไปทั้งหน้า ทั้งตัว
กันแดดที่ทามา เอสพีเอฟ 50 จะเอาอยู่ป่าวเนี่ย
ความขาวยิ่งเป็นสิ่งเดียวที่เป็นจุดขายเสียด้วยสิครับ
ถึงแม้จะเบื่อจะบ่น....แต่สัญชาติญานในการช๊อป...ไม่บกพร่อง
สายตาสอดส่ายซอกซอน..ไปตามแผงสินค้าสองข้างทาง
สองขาพาไปหยุดร้านนั้นบ้างร้านนี้บ้าง
มือก็หยิบจับสินค้า ตาก็พิจารณาคุณภาพ ปากก็ต่อรองราคา
มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลื่นไหลไปตามธรรมชาติ ไม่มีสะดุด
เลือกได้สมใจแล้วก็หันไปพยักหน้าให้คนข้างหลัง
เป็นอันรู้กันว่า...จ่ายค่าเสียหายซะดีๆ เจ้ากรรมนายเวรมาทวงแล้ว
ก็ลูกเต้าไม่มีมาช่วยใช้นี่นา...อิอิ
“หึ หึ”
เฮียทั้งควักทั้งล้วง(ตังค์)
ส่งตังค์ไปรับสินค้ามา
ไม่ได้เอ่ยได้เอื้อนถ้อยคำใดๆ
จน...
“ไม่ไหวแล้ว ร้อนจะตายอยู่แล้ว ทีหลังไม่ต้องชวนมาอีกแล้วนะ”
จับจ่ายจนพอใจก็เริ่มโวยวายขึ้นมาอีก
“เบาหน่อยครับ”
เฮียปรามผมเบาๆ หันไปมองรอบตัว สายตาตำหนิหลายคู่ส่งมาให้
โดยเฉพาะ พ่อค้าแม่ค้าที่...เหงื่อไหลราวกับอาบน้ำ
จูงมือเฮียเดินลิ่วออกมา แย่จังเลยผม
พูดจาไม่คิดหน้าคิดหลัง
คนที่เขาจำเป็นต้องทนร้อนอยู่เป็นกิจวัตร เขายังอดทนไม่บ่น
ปากหนอปาก ก่อนจะมีสีแดงๆ(จากโดนตื้บ)
เก็บไว้จุ๊บๆกะเฮียดีก่า...ว่ามั๊ยครับ

เดินเพลินมาถึงโซนสัตว์เลี้ยง
แรกๆก็รับรู้ถึงกลิ่นฉุน จากสิ่งขับถ่ายของสัตว์น้อยใหญ่
แต่แล้วความน่ารักตามธรรมชาติของสัตว์
ทำให้ลืมกลิ่นไม่พึงประสงค์
เดินชมเจ้าสี่ขา มะหมา หลากหลายสายพันธุ์
“น่ารัก เฮียดูดิ น่ารักชะมัด”
ชี้ชวนเฮียดูลูกหมาตัวเล็กๆ หน้าตาน่าเอ็นดู
แต่ไม่คิดอยากได้มาครอบครอง
วัยเด็กที่อยู่ตึกแถว ทำให้ผมไม่เคยมีสัตว์เลี้ยง
นอกจากจิ้งจก ตุ๊กแก
ส่วนที่บ้านเฮียเคยเลี้ยงหมา แต่ตายไปนานแล้วครับ
เดินลึกเข้าไป ต้องสะดุดกับ...
http://www.youtube.com/watch?v=-PG4sYdyxuoLove me Love my dog
Artist : Peter Shelly

“ดุ๊กดิ๊ก”
“อะไรนะครับ”
“ตัวนี้ ผมชอบตัวนี้”
ลูกหมาบางแก้ว
ลูกหมาตัวโตกว่าลูกหมาตัวอื่นๆที่เดินผ่านมา
ขนปุยยาว สง่างาม ยืนเชิดหน้าอยู่ในคอกกั้น
หูตั้งตรง ตาโต หางเป็นพวง
ขาทั้งสี่ใหญ่ แข็งแรง
ขนปุกปุยแน่นไปทั้งตัว
“อยากได้เหรอครับ”
“ที่สุดอะ”
ผมกับดุ๊กดิ๊กยืนจ้องตากันอยู่
บางแก้วตัวน้อย...
หางแกว่งไกวไม่หยุด
ในขณะที่ตาใสๆมองผมแล้ว...หลบสายตา
สักพักก็เงยมามอง กระดิกหางเร็วๆ มองแล้วก็....เสหลบอีก
เหมือนยั่วยวน แล้วเฉไฉ
เหมือนทอดสะพานแล้วทำเล่นตัว

“น่ารักจัง ผมชอบอะ”
แค่ยื่นมือไปใกล้
ดุ๊กดิ๊กก็เข้ามาเลียมือผมอย่างไม่ลังเล
“อย่า ไม่เอาครับ”
เฮียดึงแขนผมออกมาอย่างเร็วจนผมตกใจ
“อ๊ะ ทำไมต้องดึงแรงอะ ไม่ให้ก็ไม่...”
“ไม่ใช่ครับ น้ำลายมันมีเชื้อโรค ยังไม่รู้ว่าฉีดวัคซีนรึยัง
แล้วแน่ใจมั๊ยว่ามือเราไม่มีแผล”
“แหะๆ ผมไม่ทันคิด”
เกาะแขนเฮีย แล้วยิ้มประจบ

“บ๊อกๆ งี๊ดๆ”
“แน๊ะ เรียกเค้าเหรอ ตะเอง โม๊ะๆ”
ราวกับสื่อถึงกัน แม้มีคนอื่นที่เดินผ่านมาแล้วหยุดดู
บางแก้วตัวน้อยก็ไม่ปันใจ สายตาหยุดอยู่ที่ผม
“เฮีย...เฮีย..”
“ครับ”
“ผม....”
“แน่ใจนะว่าจะดูแลได้ หืมม”
“รับรองครับ”
พยักหน้ารัวๆ กลัวเฮียเปลี่ยนใจ
แล้วดุ๊กดิ๊กก็ได้ย้ายจากคอกกั้นเล็กๆในสวนจตุจักร
มานั่งซุกตักซบอกอุ่นๆของผมบนรถ
เดิมทีร้านขายสุนัข มักจะมีแต่ลูกสุนัขพันธุ์เล็ก
เจ้าดุ๊กดิ๊ก...เจ้าของเอามาฝากขาย
ประวัติคร่าวๆก็คือ....
พ่อกับแม่ของมันเป็นบางแก้วที่เจ้าของซื้อมาจากคอก
เห็นว่ามีใบการันตีสายพันธุ์เสร็จสรรพ
แต่ข้อนี้ผมกะเฮียไม่สนใจหรอกครับ
....ว่าจะมีใบรับรองมั๊ย
.....บางแก้วแท้ หรือผสม
คนมันรักไม่ต้องมีเหตุผลใดๆมารองรับ....ฮะ ฮะ
พอบางแก้วตัวแม่ตกลูกออกมา เจ้าของก็ขายบ้างแจกบ้าง
เก็บเจ้าดุ๊กดิ๊กไว้ตัวเดียว เห็นมะ ตาถึง
แต่พ่อของมันสิครับ ไม่ถูกชะตากับลูก
คอยจะแว้งกัดเวลามันเข้าไปนัวเนีย
ได้แผลได้เลือดอยู่เหมือนกัน
จนเจ้าของทนไม่ไหวต้องเอามาฝากขาย
ราคาเหรอครับ…
ขนาดไม่ได้อยากขาย
กระดาษสีเทาๆ3ใบจากกระเป๋าเฮียก็ปลิวจากไป

“ของใช้ของดุ๊กดิ๊กหล่ะเฮีย ไม่ซื้อไปเลยเหรอ”
สิ่งที่ได้แถมมา คือ ตะกร้าหวายใบใหญ่พร้อมผ้าขนหนูปูไว้เป็นที่นอน
โถ....เสื่อผืนหมอนใบจริงๆพ่อลูกชาย
“เดี๋ยวเฮียโทรไปบอกหมอตาลจัดการให้ครับ จะได้ไม่ต้องขนให้เหนื่อย”
หมอตาล สัตวแพทย์รุ่นน้องของเฮีย
นอกจากแกเปิดร้านรักษาสัตว์แล้ว
ที่ร้านแก..ขายทุกอย่างที่เกี่ยวกับหมาและแมว
ดีเลยครับ หมอตาลจะได้ดูแล ให้คำแนะนำ
ไหนจะเรื่องวัคซีนอีก ถ่ายพยาธิอีก
เลี้ยงสุนัขจริงๆแล้วไม่ง่ายเลยครับ
แต่ผมมีความรักเป็นตัวตั้ง..สู้ๆครับ
หอบหิ้วทั้งของทั้งหมาขึ้นแท็กซี่กลับมาเอารถที่โรงแรม
แล้วจึงได้ฤกษ์กลับบ้านทรายทองครับ
“เฮีย...ถ้าผมเลี้ยงดุ๊กดิ๊กไม่ไหวทำไงอะ”
กังวลเล็กๆกับการต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต
“ไหวสิครับ เฮียอยู่ทั้งคน”
เฮียเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือผมเพื่อให้กำลังใจ
(อีกข้างจับพวงมาลัยอะครับ..เดี๋ยวไม่ถึงบ้านลงข้างทางซะก่อน)
ทันใดนั้น...
“แฮ่ๆ แง่งๆ”
“โอ๊ย”
“ฮะ ฮะ ฮ่า”

ไม่ไหวแล้วครับ พิมพ์ต่อไม่ไหวแล้ว
ดุ๊กดิ๊กมาเคล้าแข้งเคล้าขา..น่าเอ็นดู
แน่ใจนะว่าเป็นหมาไม่ใช่แมว...อิอิ
ขอตัวไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับกิ๊กก่อนนะครับ
อีกเดี๋ยวที่รักตัวจริงกลับมาจะถูกกีดกัน

แล้วเจอกันใหม่ครับผม...ยังมีต่อนะครับ